สุดยอด การรักษาหลุมสิว ราคาถูก และได้ผลเร็ว

 

สิว.. เป็นปัญหาที่กว่าจะรักษาหาย ก็ต้องเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา แถมเมื่อมันจากไปก็ยังคงไม่วายทิ้งปัญหาร่องรอยด่างดำ และหลุมสิวชวนน่ารำคาญเอาไว้ให้ดูต่างหน้าอีกต่างหาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลุมสิวบนใบหน้า ซึ่งเป็นสิ่งที่รักษายาก แถมอยู่นานเสียยิ่งกว่าตัวสิวเอง

หลุมสิวคืออะไร?

หลุมสิว คือ การอักเสบของสิวอย่างรุนแรงถึงชั้นหนังแท้ มักที่จะมีหนองเกิดขึ้นด้วยทำให้คอลลาเจนถูกทำลาย จึงมักที่จะมีแผลเป็นเกิดขึ้นหลังสิวหาย แผลเป็นใต้ผิวหนัง จะทำให้ พังผืด ที่ดึงรั้งผิวหนังจนทำให้กลายเป็นหลุม

ลักษณะรอยแผลเป็นหลังจากการเป็นสิว

ประเภทของหลุมสิว

1. Rolling Scars หลุมสิวจะมีลักษณะคล้ายกับแอ่งกระทะ ขอบรอบๆดูคล้ายกับรอยเหี่ยวย่น มักเกิดขึ้นจากการอักเสบของสิวขนาดใหญ่ ที่ได้รับการรักษามาบ้าง แต่การยุบตัวของสิวไม่สัมพันธ์กับการสมานตัวกับผิว เป็นรอยหลุมสิวที่สามารถรักษาได้ง่ายกว่าหลุมสิวประเภทอื่น

2. Box Scars หลุมสิวจะมีลักษณะคล้ายกับหลุมกล่องวงรี ขนาดประมาณ 3-4 มิลลิเมตร เป็นทรงตรงลึกลงไป มักเกิดขึ้นมาจากการอักเสบของสิวขนาดใหญ่ๆ หรือเกิดขึ้นจากการเป็นอีสุกอีใส เป็นลักษณะหลุมสิวที่ค่อนข้างรักษาได้ยาก

3. Ice Pick Scars หลุมสิวจะมีลักษณะเหมือนถูกที่เจาะน้ำแข็งทิ่มลงไป ขนาดมักจะไม่เกิน 0.5 มิลลิเมตร ดูเหมือนรูจะเล็ก แต่ลึก ซึ่งรักษายากมากที่สุด

สาเหตุของการเกิดหลุมสิว

1. การบีบ แคะ แกะ เกา ทำให้สิวอักเสบมากขึ้น พร้อมกับทิ้งรอยคล้ำ และหลุมสิว

2. สิวอักเสบรุนแรง

3. การติดเชื้อแบคทีเรียลุกลาม

4. กรรมพันธุ์ ถ้าหากคนในครอบครัวมีประวัติการเกิดหลุมสิวหลังจากที่เป็นสิงอย่างรุนแรง ก็มีโอกาสที่เมื่อเราเป็นสิวจะเกิดหลุมสิวทันทีเมื่อหาย

การรักษาหลุมสิว

การรักษาหลุมสิว ที่กำลังจะแนะนำดังต่อไปนี้ เป็นวิธีการรักษาที่รวบรวมมาเป็นความรู้ เพื่อช่วยให้คุณสาวๆ มีแนวทางในการรักษาหลุมสิวได้ด้วยตัวเอง ซึ่งทุกวิธีสามารถช่วยทำให้หลุมสิวดีขึ้นได้ แต่ก็ยังไม่มีวิธีไหนที่สามารถได้ผล 100 % สำหรับวิธีการรักษาหลุมสิว มีดังต่อไปนี้

1. ทาครีมลบรอยแผลเป็น ควรเลือกครีมที่มีส่วนผสมของวิตามิน E , AHA , BHA เป็นการช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง

2. การทายา ควรเลือกทายากลุ่มอนุพันธ์ของวิตามิน A เช่น Retin A เป็นการช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง

3. การทานยา ควรทานยาที่สกัดจากอนุพันธ์วิตามิน A (Retinoids) เช่น Roaccutance, Acnotim , Lsortretinoin เป็นการช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง

4. การลอกผิวหนังด้วยกรดผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น AHA , BHA, PHA เป็นการทำให้เซลล์ผิวหนังด้านบนหลุดออกมา และเกิดการซ่อมแซมและดันหลุมสิวให้ดีขึ้น

5. แต้มกรด TCA เป็นการทำให้เซลล์ผิวหนังด้านบนหลุดออกมา และเกิดการซ่อมแซมและดันหลุมสิวให้ดีขึ้นใหม่

6. งดแอลกอฮอล์ เนื่องจากแอลกอฮอลล์ มีฤทธิ์ในการยับยั้งการสร้างคอลลาเจน ในขณะที่กำลังรักษาหลุมสิว จึงควรที่จะงดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์

การป้องกันการเกิดหลุมสิว

การรักษาหลุมสิวที่ดีนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือการป้องกันการเกิดหลุมสิวใหม่ขึ้น เมื่อเกิดสิวอักเสบขึ้น ต้องรักษาให้หายจากอาการอักเสบให้เร็วที่สุด เพราะยิ่งสิวอักเสบอยู่บนใบหน้าเรามากท่าไหร่ โอกาสในการที่จะเกิดแผลเป็นบนใบหน้าก็จะมีมากเท่านั้น โดยการทายาฆ่าเชื้อสิว เช่น Benzac, Panoxly การฉีด Steroid หรือทานยาปฏิชีวนะ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีวิธีการป้องกันอื่นๆ ที่ควรรู้ ดังต่อไปนี้

1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับฝุ่นละออง ควันรถ หรือควันมากๆ เพราะจะมีแบคทีเรียและคราบสกปรกมาอุดตันที่รูขุมขน ทำให้เกิดสิวอักเสบขึ้น

2. อย่าเอามือไปยุ่งกับใบหน้าเกินความจำเป็น เช่น การล้วง แคะ แกะ เกา ควรสัมผัสกับใบหน้าเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพราะมือของเรามักเต็มไปด้วยคราบสกปรก และเชื้อแบคทีเรีย

3. ห้ามใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เพราะจะยิ่งทำให้เกิดสิวอักเสบได้ง่ายขึ้น

4. กำจัดความมันบนใบหน้า โดยใช้กระดาษซับมัน ควรทำเฉพาะเมื่อใบหน้ามีความมันมากๆเท่านั้น

5. สระผมทุกวัน โดยเฉพาะคนที่ผมยาวปิดหน้าผาก หรือแก้มทั้งสองข้าง เพราะผมของเราก็เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค และสิ่งสกปรกเช่นกัน

6. ไม่ควรนอนดึกเกิน 4 ทุ่ม เพราะยิ่งนอนดึกมากเท่าไหร่ สิวก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

7. อย่าล้างหน้าบ่อย ควรล้างเพียงวันละ 2 ครั้ง ในตอนเช้า และตอนเย็นเท่านั้น ในช่วงกลางวันหากหน้ามันมาก ควรใช้กระดาษซับมันแทนการล้างหน้า

8. ทำความสะอาดผิวหน้าทุกครั้งก่อนนอน

9. ถ้าหากเป็นสิวบ่อยๆ ควรทายาฆ่าเชื้อหัวสิว เช่น clindamycin, mupirocin, erythromycin +

ที่สำคัญที่สุดคือ พึงท่องเอาไว้ในใจเสมอเวลาเกิดสิวขึ้นบนใบหน้าว่า การรักษาสิวนั้น ถูกกว่าการรักษาแผลเป็น หรือหลุมที่เกิดขึ้นจากสิวหลายเท่านัก เพราะการรักษาหลุมสิว โดยส่วนใหญ่ต้องใช้เวลานาน อาจจะเป็นปี กว่าที่คอลลาเจนจะสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทนแทน

10. การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดความมันบนใบหน้า การลดความมันบนใบหน้าโดยการใช้กระดาษซับมัน สามารถช่วยลดความมันได้เพียงชั่วคราว เพราะต่อมไขมันก็จะผลิตไขมันออกมาทดแทนในส่วนที่หายไปอยู่ดี วิธีแก้ไขที่ถูกต้องคือ ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยควบคุมความมันและลดการเกิดไขมัน ที่สำคัญคือควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลง ซึ่งจะทำให้การผลิตไขมันน้อยลงไปด้วย

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

@kwang

by @kwang

@kwang. แอดมินกวาง ผู้คร่ำหวอดในวงการ สุขภาพ ลดน้ำหนัก อาหารเสริม และ สินค้าความงามตั้งแต่ปี 2010 อยากรู้เรื่องอะไรสอบถามได้เลยค่ะ เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเตรียมตอบคำถามให้คุณ Line: @beauty24store / Tel: 092-254-8284


"ติดต่อสอบถามสินค้าและบริการ" Call center: 092-254-8284 แอดไลน์ : @beauty24store หรือกดลิ้งเลยค่ะ Line@ คลิ๊ก


Leave a Reply