วิธีลบรอยแผลเป็นบนใบหน้า ให้ผิวสวยเรียบเนียน

         ใบหน้าเนียนใสไร้สิวเป็นสิ่งที่ทุกคนปราถนา นอกจากนั้นยังหมายรวมไปถึงการที่ผิวพรรณบนใบหน้าปราศจากรอยแผลเป็นที่ทำให้ผิวขรุขระ แลดูไม่เรียบเนียนด้วย ทั้งนี้ ในบางคนอาจมีรอยแผลเป็นบนใบหน้าได้ เนื่องจากการเกิดสิวขั้นรุนแรง (มักมีการแคะ แกะ เกา บีบสิว) ซึ่งจะทำให้ผิวช้ำ อักเสบจนเป็นแผลได้ รวมถึงบางคนเกิดจากโรคอีสุกอีใสที่ทิ้งร่องลอยหลังจากหายแล้วมานานหลายปี การเกิดอุบัติเหตุที่เกิดแผลบนใบหน้าหรือการเย็บเนื้อที่หน้าก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดรอยแผลเป็น
         ทีนี้เมื่อเกิดรอยแผลเป็นบนใบหน้าจะทำอย่างไร ส่วนใหญ่มักหันไปพึ่งคลินิคหรือพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยตรง ซึ่งก็เป็นวิธีที่ถูกต้อง เพราะในบางกรณีมีอาการแผลเป็นรุนแรง ยากที่จะรักษาด้วยตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่หมอจะแนะนำให้ใช้วิธีลบรอยแผลเป็น รอยขรุขระบนใบหน้า ดังนี้

 

วิธีลบรอยแผลเป็น รอยขรุขระบนใบหน้า
         1.การใช้ยาทา แพทย์อาจพิจารณาใช้ยาทาในกรณีที่เป็นไม่มากนัก หรือใช้ร่วมกับวิธีอื่นๆ ยาที่ใช้มักเป็นยาในกลุ่มวิตามินเอ โดยตัวยาจะไปกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ ทำให้รอยแผลตื้นขึ้น
         2.การจี้ด้วยน้ำยา TCA เพื่อกระตุ้นให้รอยแผลมีการสร้างเซลล์ หลังการจี้จะเกิดสะเก็ดดำๆอยู่ประมาณ 1 สัปดาห์ แล้วจึงหลุดไปเอง ซึ่งระหว่างนี้ห้ามแคะ แกะ เกาเป็นอันขาด
         3.ไอออนโต (IONTO) เป็นการใช้กระแสไฟฟ้าขับตัวยา ซึ่งนิยมใช้คือกลุ่มวิตามินเอ เข้าไปในผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการสร้างใยคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ เพื่อให้รอยบุ๋มตื้นขึ้น
         4.รักษาด้วยโฟโน (PHONO) เป็นการใช้คลื่นเสียงขับตัวบาเข้าไปในผิวหนัง โดยใช้ยาในกลุ่มวิตามินเอบำรุง และสร้างคอลลาเจนให้แก่ชั้นผิว ลบรอยแผลเป็น รอยขรุขระบนใบหน้าได้
         5.รักษาด้วยวิธี MD (MICRO DERMABRASION) เป็นการผลัดผิวใหม่โดยใช้เครื่องมือพ่นผลคริสตัลลงไปยังผิวหน้า เพื่อขัดผิวส่วนคราบไคลและหนังกำพร้าชั้นบนออกไป แล้วจึงใช้ตัวยาเร่งการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทน วิธีนี้ช่วยลบรอยแผลเป็นได้ดี และช่วยให้รอยบุ๋มตื้นขึ้น
         6.กรอแผลโดยใช้เครื่องเลเซอร์ จะช่วยให้รอยบุ๋มตื้นขึ้น แต่ต้องใช้เวลาในการรักษาแผลค่อนข้างนาน จึงไม่ค่อยนิยมมากในปัจจุบัน
         7.การฉีดสารสังเคราะห์ โดยแพทย์จะฉีดสารสังเคราะห์ HA เข้าไปในรอยแผล เพื่อให้รอยแผลเต็มขึ้น เป็นการช่วยลบรอยแผลเป็น รอยขรุขระบนใบหน้าได้อีกวิธีหนึ่ง

 

ข้อควรปฏิบัติหลังจากรักษารอยแผลเป็นบนใบหน้า
         ประการแรกควรพยายามหลีกเลี่ยงแสงแดงจัดๆ เนื่องจากในระยะนี้ผิวจะไวต่อแสงแดดมาก ทางที่ดีควรทาครีมกันแดดเป็นประจำตามคำแนะนำของแพทย์ ประการต่อมาคือก่อนใช้ยาหรือเครื่องสำอางบางประเภทควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง อย่านำมาใช้เองโดยพลการ ที่สำคัญควรมาพบแพทย์ตามนัด เพื่อจะได้ทำการรักษาอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดี มีประสิทธิภาพสูงสุด
         ในการลบรอยแผลเป็น รอยขรุขระบนใบหน้าอาจเกิดผลข้างเคียงขึ้นได้บ้าง เนื่องจากตัวยาที่ใช้บางชนิด จะทำให้รู้สึกระคายเคืองต่อผิว บ้างก็ผิวลอกเป็นขุยเล็กน้อย บ้างผิวแดงง่ายขึ้นเวลาถูกแดดจัด ซึ่งแพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลหรือให้ยาเพื่อลดอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
         อย่างไรก็ดี การลบรอยแผลเป็นบนใบหน้าด้วยวิธีทั้งหลาย หมอผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้พิจารณาเองว่าสภาพผิวหน้าและความรุนแรงของแผลเป็นของแต่ละคนเหมาะสมที่จะใช้วิธีไหน ที่จะสามารถช่วยให้รอยแผลตื้นขึ้นและดีขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ รอยอาจจะไม่หายไปในทันทีทั้งหมด บางรายต้องใช้เวลานานพอสมควร ดังนั้น คนที่ต้องการลบรอยแผลเป็นบนใบหน้าต้องมีความอดทนเป็นเลิศ

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

สาวเอเชียตาชั้นเดียว แต่งหน้ายังไงให้สวยปิ๊งโดนใจหนุ่ม

         เป็นเรื่องธรรมดามากๆที่คุณสาวๆในทวีปเอเชียของเราจะมีเปลือกตาชั้นเดียว ทำให้การแต่งหน้าให้ดูสวยเฉี่ยวนั้น ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องที่ยากสร้างความหนักอกหนักใจให้กับคุณสาวๆเป็นอย่างมากเลยทีเดียว แต่สำหรับบทความในวันนี้ จะขอพาคุณสาวๆไปทำความรู้จักกับวิธีการแต่งหน้าที่จะช่วยเปลี่ยนตาชั้นเดียว แต่งหน้ายังไงให้สวยมีสเน่ห์โดนใจคุณหนุ่มๆ ให้หันมามองเป็นตาเดียวกัน ส่วนเทคนิคน่าสนใจเหล่านั้นจะมีอะไรกันบ้าง สามารถติดตามอ่านได้จากบทความชิ้นนี้กันเลย

พื้นฐานการแต่งหน้าสำหรับคนที่มีตาชั้นเดียว
 ก่อนที่จะเริ่มการเรียนรู้ว่าตาชั้นเดียว แต่งหน้ายังไงนั้น คุณควรเริ่มต้นรู้จักกับพื้นฐานของการแต่งหน้าเสียก่อน เพราะที่จริงแล้วมีหลายสิ่งที่จำเป็นจะต้องให้ความสำคัญเสียก่อน เพื่อให้การแต่งหน้าของคุณอยู่ได้อย่างยาวนาน และเสริมเสน่ห์ความสวยโฉบเฉียว ดังต่อไปนี้
1.การป้องกันไม่ให้การแต่งหน้าเกิดการละลาย สิ่งแรกที่คุณสาวๆควรให้ความสำคัญคือ การใช้ไพรเมอร์ทั่วปลือกตาของคุณก่อนการแต่งหน้า
 2.ใช้อายแชโดว์สีอ่อน จะช่วยทำให้อายไลนเนอร์ของคุณมีอายุการใช้งานระหว่างวันที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น สีอ่อนๆของอายแชโดว์จะทำให้ดวงตาของคุณปรากฏขึ้นเป็นขนาดเล็กกว่า เมื่อเทียบกับการใช้อายแชโดว์ที่มีสีเข้ม
3.ซับตาบ่อยๆ ในระหว่างวันอายไลเนอร์รอบดวงตาของคุณอาจจะเกิดการหลุดละลายตัวจากเหงื่อน หรือไขมันที่ถูกขับออกมาผ่านรูขุมขน ซึ่งมักทำให้อายไลเนอร์เปรอะเปื้อนจนคุณดูราวกับเป็นหมีแพนด้า การซับตาบ่อยๆจะช่วยทำให้รอบดวงตาของคุณดูสวยงามมากยิ่งขึ้น แต่อย่าเผลอซับแรงจนกระทั่งอายไลเนอร์หลุดลอกออกตามไปด้วยจนหมดละ แต่ถ้าหากคุณไม่ชอบความเหนียวเหนอะหนะ รอยเปื้อน การเลือกใช้อายไลเนอร์แบบเจล หรือแบบกันน้ำนั้น ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน

เทคนิคการแต่งหน้าตาชั้นเดียว แต่งหน้ายังไงให้สวยคม
 สำหรับตาชั้นเดียว แต่งหน้ายังไงนั้น ขอเพียงแค่คุณเข้าใจหลักการพื้นฐาน และรูปแบบของตาชั้นเดียวได้อย่างลึกซึ้ง ตาชั้นเดียว แต่งหน้ายังไงก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายที่แสนสนุกของคุณไปในทันที ซึ่งเทคนิคที่คุณสาวๆควรทราบในการแต่งหน้าของคนที่มีตาชั้นเดียว มีดังต่อไปนี้
 เน้นดวงตาของคุณ ด้วยการใช้สีขาว หรือดินสอที่มีสีเบจ ระบายลงไปที่ขอบตาล่างของคุณ โดยเริ่มต้นจากริมๆหางตา เพียงเท่านี้ก็จะช่วยทำให้ดวงตาของคุณดู “ป๊อบ” ซึ่งถ้าหากคุณเริ่มที่จะชินในการใช้สีดั่งกล่าว และมีความกล้าที่มากพอ คุณก็สามารถที่จะทำการผสมสีสันต่างๆลงไป เพื่อให้ขอบตาของคุณมีสีสรรที่สวนงาม และความสนุกสนานในการสร้างสรรค์ที่เพิ่มมากขึ้น
การให้สีสันต่างๆอย่างถูกต้องที่บริเวณด้านล่างของขอบตานั้น เป็นการช่วยสร้างภาพลวงตาให้ดูลึก และใหญ่กว่าความเป็นจริง การวาดเงาเปลือย หรือแสงเหนือดวงตาจนกระทั่งไปถึงโหนกคิ้ว แล้วใช้สีน้ำตาลลากเส้นจากขนตา และจบท้ายด้วยการใช้อายแชร์โดสีเข้มที่มุมนอกของดวงตาผสมผสานเข้าไป เพียงเท่านี้ ดวงตาของคุณสาวๆก็จะยิ่งดูดี มีมิติมากขึ้นกว่าเดิม

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

7 สุดยอด สมุนไพร ทําให้หน้าใส เต่งตึง กระชับ ลดริ้วรอยอย่างได้ผล

         ผิวหย่อนคล้อยหลวมบนใบหน้าและลำคอ ผิวหมองคล้ำไร้ความสดใส เป็นหนึ่งในปัญหาด้านผิวพรรณใหญ่ๆที่ส่งผลต่อความงาม รวมปถึงความมั่นใจโดยรวมของผู้ที่รักในความสวยงาม ในขณะที่หลายๆคนต่างพยายามบำรุงรักษาผิวพรรณของตัวเองให้ห่างไกลจากปัญหาเหล่านี้ด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ หรือเวชสำอางในปัจจุบัน ก็มีอีกหลายคนที่เชื่อว่า สมุนไพร ทําให้หน้าใส เต่งตึงได้เช่นกัน ที่สำคัญคือ การใช้สมุนไพร ทําให้หน้าใส เต่งตึงนั้น มีความเสี่ยงน้อยกว่าการเสริมความงามทางการแพทย์เป็นอย่างมากเลยทีเดียว ซึ่งเหล่าสมุนไพร ทําให้หน้าใส เต่งตึงที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลกจะมีอะไรกันบ้างนั้น สามารถติดตามอ่านได้ผ่านบทความชิ้นนี้กันเลย

สุดยอดสมุนไพร ทําให้หน้าใส เต่งตึงน่ารู้ ที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก
 ถ้าหากทำการศึกษาให้ดีแล้วล่ะก็ คุณจะพบว่าสามารถใช้สมุนไพรบางอย่างที่มีคุณสมบัติในการช่วยกระชับผิว และกำจัดรอยหมองคล้ำได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งในบทคามชิ้นนี้จะขอนำเสนอสมุนไพรบางส่วน บางชนิด ที่มีคุณสมบัติน่าสนใจดังกล่าว มาให้คุณผู้อ่านรู้จักกัน
1.สารสกัดจากเม็ดองุ่น เป็นสมุนไพร ทําให้หน้าใส เต่งตึง ด้วยการกำจัดริ้วรอย และผิวหย่อนคล้อย กระตุ้นคอลลาเจนที่ผลิตตามธรรมชาติในร่างกาย ทำให้ผิวกายโดยรวมมีความเต่งตึงอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม การเสริมด้วยสารสกักจากเม็ดองุ่นเป็นประจำทุกวัน จึงสามารถช่วยลดปรากฏการณ์ริ้วรอยแตกลาย ด้วยการยกกระชับผิวนั่นเอง
 2.ว่านหางจระเข้ เหมาะสำหรับผิวแห้ง และผิวของผู้ใหญ่ ที่มีประสิทธิภาพยกกระชับผิวให้แลดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้นานหลายปีเลยทีเดียว ด้วยคุณสมบัติในการช่วยเพิ่มคอลลาเจนตามธรรมชาติในชั้นผิว ไม่ว่าผ่านการใช้ทา หรือการรับประทานก็ตาม นอกจากนี้ว่านหางจระเข้สมุนไพร ทําให้หน้าใส เต่งตึง ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ลด และป้องกันผิวจากริ้วรอย ต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งส่งผลให้ใบหน้าของคุณมีความกระชับเรียบเนียนมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
 3.ชาเขียว ช่วยในการกำจัดริ้วรอยและยกกระชับผิว ชาเขียวเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่ดีที่สุดสำหรับต่อต้านริ้วรอย คืนความยืดหยุ่น นอกจากนี้ชาเขียวยังเป็นที่รู้จักกันดีวาอุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพมากที่สุดชนิดหนึ่ง และยังช่วยปรับโทนสีผิวให้มีความเรียบเนียนสม่ำเสมอกันอีกด้วย

         4.ดอกคาโมไมล์ เป็นหนึ่งในปฎิหารย์ของธรรมชาติ ที่มีประโยชน์ต่อผิวอย่างมากมายจนแทบไม่น่าเชื่อ สารประกอบภายในดอกคาโมไมล์ ช่วยลดการปรากฏริ้วรอย ด้วยกระบวนการเร่งบำบัดของผิว ลดอาการระคายเคือง ต้านอาการอักเสบของผิวอีกด้วย
 5.Witch Hazel สมุนไพรที่ได้จากเปลือกไม่พุ่ม ของทวีปอเมริกาเหนือ ที่มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลอ่อน มีคุณสมบัติสุดพิเศษในการจัดการปัญหาสิว ต้านอาการอักเสบ นอกจากนี้ยังช่วยล้างความมันส่วนเกินออกไปโดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึงมากจนเกินไป และยังช่วยกระชับเนื้อเยื่อผิวหนัง ลดการปรากฏของตา
 6.ดาวเรือง หนึ่งในพืชผักสวนครัว ที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านอาการอักเสบ สมารบาดแผล ปลอบประโลมผิวที่เสียหายจากการถูกแดดเผา น้ำมันของดาวเรืองยังมักถูกนำไปใช้ในการรักษาอาการแผลเปื่อยอีกด้วย
 7.ลาเวนเดอร์ นอกจากคุณสมบัติสถดพิเศษที่ช่วยในการผ่อนคลายจิตใจแล้ว ลาเวนเดอร์ยังช่วยปลอบประโลมผิว ป้องกันการเสื่อมสภาพของเนื้อเยื่อ และป้องกันการเกิดริ้วรอย ที่น่าสนในคือ มันช่วยกระตุ้นให้เกิดการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวใหม่ สมานแผลเนื้อเยื่อ แผลเป็นสิว กลาก และปัญหาด้านผิวพรรณอื่นๆอย่างได้ผล ป้องกันแบคทีเรีย ป้องกันการติดเชื้อที่ผิว ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม ลาเวนเดอร์จึงกลายมาเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่ดีต่อผิวพรรณ
 ผิวเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย ดังนั้นคุณจึงควรให้ความสำคญสูงสุดกับมน หลีกเลี่ยงการบำรุงผิวด้วยสารเคมีที่เป็นอันตราย แล้วหันไปพึ่งพาสมุนไพรอันที่มีคุณสมบัติอันยอดเยี่ยม ที่อ่อนโย่นกับผิวเห็นจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด…

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

อยากหน้าใสเชิญทางนี้ มาดูสูตรบำรุงผิวหน้าแบบ DIY

         สมัยนี้บอกได้เลยว่าถ้ามีหน้าขาวใสก็มีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะผิวหน้าที่เปล่งปลั่งสดใสเป็นประกายย่อมเป็นที่น่าดึงดูดของบุคคลรอบข้าง ดังนั้น นอกจากจะต้องรักษาหุ่นให้เป๊ะเว่อร์กันแล้ว หน้าก็ต้องเด้งด้วยถึงจะมัดใจเพศตรงข้ามได้อย่างอยู่หมัด บทความนี้ได้รวบรวมสูตรบำรุงผิวหน้ามาให้ท่านผู้อ่านได้ลองนำไปใช้กัน โดยเป็นสูตร DIY ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ เหมาะกับทุกสภาพผิวโดยเฉพาะผิวบอบบาง ถ้าพร้อมแล้วก็มาเริ่มกันเลย

สูตรบำรุงผิวหน้าแบบ DIY
         1.สูตรน้ำผึ้งผสมมะนาว มาเริ่มบำรุงผิวหน้ากันด้วยสูตรมาร์คหน้า โดยส่วนผสมอย่างน้ำผึ้งและมะนาวจะช่วยทำความสะอาดผิวและต้านการอักเสบได้ดี มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยกำจัดปัญหาเรื่องการเกิดริ้วรอยก่อนวัย แก้ปัญหาผิวคล้ำเสียจากแสงแดด และลดเลือนจุดด่างดำ ยิ่งถ้าเพิ่มน้ำมันมะกอกเข้าไปด้วยจะยิ่งทวีคุณค่าให้ผิวสวย มีความยืดหยุ่น วิธีการคือให้ผสมน้ำมันมะกอก น้ำผึ้ง และน้ำมะมาวลงไปในปริมาณเท่าๆกัน จากนั้นใช้สำลีชุบแล้วทาใบหน้าทิ้งไว้ 20 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น หรือจะทิ้งไว้ทั้งคืนแล้วล้างออกในตอนเช้าก็ได้

         2.สูตรโยเกิร์ตผสมมะนาว แม้มะนาวเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีความเป็นกรดสูงจนอาจทำให้แสบผิวได้ ดังนั้น การนำมะนาวมาผสมโยเกิร์ตแล้วนำไปพอกผิวทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จะช่วยลดการระคายเคืองผิว สารอาหารจากมะนาวและโยเกิร์ตธรรมชาติจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ที่ขาวใสสุขภาพดี ถือเป็นสูตรบำรุงผิวหน้าให้ขาวใสแบบธรรมชาติที่เห็นผลชัดเจน
         3.สูตรแอปเปิ้ลผสมน้ำผึ้ง ส่วนใหญ่มักรับประทานแอปเปิ้ลเพื่อให้ผิวสวยกัน จริงๆแล้วผลไม้ชนิดนี้ยังสามารถนำมาพอกบำรุงผิวหน้าได้อีกด้วย เนื่องจากมีคุณสมบัติช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีซึ่งเป็นอันตราย และชะรอความแก่ของผิว ลบเลือนริ้วรอยก่อนวัย สำหรับวิธีการแสนง่ายคือให้นำแอปเปิ้ลไปปั่นรวมกับน้ำผึ้ง แล้วทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีจนแห้งจึงล้างออกด้วยน้ำเย็น จากนั้นก็เตรียมพบกับผิวหน้ากระจ่างใส เนียนนุ่มชุ่มชื่นได้เลย
         4.สูตรมะละกอผสมนมสด ให้นำมะละกอมาบดผสมกับนมสด แล้วคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำไปพอกบนใบหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด เมื่อเช็ดหน้าจนแห้งก็จะพบกับผิวหน้าเนียนนุ่มชุ่มชื่น ออร่าจับ ขาวใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เนื่องจากมะละกอและนมสดมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิวมากมาย ซึ่งสูตรนี้นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย

         5.สูตรกล้วยหอมผสมนมสด กล้วยหอมและนมสดมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิวพรรณ มีความอ่อนโยน ไม่ทำให้ระคายเคืองผิว แม้ผิวแพ้ง่ายก็สามารถใช้สูตรนี้ได้ สูตรนี้ให้นำกล้วยหอมมาบดละเอียดผสมกับนมสด จากนั้นนำไปพอกผิวหน้า เพียงแค่นี้จะทำให้ผิวหน้าขาวเนียนสวยขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ
         6.สูตรกลีบกุหลาบผสมน้ำผึ้งและโยเกิร์ต สูตรนี้เหมาะสำหรับคนที่มีผิวแห้งกร้านคล้ำเสียง่ายเป็นอย่างยิ่ง แต่อาจจะวุ่นวายตรงที่ต้องหาวัตถุดิบพิเศษกันสักหน่อย โดยต้องใช้กลีบกุหลาบ (Rose Petal) น้ำผึ้ง และโยเกิร์ตมาเป็นส่วนผสม โดยกลีบกุหลาบจะทำให้ผิวหน้าเนียนนุ่มชุ่มชื่นพร้อมกับกลิ่นหอม ขณะที่โยเกิร์ตมีส่วนช่วยให้รูขุมขนแลดูกระชับ และน้ำผึ้งขึ้นชื่อในเรื่องของการต้านเชื้อแบคทีเรีย หากนำส่วนผสมเหล่านี้มาผสมผสานกันให้ลงตัว แล้วพอกใบหน้าทิ้งไว้ จะส่งผลให้สุขภาพผิวหน้าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ครั้งแรกๆที่ใช้ หากทำเป็นประจำผิวหน้าจะกระจ่างใส มีออร่ามากขึ้น
         สูตรบำรุงผิวหน้าแบบ DIY นี้ จะฟื้นบำรุงผิวแบบธรรมชาติ ไม่มีผลข้างเคียงให้กังวลใจ ที่สำคัญได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าได้ผลจริง ท่านผู้อ่านสามารถเลือกใช้สูตรข้างต้นได้ตามใจชอบตามความถนัดและสะดวกในการหาส่วนผสม ทั้งนี้ ถ้าจะให้เห็นผลชัดเจนขึ้นก็ควรบำรุงผิวหน้าจากภายในด้วย โดยการเน้นรับประทานผักผลไม้มากๆ แล้วสารอาหารที่มีประโยชน์ต่ผิวจะเข้าไปฟื้นฟูสภาพผิวให้ขาวใสสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก

ให้วอนจินช่วยผลัดเซลล์ผิว
หน้าไม่ใส หน้าหมองคล้ำ ดูแก่ก่อนวัย คุณกำลังเผชิญกับปัญหาเหล่านี้อยู่รึเปล่า ถ้าใช่ล่ะก็ คำถามถัดมาก็คือแล้วจะแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไรกันล่ะ นี่จึงเป็นที่มาของการผลัดเซลล์ผิวนั่นเอง การผลัดเซลล์ผิวจะช่วยกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วแต่ตกค้างอยู่บนใบหน้าออก ซ้ำยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวหนังใหม่ที่ใสและมีสุขภาพดีขึ้นอีกด้วย ดังนั้นการผลัดเซลล์ผิวจึงทำให้หน้าใสขึ้นได้จริงๆอย่างเห็นผล โดยเฉพาะการผลัดเซลล์ผิวกับผลิตภัณฑ์สูตรพิเศษจาก วอนจิน โรงพยาบาลศัลยกรรมอันดับ 1 ของเกาหลี ที่จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่า วอนจินเข้าใจถึงปัญหาด้านความงามอย่างแท้จริง นี่จึงเป็นที่มาของผลิตภัณฑ์ Brightening Peel AHA สำหรับการผลัดผิวอย่างอ่อนโยน และ Refining Activator โทนเนอร์ BHA สำหรับการทำความสะอาดล้ำลึก แล้วคุณจะพบว่าหน้าใสไม่ใช่เรื่องยากเลยแม้แต่น้อย

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

สุดยอดเคล็ดลับ เนรมิตใบหน้าอ่อนกว่าวัยภาย ใน 9 วัน

         คุณอยากรู้ความลับที่เสกให้ใบหน้าอ่อนกว่าวัย ภายในเวลาเพียง 9 วันหรือเปล่า..!?
 เถ้าหากมีวิธีง่ายๆที่จะช่วยเนรมิตรเปลี่ยนใบหน้าอ่อนกว่าวัยได้ภายในระยะเวลาอันสั้นเช่นนั้นจริงๆ แน่นอนว่าทุกคนคงอยากที่จะรู้เคล็ดลับดั่งกล่าวซึ่งบทคามชิ้นนี้กำลังจะกระซิบบอกกับคุณว่า มันมีวิธีช่วยทำให้ใบหน้าอ่อนกว่าวัยได้จริง แถมยังง่ายเสียจนไม่น่าเชื่อเลยอีกต่างหาก

เคล็ดลับเนรมิตใบหน้าอ่อนกว่าวัยใน 9 วัน
 เมื่อคุณมองกระจก และพบว่าใบหน้าเริ่มเกิดริ้วรอย รอยแห้งกร้าน และรอยตีนกา ความตึงเครียดย่อมเริ่มปรากฏขึ้นในจิตใจของคุณอย่างแน่นอน ซึ่งความเครียดดั่งกล่าวยิ่งเป็นตัวกระตุ้นด้านลบ ที่ส่งผลให้ผิวของคุณดูแก่มากขึ้นอีก 3-6 ปี เลยทีเดียว แต่ถ้าหากคุณสามารถชะลอ หรือกำจัดความเครียดออกไปได้ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็จะตรงกันข้าม คุณสามารถที่จะย้อนอายุผิวให้กลับไปดูอ่อนเยาว์ได้มากขึ้น ถึง 3-6 ปี ได้เช่นเดียวกัน แล้วยิ่งคุณสามารถใช้ชีวิตตามแผน 9 วัน เพื่อให้สามารถบรรลุถึงการมีใบหน้าอ่อนกว่าวัยได้มากขึ้นกว่าเดิม แต่อาจจะมีหลายคนสงสัยว่า ทำไมถึงต้องกำหนดเวลาเอาไว้ที่ 9 วัน นั่นเป็นเพราะว่า เมื่อคนเราได้ทำการพักผ่อนจากการเรียน การทำงาน และความเครียด ด้วยวันหยุดยาวเป็นเวลา 9 วัน เมื่อส่องกระจกอีกครั้ง จะพบว่าผิวของตัวเองดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว เอาล่ะ.. สำหรับใครที่พร้อมแล้วกับแผนการ 9 วัน เพื่อให้ใบหน้าอ่อนกว่าวัยมากยิ่งขึ้น สามารถเริ่มแผนการชีวิต 9 วัน ตามคำแนะนำต่อไปนี้ได้เลย แต่ขอแนะนำให้วันแรกที่เริ่มทำตามแผนการเป็นวันเสาร์ เพื่อให้การพักผ่อนผิวของคุณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

วันที่1 : ลดความซับซ้อน เริ่มต้นจากการสร้างนิสัยการดูแลผิวหน้าเป็นประจำทุกวัน แต่ใช่ว่าการทำความสะอาดและดูแลผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดจะดีต่อผิวของคุณเสมอไป คุณควรรู้จักการทำความสาดพื้นฐานด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่มีความอ่อนโยน บำรุงผิวด้วยครีมกันแดดในตอนกลางวัน และครีมบำรุงผิวในตอนกลางคืน พร้อมกับเริ่มต้นสร้างตารางการนอนหลับให้เป็นปกติ คนส่วนใหญ่มักคิดว่าการนอนหลับเป็นเพียงสิ่งหนูหราฟุ่มเฟือยที่ไม่จำเป็น แต่ที่จริงแล้วถ้าหากต้องการให้ใบหน้าอ่อนกว่าวัย คุณจำเป็นต้องนอนหลับอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้ทำการรักษาและฟื้นฟูเซลล์ทั่วร่างกาย
วันที่ 2 :  ผ่อนคลาย คูณสามารถผ่อนคลายตัวเองด้วยการพบปะสังสรค์กับเพื่อนๆที่ทำให้คุณรู้สึกสนุก จองบริการนวด หรือแม้แต่การพักดิ่มกาแฟอย่างเรียบง่ายใยตอนบ่าย รวมถึงเริ่มต้นการออกกำลังกายอย่างง่ายๆ เพื่อให้ช่วยลดฮอร์โมนความเครียดให้น้อยลง
วันที่ 3 : สู่เส้นทางสีเขียว ผ่อนคลายตัวเองด้วยการไปอยู่ในสถานที่ที่เป็นธรรมชาติ เดินเร็ว 20 นาที ภายใต้แสงอาทิตย์ยามเช้า หรือยามเย็น เพื่อให้ผิวได้รับการบำรุงด้วยวิตามิน D และดื่มชาเขียว ที่มีคุณสมบัติในการช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ
 วันที่ 4 : การกินที่สะอาดหมดจด เลือกอาหารที่มีสารอาหารสูง คาร์โบไฮเดรต กรดไขมัน และปริมาณน้ำตาลน้อย ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยทำให้ผิวเรียบ
 วันที่ 5 : โยกย้ายส่ายสะโพก จัดตารางให้ตัวคุณมีโอกาสโยกย้ายส่ายสะโพกออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ และการหายใจเพิ่มมากขึ้น พร้อมกับลดช่วงเวลาในการนั่งแช่ตัวทำงานอยู่ที่โต๊ะนานๆ

วันที่ 6 : เข้าสังคม วางแผนการรับประทานอาหารค่ำร่วมกับเพื่อน หรือครอบครัว เพื่อแบ่งปันช่วงเวลาที่ดี และหัวเราะพร้อมกัน
วันที่ 7 : ต่อสู้กับความเครียด เรียนรู้ที่จะนั่งสมาธิ ที่จะช่วยให้คุณสามารถต่อสู้กับความเครียด และยังช่วยทำให้สมองของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
วันที่ 8 : นอนหลับให้มากขึ้น การนอนหลับที่เพียงพอ จะช่วยทำให้ร่างกายลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ และซ่อมแซมเซลล์ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดการเพิ่มความสุขในชีวิต เพื่อสร้างเสริมความแข็งแกร่งในร่างกายของตัวเอง
 วันที่ 9 : หยุดชั่วคราว ใช้เวลาสักครู่ที่จะพักผ่อน และรู้จักกันให้รางวัลกับตัวเอง พร้อมกับพิจราณาวิธีการต่างๆ ที่จะสามารถนำมาใช้พัฒนาชีวิตประจำวันของคุณให้ดีมากยิ่งขึ้น

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เคล็ดลับสร้างแก้มชมพู ธรรมชาติ สีกุหลาบสดใสด้วยตัวคุณเอง

         แก้มชมพู ธรรมชาติ หรือแก้มสีดอกกุหลาบ ถือเป็นลักษณะของผิวที่มีความโดดเด่น ดีเลิศแห่งความงามอย่างเป็นธรรมชาติอันน่าชวนมอง ทำให้ไม่น่าแปลกใจเลยที่เรามักจะได้เห็นลักษณะของการปัดแก้มแก้มชมพู ธรรมชาติ ขึ้นตามหน้าปกนิตยสารชื่อดังระดับโลกอยู่บ่อยครั้ง รวมไปถึงเหล่าซุปเปอร์สตร์คนดังในจอภาพยนตร์อีกมากมายเองต่างก็ปัดแก้มแก้มชมพู ธรรมชาติ แน่ใจได้เลยว่า คุณสาวๆอยากที่จะครอบครองแก้มชมพู ธรรมชาติ โดยไม่ต้องใช้บรัชออน หรือเครื่องสำอางราคาแพงหูฉี่ในท้องตลาด ณ ปัจจุบัน ซึ่งถ้าหากคุณกำลังมองหาวิธีทำให้แก้มชมพู ธรรมชาติอยู่ล่ะก็ บทความชินนี้กำลังจะช่วยเผยความลับที่มีประสิทธิภาพ ในการเนรมิตให้แก้มของคุณกลายเป็นสีกุหลาบ อย่างเป็นธรรมชาติเลยทีเดียว

วิธีการสร้างผงปัดแก้มชมพู ธรรมชาติด้วยตัวคุณเอง
 เพื่อให้แก้มของคุณสาวๆ เรืองแสงอมชมพูราวกับสีของดอกกุหลาบนั้น คุณสามารถเริ่มต้นได้จากส่วนผสมต่างๆภายในห้องครัวของคุณเอง ผัก ผลไม้ และส่วนผสมอื่นๆที่คุณมองข้าม สามารถนำมาผสมรวมกันให้กลายเป็นผงปัดแก้มสีชมพูสดใส ที่จะช่วยเปลี่ยนตัวคุณให้กลายเป็นคนใหม่ชวนมองได้อย่างมหัศจรรย์เลยทีเดียว ซึ่งเจ้าเหล่าวัตถุดิบที่น่าสนใจเหล่านั้นก็ได้แก่
 1.กล้วย เพียงแค่คุณนำกล้วยประมาณ 2 ลูก มาบดให้ละเอียด จากนั้นนำพวกมันมาพอกบริเวณแก้ม หรือพอกให้ทั่วใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพียงเท่านี้ กล้วยบดก็จะช่วยทำให้แก้มชมพู ธรรมชาติแล้ว
 2.ขี้ผึ้ง ต้มขี้ผึ้งประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะให้นิ่ม ผสมดินขาวลงไปแล้วบดรวมให้เป็นเนื้อเดียวกัน นำส่วนผสมที่ได้มาทาพอกให้ทั่วทั้งใบหน้าและลำคอของคุณ ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างทำความสะอาดออก คุณก็จะพบว่าผิวของตัวเองดูชมพู เรืองแสงมากขึ้นเหมือนกับดอกกุหลาบ
 3. ถั่วอินเดีย หรือ Masoor daal โดยนำถั่วอินเดียเต้มลงในนมที่ต้มด้วยไฟอ่อนๆ เป็นเวลา 30 นาที หลังจากนั้นให้พักส่วนผสมลงจากเตา เติมดินขาวลง ผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำส่วนผสมที่ได้ทาลงบนผิวหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด
4.ครีมนม 3 ช้อนชา + ผงแป้ง 1 กรัม + รำข้าวสาลี + นมเปรี้ยว ผสมส่วนผสมเหล่านี้ให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นนำไปพอกบนผิวหน้าเป็นเวลาประมาณ 15 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพียงเท่านี้ คุณก็จะได้ผลผิวที่เนียนนุ่มเหมือนกับผลไม้แลยทีเดียว
 5.เยื่อแตงกว่า แตงกว่าบดละเอียด เป็นตัวกระตุ้นผิวชั้นยอด เซลล์ผิวใหม่ที่เกิดขึ้นมาแทนที่ผิวหนังที่เสื่อมสภาพจะเป็นสีชมพู และยังช่วยลดรอยหมองคล้ำ รวมไปถึงลดความเครียดของผิวให้น้อยลงอีกด้วย

         6.น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ มีคุณสมบัติช่วยเปลี่ยนให้เป็นสีชมพูระเรื่อเหมือนดอกกุหลาบ
 7.น้ำมะนาว+นม เพียงผสมน้ำมะนาวปริมาณ ¼ ลงไปในน้ำนม แล้วนำไปนวดใบหน้าของคุณให้ทั่ว เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับระบบการไหลเวียนโลหิต เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถที่จะมีแก้มเป็นสีชมพูเรืองแสงได้แล้ว
8.ผมเปลือกส้ม+ครีมนม เป็นส่วนผสมที่ดีในการช่วบพอกบำรุงใบหน้าของคุณ ให้แก้มชมพู ธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
 9.อัลมอนด์บด+กลีบกุหลาบบด ประมาณ 5 ช้อนชา น้ำผลไม้ สะระอหน่ และน้ำผึ้ง เป็นหนึ่งในส่วนผสมที่ลงตัวในการช่วยบำรุงแก้มของคุณ นำส่วนผสมที่ได้ไปแช่ตู้เย็นประมาณ 5-6 วัน จากนั้นจึงค่อยนำมาใช้พอกหน้าก่อนการเข้านอน
 นอกจากนี้แล้ว การรัปประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการยังมีบทบาทสำคัญในการทำให้แก้มของคุณกลายเป็นสีชมพูมากขึ้น เช่น ผลไม้สด น้ำผลไม้ ผักสด นม เพราะใบหน้าของคุณต้องการบำรุงด้วยวิตามิน E และ C นอกจากนี้ ถ้าหากอยากมีแก้มสีชมพูอย่างยาวนาน คุณไม่ควรที่จะลืใออกกำลังเป็นประจำ เพื่อลดความเครียด เพิ่มภูมิต้านทาน และระบบไหลเวียนโลหิตให้ดีมากยิ่งขึ้น

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ผื่นขึ้นหน้า ทำไงดี อย่าพึ่งตกใจ ค่อยๆแก้ให้ตรงจุด

         ผื่นขึ้นหน้า ทำไงดีบางคนส่องกระจกแล้วถึงกับต้องอุทานด้วยอาการตกใจ เพราะบริเวณใบหน้าเต็มไปด้วยผื่นแดงเม็ดเล็กยิบย่อย จะว่าสิวก็ไม่ใช่ เนื่องจากมันขึ้นเป็นปื้นๆ ลามไปทั่วใบหน้า แถมเวลาเอามือลูบหน้าแล้วรู้สึกสากมือพิลึก หากคุณกำลังประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้ ขอให้ทำใจเย็นๆ ค่อยๆตั้งสติ แล้วทำความเข้าใจกับเจ้าผื่นให้ดี จากนั้นก็หาวิธีแก้ไขต่อไป
         ผื่นขึ้นหน้า ทำไงดี อย่าพึ่งตกใจ ข้อมูลจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ระบุว่า ผื่นแดงที่หน้า (Red face syndrome) มีลักษณะเป็นผื่นแดงเล็กๆคล้ายผดบริเวณใบหน้า อาจมีอาการคันหรือไม่ก็ได้ เวลาลูบจะรู้สึกสากที่ผิวหน้า อาจมีอาการแสบคัน ระคายเคือง ไวต่อแสงแดดและเหงื่อ ซึ่งผื่นลักษณะนี้เป็นปัญหาที่พบบ่อยในปัจจุบัน ส่วนมากพบในผู้หญิง เนื่องจากผิวหนังบริเวณใบหน้ามีโอกาสสัมผัสสารต่างๆหลายชนิด (จากเครื่องสำอางค์ ครีมบำรุงผิวต่างๆ) ทำให้พบผื่นแดงที่หน้าได้บ่อย และเป็นปัญหาในการวินิจฉัยและรักษาในปัจจุบัน

 

ลักษณะของผื่นที่ขึ้นหน้า
         1.ผื่นผิวหนังอักเสบบริเวณผิวมัน (Seborrheic dermatitis) ลักษณะเป็นผื่นแดงคัน มีขุยสีเหลืองเป็นมัน มักพบบริเวณข้างจมูก คิ้ว ใบหู และหนังศีรษะมีรังแค
         2.ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis) ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีผิวแห้ง มีผื่นแดงคัน บริเวณหน้า คอ ข้อพับของแขนและขา พบในผู้ป่วยที่มีประวัติกรรมพันธุ์เป็นโรคในกลุ่มภูมิแพ้ เช่น แพ้อากาศ คันตา หอบหืด เป็นต้น
         3.ผื่นแพ้สัมผัส (Allergic contact dermatitis) เกิดมีผื่นแดง ผิวหน้าคันอักเสบบริเวณที่สัมผัสกับสารที่แพ้ เช่น เครื่องสำอาง ส่วนมากมักเกิดอาการหลังใช้เครื่องสำอางหรือสารที่แพ้ ประมาณ 2 สัปดาห์ ถึง 3 เดือน
         4.ผื่นระคายสัมผัส (Irritant contact dermatitis) เกิดขึ้นกับคนที่สัมผัสสารมีฤทธิ์ก่อระคายปริมาณมากและระยะเวลานานพอ พบผื่นแดงอักเสบที่มีขอบเขตชัดเจนในบริเวณที่มีการสัมผัส ซึ่งจะมีอาการบวม แดง ร่วมด้วย นอกจากนี้ อาจเกิดขึ้นได้ในผู้ที่ใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบเป็นกรดวิตามินเอ กรดผลไม้ หรือสารที่มีฤทธิ์ลอกผิวต่อเนื่องเวลานาน
         5.ผื่นสัมผัสจากสารร่วมกับแสง (Photocontact dermatitis) มีการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ เช่น ครีมกันแดด น้ำหอม ร่วมกับโดนแสงแดด ซึ่งจะพบผื่นอักเสบได้บริเวณที่ได้รับแสงนอกร่มผ้า เช่น ใบหน้า หน้าอก แขน
         6.ผื่นผิวหนังอักเสบชนิด Rosacea พบมากในคนผิวขาว จะมีอาการหน้าแดง ตุ่มแดงอักเสบ ตุ่มหนอง หลอดเลือดฝอยขยายที่บริเวณใบหน้า มักมีประวัติว่าเป็นผื่นมากขึ้นเมื่อโดนความร้อน แสงแดด มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์

 

สารก่อภูมิแพ้ที่ทำให้เกิดผื่นขึ้นหน้า
         1.ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับใบหน้า เช่น เครื่องสำอาง สบู่ล้างหน้า ครีมบำรุงผิวหน้า ซึ่งส่วนประกอบที่มักเป็นสาเหตุของผื่นแพ้สัมผัส ได้แก่ สารกันเสีย น้ำหอม สารลาโนลิน (Lanolin) สารที่ทำให้เกิดฟอง (Cocamidopropyl betaine) เป็นต้น
         2.แชมพูสระผม และผลิตภัณฑ์อื่นๆที่ใช้กับเส้นผม
         3.โลหะและแผ่นยางที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอาง เช่น โลหะในถาดแป้ง ขอบแปรงที่ทาตาและปาก แผ่นยางที่ใช้เป็นพัฟทาหน้า
         4.สารที่มาจากผื่นแพ้สัมผัสบริเวณมือ เช่น โลหะนิเกิล ทอง สารในยาทาเล็บ เป็นต้น
         ใครที่เกิดความกังวลระคนสงสยว่า ผื่นขึ้นหน้า ทำไงดี เมื่อเป็นผื่นแล้วก็ไม่ต้องร้องว่า “ผื่นขึ้นหน้า ทำไงดี” ควรตั้งสติแล้วหยุดใช้เครื่องสำอางค์หรือครีมบำรุงผิวที่สงสัยว่าเป็นต้นเหตุ เพราะการใช้สารที่แพ้ต่อไปจะยิ่งทำให้ผื่นลุกลามมากขึ้น และไม่ควรซื้อยามาทาเอง ควรไปพบแพทย์พร้อมกับนำผลิตภัณฑ์ที่สงสัยว่าทำให้เกิดผื่นแดงที่หน้ามาร่วมทดสอบด้วย เพื่อการวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้อง เพียงแค่นี้รอยผื่นที่ขึ้นหน้าก็จะถูกแก้ไขได้อย่างทันท่วงที ไม่ลุกลามจนเสียโฉม

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เลือกครีมขาวใสตรงกับสภาพผิว มีชัยไปกว่าครึ่ง

         สำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความสวยความงาม สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในยุคสมัยนี้ก็คือ “ครีมขาวใส” เพราะเจ้าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้ขาวสว่างกระจ่างใสนี้เองที่จะเป็นตัวช่วยให้สุขภาพผิวของคุณดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยมันจะช่วยให้ผิวพรรณสดใส ขาวเปล่งประกายมาจากภายใน มิใช่เพียงการแต่งแต้มให้สวยแค่ภายนอกเฉกเช่นเครื่องสำอางค์ และด้วยความสำคัญของครีมขาวใสจึงทำให้ผู้ประกอบการแต่ละรายงัดสรรพคุณแสนวิเศษมาอวดกันอย่างดุเดือด ข้อดีก็คือช่วยให้มีตัวเลือกมากขึ้นในการตัดสินใจของผู้บริโภค ทว่าในความมากมายหลากหลายนี้เราจำเป็นต้องพิจารณาให้ถ้วนถี่เสียก่อนที่จะเลือกใช้ครีมขาวใส

 

ครีมขาวใสที่เหมาะกับผิวหน้าคือตัวเลือกที่ดีที่สุด
        1.คนผิวมัน ผิวหน้าของคนในบ้านเรามักมีผิวมัน เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว ซึ่งการมีผิวมันทำให้ถูกมลภาวะ ฝุ่นควัน แสงแดด เล่นงานเอาง่ายๆ จะสังเกตได้ว่าคนไทยโดยเฉพาะช่วงวัยรุ่นมักเป็นสิวกันมาก และมักมีรูขุมขนกว้าง ผิวหน้าไม่เรียบเนียนคล้ายผิวเปลือกส้ม ซึ่งคนที่มีผิวมันนี้จะเกิดการขับน้ำมันออกมาจากผิวมากผิดปกติ ทำให้หน้าดูมันเยิ้ม เกิดปัญหาผิวได้ง่ายกว่าผิวประเภทอื่นๆ แต่ข้อดีของคนผิวมันก็คือเกิดริ้วรอยรอยช้ากว่า เพราะมีความชุ่มชื่นของผิว
        สำหรับการเลือกใช้ครีมขาวใส ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน หรือมอยเจอร์ไรเซอร์มากนัก เพราะผิวมีความชุ่มชื้นในระดับหนึ่งอยู่แล้ว หากได้รับน้ำมันจะยิ่งทำให้ผิวหน้ามันเยิ้มเข้าไปอีก ทั้งนี้ คนผิวมันควรล้างทำความสะอาดหน้าด้วยโฟมหรือสบู่อ่อน 2-3 ครั้งต่อวัน ถ้าล้างบ่อยเกินไปจะทำให้ผิวแห้ง และเกิดการระคายเคืองได้
        2.คนผิวแห้ง คนที่มีสภาพผิวนี้จะมีผิวเรียบเรียนมาก รูขุมขนเล็ก ไม่ค่อยมีปัญหาสิวเสี้ยน แต่จะพบอาการผิวหน้าลอกเป็นขุยง่าย และเกิดริ้วรอยได้มากกว่าผิวประเภทอื่น เนื่องจากผิวแห้งเป็นผิวที่ขาดความชุ่มชื้น คนที่มีผิวแห้งจึงต้องดูแลเอาใจใส่ผิวหน้ามากเป็นพิเศษ หลีกเลี่ยงสภาวะที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อผิว เช่น การโดนแดดจัดเป็นเวลานาน การสัมผัสกับอากาศร้อนหรือเย็นเกินไป เป็นต้น การเลือกใช้ครีมหน้าใสของคนผิวแห้ง ควรเลือกใช้ครีมบำรุงที่มีมอยส์เจอร์ไรเซอร์ นม และโยเกิร์ต เพราะจะช่วยสร้างความชุ่มชื้นและป้องกันการเกิดริ้วรอยได้ดี

        3.คนผิวธรรมดา หมายถึงผิวที่มีความเรียบเนียน มีความยืดหยุ่นดี รูขุมขนละเอียด เหมือนอยู่ตรงกลางระหว่างผิวมันกับผิวแห้ง ซึ่งใครที่เกิดมาเป็นคนผิวธรรมดาถือว่าโชคดีมาก เพราะมักไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องผิวพรรณ อยู่ในสภาวะที่มีอากาศร้อนผิวก็ไม่มันเยิ้ม อยู่ในที่ที่มีอากาศเย็นก็ไม่แห้งเป็นขุย ดูแลง่าย ทั้งนี้ ก็ควรเลือกใช้ครีมหน้าใสที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์เป็นประจำ เพราะจะเพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิว และควรทาครีมกันแดดออกจากบ้านทุกครั้ง เพื่อเป็นเกราะป้องกันอันตรายที่จะอาจถูกทำร้ายได้จากแสงแดด
        4.คนผิวผสม เป็นอีกหนึ่งสภาพผิวที่คนไทยคุ้นเคยกันดี ซึ่งจะมีความยุ่งยากมากในการดูแลรักษา เพราะผิวจะมีลักษณะหลากหลาย แต่โดยส่วนใหญ่มักเป็นขุยและแห้งตรงบริเวณแก้ม การเลือกครีมขาวใสของคนผิวผสมจะต้องเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอากาศ อย่างเช่น ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งแบบกลางวันและกลางคืน แต่ในปัจจุบันถือว่าไม่ใช่เรื่องยุ่งยากมากนัก เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้เลือกสรรมากมายตามท้องตลาด
        ท่านผู้อ่านลองสำรวจดูว่าตนเองเป็นคนผิวประเภทไหน จะได้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดี เหมาะสมกับสภาพผิว เพราะถ้าเลือกครีมขาวใสตรงกับสภาพผิว การมีผิวสวยสุขภาพดีก็จะไม่ใช่เรื่องยาก ในทางตรงกันข้ามหากเลือกครีมผิดประเภทจะยิ่งทำให้ปัญหาผิวทรุดหนัก เนื่องจากแก้ปัญหาไม่ตรงจุด

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ผิวหน้าไม่สม่ำเสมอเกิดขึ้นได้อย่างไร พร้อมวิธีแก้ไขแบบโฮมเมด

         ผิวพรรณบนใบหน้า เป็นผิวที่มีความบอบบาง ละเอียดอ่อนมาก จึงทำให้เกิดปัญหาขึ้นกับผิวหน้าได้ง่าย หนึ่งในปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นประจำคือ ผิวหน้าไม่สม่ำเสมอ เกิดจุดด่างดำ ถึงแม้จะใช้ไวเทนนิ่งครีม เพื่อช่วยลดเลือนจุดด่างดำให้สีผิวแลดูขาว สม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังช่วยได้ไม่มาก หรือบางคนที่หายไปแล้วก็ยังสามารถกลับมาเป็นได้อีก จนทำให้ผิวของเราดูคล้ำไม่กระจ่างใสเท่าที่ควร

อะไรกัน ที่ทำให้ผิวหน้าไม่สม่ำเสมอ
         เชื่อว่าสาวๆทุกคนย่อมอยากมีผิวสวยไร้ที่ติ แต่ปัญหาอย่างเรื่องผิวหน้าไม่สม่ำเสมอก็ชอบมารบกวนอยู่ร่ำไป ซึ่งการมีผิวหน้าไม่สม่ำเสมอนั้นเป็นผลมากจากการผลิตเมลานินมากเกินไป เมลานินคือสิ่งที่ทำให้ผิวและผมมีสี ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV และซึมซับเอาความร้อนจากแสงแดด การตากแดดโดยเฉพาะแดดจัดๆมากจนเกินไป จะส่งผลเสียต่อผิวให้มีการสร้างเมลาโนไซท์ ซึ่งเป็นเซลล์ที่มีหน้าที่สร้างเม็ดสีผิวให้มีจำนวนมากขึ้น และทำให้มีการผลิตเมลานินเพิ่มขึ้น บริเวณที่มีการรวมตัวอย่างหนาแน่นของสีผิวเมลานิน ก็จะส่งผลให้ผิวดูคล้ำขึ้น จุดด่างดำมีสีเข้มขึ้น นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้ผิวคล้ำยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง การเกิดฝ้า การอักเสบของผิว เช่น รอยสิว ผิวไหม้ เป็นต้น ซึ่งนำไปสู่ปัญหาผิวหน้าไม่สม่ำเสมอได้นั่นเอง

         แสงแดดและรังสี UV เป็นสาเหตุหลักของปัญหาผิวหน้าไม่สม่ำเสมอ รวมถึงการเกิดจุดด่างดำบนใบหน้า ดังนั้นเราจึงควรเลือกใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารกรองรังสี UVA และ UVB เป็นประจำ เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดตัวการทำร้ายผิว

สูตรบำรุงผิวหน้า แบบโฮมเมด
         การจะแก้ปัญหาผิวหน้าไม่สม่ำเสมอให้สำเร็จ จำเป็นต้องอาศัยหลากหลายวิธีควบคู่กันไป ได้แก่ หลีกเลี่ยงการถูกแดดจัดๆ ถ้าจำเป็นควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน 30 นาที และสวมแว่นกันแดด หมวกบังแดด กลางร่ม เพื่อป้องกันผิวจากการถูกรังสียูวีทำร้าย การทาครีมบำรุงผิวหน้าเป็นประจำ รวมถึงการฟื้นบำรุงผิวหน้าด้วยสูตรโฮมเมดดังต่อไป
         1.สูตรโยเกิร์ตผสมมะนาว ให้นำน้ำมะนาวมาผสมโยเกิร์ตธรรมชาติแล้วนำไปพอกผิวหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีจึงล้างออก มะนาวจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ที่ขาวสดใสกว่าเดิม ส่วนโยเกิร์ตจะช่วยลดการระคายเคืองผิว แก้ปัญหาผิวหน้าไม่สม่ำเสมอได้อย่างดีเยี่ยม
         2.สูตรกล้วยหอมผสมนมสด ให้นำกล้วยหอม และนมสดมาบดผสมกัน แล้วนำไปพอกผิวหน้า โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นจุดด่างดำ สีผิวคล้ำเสีย ไม่สม่ำเสมอ กล้วยหอมและนมสดจะทำให้ผิวขาวเนียนสวย มีน้ำมีนวลมากขึ้น

         3.สูตรมะละกอผสมนมสด ให้นำมะละกอ และนมสดมาบดผสมกัน แล้วนำไปพอกบนใบหน้าหรือผิวกายทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีจึงล้างออก ผลลัพธ์ของสูตรนี้จะคล้ายๆกับสูตรกล้วยหอมและนมสด คือช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าไม่สม่ำเสมอได้เป็นอย่างดี
         4.สูตรน้ำมันมะพร้าว นำน้ำมันมะพร้าวมาทาผิวหน้าได้เลย แต่ต้องทาบางๆ แล้วค่อยนวดหน้าอย่างเบามือ การใช้น้ำมันมะพร้าวเป็นสูตรโบราณที่ใช้ได้ผลมาก โดยน้ำมันมะพร้าวจะช่วยทำให้ผิวขาวเนียนนุ่มชุ่มชื่นแบบเป็นธรรมชาติมากขึ้น
         5.สูตรน้ำผึ้งผสมโยเกิร์ต นำน้ำผึ้งและโยเกิร์ตธรรมชาติมาผสม คนให้เข้ากัน แล้วนำไปพอกลงบนใบหน้าหรือผิวกายก็ได้ ทิ้งไว้สักประมาณ 30 นาทีจึงล้างออก น้ำผึ้งและโยเกิร์ตจะช่วยให้ผิวหน้าขาว เนียนนุ่ม ชุ่มชื่นมากขึ้น
         6.สูตรมะเขือเทศผสมข้าวโอ๊ต ให้นำมะเขือเทศไปปั่นหรือบดให้ละเอียด กรองเอาแต่น้ำ ผสมกับข้าวโอ๊ต แล้วคนให้เข้ากัน ก่อนใช้ต้องล้างหน้าให้สะอาดแล้วเช็ดให้แห้ง แล้วพอกทิ้งไว้นานๆหลังจากล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะช่วยให้ยกกระชับผิวให้ชุ่มชื่น ได้สีผิวขาวสม่ำเสมอคืนกลับมา

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ผิวหน้าไม่เรียบเรื่องจิ๊บๆ อยากแก้ไขได้ด้วยตัวเอง อ่านเลย!

 

 รอยด่างดำ หมองคล้ำตัดกับสีผิวจุดอื่นๆบนใบหน้า เป็นปัญหาผิวที่ผิดปกติ หรือที่มักเรียกกันว่าผิวหน้าไม่เรียบ ซึ่งสามารถพบได้บ่อยมากต่อคนทุกเพศทุกวัย ซึ่งเจ้าปัญหาผิวหน้าไม่เรียบนี้ ถ้าหากยังปล่อยเอาไว้นอกจากจะส่งผลต่อความมั่นใจในด้านความงามแล้ว มันอาจจะมีแนวโน้มที่เลวร้ายต่อผิวมากขึ้นเรื่อยๆ จากการศึกษาของบริษัท และคลินิกด้านความงาม ชี้ให้เห็นว่า ผู้หญิงกว่า 1 ใน 4 มีความกังวลเกี่ยวกับรอยดำ ผิวหน้าไม่เรียบ เพราะพวกเธอเชื่อว่า สิ่งเหล่านี้คือสัญญานที่กำลังเตือนถึงริ้วรอยที่กำลังมาเยือน

สาเหตุพบบ่อยที่มักทำให้เกิดปัญหาผิวหน้าไม่เรียบ
 ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่ประสบปัญหาผิวหน้าไม่เรียบ มักเกิดขึ้นจากการที่ผิวหน้าสัมผัสกับแสงแดดเป็นระยะเวลานาน แสงยูวีจากดวงอาทิตย์ทำให้เกิดแผลสีน้ำตาลแบนขึ้น โดยเฉพาะกับคนที่ไม่ใช้ครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านในช่วงกลางวันที่มีแดดแรงอย่างเพียงพอในชีวิตประจำวัน ซึ่งช่วงเวลาที่แดดแรง ควรหลีกเลี่ยงมากที่สุดคือระหว่างเวลา 11.00 – 15.00 น.
 อย่างไรก็ตาม ปัญหาผิวหน้าไม่เรียบ ยังสามารถเกิดขึ้นได้จากอีกหลากหลายสาเหตุได้เช่น เกลื้อน ที่มักปรากฏขึ้นบ่อยครั้งตามริมฝีปาก จมูก แก้ม และหน้าผาก ที่อาจเกิดขึ้นจากกระดับฮอร์โมนในระหว่างที่มีการตั้งครรภ์ หรือผู้หญิงที่มีการทานยาเม็ดคุมกำเนิด ซึ่งผิวหน้าไม่เรียบ และสีผิวจากสาเหตุนี้จะกลับมาเป็นปกติ หลังจากที่ได้ทำการคลอดบุตร หรือเปลี่ยนวิธีการคุมกำเนิด นอกจากนี้ยังสามารถเกิดขึ้นได้จากสาเหตุอื่นๆอีก ไม่ว่าจะเป็นรอยแผลเป็นจากสิว สิว หรือบาดแผลจากการเจ็บๆอื่นๆ

ถ้าต้องการให้ใบหน้าเรียบเนียนควรทำเช่นไร?
   ผิวหน้าไม่เรียบ ไม่ทั่วเท่ากันทั้งใบหน้าเป็นสิ่งที่สามารถฟื้นฟูให้กลับมาเท่ากันตามปกติได้ แพทย์ส่วนใหญ่จะแนะนำให้ใช้เซรั่ม หรือครีม ที่มีส่วนผสม เช่ย วิตามินบี3 ที่ได้รับการทดลองแล้วพบว่า สามารถช่วยลดรอยดำที่เกิดขึ้นบนผิวได้มากถึงร้อยละ 90 เลยทีเดียว สารสกัดจากใบหม่อน Niacinamide หรือเหล่าสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่มีศักยภาพเป็นกรด Ferulic แต่ถ้าหากคุณมีปัญหาผิวหน้าไม่เรียบอย่างรุนแรง ขอแนะนำให้ควรไปปรึกษากับแพทย์ เพื่อที่จะได้รับวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับตัวเอง และรวดเร็วมากที่สุด แต่ถ้าหากคุณกำลังมองหาวิธีที่จะสามารถช่วยบำรุง พร้อมกับฟื้นฟูปัญหาผิวหน้าไม่เรียบด้วยตัวเองอย่างง่ายๆที่บ้านอยู่ล่ะก็ คุณสามารถที่จะทำตามขั้นตอนแนะนำต่อไปนี้ โดยเลือกตามความสะดวก หรือความชอบของตัวเอง

วิธีบำรุง ฟื้นฟูผิวหน้าให้กลับมาเรียบเนียนเท่าเทียมกันด้วยตัวเองอย่างง่ายๆที่บ้าน
   1.น้ำตาล การขัดผิวที่เสื่อมสภาพแล้วด้วยน้ำตาลเบาๆ สะเก็ดของน้ำตาลจะช่วยเผยผิวใหม่ที่ดูอ่อนเยาว์ และยกกระชับมากขึ้น ส่วนวิธีการก็แสนง่าย เพียงแค่คุณผสมเกล็ดของน้ำตาลลงในครีมที่ชื่นชอบ แล้วนำไปขัดในบริเวณที่ต้องการอย่างสม่ำเสมอ แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นเท่านั้น
 2.เบรกกิ้งโซดา เป็นตัวแทนความอ่อนเยาว์ตามธรรมชาติ และไม่รุนแรงต่อผิว กสนขัดผิวด้วยเบกกิ้งโซดาจะช่วยกำจัดผิวหนังที่แตก แห้ง เป็นขุย และดำคล้ำ จากฝีมือของดวงอาทิตย์ เพียงใช้เบรกกิ้งโซดา ผสมกับน้ำเปล่า ทาให้ทั่วแล้วทิ้งเอาไว้สักครู่ นวดหน้าเบาๆ โดยใช้ปลายนิ้วเป็นเวลาประมาณ 2-3 นาที แล้วล้างหน้าออกด้วยน้ำอุ่น
3.พอกหน้าด้วยโยเกิร์ต มีคุณสมบัติสุดพิเศาในการช่วยปรับสีผิวให้เท่าเทียมกัน และมีสุขภาพดี เนื่องจากโยเกิร์ตเป็นสารฟอกสีตามธรรมชาติ ช่วยในการขัดผิว ปรับปรุงโทนสีผิว ด้วยการลดความกระทบที่เกิดขึ้นกับผิวจากแสงอาทิตย์ให้น้อยลง เพียงคุณใช้โยเกิร์ตรสจืดไร้สี ไร้รส ทำการลูบไล้ให้ทั่วใบหน้า และลำคอ ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20-30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นเท่านั้น
         4.นมผง ช่วยในการฟอกสีผิวหน้าที่เหมาะเป็นอย่างมากสำหรับคนที่มีปัญหาใบหน้าไม่เรียบเนียนเท่ากัน เพียงใช้นมผงผสมเข้ากับน้ำให้ข้น แล้วพอกให้ทั่วทั้งใบหน้าและลำคอ โดยพอกบ่อยๆ ประมาณ 4 ครั้งในช่วงที่ต้องการให้ผิวมีความหมองคล้ำสูง เพียงเท่านี้ผิวของคุณก็จะค่อยๆกลับมาเรียบเนียนอีกครั้งแล้ว

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.