รวมมิตร ยาแผลเป็น ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก

         ผิวหนัง เป็นอวัจวะที่สวยงามไร้รอยต่อ คนที่มีผิวสวย เทียบได้กับผ้าไหมชิ้นงามเลยทีเดียว แต่ถ้าหากผ้าไหมผืนนั้นมีรอยฉีกขาดแม้เพียงเล็กน้อย มันก็มากพอที่จะเป็นตำหนิที่สร้างความแตกต่างอันยิ่งใหญ่แก่ผู้ที่ครอบครองมัน ผิวหนังเองก็เช่นกัน ต่อให้เรียบเนียนสวยสักเพียงใด แต่ถ้าหากมีรอยแผลเป็นปราฏกขึ้นมา ไม่ว่าจะจากสาเหตุใดก็ตาม มันก็มากเพียงพอแล้วที่จะทำให้ผิวมีรอยตำหนิที่โดดเด่นขึ้นมา
 รอยแผลเป็น ในเล็กๆ ในจุดที่ไม่โดดเด่นนัก คงจะเป็นเรื่องง่ายหากคุณสาวๆคิดที่จะปกปิดมันด้วยเสื้อผ้า หรือเครื่องแต่งกายตามแต่ที่คุณจะได้คิดสร้างสรรค์ขึ้นมา แต่อย่างไรก็ตาม การปกปิดนั้นไม่ได้ช่วยทำให้เหล่ารอยแผลเป็นหายไปอย่างสมบูรณ์ แต่ถ้าหากคุณรู้จักการใช้ยาแผลเป็นอย่างถูกต้องแล้วล่ะก็ คุณก็สามารถที่จะลดขนาด หรือเปลี่ยนรูปลักษณ์ของมันให้จางหายไปได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่คุณสาวๆทุกคนต่างต้องการอย่างสูงสุด

แผลเป็นเกิดขึ้นได้อย่างไร?
  รอยแผลเป็น เป็นกระบวนการบำบัดตามกลไกธรรมชาติของร่างกาย เมื่อผิวหนังได้รับบาดเจ็บ และได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว ในหลายครั้งอาจจะปรากฏรอยแผลเป็น ขึ้นอยู่กับการรักษาในหลายๆปัจจัย อาทิเช่น ความลึก ขนาดของแผล รอยหน้าตัด บริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ รวมไปถึงปัจจัยอื่นๆอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เพศ อายุ เชื้อชาติ หรือแม้แต่ยีนส์ แต่รอยแผลเป็นก็สามารถทำการรักษา ฟื้นฟู ให้จางหายไปได้ โดยเพียงแค่การใช้ยาแผลเป็น ที่สามารถหาซื้อได้จากร้านขายยาทั่วไปเท่านั้น

ยาแผลเป็น และวิธีการรักษารอยแผลเป็น ที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก
 สำหรับยาแผลเป็น ที่ได้รับความนิยมจากคนทั่วโลก ว่ามีคุณสมบัติในการช่วยผื้นฟูผิว และทำให้รอยแผลเป็นจางลงอย่างมีประสิทธิภาพนั้น มีอยู่มากมายหลายตัวเลยทีเดียว ซึ่งโดยหลักๆแล้ว ยาแผลเป็นที่มีคนใช้กันมากอย่างกว้างขวาง มีดังต่อไปนี้
         1.ครีมยาขี้ผึ้ง ผลิตภัณฑ์ยาเหล่านี้สามารถช่วยในการรักษารอยแผลเป็น ที่เกิดขึ้นจากการตัด หรืออาการบาดเจ็บแบบอื่นๆ
         2.Hiruscar ครีมรักษารอยแผลเป็น ที่มีส่วนประกอบสำคัญเป็นสารสกัดจากหอมแดง ลักษณะของเนื้อครีมจะเป็นเจลใสๆ ไม่มีสี ซึมเร็ว และไม่เหนียวเหนอะหนะน่ารำคาญในขณะที่ทำการทาบริเวณแผลเป็น ซึ่งยาแผลเป็นตัวนี้ จะช่วยทำให้แผลเป็นจางลงอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
         3.Mederma มีลักษณะเป็นเจลใส ใช้ทาถูบริเวณรอยแผลเป็น ยาชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นกรดที่ช่วยลอกชั้นผิวหนังที่กลายเป็นรอยแผลเป็นออก ควรนำมาใช้กับแผลเป็นที่ปิดสนิทแล้ว เหมาะอย่างมากกับการรักษารอยแผลเป็นที่เป็นรอยนูน ทีเกิดขึ้นจากการผ่าตัด

         4.Dermatix เป็นยาแผลเป็นที่มีประสิทธิภาพสูง มักถูกแนะนำให้ใช้จากแพทย์ด้านผิวหนัง ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยทำให้รอยแผลเป็นจางลง อ่อนนุ่ม และเรียบลง นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการคันอันน่ารำคาญ ที่มักเกิดขึ้นรวมกับแผลเป็นให้น้อยลงอีกด้วย
         5.Medmaker Vitmin E Cream เป็นครีมรักษารอยแผลเป็นที่เภสัชกรส่วนใหญ่แนะนำให้ใช้ เนื่องจากมีส่วนผสมของวิตามินอีธรรมชาติ ช่วยกระตุ้นการสร้างผิวหนังส่วนที่หายไป ฟื้นฟูสภาพผิว ทำให้รอยแผลเป็นจางลง ลดรอยเหี่ยวย่น บำรุงผิวให้นุ่มเนียน และรักษาคงสภาพความชุ่มชื้นของผิวหนังเอาไว้ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากรอยแผลเป็นของคุณเกิดขึ้นจากการผ่าตัด หรือการศัลยกรรมพลาสติก คุณสามารถที่จะปรึกษากับแพทย์ผู้ดูแลว่า มีวิธีการอื่นๆในการดูแลรักษาแผลเป็นให้หายได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากการใช้ยาแผลเป็นหรือไม่ 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

มารู้จักกับ 7 ครีมทาผิวยอดนิยม การันตีจากผู้ใช้มากมายใน Pantip

         คุณสาวๆที่อยากจะมองหาครีมทาผิวดีๆสักตัวคงจะประสบปัญหาคล้ายๆกันว่า “ควรซื้อครีมทาผิวตัวไหนดี?” เมื่อเกิดคำถามดังกล่าวขึ้นแล้ว ก็คงจะเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณสาวๆจะต้องไปทำการศึกษาหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตว่า ครีมทาตัวชิ้นไหนที่จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการให้ผิวขาว เรียบเนียน และนุ่มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งการดูผลตอบรับจากผู้ใช้คนอื่นๆ ที่ไม่ใช่หน้าม้าขายของ ก็เป็นอีกหนึ่งในวิธีที่จะช่วยให้คุณสาวๆสามารถพิจารณาตัดสินใจเลือกซื้อครีมทาตัวได้เป็นอย่างดี แต่การจะไปค้นหาข้อมูลจากหลายๆแหล่งก็เป็นเรื่องที่ชวนเพลีย  ดังนั้น สำหรับในวันนี้ เพื่อเป็นการช่วยย่นเวลาค้นหาข้อมูลของคุณสาวๆจากหลายๆชั่วโมง ให้เหลือเพียงไม่กี่นาที เลยจะขอพาคุณสาวๆไปรู้จักกับผลิตภัณฑ์ครีมทาผิว ที่มักจะถูกแนะนำให้ใช้ รวมไปถึงรีวิว และการการันตีจากผู้ใช้จากเว็บบอร์ดของเว็บไซต์พันทิป ว่ามีอะไรกันบ้าง

ผลิตภัณฑ์ครีมทาผิวยอดนิยมใน Pantip
 1.Vaseline ขวดสีชมพู มีคุณสมบัติที่ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ และปรับสภาพผิวให้ขาวเนียนใสขึ้นอย่างเท่าเทียมกัน นอกจากนี้ยังช่วยในการป้องกันผิวจากแสงแดดอีกด้วย
 2.ครีมเภสัช หรือชื่อเต็มๆว่า Bhaesaj ครีมทาตัวทีมีคุณภาพดี ในราคาที่ถูกเหลือเชื่อเพียงแค่ 45บาท เท่านั้นซึ่งจะปรับให้ผิวกายค่อยๆขาวขึ้น ใสขึ้น และนุ่มขึ้น อย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังผสมสารป้องกันแสงแดดที่จะช่วยปกป้องผิวจากอันตรายของรังสี UV ได้ในระดับหนึ่ง
3.Nivea สูตร Body UV Whitening  เป็นครีมทาผิวที่มีส่วนผสมของวิตามินซี ซึ่งช่วยทำให้ผิวขาวใสขึ้น เมื่อทาแล้วยังทำให้ผิวไม่แห้งมาก นอกจากนี้ยังสามารถช่วยในการป้องกัน UV จากแสงแดด ได้ในระดับหนึ่ง
 4.Jergen สูตร Original Scent มีคุณสมบัติในการช่วยถนอมผิวให้สวยนุ่มเนียน คืนความชุ่มชื้นให้กับผิวให้ยาวนาน นอกจากนี้ยังช่วยทำให้สุขภาพผิวดีมากยิ่งขึ้น
 5.Body Butter ของ Body Shop (Olive Oil) เมื่อใช้แล้วผิวจะชุ่มชื้น นอกจากนี้ยังช่วยทำให้ผิวมีความละเอียดมากยิ่งขึ้น
 6.Garnier สูตร Body LightExtra ช่วยปรับสภาพให้ผิวเนียนใสขาวขึ้น พร้อมกับคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว
 7. Citra สูตรสำหรับผิวคล้ำ เนื้อครีมซึมลงสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว และช่วยปรับสภาพผิวที่คล้ำเสียให้ขาวมากขึ้น ช่วยทำให้ผิวนุ่ม พร้อมกับช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวอีกด้วย

         สำหรับอันดับครีมทาผิวยอดนิยมที่ได้ทำการแนะนำไปแล้วนั้น เป็นเพียงเสียงสะท้อนจากผู้ใช้ส่วนใหญ่ในเว็บบอร์ดพันทิป ที่ช่วยการันตีว่าเป็นครีมทาตัวที่ใช้แล้วมีประสิทธิภาพที่ดีเท่านั้น ซึ่งในความจริงแล้วครีมทาผิวทุกผลิตภัณฑ์นั้น ล้วนแล้วแต่ออกแบบมาเพื่อช่วยในการบำรุงผิว พร้อมกับคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว และปรับสภาพผิวให้ขาว เนียน ใส นุ่มมากยิ่งขึ้น
คุณสมบัติในการบำรุงผิวเหล่านี้ อาจจะเกิดผลแตกต่างกันออกไปตามสภาพผิวของแต่ละคน เช่น บางคนอาจจะมีผิวที่ดำคลำเสียจากแสงแดดมาก เมื่อใช่ผลิตภัณฑ์ครีมทาผิวของยี่ห้อหนึ่งไม่ได้ผล พอไปใช้อีกยี่ห้อหนึ่งกลับได้ผล หรือบางคนอาจจะแพ้ส่วนประกอบของครีมทาตัวยี่ห้อหนึ่ง แต่กลับใช้ผลิตภัณฑ์ของยี่ห้อหนึ่งได้ โดยที่ไม่มีปัญหาอะไรเลย เป็นต้น ดังนั้นจึงไม่อาจคาดหวังได้เต็ม 100% ว่า ครีมทาผิวที่คนอื่นใช้แล้วได้ผลดี เมื่อใช้แล้วก็ตัวเองก็ต้องได้ผลดีตามไปด้วย การทดลองด้วยตัวเองว่าครีมทาตัวชิ้นไหนเหมาะกับตัวเอง จึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด นอกจากนี้การทาครีมควรทำให้เป็นประจำสม่ำเสมอทุกเช้าเย็นให้เป็นนิสัย เพราะถ้าทาบ้าง ไม่ทาบ้าง ก็จะทำให้ครีมทาผิวไม่สามารถบำรุงผิวที่คล้ำเสียได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นอีกในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผิวไม่ขาวขึ้นนั่นเอง

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

D.I.Y ทำครีมทาตัว ฟื้นฟูสุขภาพผิวอย่างง่ายๆที่บ้าน

         ไม่ว่าจะเป็นชาย หรือหญิง แต่ถ้าหากเป็นคนที่รักสวย รกงามแล้วล่ะก็ แน่นอนว่าทุกคนก็คงต่างต้องการที่จะมีผิวที่กระจ่างสดใส ไร้ที่ติ ซึ่งช่วยเสริมความสง่างามโดยรวมให้กับตัวเอง แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผิวของคนเรามักจะมีช่วงอายุของตัวเอง เมื่อยามหมดอายุขัย ผิวก็จะเสื่อมสภาพ สูญเสียความยืดหยุ่น อ่อนนุ่ม และเปลี่ยนเป็นสีคล้ำหมองไม่น่ามอง รวมไปถึงปัญหาด้านริ้วรอยอื่นๆ ที่ทำให้ผิวของคุณดูไม่สวยงามน่ามอง น่าเบื่อ และไร้ชีวิตชีวา ปัญหาเหล่านี้ยังสามารถเกิดขึ้นได้จากปัจจัยภายนอกอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นมลภาวะ แสงแดด หรือแม้แต่ความเครีดในชีวิตประจำวัน
 อย่างไรก็ตาม คุณสามารถที่จะทำการเยียวยา และฟื้นฟูสุขภาพผิวของตัวเองให้กลับมาดูอ่อนเยาว์ได้อย่างยาวนานากยิ่งขึ้น ด้วยวิธีการง่ายๆ อย่างการทำครีมทาตัวด้วยตัวเอง โดยการใช้ส่วนผสมที่สามารถหาได้ง่ายๆในบ้าน มีดังต่อไปนี้

สูตรครีมทาตัวอย่างง่ายๆ ในบ้านที่จะช่วยเนรมิตผิวให้ดูอ่อนเยาว์
 1.น้ำมะนาว เป็นครีมทาตัวที่มีคุณสมบัติช่วยในการฟื้นฟูสภาพผิวที่ดี โดยการช่วยลดจุดด่างดำ อายุของผิว และอาการอื่นๆที่มักส่งผลทำให้เกิดปัญหาริ้วรอยขึ้น นอกจากนี้วิตามินซีในมะนาวยังเป็นหนึ่งในสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ดี ที่ช่วยปกป้องผิวจากการทำลาย และการฟอกสี ที่ช่วยปรับปรุงผิวโดยรวมได้อย่างน่าทึ่ง
 ส่วนผสมของครีมทาตัวสูตรน้ำมะนาวนั้นก็แสนง่าย เพียงน้ำผึ้ง ½ ของน้ำมะนาว นำส่วนผสมที่ได้มาทำการถูเบาๆ บนผิวของคุณขึ้นลง ทิ้งเอาไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออก ทำซ้ำสัปดาห์ลบะ 1-2 ครั้ง หรืออีกวิธีหนึ่งคือ การผสมน้ำมะนาว 1 ช้อนชา เข้ากับไข่ขาว ½ ช้อนชา และครีมนม ใช้วางบนใบหน้าของคุณ ทิ้งเอาไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น ทำซ้ำอีก 1-2 ครั้ง ต่อสัปดาห์  เพื่อให้มีสุขภาพผิวที่ดียิ่งขึ้น
 2.แตงกวา ปริมาณของน้ำที่มีสูงมากในแตงกวา เป็นสิ่งที่ช่วยบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้นตลอดเวลา คุณสมบัติดั่งกล่าว ทำให้แตงกวาเป็นครีมทาตัวที่มีประสิทธิภาพที่ดีมากในการฟื้นฟูผิวที่ถูกผิวหนังเผาไหม้ และยังมีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น
 เพียงคุณผสมแตงกวาขูด ½ ถ้วย เข้ากับเนื้อโยเกิร์ตรสธรรมชาติ คุณก็จะได้รับครีมทาตัว พอกตัวชั้นดี พอกทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น ประมาณ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ หรืออีกหนึ่งสูตรที่น่าสนใจคือ การใช้เนื้อแตงกวาขูด และเยื้อแตงโม ก็จะกลายเป็นครีมทาตัวชั้นดีได้เช่นกัน

         3.มะละกอ เป็นครีมทาตัวชั้นเยี่ยม เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามิน A C และ E และมีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยในการฟื้นฟูผิว จึงทำใหผิ้วมีความนุ่มเนียน และชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้มะละกอยังมีกรดอัลฟาไฮดรอกซี ที่ช่วยในการขัดผิว และมะละกอยังมีประโยชน์ในการช่วยรักษาสิว ฝ้า จุดด่างดำ และปัญหาทางด้านผิวพรรณอื่นๆ ที่มีความคล้ายคลึงกัน
 ผสมมะละกอสุกบดปริมาณ 2 ช้อนโต๊ะ เข้ากับน้ำผึ้ง ½ ช้อนชา และมะนาวสด พอกลงบนผิว ทิ้งเอาไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น สุดท้ายอย่าลืมที่จะปิดรูขุมขน ด้วยการราดน้ำเย็นลงบนผิวของคุณ
 เคล็ดลับครีมทาตัว ง่ายๆเหล่านี้ สามารถที่จะช่วยทำให้ผิวพรรณของคุณ ห่างไกลจากปัญหาต่างๆ ได้อย่างยาวนาน จนสามารถอวดผิวของตัวเองให้คนอื่นๆ เห็นได้อย่างมั่นใจเลยทีเดียว

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ครีมทาก้นลาย เปลี่ยนก้นลาย ให้กลายเป็นก้นเนียนขาว

         ก้นลาย เป็นปัญหาที่น่าอาย และค่อนข้างยุ่งยากยากในการซ่อน โดยเฉพาะในชุดว่ายน้ำ ที่จำเป็นจะต้องโชว์ผิวหนังบริเวณก้นเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าก้นลายจะเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้จากหลากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะในกลุ่มของผู้หญิงผิวขาว ที่มีประวัติว่าคนในครอบครัวใกล้ชิด เคยมีอาการแตกลายมาก่อน แต่อย่างไรก็ตามถ้าหากเข้าใจเกี่ยวกับอาการก้นลายอย่างลึกซึ้งแล้วล่ะก็ คุณสาวๆก็สามารถที่จะป้องกัน หรือบรรเทารักษาอาการก้นลาย ให้เหลือน้อยจนแทบไม่เป็นปัญหาชวนให้กังวลใจอีกต่อไปเลยทีเดียว

อาการก้นลาย
 ก้นลาย มีลักษณะเป็นเส้นสีชมพู ม่วง หรือแดง ที่ปรากฏขึ้นบนผิวหนังบริเวณก้น เมื่อริ้วรอยสีสดเหล่านั้นจางลง ก็จะเปลี่ยนกลายเป็นสีชมพูอมเทา หรือสีขาว ลายเส้นเหล่านี้อาจจะปรากฏขึ้นข้างๆในระดับเดียวกัน หรือเป็นเส้นคู่ขนานต่อเนื่องขยายครอบคลุมผิวไปทั่วบริเวณก้นทั้งหมด

ก้นลาย เกิดขึ้นจากสาเหตุใด?
 โดยส่วนใหญ่แล้ว อาการแตกลายเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นเมื่อผิวหนังเจริญเติบโต หรือถูกยืดอย่างรวดเร็วมากจนเกินไป ถึงแม้ว่าโดยพื้นฐานแล้วผิวจะมีความยืดหยุ่นในระดับสูง แต่เมื่อการยืดมีมากจนเกินไปมากกว่าที่ผิวจะรับไหว ก็จะทำให้เกิดความเสียหาย จนกลายเป็นแผลเส้นขีดขึ้นบนผิวหนัง และกลายเป็นรอยแตกลายขึ้นในที่สุด ปกติแล้วปัญหารอยแตกลายมะกจะเกิดขึ้นกับคนที่เป็นโรคอ้วน การตั้งครรภ์ การออกกำลังกายยำน้ำหนัก และการใช้ยาทาผิว หรือครีมทาผิวที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ซ้ำบ่อยๆครั้ง

วิธีการรักษาอาการก้นลาย
 ในปัจจุบันมีตัวยาหลายชนิดที่มีคุณสมบัติช่วยในการลดดเลือนปัญหาก้นลายให้น้อยลง หรือถ้าหากคุณสาวๆกำลังสนใจในการใช้ครีมบำรุงผิว ก็ควรที่จะเลือกใช้ครีมที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน ซึ่งสามารถที่จะช่วยทำให้รอยแตกลายกลมกลืนไปกับผิวของคุณอย่างเป็นธรรมชาติ หรือถ้าหากต้องการที่จะได้ผลลัพธ์ในการรักษาอาการก้นลายอย่างรวดเร็วล่ะก็ คุณสาวๆสามารถที่เข้ารับการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยเฉพาะ ซึ่งมีกระบวนการรักษาให้เลือกมากมายหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยแสงเลเซอร์ เพื่อช่วยส่งเสริมให้ผิวหนังที่เกิดการยืดตัว เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นใหม่ ซึ่งวิธีการรักษาประเภทนี้ ยังถูกนำมาใช้ในการช่วยรักษาริ้วรอยบนใบหน้าของผู้สูงอายุได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย แต่ราคาค่าใช้จ่ายการรักษาทางการแพทย์อาจจะค่อนข้างสูงมากเลยทีเดียว

เคล็ดลับการพิชิตปัญหาก้นลายด้วยตัวเองอย่างได้ผล
 มีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมากมายที่อ้างว่าสามารถที่จะช่วยป้องกัน หรือแก้ไขอาการก้นลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งส่วนผสมของครีมบำรุงผิวเหล่านั้นมักที่จะเป็นวิตามินอี เนยโกโก้ หรือกรดไกลโคริค ถึงแม้ว่าส่วนผสมเหล่านี้จะไม่ได้เป็นอันตรายต่อผิวก็ตาม แต่ในขณะเดียวกันพวกมันก็ให้ผลลัพธ์ที่น้อยมากในการรักษาอาการก้นลาย โดยพื้นฐานแล้ว รอยแตกลายจะค่อยๆจางหายไปด้วยตัวเองเมื่อเวลาผ่านไป โดยที่เราแทบไม่จำเป็นจะต้องเข้าไปทำการแทรกแซงใดๆ  แต่คุณสาวๆก็สามารถที่จะป้องกัน และเร่งกระบวนการสร้างคอลลาเจน อีลาสตินของผิวได้ด้วยการใช้สูตรเคล็ดลับจากธรรมชาติอื่นๆ ที่ไม่ผลข้างเคียง ซึ่งสูตรเหล่านั้น ภายในเว็บไซต์ของเรา ได้ทำการรวบรวมเอาไว้อย่างมากมายหลากหลายสูตร ให้คุณสาวๆเลือกนำสูตรที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด คุณสาวๆที่สนใจการรักษาอาการก้นลายด้วยตัวเอง สามารถคลิ๊กรับชมสูตรที่น่าสนใจจากแท็กของบทความที่เกี่ยวข้องด้านข้างของบทความชิ้นนี้ได้เลยทันที

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ผิวลายหายได้ ขอแนะนำวิธีง่ายๆ ทำได้ด้วยตัวคุณ

         ไม่ว่าใครก็คงไม่อยากมีปัญหาผิวลายเกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะนอกจากจะทำให้ต้องเสียความมั่นใจยามเมื่อต้องสวมใส่เสื้อผ้า กางเกง หรือกระโปรงสั้นๆ อดอวดโชว์ผิวแล้ว รอยแกตลายยังเป็นปัญหาเรื้อรังชวนปวดหัว ที่หากชะล่าใจ ไม่รีบทำการดูแลรักษาอย่างถูกวิธีแล้วล่ะก็ ผิวลายก็อาจจะปรากฏขึ้นมาให้เห็นอย่างเด่นชัดมากขึ้นไปอีก ซึ่งที่จริงแล้วปัญหาผิวลายนั้น เพียงแค่ทำการดูแลรักษาผิว ตามคำแนะนำในบทความด้านล่างนี้เป็นประจำอย่างเหมาะสม ในเวลาไม่นานผิวลายก็จะกลายเป็นเศษเสี้ยวความทรงจำที่เลวร้ายในอดีตของคุณไปในบัดดล

ผิวลายหายได้ ลองวิธีง่ายๆต่อไปนี้สิ
 กระแสการดูแลรักษาผิวด้วยวิธีธรรมชาติ ได้รับความนิยมมาแรงแซงโค้งเป็นอย่างมากในปัจจุบัน สำหรับวิธีผิวลาย ที่ได้รับความนิยมกันเป็นอย่างมาก ณ ปัจจุบัน ได้แก่วิธีดังต่อไปนี้
1.น้ำมันฝรั่ง มีส่วนผสมของวิตามิน และแร่ธาตุที่ช่วยส่งเสริมให้เกิดการเจริญเติบโต และฟื้นฟูเซลล์ผิว สำหรับวิธีการใช้ก็แสนง่ายๆ เพียงแค่ตัดมันฝรั่งขนาดกลางออกเป็นชิ้นหนาๆ แล้วนำมาถูเบาๆ วนรอบๆรอยแตกลายไม่กี่นาที ปล่อยทิ้งเอาไว้ให้แห้ง แล้วจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำอุ่น
 2.Alfalfa เป็นใบหญ้าชนิดหนึ่ง ที่อุดมไปด้วยกรดอะมิโน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสำหรับสุขภาพโดยรวมของผิว นอกจากนี้ยังมีส่วยประกอบชองวิตามินหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน E , วิตามิน K ที่ช่วยในการบำรุงผิว เพียงแค่นำ Alfalfa ผสมเข้ากับน้ำมันดอกคาโมไมล์ 2-3 หยด ปั่นให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำส่วนผสมที่ได้ไปทาในบริเวณที่ผิวลาย วันละ 2-3 ครั้ง ทำซ้ำเป็นประจำทุกวัน ในระยะเวลาเพียงมี่กี่สัปดาห์ คุณก็จะสามารถเห็นการพัฒนาของผิวที่ดีมากยิ่งขึ้น
 3.โกโก้บัสเตอร์ หรือเนยโกโก้ มีประโยชน์อย่างยิ่งในการรักษารอยแตกลาย เพราะมันมีลักษณะเป็นครีมบำรุงผิวตามธรรมชาติ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยลดการปรากฏตัวของผิวแตกลายได้อีกด้วย คุณสามารถนำเนยโกโก้หนึ่งช้อนโต๊ะ ผสมเข้ากับน้ำมันจมูกข้าวสาลี 2-3 หยด ขี้ผึ้งสองช้อนชา เม็ดแอปริคอทและน้ำมันวิตามินอีหนึ่งช้อนชา จากนั้นนำส่วนผสมทุกอย่างลงไปในหม้อ ตั้งไฟอ่อน ค่อยๆทำการคนส่วนผสมต่างๆให้เข้าด้วยกัน โดยสังเกตจากขี้ผึ้งว่ามีการละลายตัวดีแล้วหรือยัง คุณสามารถนำส่วนผสมที่ได้เก็บเอาไว้ในตู้เย็น แล้วใช้มันช่วยลดรอยแตกลาย 2-3 ครั้งต่อวัน เป็นประจำทุกวัน แล้วคุณจะพบว่าผิวของตัวเองนุ่ม เรียบเนียน และมีความชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

         4.น้ำมันมะกอก อุดมไปด้วยสารอาหารจำนวนมาก และสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปรับปรุงปัญหาผิวพรรณต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงรอยแตกลายอย่างมีประสิทธิภาพ เพียงแค่คุณนวดน้ำมันมะกอกเพียงเล็กน้อยบริเวณผิวลาย น้ำมันมะกอกก็จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต พร้อมกับช่วยปรับลดรอยแตกลายให้กลับมาอยู่ในระดับที่พอดี หลังการนวดด้วยน้ำมันมะกอก คุณควรทิ้งน้ำมันมะกอกเอาไว้เป็นเวลาประมาณ 30 นาที เพื่อให้วิตามิน A, D และ E ที่อยู่ภายในนำมันมะกอก ถูกผิวหนังดูดซึม หรือคุณอาจจะสร้างสรรค์หน่อย ด้วยการผสมน้ำมันมะกอก น้ำส้มสายชู และน้ำ เพื่อใช้เป็นครีมบำรุงผิวในช่วงกลางคืน หรือขัดผิว เพื่อให้ผิวของคุณนุ่มเนียนชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น
   5.น้ำ การรักษาร่างกายของคุณให้ดี มีผิวที่สวยงาม ล้างสารพิษ เพิ่มความอ่อนนุ่มยืดหยุ่น น้ำเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่สามารถขาดได้ การดื่มน้ำปริมาณ 1-2 แก้ว หลายครั้งระหว่างวัน หรือวันละ 8-10 แก้วต่อวัน ผุ้เชี่ยวชาญชี้ว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่จะช่วยทำให้ร่างกายมีความชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น
 การเยียวยาตามธรรมชาติเหล่านี้ สามารถช่วยลดปัญหาผิวลายให้ลดลง หรือหายไป แต่ถาหากคุณคาดหวังความสมบูรณ์แบบ คุณจำเป็นที่จะต้องปรึกษา และเข้ารับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

รวมสุดยอดวิธีกำจัดผิวแตกลายจากธรรมชาติ อย่างรวดเร็ว

         รอยแตกลาย เป็นการปรากฏตัวของเส้นผิวสีที่แตกต่างออกไปจากผิวหนังตามปกติ ซึ่งรอยแตกลายส่วนใหญ่ที่พบ มักจะเกิดขึ้นกับบริเวรท้อง แต่ก็ยังสามารถที่จะเกิดขึ้นได้กับส่วนของต้นขา  ต้นแขน และหน้าอกได้เช่นกัน ในบางครั้งรอยแตกลายเหล่านี้ตะครอบคลุมไปถึงพื้นที่ส่วนใหญ่ๆของร่างกาย โดยเฉพาะในขณะที่มีการตั้งครรภ์ การสูญเสียน้ำหนักโดยฉับพลัน พันธุกรรม หรือความเครียด และการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในเชิงกายภาพ

กระบวนการเกิดปัญหาผิวแตกลาย
ผิว ประกอบด้วยชั้นทั้งสาม ที่เรียกว่า ชั้นหนังชั้นนอก, ผิวหนังชั้นกลาง และผิวหนังชั้นลึกที่สุด ซึ่งผิวแตกลายเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับผิวหนังชั้นกลาง เนื่องจากผิวหนังเกี่ยวพันเกิดการ “ยืด” มากเกินกว่าความยืดหยุ่นของผิวหนัง ที่จะสามารถขยายตัวตาม หรือการหดตัวของผิวที่รวดเร็วมากจนเกินไป
 เมื่อผิวหนังเกิดการยืดตัว ปริมาณของคอลลาเจนก็จะลดลง รวมไปถึงกระบวนการผลิตคอลลาเจนเองก็จะถูกขัดจังหวะ ส่งผลให้ปรากฏผิวแตกลายขึ้นมาในที่สุด ในขั้นต้นผิวแตกลายจะสามารถมองเห็นในลักษณะลายขัดยาวสีชมพู หรือสีแดง เมื่อเวลาผ่านไปจะกลายเป็นสีเงิน หรือสีม่วง และในท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นเส้นขีดสีขาว ดูคล้ายกับรอยแผลเป็น หากไม่ได้รับการดูแลรักษาเสียตั้งแต่เนิ่นๆ

วิธีการรักษา ลดปรากฏการณ์ผิวแตกลายจากธรรมชาติ
ผิวแตกลาย สามารถำให้คุณรู้สึกประหม่า และไม่สบายใจ ความมั่นใจที่สูญเสียไปเหล่านี้ คุณสามารถที่จะทำการเรียกคืนมาได้ ด้วยกระบวนการทางธรรมชาติ ดังต่อไปนี้
 1.น้ำมันละหุ่ง ถูกนำมาใช้ในการรักษาปัญหาด้านผิวพรรณกันอย่างแพร่หลาย อาทิเช่น ริ้วรอย จุดด่างดำ สิว และนำมาใช้ในการกำจัดรอยแตกลาย คุณสามาถใช้นำมันละหุ่ง ทาลงไปบนผิวหนังที่มีปัญหาผิวแตกลาย พร้อมกับทำการนวดเบาๆ เป็นวงกลม นาน 5-10 นาที จากนั้นใช้แผ่นความร้อน หรือผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นหมาดๆ วางทับในบริเวณดังกล่าว ทิ้งเอาไว้อย่างน้อย 30 นาที ขั้นตอนนี้ สามารถทำซ้ำได้ทุกวัน ซึ่งจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือน จึงจะสามารถเห็นผลลัพธ์ที่เกดฃิดขึ้นได้อย่างชัดเจน
 2.ว่านหางจระเข้ มีประสิทธิภาพในการช่วยรักษาผิวแตกลาย คุณสามารถนำว่านหางจระเข้มาทำการทาลงบนผิวโดยตรง ทิ้งเอาไว้ประมาณ 15 นาที แล้วทำการล้างออกด้วยน้ำอุ่น หรือนำว่านหางจระเข้ ผสมเข้ากับน้ำมันวิตามินอี แล้วนำส่วนผสมที่ได้ไปทำการทาบริเวณที่เกิดปัญหาผิวแตกลาย ถูผิวบริเวณดังกล่าวไปเรื่อยๆ จนกระทั่งผิวเกิดการดูดซึมส่วนผสมลงไปสู่ผิวชั้นลึก

         3.ไข่ขาว อุดมไปด้วยโปรตีนและกรดอะมิโน ที่เหมาะเป็นอย่างยิ่งในการช่วยเสริมสร้างรักษาปัญหารอยแตกลาย คุณเพียงแค่นำแปรงจุมลงในไข่ขาว แล้วทางลงไปบนผิวบริเวณที่เกิดปัญห ปล่อยทิ้งเอาไว้ให้แห้ง จากนั้นทำการล้างออกด้วยน้ำเย็น ตบท้ายด้วยการใช้น้ำมันมะกอกทาลงบนผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ทำซ้ำเป็นประจำทุกวันเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อให้ผิวของคุณได้รับผลลัพธ์ในเชิงบวก
 4.น้ำมะนาว มีกรดตามธรรมชาติที่ช่วยลดสิว รอยแตกลาย และรอยแผลเป็นอื่นๆ คุณเพียงแค่นำน้ำมะนาวคั้นสดๆ ทาลงบนผิว ทิ้งเอาไว้ประมาณ 10 นาที แล้วจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำอุ่น อีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ การผสมน้ำมะนาว เข้ากับน้ำแตงกวาในปริมาณที่เท่ากัน แล้วนำไปทาในบริเวณที่เกิดปัญหาผิวแตกลาย
 5.น้ำตาลดิบ เป็นหนึ่งในวิธีการเยียวยาผิวหนังที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งในการกำจัดปัญหาผิวแตกลาย เพราะมันมีคุณสมบัติในการช่วยผลัดเซลล์ผิว เพียงผสมน้ำตาลทรายดิบ เข้ากับน้ำมะนาว และน้ำมันอัลมอนด์ไม่กี่หยด ทาส่วนผสมที่ได้ลงไปยังบริเวฯผิวแตกลาย นวดเบาๆ เป็นเวลาเพียงไม่กี่นาทีก่อนการอาบน้ำ เป็นประจำราวๆหนึ่งเดือน รอยแตกลายทีเคยชัดเจนของคุณจากที่หนัก ก็จะกลายเป็นเบาลงอย่างน่ามหัศจรรย์เลยทีเดียว

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ตูดดำใช่ไหม มาดูวิธีแก้ตูดดำกัน ให้ผลทันใจ

         ผิวหนังที่ก้นและขาหนีบเป็นบริเวณที่มีเนื้อเยอะกว่าผิวหนังส่วนอื่นๆ หากเกิดการเสียดสีบ่อยๆ เช่น การใส่กางเกงรัดๆ นั่งบนเก้าอี้แข็งๆ เป็นต้น จึงทำให้เกิดปัญหาตูดดำเอาได้ง่ายๆ ยิ่งใครที่มีน้ำหนักมากๆ หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า “อ้วน” ก็จะยิ่งมีความสิ่งที่จิเกิดปัญหาตูดดำ ขาหนีบดำมากกว่าคนผอม ฉะนั้น วิธีแก้ตูดดำสำหรับคนอ้วนจึงจำเป็นต้องลดน้ำหนักให้ได้ก่อน นอกเหนือจากนั้นก็ควรใช้วิธีแก้ตูดดำแบบบ้านๆที่เราได้รวมรวมมานำเสนอดังต่อไปนี้

 

วิธีแก้ตูดดำแบบบ้านๆ
         1.แก้ตูดดำฉบับพันทิป วิธีแก้ตูดดำนี้เราได้นำมาจากเว็บไซต์ดังอย่างพันทิป ที่มีคนไปตั้งกระทู้เอาไว้ว่า “(รีวิว) ครีมแก้ก้น(ตูด)ดำ ทำเอง ราคาถูก” โดยมีการใช้วาสลีนกระปุกสีเหลือง ผสมกับครีมกวนอิมที่หาได้ตามร้านสะดวกซื้อ ซึ่งวิธีการทำก็แสนง่ายเพียงแค่ตักส่วนผสมทั้งสองมาคนให้เข้ากัน จากนั้นก็นำมาทาบริเวณที่เป็นปัญหาได้เลย สำหรับผลลัพธ์ที่ได้มีผลมาแสดงความเห็นการันตีสูตรนี้อยู่พอสมควร โดยสูตรนี้จะทำให้ความดำด้านค่อยๆหายไป จนได้ผิวแก้มก้นเนียนสดใสแบบเป็นธรรมชาติอย่างที่สาวๆต้องการ
         2.แก้ตูดดำด้วยการสครับและบำรุง โดยขั้นตอนแรกให้ทำความสะอาดผิวบริเวณที่เป็นปัญหาตูดดำเสียก่อน จากนั้นก็ทำการสครับผิวโดยใช้ยี่ห้ออะไรก็ได้ ขัดเบาๆไปตรงที่บริเวณดำด้าน เพื่อเป็นการดูแลผลัดเซลล์ผิวที่หยาบกระด้างออกไป ท้ายสุดให้บำรุงผิวด้วยการชโลมน้ำมันมะพร้าวให้ชุ่ม โดยขั้นตอนนี้จะช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น สุขภาพผิวแข็งแรง ไม่แห้งกร้าน ที่สำคัญสารอาหารในน้ำมันมะพร้าวจะช่วยแก้ตูดดำอย่างเห็นผล
         ขั้นตอนสุดท้ายให้ทาครีมกวนอิม เพราะสีของครีมค่อนข้างออกไปทางสีเนื้อคล้ายบีบีครีม ซึ่งหลังจากทาไปได้สักพักจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งนี้ หลังจากทาครีมกวนอิมแล้วอาจจะมีความเหนียวเหนาะหนะ ทำให้บางคนรำคาญใจ ก็สามารถแก้ได้โดยการโบกแป้งเด็กไปที่ก้นได้เลย หลังจากนั้นก็รอดูผลลัพธ์ที่ได้ ซึ่งการรันตีได้เลยว่าภายใน 3 สัปดาห์จะเริ่มเห็นผลถึงความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

         นอกจากวิธีแก้ตูดดำข้างต้นแล้ว ยังควรหาเบาะรองก้นนิ่มๆมาแทนที่นั่งแข็งๆ โดยเฉพาะคนที่ต้องนั่งทำงานเป็นเวลานานๆ หากหาที่เบาะนุ่มมารองก้นแล้วล่ะก็ ปัญาตูดดำก็จะมาเยือนไม่รู้จักจบจักสิ้น และสำหรับคนที่ชอบนั่งพื้นก็ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หลีกเลี่ยงการนั่งพื้น เพราะจะช่วยลดการสัมผัสไม่ให้ผิวเสียดสีจนเกิดเป็นรอยตูดดำ
         การทาครีมบำรุงผิวมอบความชุ่มชื่นเป็นประจำในบริเวณจุดสัมผัสหรือเสียดสีก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยเนื้อครีมจะช่วยลดอาการดำ ความหมองคลำ และความแห้งกร้านได้ดี รวมทั้งช่วยในเรื่องความเนียนน่าสัมผัส เพราะช่วยทำให้ผิวไม่แห้ง หยาบกร้าน หรืออีกวิธีได้ผลไม่แพ้กันคือการสครับผิว ทั้งนี้ ควรสครับผิวตามจุดสัมผัสโดยค่อยๆขัดอย่างเบามือ จะสามารถแก้ตูดดำให้จางลงได้บ้าง หรือให้ความหนาลดลง แต่ในรายที่ผิวบริเวณดังกล่าวดำมากก็อาจใช้ไม่ได้ผล
         ไม่แนะนำให้สครับขัดแบบรุนแรง ใครที่คิดยิ่งลงแรงขัดความดำจะได้หลุดออก เช่น เอาใยบวมหนาๆ มาขัดถูแรงๆ จนเกิดอาการอักเสบบวมแดง พอแดงมากๆ อาจจะทำให้ความดำเยอะขึ้นได้อีก เพราะนั่นคือการเสียดสีอย่างรุนแรง ดังนั้น อย่าขัดตัวผิวบริเวณก้นบ่อยเกินไป แค่สัปดาห์ละครั้งก็เพียงพอแล้ว ที่สำคัญ ผงสครับขัดผิวต้องมีความละเอียดพอสมควร ห้ามเอาแบบเม็ดเกลือชนิดหยาบๆมาขัดตัวเด็ดขาด

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ก้นดำทำไงดี วิธีแก้ปัญหาก้นดำ ขาหนีบดำ เห็นผลจริง

         อีกหนึ่งปัญหาที่บั่นทอนความมั่นใจของสาวๆไปได้มากโข นั่นคือปัญหาก้นดำ ขาหนีบดำที่คอยมารังควานอยู่ตลอดเวลา ซึ่งส่วนใหญ่เวลามีปัญหาก้นดำก็มักแก้ด้วยการหากางเกงหรือกระโปรงยาวมาสวมใส่เพื่อปกปิดส่วนที่บกพร่องของร่างกาย แต่แล้ววันที่ต้องโชว์แก้มก้นก็มาถึง มันคือวันที่ต้องใส่บิกีนี่เล่นน้ำยังไงล่ะ พอวันนั้นมาถึงสาวๆก็มักกลัดกลุ้มใจ ไม่รู้จะทำอย่างไรให้ก้นดำ ขาหนีบดำหายไป และวันนี้ก็ไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป เพราะเรามีสารพัดวิธีแก้ปัญหาก้นดำ ขาหนีบดำมานำเสนอ แต่ก่อนอื่นมาดูกันว่าปัญหานี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
           
ก้นดำ ขาหนีบดำ เกิดจากอะไร

         สำหรับสาเหตุที่ทำให้ก้นดำนั้น พญ.ทวีรัตนา บุตรสุนทร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง โรงพยาบาลกรุงเทพ ได้ให้สัมภาษณ์กับ ASTVผู้จัดการออนไลน์ไว้ว่า ปกติเม็ดสีบริเวณขาหนีบและก้นมักจะเยอะกว่าผิวหนังส่วนอื่นอยู่แล้ว แต่บางคนผอมมากก็ดำได้นะ เพราะเนื้อตรงผิวหนังช่วงที่เป็นกระดูกตรงก้น จะมีปริมาณน้อย จึงทำให้เกิดการเสียดสีมาก และทำให้ดำ จนกลายเป็นวงๆ เหมือนกระดูกตรงบริเวณก้นที่เสียดสีนั้นเลย ยิ่งมีการเสียดสี เช่น ใส่กางเกงรัดๆ ยิ่งเป็นยีนส์ยิ่งเสียดสีเข้าไปใหญ่ เพราะผ้าค่อนข้างหนา หรือสวมกางเกงในฟิต และความอ้วนก็เป็นอีกปัจจัย เพราะจะทำให้ผิวหนังเสียดสีมากกว่าคนน้ำหนักปกติ บางรายที่อ้วนมาก ไม่สามารถลดน้ำหนักได้ รักษาไปอาจจะทรงๆอยู่ แต่ความดำไม่หายไปก็มี
         ส่วนใหญ่ที่ดำเพราะเป็นเรื่องของการเสียดสีบริเวณตำแหน่งนั้น หากมีการเสียดสีมากๆ หนังก็จะมีการหนาตัวขึ้นและดำ เช่น หากเป็นการดำบริเวณรักแร้ และขาหนีบ ก้น จะเป็นเรื่องของการเสียดสี โดยปกติบริเวณนี้เม็ดสีจะเยอะกว่าบริเวณอื่นอยู่แล้ว จึงมีแนวโน้มดำกว่าที่อื่น
         ดังนั้นปัญหาง่ามขาหนีบ ก้น รักแร้ดำ จึงถือว่าเป็นปัญหาด้านผิวหนังที่พบได้บ่อย อีกทั้งยังต้องหลีกเลี่ยงการแกะเกาหากรู้สึกคันเมื่อก้นอับชื้น เกิดตุ่ม ผด หรือสิว เพราะเมื่อสิวหายก็ทำให้เกิดรอยดำ ดูกระดำกระด่าง
         ส่วนอาการผิวด้านในคนที่เกิดจากการเสียดสีเป็นเวลานานๆ เซลล์ผิวหนังจะจับตัวกันมากขึ้นเป็นผื่นแข็ง เนื่องจากเกิดการอักเสบใต้ผิว ควรให้แพทย์ตรวจเช็คดูว่ายังมีอาการอักเสบหรือไม่ แพทย์อาจสั่งจ่ายยาทาในกลุ่มเสตียรอยด์เพื่อลดอาการอักเสบของผิว
 
วิธีแก้ปัญหาก้นดำ ขาหนีบดำ

 

         1.ใช้สมุนไพรตามธรรมชาติ เช่น มะขามเปียก มะนาว นำมาถูทิ้งไว้ประมาณ 2-5 นาที บริเวณที่เกิดรอยด่างดำ ความเป็นกรดอ่อนๆ จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออก ช่วยให้ผิวเนียนนุ่มขึ้น
         2.การลดน้ำหนัก โดยเฉพาะคนที่มีรูปร่างอ้วนจะยิ่งทำให้เกิดปัญหาก้นดำ ขาหนีบดำได้ง่าย การลดน้ำหนักให้เน้นท่าออกกำลังกายกระชับต้นขา ต้นแขน เพื่อช่วยลดการเสียดสีของผิวหนัง    
         3.รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ วิตามินซี วิตามินอี โดยวิตามินอี สามารถพบได้มากในอาหาร เช่น นม ไข่ ถั่ว เนื้อสัตว์ ปลา ผัก สำหรับวิตามินซี สามารถพบได้มากในอาหาร เช่น ผัก และผลไม้ ซึ่งวิตามินทั้งสองมีบทบาทที่เป็นประโยชน์ต่อผิว ทำให้ผิวแข็งแรง และลดการอักเสบ
         4.หลีกเลี่ยงการใส่กางเกงในนอน เพราะการที่กางเกงรัดแน่นจนเกินไปก็จะยิ่งทำให้ปัญหาก้นดำ ขาหนีบดำยิ่งรุนแรงขึ้นเป็นเท่าทวี ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องใส่ก็ให้เลือกกางเกงในที่ไม่มีตะเข็บ ไม่รัดติ้ว ไม่รัดจนเกินไป
         5.ทาครีมบำรุงผิว ที่มีส่วนผสมของ AHA และ whitening เพื่อลดรอยด่างดำ
         6.หาเบาะนุ่มๆมารองนั่ง เนื่องจากการนั่งบนที่นั่งแข็งๆเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดการเสียดสีบนผิวหนังบริเวณก้นมากขึ้น ทำให้ก้นดำคล้ำยิ่งขึ้นนั่นเอง การหาเบาะนุ่มๆมารองนั่งก็เพื่อป้องกันการกระแทกบริเวณที่เสียดสี
         7.ใช้เลเซอร์ลบรอยดำ กรณีที่มีรอยคล้ำดำมาก อาจต้องใช้เลเซอร์ ลบรอยดำ เพื่อยับยั้งการสร้างเม็ดสี ซึ่งการยิงเลเซอร์ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สีผิว ถ้าเป็นคนผิวคล้ำเห็นผลไม่ดีเท่าคนผิวขาว หรือใช้พวกเลเซอร์ IPL เหมือนเวลาเรายิงเลเซอร์แก้ปัญหารอยดำของสิวบนใบหน้า

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ยารักษาส้นเท้าแตก มหัศจรรย์ รักษาส้นเท้าแตก และช่วยบำรุงผิว

         ปัญหาส้นเท้าแตกเป็นตลกร้ายที่ใครเป็นคงขำไม่ออก เพราะนอกจากมันจะบั่นทอนความมั่นอกมั่นใจแล้ว บางคนเป็นหนักถึงขั้นเจ็บปวดส้นเท้ากันเลยทีเดียว โดยการที่ส้นเท้าแตกนั้นมักเกิดจากการกระทำของตัวเราเอง ที่มักจะใส่รองเท้าแตะ รองเท้าเปิดส้น และก็มักจะเดินในบ้านแบบเท้าเปล่า จะทำให้ส้นเท้าได้รับความเย็นจนกระทั่งผิวบริเวณนั้นแห้งแตกในที่สุด นอกจากนั้น น้ำหนักตัวที่มากเกินไป รวมถึงการใส่รองเท้าที่ด้อยคุณภาพก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดส้นเท้าแตก เนื่องจากผิวหนังบริเวณส้นเท้าได้รับแรงกระแทกมาก ทำให้ผิวหนาขึ้น
 
ปัญหาส้นเท้าแตก รู้ให้ทันป้องกันได้

         การป้องกันย่อมไว้ก่อนย่อมดีกว่าการแก้ไข ฉะนั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาผิวหนังที่ส้นเท้าแตก ประการแรกควรควบคุมน้ำหนัก อย่าให้กลายเป็นคนอ้วนเกินเกณฑ์ เพราะจะทำให้ส้นเท้าแตกได้ง่าย และควรหลีกเลี่ยงรองเท้าประเภทที่ทำร้ายส้นเท้า พยายามเลือกชนิดที่มีบริเวณส้นเท้าที่นุ่มนวล และดีไปกว่านั้นก็คือใส่ถุงเท้านุ่มๆด้วย

         ประการต่อมาคือให้รักษาความชุ่มชื้นของผิวหนังบริเวณส้นเท้าไว้ อย่าไปสัมผัสกับความเย็นโดยตรง เวลาเดินในบ้านหรือออฟฟิศ (โดยเฉพาะพื้นกระเบื้อง) ก็ควรสวมรองเท้า เพราะความเย็นจะทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น แห้งกร้าน ส้นเท้าแตกได้ง่าย และไม่ควรยืนนานๆบนพื้นที่แข็งกระด้าง เพราะทำให้ส้นเท้าต้องรับภาระหนัก สุดท้ายเมื่อไม่ไหวก็เกิดการปรับผิวบริเวณนั้นให้หนาขึ้นๆ ซึ่งจะทำให้ส้นเท้าแตกได้ และสุดท้ายสิ่งที่ป้องกันส้นเท้าแตกได้ดีที่สุดคือการดูแลผิวจากภายใน ด้วยการดื่มน้ำในปริมาณที่พอเหมาะอย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน ทำให้ผิวมีความชุ่มชื่น ยืดหยุ่น ป้องกันปัญหาส้นเท้าแตก
 
วิธีแก้ปัญหาส้นเท้าแตก

         1.น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันงา เมื่อเกิดปัญหาส้นเท้าแตก ทั้งสองอย่างนี้สามารถใช้รักษาส้นเท้าแตกได้ เพียงแค่นำน้ำมันมานวดทาบริเวณส้นเท้าสักประมาณ 15 นาที โดยไม่ต้องล้างออกก็จะช่วยให้ผิวหนังที่ส้นเท้าแลดูเนียนนุ่ม ชุ่มชื่น ลดปัญหาส้นเท้าแตกได้
         2.หินขัดเท้า เป็นอีกหนึ่งวิธีที่นิยมใช้รักษาส้นเท้าแตกกัน เพราะใช้ได้ตามสะดวก และเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุได้ดี ทั้งนี้ ถ้าดูแลส้นเท้าไม่ดีก็มีโอกาศจะกลับมาเป็นได้อีก ดังนั้น จึงควรใช้หินขัดเท้าควบคู่ไปกับวิธีอื่นๆด้วย เช่น การทาครีมแก้ส้นเท้าแตก เป็นต้น

         3.ครีมทาส้นเท้าแตก หรือครีมมอยส์เจอไรเซอร์ชนิดเข้มข้น โดยให้ใช้ทาถูนวดบริเวณเท้าและส้นเท้าเป็นประจำหลังการขัดเท้าหรือก่อนนอนและสวมถุงเท้าทับหลังทาเสร็จทุกครั้ง ครีมทาส้นเท้าแตกมักมีส่วนผสมของยูเรียที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและช่วยบรรเทาอาการส้นเท้าแตกให้ดีขึ้น ที่นิยมใช้ก็เช่น ศิริราชซอฟแคร์ ครีม Du’it ครีม Nash ครีม Ellfy plus ครีมนิจิดีส์ (nichidi) ครีม Scholl foot cream และครีมPolka
         4.แช่เท้าในน้ำอุ่นผสมน้ำส้มสายชูและน้ำยาบ้วนปาก วิธีนี้อาจดูพิลึกพิลั่นไปนิด แต่ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าพอใจแน่นอน โดยให้ใช้น้ำอุ่น น้ำส้มสายชู และน้ำยาบ้วนปากอย่างละเท่ากัน แล้วแช่เท้าทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แต่บางคนก็แช่เท้าในน้ำส้มสายชูผสมกับน้ำยาบ้วนปากอย่างละครึ่งถ้วยก่อนประมาณ 20-30 นาที แล้วค่อยแช่เท้าในน้ำอุ่นทิ้งไว้อีกครึ่งชั่วโมง จากนั้นขัดส้นเท้า แล้วล้างเท้าให้สะอาด เช็ดเท้าให้แห้งและทาด้วยครีมบำรุงสำหรับทาส้นเท้าแตกอีกครั้ง
         5.เปลือกกล้วยหอม ให้นำเปลือกกล้วยมาถูบริเวณที่ส้นเท้าแตก แล้วทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที กรดผลไม้และสารอาหารในเปลือกกล้วยจะช่วยลอกผิวและสมานส้นเท้าที่แตกให้กลับมามีสุขภาพผิวที่ดีขึ้นได้ โดยวิธีการใช้เปลือกกล้วยหอมนี้ได้รับความนิยมอย่างมากและมีการรีวิวจากผู้ใช้จริงมากมายว่าได้ผลดีเยี่ยม

สีผิวไม่สม่ำเสมอ แก้ไขได้อย่างไร

         อีกหนึ่งปัญหาผิวที่เจอกันถ้วนหน้า นั่นก็คือการมีสีผิวไม่สม่ำเสมอ โดยจะเห็นได้ชัดบริเวณต้นแขน ลำคอ และขา สาเหตุที่ทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอเกิดจากการโดนแดดนานๆ ผิวจะสร้างเมลาโนไซท์ขึ้นมา ทำให้มีการผลิตเมลานินเพิ่มมากขึ้น บริเวณที่มีการรวมตัวกันของเมลานิน จะส่งผลทำให้ผิวบริเวณนั้นมีสีคล้ำขึ้น ซึ่งเมลานินมีหน้าที่ปกป้องผิวจากแสงแดดและรังสียูวี และช่วยซึมซับความร้อนจากแสงแดด นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆอีก ได้แก่ ฮอร์โมน การใช้ครีม หรือยาบางประเภทด้วย เพื่อให้ผิวกลับมามีสุขภาพดี สีผิวมีความสม่ำเสมอกัน มาดูกันว่าจะแก้ไขได้อย่าไง

 

วิธีแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ
         1.ทาครีมกันแดด ก็ในเมื่อสาเหตุส่วนใหญ่จะมาจากแสงแดดที่ทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ แสดงว่าบริเวณที่เข้มกว่าได้รับรังสี UV มากกว่า จึงควรแก้ไขโดยใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 หรือ 40 ขึ้นไป และจะต้องหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดด้วย แต่หากมีความจำเป็น แนะนำให้ทาครีมกันแดดซ้ำเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวคล้ำมากขึ้น หรือหาอุปกรณ์ป้องกัน อย่างเช่น กลางร่ม สวมหมวกกันแดด แว่นกันแดด เป็นต้น
         2.ทาครีมบำรุงผิว เมื่อป้องกันแสงแดดได้แล้ว ควรใช้ครีมปรับสภาพให้ผิวขาว (Whitenning Cream) ที่จะช่วยให้ผิวที่ดำคล้ำค่อยๆ จางลงได้ และทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอกลับมาขาวเท่ากันได้ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Whitening ทาเฉพาะบริเวณ T-ZONE ก็เป็นอีกวิธี ที่จะช่วยให้ผิวสม่ำเสมอเท่ากัน  รวมถึงการทำ Treatment ผิว เช่น การขัดผิว ก็ช่วยให้สภาพผิวดีขึ้น
         3.พอกผิวขาวด้วยโยเกิร์ตผสมมะนาว โดยให้นำมะนาวไปคั้นเอาน้ำผสมกับโยเกิร์ตธรรมชาติ แล้วทาผิว ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีจึงล้างออก กรดในน้ำมะนาวจะช่วยขจัดเซลล์ของผิวเก่าที่เสียให้หลุดออกไป เผยผิวใหม่ที่เป็นผิวขาวสดใสกว่าเดิม โดยส่วนผสมของโยเกิร์ตจะช่วยลดการระคายเคืองผิวจากกรดของมะนาว สีผิวที่ไม่สม่ำเสมอกัน และมีความแห้งกร้านคล้ำเสียจากการถูกแดดเผา จะกลับมามีสุขภาพดีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
         4.พอกผิวด้วยนมสดผสมผงชาเขียว นำนมสดสัก 3 ช้อนโต๊ะผสมกับผงชาเขียวป่นที่หาซื้อได้ตามร้านทั่วไป โดยใช้ผงชาเขียวเพียงแค่ 1 ช้อนชาเท่านั้น เมื่อผสมให้เข้ากันแล้วก็ให้ใช้สำลีก้อนชุบส่วนผสมทั้งสอง นำมาถูให้ทั่วผิว (ใช้กับใบหน้าก็ได้) ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น สูตรนี้จะเป็นการกำจัดสิ่งสกปรกบนผิวได้อย่างหมดจด และมอบความเนียนนุ่มชุ่มชื้นสู่ผิว ทั้งยังฟื้นบำรุงผิวที่คล้ำเสีย ไม่สม่ำเสมอกัน ให้ขาวขึ้นได้

         5.รับประทานผักผลไม้ ได้แก่ มะเขือเทศ ที่อุดมไปด้วยวิตามินเอและซีสูง ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยสร้างสมดุลให้กับผิว ลดเลือนความหมองคล้ำจากภายในสู่ภายนอก เป็นผักผลไม้ที่หารับประทานง่าย และช่วยให้ผิวขาวถาวรอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังควรรับประทานฝรั่ง ส้ม แอปเปิ้ล ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เพาะอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามันซี และโพแทสเซียม ซึ่งมีส่วนช่วยทำให้ผิวมีสุขภาพที่ดี มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวขาวสว่าง กระจ่างใส และทำให้ผิวชุ่มชื่นอยู่เสมอ ได้ผิวพรรณเรียบเนียนและดูสดใสขึ้น
         ปัญหาเรื่องสีผิวไม่สม่ำเสมอสามารถแก้ไขได้ แต่ในบางคนที่ตากแดดมานานมากๆอาจต้องใช้เวลามากกว่าคนทั่วไป และจำเป็นต้องใช้หลากหลายวิธีควบคู่กันไป ที่สำคัญคือควรดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ อย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน จะช่วยให้กระบวนการฟื้นบำรุงผิวมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ ขอย้ำว่าควรหลีกเลี่ยงแดดจัด สาเหตุหลักที่ทำให้สีผิวไม่เท่ากัน หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรหาหมวก แว่นตากันแดด และทาครีมกันแดด เพื่อปกป้องผิวไม่ให้ถูกทำร้าย

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.