‘Clear Dark’ ครีมทาตูด แก้ก้นดำให้ขาวได้ภายใน 2 สัปดาห์

         หลายคนคงรู้สึกเขินอายเมื่อพูดถึงปัญหาก้นดำ แต่ขอถามหน่อยว่าถ้ามัวแต่อายแล้วเมื่อไหร่จะหาย? และปัญหาผิวนี้บอกได้เลยว่าหากปล่อยไว้นานๆจะยิ่งแก้ไขได้ยากขึ้นเป็นเท่าทวี ดังนั้น จงสลัดยางอายออกไปแล้วมาหาวิธีรักษาตูดดำ ก้นลายให้หายกันดีกว่า ถ้าพร้อมแล้วก็มาเริ่มกันเลย
         วันนี้เรามีหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ใช้รักษาตูดดำ ก้นลายโดยเฉพาะ หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า “ครีมทาตูด” โดยครีมตัวนี้ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้มากมายโดยเฉพาะตามร้านค้าออนไลน์ (ไม่เชื่อลองค้นหาในอากู๋ google) มันคือครีมทาตูด “Clear Dark” กระปุกสีม่วงสดใสนั่นเอง

ทำไมต้องครีมทาตูด Clear Dark

         ขอเกริ่นแบบไม่ได้อวยก่อนเลยว่า ครีมทาตูดตัวนี้ ช่วยแก้ปัญหาเรื่องตูดดำ ก้นลายได้อย่างเห็นผล เพราะ Clear Dark เป็นที่สุดของนวัตกรรมครีมอนุภาพขนาดเล็ก (Nano) ที่สามารถซึมสู่ผิวได้อย่างล้ำลึก แบบคูณสอง ทำให้ฟื้นบำรุงถึงผิวชั้นในได้อย่างเข้มข้น ช่วยลบความหมองคล้ำ บริเวณก้นและขาหนีบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
         นอกจากนี้ยังสามารถใช้กับผิวบริเวณหน้าท้องที่มีรอยแตกลาย หรือผิวหนังบริเวณที่มีสีผิวไม่สม่าเสมอ ผิวไม่เรียบเนียน เช่น หัวเข่า ข้อศอก ให้ผิวนุ่มเด้ง อ่อนกว่าวัย ดุจดั่งเด็กแรกเกิด ที่สำคัญคือเมื่อใช้ครีมทาตูด Clear Dark ต่อเนื่องกันภายใน 14 วัน ก็จะทำให้ผิวที่เคยดำคล้ำ ดำด้าน และแตกลาย กลับมาขาวใสมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ส่วนประกอบสำคัญของครีมทาตูด Clear Dark
         1.น้ำมันแร่ (mineral Oil) ถูกนำมาใช้ในผลิตภันฑ์เกี่ยวกับผิวหนังโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนัง ป้องกันผิวหนังแห้ง ตกสะเก็ด คัน และลดการระคายเคืองผิวหนัง ซึ่งสาเหตุของผิวแห้งส่วนใหญ่เกิดจากการสูญเสียน้ำผ่านทางผิวหนัง โดยน้ำมันแร่นี้จะทำหน้าที่เป็นชั้นฟีล์มน้ำมันเคลือบบริเวณผิวหนังชั้นบนป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสียน้ำผ่านทางผิวหนังและเก็บรักษาความชุ่มชื้นไว้กับผิวหนัง ทั้งนี้ น้ำมันแร่มีข้อครหาที่ว่าอาจเป็นสารอันตราย แต่ครีมทาตูด Clear Dark ได้นำมาใช้ในปริมาณที่เหมาะสม
         2.สารสกัดจากว่านหางจระเข้ หรือ Aloe Vera สารตัวนี้จะช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น ลดอาการอักเสบของผิว ทำให้ผิวหนังอุ้มน้ำและดูดซึมน้ำได้ดี กระตุ้นการสร้างสารคลอลาเจนในชั้นผิว ลบจุดด่างดำ ลดเลือนริ้วรอย ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย จึงทำให้สารสกัดจากว่านหางจระเข้เป็นส่วนประกอบสำคัญที่จะช่วยแก้ปัญหาตูดดำ ก้นลายอย่างได้ผล

         3.ลาโนลิน (lanolin) สารสกัดจากน้ำมันบนขนแกะที่ช่วยหล่อเลี้ยงให้ผิวมีความนุ่มชุ่มชื่น ไม่แห้งกรอบ และยังช่วยในการปกป้องผิวจากการโดนทำร้ายจากสิ่งภายนอก ลาโนลินเป็นไขมันที่ดี ไม่ทำให้เหนียวเหนอะหนะ และซึมซาบเข้าสู่ผิวได้รวดเร็ว ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองผิว
         4.วิตามินอี เป็นวิตามินชนิดที่ละลายในไขมัน ที่มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นวิตามินที่ได้จากพืช เช่น ดอกทานตะวัน เหมาะสำหรับการดูแลผิวเป็นอย่างยิ่ง และให้ผลดีเยี่ยมในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องเซลล์ผิวหนังจากสารอนุมูลอิสระซี่งเป็นต้นเหตุแห่งความเสื่อมสภาพของเซลล์
         นอกจากนั้น ครีมทาตูด Clear Dark ยังมีส่วนผสมที่เป็นประโยชน์ต่อผิว ช่วยแก้ปัญหาก้นดำ ตูดลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ส่วนผสมจากน้ำ, Isotropy Myristate, Tretanoiamine, cetyl Alcohol, Sorbiol, Fragrance. Carbomer, Propylene Grycol, Diazolidinyl Uorea, Methyl Paraben, Proply Paraben. Tetrasodium EDTA. เป็นต้น
         อย่างไรก็ตาม เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการแก้ปัญหาตูดดำ คุณควรบำรุงจากภายในด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะผักผลไม้ทั้งหลาย เพราะมีสารอาหารมากมายที่จะช่วยให้ผิวสวยมาจากข้างใน เพียงแค่นี้ปัญหาตูดดำ ก้นลายก็จะค่อยๆทุเลาลงจนได้ก้นขาวเนียนใสคืนกลับมา

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ครีมมะขามพะเยา คืออะไร ดีจริงหรือเปล่า?

         กระปสการเสริมความงามของผิวพรรณบนใบหน้าด้วยการใช้ส่วนผสมจากพืช ผัก ผลไม้ และสมุนไพรธรรมชาติกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากคุณสาวๆผู้รักความสวยคงามงามในปัจจุบัน ซึ่งในวันนี้ก็จะขอพาคุณสาวๆไปทำความรู้จักกับ “ครีมมะขามพะเยา” หนึ่งในผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาผิวหน้า ที่กำลังได้รับการพูดถึงแบบปากต่อปากถึงสรรพคุณที่โดดเด่นไม่เหมือนใครในปัจจุบัน ส่วนประสิทธิภาพของเจ้าครีมมะขามพะเยาจะมีอะไรที่น่าสนใจ รวมไปถึงมีส่วนผสมจากธรรมชาติอะไรบ้างนั้น สามารถติดตามอ่านได้จากบทความชิ้นนี้กันเลย

ครีมมะขามพะเยา คืออะไร?
ครีมมะขามพะเยา เป็นครีมที่ใช้ความรู้ดั้งเดิมทางด้านสมุนไพรในการบำรุงผิวมาใช้ โดยเป็นผลิตภัณฑ์ otop จากกลุ่มแม่บ้าน อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา ที่โด่งดังในฐานะสินค้าโอทอป 5 ดาว ครีมมะขามพะเยามีส่วนผสมหลักของมะขาม ที่คนในอดีตนิยมนำมะขามที่อุดมไปด้วย AHA มาใช้ในการขัดทความสะอาดผิวหน้าเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและลดรอยหมองคล้ำบนผิวหน้า ซึ่งถ้าหากทำการแจกแจงแล้ว มะขามนั้นจะมีสรรพคุณดังต่อไปนี้
 1.มะขามมีสรรพคุณช่วยในการกำจัดความมันบนใบหน้าอย่างล้ำลึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่เป็นฝ้า กระและปัญหาเรื่องสิว
 2.มะขามมีส่วนประกอบของสาร AHA ที่ทำหน้าที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกอย่างเป็นธรรมชาติ และยังช่วยำให้ฝ้าจางลง
   3.มะขามช่วยขจัดสิวเสี้ยน สิวอุดตัน ลดความหมองคล้ำบนใบหน้าให้น้อยลง
 4.มะขามช่วยปรับสภาพสีผิวให้แลดูสม่ำเสมอ ผิวพรรณจึงดูขาว กระจ่างใส
 5.มะขามยังมีสารเคลือบผิวในลักษณะของฟิล์มบางๆ ที่ทำหน้าที่ช่วยเคลือบเซลล์ผิวไม่ให้แห้ง ผิวจึงไม่สูญเสียความชุ่มชื้น
 นอกจากมะขามที่เป็นส่วนประกอบหลักแล้ว ภายในครีมมะขามพะเยายังมีส่วนผระกอบสมุนไพรต่างๆ ที่มีคุณสมบัติสุดพิเศษในการบำรุงสุขภาพของผิวพรรณอีกหลายชนิด อาทิเช่น ว่านหางจระเข้ ขมิ้น น้ำผึ้ง นมสด เป็นต้น และที่สำคัญที่สุดคือ ครีมมะขามพะเยา ไม่ผสมสารกันบูดอีกด้วย

ครีมมะขามพะเยามีสรรพคุณในการบำรุงผิวพรรณอย่างไรบ้าง?
 ด้วยภูมิปัญญาแบบโบราณ ผสมผสานส่วนผสมของสมุนไพรธรรมชาติอย่างลงตัวจนกระทั่งกลายมาเป็นครีมมะขามพะเยา ก่อกำเนิดสรรพคุณในการบำรุงผิวพรรณอย่างหลากหลาย ดังต่อไปนี้
1.ช่วยในการปรับสภาพผิวอย่างเป็นธรรมชาติ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง เรียบเนียน
 2.ช่วยขจัดรอยดำบนผิวหน้า หรือตามร่างกาย รอยสิวบนแผ่นหลัง และปรับสภาพสีผิวให้มีความเรียบเนียนสม่ำเสมอ
 3.ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวเกิดความเหี่ยวย่น พร้อมชะลอความเหี่ยวย่นของผิว
 4.ช่วยกระชับรูขุมขน ผิวละเอียด และสดใสมากยิ่งขึ้น
 5.ช่วยลดความมันของผิว พร้อมกับเพิ่มความชุ่มชื้นตามกลไกการปกป้องผิวตามธรรมชาติ
 6.ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว คนที่ผิวเคยแพ้ง่าย ผิวจะมีภูมิต้านทานมากขึ้น

วิธีการใช้ครีมมะขามพะเยาอย่างถูกต้อง       
 ครีมมะขามพะเยา สามารถใช้ขัดและพอกผิวได้อย่างง่ายๆในขั้นตอนเดียว สามารถขัดได้ตามซอกหนีบ หรือบริเวณรักแร้ได้อย่างปลอดภัย และยังช่วยทำให้บริเวณที่เคยดำคล้ำค่อยๆขาวเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยมีข้อแนะนำในการใช้ครีมมะขามพะเยาตามส่วนต่างๆของร่างกาย ดังต่อไปนี้
 1.ใบหน้า ควรใช้ครีมมะขามพะเยาโดยคำนึงถึงสภาพผิวของตัวเองป็นสำคัญ ดังนี้
 -ผู้ที่มีผิวมัน ควรล้างทำความสะอาดใหบหน้าด้วยสบู่ หรือโฟม จากนั้นนำครีมมะขามพะเยาผสมกับน้ำสะอาดเล็กน้อย ขัดเบาๆให้ทั่วใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 5 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ขอแนะนำให้ทำในช่วงเย็นวันละ 1 ครั้ง
 -ผู้ที่มีผิวแห้ง สามารถใช้ครีมมะขามพะเยาล้างทำความสะอาดใบหน้าได้เลย ทิ้งเอาไว้ประมาณ 5 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ขอแนะนำให้ทำอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง
 2.สันเท้า พอกครีมมะขามพะเยาเอาไว้ประมาณ 10-20 นาที แล้วจึงค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด
3.ผิวกาย หลังการอาบน้ำด้วยสบู่หรือครีมอาบน้ำ นำครีมมะขามพะเยามาขัดให้ทั่วผิวกาย ตามซอกขาหนีบ ทิ้งเอาไว้ประมาณ 10 นาที จากนั้นจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด
 จากข้อมูลที่กล่าวถึงไปแล้วในตอนต้นจะเห็นได้ว่า ครีมมะขามพะเยานั้นสามารถนำมาใช้ในการบำรุงผิวกายทั้งในฐานะของโฟมทำความสะอาด และการพอกผิวพรรณได้อย่างง่ายๆในขั้นตอนเดียว สำหรับคุณสาวๆคนใดที่อยากบำรุงผิวกายด้วยวิธีการทางธรรมชาติ แบบง่ายๆจบในขั้นตอนเดียว ครีมมะขามพะเยาก็ถือเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑืทางเลือกที่ดที่เดียว

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ครีม joa รีวิว ชาวพันทิปว่ายังไงกันบ้าง ไปดูกัน

 

ผิวขาวเนียนสดใส เป็นสิ่งที่ใครๆก็อยากที่จะมี แต่กว่าที่จะมีผิวที่ขาวสมใจดั่งฝันได้ ต้องใช้ทั้งความพยายาม ทุนทรัพย์ และสติในการไต่ตรองข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการที่จะนำตัวเองไปสู่ความขาวเนียนได้อย่างปลอดภัย ซึ่งบทความในวันนี้จะขอพาคุณสาวๆทุกท่านไปรู้จักกับครีมมาร์คหน้ายี่ห้อหนึ่ง ส่งตรงจากเกาหลี ที่กำลังมีกระแสความน่าสนใจอยู่ในเว็บบอร์ด Pantip อย่าง ครีม joa ว่าที่จริงแล้ว เจ้าครีมตัวนี้มีดีในการช่วยทำให้ผิวขาวได้จริงหรือไม่ และมีประสิทธิภาพจริงๆมากน้อยเพียงใด

ครีม joa มีสรรพคุณที่โดดเด่นน่าสนใจอย่างไรบ้าง?
 ครีม joa หรือ JOA Cream Pack เป็นครีมสัญชาติเกาหลี มีสรรพคุณช่วยทำให้ผิวขาวกระจ่างสดใสขึ้น โดยไม่ใช่การกัดสีผิวเพื่อให้ขาวขึ้น แต่ประสิทธิภาพของครีม joa จะมุ่งเน้นไปที่การช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ที่ขาวเนียนสดใสมากขึ้นกว่าเดิม รวมไปถึงช่วยในการลดอาการอักเสบของสิวให้น้อยลงอีกด้วย ซึ่งครีม joa สามารถใช้ได้กับผิวพรรณทั่วทั้งร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า หัวเข่า ข้อศอก สิวยุบตัว สิวหายรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และยังมีผู้ที่เคยใช้ครีม joa ให้ความเห็นว่า สามารถช่วยลดความมันบนใบหน้าให้น้อยลงได้อีกด้วย ถ้าหากดูสรรพคุณตามฉลากด้านข้างของผลิตภัณฑ์จะพบว่า ครีม joa มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1.ช่วยทำความสะอากรูขุมขน ขจัดความมันส่วนเกินบนใบหน้า ช่วยทำให้ผิวกระจ่างใส
   2.ผลแคลเซี่ยมช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพอย่างอ่อนโยน ช่วยทำให้ผิวขาวขึ้น
  3.ส่วนผสมจากธรรมชาติ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เสริมความยืดหยุ่น และช่วยทำให้ผิวกระชับเต่งตึง
 อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังจากการใช้ครีม joa นั้น คุณสาวๆต้องเข้าใจก่อนว่าขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน การใช้เพียง 1-2 ครั้ง อาจจะไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้ ถ้าหากต้องการเห็นผลจริงๆ ควรใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่องไประยะเวลาหนึ่งเสียก่อน
สำหรับวิธีการใช้งาน ครีม joa ที่ถูกต้องนั้นคือ สามารถนำไปใช้ในการมาร์คหน้า หรือใช้ผสมกับครีมล้างหน้าก็ได้เช่นกัน แต่ถ้าหากใช้ในการมาร์คหน้า ขอแนะนำว่าไม่ควรทำการมาร์คทิ้งเอาไว้ไม่เกิน 10 นาที ซึ่งสามารถใช้ได้ 1-2 ครั้ง ต่อสัปดาห์ แต่ผู้ใช้ ครีม joa ที่มีผิวบอบบางส่วนใหญ่ ไม่นิยมนำไปใช้ทาพอกใหบ้นา แต่ใช้ในการพอกผิวพรรณในบริเวณอื่นๆ เช่น มือ แขน ขา หรือหัวเข่า เป็นต้น

ส่วนผสมหลักของครีม joa
 1.โคเอนไซม์ Q10 ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการแบ่งเซลล์ผิว
2.แคลเซียม เป็นสารที่จำเป็นต่อการทำงานของเส้นประสาทในร่างกาย
3.ดินขาว มีคุณสมบัติในการช่วยทำความสะอาดผิว

ระวัง ครีม joa ของปลอม
 เมื่อมีสินค้าคุณภาพดี เป็นที่ต้องการของท้องตลาดก็ทำให้บรรดาเหล่าพ่อค้าแม่ค้าหัวใส แต่ไร้จริยธรรมพยายามสร้างสินค้าลอกเลียนแบบออกมาวางจำหน่ายหลอกลวงผู้ซื้อในราคาถูก ซึ่งครีม joa เอง ในปัจุบันเองก็มีสินค้าปลอมมาวางจำหน่ายเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงควรทำการสังเกตทุกครั้งก่อนซื้อว่า ครีม joa ที่อยู่ในมือของคุณสาวๆเป็นของแท้หรือไม่ โดยมีวิธีสังเกตดังต่อไปนี้

จุดสังเกตครีม joa ของปลอม
    1.มีกลิ่นแรง หรือมีกลิ่นแอลกฮออล์
2.ผิวบริเวณที่ใช้เป็นปื้นแดง
3.รู้สึกแสบมากๆ เมื่อทำการมาร์ค ในขณะที่ของแท้เมื่อทำการมาร์คอาจจะรู้สึกแสบๆบ้างที่ผิว แต่ก็เป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และอาจจะมีอาการตึงๆที่ผิวบ้างเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม เพื่อตัดปัญหาเรื่องขแงแท้ของปลอมกวนใจนักช็อป ปัจจุบันครีม joa ก็ได้มีการเปลี่ยนแพคเก็ตใหม่ แล้วทำการวางขายใน 7-11 หลายสาขา ในราคา 100 บาท ต้นๆ เท่านั้นเอง ทำให้คุณสาวๆสามารถหาซื้อได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับครีมรกแกะ ที่คุณไม่เคยรู้

         การเสริมความงดงามให้กับผิวพรรณด้วยการเสาะแสวหาวิธีการใหม่ๆ และเทคโนโลยีในการฟื้นฟูความอ่อนเยาว์แก่ผิวเป็นสิ่งที่คุณสาวๆทุกคนพึงปารถนา ซึ่งท่ามกลางวิธีการรักษาความงามไมว่าจะเป็นจากธรรมชาติ หรือสารสกัด สารสังเคราะห์ก็ตาม หนึ่งในส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่โดดเด่นน่าสนใจก็คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจาก “รกแกะ” หรือ ครีมรกแกะ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน สำหรับในวันนี้ บทความชิ้นนี้จะขออาสาพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับครีมรกแกะกันอย่างเจาะลึกกันเลยว่า มันมีความเป็นมาอย่างไร และมีคุณสมบัติที่สร้างประโยชน์ในการบำรุงผิวพรรณได้อย่างไรกันบ้าง

ครีมรกแกะคืออะไร และมีประโยชน์ต่อผิวพรรณอย่างไรบ้าง?
ครีมรกแกะ ถูกพัฒนาและคิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยในการรักษาความเสียหายของผิวหนังจากแสงแดด ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อสัญญานของริ้วรอยและปัญหาผิวแห้ง ซึ่งในครีมรกแกะ จะมี “รก” เป็นส่วนผสมหลัก โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นรกวัว หรือรกแกะ แต่ถ้าหากเป็นครีมรกแกะที่มีคุณภาพที่ดีที่สุดแล้วมักจะเป็นการนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย หรือนิวซีแลนด์ เนื่องจากรกแกะที่ถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมของครีมรกแกะจากประเทศเหล่านี้ มีความพิเศษที่โดดเด่นนั่นเอง
 รก มีประโยชน์ในการช่วยบำรุงผิวพรรณให้มีความอ่อนเยาว์ เนื่องจากรกจะทำหน้าที่ในการถ่ายโอนสิ่งที่มีประโยชน์ และจำเป็นต่างๆในการสร้างสรรค์ชีวิตจากผู้เป็นแม่ ไปยังทารกในครรภ์ที่กำลังเจริญเติบโต ทำให้นักค้นคว้าวิจัยให้ความสนใจในการศึกษารก ในฐานะตัวแทนของความอ่อนเยาว์ สำหรับสาเหตุที่ครีมรกแกะนิยมใช้รกแกะเป็นส่วนผสมหลักนั้น เนื่องจากแกะเป็นสัตว์ที่แข็งแกร่ง และมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีมากนั่นเอง
 ครีมรกแกะ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการนำมาใช้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมความงาม แต่มีข้อมูลที่กล่าวอ้างหลายกระแสว่า ครีมรกแกะยังมีประสิทธิภาพในการช่วยเยียวยารักษาอาการบาดเจ็บของเซลล์ นอกจากนี้ครีมรกแกะยังช่วยในการไหลเวียนของเลือดไปยังบริเวณที่ได้ทำการทาครีม นอกจากนี้ครีมรกแกะยังสามารถมีสรรพคุณที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ขึ้นอยู่กับส่วนผสมเพิ่มเติมต่างๆซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของยี่ห้อครีมเหล่านั้น อาทิเช่น นมแพะ น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว มะละกอ คอลลาเจน วิตามินอี น้ำมันอะโวคาโด เป็นต้น

“ครีมรกแกะ” กับ “ครีมรก” แตกต่างกันอย่างไร?
 ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่า “พืช” หรือ “สัตว์” ต่างก็มีรกเหมือนกัน ในบางครั้งคุณอาจจะหยิบผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ “รก” ขึ้นมาพิจราณา แล้วจะสังเกตได้ว่า ครีมบางตัวจะระบุเอาไว้อย่าชัดเจนว่าส่วนผสมหลักที่ใช้คือรกแกะ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์อีกหลายๆชิ้นส่วนผสมหลักเป็นเพียง “รก” เท่านั้น ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ใช้รกเป็นส่วนผสม ในทางเทคนิคแล้วจะใช้รกของพืชเป็นส่วนผสม เพราะพืชเองก็มีรกเช่นกันแต่จะมีการใช้งานรวมไปถึงคุณสมบัติที่แตกต่างจากรกของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แต่ด้วยการโฆษณาเชิงการตลาดที่อาจก่อให้ความสับสน ทำให้หลายๆคนอาจเผลอซื้อครีมรกไปใช้งาน แล้วเกิดความคาดหวังผิดๆว่าครีมรกที่ตัวเองซื้อไปนั้นคือครีมรกแกะ ดังนั้นก่อนการเลือกซื้อครีมรกแกะทุกครั้ง ควรทำการอ่านฉลากเพื่อพิจราณาส่วนผสมหลักว่าเป็นรกแกะจริงๆเสียก่อน

ครีมรกแกะมีอันตรายหรือเปล่า?
เป็นที่ทราบกันดีว่าครีมรกแกะไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายใดๆ แต่ส่วนใหญ่แล้วผลข้างเคียงที่มักเกิดขึ้นนั้นมาจากความพยายามในการรักษาเซลล์ของรกแกะ เพื่อนำไปใช้เป็นส่วนผสมชองผลิตภัณฑ์โดยการฉีดยา และเพื่อประโยชน์ที่ดีที่สุดของผิว ควรใช้รกแกะด้วยการทาลงบนผิวพรรณเท่านั้น ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะใช้รกแกะ หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆที่มีความคล้ายคลึงกันในลักษณะของการฉีดเข้าไปใต้ผิวหนัง

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

รีวิว ครีมทาหัวเข่าดํา ‘ซีม่าโลชั่น’

เชื่อว่าหลายคนต้องเคยได้ยินกิตติศัพท์อันเรืองชื่อรือชาของเจ้าครีมทาหัวเข่าดำ “ซีม่าโลชั่น” กันอยู่บ้าง เพราะครีมทาหัวเข่าดำนี้มีการใช้กันมานมนานหลายปี ที่สำคัญคือผลลัพธ์ที่ได้ออกมาได้แบบที่น่าพึงพอใจ จากที่หัวเข่าด้านดำ เจอซีม่าโลชั่นเข้าไปผิวหนังที่เคยด้านดำก็หลุดลอกออกมาภายในเวลาไม่เกินหนึ่งสัปดาห์
         “REVIEW!!!! สาวหัวเข่าดำ ห้ามพลาดด <3”
         “ลาก่อน หัวเข่าด้านดำ!!!!!! (กำลังกินข้าวอย่าดู )”
         
“[CR]รีวิว ซีม่าโลชั่น ลอกหัวเข่า ดีจริง!!!!! กินข้าวอยู่ห้ามเข้า ภาพสยองมาก”
         “[CR] ซีม่า กล้า ท้า เข่าดำด้าน #มีภาพประกอบจ้า”
         นี่คือตัวอย่างการตั้งกระทู้รีวิว ครีมทาหัวเข่าดำ หัวเข่าด้าน “ซีม่าโลชั่น” หรือสามารถค้นหาได้มากมายจากอากู๋เกิ้ล ทีนี้ที่เราต้องมาทำการรีวิวอีกครั้ง เนื่องจากบางทีท่านผู้อ่านเข้าไปในเว็บไซต์นั้นๆแล้วยังไม่กล้าทดลอง ด้วยกลัวว่าจะเกิดผลร้ายมากกว่าผลดี บทความนี้จะทำให้ท่านมีความเข้าใจมากกว่าเกี่ยวกับการใช้ซีม่าโลชั้นในการแก้ปัญหาหัวเข่าดำด้าน


เกี่ยวกับ ซีม่าโลชั่น

         ซีม่าโลชั่น เป็นยาจากบริษัท สามัคคีเภสัช จำกัด ซึ่งขึ้นชื่อด้านการใช้รักษาเชื้อราบนผิวหนัง ซีม่าโลชั่นคือ Salicylic acid เป็นกลุ่มน้ำมันมวย การรักษาเชื้อราของยากลุ่มนี้คือการกัดผิวจนเชื้อไม่มีที่อยู่ ทั้งนี้ มีบางคนเข้าใจผิดว่าซีม่าโลชั่นสามารถนำไปใช้ทาโรคผิวหนังบริเวณขาหนีบ หรือที่เรียกว่า “สังคัง” ได้ แต่ผลที่ได้คือจะเกิดอาการแสบร้อนทุรนทุราย เพราะความจริงแล้วยาตัวนี้สร้างมาเพื่อเอาไว้ทาเชื้อราที่เท้าเป็นหลัก
         การใช้ยาทาสังคังหรือวัยวะเพศ ควรใช้กลุ่มที่ไม่กัดผิวจนปวดแสบปวดร้อน อย่าง “ซีม่าครีม” ที่มีส่วนผสมของ clotrimazole เป็นยาฆ่าเชื้อรา อย่างพวกสังคังตามขาหนีบ หรือจะพวก กลาก เกลื้อนได้เป็นอย่างดี

สรรพคุณพิเศษของซีม่าโลชั่น
         ซีม่า โลชั่น นอกจากจะใช้รักษาเชื้อบนผิวหนัง (ยกเว้นบริเวณขาหนีบ) ยังสามารถใช้ลอกผิวหนังที่มันด้านๆได้ จึงเป็นที่มาของการนำมาใช้เป็นครีมทาหัวเข่าดำด้าน รวมถึงผื่นเรื้อรัง เป็นหนังแข็งๆหนาๆ ส้นเท้าด้าน หนา หรือแตก หรือจะเอามาใช้กับพวกโรคเชื้อราที่เป็นแค่ผิวหนังชั้นนอกก็ได้ อย่างกลาก เกลื้อน เหมือนขุดเจ้าเชื้อราที่สะสมอยู่บนชั้นผิว ทั้งนี้ ห้ามใช้หากมีการอักเสบ เช่น ปวด บวม แดง แสบร้อน หรือมีแผลเปิด
สำหรับส่วนผสมมีถูกบรรจุอยูในซีม่าโลชั่น ได้แก่

         1.Salicylic acid คุณสมบัติ ลอกผิวเซลล์ชั้นนอก
         2.Resorcinol คุณสมบัติ ผลัดผิวเซลล์
         3.Phenylic acid คุณสมบัติเป็น disinfectant, antiseptic มีสรรพคุณรักษากลาก เกลื้อน หิด


ข้อควรระวังในการใช้ซีม่าโลชั่น ทาหัวเข่า

         1.ถ้าลอกแบบไม่ชำนาญ อาจจะเกิดการลอกเกินเข้าไปในชั้นผิวหนังแท้ ทำให้เกิดรอยด่างขาวที่รักษายากมาก ผิวที่หัวเข่าอาจกลายเป็นรอยด่างๆ อย่างที่มีให้เห็นสำหรับคนที่ใช้ผิดวิธี
         2.อย่าลืมว่าซีม่าโลชั่นมันคือกรด ไม่ใช่สารสกัดจากธรรมชาติ จึงจำเป็นต้องใช้อย่างระมัดระวัง ตามคำแนะนำข้างกล่อง ซึ่งได้ระบุไว้ว่า “ซีม่าโลชั่น เป็นยาทารักษาโรคผิวหนัง เช่น กลาก เกลื้อน หิดยานี้มีกลิ่นหอม และไม่ทำให้เปรอะเปื้อนเสื้อผ้า ห้ามทาบนใบหน้า และไม่ต้องขุด แกะ หรือเกา ก่อนทายา ทาวันละ 1-2 ครั้ง”
         3.ซีม่าโลชั่น ไม่ควรนำมาใช้ลอกผิวที่ใบหน้า เพราะการลอกผิวที่ใบหน้าทุกครั้งควรอยู่ในการดูแลของแพทย์
         โดยสรุปแล้วซีม่าโลชั่นใช้เป็นครีมทาหัวเข่าดำ หัวเข่าด้านอย่างได้ผล รวมถึงโรคผิวหนังอย่าง กลาก เกลื้อน และหิด แต่ห้ามใช้ทาบริเวณขาหนีบ (สังคัง) ทั้งนี้ ก่อนซื้อซีม่าโลชั่นต้องสังเกตดูให้ดี เพราะอาจหยิบผิดเป็น “ซีม่าครีม” และต้องทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งคัด เพื่อไม่ให้ผลกระทบต่อผิวที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ปวดแสบปวดร้อน มีอาการคัน เป็นต้น สำหรับการใช้ลอกผิวบริเวณหัวเข่าที่ดำด้าน ให้ทาวันละ 1-2 ครั้ง ประมาณ 1 สัปดาห์ก็จะเห็นผล โบกมือลาหัวเข่าดำด้านไปได้เลย

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

‘ครีมพิษผึ้ง’ ผลิตภัณฑ์กระชับผิวหน้าจากนิวซีแลนด์

            “ครีมพิษผึ้ง” เป็นครีมที่สามารถใช้ทั้งทาบำรุงและพอกผิวหน้าให้กระชับเต่งตึง ลดเลือนริ้วรอยก่อนวัย ที่มีส่วนผสมของพิษจากผึ้ง เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่ได้รับความนิยมในหมู่ดาราคนดังมานานหลายปีแล้ว โดยเฉพาะดาราฮอลลิวูด และท้ายที่สุดก็ได้เข้ามายังประเทศไทย โดยนักวิทยาศาสตร์พบว่า พิษจากเหล็กไนของผึ้งช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ซึ่งทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น และไม่คล้ำเสียง่าย วันนี้เราไปล้วงเบื้องลึกเบื้องหลังของเจ้าครีมพิษผึ้งกันว่ามีที่มากจากไหน แล้วมันใช้ได้ผลดีกับเราอย่างไร

การทำงานของครีมพิษผึ้ง
หลังจากมีการวิจัยมานานกว่า 12 ปี โดยเป็นผลงานของ ดร.ซัง มีฮัน นักวิทยาศาสตร์ชาวเกาหลี ซึ่งทำงานให้กับบริษัทเครื่องสำอางของนิวซีแลนด์ มานูกา ดอกเตอร์ โดยทางบริษัทอ้างว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดรองจากโบท็อกซ์ ทั้งนี้ ครีมพิษผึ้งจะออกฤทธิ์กระตุ้นอย่างแผ่วเบาต่อผิวหนัง ซึ่งจะลวงให้ร่างกายเข้าใจว่าถูกผึ้งต่อย เลือดจึงถูกส่งมาหล่อเลี้ยงบริเวณที่สัมผัสพิษ และกระตุ้นให้เกิดการผลิตคอลลาเจนกับอีลาสติน ซึ่งจะทำให้ผิวหนังกระชับเต่งตึงขึ้นโดยอัตโนมัต
ดร.ฮัน นักวิจัยของสถาบันวิทยาศาสตร์การเกษตรของเกาหลีใต้ ได้ตีพิมพ์ผลงานวิจัยที่ชี้ว่า พิษผึ้งยังช่วยกระตุ้นการผลิตเซลล์ที่เรียกว่า เคอราติโนไซต์ ซึ่งทำหน้าที่ในการป้องกันเชื้อแบคทีเรีย การสูญเสียน้ำ และปกป้องผิวเสียเสื่อมสภาพอันเนื่องมากจากแสงแดดอีกด้วย

เคอราติโนไซต์เป็นเซลล์ที่อยู่ส่วนบนสุดของผิวหนัง ซึ่งช่วยให้แลดูอ่อนเยาว์ แต่เมื่อเรามีอายุมากขึ้นจำนวนเซลล์จะลดน้อยลง ทำให้ผิวหนังลดความยืดหยุ่น และเกิดริ้วรอยและตีนกา พิษผึ้งบริสุทธิ์ช่วยเพิ่มจำนวนของเคอราติโนไซต์ ซึ่งจะช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นยิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ครีมพิษผึ้ง ยังมีส่วนผสมที่สำคัญ คือ Manuka Honey หรือน้ำผึ้งที่เก็บได้จากต้นพุ่มมานูก้าจากประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและแบคทีเรียที่เหนือกว่าน้ำผึ้งทั่วไป สามารถช่วยทำให้กระบวนการการผลัดเซลล์ผิวเป็นไปอย่างอ่อนโยน พร้อมทั้งปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆ ได้ดีอีกด้วย ทั้งนี้ Shea Butter ในตัวครีมพิษผึ้ง จะทำหน้าที่เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ช่วยกักเก็บน้ำให้ผิวเรียบเนียน นุ่ม และชุ่มชื่นอยู่ตลอดเวลา

กว่าจะได้พิษผึ้ง
การเก็บพิษจากผึ้งต้องใช้เครื่องมือพิเศษ ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อผึ้ง โดยใช้กระจกปิดที่ปากทางเข้าออกของรวงผึ้ง แล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆเข้าไป ผึ้งจะออกมาต่อยที่กระจก ซึ่งใช้ตัวเก็บพิษ เนื่องจากผึ้งต่อยที่พื้นผิวกระจกจึงต่อยไม่เข้า ท้องของมันจึงไม่มีเหล็กไนทะลุออกมา มันจึงไม่ตาย จากนั้นพิษจะถูกนำมาอบแห้ง แล้วเก็บเอาสิ่งเจือปนออก เช่น ดิน ฝุ่น เกสรดอกไม้ ท้ายที่สุดจึงนำมาผลิตเป็นครีมพิษผึ้งนั่นเอง

ข้อควรระวังจากครีมพิษผึ้ง
  ครีมพิษผึ้งเป็นผลิตภัณฑ์จากประเทศนิวซีแลนด์ จึงมีผู้สงสัยว่าครีมพิษผึ้งที่จำหน่ายกันในไทย มีแหล่งผลิตจากไหน วัตถุดิบมาจากที่ใด เจ้าหน้าที่จากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อ.ย.) ให้คำตอบว่า ครีมพิษผึ้งหรือบีวีโนมในรูปแบบวัตถุดิบ ไม่อนุญาติและไม่เคยได้รับอนุญาติให้นำเข้ามาในประเทศไทย จึงเป็นที่แน่นอนแล้วว่า หากผลิตภัณฑ์ครีมพิษผึ้งที่อ้างว่ามีวัตถุดิบมาจากบ้านเรา ฟันธงเลยว่าเป็นของปลอมชัวร์ ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรสอบถามแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้เสียก่อน เนื่องจากครีมพิษผึ้งห้ามใช้ในผู้ที่แพ้เหล็กในผึ้ง และห้ามทาบริเวณที่เป็นแผล เพราะอาจทำให้บวมพองได้
ทั้งนี้ ถ้ายังไม่แน่ใจว่าตนแพ้หรือไม่ ลองทาครีมพิษผึ้งในปริมาณเล็กน้อยบนส่วนใดส่วนหนึ่งบนใบหน้า ทิ้งไว้ 20 นาที หากผิวรู้สึกระคายเคืองให้หยุดใช้ทันที เพราะนั่นคือสัญญานบ่งบอกว่าท่านมีอาการแพ้ แต่โดยทั่วไปเมื่อใช้ครีมจะรู้สึกตึงๆหน้าก็ไม่ต้องตกใจ เนื่องจากครีมกำลังทำงานกับผิวหน้าของเราอยู่

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

eyeclair แก้ไขปัญหาริ้วรอยหมองคล้ำรอบดวงตาในหนึ่งเดียว

       รอยเหี่ยวย่น และรอยหมองคล้ำรอบดวงตา มักเกิดขึ้นจากการที่ผิวหนังได้รับการหล่อเลี้ยงจากต่อมไขมันตามธรรมชาติน้อย เมื่อเทียบกับอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ผิวหยาบกร้าน เสื่อมสภาพ จนกระทั่งเกิดเป็นริ้วรอยขึ้น ในขณะเดียวกันถ้าหากปริมาณของเม็ดสี และเส้นเลือดฝอยบริเวณดวงตามีเลือดคลั่งขึ้นจากหลายๆสาเหตุ เช่น การพักผ่อนน้อย โรคภูมิแพ้บางประเภท การใช้สายตามากๆ เป็นต้น ก็จะทำให้เกิดรอยหมองคล้ำบริเวณรอบๆดวงตาขึ้น เมื่อทั้งสองปัญหาเกิดขึ้นพร้อมๆกัน ก็จะส่งผลทำให้ใบหน้าของคุณสาวๆโทรม แก่ และยังดูคล้ายเป็นหมีแพนด้าในเวลาเดียวกัน ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะสร้างความไม่มั่นใจให้กับคุณสาวๆในการออกไปพบปะกับผู้คนนอกบ้านอย่างมาก ถึงมากที่สุดเลยทีเดียว  

สำหรับคุณสาวๆที่กำลังเกิดทั้งสองปัญหาขึ้นบนใบหน้าพร้อมๆกัน พร้อมกับกำลังมองหาผลิตภัณฑ์ดีๆสักชิ้นเพื่อช่วยแก้ไขแล้วล่ะก็ ลองมาทำความรู้จักกับผลิตภัณฑ์ eyeclair ที่กำลังได้รับความนิยมจากคุณสาวๆอยู่ในปัจจุบันกัน

ผลิตภัณฑ์ eyeclair คืออะไร

eyeclair เป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบของครีมที่มีสรรพคุณในการบำรุงสายตา นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้วางจำหน่ายในประเทศไทยมานานหลายปีแล้ว eyeclair เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการค้นคว้าวิจัย และพัฒนาโดยสถาบน Theore’ Laboratory มลรัฐแคลิฟอเนียร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา eyeclair ถือเป็นสินค้าที่มีความมั่นใจประสิทธิภาพสินค้าของตัวเองเป็นอย่างมาก เนื่องจากมาพร้อมกับเนื้อหาโฆษณาที่น่าสนใจ ในการรับประกันคุณภาพว่า ผู้ใช้กว่า 87% พึงพอใจกับผลลัพธ์การใช้งานหลังระยะเวลา 30 วัน และถ้าหากใช้แล้วไม่ได้ผล ผลิตภัณฑ์ eyeclair พร้อมคืนเงินให้ผู้บริโภคภายในระยะเวลา 30 วัน เช่นเดียวกัน

คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ eyeclair

1.ช่วยลดเลือนรอยหมองคล้ำรอบดวงตา

2.ช่วยลดเลือนรอยบวม และถุงใต้ตา

3.ช่วยลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตา

4.บำรุงดวงตาที่อ่อนล้า และหม่นหมอง

สำหรับการใช้งานผลิตภัณฑ์ eyeclair ก็ไม่ได้ยุ่งยาก เพียงแค่ใช้ทาบริเวณผิวรอบดวงตาที่เกิดปัญหาขึ้น โดยแนะนำให้ใช้ปลายนิ้วนาง ค่อยๆทำการเกลี่ยเนื้อครีมเบาๆลงบนผิวรอบดวงตา จากมุมขอบตาด้านในออกไปด้านนอก เน้นทาบางๆตรงบริเวณหางตา ซึ่งควรใช้ผลิตภัณฑ์เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ในตอนเช้า และตอนเย็น คุณสาวๆก็จะสามารถเห็นสุขภาพผิวรอบดวงตาที่ดีขึ้นหลังจากการใช้งานติดต่อกันเป็นระยะเวลา 30 วัน

ส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ eyeclair

1.Micro Collagen คอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึกที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก สามารถซึมซับสู่ผิวได้ง่าย ทำให้ผิวรอบดวงตาดูนุ่มนวล กระชับขึ้น และริ้วรอบดูลดเลือนน้อยลง

  2.White Lily สารสกัดจากดอกลิลลี่สีขาวจากยุโรป อุดมไปด้วยสารบำรุงที่ประกอบด้วยกรดอะมิโน และฟลาโวนอยด์ ช่วยลดเลือนรอยหมองคล้ำ บริเวณผิวหนังใต้ดวงตา คืนความสดใสตลอดทั้งวัน

      3.Marapuama สารสกัดจากพืชสมุนไพรที่พบในป่าฝนของประเทศแคนาดา อุดมด้วยสารแอนตี้ออกซิเดนท์ และสารทนนินช่วยผ่อนคลายความอ่อนล้าของผิวรอบดวงตาได้อย่างอ่อนโยน

 4.Sodium Hyaluronate มอยเจอไรเซอร์จากธรรมชาติ ช่วยทำให้เซลล์ผิวสามารถกักเก็บน้ำไว้ใต้ผิวได้อย่างยาวนานมากยิ่งขึ้น

 5.Cucumber Extract สารสกัดจากแตงกวา ช่วยผ่อนคลาย และคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวรอบๆดวงตา

6.Vitamin E ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของน้ำใต้ผิว ทำให้ผิวนุ่ม ชุ่ชื้นและความยืนหยุ่นที่ดี

7.Brazlilan Ginseng โสมพันธุ์พื้นเมืองที่สามารถพบได้ในประเทศบราซิล อุดมด้วยแร่ธาตุ และวิตามินหลายชนิด

8.Chinese Tea Extract สารสกัดจากใบชาจีน มีสาร Tannin และ Polyphenols ช่วยลดเลือนรอยหมองคล้ำและทำให้ผิวรอบดวงตาดูกระชับมากยิ่งขึ้น

    9.Vitamin C เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยทำให้ผิวรอบดวงตาดูนุ่มนวล กระชับมากยิ่งขึ้น

10.Soy&Rice Peptides เปปไทด์จากถั่วเหลืองและรำข้าว ช่วยลดริ้วรอย ลดอาการบวมของถุงใต้ดวงตา และยืดอายุคอลลาเจนใต้ผิวหนัง

11.Chamomile ช่วยปลอบโยนผิวที่อ่อนล้าให้กลับมามีชีวิตชีวา แล้ช่วยปกป้องอาการระคายเคืองของผิวในบริเวณรอบดวงตา

12.Glycerin สารสกัดจากพืชธรรมชาติ ช่วยรักษาน้ำหล่อเลี้ยงใต้ผิว คงความชุ่มชื้น ความนุ่มนวลให้กับผิวพรรณ

การเก็บรักษาผลิตภัณฑ์

โดยปกติแล้วผลิตภัณฑ์ eyeclair จะสามารถใช้งานได้ติดต่อกันเช้า-เย็น ประมาณ 30 วัน และเพื่อเป็นการถนอมคุณภาพของผลิตภัณฑ์เอาไว้ให้ยาวนานมากที่สุด หลังจากการใช้งานควรทำการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์เอาไว้ในตู้เย็น นอกจากนี้ความเย็นของเนื้อครีมสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการลดอาการบวมของถุงใต้ตาได้อย่างอย่างมีประสิทธิภาพดีมากยิ่งขึ้น

แชร์ประสบการณ์ของผู้ที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ eyeclair

จากการเก็บข้อมูลจากเว็บบอร์ดที่เกี่ยวข้องกับความสวยความงามพบว่า คุณสาวๆที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ eyeclair มีความเห็นว่า eyeclair ช่วยทำให้ผิวบริเวณรอบดวงตามีความกระชับมากยิ่งขึ้น เนื้อครีมเบา ไม่หนักผิว สามารถซึมซับลงสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว รอยบวมใต้ดวงตาลดลง และเห็นผลลัพธ์ในการดูแลผิวพรรณรอบดวงตาได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังถือว่ามีราคาที่ถูก เมื่อเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรอบดวงตายี่ห้ออื่นๆ ในขณะที่คุณสาวๆอีกส่วนหนึ่งมีความเห็นว่าผลิตภัณฑ์ eyeclair ไม่ค่อยช่วยในการลดเลือนริ้วรอยมากเท่าใดนัก  ส่วนอาการบวมของถุงใต้ตาดีขึ้นพียงเล็กน้อย ซึ่งผลลัพธ์อาจจะเกิดขึ้นแล้วแต่บุคคล

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ivory caps ผลิตภัณฑ์กลูต้าไธโอนชนิดเม็ด จากอเมริกา

       สำหรับคุณสาวๆที่ต้องการมีผิวที่ขาวสดใสขึ้น และกำลังศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ที่มีส่วนประกอบของกลูต้าไธโอนที่มีวางจำหน่ายอยู่ในประเทศไทยอยู่นั้น ก็คงจะเคยได้ยินชื่อผลิตภัณฑ์ ivory caps ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์กลูต้าไธโอนชนิดเม็ดกันมาบ้าง ซึ่งเจ้าผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ ค่อนข้างที่จะได้รับการรีวิวจากผู้ใช้หลากหลายกลุ่มในอินเทอร์เน็ตเป็นจำนวนมากทีเดียว สำหรับวันนี้เพื่อไม่ให้คุณสาวๆต้องกลายเป็นคนตกกระแส  ในวันนี้ก็จะขอพาคุณสาวๆทุกคนไปทำความรู้จักกับเจ้าผลิตภัณฑ์ ivory caps พร้อมๆกันเลย

ผลิตภัณฑ์ ivory caps คืออะไร

ivory caps (ไอเวอรี่แคป) เป็นผลิตภัณฑ์กลูต้าไธโอนชนิดเข้มข้นสำหรับรับประทาน ที่มีลักษณะเป็นแคปซูลนำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีคุณสมบัติที่ช่วยทำให้ผิวขาวสว่างสดใสมากขึ้นด้วยการลดความหมองคล้ำ ฝ้า กระ จุดด่างดำ ซึ่งผลลัพธ์เหล่านี้เกิดจากคุณสมบัติของสารกลูต้าไธโอนที่ช่วยปรับเม็ดสีเมลานิน และป้องกันการเกิดเม็ดสีเมลานินให้น้อยลง ทำให้สีผิวมีความสม่ำเสมอกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ ivory caps ได้ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในประเทศไทย และในประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังมีสถานที่ผลิตจริงที่สามารถตรวจสอบได้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันได้มีผลิตภัณฑ์ ivory caps ปลอมออกมาวางจำหน่ายเป็นจำนวนมากในประเทศไทย ดังนั้นก่อนที่คุณสาวๆจะทำการซื้อจึงควรตรวจสอบให้ดี และแนะนำให้สั่งซื้อจากแหล่งขายที่มีความน่าเชื่อถือ

คุณสมบัติการปรับสีผิวให้ขาวขึ้นของผลิตภัณฑ์ ivory caps

 ivory caps เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณความเข้มข้นของสารกลูต้าไธโอนที่สูงมาก แต่ความขาวที่เกิดขึ้นจะใช้เวลาส่งผลที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละบุคคล ผิวจะค่อยๆขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ขาวขึ้นในทันทีอย่างรวดเร็ว ผลิตภัณฑ์ ivory caps จึงไม่เหมาะสำหรับคุณสาวๆที่อยากใจร้อนอยากเห็นผลลัพธ์ความขาวอย่างรวดเร็วทันใจ ผู้บริโภคบางคนผิวอาจจะค่อยๆขาวขึ้น ซึ่งต้องใช้ระยะเวลานานหลายเดือนเลยทีเดียว

       สำหรับส่วนประกอบสำคัญในผลิตภัณฑ์ ivory caps ได้แก่ Proprietary Skin Essentials Blend ซ 1.500 มิลลิกรัม, Glutathione (Reduce Form), Akpha Lipoic Acidม Milk Thistle (Standarized to minม 80% Silymarin)

ivory caps แตกต่างจากผลิตภัณฑ์อาหารกลูต้าไธโอนอื่นๆอย่างไร

ivory caps ป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมผิวขาวชนิเดียวที่ไม่จำเป็นจะต้องทานควบคู่ไปกับวิตามินซี ถึงแม้จากการค้นคว้าศึกษาพบว่า การรับประทานวิตามินซี 1,000 มิลลิกรัม จะสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสารกลูต้าไธโอนให้มากขึ้นก็ตาม แต่ผลิตภัณฑ์ ivory caps มีส่วนประกอบของ Alpha Lipoic Acid ที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่ผิวได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลให้ผิวยิ่งขาวมากขึ้น

ข้อแนะนำเพิ่มเติมในการรับประทานผลิตภัณ์ ivory caps

ข้อแนะนำเหล่านี้ เป็นข้อเสนอแนะและเทคนิคต่างๆของคุณสาวๆคนอื่นๆที่รับประทานผลิตภัณฑ์ ivory caps ได้ออกมาแชร์ให้ความรู้ตามเว็บบอร์ดต่างๆในอินเทอร์เน็ต เพื่อให้คุณสาวๆที่กำลังรับประทานผลิตภัณฑ์ ivory caps ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และผลลัพธ์ที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

       1.ควรรับประทานในช่วงที่ท้องว่าง ในตอนเช้าหลังการตื่นนอน หรือในตอนเย็นก่อนการเข้านอน ซึ่งจะเป็นการช่วยทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารกลูต้าไธโอนเข้าสู่ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

 2.ควรทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน เนื่องจากการทานกลูต้าไธโอน ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ยี่ห้อใดก็ตามก็จะส่งผลให้ผิวมีความไวต่อแสงมากขึ้น ดังนั้นจึงควรทำการทาครีมกันแดดทุกครั้ง และพยายามทาซ้ำบ่อยๆถ้าหากต้องอยู่ภายใต้แสงแดดเป็นระยะเวลานานๆ

3.ควรทานควบคู่กับวิตามินซี ถึงแม้ผลิตภัณฑ์ ivory caps จะมีจุดเด่น คือมีสารส่วนประกอบที่สามารถช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้เหมือนกับการทานวิตามินซีอยู่แล้ว แต่เพื่อผลลัพธ์ที่มากขึ้น ควรทำการทานควบคู่กับวิตามินซีจำนวน 1,000 มิลลิกรัม

4.ทานควบคู่กับผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น ทาน ivory caps + ALA+ คอลลาเจนแบบดื่มผสมกับน้ำผลไม้ เป็นต้น จะเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ผิวของคุณสาวๆสวย ขาว สดใส มากยิ่งขึ้น

5.ควรทานในปริมาณที่กำหนดอย่างพอเหมาะ คือ วันละ 1-2 เม็ด ต่อวันก็ถือว่าเพียงพอแล้ว เนื่องจาการสารกลูต้าไธโอนส่วนใหญ่ร่างกายจะทำการดูดซึมได้น้อย การทานในปริมาณมากกว่าที่กำหนดจึงไม่ได้ช่วยทำให้ผิวขาวรวดเร็วขึ้น

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

แบรนด์ DHCอาหารเสริมผู้ชายที่น่าสนใจ


ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ผู้ชายในประเทศไทย ได้หันมาเริ่มใส่ใจในการดูแลตัวเองมากขึ้น  เพราะเชื่อว่าการดูดี หน้าตาดี ช่วยทำให้ได้มีโอกาสได้รับงานดีที่ดี และสามารถหาคู่ครองหน้าตาดีได้ไม่น้อยหน้ากัน ความต้องการดังกล่าวทำให้เกิดความต้องการอาหารเสริมผู้ชายโดยเฉพาะมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในบทความชิ้นนี้จะขอพาผู้ชายที่รักในสุขภาพ และการเสริมความงดงามอย่างสมบูรณ์แบบ ไปรู้จักกับ อาหารเสริมผู้ชาย จากแบรนด์ DHC ที่น่าสนใจ ดังนี้

อาหารเสริมสำหรับผู้ชายแบรนด์ DHC

เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมชื่อดังที่สุดสัญชาติญี่ปุ่น ที่ให้ความสำคัญในเรื่องสุขภาพร่างกาย นอกจากนี้ยังเป็นที่ทราบกันดีว่า สินค้าที่ผลิตจากประเทศญี่ปุ่น มักเป็นสินค้าคุณภาพดี และยังมีความปลอดภัยที่สูง เนื่องจากผ่านกระบวนการผลิตที่สูง ในเรื่องส่วนผสมในอาหารเสริม  ปรับให้ใช้ปริมาณเหมาะสม ตามกรมองค์กรอาหารและยาของประเทศได้กำหนดไว้ เพื่อไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค นอกจากนี้ยังมีราคาที่ไม่แพง สามารถหาซื้อง่าย ทานได้ง่าย และเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีขายตามร้านค้า และชุปเปอร์มาร์เก็ท ชั้นนำทั่วไปในประเทศญี่ปุ่น

พ.ศ. 2551 บริษัท DHC เข้าได้มาเปิดกิจการในไทย โดยหอบหิ้วเอาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมผู้ชายเข้ามาหวังตีตลาด แต่หลังจากทำการเปิดตัวได้เพียงไม่นาน ก็ประสบกับปัญหาขาดทุนขึ้น จนกระทั่งต้องทำการปิดตัวลงใน พ.ศ.2555 จากนั้นบริษัท DHC จึงได้หันไปทำตลาดผลิตภัณฑ์อาหารเสริมผู้ชาย ณ แดนกิมจิแทน ทำให้ปัจจุบันอาหารเสริมผู้ชายดังกล่าวหาซื้อยากขึ้นในประเทศไทย เหล่าแม่ค้าที่มีลูกค้าประจำจึงมักจะใช้หิ้วนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นเพื่อจำหน่ายแทน

ประสบการณ์ของผู้บริโภคที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมผู้ชายแบรนด์ DHC   

 พรีวิว ลูกค้าคนที่ 1 ผิวหน้าและผิวกาย

 

อาหารเสริมผู้ชาย DHC มีสรรพคุณอย่างไร 

Vitamin C ช่วยทำให้ผิวใส ลดกระ ฝ้า จุดด่างดำ และ ป้องกันหวัด

 Hyaluronsan ( ไฮยาลูรอน) ดังมากในPantip เป็นสินค้าตัว Top ของ DHC ช่วยให้ผิวนุ่มและลื่นแบบเห็นผลจริงๆ ทาน 1 – 2 เดือนจะรู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงกระทันหัน

       Nano ช่วยผิวขาวกระจ่างใส ท้าแดด มีออร่าวิ๊งๆ

ชองวิตามินนี้ คิดเป็นวัน เช่น ชุด 20 วัน, 30 วัน, 60 วัน ราคาไม่แพง ประมาณ 100-300 บาท กินได้ เช้า – เย็น หลังอาหาร กินด้วยน้ำอุ่น

โดยสรุปแล้ว ช่วยทำให้หน้าและผิวกายขาวมากยิ่งขึ้น ในระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือน สำหรับคนผิวคล้ำหน่อยอาจใช้เวลานานครึ่งปี หรือ 1 ปี จึงจะสามารถมีผิวที่ขาวดูสดใสได้มากขึ้นอย่างที่ต้องการ

อาหารเสริมผู้ชาย DHC มีสรรพคุณอย่างไร

ผลิตภัณฑ์เพื่อการลดน้ำหนักนี้ จะทำการขายเป็นชุดตามวัน 20 วัน 30 วัน ราคาแพงพอสมควร ประมาณ 300 – 700 บาท ซึ่งประกอบไปด้วย

DHC – Garcenia ช่วยเร่งระบบเผาพลาญ สลายไขมันสะสม ลดความอยากอาหาร ควรทานก่อนอาหาร ทานวันละ 5 เม็ด แต่ห้ามเกิน

DHC – Kitosan ช่วยจับดักไขมัน ลดพุง ลดการสะสมของไขมัน ทำให้รูปร่างกระชับ ควรทานก่อนอาหาร 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น

DHC – Forslean ลดเซลลูไลท์ เน้นขับถ่ายได้ดีขึ้น มีส่วนผสม วิตามิน B1 B2 และ B6 ควรทานก่อนอาหาร คนน้ำหนักปรกติ กิน วันละ 2 เม็ด แต่สำหรับคนที่น้ำหนักเกินมาตรฐาน ควรทานวันละ 4 เม็ด เช้าเย็น และขอแนะนำให้ทำการทานยากับน้ำอุ่น หรือ น้ำที่ไม่ได้แช่ตู้เย็นเท่านั้น

       เชตนี้ เหมาะสำหรับคนต้องการลดน้ำหนัก แต่ควรงดปริมาณอาหารแต่ละมื้อให้น้อยลง เพราะการลดน้ำหนักที่ดีที่สุดคือการออกกำลังกาย หากกินยาไปด้วยพร้อมออกกำลังกายไปด้วย น้ำหนักจะลงอย่างรวดเร็ว      

มีจุดสังเกตที่น่าสนใจอยู่ประการหนึ่ง คือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมผู้ชาย DHC ทั้งแบบที่ช่วยทำให้ผิวขาวขึ้น และแบบที่ช่วยลดน้ำหนัก มีส่วนผสมของสมุนไพรไทยอยู่ด้วย ที่มักพบได้บ่อยๆในผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักที่มีวางขายอยู่ในประเทศไทย เช่น

 -DHC- Garcenia มีสารสกัดจากส้มแขก

-DHC – Kitosan มีสารสกัดจากถั่วขาว

อาหารเสริมผู้ชาย แบรนด์ DHC จากญี่ปุ่น เป็นสินค้าดีมีคุณภาพทุกอย่าง ทำให้คุณสามารถประยุกต์การกินได้ เนื่องจากมีส่วนผสมที่ต่างกันหลายอย่างที่ทำหน้าที่แตกต่างกันไป อย่างเหมาะสมกับปัญหาของคุณ อย่างเช่น คุณมีปัญหาผิวไม่ใส แต่ผิวขาวอยู่แล้วไม่อยากขาวอีกให้    แนะนำให้ กิน DHC – Vitamin C และ คุณมีน้ำหนักเยอะไปด้วย ให้ กิน DHC- Garcenia เพื่อช่วยเร่งระบบเผาพลาญ กับ DHC – Kitosan เพื่อช่วยลดการดูดซึมคาร์โบไฮเดรต และแป้งเข้าสู่ร่างกายให้น้อยลง ซึ่งเป็นการช่วยทำให้น้ำหนักตัวลดลงอีกทางหนึ่งนั่นเอง

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

มารู้จักกับ ครีมโสมจุ๊ ครีมน้องใหม่ที่กำลังมาแรงใน IG

ครีมโสมจุ๊ หรือ Ginseng Cream Skin Care เจ้าของแบรน์ด คือ “คุณจุ๊” ที่มีอายุเพียง 18 ปี เท่านั้น โดยเริ่มทำการขายครีมโสมจุ๊ผ่านทาง IG ซึ่งในปัจจุบันได้มีผู้ไปทำการติดตามคุณจุ๊อยู่เป็นจำนวนมาก เนื้อครีมโสมจุ๊จะมีลักษณะเป็นสีเหลืองอ่อน เนื่องจากการผสมวิตามินบี 3 ลงไปในเนื้อครีมเป็นจำนวนมาก พร้อมกับการแต่กลิ่นของครีมด้วยหัวน้ำหอม ผลิตภัณฑ์มีขนาด 30 กรัม สามารถใช้ติดต่อกันได้เป็นระยะเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ ในราคาประมาณ 400 บาท ครีมโสมจุ๊ ถือว่าเป็นครีมน้องใหม่ที่มาแรงทีเดียว เนื่องจากมีผลรับและการรีวิวถึงประสิทธิภาพหลังการใช้ใน IG เป็นจำนวนมาก

ประสิทธิภาพของครีมโสมจุ๊
ครีมโสมจุ๊ เป็นครีมบำรุงผิว ที่ไม่เหนียวเหนอะหนะ โดยครีมเพียงกระปุกเดียว สามารถใช้ทาได้ทั้งผิวหน้า และผิวกาย ด้วยการผลัดเซลลืผิวที่ตายแล้วออก ยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว และปรับสภาพเม็ดสีผิวที่เข้าให้อ่อนลง ทำให้ผิวขาว กระจ่างใส ลดเลือนรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยสิว รอยดำ รอยแดง ให้ลดน้อยลง แต่ไม่มีสรรพคุณช่วยในการรักษาสิว

สำหรับระยะเวลาในหารแสดงผล ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ที่ประมาณ 7-14 วัน ก็จะเริ่มเห็นผล แต่ถ้าทำการทาอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆจนกระทั่งครบ 28 วัน จะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน เนื่องจากร่างกาของคนเราจะทำการผลัดเซลล์ผิวทุกๆ 28 วัน  ส่วนคนที่สงสัยว่าผิวจะดำคล้ำขึ้นหรือไม่ถ้าหากเลิกใช้แล้ว อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับการดูแลผิวหลังจากการหยุดใช้ด้วย เพราะถ้าหากหยุดใช้แล้วไปออกไปตากแสงแดดแรงๆในระยะเวลานานติดต่อกัน ผิวก็สามารถกลับมาคล้ำเสียขึ้นได้เช่นกัน เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ควรทาครีมกันแดดร่วมกับครีมโสมจุ๊ในขณะออกไปข้างนอกในช่วงกลางวัน

ส่วนผสมของครีมโสมจุ๊
ครีมโสมจุ๊ มีส่วนผสมหลัก 2 ตัว คือ วิตามินบี 3 ซึ่งเป็นวิตามินที่ช่วยในการปรับสภาพผิวให้ขาวมากยิ่งขึ้น และอัลฟ่าอาร์บูติน ที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวอย่างต่อเนื่อง ช่วยปรับให้เม็ดสีที่เข้าให้อ่อนลง และช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว
สำหรับวิธีการใช้ก็ง่ายๆ เพียงแค่ใช้ทาใบหน้าและตัว หลังจากการอาบน้ำในตอนเช้า-เย็น  จากนั้นเช็ดตัวให้หมาดๆ โดยใช้ปริมาณเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว เนื่องจากเนื้อครีมมีความเข้มข้นมาก

ครีมโสมจุ๊ปลอดภัยหรือเปล่า
ครีมโสมจุ๊ ไม่มีส่วนผสมของ AHA (กรดผลไม้) จึงไม่ทำให้ผิวบาง หรือไวต่อแสงแดด ไม่มีสารปรอท ไฮโดรควิโนน เสตรียรอย กรดวิตามินเอ รวมไปถึงสารต้องห้ามอื่นๆ นอกจากนี้ยังได้รับรองจากสำนักงานอาหารและยา (อย.) ถึงความปลอดภัยของส่วนผสมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องจากครีมโสมจุ๊มีการแต่งกลิ่นด้วยหัวน้ำหอม ดังนั้นคนที่แพ้น้ำหอม จึงไม่ควรใช้อย่างเด็กขาด โดยมีค่า PH อยู่ที่ระดับ 5 ซึ่งถือว่ามีความปลอดภัยตามาตรฐาน สำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย ก็สามารถที่จะใช้ครีมโสมจุ๊ได้ โดยไม่มีปัญหาใดๆ แต่ในปัจจุบันก็ได้เริ่มมีการหลอกจำหน่าย “ครีมโสมจุ๊ปลอม” ซึ่งก่อนซื้อ ผู้บริโภคควรทำการตรวจสอบให้ดีเสียก่อน หรืออาจจะสั่งกับตัวแทนจำหน่ายที่มีความน่าเชื่อถือก็ได้

ประสบการณ์ของผู้ที่เคยใช้ครีมโสมจุ๊
จากการเก็บข้อมูลตามเว็บบอร์ดที่เกี่ยวกับสุขภาพและความงามต่างๆพบว่า ผู้ที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ครีมโสมจุ๊ ส่วนใหญ่ค่อนข้างชื่นชอบในประสิทธิภาพของครีมที่ทำให้ผิวขาวขึ้น โดยเฉพาะการช่วยทำในการบำรุงผิวไม่ให้คล้ำเสียหลังจากที่ออกไปข้างนอกบ้านท่ามกลางแสงแดดในช่วงกลางวัน แต่ยังมีผู้สนใจในครีมโสมจุ๊จำนวนมาก ที่ยังรอดูพรีวิวและผลตอบรับจากคนอื่นๆที่ทดลองใช้ครีมโสมจุ๊ เนื่องจากยังไม่มีความเชื่อมั่นในแบรนด์สินค้าเท่าใดนัก แต่โดยรวมแล้วยังไม่มีลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์ออกมาโวยวายว่าหน้าพังหลังจากการใช้ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ 

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.