ชะลอจอประสาทตาเสื่อม กินอะไรดี ทั้งป้องกันทั้งบำรุง

         ณ ตอนนี้ไม่ใช่แค่คนที่มีอายุมากๆเท่านั้น ที่เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพอย่างจอประสาทตาเสื่อม เพราะสมัยนี้หันไปทางไหนก็มีแต่จอเต็มไปหมด ไม่ว่าจะวัยไหนต่างก็ใช้สายตากันอย่างหนักหน่วง ยกตัวอย่างง่ายๆ มนุษย์ธรรมดาๆคนหนึ่ง ตื่นเช้ามาในวันหยุดก็อัพเดตชีวิตผ่านสมาร์ทโฟน สายๆหน่อยเปิดโทรทัศน์ดูทั้งวัน ไหนจะวันทำงานที่ต้องจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์วันละหลายๆชั่วโมง จึงไม่เป็นที่สุขภาพดวงตาของคนยุคนี้จะเสื่อมเร็วกว่าปกติ

         ดังนั้น ถ้าไม่อยากเสี่ยงต่อโรคต่างๆเกี่ยวกับตา โดยเฉพาะโรคประสาทตาเสื่อม จึงจำเป็นอย่างยิ่งยวดที่จะต้องรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ บำรุงสายตาให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยเลือกอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ได้แก่ ผักใบเขียว และผลไม้ต่างๆที่มีสารอาหารบำรุงสายตา เช่น วิตามินซี วิตามินเอ เบต้าแคโรทีน รูทีน เป็นต้น แต่สำหรับผู้ที่ไม่ชอบรับประทานผักผลไม้ก็สามารถใช้อาหารเสริมได้

วิธีป้องกันไม่ให้จอประสาทตาเสื่อม
         ถึงแม้โรคจอประสาทตาเสื่อมจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และการรักษาในปัจจุบันเป็นเพียงชะลอการสูญเสียสายตาเท่านั้น แต่ก็สามารถป้องกันภาวะจอประสาทตาเสื่อมได้ โดยนอกจากจะรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินต่างๆ ควรลดปัจจัยเสี่ยงด้วยวิธีการดังนี้

         1.หมั่นตรวจเช็คสุขภาพตาเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี หรือมีประวัติบุคคลในครอบครัวมีภาวะจอประสาทตาเสื่อม
         2.งดสูบบุหรี่
         3.รับประทานปลา ที่มีกรดไขมันชนิดโอเมก้า 3 (Omega-3) จะสามารถป้องกันภาวะจอประสาทตาเสื่อมได้
         4.รู้จักพักจากหน้าจอ โดยเฉพาะผู้ใช้คอมพิวเตอร์ ควรหยุดพักสายตาเต็มที่ทุก 2 ชั่วโมง (น้อยกว่านี้ได้ยิ่งดี) ครั้งละประมาณ 15 นาที และลุกเดิน เคลื่อนไหวร่างกายบ้าง เพื่อช่วยให้เลือดหมุนเวียนได้ดีขึ้น
         5.ดูโทรทัศน์ในที่ที่มีแสงเพียงพอ และนั่งห่างจากโทรทัศน์ประมาณ 5 เท่า เช่น จอโทรทัศน์ 14 นิ้ว ควรนั่งห่างประมาณ 6 ฟุต เป็นต้น

กินอะไรดี ทั้งป้องกันทั้งบำรุงสายตา
         คำตอบที่ถูกต้องที่สุดคือ ลูทีน และซีแซนทีน โดยถือเป็นสารประกอบที่จัดอยู่ในกลุ่มของแคโรทีนอยด์ที่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นวิตามินเอได้ (non-provitamin A carotenoids) เรียกอีกอย่างว่าเป็นกลุ่มแซนโทฟิลล์ (Xanthophyll) ร่ายกายมนุษย์ไม่สามารถสร้างสารประกอบทั้งสองนี้ได้ จากรายงานการศึกษาทางระบาดวิทยา ซึ่งเป็นการศึกษาในประชากรกลุ่มใหญ่ 12 ฉบับ แม้ว่าผลการศึกษาจะไม่สม่ำเสมอ แต่ส่วนใหญ่พบว่ากลุ่มคนที่รับประทานอาหารที่มีผักและผลไม้ที่มีลูทีนและซีแซนทีนสูงสุด หรือกลุ่มคนที่มีระดับลูทีนและซีแซนทีนในเลือดสูงสุดจะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมน้อยกว่ามาก
         นอกจากนี้การศึกษาทางคลินิกพบว่า การได้รับลูทีนและซีแซนทีน ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของอาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร มีผลทำให้ระดับของลูทีนในเลือดและในแมคูลาสูงขึ้น และทำให้การวัดการมองเห็นต่างๆดีขึ้น มีแนวโน้มในการป้องกันการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม

         อย่างไรก็ตาม วิตามินซีเป็นอีกหนึ่งสารอาหารที่รู้จักกันดีในวงกว้างว่าสามารถบำรุงสายตาให้สุขภาพดี ป้องกันโรคต่างๆเกี่ยวกับดวงตาได้ เช่น ตาพร่ามัว จอประสาทตาเสื่อม ต้อกระจก เป็นต้น ดังนั้น การรับประทานวิตามินซีที่เพียงพอต่อร่างกายจึงเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งในการปกป้องและบำรุงสายตาไปพร้อมๆกัน โดยวันนี้เราขอแนะนำ Daily Vits วิตามินในรูปแบบอาหารเสริม ที่จัดแน่นเต็มโดส 1,500 มิลลิกรัม รับประทานง่าย แค่วันละเม็ดก่อนนอน มากไปด้วยคุณค่าที่เป็นประโยชน์ต่อการบำรุงสายตาและร่างกายให้แข็งแรง ได้รับการรับรองจาก อย. ปลอดภัยไร้ผลข้างเคียงแน่นอน

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

‘ประสาทตาเสื่อม’ ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม

         โรคประสาทตาเสื่อม เป็นอีกหนึ่งปัญหาสุขภาพที่คนในยุคนี้เป็นกันมาก เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ประสาทตาเสื่อมอยู่รอบๆตัว อาทิ การมองหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเป็นเวลานานๆก็อาจทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพดวงตาได้ อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ทำให้ประสาทตาเสื่อมยังมีอีกมากมาย โดยหลักๆแล้ว ได้แก่
         1.อายุ พบโรคนี้ได้บ่อยขึ้นในคนที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป
         2.พันธุกรรม มีความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมของคนที่เป็นโรคกับญาติสายตรง วิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งอเมริกา จึงแนะนำให้ผู้เกี่ยวข้องดังกล่าว ควรได้รับการตรวจเช็คจอประสาทตาทุก 2 ปี
         3.เชื้อชาติและเพศ พบอุบัติการของโรคสูงสุดในคนผิวขาว (Caucasian) เพศหญิง อายุมากกว่า 60 ปี
         4.การสูบบุหรี่ มีหลักฐานทางการศึกษาพบว่า การสูบบุหรี่ เป็นการเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคอย่างชัดเจน

         5.มีความดันโลหิตสูง คนไข้ที่ต้องทานยาลดความดันเลือด และมีระดับของไขมัน Cholesterol ในเลือดสูงและระดับ Carotenoid ในเลือดต่ำ มีความเสี่ยงสูงมากต่อการเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อม แบบสูญเสียการมองเห็นอย่างรวดเร็ว (Wet AMD)
         6.วัยหมดประจำเดือน ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่ไม่ได้รับประทานยาฮอร์โมน estrogen ถูกพบว่าอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน

จอประสาทตาเสื่อมมี 2 ชนิด
         1.จอประสาทตาเสื่อมแบบแห้ง (early (or dry) AMD) เป็นรูปแบบที่พบได้มากที่สุด ในขั้นเริ่มต้นหรือขั้นปานกลาง พบได้ประมาณร้อยละ 90 ของผู้ป่วยเป็นจอประสาทตาเสื่อมนี้ เกิดจากการสลายตัวของเซลล์ไวแสงที่บริเวณแมคูลา
         2.จอประสาทตาเสื่อมแบบเปียก (late (or wet) AMD) พบได้ประมาณร้อยละ 10 ของผู้ป่วยโรคนี้ เกิดจากการที่มีหลอดเลือดผิดปกติที่บริเวณหลังจอประสาทตา มีการเจริญของหลอดเลือดใต้แมคูลา หลอดเลือดใหม่ๆเหล่านี้อาจจะมีความเปราะบางและเกิดการรั่วของเลือดและของเหลวได้ทำให้แมคูลาบวมและเกิดการทำลายอย่างรวดเร็ว การทำลายนี้อาจจะทำให้เกิดแผลเป็นที่จอประสาทตาได้

         ซึ่งในช่วงเริ่มต้นของการเกิดจอประสาทตาแบบเปียก อาจทำให้มองเห็นเส้นตรงปรากฏลักษณะคล้ายคลื่น ผู้ป่วยอาจจะมี “จุดบอด” โดยเป็นผลมาจากการที่มีการสูญเสียการมองเห็นภาพในบริเวณตรงกลางของภาพ
         การที่คนเราจะมองเห็นอะไรได้ดีและชัดเจนนั้น ภาพที่เรามองจะต้องสามารถเดินทางผ่านเข้าไปในลูกตา โดยผ่านส่วนประกอบต่างๆของตา คือ กระจกตา (Cornea) และเลนส์แก้วตา (Lens) ไปตกที่จอประสาทตา (Retina) ซึ่งเป็นผนังชั้นในของลูกตา ที่ประกอบไปด้วยเซลล์ประสาทตาจำนวนมาก ที่จะส่งสัญญาณภาพที่ได้ผ่านไปทางเส้นประสาทตา (Optic nerve) สู่สมอง เพื่อแปลสัญญาณเป็นภาพที่เรามองเห็น ทำให้เรารับรู้ว่าเป็นภาพอะไร และสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ เช่น อ่านหนังสือ ดูภาพยนตร์ ขับรถ หรือจำหน้าคนรู้จักได้
         ทว่าอาการของจอประสาทตาเสื่อม จะทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นของเราเปลี่ยนแปลงไป จากที่เคยมองชัดกลับเห็นเป็นภาพเบลอกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งหากจอประสาทตาเสื่อมทั้งสองข้าง จะรู้สึกถึงความผิดปรกติในการมองเห็นอย่างรวดเร็ว เช่น มองตรงกลางภาพไม่ชัด ส่วนกลางของภาพที่มองขาดหายไป หรือมืดดำไป หรือภาพที่เห็นดูบิดเบี้ยวไป ทั้งนี้ สำหรับคนที่มีปัญหาเพียงแค่ข้างเดียว อาจไม่ทันสังเกตถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น จนผ่านไปหลายปี ดังนั้น โรคประสาทตาเสื่อมจึงเป็นดังภัยเงียบที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม


ไม่อยากให้ประสาทตาเสื่อม ต้องรู้จักบำรุง

         การป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไข เพราะหากประสาทตาเสื่อมแล้ว การรักษาให้หายขาดนั้นเป็นไปได้ยาก และต้องใช้งบประมาณมาก เช่น การรักษาด้วยวิธีฉายแสงเลเซอร์ เป็นต้น ฉะนั้น สิ่งที่จะช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับดวงตาที่อาจมาเยือนเราได้ทุกเมื่อ นั่นก็คือการรับประทานอาหารบำรุงสายตา โดยให้เน้นไปที่ผักผลไม้ที่ให้วิตามินซีและลูทีนสูง หรือโดยใช้อาหารเสริมแทนก็ได้
         Daily Vits วิตามนซี 1,500 mg เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะทำให้คุณห่างไกลจากโรคประสาทตาเสื่อม และโรคอื่นๆ เช่น ต้อกระจก ตาพร่ามัว เป็นต้น เพราะมีส่วนช่วยบำรุงสายตาคู่สวยให้แข็งแรง อยู่กับเราไปนานๆ แถมยังเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวขาวสวย สุขภาพดีไปพร้อมๆกันอีกด้วย

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

อยากโบกมือลาปัญหาสิว พอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง ช่วยคุณได้

         ในศตวรรษนี้ มีคนจำนวนมากมายที่ใช้การพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มาช่วยในการแก้ไขสารพัดปัญหาเรื่องสิว รวมไปถึงเหล่าแผลเป็น จุดด่างดำจากสิวแบบครบวงจรเลยทีเดียว ซึ่งการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้งเอง ก็ไม่ได้มีเพียงสูตรตายตัวเดียว ผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์มากมายได้ทำการผสมผสานน้ำผึ้ง เข้ากับสมุนไพร และสารอื่นๆ เพื่อให้การพอกหน้าด้วยน้ำผึ้งมีประสิทธิภาพในการรักษาสิวที่ดีมากยิ่งขึ้น สำหรับบทความนี้ ก็ได้พยายามที่สรรหาข้อมูลอย่างครอบคลุม ที่เกี่ยวข้องกับการใช้การพอกหน้าด้วยน้ำผึ้งเพื่อช่วยในการรักษาสิว

พอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง ดีสำหรับผิวเป็นสิวอย่างไร
การพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง เป็นวิธีการรักษาสิวแบบพื้นบ้านที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะไม่จำเป็นที่จะต้องเสี่ยงให้ผิวที่บอบบางของคุณเป็นอันตรายจากยารักษาสิว ที่อาจจะมีสารเคมีรุนแรงปนเปื้อนอยู่ อีกทั้งยังไม่ต้องวทนต่อความเจ็บปวดจากการกินยาขมๆ การใช้โลชั่น ครีม หรือยาแต้มอีกต่างหาก ซึ่งในหลายๆครั้งสารเคมีที่อยู่ภายในผลิตภัณฑ์เหล่านี้ต่างหาก ที่เป็นตัวไปกระตุ้นให้สิวมีอาการอักเสบที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น น้ำผึ้ง มีคุณสมบัติที่ดีในการต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีเยี่ยมในการช่วยรักษาปัญหาสิวลึกถึงต้นเหตุ แต่อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ที่ได้หลังจากใช้พอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง จะไม่แสดงผลลัพธ์ในชั่วข้ามคืน คุณจึงจำเป็นที่จะต้องทำการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้งหลายครั้ง เป็นระยะเวลาหนึ่งกว่าที่จะแสดงผลลัพธ์ในการรักษาสิวให้เห็น

เคล็ดลับการเลือกส่วนผสมในการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง
การรักษาสิวด้วยการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้งนั้น จะให้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดเมื่อใช้ส่วนผสมใหม่ๆเสมอ คุณควรใช้ส่วนผสมของสารอินทรีย์ให้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถเป็นไปได้ น้ำผึ้งที่นำมาใช้ควรทำการกรอง เพราะน้ำผึ้งดิบที่ยังไม่ผ่านการกรองอาจจะมีฝุ่นละออว เส้นขนเล็กๆ ที่ติดมาจากร่างกายของผึ้ง หรือซากของผึ้งที่ตายแล้ว ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ต่อบางคนได้

วิธีการนำน้ำผึ้งมาใช้ในการพอกหน้า
น้ำผึ้งเพียงอย่างเดียว ก็สามารถนำมาใช้ในการพอกหน้าได้แล้ว เนื่องจากน้ำผึ้งมีประสิทธิภาพในการรักษาสิวในตัวของมันเอง ทำความสะอาดรูขุมขน ป้องกันไม่ให้เชื้อจุลิทรีย์มีการเจริญเติบโต และต่อต้านเชื้อโรค นอกจากนี้ส่วนหนึ่งของขี้ผึ้งที่ถูกผสมผสานอยู่ในน้ำผึ้งยังช่วยทำให้ผิวมีความนุ่ม เนียน อย่างมีออร่าอีกด้วย นอกจากการใช้เพียงน้ำผึ้งเดี่ยวๆ ในการรักษาสิวแล้ว คุณยังสามารถทำการผสมส่วนประกอบอื่นๆลงไป เพื่อให้ผลลักธ์การพอกหน้าที่ดีที่สุดได้อีกมากมาย อาทิเช่น

         1.แอปเปิ้ล 4-5 ช้อนโต๊ะ ที่สามารถช่วยขัดทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยน กรดไกลโคลิมันจะช่วยในการผลัดเซลล์ผิว และทำให้รูขุมขนมีความกระจ่างสดใสขึ้น
 2.น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ + โยเกิร์ตสด และน้ำอุ่น กรดซิตริกในน้ำมะนาว และโยเกิร์ตเป็นสิ่งที่ช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้โยเกิร์ตยังทำหน้าที่เป็นตัวทำละลายที่ดี ที่ช่วยป้องกันไม่ให้ผิวของคุณยืด และแห้งจากการใช้น้ำมะนาวเพียงอย่างเดียว
3.ผงอบเชย มีคุณสมบัติในการต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์ที่ดี และยังช่วยขจัดเชื้อจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดสิว ในขณะที่เม็ดหยาบ และเส้นใยในผงอบเชย ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว
 4.น้ำหรือเยื่อว่านหางจระเข้ เหมาะสำหรับผิวมัน ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติในการช่วยบรรเทา ปรับผิวให้นุ่ม และปรับโทนสีผิว นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการต้านเชื้อจุลชีพ อนุมูลอิสระที่โดดเด่น ซึ่งส่วนผสมนี้จะเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่ผิวแพ้ง่าย อักเสบ คัน และระคายเคือง
 5.ผงสาหร่ายทะเล มีคุณสมบัติในการช่วยล้างสารพิษตามธรรมชาติ และยังช่วยในการบำรุงผิวได้เป็นอย่างดีด้วยแร่ธาตุต่างๆ นอกจากนี้ยังช่วยในการขัดผิวที่ตายแล้ว เมื่อนำมารวมกับคุณสมบัติของน้ำผึ้ง ผิวของคุณก็จะชุ่มชื้น ล้างสารพิษ และช่วยบำรุงผิวพรรณ ซึ่งดีเป็นอย่างมากในการต่อต้านสิวบนใบหน้า

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

รวมมิตรสูตร DIY พอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาว อย่างง่ายๆด้วยตัวเอง

         ไม่ว่าจะเป็นยุดคสมัยใด ความต้องการดูแลผิวหน้าให้ขาวเนียนกระจ่างสดใส ก็ยังเป็นหัวข้อที่ได้รับความนิยมจากคุณสาวๆ แต่วิธีการดูแลผิวหน้าเองก็จำเป็นที่จะต้องคำนวณงบประมาณรายจ่ายที่ต้องใช้เข้าไปด้วย เพราะถ้าหากไม่ทำการควบคุมให้ดีๆล่ะก็ ถึงแม้ผิวพรรณของคุณจะสวยสดงดงามมากขึ้นจริง แต่เงินในกระเป๋าก็อาจจะลอยล่องออกไปมากจนเกินความจำเป็นได้เช่นกัน ด้วยเหตุผลดังกล่าว การเสริมความงามให้กับตัวเองด้วยวิธี DIY โดยการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติอย่างง่ายๆ ที่สามารถหาส่วนผสมได้จากในครัวของคุณเอง อย่างเช่นพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาว จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แถมผลลัพธ์ที่ได้ยังจัดว่ายอดเยี่ยมอีกต่างหาก ส่วนสูตรพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาวจะมีดีอย่างไรนั้น เราไปติดตามอ่านผ่านบทความชิ้นนี้ด้วยกันเลย

พอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาว ช่วยในการบำรุงผิวพรรณได้อย่างไร?
 การพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาว มีคุณสมบัติสุดพิเศษในการช่วยทำความสะอาดผิว เพิ่มความชุ่มฃื้นแก่ผิว นอกจากนี้ในมะนาวจะเต็มไปด้วย AHA และ BHA ซึ่งช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ลดการเกิดสิว และปรับสภาพผิวให้ดูเท่าเทียมกันมากขึ้น ในขณะที่น้ำผึ้งเองก็ทำหน้าที่เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ และยังช่วยในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียบนผิวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
การเตรียมตัวก่อนการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาว เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
 ก่อนการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาว คุณควรเตรียมผิวของตัวเอง ด้วยการเทน้ำร้อนลงในชาม จากนั้นให้ใบหน้าอยู่เหนือชามใบนั้น ปล่อยให้ไอน้ำที่ระเหยขึ้นมาทำการหน้าที่ช่วยเปิดรูขุมขน การทำเช่นนี้จะเป็นการช่วยให้การพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาวสามารถชะล้างสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่ภายในรูขุมขนได้อย่างสะอาดหมดจดมากยิ่งขึ้น

สูตรการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาวยอดนิยม มีอะไรบ้างไปดูกัน?
 สำหรับการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาวนั้น ส่วนใหญ่โดยทั่วไปแล้วนิยมใช้ น้ำผึ้งดิบ+มะนาว ส่วนผสมที่ใช้มีมะนาวครึ่งซีก และน้ำผึ้งดิบ 1 ช้อนโต๊ะ ทำการบีบผสมลงในชามในเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วคุณได้ส่วนผสมที่พร้อมใช้ในการพอกใบหน้าแล้ว

วิธีการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาวอย่างถูกต้อง
   นำส่วนผสมที่ได้มาทำการทาบางๆให้ทั่วทั้งใบหน้า โดยพยายามหลีกเลี่ยงบริเวณรอบดวงตา แล้วปล่อยให้ผิวของคุณดื่มด่ำกับส่วนผสมแท้ๆจากธรรมชาติเหล่านั้นอย่างเต็มอิ่มเป็นเวลาประมาณ 15-30 นาที พยายามอย่าพูดอะไร จากนั้นจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำอุ่น แล้วราดน้ำเย็นซ้ำอีกครั้งเพื่อช่วยปิดรูขุมขนที่เปิดกว้างอยู่ ซับหน้าให้แห้งด้วยผ้าขนหนูสะอาด พักผิวผ่อนผิวหน้าของคุณทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงค่อยตบท้ายส่วนที่เหลือด้วยครีม หรือเซรั่มบำรุงผิวชิ้นโปรดของคุณ ซึ่งการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาวนั้น สามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอ ทุกเช้า-เย็น หรือถ้าหากคุณไม่มีเวลามากขนาดนั้น คุณก็สามารถที่จะทำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งได้เช่นกัน

ข้อควรระวังในการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาว
ผิวของคนเรามีความแตกต่างกัน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่หลายๆคนจะเกิดอาการแสบเมื่อทำการพอกหน้าด้วยส่วนผสมที่มีน้ำมะนาว ถ้าหากคุณสาวๆต้องการที่จะพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาวจริงๆ แต่เคยมีประวัติว่าผิวแพ้ง่าย หรือบางเป็นพิเศษ ควรลดปริมาณส่วนผสมที่เป็นน้ำมะนาวให้น้อยลง จากมะนาวครึ่งซีกอาจจะเหลือเพียงไม่กี่หยด นอกจากนี้ ก่อนการพอกหน้าทุกครั้งให้มั่นใจอยู่เสมอว่าผิวของคุณไม่ได้ผ่านขัดผิวมาก่อนในระยะเวลาอันสั้น เพราะถ้าไม่เช่นนั้น น้ำมะนาวจะทำให้คุณรู้สึกปวดแสบปวดร้อนมากขึ้นกว่าเดิม

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

สิ่งที่ควรรู้ ก่อนการตัดสินใจพอกหน้าขาว

คุณสาวๆ หลายคน คงชอบที่จะทำการรักษาผิวพรรณของตัวเองให้ขาวเนียนด้วยวิธีการพอกหน้า บางคนอาจจะถึงกับเข้าขั้นเซียนในการพอกหน้าชนิดที่ว่ามีสูตรการพอกหน้าทั้งจากวิธีธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์สำหรับพอกหน้าแบบทีเด็ดเก็บสะสมอยู่ในสต็อกมากมาย

ในความเป็นจริงแล้ว การพอกหน้า นั้นมีทั้งข้อดี และข้อเสีย ที่คุณสาวๆ อาจจะไม่ทราบ ซึ่งในวันนี้จะขอพาไปรู้จักกับสิ่งที่คุณสาวๆ ควรรู้ ก่อนการตัดสินใจพอกหน้าว่ามีอะไรบ้าง?

ประโยชน์ของการพอกหน้า

การพอกหน้า มีประโยชน์ต่อผิวพรรณในหลายๆ ด้าน เช่น การพอกหน้าช่วยดูดซึมซับเอาสิ่งสกปรกรวมไปถึงไขมันส่วนเกินที่อยู่ตามรูขุมขนออกไป ทำให้ใบหน้ามีความสะอาดมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง ทำให้ผิวใบหน้ากระชับ มีน้ำมีนวล อีกทั้งยังช่วยลบเลือนรอยหมองคล้ำ แต่ที่สำคัญที่สุดและเป็นเหตุผลที่คุณผู้สาวๆ เลือกใช้วิธีพอกหน้าในการรักษาผิวพรรณ เป็นเพราะการพอกหน้าช่วยให้ใบหน้าขาวเนียนใสขึ้นได้นั่นเอง

การเลือกผลิตภัณฑ์หรือสูตรจากพอกหน้าจากธรรมชาติให้เหมาะสมกับตนเอง

           การเลือกผลิตภัณฑ์ในการพอกหน้า หรือสูตรจากการพอกหน้าจากธรรมชาติ คุณสาวๆ ควรทำการพิจารณาถึงสภาพผิวของตัวเอง เพื่อที่จะได้ทำการเลือกวิธีการพอกหน้าที่เหมาะสมกับสภาพผิวของตัวเองเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และยังเป็นการช่วยลดโอกาสเกิดอันตรายต่อผิว โดยสามารถพิจารณาสภาพผิวได้อย่างกว้างๆ ดังต่อไปนี้

1. ผิวมัน มีสิว ควรเลือกครีมพอกหน้าที่ช่วยในการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวอย่างเป็นธรรมชาติ ที่มีส่วนประกอบของ AHA หรือ AHB หรือส่วนประกอบของพืชธรรมชาติ เช่น แตงกวา ชาเขียว สารสกัดชา เกล็ดรำข้าว รวมไปถึงครีมพอกหน้าที่มีคุณสมบัติในการแทรกตัวเข้าไปเพื่อยับยั้งการขับน้ำมันส่วนเกินจากในเซลล์ผิว หรือ Sebum ที่คั่งค้างอยู่ตามรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความระคายเคือง และการอักเสบของสิวขึ้น

            2. ผิวแห้ง ควรเลือกใช้ครีมพอกหน้าที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิว เช่น น้ำมัน น้ำผึ้ง ว่านหางจระเข้ ใบบัวบก สาหร่าย เป็นต้น

3. ผิวบอบบางแพ้ง่าย ควรเลือกครีมพอกหน้าที่มีส่วนผสมของชาเขียว คาโมมายล์ ใบบัวบก วิชซ์ฮาเซล สาหร่าย เป็นต้น

4. ผิวที่มีปัญหาเรื่องฝ้า จุดด่างดำ ควรเลือกครีมพอกหน้าที่มีส่วนผสมของวิตามินซี ซึ่งจะช่วยทำให้สุขภาพของผิวดีขึ้น และช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ฝ้า กระ ให้จางลงอย่างเป็นธรรมชาติ

5. ผิวที่มีริ้วรอย ควรเลือกครีมพอกหน้าที่ช่วยเสริมสร้างให้เซลล์ผิวมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น หรือมีส่วนผสมของคอลลาเจน ซึ่งจะช่วยในการลบเลือนริ้วรอบ ทำให้ผิวเรียบเนียน ไร้ริ้วรอย

ความถี่ที่เหมาะสมในทำการพอกหน้าขาว

ถ้าหากเป็นครีมพอกหน้าที่มีจุดประสงค์เพื่อให้ความชุ่มชื้นกับผิวหน้า ก็สามารถที่จะทำการพอกหน้าได้ทุกวันโดยที่ไม่มีอันตราย ส่วนครีมพอกหน้าสำหรับช่วยทำให้ผิวขาว หรือช่วยลดความมันของใบหน้า สามารถทำได้ประมาณ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

ข้อควรระวังในการพอกหน้า

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วในตอนต้นว่าการพอกหน้านั้นมีทั้งข้อดี และข้อเสีย ซึ่งข้อเสียที่คุณสาวๆควรให้ความสนใจพึงระวังเอาไว้เมื่อต้องทำการพอกหน้า เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพผิว โดยข้อควรระวังมีดังต่อไปนี้

1. ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ก่อนที่จะทำการพอกหน้าขาว ควรทำการทดสอบก่อนว่าผิวของตัวเองนั้นมีอาการแพ้ครีมพอกหน้าหรือไม่ โดยการทดลองกับผิวหนังส่วนด้านในของข้อพับแขน ทำการพอกทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น หากภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากการพอกแล้วไม่เกิดอาการผิดปกติ เช่น อาการแสบ คัน ระคายเคือง ผื่นแดง ตุ่มคัน เป็นต้น ก็สามารถที่จะใช้ครีมดังกล่าวไปทำการพอกหน้าได้

2. ในขณะที่พอกควรเว้นบริเวณดวงตาและปากเอาไว้เสมอ ไม่ควรทำการพอกหน้าทับทั้งสองจุดดังกล่าวโดยเด็ดขาด เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีความบอบบางสูง เพราะในส่วนผสมของครีมพอกหน้าอาจจะมีสารที่ทำให้เกิดความระคายเคืองได้

3. การพอกหน้าบ่อยจนเกินไปมีแต่ข้อเสีย การพอกหน้า โดยสูตรที่มีส่วนของผสมจาก AHA หรือ AHB เป็นการช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้ออกไป ถ้าหากทำการพอกหน้าบ่อยจนเกินไปก็จะทำให้ผิวของเรานั้นบางลง ทำให้ผิวเกิดความไวต่อแสงมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงยังทำให้เกิดความระคายเคืองต่อผิว

ดังนั้นควรทำการพอกหน้าเพียง 1-2 ครั้ง ต่อสัปดาห์ แต่ในกรณีที่เป็นการพอกหน้าเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว ไม่ใช่การผลัดเซลล์ผิวเพื่อให้ผิวขาวขึ้นนั้น สามารถทำการพอกหน้าได้เป็นประจำทุกวันโดยที่ไม่มีผลเสียอะไร

            4. ควรทำความสะอาดใบหน้าทุกครั้งก่อนการพอกหน้า เพราะถ้าหากไม่ทำความสะอาดก่อนการพอกหน้าลงไปเลยทั้งแบบนั้น อาจจะกลายเป็นการให้อาหารเชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในรูขุมขนจากส่วนผสมของครีมพอกหน้าโดยที่คุณสาวๆไม่ทันรู้ตัว โดยเฉพาะการพอกด้วยไข่ขาว ซึ่งจะทำให้แบคทีเรียยิ่งมีการขยายตัวมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้การไม่ทำความสะอาดใบหน้าก่อนการพอกหน้า ยังทำให้ประสิทธิภาพในการพอกหน้าลดลง เนื่องจากเนื้อครีมไม่สามารถซึงลงสู่ชั้นผิวหนังได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากมีคราบสกปรกขวางทางอยู่

5. ควรทำความสะอาดใบหน้าหลังจากที่ทำการพอกหน้าทุกครั้ง เพราะถ้าหากไม่ทำความสะอาดใบหน้าหลังจากการพอกหน้าให้ดี หรือปล่อยให้ครีมพอกติดอยู่กับใบหน้าแบบนั้นนานๆ หรือทิ้งเอาไว้ข้ามคืน จะเป็นการทำให้ผิวหยาบแห้งกร้านขึ้น

6. ในขณะที่ทำการพอกควรปล่อยให้ครีมพอกแห้งเองตามธรรมชาติ ไม่ควรทำการเร่งให้ครีมพอกแข็งตัวเร็วขึ้น เช่น การเป่าด้วยเครื่องเป่าแห้ง พัดลม เป็นต้น ควรปล่อยให้เกิดการแห้งไปตามปกติ เพราะจะทำให้ผิวได้ดูดซับรับประโยชน์ในการบำรุงผิวจากส่วนผสมในครีมพอกหน้าได้อย่างเต็มที่

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เคยใช้ครีมพอกหน้าแล้ว หน้าพังกันบ้างไหมแบบนี้ครีมพอกหน้ายี่ห้อไหนดี

ครีมพอกหน้ายี่ห้อไหนดี เคยใช้ครีมพอกหน้า แล้วหน้าพัง กันบ้างไหม ถ้าเคยใช้ครีมพอกหน้าแล้วพัง ขอบอกว่า ต้องอ่านบทความนี้เลย เพราะผู้เขียนเองก็ใช้ครีมพอกหน้า จนหน้าพังมาแล้วเช่นเดียวกัน เพราะว่าความที่อยากสวย จึงใช้ครีมพอกหน้าไปอย่างไม่ทันตั้งตัวจากคำอวดอ้างของผู้(ที่อ้างว่า)เชี่ยวชาญทางด้านผิวพรรณ

สเต็ปที่ 1: เริ่มจากเป็นสิวผดผื่นเพียงเล็กน้อย แต่ผู้เชี่ยวชาญ แนะนำว่า เอาครีมมาพอกหน้าสิ ช่วยได้ ผู้เขียนก็หลงเชื่อ และพอกหน้าสารพัด ด้วยวิธีการต่างๆ อาทิ พอกหน้าด้วยไข่ข่าว, พอกหน้าด้วยครีมมาส์ค, พอกหน้าด้วยสมุนไพรต่างๆ แต่ก็ยังไม่ได้รู้สึกดีขึ้น สรุปค่ะ หน้าที่เป็นสิวอยู่แล้ว พังเสียยิ่งกว่าเดิม

สเต็ปที่ 2: เมื่อหน้าเริ่มเป็นสิวมาขึ้น ผู้(ที่อ้างว่า)เชี่ยวชาญทางด้านผิวพรรณคนดังกล่าวก็บอกอีกว่า เพราะสารพิษในร่างกายเรานั้นเอยอะมาก จึงขับออกมาก่อน ทนเอาหน่อยน่ะ อาจจะเป็นเพราะสารพิษจากอาการ หรือ แพ้ฝุ่น แพ้ควันพิษ กินอาหารพิษสะสม บลาๆๆๆๆ แล้วเดี๋ยวจะดีขึ้น … แต่ท้ายที่สุดแล้ว ก็ยังไม่ได้ดีขึ้นเสียทีเดียว

สเต็ปสุดท้าย: เมื่อมันพังเพราะครีมพอกหน้าแล้ว สิ่งที่ทำเองได้ คือ เลิกครีมพอกหน้าเสียให้หมด แล้วใช้ครีมพอกหน้าอย่างใดอย่างหนึ่งก็เพียงพอ ค่อยๆมาส์ค ค่อยๆพอกไป อย่าไปกระตุ้นให้เกิดซ้ำ เน้นเพียงรักษา และเลิกผลิตภัณฑ์ทุกอย่างให้หมด ใช้เพียงครีมกันแดดเล็กน้อย เท่านี้ …

จากหน้าที่พัง ก็ไม่มีอะไรเข้าไปหล่อเลี้ยง ไม่มีอะไรเพิ่ม ไม่มีอะไรกระตุ้น ทุกอย่างก็ลดลง เมื่อใช้ ครีมพอกหน้าทีละตัว ครีมพอกหน้า ก็กลายเป็น ครีมพอกหน้าที่ดีแห่งยุค อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วการพอกหน้า จะทำให้เราสวยขึ้น ดูดีขึ้น นุ่มเนียนขึ้น จริงๆนะ

คงรู้แล้วสินะว่า ครีมพอกหน้ายี่ห้อไหนดี คราวหน้าก็อย่าพลาดกันอีกล่ะ จะได้ไม่เจ็บ.. 

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ครีมพอกหน้าเด้ง พอกแล้วเด้งยังกะลูกชิ้นปิงปอง

            หน้าเด้งเต่งตึงกระชับอ่อนเยาว์เหมือนวัยแรกสาว ล้วนเป็นสิ่งที่คุณหนุ่มๆสาวๆทุกคนปารถนาอยากที่จะครอบครองเป็นเจ้าของอย่างแน่นอน ซึ่งในปัจจุบันก็ได้มีครีมพอกหน้าเด้งหลายผลิตภัณฑ์พยายามยามชูจุดขายโฆษณาว่าสามารถช่วยทำให้หน้าเด้ง เนียน นาน ได้ดั่งใจของผู้ใช้ แต่พอลองใช้จริงๆแล้วกลับพบว่าฤทธิ์ของพวกมันเหล่านั้นคงอยู่เพียงชั่วครู่เท่านั้น จนทำให้คุณสาวๆหลายคนเกิดอาการท้อไม่อยากใช้ผลิตภัณฑ์ครีมพอกหน้าเด้งอีกต่อไปแล้ว แต่ที่จริงแล้วถ้าหากคุณสาวๆทำการศึกษาส่วนประกอบของเจ้าครีมพอกหน้าเด้งอย่างถ่องแท้สักหน่อย ก็จะสามารถพบว่ามีสารสกัดหลายชนิดที่มีคุณสมบัติช่วยทำให้ผิวหน้าเด้งกระชับขึ้นได้ผลอย่างยาวนาน ดังนั้นก่อนการซื้อครีมพอกหน้าเด้งทุกครั้ง ควรทำการพิจารณาก่อนว่า มีส่วนประกอบที่จะช่วยทำให้ผิวหน้าเด้งขึ้นได้ ดังต่อไปนี้หรือไม่
สารสกัดที่ช่วยทำให้ผิวหน้าเด้งกระชับขึ้น ที่นิยมนำมาผสมในครีมหน้าเด้งในปัจจุบัน มีอะไรบ้าง?
ก่อนทำการเลือกซื้อครีมพอกหน้าเด้งทุกครั้ง คุณสาวๆควรทำการพิจารณาว่ามีส่วนผสมเหล่านี้อยู่ด้วยหรือไม่
             1.Squalane เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ที่ได้มาจาก Olive หรือจากกระดูกอ่อนและตับของปลาฉลาม มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการช่วยฟื้นฟูผิวหนัง นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกับไขมันที่ถูกผลิตออกมาจากต่อมไขมันบนผิวหนังอีกด้วย
             2.Wid Yam สารสกัดจากมันเทศ ซึ่งเป็นสารที่ช่วยกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนของเพศหญิง ทำให้ผิวเกิดการยกกระชับและเต่งตึงมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยในการลดอาการอักเสบของผิวอีกด้วย
            3.Proline เป็นสารที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นมาจากกรด Glutamic มีคุณสมบัติในการช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน ในขณะเดียวกันก็ช่วยลดอัตราการทำลายคอลลาเจนใต้ผิวหนังเมื่อคุณสาวๆมีอายุมากขึ้น ทำให้ผิวหนังคงความกระชับเต่งตึงอย่างยาวนานมากยิ่งขึ้น
            4.วิตามิน อาทิเช่น วิตามินซี วิตรามินอี เป็นต้น มีส่วนช่วยในการลดอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง พร้อมกับกระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวหน้าของคุณสาวๆเด้งเนียนได้มากดีมากยิ่งขึ้น
            5.ชาขาว มีฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาเขียวถึง 21 เท่า จึงสามารถช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของผิวหน้าจากมลภาวะ และอายุที่มากขึ้น
            6.คอลลาเจน โดยพยายามเลือกครีมพอกหน้าเด้งที่มีส่วนผสมของไมโครคอลลาเจนที่มีขนาดเล็ก ซึ่งมีคุณสมบัติในการซึมเข้าไปบำรุงผิวได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งคอลลาเจนจากครีมพอกหน้าเด้งจะทำหน้าที่ทดแทนคอลลาเจนที่เกิดการสูญเสียไปตามธรรมชาติ โดยทำการพยุงโครงสร้างของผิวที่เสื่อมสภาพให้เกิดความยืดหยุ่น ไม่หย่อนยาน พร้อมกับเติมเต็มริ้วรอยให้เรียบเนียนกระชับเต่งตึง
            7.Inosital เป็นพลังงานอิสระที่ช่วยเพิ่มแรงดันนำภายในเซลล์ของผิวหนัง มีสรรพคุณช่วยทำให้ผิวมีความเปล่งปลั่ง เต่งตึง นอกจากนี้ยังช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระภายในเซลล์ และลดการสูญเสียน้ำภายในเซลล์อีกด้วย
            8.Matrixyl เป็นสาร Lipo-Protein ช่วยในการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวหนังเกิดความกระชับเต่งตึง และลดการเสื่อมชราของของผิว
            9.Hyaluronate ช่วยทำให้ผิวสามารถเก็บกักความชุ่มชื้นได้มากขึ้นจากปกติหลายเท่า ทำให้ผิวสามารถฟื้นฟูตัวเองได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น และที่สำคัญคือ ช่วยทำให้ผิวดูกระชับเต่งตึงมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ไม่มีหรอก ครีมพอกหน้าขาว โม้ทั้งนั้น จริงป่ะ

ครีมพอกหน้าขาว ที่ใช้แล้วหน้าขาวจริงในโลกมันมีอยู่จริงค่ะแต่ ตัวใหนที่จะเหมาะ กับเรามันช่างหายากซะเหลือเกินจนบางคนไปหาวิธีอื่นบ้างก็ไปหาหมอ ไปศัลยกรรม บ้างก็ยอมแพ้ ปล่อยให้ธรรมชาติลงโทษกันไป

ถ้ามีจริงบางคนอาจจะคิดในใจว่า ทำไมคุณไม่บอกมาเลยล่ะจะได้รีบซื้อมาใช้ แต่ ดิฉันไม่ได้กวนนะคะ คุณเองยังไม่รู้เลยว่าสภาพหน้าของคุณตอนนี้เป็นแบบใหน แล้วบอกไปคุณซื้อมาใช้ หน้าแหก ก็มาด่าดิฉันสิคะ

มารู้จัก  สภาพผิวหน้ากันก่อนจะใช้ ครีมพอกหน้าขาว กัน

ผิวธรรมดา

คนที่มีผิวธรรมดานับว่าเป็นคนที่โชคดี เพราะมักจะไม่ค่อยมีปัญหาผิวหน้า ผิวธรรมดาจะมีความเรียบเนียน และความยืดหยุ่นดี มีรูขุมขนละเอียด เมื่ออากาศร้อนผิวจะไม่มันเยิ้ม และไม่แห้งเป็นขุยเมื่ออากาศเย็น
การดูแลรักษาผิวธรรมดาทำได้ง่ายๆ โดยการใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นเป็นประจำ ทำความสะอาดผิวหน้าด้วยโฟม หรือสบู่อ่อนๆ และในเวลากลางวันควรทาครีมกันแดดป้องกันก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง
ผิวแห้ง

ผิวแห้งมีข้อดี คือ เป็นผิวที่มีเรียบเนียนมาก รูขุมขนเล็กกระชับ ไม่ค่อยมีปัญหาสิวเสี้ยน แต่เนื่องจากผิวแห้งเป็นผิวที่ขาดความชุ่มชื้นจึงทำให้ลอกเป็นขุยง่าย และ เกิดริ้วรอยได้เร็วกว่าผิวประเภทอื่น

การดูแลผิวแห้งจึงต้องให้ความทะนุถนอมและใส่ใจมากเป็นพิเศษ ควรหลีกเลี่ยงสภาวะที่ทำให้เกิดความรุนแรงต่อผิว เช่น การสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานานๆ การสัมผัสอากาศร้อนหรือเย็นเกินไป การล้างหน้าอย่างรุนแรง การทำซาวน่า และ การใช้น้ำอุ่นล้างหน้าเป็นประจำ ล้วนเป็นตัวการทำร้ายผิวแห้งให้เกิดริ้วรอยได้เร็วขึ้นทั้งสิ้น 

ผิวแห้งควรเลือกใช้ครีมบำรุงผิวที่มีมอยส์เจอร์ไรเซอร์ นม และโยเกิร์ต เพราะจะช่วยสร้างความชุ่มชื้น และช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยได้ การทำความสะอาดผิวหน้าก็ควรเลือกใช้โฟมหรือสบู่อ่อนๆ ที่มีค่า pH ใกล้ เคียงกับสภาพผิว และต้องล้างอย่างเบามือเท่านั้น การทำความสะอาดเครื่องสำอางก็ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำ หรือน้ำแร่ หรือโคลด์ครีมซึ่งอ่อนโยนต่อผิว

ผิวมัน
เป็นผิวที่สังเกตได้ง่าย คนมีผิวมันจะมีรูขุมขนกว้าง ไม่เรียบเนียน รูขุมขนที่ผิวจะดูคล้ายผิวส้ม ซึ่งก่อให้เกิดการขับน้ำมันออกมาจากผิวมากผิดปกติทำให้ผิวหน้าดูมันเยิ้ม เกิดปัญหาสิวเสี้ยน และสิวอุดตันได้ง่ายกว่าผิวประเภทอื่นๆ ผู้ที่มีผิวมันจึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำมัน หรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์มากนัก เพราะผิวที่มันมากสามารถให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้ดีในระดับหนึ่งอยู่แล้ว
การทำความสะอาดผิวมัน ควรล้างหน้าด้วยโฟม หรือสบู่อ่อนๆ 2-3 ครั้ง ต่อวัน ก็เพียงพอแล้ว คนทั่วไปมักเข้าใจผิดว่าผิวมันต้องล้างหน้าบ่อยๆ จึงจะสะอาดและลดความมัน แต่ความเป็นจริงการล้างหน้าบ่อยๆ จะเป็นการทำให้หน้าแห้งได้ง่าย เพราะน้ำจะชะล้างเอาน้ำมันธรรมชาติที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวออกไปจนหมด ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้
ผิวบอบบาง
ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่มีผิวบอบบางมักมีกรรมพันธุ์เป็นโรคภูมิแพ้ รวมถึงมีผิวแห้งอีกด้วย คนที่มีผิวบอบบางมักแพ้ผลิตภัณฑ์ ที่ใช้กับผิวได้บ่อย มักมีอาการผื่นคัน เป็นสิว หรือเกิดรอยไหม้ได้ง่าย จึงเป็นผิวที่ควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนและเสริมสร้างความแข็งแรงให้เซลล์ผิว เป็นหลัก
ผิวผสม
คนไทยส่วนมากมักมีผิวผสม ซึ่งเป็นผิวที่มีความยุ่งยากในการดูแล เพราะลักษณะของผิวจะมีหลากหลายประเภทผสมกัน ส่วนใหญ่ผู้ที่มีผิวผสมมักมีบริเวณแก้มแห้งเป็นขุย ส่วนบริเวณทีโซนมีความมันเกินความจำเป็น การดูแลผิวผสมจึงต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับสภาพผิว ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพภูมิอากาศด้วย

ฉะนั้นแล้ว  หากเรามีความเข้าใจการดูแลผิวผสมก็จะไม่ยุ่งยากเกินไปนัก การทำความสะอาดผิว สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผิวมันได้ในยามค่ำคืน และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผิวแห้งในยามเช้า

เนื่องจาก เวลาเย็นผิวหน้าที่ผ่านมลภาวะมาทั้งวันควรได้รับการทำความสะอาดอย่างเต็มที่ ส่วนการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวนั้น ผิวผสมสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้นอย่างเต็มที่ในยาม กลางคืน และเลือกผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นพอเหมาะในเวลากลางวัน

ได้รู้จักสภาพผิวหน้าทั้ง 5 ประเภท แล้ว ลองวิเคราะห์ดูนะคะ ว่าคุณมีผิวหน้าจัดอยู่ในกลุ่มไหน เมื่อวิเคราะห์ได้แล้ว ก็จะได้เลือกวิธีการดูแลผิวที่เหมาะกับประเภทผิวของตัวเองอย่างแท้จริง เพื่อ “ผิวสวย หน้าใส” อย่างเข้าใจ ด้วยตนเองนะคะ ถ้าไม่อยากหาเองก็ดู ครีมพอกหน้าขาวในสินค้าแนะนำค่ะ ใช้ให้ถูกกับสภาพหน้าด้วยนะคะ

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เด้งได้ไม่ต้องดึงหน้า สูตร mask หน้าใส ง่ายๆ [VDO]

            ในยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยมลภาวะ และมลพิษรอบตัวมากมายที่จ้องจะทำร้ายผิวของคุณสาวๆ จนกลายเป็นเรื่องยากที่จะสามารถทำการหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นในวันนี้สำหรับคุณสาวๆที่เริ่มรู้สึกว่าผิวหน้าของตัวเองถูกทำร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ และอยากที่จะเริ่มต้นหาวิธีทำใบหน้าให้ใสเหมือนกับสาวๆเกาหลีแล้วล่ะก็ ในวันนี้จะขอพาไปพบกับส่วนหนึ่งในเคล็ดลับหน้าใสด้วยสูตรการทำ mask หน้าใส 9 แบบ  ได้จากในบทความชิ้นนี้กันเลย
6 สูตรวิธีการ mask หน้าใส อย่างง่ายๆด้วยตัวคุณเอง
            1.มาร์สกล้วยบำรุงหน้า mask หน้าใส ด้วยกล้วย เป็นหนึ่งในวิธีการโบท็อกซ์ผิว ซึ่งจะช่วยทำให้ผิวของคุณสาวๆเนียนใสเด้งขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว และนุ่มเนียนน่าสัมผัสมากยิ่งขึ้น ซึ่งสูตร mask หน้าใสนี้ก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่นำกล้วยหอมที่ยังไม่สุกมากนักขนาดกลางมาหั่นเป็นชิ้นบางๆ จากนั้นนำไปวางอยู่ให้ทั่วใบหน้า และลำคอ ปล่อยทิ้งเอาไว้ประมาณ 10-20 นาที จากนั้นจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำเย็น ส่วนอีกสูตรที่ได้รับคามนิยมกันคือ การนำกล้วยหอมสุกขนาดกลาง 1 ผล มาผสมปั่นเข้ากับโยเกิร์ตรสธรรมชาติ ¼ ถ้วย และน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ ก็จะได้ครีมมาร์สหน้าที่พร้อมจะนำไปใช้ทาให้ทั่วใบหน้า
            2.มาร์สน้ำส้มสายชูบำรุงผิว น้ำส้มสายชูเป็นเคล็ดลับขิงผิวที่เนียนใสเต่งตึงของเฮเลยแห่งทรอย หลังจากที่คุณสาวๆทำการล้างหน้าจนสะอาดแล้ว ให้ทำการผสมน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ 1 ช้อนโต๊ะ เข้ากับน้ำเปล่าสะอาด 2 ถ้วย แล้วนำไปทำการล้างหน้าทำความสะอาดผิวอีกครั้ง นอกจากนี้คุณสาวๆยังสามารถสร้างหน้ากาก mask หน้าใส ด้วยตัวเองอย่างง่ายๆ โดยการผสมเหล้าแอปเปิ้ล ¼ ถ้วย เข้ากับน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ แล้วนำมาพอกทิ้งเอาไว้บนใบหน้าให้แห้ง จากนั้นให้ทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด

            3.มาร์สหน้าด้วยน้ำนม การทำหน้ากาก mask หน้าใสโดยการใช้นมนั้น สามารถทำได้โดยการผสมนมผง ¼ ถ้วย เข้ากับน้ำปริมาณมากพอที่จะทำให้นมเหล่านั้นละลายตัวจนมีลักษณะคล้ายกับโคลนเหลว จากนั้นให้ทำการพอกนมผงเหลวให้ทั่วใบหน้า ปล่อยทิ้งเอาไว้ให้แห้ง แล้วจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำสาด หลังจากนั้นคุณสาวๆจะสามารถรู้สึกเลยว่าผิวหน้าของตัวเองนั้นสดชื่นมากยิ่งขึ้น
            4.มาร์สข้าวโอ๊ตบำรุงผิว ถ้าหากคุณสาวๆกำลังมองหาวิธีการ mask หน้าใส ที่สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว และสามารถทำให้ผิวใสขึ้นได้ทันทีแล้วล่ะก็ มาร์สข้าวโอ๊ตเป็นตัวเลือกที่ดี ด้วยการนำน้ำอุ่น ½ ถ้วย ผสมเข้ากับข้าวอีต 1/3 ถ้วย ทิ้งเอาไว้ประมาณ 2-3 นาที จากนั้นนำโยเกิร์ตรสธรรมชาติ 2 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ และไข่ขาว 1 ฟอง ผสมเติมลงไปคนให้เข้ากัน จากนั้นให้นำส่วนผสมทั้งหมดมาพอกบนใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น

            5.มาร์สมายองเนสบำรุงผิวหน้า จะเสียเงินซื้อครีม mask หน้าใส ในราคาแสนแพงไปทำไม ถ้าหากคุณสาวๆสามารถทำการรักษาผิวหน้าให้ขาวใสได้ด้วยการทำครีมมาร์สหน้าจากธรรมชาติ หรือใช้เพียงมายองเนสจากตู้เย็น นำมาทาบางๆกระจายให้ทั่วใบหน้า แล้วทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที ก่อนที่จะเช็ดออก แล้วทำการล้างด้วยน้ำเย็น เพียงเท่านี้ใบหน้าของคุณก็จะสะอาดเรียบเนียนมากยิ่งขึ้นแล้ว
            6. มาร์สหน้าด้วยมัสตาร์ด เพียงแค่นำมัสตาร์ดสีเหลืองอ่อนมาทำลูบทาให้ทั่วใบหน้า ก็จะเป็นการช่วยกระตุ้นผิวหน้าของคุณสาวๆให้มีความสดชื่นมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ควรทำการทดสอบโดยทาครีมมัสตาร์ดกับผิวในบริเวณเล็กๆก่อน เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองกับผิวขึ้น  
จากสาวที่รักสุขภาพ คุณ  lovepisespowder ที่มา youtube.com

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ข้อแตกต่างระหว่าง mask หน้าขาว แบบทำเองและ ซื้อมามาร์ค

 

สำหรับสาวๆ ที่ต้องการที่จะให้ใบหน้าของตนเองดูขาวเนียน เวลาออกไปพบปะผู้คนข้างนอกจะได้รู้สึกมั่นใจนั้น วิธีการมาส์กหน้าขาว เพื่อช่วยบำรุงใบหน้าให้กลับมาขาวเนียนสดใส หลังจากที่ใบหน้าของคุณสาวๆต้องออกไปสมบุกสมบันกับมลภาวะภายนอกมาตลอดทั้งวัน

การมาส์คหน้าขาวเป็นหนึ่ง ในตัวเลือกที่คุณสาวๆปัจจุบันนิยมใช้ เพราะเป็นวิธีที่สามารถทำได้อย่างง่ายๆ ได้ด้วยตัวเอง

การมาส์กหน้าคืออะไร?

การมาร์คหน้าถือว่าเป็นขั้นตอนพิเศษ ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการดูแลผิวให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ผิวหน้าโดนแสงแดดมากกว่าปกติ อาทิ เช่น เวลาไปเที่ยวทะเล ซึ่งผิวหนังจะเกิดความหมองคล้ำไม่สดใส การกมาส์คหน้าจะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวอย่างเร่งด่วนให้ดูกระจ่างใสมากขึ้น หรือสำหรับสาวๆที่ต้องการมาส์คหน้าเพื่อให้ใบหน้าดูกระจ่างสดใส สำหรับในโอกาสพิเศษ เช่น รับปริญญา แต่งงาน งานปาตี้ เป็นต้น ซึ่งการกมาส์คหน้า หรือ Facial Mask นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร แต่เป็นวิธีการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมมานานหลายร้อยปีแล้ว

การมาส์กหน้าขาวด้วยตัวเอง

ในปัจจุบัน มีการสอนวิธีการมาส์กหน้าขาวในอินเตอร์เน็ตอยู่เป็นจำนวนมาก เพียงแค่ คลิ๊กเบาๆ ก็จะมีสูตรการมาส์กหน้าขาวรวมไปถึงขั้นตอนแสดงให้ดูอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นสูตรรักษาฝ้า สูตรสู้สิว สูตรไข่กระชับผิว กระชับรูขุมขน สูตรลดริ้วรอย สูตรสู้ผิวมัน สูตรสำหรับผิวแพ้ง่าย ฯลฯ อย่างมากมายเสียจนตาลาย เลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว ซึ่งในครั้งนี้จะขอแนะนำสูตรมาร์สหน้าขาวที่สามารถทำได้เองอย่างง่ายๆ และไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยากมานำเสนอพอสังเขป ดังนี้

สูตรแตงกวา แตงกวามีคุณสมบัติเป็นแอสตริงเจนต์อ่อนๆ ที่ทำให้ผิวเย็นลง จึงดีเป็นพิเศษกับผิวอักเสบ เป็นผื่นแดง หรือไหม้แดด ขั้นตอน คือ ปอกเปลือกแตงกวาลูกเล็กๆหนึ่งลูก เอาใส่เครื่องปั่นจนกลายเป็นเนื้อเนียนนุ่ม เอาน้ำชาเขียวและชาคาโมมายล์อย่างละสองออนซ์ กับเจลาตินหนึ่งห่อ ตั้งไฟอ่อนๆจนเจลลาตินละลาย เติมน้ำแตงกวาลงไป คนให้ส่วนผสมเข้ากันดี แล้วเทใส่ภาชนะแก้ว เก็บเอาไว้ในตู้เย็นราว 25 นาที จนเริ่มเป็นส่วนผสมข้นๆ นำมาทาให้ทั่วใบหน้า ปล่อยให้แห้ง 20 นาที แล้วลอกมาส์สออก จากนั้นล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น ซับให้แห้ง

สูตรไข่ขาว ตอกไข่ไก่ 1 ฟอง แยกไข่แดงออกเทเฉพาะไข่ขาวลงในถ้วย ใช้ส้อมตีไข่ขาวจนเป็นฟองพอสมควร แล้วใช้แปรงขนนุ่ม จุ่มไข่ข่าวทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จนไข่ขาวเริ่มแข็งแล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น

สูตรมะเขือเทศ ฝานมะเขือเทศ 1 ชิ้นหนาๆ ถูให้ทั่วใบหน้าและลำคอเบาๆ ตรงบริเวณที่มีสิวเสี้ยน มะเขือเทศมีวิตามินซี และกรด AHA จะช่วยผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวหนังที่เสื่อสมสภาพแล้วให้หลุดออกมา หลังจากนั้นจึงค่อยใช้สำลีชุบน้ำเย็น เช็ดมะเขือเทศออกให้สะอาด

สูตรน้ำผึ้ง ล้างหน้าให้สะอาด แล้วใช้ปลายนิ้วแตะน้ำผึ้งลูบไล้บนใบหน้าและลำคอ แล้วนวดหน้าด้วยปลายนิ้วเบาๆ ประมาณ 5 นาที จนน้ำผึ้งเหนียว ให้ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ระหว่างนั้นให้นอนพักศีรษะอยู่ต่ำกว่าระดับปลายเท้า เพื่อให้เลือดไหลมาหล่อเลี้ยงที่ใบหน้าและลำคอได้สะดวกยิ่งขึ้น 
สูตรแอปเปิ้ล ปอกแอปเปิ้ลแล้วคว้านเอาไส้และเมล็ดออก จากนั้นบดให้ละเอียดพร้อมผสมน้ำผึ้งลงไปด้วย เมื่อเข้ากันดีแล้วให้นำมาพอกหน้าทิ้งเอาไว้ 20 นาที แล้วใช้นมสดเย็นๆ ล้างออก

สูตรนมเปรี้ยว เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหน้ามัน ล้างหน้าให้สะอาด แล้วเอานมเปรี้ยวที่แช่เย็นจัดพอกหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที หรือนานกว่านั้น แล้วใช้ผ้าขนหนูนุ่มๆ เช็ดออก

สูตรแตงโม ฝานแตงโมเป็นชิ้นบางๆ จากส่วนแดงที่สุด นำมาแปะให้ทั่วใบหน้า แล้วใช้ผ้าขาวบางคลุมหน้าทิ้งไว้ ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น

สูตรดินโคลน ใช้ดินหรือโคลนที่ทำความสะอาดแล้วนำมาพอกหน้า เมื่อน้ำระเหยออกจากโคลนก็จะแห้งแข็งกลายเป็นหน้ากาก ทิ้งเอาไว้ 15-20 นาที แล้วล้างออก เศษสกปรก ไขมัน และชั้นผิวหนังที่เสื่อมสภาพจะหลุดออกมาด้วย โดยเหมาะกับสำหรับผู้ที่มีผิวมัน

สูตรแอสไพริน นำยาแอสไพริน 4-5 เม็ด ผสมเข้ากับน้ำอุ่น 1-2 ช้อนโต๊ะ พอให้มีเนื้อข้นๆ นำไปทาลงบนใบหน้าบางๆ ทิ้งเอาไว้ประมาณ 5 นาที แล้วถูออกจากใบหน้าโดยมือเบาๆ โดยการถูเป็นแนววงกลม หลังจากนั้นคุณจะเห็นผิวหน้าที่เนียนนุ่มและกระจ่างขึ้น

สูตรสาหร่ายทะเล นำว่านหางจระเข้ประมาณ 2 ใบ มาล้างน้ำให้สะอาด หั่นเอาเฉพาะวุ้นใสๆข้างใน หั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆ แล้วปั่นรวมกับสาหร่ายทะเลที่แช่น้ำจนนิ่มให้กลายเป็นเนื้อเดียวกัน จนได้เนื้อครีมที่ข้นและเหนียว นำมาพอกหน้าก่อนเข้านอน ปล่อยทิ้งเอาไว้ 15-20 นาที แล้วจึงล้างออกดด้วยน้ำสะอาด

ผลิตภัณฑ์ครีมที่ช่วยทำให้ใบหน้าขาวเนียน เหมือนกับการมาส์หน้า

ถึงแม้ว่า วิธีการมาส์คหน้าขาวด้วยตัวเอง จะไม่ใช่สิ่งที่ยุ่งยากอะไรนัก แต่ก็จำเป็นที่จะต้องจัดเตรียมหาวัตถุดิบและส่วนผสมต่างๆในการทำมาส์คหลายอย่างทีเดียว สำหรับสาวๆที่ต้องเรียน หรือออกไปทำงานตลอดทั้งวัน กว่าจะได้กลับถึงบ้านก็เหนื่อยจนอยากจะรีบอาบน้ำนอนหลับพักผ่อนแล้ว คงจะกลายเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยากเอาการทีเดียว ไหนเลยกว่าจะปอกเปลือก หั่นผัก วิ่งหาส่วนผสมอื่นๆ สำหรับสาวๆที่ยุ่งมากๆ แม้แต่การมาร์สหน้าด้วยผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่ชวนให้เหนื่อยทีเดียว

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.