ครีมอบาโลน ผสานคุณค่าจาก Hydrolyzed Collagen

            หลายคนคงเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของครีมอบาโลน คอลลาเจนกันพอสังเขป ซึ่งคำว่า “อบาโลน” หรือในภาษาอังกฤษ “Abalone” หมายถึงหอยเป๋าฮื้อนั่นเอง หอยชนิดนี้พบได้ในแถบอเมริกาเหนือ ญี่ปุ่น และเกาหลี เป็นยอมรับในวงการความสวยความงามว่า เมื่อนำผ่านกระบวนการสกัดจะมีคุณสมบัติพิเศษที่ให้ประโยชน์ต่อผิวพรรณ แลดูกระชับเต่งตึง ขาวสว่างมีออร่ามาจากข้างใน เนื่องจากสามารถลำเลียงอาหารผิวและออกซิเจนเข้าสู่ชั้นผิวได้อย่างล้ำลึก จึงเหมาะกับการฟื้นบำรุงผิวหน้าของเราเป็นอย่างยิ่ง
แล้ว Hydrolyzed Collagen ที่เกริ่นเป็นหัวข้อล่ะ มาข้องเกี่ยวอะไรกับครีมอบาโลน จริงๆแล้ว Hydrolyzed Collagen (ไฮโดรไลซ์ คอลลาเจน) เป็นคอลลาเจนที่ผลิตจากปลาทะเลน้ำลึก ซึ่งมีการสกัดผ่านกระบวนการนาโนเทคโนโลยี ทำให้ได้คอลลาเจนปริมาณสูงและมีโมเลกุลเล็ก สามารถดูดซึมได้ดีขึ้นเมื่อเข้าสู่ชั้นผิว

           โดยทั่วไปแล้ว คอลลาเจนนั้นพบได้ทุกส่วนของร่างกาย ซึ่งจะสานกันเหมือนเป็นเส้นใยที่ถักทอเป็นเนื้อผ้า และเซลล์ใหม่ๆจะเจริญเติบโตได้ดี ปกติคนเราจะสูญเสียคอลลาเจนตั้งแต่ อายุ 25 ปีขึ้นไป โดยประมาณ 1.5% นักวิจัยแนะนำว่า Hydrolyzed Collagen สามารถกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจนและดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว ถึง 2 เท่า ทั้งนี้ คอลลาเจนในผิวหนังมนุษย์มีลักษณะเหมือนกับคอลลาเจนที่พบในสัตว์ จึงเป็นเหตุผลที่มนุษย์สามารถใช้คอลลาเจนจากสัตว์ได้
ดังนั้น ที่ครีมอบาโลนจึงนำ Hydrolyzed Collagen มาเป็นส่วนผสม เนื่องจากสามารถช่วยอุ้มน้ำเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นกับผิว เสริมสร้างเส้นใยคอลลาเจนในผิวให้มีความหนาแน่น เนียนเรียบ และด้วยเอนไซม์ที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก จึงมีประสิทธิภาพสูงในการซึมซับสู่ชั้นผิวได้ทันที
โดยสรุปแล้ว Hydrolyzed Collagen ในครีมอบาโลน มีประโยชน์ ดังนี้
1.เสริมความเรียบ เนียนนุ่ม ตึงกระชับให้กับผิวหนัง ลดการเกิดริ้วรอยบนผิวหน้า
2.ให้ผิวพรรณเกิดความชุ่มชื้นแบบธรรมชาติ และมีความยืดหยุ่น
3.ช่วยทำให้ผิวแลดูเรียบเนียนกระชับ กลับคืนสู่ความวัยเยาว์
4.ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของชั้นผิวหนัง

ส่วนผสมต่างๆในอบาโลนครีม
  ในอบาโลนครีมนั้น นอกจากจะมีสารสกัดจากหอยเป๋าฮื้อ (Abalone Extract) จากหมู่เกาะเชจู ประเทศเกาหลีใต้ และ Hydrolyzed Collagen ที่ผลิตจากปลาทะเลน้ำลึกแล้ว ส่วนผสมอื่นๆที่ช่วยให้อบาโลนครีมมีประสิทธิภาพในฟื้นบำรุงผิว ได้แก่
Snail Secretion Filtrate เมือกหอยทากที่ใช้ในครีมอบาโลน มาจากจังหวัดกังชาน แคว้นชุงนัม ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งได้รับการรับรองว่าสะอาดปลอดภัยมากที่สุด มีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยสมานผิว และลดการระคายเคืองสำหรับผิวที่แพ้ง่าย
 Arbutin อบาโลนครีมมีสารสกัดจากผลไม้ พืชธรรมชาติ 100% เพื่อช่วยปรับสภาพผิวหน้าให้กระจ่างใส เปล่งปลั่ง แลดูอ่อนกว่าวัย
Squalane หรือสารสกัดที่ได้มาจากดอกบานไม่รู้โรย ช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพให้ออกซิเจนแก่ผิวพรรณ และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระได้อย่างดีเยี่ยม

            Niacinamide (Vitamin B3) เป็นวิตามินบี 3 ที่ช่วยลดการส่งเม็ดสีไปยังผิวหนังชั้นบนสุด แต่ไม่ทำร้ายเมลานินในผิวหนังแท้ ทำให้ผิวหน้าดูขาวอมชมพูระเรื่ออยู่สมอ
            Trehalose หรือสารสกัดจากกุหลาบทะเลทราย (Rose of Jericho) จะช่วยกระตุ้นไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ในการสังเคราะห์คอลลาเจนและอีลาสตินที่ช่วยอุ้มน้ำใต้ผิว ป้องกันภาวะผิวขาดน้ำ ลดอาการผิวหมองคล้ำ ไม่ชุ่มชื่นสดใสได้
Tocopheryl Acetate (Vitamin E) เป็นวิตามินอีที่อยู่อบาโลนครีม ซึ่งช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งการโดนทำร้ายจากมลภาวะ เสมือนกำแพงปกป้องบนผิวหนังชั้นกำพร้า

ด้วยส่วนผสมของสารสกัดที่ได้จากธรรมชาติเหล่านี้เอง จึงทำให้ผลลัพธ์ของอบาโลนครีม คือการมีผิวหน้าเนียนนุ่ม ชุ่มชื่นอ่อนกว่าวัย แลดูกระชับเต่งตึง เปล่งปลั่งออกมาจากภายใน ที่สำคุญคือให้ผิวขาวอมชมพูแบบเป็นธรรมชาติ ไม่เวอร์เหมือนการฉีดสีผิว
 ทั้งนี้ทั้งนั้น ก่อนใช้ครีมอบาโลน ควรล้างทำความสะอาดหน้า เช็ดให้แห้งและป้ายครีมลงบนฝ่ามือ เพื่อวอร์มเนื้อครีมให้อุ่น จากนั้นลูบไล้ทั่วบริเวณใบหน้าในเวลาเช้าและก่อนนอน เพียงเท่านี้ผิวหน้าก็จะดูดีได้อย่างที่เราต้องการ

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

abalone v shape ครีมหน้าเรียวที่ลองแล้วต้องอึ้ง

            การมีหน้าเล็กเรียวกระชับเป็นรูปตัววีอย่างที่หลายคนต้องการนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากจนไม่สามารถแก้ไขได้ บางคนคิดว่าการมีสภาพใบหน้าที่ดูดี จำเป็นต้องพึ่งวิธีศัลยกรรมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น จริงๆแล้ว นวัตกรรมของครีมบำรุงผิวสมัยนี้ ได้รุดหน้าไปไกลกว่าที่เราคาดคิด เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมากมายที่พยายามทำการค้นคว้าวิจัยให้สามารถฟื้นฟูสภาพผิวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงที่สุด หนึ่งในนั้นก็คือครีม abalone v shape ซึ่งใช้สารสกัดจากธรรมชาติที่หายาก และมีการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยเฉพาะ จึงทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาแบบน่าประหลาดใจ
abalone v shape จะช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นของสภาพผิวหน้าตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ และหากยิ่งใช้อย่างต่อเนื่องจะเห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อความกระจ่างชัดถึงกระบวนการทำงานของ abalone v shape ว่าสามารถบำรุงผิวหน้าได้จริงอย่างที่โม้ไว้หรือไม่ เรามาหาคำตอบไปพร้อมๆกัน

 

abalone v shape ทำงานอย่างไร
abalone v-shape (อบาโลน วีเชฟ) ครีมบำรุงฟื้นพลังผิว กระชับหน้าให้เรียว พร้อมคืนความอ่อนเยาว์สู่ผิวขาวสดใสได้ เนื่องจากครีม abalone v-shape อุดมไปด้วยสารอาหารผิวที่สามารถฟื้นฟูสภาพผิวให้ดีขึ้นได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ และมอบความสดใส เปล่งประกายสู่ผิวหน้าได้อย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งใน abalone v-shape ผสมผสานด้วยสารสกัดจากธรรมชาติสำคัญ 5 อย่าง ได้แก่
             1.Abalone Extract (อบาโลน เอ็กส์แทร็ก)
             2.Snail Secretion Extract (เมือกหอยทาก)
             3.Hydrolyzed Collagen (คอลลาเจน ไฮโดรไลซ์)
             4.Trehalose (ทรีฮาโลส) และ
             5.Squalane (สควาเลน)
  เมื่อสารสกัดทั้ง 5 ผสมผสานกันอย่างลงในตัวในครีม abalone v-shape จะส่งผลให้ผิวหน้าของเราดูอ่อนกว่าวัยทันทีที่ใช้ เพราะซึมซับได้เร็ว ช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นให้จางลง ได้ใบหน้าแสนเนียนนุ่มชุ่มชื่นมีเงา งามเป็นประกาย ผิวพรรณกระชับ เนียนใส เปล่งปลั่ง สว่างสดใส แต่งหน้าติดทนนานมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มออกซิเจนให้กับผิว และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ในการสังเคราะห์คอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยอุ้มน้ำใต้ผิวป้องกันผิวขาดน้ำและลดอาการผิวหมองคล้ำ และเนื่องจากมีคอลลาเจนที่ผ่านการสกัดด้วยกระบวนการนาโนเทคโนโลยี ทำให้ได้คอลลาเจนโมเลกุลเล็กสามารถดูดซึมได้ดี เสริมสร้างเส้นใยคอลลาเจนให้มีความหนาแน่น ทำให้ผิวเรียบเนียน ตึงยกกระชับผิวหน้า หรือที่เราเรียกกันว่า v shape ที่สำคัญครีม abalone v-shape ช่วยสมานผิวและลดการระคายเคืองสำหรับผิวหน้าที่เป็นสิว ผิวแพ้ง่าย ให้สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย

 

ผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายใช้ abalone v shape ได้หรือไม่
อย่างที่บอกไปแล้วว่า abalone v shape เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว แม้กระทั้งคนที่มีผิวแพ้ง่ายก็สามารถใช้ไดอย่างปลอดภัย เนื่องจากมีส่วนผสมจาก Snail Secretion Filtrate หรือเมือกหอยทากที่มาจากจังหวัดกังชาน แคว้นชุงนัม ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งได้รับการรับรองว่าสะอาดปลอดภัยมากที่สุด มีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยสมานผิว และลดการระคายเคืองสำหรับผิวที่แพ้ง่าย
ทั้งนี้ มีการวิจัยพบว่า ผิวของหอยทากและมนุษย์มีองค์ประกอบคล้ายคลึงกัน แม้แต่ปริมาณคอลลาเจนและอิลาสติน จึงมีการนำเมือกหอยทากมาใช้กับครีมบำรุง ซึ่งในประเทศเกาหลีใต้ได้นำสารสกัดจากหอยทากมาใช้ในวงการเสริมความงามกันอย่างแพร่หลาย จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้มีผิวแพ้ง่ายสามารถใช้ abalone v shape ได้อย่างปลอดภัย แต่หากทดสอบก่อนใช้ผลิตภัณฑ์แล้วเกิดอาการแพ้จริงๆ ก็ควรปรึกษาแพทย์ทันที

วิธีใช้และการเก็บรักษา
ก่อนใช้ครีม abalone v shape ควรล้างทำความสะอาดหน้าให้สะอาดก่อน ไม่ว่าจะด้วยโฟมล้างหน้า หรือโทนเนอร์ เช็ดหน้าให้แห้ง แล้วป้ายครีมลงบนฝ่ามือ วอร์มเนื้อครีมให้อุ่น จากนั้นลูบไล้ทั่วบริเวณใบหน้าในเวลาเช้าและก่อนนอน ระวังอย่าให้เข้าตา เพียงเท่านี้ผิวหน้าของเราก็จะมีสุขภาพดีได้อย่างที่ทุกคนต้องการ สำหรับวิธีเก็บรักษา แนะนำให้เก็บพ้นจากความร้อนและแสงแดด แต่ไม่ควรแช่ตู้เย็น เนื่องจากทำให้ครีมเกิดไอน้ำ ส่งผลให้ครีมเสื่อมสภาพ สามารถซึมเข้าสู่ผิวหน้าได้ไม่ดีเท่าที่ควร ฉะนั้น เก็บในตู้เสื้อผ้าหรือห้องน้ำจะดีที่สุด และเก็บให้พ้นมือเด็ก

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

‘ครีมพิษผึ้ง’ ผลิตภัณฑ์กระชับผิวหน้าจากนิวซีแลนด์

            “ครีมพิษผึ้ง” เป็นครีมที่สามารถใช้ทั้งทาบำรุงและพอกผิวหน้าให้กระชับเต่งตึง ลดเลือนริ้วรอยก่อนวัย ที่มีส่วนผสมของพิษจากผึ้ง เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่ได้รับความนิยมในหมู่ดาราคนดังมานานหลายปีแล้ว โดยเฉพาะดาราฮอลลิวูด และท้ายที่สุดก็ได้เข้ามายังประเทศไทย โดยนักวิทยาศาสตร์พบว่า พิษจากเหล็กไนของผึ้งช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ซึ่งทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น และไม่คล้ำเสียง่าย วันนี้เราไปล้วงเบื้องลึกเบื้องหลังของเจ้าครีมพิษผึ้งกันว่ามีที่มากจากไหน แล้วมันใช้ได้ผลดีกับเราอย่างไร

การทำงานของครีมพิษผึ้ง
หลังจากมีการวิจัยมานานกว่า 12 ปี โดยเป็นผลงานของ ดร.ซัง มีฮัน นักวิทยาศาสตร์ชาวเกาหลี ซึ่งทำงานให้กับบริษัทเครื่องสำอางของนิวซีแลนด์ มานูกา ดอกเตอร์ โดยทางบริษัทอ้างว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดรองจากโบท็อกซ์ ทั้งนี้ ครีมพิษผึ้งจะออกฤทธิ์กระตุ้นอย่างแผ่วเบาต่อผิวหนัง ซึ่งจะลวงให้ร่างกายเข้าใจว่าถูกผึ้งต่อย เลือดจึงถูกส่งมาหล่อเลี้ยงบริเวณที่สัมผัสพิษ และกระตุ้นให้เกิดการผลิตคอลลาเจนกับอีลาสติน ซึ่งจะทำให้ผิวหนังกระชับเต่งตึงขึ้นโดยอัตโนมัต
ดร.ฮัน นักวิจัยของสถาบันวิทยาศาสตร์การเกษตรของเกาหลีใต้ ได้ตีพิมพ์ผลงานวิจัยที่ชี้ว่า พิษผึ้งยังช่วยกระตุ้นการผลิตเซลล์ที่เรียกว่า เคอราติโนไซต์ ซึ่งทำหน้าที่ในการป้องกันเชื้อแบคทีเรีย การสูญเสียน้ำ และปกป้องผิวเสียเสื่อมสภาพอันเนื่องมากจากแสงแดดอีกด้วย

เคอราติโนไซต์เป็นเซลล์ที่อยู่ส่วนบนสุดของผิวหนัง ซึ่งช่วยให้แลดูอ่อนเยาว์ แต่เมื่อเรามีอายุมากขึ้นจำนวนเซลล์จะลดน้อยลง ทำให้ผิวหนังลดความยืดหยุ่น และเกิดริ้วรอยและตีนกา พิษผึ้งบริสุทธิ์ช่วยเพิ่มจำนวนของเคอราติโนไซต์ ซึ่งจะช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นยิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ครีมพิษผึ้ง ยังมีส่วนผสมที่สำคัญ คือ Manuka Honey หรือน้ำผึ้งที่เก็บได้จากต้นพุ่มมานูก้าจากประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและแบคทีเรียที่เหนือกว่าน้ำผึ้งทั่วไป สามารถช่วยทำให้กระบวนการการผลัดเซลล์ผิวเป็นไปอย่างอ่อนโยน พร้อมทั้งปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆ ได้ดีอีกด้วย ทั้งนี้ Shea Butter ในตัวครีมพิษผึ้ง จะทำหน้าที่เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ช่วยกักเก็บน้ำให้ผิวเรียบเนียน นุ่ม และชุ่มชื่นอยู่ตลอดเวลา

กว่าจะได้พิษผึ้ง
การเก็บพิษจากผึ้งต้องใช้เครื่องมือพิเศษ ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อผึ้ง โดยใช้กระจกปิดที่ปากทางเข้าออกของรวงผึ้ง แล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆเข้าไป ผึ้งจะออกมาต่อยที่กระจก ซึ่งใช้ตัวเก็บพิษ เนื่องจากผึ้งต่อยที่พื้นผิวกระจกจึงต่อยไม่เข้า ท้องของมันจึงไม่มีเหล็กไนทะลุออกมา มันจึงไม่ตาย จากนั้นพิษจะถูกนำมาอบแห้ง แล้วเก็บเอาสิ่งเจือปนออก เช่น ดิน ฝุ่น เกสรดอกไม้ ท้ายที่สุดจึงนำมาผลิตเป็นครีมพิษผึ้งนั่นเอง

ข้อควรระวังจากครีมพิษผึ้ง
  ครีมพิษผึ้งเป็นผลิตภัณฑ์จากประเทศนิวซีแลนด์ จึงมีผู้สงสัยว่าครีมพิษผึ้งที่จำหน่ายกันในไทย มีแหล่งผลิตจากไหน วัตถุดิบมาจากที่ใด เจ้าหน้าที่จากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อ.ย.) ให้คำตอบว่า ครีมพิษผึ้งหรือบีวีโนมในรูปแบบวัตถุดิบ ไม่อนุญาติและไม่เคยได้รับอนุญาติให้นำเข้ามาในประเทศไทย จึงเป็นที่แน่นอนแล้วว่า หากผลิตภัณฑ์ครีมพิษผึ้งที่อ้างว่ามีวัตถุดิบมาจากบ้านเรา ฟันธงเลยว่าเป็นของปลอมชัวร์ ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรสอบถามแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้เสียก่อน เนื่องจากครีมพิษผึ้งห้ามใช้ในผู้ที่แพ้เหล็กในผึ้ง และห้ามทาบริเวณที่เป็นแผล เพราะอาจทำให้บวมพองได้
ทั้งนี้ ถ้ายังไม่แน่ใจว่าตนแพ้หรือไม่ ลองทาครีมพิษผึ้งในปริมาณเล็กน้อยบนส่วนใดส่วนหนึ่งบนใบหน้า ทิ้งไว้ 20 นาที หากผิวรู้สึกระคายเคืองให้หยุดใช้ทันที เพราะนั่นคือสัญญานบ่งบอกว่าท่านมีอาการแพ้ แต่โดยทั่วไปเมื่อใช้ครีมจะรู้สึกตึงๆหน้าก็ไม่ต้องตกใจ เนื่องจากครีมกำลังทำงานกับผิวหน้าของเราอยู่

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

“หน้ามัน ทำไงดี?” ยอดคำถามคาใจวัยหนุ่มสาว

            สำหรับหนุ่มสาวที่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่นแล้ว จะพบว่าร่างกายเราเริ่มมีการปรับเปลี่ยนตัวครั้งใหญ่หลายๆอย่าง เช่นสิวที่เกิดขึ้น อารมณ์ที่แปรเปลี่ยนง่าย และหนึ่งในปัญหาโลกแตกนั่นก็คืออาการหน้ามัน โดยคำถามที่ต้องค้างคาใจคนหนุ่มสาวแน่ๆคือ “หน้ามัน ทำไงดี” และไม่เพียงแต่วัยรุ่นเท่านั้นที่ต้องประสบกับอาการหน้ามัน หากแม้แต่ผู้ใหญ่ก็ต้องพบประสบเจอเช่นกัน ดังนั้นในบทความนี้จะพาค้นหาวิธีแก้ไขหน้ามันกัน 

            หน้ามัน เป็นอาการที่เกิดจากระบบร่างกายในส่วนของใบหน้า ได้ผลิตน้ำมันออกมาเพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและคอยปกป้องสิ่งแปลกปลอมที่จะมาเกาะใบหน้า แต่ปัญหาก็อยู่ที่ว่าน้ำมันธรรมชาติที่ร่างกายเราผลิตขึ้นมานั้นมันมีมากเกินพอดี จนทำให้ใบหน้าหนุ่มสาวและดูไม่ดี นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุทำให้เกิดจุดด่างดำและปัญหาสิวได้ ซึ่งนี้ก็คือต้นตอของสาเหตุหน้ามัน คราวนี้เราจะมาไขคำตอบของคำถามที่ว่า หน้ามัน ทำไงดี ด้วยวิธีป้องกันและรักษาหน้ามันกัน

วิธีที่ 1 ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง
โดยการล้างหน้าแต่ละครั้งนั้นย่อมส่งผลต่อความมันบนใบหน้าเป็นอย่างมาก เพราะการล้างหน้าบ่อยๆจะส่งผลทำให้หน้าเราแห้งและตึง ทำให้ผิวหน้าเร่งสร้างน้ำมันเพื่อเพิ่มคามชุ่มชื้น แต่กลับกลายเป็นว่าทำให้หน้าเรามัน ดังนั้นการล้างหน้าที่ดีควรล้างวันละ 2 ครั้งเวลาเช้า – เย็น ก็เพียงพอกับการทำความสะอาดใบหน้าแล้ว หากเกิดความมันระหว่างวัน ขอแนะนำให้ใช้กระดาษซับหน้ามันจะดีที่สุด

วิธีที่ 2 มาร์กหน้าด้วยมะเขือเทศ
วิธีนี้การมาร์กหน้าอาจจะเป็นวิธีที่สาวๆหลายคนคุ้นเคย โดยมะเขือเทศนั้นมีวิตามินที่ช่วยบำรุงผิวอยู่หลายตัว ช่วยดูดซับความมัน และยังช่วยกระชับรูขุมขนบนใบหน้าอีกด้วย วิธีทำมาร์กนั้นก็ไม่ยาก เพียงนำมะเขือเทศไปปั่นให้ละเอียด จากนั้นก็นำมาทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก ทำเพียงสัปดาห์ละ 3 ครั้ง จะช่วยลดความมันบนใบหน้าได้อย่างดี อีกทั้งยังได้ใบหน้าที่ใสดูดีด้วย

วิธีที่ 3 พอกหน้าด้วยว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้เป็นพืชสมุนไพรที่รู้จักกันดีถึงสรรพคุณรักษาแผลไฟไหม้ และช่วยลดอาการอักเสบที่เกิดจากสิว อีกทั้งยังช่วยลดความมันบนใบหน้าได้ด้วย วิธีการนั้นก็แสนง่ายเพียงแค่นำวุ้นว่านหางจระเข้ไปล้างน้ำให้สะอาดก่อน โดยต้องแน่ใจว่าสะอาดจริงๆ เพื่อป้องกันยางกันหน้า เมื่อล้างสะอาดได้ที่แล้ว ก็ให้นำมาฝานบางๆ หลายๆแผ่นแล้วก็นำมาวางที่ใบหน้าให้ทั่ว เมื่อแปะไว้ที่ใบหน้าจะทำให้รู้สึกเย็น โดยแปะทิ้งไว้ประมาณ 15นาทีคอยนำออก

 

วิธีที่ 4 ดื่มน้ำสะอาดมากๆ
วิธีนี้ส่วนใหญ่หลายคนมักจะมองข้ามไปเพราะไม่คิดว่าจะทำได้จริง แต่จริงๆแล้วการดื่มน้ำสะอาดมากๆนั้นเป็นวิธีลดหน้ามันที่ประหยัดที่สุด และได้ผลดีมากๆ โดยเพียงแค่จิบน้ำสะอาดระหว่างวันบ่อยๆ เนื่องจากการดื่มน้ำนั้นจะช่วยทำให้ร่างกายทำความสะอาดจากภายใน ขับของเสียได้ง่ายขึ้นออกทางผิวหนังได้ดีขึ้น และเมื่อการขับถ่ายของเสียดีขึ้น ปัญหาสิวก็ลดลง อีกทั้งยังลดปัญหาหน้ามันไปในตัวด้วย
ทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีดูแลรักษาหน้ามันแบบง่ายๆ ที่ทำเองได้สำหรับคนหนุ่มสาวผู้มีคำถามคาใจว่า หน้ามัน ทำไงดี แต่อย่าลืมว่าปัญหาของใบหน้านั้นไม่ได้มีแต่เพียงหน้ามัน วัยมันส์อย่างเราๆคงต้องเจอปัญหาผิวพรรณอีกมากทั้งผิวแห้ง ผิวแตกลาย ต่างๆนาๆ ดังนั้นต้องหมั่นดูแลสุขภาพให้ครบรอบทุกด้าน เพื่อรักษาตัวเองให้ดูดีเสมอ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะช่วยไขปัญหา หน้ามัน ทำไงดี ได้ไม่มากก็น้อย ขอให้มีความสุขกับการรักษาสุขภาพผิวพรรณนะครับ!

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

บอกลา .. ผิวหน้าหมองคล้ำ


ผิวหน้าหมองคล้ำ เป็นปัญหาผิวที่เรามีโอกาสเป็นกันทุกคน โดยเฉพาะสาวเอเชียเมืองร้อนอย่างประเทศไทย ที่นับวันแดดยิ่งร้อนขึ้นทุกวันๆ ไม่ใช่เฉพาะปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำเพียงเท่านั้น ปัจจุบันยังพบปัญหาผิวอีกมากมาย เช่น กระ ฝ้า สิว ซึ่งเป็นปัญหาผิวที่แก้ไม่ตกสักที ยิ่งปัจจุบันนิยมคนผิวขาว เรียบเนียน จึงทำให้หนุ่มๆสาวๆสมัยนี้หันมาดูแลผิวหน้าและผิวกายมากขึ้น

ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ .. เกิดจากอะไรบ้าง?
ผิวหมองคล้ำขาดความสดใสเปล่งปลั่ง มีสาเหตุใหญ่มาจาก การเผาผลาญภายในเซลล์ผิวมีประสิทธิภาพลดลงตามวัย รวมทั้ง ร่างกายเหนื่อยล้า พักผ่อนไม่เพียงพอ แม้แต่สภาพแวดล้อมที่ผิว ต้องเผชิญอยู่เสมอ เช่น รังสี UV และต้องอยู่ในที่ๆ อากาศแห้งมี การแปรปรวนเสมอก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำได้
1.สาเหตุจากแสงแดด รังสียูวีเอ ยูวีบี ป้องกันได้โดยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารปกป้องผิวจากแสงแดด เช่น ครีมกันแดด แป้งรองพื้นผสมสารกันแดด ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารกันแดด
2.สาเหตุจากการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิว คนแต่ละวัยต่างต้องการการบำรุงที่แตกต่างกัน เพราะเซลล์ผิวจะมีการทำงาน ผลัดเปลี่ยนไปตามอายุ ลองหาครีมบำรุงที่เหมาะสมกับช่วงอายุ เช่น สูตรที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน และ ลดการอุดตันของรูขุมขน มีมอยซ์เจอร์ไรเซอร์เพิ่มความชุ่มชื้นของผิวหน้า
3.สาเหตุจากการแต่งหน้า อาจจะเกิดมาจากการทำความสะอาดที่ไม่หมดจด ควรทำความสะอาดตามขั้นตอน ดังนี้
-เช็ดเครื่องสำอางออกด้วย ครีมน้ำนมหรือออยล์ทำความสะอาดเครื่องสำอางโดยเฉพาะ
-ล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้า หรือ cleansing gel
-อีกสาเหตุ คือ อาจจะเกิดจากสารเคมีในเครื่องสำอางทำให้เกิดผิวการแพ้และหมองคล้ำได้
4.สาเหตุสุดท้าย คือ การใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่ถูกต้อง เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ กินน้ำน้อย ความเครียด ควรที่จะปรับการใช้ชีวิต ควบคู่ไปกับอย่างอื่นด้วย

วิธีดูแลผิวหน้า(ไม่ให้)หมองคล้ำ
1.เลือกใช้ครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินซี หรือวิตามินบี
จะทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวและเพิ่มความสว่างใสให้กับผิว แต่ควรระวังเรื่องผิวถูกแดดนิดนึง วิตามินซีดูเหมือนจะไม่ค่อยถูกกับแสงแดดเท่าไหร่ จะยิ่งคล้ำกันไปใหญ่ แนะนำให้ใช้ครีมวิตามินซีทาทั่วใบหน้าก่อนนอน หรืออาจก่อนออกจากบ้าน
2.หลีกเลี่ยงแสงแดด
แสงแดด เป็นสาเหตุหลักของความหมองคล้ำ โดยเฉพาะแสดงแดดช่วง 10 โมงเช้า ถึงบ่าย 3 โมง เป็นแดดที่ทำให้ผิวเราคล้ำขึ้นอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดในช่วงเวลา ถ้าหากมีความจำเป็นต้องออกแดดแล้วล่ะก็ อย่าลืมทาครีมกันแดดก่อนออกแดดทุกครั้ง
3.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
เพราะการออกกำลังกายช่วยขับเหงื่อไคล และสิ่งสกปรกใต้ผิวรวมถึงสารพิษออกมา ซึ่งจะทำให้ผิวดูสว่างสดใสขึ้น ทำให้ผิวสดใสอยู่ตลอดเวลา
4.ทานอาหารที่มีประโยชน์
โดยเน้นทานผักและผลไม้ในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่งทุกมื้อ เพราะผักผลไม้ย่อยง่าย ช่วยในเรื่องของการขับถ่าย และยังมีแอนตี้ออกซิแดนซ์ที่ทำให้ผิวสวยกระชับอีกด้วย เมื่อร่างกายขับถ่ายปกติแล้ว หน้าตาผิวพรรณจะสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
5.ใช้น้ำนมทาบนผิวโดยตรง ซึ่งอาจใช้ใยบวบช่วยขัดผิวไปด้วยเบาๆ ผิวจะค่อยๆขาวขึ้น


6. เติมความชุ่มชื้นด้วย Essence
ผิวหน้าหมองคล้ำมักขาดความชุ่มชื้น และหยาบกร้าน เพราะวงจรการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวไม่ราบรื่น แนะนำให้ใช้ Essence เสริมควบคู่ไปกับ Moisturizer ทุกเช้า-ก่อนนอน
7.ดื่มน้ำให้มากๆ
 8.น้ำตาลขัดผิว
การใช้น้ำตาลขัดผิวเป็นวิธีที่ทำได้ง่ายๆ โดยใช้น้ำตาลประมาณ 2 ช้อนโต๊ะผสมลงในน้ำมันมะกอก เสร็จแล้วนำมานวดและขัดให้ทั่วใบหน้าและตัว ขัดอยู่อย่างนั้นจนกว่าน้ำตาลจะละลาย
9.พอกหน้าด้วยไข่ขาว
โดยแยกไข่ขาวออกจากไข่แดง แล้วนำไข่ขาวมาผสมกับน้ำมะนาว 1 ช้อนชา และน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์อีก 1 ช้อนชา พอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีก่อนล้างออก
10.ควรนั่งห่างจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ประมาณ 14-24 นิ้ว
พร้อมปรับค่าความสว่างหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เป็น 0 ก็จะสามารถช่วยลดแสงที่ทำให้ผิวคล้ำผิวเสียได้มากถึง 80%

การดูแลผิวหน้าไม่ให้กลายเป็นผิวหน้าหมองคล้ำ” เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับหนุ่มสาวยุคนี้ การดูเเลผิวหน้าเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อภาพลักษณ์ที่หล่อ สวย ดูดี หากใครที่กำลังประสบปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ ลองนำวิธีข้างต้นไปปฏิบัติจัดการกับผิวหน้าตัวเอง เพื่อผิวหน้าที่ไม่หมองคล้ำและสุขภาพดี แล้วคุณจะได้ บอกลา .. ผิวหน้าที่หมองคล้ำตลอดไป

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

Best Sea Cream มหัศจรรย์ผิวขาวหน้าใส ความลับแห่งท้องทะเลที่คุณต้องลอง

            ผิวหน้าหมองคล้ำขาดความขาวกระจ่างสดใส ผิวเสียหยาบแห้งกร้านขาดความชุ่มชื้น เต็มไปด้วยริ้วรอย หย่อนคล้อย หน้ามันจากรูขุมขนที่เปิดกว้าง และรอยแผลเป็นจากสิว เป็นปัญหาทางด้านผิวพรรณที่มักเกิดขึ้นกับคุณสาวๆ ในเมืองร้อนอย่างประเทศไทย ซึ่งสร้างความท้าทายให้กับเหล่าผู้เชี่ยวชาญ และนักวิจัย ให้มีการพยายามคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้หมดไป

ซึ่ง ณ เวลานี้ ก็มีผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิวหน้าตัวใหม่เอี่ยม ที่เตรียมตัวจะออกมาอวดสรรพคุณสุดมหัศจรรย์ในการบำรุงผิวอย่างโดดเด่น ด้วยแนวคิดการนำนานาสารสกัดอันทรงคุณค่าจากใต้ท้องทะเลมาใช้บำรุงผิวหน้า พร้อมกับแก้ไขสารพัดปัญหาผิวพรรณ ภายใต้ชื่อ Best Sea Cream ผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิวหน้าน้องใหม่ที่ กำลังมาแรงในปัจจุบัน

Best Sea Cream คืออะไร?

Best Sea Cream เป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบครีม สำหรับใช้ทาเพื่อบำรุงผิวหน้า ให้แลดูขาว กระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย และเผยผิวใหม่ที่อ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ ภายใต้สโลแกนที่น่าสนใจอย่าง “ Best Sea Cream มหัศจรรย์ผิวขาวหน้าใส ความลับแห่งท้องทะเลที่คุณต้องลอง” โดยมีส่วนผสมจากสารสกัดนานาชนิดที่เปี่ยมด้วยคุณค่าจากท้องทะเล อาทิเช่น สารสกัดจากเมือกปลาดาว จากประเทศแคนาดา, สารสกัดจากไข่มุกจากประเทศจีน, สารสกัดจากแพลงตอนทะเล จากประเทศอเมริกา, Astaxanthin จากประเทศเกาหลี, สารสกัดจากแมงกะพรุน จากประเทศอเมริกา สารสกัดจากรังไข่ปลาแซลมอน จากประเทศญี่ปุ่น  เป็นต้น ซึ่งวัตถุดิบจากท้องทะเลที่ถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมใน Best Sea Cream ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นสารสกัดชั้นหนึ่งที่ผ่านการคัดสรรด้วยความเอาใจใส่เป็นอย่างดีทั้งสิ้น
Best Sea Cream มีคุณสมบัติในการบำรุงผิวอย่างไรบ้าง?

Best Sea Cream มีจุดเด่นในการช่วยบำรุงผิวหน้ากว่า 11 ประการ ซึ่งถือว่าเหมาะสม และครอบคลุมปัญหาเรื่องผิวพรรณของคุณสาวๆในประเทศไทยได้อย่างทั่วถึง ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์เพียงชิ้นเดียว ในราคาที่เหมาะสม ดังต่อไปนี้

1.ช่วยทำให้ผิวดูขาวกระจ่างใส กระตุ้นให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ และลดกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิลให้น้อยลง
2.ช่วยลดรอยหมองคล้ำก่อนวัย
3.ช่วยลดเลือนและชะลอริ้วรอยแห่งวัยให้น้อยลง
4.ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวอย่างเป็นธรรมชาติ
5.ช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลง
6.ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง
7.ช่วยลดความหย่อนคล้อย และยกกระชับผิวให้มีความเต่งตึงมากยิ่งขึ้น
8.ช่วยทำให้ผิวนุ่ม เรียบเนียนน่าสัมผัสมากยิ่งขึ้น
9.ช่วยเสริมสร้างสุขภาพของผิวให้แข็งแรง ฟื้นฟู และลดอาการอักเสบของผิวจากแสงแดด
10.ช่วยเพิ่มและกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว
11.ช่วยป้องกันผิวจากการถูกทำร้ายโดยอนุมูลอิสระ
กล่าวโดยสรุป Best Sea Cream นอกจากจะเป็นผลิตภัณฑ์ครีมที่ช่วยบำรุงฟื้นฟูให้ผิวกลับมาขาว สดใส นุ่มเนียนขึ้นแล้ว ยังช่วยทำให้ผิวมีความแข็งแรงขึ้น พร้อมกับช่วยป้องกันผิวจากการถูกทำร้าย นอกจากนี้ Best Sea Cream ยังเหมาะกับทุกสภาพผิว แม้แต่กับคุณสาวๆที่มีผิวที่แพ้ง่าย ก็ยังสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ Best Sea Cream ได้อย่างสบายใจไร้ความกังวลอีกด้วย

Best Sea Cream กับรายการวุ้ดดี้ตื่นมาคุย

Best Sea Cream ปลอดภัยหรือเปล่า?

Best Sea Cream ให้ความใส่ใจกับมาตรฐานความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นหลัก ด้วยการใช้นวัตกรรมกระปุกสุญญากาศ ป้องกันอากาศและเชื้อโรคจากภายนอกไม่ให้เข้ามาแฝงตัวทำร้ายผิว หรือลดทอนประสิทธิภาพในการบำรุงดูแลผิวพรรณให้น้อยลง ทำให้เนื้อครีมมีความปลอดภัย สดเหมือนใหม่อยู่ตลอดเวลา

นอกจากนี้ Best Sea Cream ยังได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เลขที่ 10-1-5718547 ซึ่งสามารถช่วยสร้างความมั่นใจให้กับคุณสาวๆได้ว่า ผลิตภัณฑ์ Best Sea Cream มีความปลอดภัยไม่ใช่เป็นเพียงแค่ครีมผีบอกหลอกลวงผู้บริโภค ด้วยการผสมสารที่เป็นอันตรายต่อผิวเพียงเพื่อผลประโยชน์ทางการค้าอย่างแน่นอน

รวบรวมประสบการณ์ของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ Best Sea Cream
จากการรวบรวมข้อมูล ความคิดเห็น และประสบการณ์ของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ Best Sea Cream จากเว็บไซต์ รวมไปถึงเว็บบอร์ดที่ได้รับความนิยมในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆในอินเทอร์เน็ต หลังจากที่ใช้ผลิตภัณฑ์ Best Sea Cream ในการบำรุงผิวหน้าเป็นประจำทุกวัน กลุ่มผู้ใช้มีความเห็น ดังต่อไปนี้

            หลังจากที่ใช้ผลิตภัณฑ์ Best Sea Cream เป็นประจำ ถือว่าเป็นครีมที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีแก่ผิวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆตามระยะเวลาที่ใช้อย่างรวดเร็ว ซึ่งผู้ใช้ส่วนใหญ่มีความเห็นที่ค่อนข้างตรงกันว่า สำหรับคนที่เป็นสิวอักเสบบนใบหน้า เมื่อใช้แล้วสิวจะยุบตัวหายไปอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลา 1-3 วัน ในขณะที่สิวใหม่ที่กำลังขึ้นมาบนใบหน้าก็ยุบตัวลงตั้งแต่เพียงการใช้ครั้งแรก ส่วนสำหรับผลลัพธ์ผิวขาว หน้าใสเป็นเงางามมากขึ้น และรูขุมขนที่กระชับมากขึ้นนั้น มักจะเห็นผลอย่างชัดเจนหลังจากที่ใช้ต่อเนื่องเป็นประจำประมาณ 2 สัปดาห์ นอกจากนี้ Best Sea Cream ยังช่วยในการลดเลือนร่องรอยแผลเป็น และรอยด่างดำที่มักเกิดขึ้นจากกหลุมสิวให้แลดูลดลงอย่างมากอีกด้วย 

ประโยชน์ล้ำค่าจากครีมทองคำ

       ขึ้นชื่อว่าทองคำ แสดงให้เห็นถึงความมีค่า หรูหรา ราคาแพง แล้วสำหรับครีมทองคำล่ะ มันคืออะไร คุณสมบัติของครีมทองคำจะเลิศหรู ดังเช่นชื่อของมันหรือไม่ บทความนี้จะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับครีมทองคำ เพื่อไขข้อข้องใจให้ผู้อ่านได้ทราบ โดยเฉพาะสาวๆที่เหมาะอย่างยิ่งในการใช้ครีมทองคำบำรุงผิวพรรณ

ครีมทองคำคืออะไร

ครีมทองคำ คือ การนำทองคำบริสุทธิ์มาเป็นส่วนประกอบในการกระตุ้นให้ผิวเกิดการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ที่ทำให้ผิวเต่งตึง ยืดหยุ่น ดูอ่อนกว่าวัย นั่นหมายความว่าครีมทองคำไม่ใช่การใช้แร่ทองคำแบบ 100% มาสะกัดทางเคมีแล้วออกมาเป็นครีมทองคำ แต่เป็นการใช้ทองคำร่วมกับส่วนประกอบอื่นๆ ที่มีคุณสมบัติในการช่วยบำรุงผิว เช่น สารไฮยาโล-โอลิโกจากประเทศญี่ปุ่น สารสกัดจากดอกลาเวนเดอร์จากฝรั่งเศส สารสกัดจากใบบัวบกและโสมจากเกาหลี หรือแม้แต่โปรตีนจากพืชกรดถั่ว เป็นต้น

       อย่างไรก็ดี ทองคำไม่ได้มีประโยชน์ในด้านความสวยความงามเพียงอย่างเดียว เพราะจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ พบว่าโลหะทองคำบริสุทธิ์ สามารถนำมาเติมในสารอาหารได้ โดยสหภาพยุโรปได้รับรองและอนุญาตให้ทองคำจัดอยู่ในกลุ่มสารเติมแต่งสารอาหาร เนื่องจากโลหะทองคำมีคุณสมบัติเฉื่อย จึงไม่มีปฏิกิริยากับสิ่งแวดล้อมในร่างกาย ดังนั้นจึงไม่มีรสชาติและถูกขับออกจากร่างกายได้โดยไม่ถูกเปลี่ยนแปลงใดๆ

นอกจากนี้ ทางการแพทย์ได้มีการทอดลองนำแร่ทองคำมาเตรียมให้อยู่ในรูปของเกลือ พบว่ามีฤทธิ์ต้านอาการอักเสบและบวมช้ำของโรคเก๊า ซึ่งได้มีการทอดลองนำมารักษาโรคดังกล่าวไม่น้อยกว่า 80 ปี เชื่อกันว่าแร่ทองคำสามารถต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจากข้อกระดูกที่อักเสบ ทำให้บรรเทาความเจ็บปวดและบวม จึงเป็นการไขข้อสงสัยกับความเชื่อของคนยุคโบราณที่ว่า ทองคำมีศักยภาพในการสมานโรค ช่วยให้สุขภาพที่ทรุดดีขึ้นได้
ครีมทองคำกับการฟื้นฟูสภาพผิว

ทองคำสามารถต้านอนุมูลอิสระได้ และส่งผลให้เกิดกลไกในการต้านอาการอักเสบของข้อกระดูก ทำให้นักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางค์เชื่อว่า ด้วยกลไกเดียวกันนี้ โลหะทองคำน่าจะมีประสิทธิภาพต้านอนุมูลอิสระของผิวหนัง รวมถึงต้านอาการอักเสบของผิวหนังที่เกิดจากรังสียูวีได้ จึงมีการนำทองคำมาประยุกต์ใช้ โดยผสมในเครื่องสำอางค์ และทำให้ครีมที่ผสมแร่ทองคำมีราคาแพงหูฉี่

      กระนั้น ปัจจุบันก็ยังเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะจากส่วนประกอบทั้งหมด จะช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า รอยตีนกา จุดด่างดำ รอยแดง รอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว เพิ่มความเนียนนุ่ม ชุ่มชื้นให้ผิวพรรณ มีออร่า เปล่งปลั่ง ขาวอมชมพูกระจ่างใส อย่างก็ตาม อย่าลืมดูให้ดีว่าผลิตภัณฑ์ที่ออกมานั้นมีคุณสมบัติที่เหมาะกับผิวหน้าหรือผิวกาย

ผลข้างเคียงจากการใช้ครีมทองคำ

 โดยปกติแร่ทองคำที่บริสุทธิ์ จะไม่เป็นพิษหรือทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อเซลล์ร่างกาย ทว่าแร่ทองคำที่ถูกเปลี่ยนแปลงในกระบวนการทางเคมีให้อยู่ในรูปของเกลือหรือโกลด์ซอลท์ หากฉีดเข้าสู่ร่างกายจะมีอันตรายต่อไตและตับ ทั้งยังยับยั้งการสร้างเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวอีกด้วย นอกจากนี้ แร่ทองคำที่ถูกเปลี่ยนแปลงทางเคมีอาจมีผลให้เกิดอาการแพ้และระคายเคืองผิวหนังได้ ซึ่งมักพบอาการในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย จนในปี 2001 แร่ทองคำได้รับการโหวตให้เป็นสารก่อภูมิแพ้ จากสมาคมโรคผิวหนังของประเทศสหรัฐอเมริกา

เมื่อได้ทราบถึงข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับครีมทองคำกันไปแล้ว โดยเฉพาะด้านคุณสมบัติอันล้ำค่าของครีมทองคำ ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละบุคคลว่ามันคุ้มค่าหรือไม่ ในการได้มาซึ่งผิวพรรณเปล่งปลั่ง สวยอมชมพู มีออร่า แลกกับราคาครีมทองคำที่ต้องจ่ายไป ทั้งนี้ ต้องบอกก่อนว่าผิวพรรณแต่ละคนไม่เหมือนกัน สาวๆบางคนใช้แล้วเห็นผลชัดเจน แต่อีกจำนวนหนึ่งที่เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา แต่กลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ดังนั้น เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับตัวเราถือเป็นการดี

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

รวมมิตรสูตรหน้าขาวใสด้วยมะเขือเทศ

คุณสาวๆที่รักความสวยงาม และชื่นชอบให้ใบหน้าของตัวเองขาวใสอยู่ตลอดเวลานั้น ย่อมต้องเคยได้ยินผ่านหูกันมาบ้างว่าเจ้ามะเขือเทศที่เรารู้จักกันดีนั้น มีสรรพคุณที่สามารถช่วยทำให้หน้าขาวใสขึ้น ซึ่งบทความชิ้นนี้ได้ทำการรวบรวมข้อมูลว่าเจ้ามะเขือเทศสามารถช่วยให้หน้าขาวใสขึ้นได้อย่างไร รวมไปถึงวิธีการต่างๆในการนำมะเขือเทศมาใช้เพื่อเสริมความงาม เพื่อให้คุณสาวๆได้มีใบหน้าที่ขาวใสสวย ปิ๊งได้อย่างๆง่ายๆด้วยตัวเอง

มะเขือเทศช่วยทำให้หน้าขาวใสขึ้นได้อย่างไร

ในมะเขือเทศจะมีส่วนประกอบของสาร Curotenoid และวิตามินอีกหลายชนิด เช่น วิตามินเอ ซึ่งช่วยในการสร้างสุขภาพผิวที่ดี และยังช่วยกำจัดน้ำมันส่วนเกินออกไป วิตามินซี วิตามินอี เป็นต้น น้ำจากผลมะเขือเทศสุกจะมีสาร Licopersioin ซึ่งมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย และอุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ รวมไปถึงกรด AHA ด้วยส่วนประกอบเหล่านี้ทำให้มะเขือเทศจึงมีสรรพคุณในการช่วยสมานผิว ลดรอยเหี่ยวย่น และจุดด่างดำให้น้อยลง อีกทั้งยังช่วยในการผลัดเซลล์ผิวที่คล้ำเสียเสื่อสภาพให้หลุดออก ทำให้ชั้นผิวใหม่ที่เกิดขึ้นมาดูกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น

การนำมะเขือเทศมาใช้ในการบำรุงใบหน้าให้ขาวใส

มะเขือเทศถูกนำมาประยุกต์ใช้เพื่อช่วยในการบำรุงรักษาความงามของผิวพรรณมาตั้งแต่อดีต ซึ่งคุณสาวๆสามารถที่จะเลือกนำวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองไปใช้ได้ ดังต่อไปนี้

       1.มะเขือเทศสดพอกหน้า โดยการนำมะเขือเทศสุกมาทำการฝานให้เป็นแผ่นบางๆ และแปะลงบนผิวหน้าในบริเวณที่ต้องการทำการพอกได้โดยตรง ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที สามารถทำได้เป็นประจำทุกสัปดาห์

2.ครีมมะเขือพอกหน้า โดยการนำมะเขือเทศไปปั่น หรือบดให้ละเอียด จากนั้นให้ทำการกรองเอาแต่น้ำ แล้วผสมเข้ากับส่วนประกอบอื่นๆที่มีสรรพคุณในการช่วยบำรุงผิวพรรณ เช่น ข้าวโอ๊ต รำข้าว เป็นต้น เมื่อทำการผสมจนเข้าเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ให้ทำการล้างหน้าให้สะอาด เช็ดให้แห้ง จากนั้นให้ทำการพอกครีมมะเขือเทศทิ้งเอาไว้ประมาณ 15-30 นาที แล้งจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด

       3.การถูใบหน้าด้วยมะเขือเทศสุก นำมะเขือเทศสุกมาฝานเป็นชิ้นหนาๆ ขนาดพอดีมือ จากนั่นนำชิ้นมะเขือเทศเหล่านั้นทำการถูให้ทั่วใบหน้า และลำคอเบาๆ โดยพยายามเน้นในบริเวณที่มีสิวเสี้ยน เช่น จมูก คาง เป็นต้น ทำการขัดถูใบหน้าประมาณ 5-10 นาที แล้วพักหน้าทิ้งเอาไว้ประมาณ 5 นาที จึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำเย็น

       4.ดื่มน้ำมะเขือเทศ การดื่มน้ำมะเขือเทศเป็นประจำทุกวันเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยทำให้ใบหน้าขาวใสขึ้นได้  แต่สำหรับคุณสาวๆที่พึ่งหัดทานน้ำมะเขือเทศใหม่ๆอาจจะยังทำใจรับกับรสชาติไม่ได้ จึงขอให้แนะนำว่าให้ลองผสมน้ำมะเขือเทศกับน้ำหวานเฮลบลูบอย หรือผสมกับยูนีฟสีเขียว 100 % จะช่วยทำให้มีรสชาติที่ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปัจจุบันก็มีน้ำมะเขือเทศสำเร็จรูปออกมาวางจำหน่ายอยู่เป็นจำนวนมาก จึงช่วยทุ่นเวลาในการเตรียมวัตถุดิบในการทำน้ำมะเขือเทศเพื่อดื่มเองของคุณสาวๆไปได้มากทีเดียว แต่สำหรับคุณสาวๆที่อยากทำน้ำมะเขือเทศดื่มด้วยตัวเองก็สามารถทำได้อย่างง่ายๆ เพียงแค่ล้างมะเขือเทศประมาณ 3-6 ผลให้สะอาด หั่นให้เป็นชิ้นพอประมาณ จากนั้นนำไปใส่เครื่องปั่นพร้อมกับเติมน้ำเชื่อม น้ำเปล่า เกลือ แล้วปั่นให้ละเอียด เพียงเท่านี้ก็จะสามารถได้น้ำมะเขือเทศที่พร้อมดื่ม และสำหรับในหน้าร้อนแบบนี้ ก็ยังสามารถประยุกต์เป็นน้ำมะเขือเทศปั่น โดยการเติมน้ำแข็งลงไปในระหว่างที่ทำการปั่นได้อีกด้วย

       5.การรับประทานมะเขือเทศสดๆ การรับประทานมะเขือเทศสดๆเป็นประจำทุกวัน วันละ 1-2 ผล นอกจากจะช่วยทำให้ใบหน้าขาวใสขึ้นแล้ว ยังช่วยในการลดความอ้วน และช่วยให้คุณสาวๆมีสุขภาพดีขึ้นอีกด้วย 

การรับประทานมะเขือเทศเป็นประจำทุกวันไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็จะช่วยทำให้คุณสาวๆมีสุขภาพผิวที่ดี มีใบหน้าขาวใสสีชมพูระเรื่อยแบบผิวของเด็ก นอกจากนี้การรับประทานมะเขือเทศก็ยังช่วยในการป้องกันโรคต่างๆ และช่วยให้มีสุขภาพที่ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

เคล็ดลับประยุกต์ใช้มะเขือเทศ ร่วมกับผลิตภัณฑ์เสริมความงามๆอื่นๆ เพื่อให้ผิวสดใส สวยมากยิ่งขึ้น
 ในยุคที่สิ่งแวดล้อมภายนอกเต็มไปด้วยมลภาวะและแสงแดด ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญได้อย่างในปัจจุบันนั้น ทำให้ผิวหน้าหน้าที่มีความบอบบาง ถูกทำร้ายและเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ทันรู้ตัว นอกจากนี้ ผิวที่ไม่แข็งแรงสมบูรณ์เนื่องจากขาดการปกป้องที่ดีนั้น ยังเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาของผิวอันไม่พึงประสงค์ต่างๆ อาทิเช่น  ริ้วรอย รอยเหี่ยวย่น  และรอยหมองคล้ำ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นศัตรูตัวฉกาจของความงามทั้งสิ้น
อย่าไรก็ตาม เราสามารถที่จะลดหรือป้องกันปัญหาเหล่านี้ให้น้อยลงได้ โดยการคืนความชุ่มชื้นให้กับชั้นผิวหนัง แต่หากใช้เพียงวิธีการดื่มน้ำเข้าไปในร่างกายตามปกติในชีวิตประจำวันนั้น ยังถือว่าไม่เพียงพอ เนื่องจากน้ำเหล่านั้นมักที่จะถูกนำไปใช้หล่อเลี้ยงอวัยวะส่วนอื่นๆภายในร่างกายจนหมด จนกระทั่งไม่เหลือมาถึงชั้นผิว ดังนั้นการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวโดยตรงจึงถือว่าสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของน้ำ ซึ่งมีคุณสมบัติในการคืนและคงความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อย่างยาวนานตลอดทั้งวัน ดังนั้นการใช้เพียงมะเขือเทศ ในการบำรุงรักษาผิวเพียงอย่างเดียวจึงถือว่าเป็นสิ่งที่ยังไม่เพียงพอ แต่ถ้าหากคุณสาวๆเข้าใจหลักการ และรู้จักการประยุกต์นำไปใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวดีๆสักชิ้นแล้วล่ะก็ ประสิทธิภาพในการบำรุงผิวหน้าก็ยิ่งมากขึ้น และให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างน่าตื่นตาตื่นใจเลยทีเดียว

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

มารู้จักกับ ครีมโสมจุ๊ ครีมน้องใหม่ที่กำลังมาแรงใน IG

ครีมโสมจุ๊ หรือ Ginseng Cream Skin Care เจ้าของแบรน์ด คือ “คุณจุ๊” ที่มีอายุเพียง 18 ปี เท่านั้น โดยเริ่มทำการขายครีมโสมจุ๊ผ่านทาง IG ซึ่งในปัจจุบันได้มีผู้ไปทำการติดตามคุณจุ๊อยู่เป็นจำนวนมาก เนื้อครีมโสมจุ๊จะมีลักษณะเป็นสีเหลืองอ่อน เนื่องจากการผสมวิตามินบี 3 ลงไปในเนื้อครีมเป็นจำนวนมาก พร้อมกับการแต่กลิ่นของครีมด้วยหัวน้ำหอม ผลิตภัณฑ์มีขนาด 30 กรัม สามารถใช้ติดต่อกันได้เป็นระยะเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ ในราคาประมาณ 400 บาท ครีมโสมจุ๊ ถือว่าเป็นครีมน้องใหม่ที่มาแรงทีเดียว เนื่องจากมีผลรับและการรีวิวถึงประสิทธิภาพหลังการใช้ใน IG เป็นจำนวนมาก

ประสิทธิภาพของครีมโสมจุ๊
ครีมโสมจุ๊ เป็นครีมบำรุงผิว ที่ไม่เหนียวเหนอะหนะ โดยครีมเพียงกระปุกเดียว สามารถใช้ทาได้ทั้งผิวหน้า และผิวกาย ด้วยการผลัดเซลลืผิวที่ตายแล้วออก ยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว และปรับสภาพเม็ดสีผิวที่เข้าให้อ่อนลง ทำให้ผิวขาว กระจ่างใส ลดเลือนรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยสิว รอยดำ รอยแดง ให้ลดน้อยลง แต่ไม่มีสรรพคุณช่วยในการรักษาสิว

สำหรับระยะเวลาในหารแสดงผล ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ที่ประมาณ 7-14 วัน ก็จะเริ่มเห็นผล แต่ถ้าทำการทาอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆจนกระทั่งครบ 28 วัน จะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน เนื่องจากร่างกาของคนเราจะทำการผลัดเซลล์ผิวทุกๆ 28 วัน  ส่วนคนที่สงสัยว่าผิวจะดำคล้ำขึ้นหรือไม่ถ้าหากเลิกใช้แล้ว อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับการดูแลผิวหลังจากการหยุดใช้ด้วย เพราะถ้าหากหยุดใช้แล้วไปออกไปตากแสงแดดแรงๆในระยะเวลานานติดต่อกัน ผิวก็สามารถกลับมาคล้ำเสียขึ้นได้เช่นกัน เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ควรทาครีมกันแดดร่วมกับครีมโสมจุ๊ในขณะออกไปข้างนอกในช่วงกลางวัน

ส่วนผสมของครีมโสมจุ๊
ครีมโสมจุ๊ มีส่วนผสมหลัก 2 ตัว คือ วิตามินบี 3 ซึ่งเป็นวิตามินที่ช่วยในการปรับสภาพผิวให้ขาวมากยิ่งขึ้น และอัลฟ่าอาร์บูติน ที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวอย่างต่อเนื่อง ช่วยปรับให้เม็ดสีที่เข้าให้อ่อนลง และช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว
สำหรับวิธีการใช้ก็ง่ายๆ เพียงแค่ใช้ทาใบหน้าและตัว หลังจากการอาบน้ำในตอนเช้า-เย็น  จากนั้นเช็ดตัวให้หมาดๆ โดยใช้ปริมาณเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว เนื่องจากเนื้อครีมมีความเข้มข้นมาก

ครีมโสมจุ๊ปลอดภัยหรือเปล่า
ครีมโสมจุ๊ ไม่มีส่วนผสมของ AHA (กรดผลไม้) จึงไม่ทำให้ผิวบาง หรือไวต่อแสงแดด ไม่มีสารปรอท ไฮโดรควิโนน เสตรียรอย กรดวิตามินเอ รวมไปถึงสารต้องห้ามอื่นๆ นอกจากนี้ยังได้รับรองจากสำนักงานอาหารและยา (อย.) ถึงความปลอดภัยของส่วนผสมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องจากครีมโสมจุ๊มีการแต่งกลิ่นด้วยหัวน้ำหอม ดังนั้นคนที่แพ้น้ำหอม จึงไม่ควรใช้อย่างเด็กขาด โดยมีค่า PH อยู่ที่ระดับ 5 ซึ่งถือว่ามีความปลอดภัยตามาตรฐาน สำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย ก็สามารถที่จะใช้ครีมโสมจุ๊ได้ โดยไม่มีปัญหาใดๆ แต่ในปัจจุบันก็ได้เริ่มมีการหลอกจำหน่าย “ครีมโสมจุ๊ปลอม” ซึ่งก่อนซื้อ ผู้บริโภคควรทำการตรวจสอบให้ดีเสียก่อน หรืออาจจะสั่งกับตัวแทนจำหน่ายที่มีความน่าเชื่อถือก็ได้

ประสบการณ์ของผู้ที่เคยใช้ครีมโสมจุ๊
จากการเก็บข้อมูลตามเว็บบอร์ดที่เกี่ยวกับสุขภาพและความงามต่างๆพบว่า ผู้ที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ครีมโสมจุ๊ ส่วนใหญ่ค่อนข้างชื่นชอบในประสิทธิภาพของครีมที่ทำให้ผิวขาวขึ้น โดยเฉพาะการช่วยทำในการบำรุงผิวไม่ให้คล้ำเสียหลังจากที่ออกไปข้างนอกบ้านท่ามกลางแสงแดดในช่วงกลางวัน แต่ยังมีผู้สนใจในครีมโสมจุ๊จำนวนมาก ที่ยังรอดูพรีวิวและผลตอบรับจากคนอื่นๆที่ทดลองใช้ครีมโสมจุ๊ เนื่องจากยังไม่มีความเชื่อมั่นในแบรนด์สินค้าเท่าใดนัก แต่โดยรวมแล้วยังไม่มีลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์ออกมาโวยวายว่าหน้าพังหลังจากการใช้ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ 

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

15 เคล็ดลับทำไงให้สวยขึ้น

ความสวย กับ ผู้หญิง เป็นสิ่งที่คู่กันมาอย่างช้านาน และถ้าหากมีวิธีการ เคล็ดลับ หรือกลเม็ดใดๆที่ช่วยเพิ่มความสวยให้มากขึ้น เชื่อว่าคุณสาวๆทุกคนก็คงที่จะไม่รอช้า และพร้อมที่จะปฏิบัติตามวิธีการเหล่านั้นอย่างแน่นอน สำหรับคุณสาวๆที่อยากจะให้ตัวเองสวยมากยิ่งขึ้น ในบทความชิ้นนี้มีเคล็ดลับทำไงให้สวยขึ้นง่ายๆที่สามารถทำได้ด้วยตัวคุณสาวๆเอง
 


 

15 เคล็ดลับทำไงให้สวยขึ้น

เคล็ดลับทำไงให้สวยขึ้นทั้ง 15 ข้อ ต่อไปนี้ ถึงแม้จะไม่ใช่ขนาดถูกบัญญัติขึ้นเป็นกฎเหล็ก แต่ก็เป็นสิ่งที่คุณสาวๆทุกคนควรจะปฏิบัติตามอย่างสม่ำเสมอให้เป็นประจำทุกวัน เพราะถ้าหากทำได้ทุกข้อแล้วล่ะก็ คุณสาวๆก็จะมีความสวยมากขึ้นเรื่อยๆจนสาวคนอื่นๆต้องมองด้วยความอิจฉากันเลยทีเดียว

              1.ดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อย 2 แก้ว ทันทีที่ตื่นนอน น้ำเปล่าจะช่วยชำระล้างสิ่งสกปรก และของเสียที่ค้างคาอยู่ภายในร่างกาย เมื่อของเสียเหล่านี้ถูกกำจัดออกไปก็จะเป็นการช่วยทำให้ผิวพรรณของคุณสาวๆดูสดใส เปล่งปลั่งมากยิ่งขึ้น

 

 

              2.ทานอาหารเช้าทุกวัน อาหารเช้าเป็นสิ่งที่ช่วยรักษาสมดุลน้ำหนักตัวของคุณสาวๆเอาไว้ให้คงที่ และยังช่วยทำให้สุขภาพแข็งแรง นอกจากนี้จากการวิจัยยังพบว่า คนที่ทานอาหารเช้าเป็นประจำทุกวัน มีเปอร์เซ็นอ้วนน้อยมากกว่าคนที่ไม่ทานมื้อเช้าอีกต่างหาก

             3.มื้อเช้าควรมีผลไม้บ้าง อาทิเช่น ส้ม แอปเปิ้ล แครอท ซึ่งสามารถรับประทานได้อย่างง่ายๆไม่ยุ่งยาก ผลไม้เหล่านี้จะช่วยบำรุงผิว ความสดชื่นในยามเช้า และยังช่วยทำให้เรามีสุขภาพดีอีกด้วย
[BINDING:16] 
             4.เดินเล่นในยามเช้าบ้าง ลองตื่นเช้าๆ แล้วออกมาเดินเล่น หรือวิ่งเหยาะๆ ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง จะช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น และไหลเวียนโลหิตดีขึ้นเป็นอย่างมากอีกด้วย

             5.เลือกใช้บอดี้โลชั่นให้เหมาะกับสถานที่ และผิวของตัวเอง อุณหภูมิภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไม่เท่ากันในแต่ละสถานที่ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผิวพรรณของคุณสาวๆ จึงควรที่จะมีการเลือกใช้บอดี้โลชั่นที่ให้เหมาะสมกับสภาพผิว เช่น ในฤดูร้อนที่รูขุมขนของคุณสาวๆจะเปิดกว้าง ควรเลือกใช้บอดี้โลชั่นเนื้อบางเบา ส่วนในหน้าหนาวที่ผิวต้องการความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ ก็ควรเลือกใช้บอดี้โลชั่นที่มีส่วนผสมของ เอสเซนเชียลออยล์ หรือเชียบัตเตอร์ เป็นต้น

 


 

   
             6.ห้ามอาบน้ำอุ่นเกิน 10 นาที เพราะจะทำให้ผิวของคุณสาวๆแห้งมากยิ่งขึ้น

             7.ในขณะอาบน้ำควรทำการขัดผิวไปด้วย เพราะนอกจากจะเป็นการช่วยกำจัดสิ่งสกปรก และกำจัดเซลล์ผิวที่ตายไปแล้ว ยังเป็นการช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตให้ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
[BINDING:34] 
             8.ความเครียดเป็นสิ่งต้องห้าม ความเครียดส่งผลเสียโดยตรงต่อผิว เพราะเมื่อเกิดความเครียดขึ้น กล้ามเนื้อบนใบหน้าจะเกิดการรัดตัวมากกว่าปกติ ทำให้ผิวหนังย่น เกิดริ้วรอย และความหมองคล้ำ ที่สำคัญยังทำให้สุขภาพจิตแย่ลงอีกด้วย

             9.พยายามหลีกเลี่ยงแสงแดดแรงๆ ในช่วงเวลา 9.00 -15.00 น. เป็นเวลาที่ปริมาณรังสียูวี มีความเข้มข้น และเป็นอันตรายต่อผิวมากที่สุด ถ้าหากคุณสาวๆไม่พยายามหลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกในช่วงเวลาดั่งกล่าว กว่าจะรู้ตัวอีกที คุณสาวๆก็อาจจะมีผิวที่ดำไหม้เกรียมไปเสียแล้ว

             10.ทาครีมกันแดดป้องกันผิวทุกครั้งก่อนออกแดด แสงแดดเป็นอันตรายอันดับต้นๆที่คอยทำลายผิวของคุณสาวๆ ดังนั้นทุกครั้งก่อนออกไปข้างนอก คุณสาวๆควรปกป้องผิวของตัวเองโดยการทาครีมกันแดดทุกครั้ง โดยเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 35+++ ขึ้นไป

             11.ดื่มนมก่อนนอน ในนมมีส่วนประกอบของสารอาหารมากมาย โดยเฉพาะวิตามินบีรวม ที่ช่วยบำรุงร่างกาย และผิวพรรณของคุณสาวๆ
  
 

 

             12.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนอย่างสนิทอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง เป็นประจำทุกวัน เป็นการช่วยทำให้ผิวพรรณเกิดความเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวลมากยิ่งขึ้น

             13.ควบคุมอาหารอย่าตามใจปากมาก การควบคุมอาหารอย่างถูกต้อง รับอาหารให้พอเหมาะในช่วงเวลาที่พอดี เป็นหนึ่งในเคล็ดลับทำไงให้สวยขึ้นที่จะช่วยทำให้คุณสาวๆสามารถรักษาทรวดทรงองค์เอวอันน่าพิศมัยเอาไว้ได้ แต่ถ้าหากตามใจปากมากจนเกินไป กินเอาๆ ระวังหุ่นจะอ้วนบวมฉุจนกู่ไม่กลับ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้ทำการไดเอทอย่างสุดขั้ว เพราะนอกจากจะไม่เป็นผลดีต่อร่างายแล้ว ยังทำให้คุณสาวๆไร้เรี่ยวแรงในการทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวันอีกต่างหาก

             14.ทำความสะอาดใบหน้าเป็นประจำ ทุกครั้งที่เราออกไปนอกบ้านมักจะมีฝุ่น หรือคราบสกปรกที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นติดมาบนใบหน้าโดยที่ไม่รู้ตัว ดังนั้นทุกวันในช่วงเย็น คุณสาวๆควรทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรือโฟมล้างหน้าที่มีความอ่อนโยน หลังจากนั้นให้ทำการเช็ดทำความสะอาดอีกครั้งด้วยคลีนเซอร์ และโทนเนอร์ ซึ่งจะช่วยในการขจัดสิ่งสกปรกออกจากใบหน้าได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาการเกิดสิวขึ้นบนใบหน้าได้อีกด้วย

             15.เปลี่ยนทรงผมใหม่ เสื้อผ้าใหม่ตามเทรนต์บ้าง ข้อนี้สำหรับคุณสาวๆที่ชอบทำผมทรงเดิมตลอดปีตลอดชาติ และสวมเสื้อผ้าเดิมๆสีเก่าซ้ำซากไม่เคยเปลี่ยน เพียงแค่หันมา เปลี่ยนทรงผม และเสื้อผ้าตามเทรนต์บ้างก็จะสามารถเป็นเคล็ดลับทำไงให้สวยขึ้นให้คุณสาวๆสวยขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว