อาหารเสริมหน้าใส ไร้สิว ผิวขาว รวดเร็ว

         ณ ตอนนี้ นวัตกรรมเกี่ยวกับความสวยความงามรุดหน้าไปมาก มีการนำเทคโนโลยีมาใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในการค้นคว้าวิจัยถึงสารต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อผิวพรรณ จึงเกิดเป็นครีมหรือเซรั่มบำรุงผิวแสนแพงที่จำหน่ายกันทั่วไป อย่างไรก็ตาม หลายครั้งที่วิธีการดังกล่าวมิอาจช่วยให้ผิวหน้าของคุณกลับสวยสดใส อ่อนกว่าวัยได้ดังใจปราถนา ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นฟื้นบำรุงผิวจากภายนอกเท่านั้น
มาถึงตรงนี้หลายคนคงสงสัยว่า “การดูแลผิวจากข้างในทำได้อย่างไร” คำตอบก็คือคุณต้องรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิว ไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่า อาหารที่ให้วิตามินซี เพิ่มกระบวนการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว อาหารที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อาหารที่มีประโยชน์ในการฟื้นบำรุงผิวจากข้างในเหล่านี้ หากจะให้เพียงพอคงต้องรับประทานกันจนท้องแตกไปข้างหนึ่ง ดังนั้น จึงเกิดเป็นทางเลือกสำหรับคนอยากหน้าใส ไร้สิว และอยากมีผิวขาว คือ “อาหารเสริมหน้าใส” ที่เราจะมาพูดถึงกันในวันนี้


อาหารเสริมหน้าใส คืออะไร

อาหารเสริม จัดเป็นอาหารประเภทหนึ่ง ตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 ซึ่งหมายถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้รับประทานโดยตรงนอกเหนือจากการรับประทานอาหารหลักตามปกติเพื่อเสริมสารบางอย่าง มักอยู่ในรูปลักษณะเป็นเม็ด แคปซูล ผง เกล็ด ของเหลว หรือลักษณะอื่น และมีจุดมุ่งหมายสำหรับบุคคลทั่วไปที่มีสุขภาพปกติ มิใช่สำหรับผู้ป่วย
ฉะนั้น อาหารเสริมหน้าใส จึงเป็นอาหารที่มีจุดประสงค์เพื่อการฟื้นบำรุงผิวหน้าของคุณให้ขาวสว่างกระจ่างใส มีออร่ามากขึ้น โดยไม่ได้มาในรูปแบบยา ไม่มีผลข้างเคียงใดๆต่อผู้บริโภค นอกจากมีอาการแพ้จากสารนั้นๆที่บรรจุไว้ในอาหารเสริมหน้าใส


อาหารเสริมหน้าใส ไร้สิว ผิวขาวไว มีอะไรบ้าง

ปัจจุบันมีอาหารเสริมหน้าใสออกจำหน่ายมากมายตามท้องตลาด และในร้านค้าออนไลน์ ซึ่งมีให้เลือกหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นชนิดเม็ดแคปซูล โดส ผงชง หรือของเหลว โดยจะมีการนำสารต่างๆที่มีประโยชน์ต่อผิว ลดสิว ทำให้ผิวขาวใสขึ้น มาใส่ไว้ในอาหารเสริมหน้าใส สารอาหารที่ว่านี้ อาทิเช่น
1.วิตามินซี เป็นวิตามินชนิดละลายในน้ำ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีอีกตัวหนึ่ง ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ภูมิต้านทานให้ร่างกาย เพราะสามารถป้องกันและรักษาการอักเสบอันเนื่องมาจากแบคทีเรียและไวรัสได้ โดยวิตามินซีขึ้นชื่อเรื่องการทำให้ผิวขาวใส ขาวไว มีประโยชน์ต่อผิวเป็นอย่างมาก ช่วยให้แผลหายไวขึ้น เพิ่มกระบวนการสังเคราะห์คอลลาเจนในชั้นผิว ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย
2.ไลโคปีน ขึ้นชื่อในเรื่องของประโยชน์ด้านความสวยควางาม ทำให้ผิวขาวสวย ชะลอความแก่ และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยม ทั้งนี้ ไลโคปีน เป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอย พบมากในผักและผลไม้ที่มีสีแดง ส้มและเหลือง โดยเฉพาะในมะเขือเทศ มีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์แล้วว่า ช่วยชะลอความชรา มีส่วนทำให้สุขภาพผิวแข็งแรง สดใสมากขึ้น
3.วิตามินบี 3 เป็นสารอาหารที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และลดรอยแดงบนผิวให้น้อยลง โดยการปกป้องผิวชั้นนอกเอาไว้ ที่สำคัญวิตามินบี 3 ทำให้ผิวขาวใสมากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนั้นยังช่วยยับยั้งการเกิดเม็ดสีเมลานิลยังเซลล์ผิวจุดต่างๆ ที่ทำให้เกิดรอยด่างดำขึ้นบนผิวอีกด้วย วิตามินบี 3 จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีผิวแห้ง และต้องการได้รับวิตามินบำรุงผิวให้สวยสุขภาพ
4.Astaxanthin อีกหนึ่งสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยม แก้ปัญหาผิวหมองคล้ำดำเสีย ให้กลับมาขาวสดใสอย่างที่ควรจะเป็น แก้ปัญหาเรื่องฝ้า กระ จุดด่างดำ รวมทั้งช่วยลดเลือนริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ ร่องลึกบนใบหน้า และแก้ปัญหาสีผิวไม่เรียบเนียนสม่ำเสมอ ขาดความชุ่มชื้นได้

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

พาไปรู้จัก ‘เมือกหอยทาก’ กับเคล็ดลับลดริ้วรอยแสนง่าย

         เมื่อพูดถึง “เมือกหอยทากสาวๆหลายคนคงคุ้นหูกันเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นส่วนผสมของครีมต่างๆมากมาย หรือที่เรียกว่า “Snail cream” ซึ่งมักมาพร้อมกับคุณสมบัติในการฟื้นบำรุงผิวให้เรียบเนียน ชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน พร้อมๆกับการลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย มอบความกระชับเต่งตึงเข้าสู่ชั้นผิว ด้วยสรรพคุณแสนวิเศษนี่เองที่ทำให้สาวๆหูผึ่ง
         การนำเมือกหอยทากมาใช้เป็นเวชสำอางค์บำรุงผิว มีจุดกำเนิดมากจากประเทศชิลี โดยคนงานจากฟาร์มเลี้ยงหอยทากพบว่า หลังจากพวกเขาขนหอยทาก (escargot) ไปให้ร้านอาหารฝรั่งเศสเป็นประจำทุกวันเป็นเรื่องน่าประหลาดมากที่มือของพวกเขา นุ่ม น่าสัมผัส นอกจากนั้นแล้วบาดแผลที่มือก็สามารถหายได้อย่างรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ นักวิจัยระบุว่าในน้ำเมือกของหอยทากอุดมไปด้วยสารนานาประโยชน์มากมายที่เหมาะกับการซ่อมแซมและบำรุงผิวของคนเรา

         ณ ขณะนี้ มีเวชสำอางค์หรือครีมบำรุงผิวชื่อดังหลากหลายแบรนด์ทั้งในและต่างประเทศ ได้นำเมือกหอยทากมาเป็นส่วนผสมหลัก ที่โด่งดังกันอยู่ในตอนนี้ ได้แก่ It’s skin และ Dr.Mj Real Mucin Restore Cream
         กระนั้นก็ดี แม้เมือกหอยทากจะมีข้อดีอยู่มาก แต่ก็มีข้อควรระวังเช่นกัน เนื่องจากเมือกหอยทากที่นำมาใช้ในกระบวนการผลิต ควรมาจากฟาร์มที่มีมาตรฐาน สะอาดปราศจากเชื้อก่อโรคและหนอนพยาธิ ถึงแม้จะยังไม่มีรายงานว่าพบอาการแพ้ในกลุ่มผู้ใช้ผลิตภัณฑ์จากเมือกหอยทาก แต่ไม่ควรนิ่งนอนใจ หากมีการนำหอยทากมาใช้ผิดวิธี ก็อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ การแพ้ และการอักเสบของผิวหน้า ฉะนั้น ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ใดๆ ควรทดสอบกับผิวหนังบริเวณหลังใบหูก่อนนำไปใช้จริงกับผิวหน้า เพราะสภาพผิวมีความอ่อนโยนใกล้เคียงกัน

8 เคล็ดลับลดริ้วรอยแสนง่าย
         1.ปกป้องผิวพรรณจากแสงแดด รังสียูวีเอและยูวีบีเป็นตัวการสำคัญทำให้เกิดริ้วรอย ยิ่งในบ้านเราที่ดวงอาทิตย์สาดแสงแรงตลอดเวลา ควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างยิ่ง หรือถ้ามีเหตุต้องปะทะแดดก็ควรปกป้องผิวด้วยครีมกันแดด นอกจากจะป้องกันผิวไม่ให้ไหม้แดดอันเป็นสาเหตุทำให้เกิดริ้วรอยแล้ว ยังป้องกันมะเร็งผิวหนังไปในตัว

         2.สวมแว่นกันแดด เป็นอีกเคล็ดลับในการป้องกันการเกิดริ้วรอยรอบดวงตา (ซึ่งเกิดขึ้นได้ง่ายมาก) โดยนอกจากช่วยปกป้องอันตรายจากรังสีอัลตร้าไวโอเลตแล้ว ยังช่วยลดอาการหรี่ตา ย่นคิ้ว อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดรอยตีนกาได้ชะงัด
         3.งดสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ทำให้ออกซิเจนไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงผิวพรรณได้เต็มที่และเพียงพอ ทำให้เซลล์ผิวหนังไม่สดใสและส่งผลให้เกิดเซลล์ใหม่ล่าช้าแล้ว ยังเร่งให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าเร็วขึ้น สำคัญที่สุดคือรอยย่นเล็กๆบริเวณริมฝีปาก ถ้าไม่อยากมีจีบรอบปากแถมปากดำคล้ำล่ะก็ เลิกเสีย
         4.เพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิว หมุ่นคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหน้าด้วยการทาไนท์ครีมก่อนนอนทุกคืน และเติมกำลังเสริมด้วยการมาสก์หน้าทิ้งไว้ 5-10 นาที สัปดาห์ละละครั้งก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
         5.ปรับสภาพผิว หมั่นขัด นวด และปรับสภาพผิวเป็นประจำ สัปดาห์ละครั้ง อาจจะด้วยการใช้สครับขัดหน้าเพื่อให้เซลล์ผิวกลับคืนสู่ความสดใส มีชีวิตชีวา ช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของระบบโลหิตให้แข็งแรงกระฉับกระเฉง ตบท้ายด้วยผลิตภัณฑ์ที่เปี่ยมคุณค่า อย่างครีมหรือเซรั่มบำรุงผิว เป็นอาทิ

         6.รักษาความสะอาด แน่นอนว่าสาวๆทุกคนต้องแต่งหน้า และสิ่งสำคัญคือหลังเสร็จภารกิจประจำวัน อย่าลืมล้างหน้าให้สะอาดหมดจด นี่คือกฎเหล็กที่สาวๆทุกคนห้ามลืม ห้ามเผลอ ห้ามขี้เกียจ ห้ามผลัดวันประกันพรุ่งเด็ดขาด ทั้งนี้ ก่อนล้างหน้าต้องใช้ครีมเช็ดคราบเครื่องสำอางให้หมดก่อนเสมอ แล้วจึงล้างด้วยสบู่ล้างหน้าที่เลือกสรรแล้วว่าเหมาะกับสภาพผิว เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกไป  
         7.ทำอารมร์ให้แจ่มใส ความเครียดเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ริ้วรอยมาเยือนก่อนวัยอันควร ดังนั้น ควรทำอารมณ์ให้แจ่มใสอยู่เสมอ เมื่อไม่เครียด ไม่กังวล ย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม และทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งมากขึ้นอีกด้วย
         8.รับประทานอาหารที่ดี โดยเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผักผลไม้เป็นประจำ เพื่อให้อาหารแก่ผิวพรรณ เป็นการทำให้สุขภาพผิวดีออกมาจากข้างใน อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ชอบรับประทานผักผลไม้ก็สามารถใช้อาหารเสริมแทนได้ อย่างเช่น วิตามินซี เป็นต้น

         

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เมือกหอยทาก…มหัศจรรย์แห่งเวชสำอางค์ ฟื้นบำรุงผิว

         อีกหนึ่งนวัตกรรมแห่งเวชสำอางค์ ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ คงหนีไม่พ้นการนำ “เมือกหอยทาก” (Snail slime) มาใช้ในการฟื้นบำรุงผิว โดยมีการค้นพบว่าเมือกหอยทากสามารถปกป้องผิวได้อย่างมหัศจรรย์ ได้รับการยืนยันจากนักวิจัยทั่วโลก ซึ่งในประเทศชิลี เป็นแหล่งที่ถูกค้นพบเป็นประเทศแรก จากฟาร์มเลี้ยงหอยทากแห่งหนึ่ง อย่างไรก็ดี คงมีคนสงสัยว่าเจ้าเมือกหอยทากมันมีดีอะไร เหตุใดถึงนิยมนำมาเป็นส่วนผสมของเวชสำอางค์กันอย่างแพร่หลาย วันนี้เรามาหาคำตอบกัน


จุดเริ่มต้นแห่งนวัตกรรม เมือกหอยทาก

         ดร.ธีรศักดิ์ เอโกบล อาจารย์ประจำภาควิชาพันธุศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ผ่านเดลินิวส์ออนไลน์ว่า แนวคิดการบำรุงรักษาผิวพรรณด้วยเมือกหอยทาก ถูกค้นพบโดยบังเอิญของคนงานในฟาร์มเลี้ยงหอยทากเพื่อส่งให้ร้านอาหารฝรั่งเศส เนื่องจากต้องสัมผัสกับหอยทากและเมือกอยู่เป็นประจำ จึงสังเกตพบว่ารอยแผลบริเวณมือที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงานหายได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีผิวพรรณที่ดูกระชับและเนียนนุ่มขึ้น เป็นเหตุนำไปสู่ข้อสงสัยและเกิดเป็นงานวิจัยสรรพคุณของสารในเมือกหอยทากในเวลาต่อมา
         จากรายงานผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ให้เห็นว่าเมือกในหอยทากอุดมไปด้วยสารชีวโมเลกุลที่มีประโยชน์ เช่น โปรตีนที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ต่างๆ รวมทั้งแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว และยังมีสารโอลิโกไฮยาลูรอนิค แอซิด ช่วยลดเลือนริ้วรอยและเพิ่มความเต่งตึงของผิว
         การผลิตเมือกของหอยทาก จะพบมากบริเวณใต้เท้าที่ใช้ในการเคลื่อนที่ โดยเมือกชนิดนี้ถูกหลั่งออกมาเพื่อช่วยลดการเสียดสีและอันตรายจากการสัมผัสกับพื้นผิวต่างๆ ป้องกันเชื้อจุลินทรีย์และสภาวะที่เสี่ยงต่ออันตราย และบริเวณโดยรอบของลำตัว เนื่องจากสัตว์กลุ่มนี้มีลำตัวที่บอบบางและไม่มีชั้นผิวหนังที่กักเก็บน้ำไว้ได้ดีเหมือนสัตว์ประเภทอื่นๆ จึงต้องขับเมือกออกมาปกคลุมร่างกายเอาไว้ เพื่อประโยชน์ในการป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้น


เมือกหอยทากกับคุณประโยชน์ต่อผิว

         สารสกัดจากเมือกหอยทาก มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ สร้างความชุ่มชื้นให้ผิวเพื่อป้องกันการก่อตัวใหม่ของสารอนุมูลอิสระ และช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหาย ซึ่งมีกระบวนการทำงานก็คือ ครีมหอยทากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการซ่อมแซมผิวตามธรรมชาติ ลบเลือนริ้วรอยและยกกระชับผิวได้ดีขึ้น ขจัดเซลล์ผิวที่ไม่สมบูรณ์ เพิ่มประสิทธิภาพในการผลัดเซลล์ผิวใหม่ และเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว
         นอกจากนี้ ยังส่งให้ผิวมีการซ่อมแซมตัวเองและผลิตสารที่มีฤทธิ์หยุดยั้งการเติบโตของเชื้อโรค ทำลายเชื้อโรค ช่วยเพิ่มความหนาแน่นกักเก็บความชุ่มชื่นและยกกระชับผิวให้นุ่มและเรียบเนียนเหมือนผิวเด็ก ที่สำคัญช่วยรักษาสิว รอยแตกลาย รอยแผลเป็น และรอยหมองคล่ำของผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดด โดยส่วนสารที่มีอยู่ในเมือกหอยทาก ซึ่งมีประโยชน์ต่อผิวเป็นอย่างมาก เช่น
         Allantoin เป็นสารต้านการอักเสบและระคายเคืองต่อผิว และยังช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในเซลล์ผิวทำให้ผิวชุ่มชื้นฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ และลดริ้วรอยได้ดีพร้อมเร่งการผลิตเซลล์ผิวใหม่ อีกทั้งช่วยควบคุมความมัน
         Gluconic acid ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และควบคุมความมัน
         Collagen ช่วยให้ผิวของเรามีความชุ่มชื่น เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล กระชับอยู่เสมอ เนียนเด้งโดยจะอยู่คู่กับ Elastin ที่จะช่วยในเรื่องของความยืดหยุ่นของผิว

 

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เมือกหอยทาก ช่วยลดเลือนริ้วรอย และ เพิ่มความเต่งตึงของผิว

         ปัญหาริ้วรอยแห่งวัย ผิวไม่เรียบเนียน แห้งกร้าน ขาดความเต่งตึง เป็นสิ่งที่คุณผู้หญิงมักเจอเมื่อตัวเลขของอายุเริ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ ในสาวๆบางคน โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยให้ความใส่ใจกับการดูแลสุขภาพผิว ก็อาจเกิดปัญหาดังกล่าวได้เช่นกัน เนื่องจากปัญหาริ้วรอย จุดด่างดำ และผิวเหี่ยวย่นเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย บทความนี้จะมาเฉลยว่าริ้วรอยบนใบหน้า รวมทั้งผิวแห่งกร้าน ไม่เต่งตึงเกิดจากอะไร พร้อมมอบทางออกในการแก้ปัญหาด้วย “เมือกหอยทาก” สิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้น


ริ้วรอยแห่งวัย ผิวเหี่ยวย่น เกิดจากอะไร

         1.อายุ ถือเป็นสัจธรรมที่หลีกหนีไม่พ้น เมื่อตัวเลขของอายุเพิ่มมากขึ้น เป็นเรื่องธรรมดาที่ผิวพรรณอันเป็นสังขารก็ย่อมล่วงโรยตามวันเวลา อย่างไรก็ตาม มีการศึกษาการเกิดริ้วรอยบนใบหน้าของผู้หญิง พบว่าจะแตกต่างกันตามวัยที่เพิ่มขึ้นดังนี้
         -ปลายอายุ 20 เริ่มมีริ้วรอยบางๆที่ใต้ตา ริ้วรอยรอบๆตา ซึ่งเป็นผลจากการยิ้ม
         -ต้นอายุ 30 มีริ้วรอยบางๆ รอบดวงตาลึกขึ้น และรวมตัวชัดเป็นรอยเหี่ยวย่น รอยตีนกาที่หางตา และริ้วรอยบางๆ ระหว่างคิ้วและบนหน้าผาก ที่เป็นผลจากกิริยาขมวดคิ้ว
         -ปลายอายุ 30 รอยเหี่ยวย่นรอบดวงตา หน้าผาก และหว่างคิ้วเพิ่มมากขึ้น รอยเหี่ยวย่นรอบริมฝีปาก รอยเหี่ยวใต้ตา และร่องแก้มหย่อนคล้อยตามแรงโน้มถ่วงของโลก
         -อายุ 40 ขึ้นไป รอยเหี่ยวย่นรอบดวงตา ริมฝีปาก หน้าผาก และหว่างคิ้ว รอยเหี่ยวย่นจากการหย่อนคล้อยของผิวหน้า เส้นริ้วรอยที่ลำคอ
         2.คอลลาเจนใต้ผิว เป็นที่ทราบกันดีว่าการที่ผิวหน้าของเราเต่งตึงสวยงามอยู่ได้ เพราะสารคอลลาเจนที่อยู่ใต้ผิว ทว่าเมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง หรือความสมบูรณ์ของคอลลาเจนเสื่อมลง ริ้วรอยย่อมเกิดขึ้น แต่เกิดช้าๆ ทีละน้อย เริ่มจากรอยเล็กๆ บางๆ จนแทบมองไม่เห็นหรือมองข้ามไป มารู้ตัวอีกทีก็เป็นรอยลึกเสียแล้ว ซึ่งในแต่ละคน แต่ละเชื้อชาติล้วนมีต้นทุนคอลลาเจนแตกต่างกัน ส่วนคนเอเชียอย่างเรา แม้คอลลาเจนไม่แข็งแรงเท่าคนผิวดำ แต่ยังดีกว่าฝรั่งมาก โดยจะสังเกตได้ว่าผิวของคนไทยจะดูดีกว่าฝรั่งที่อายุไร่เรี่ยกัน

         3.สภาวะแวดล้อม และวิถีชีวิต มีส่วนในการเกิดริ้วรอยด้วยเช่นกัน แพทย์ผิวหนังจึงแนะนำวิธีดูแลสุขภาพผิวที่แท้จริงด้วยการเปรียบเทียบระหว่างผิวที่ใบหน้ากับผิวที่ก้น ถ้าผิวที่หน้ามีริ้วรอยมากมาย ในขณะที่ก้นยังเต่งตึงอยู่ละก็ แสดงว่าพื้นฐานผิวคุณดี แต่ปัจจัยภาพนอกเป็นตัวการทำลายคอลลาเจน และก่อให้เกิดริ้วรอย เช่น แสงแดด สูบบุหรี่จัด การที่น้ำหนักขึ้นๆ ลงๆ เป็นต้น
         4.แสงแดด เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร เป็นสิ่งที่เราควรหลีกเลี่ยงและควรป้องกันเป็นอย่างยิ่ง รังสีอัลตราไวโอเลตในแสงแดดถือเป็นศัตรูตัวฉกาจที่กระตุ้นให้ผิวสร้างอนุมูลอิสระ และทำลายอีลาสตินกับคอลลาเจนในผิวหนังให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น ซึ่งเจ้ามารร้ายอัลตราไวโอเลตนี้มีพี่น้องร่วมท้อง 2 ชนิด รังสีผู้พี่คือ อัตราไวโอเลตเอ (UVA) โดย UVA จะค่อยๆทำให้ผิวเสื่อมสภาพโดยที่เราไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกทำลายความแข็งแรงของอีลาสติน หรือคอลลาเจนอยู่ แม้แต่ในออฟฟิศที่ทำงานในห้องแอร์เย็นฉ่ำก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะ UVA สามารถทะลุผ่านกระจกเข้าไปทำลายคุณได้ตั้งแต่เช้าจรดเย็น


เมือกหอยทาก ช่วยลดเลือนริ้วรอย เพิ่มความเต่งตึง

         จากการค้นคว้าวิจัยต่างๆชี้ให้เห็นว่า เมือกหอยทากมีคุณสมบัติที่น่าประหลาดใจในการรักษาผิวโดยเฉพาะสิว อาการบวมแดง เห่อ ช่วยกระชับรูขุมขน ปรับผิวให้เนียนเรียบ และช่วยป้องกันรักษาความชราภาพของเซลผิวด้วย โดยอุดมไปด้วยคุณค่าของสารบำรุงผิวที่มีส่วนช่วยในการซ่อมแซมผิวพร้อมทั้งยังช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ ลดเลือดริ้วรอยแห่งวัย และช่วยสมานผิว สารที่อยู่ในน้ำเมือกหอยทากนี้มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูผิว ขัดผิว บำรุงผิว และสมานผิว ได้แก่ Allantoin, Gluconic acid, Collagen เป็นต้น

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ไลโคปีน vs วิตามินซี อยากผิวขาวกินตัวไหนดี

         ช่วงนี้กระแสรักสุขภาพกำลังมาแรง โดยเฉพาะในแวดวงคนดังต่างก็ให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองกันมากขึ้น โดยหันมาเข้าฟิตเนส ออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรง ฟิตหุ่นเป๊ะชนิดที่เรียกว่าไร้ที่ติ เป็นที่อิจฉาตาร้อนของใครหลายๆคน นอกจากเรื่องรูปร่างแล้ว สิ่งที่จะบอกได้ว่าคุณเป็นคนดูแลตัวเองก็คือ การมีผิวขาวสวยสดใส สุขภาพดี ปราศจากความหมองคล้ำ ซึ่งหัวข้อที่เราจะมาคุยกันในวันนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำให้ผิวขาวใสขึ้นออกมาจากข้างใน ระหว่างการรับประทาน ไลโคปีน กับ วิตามินซี ตัวไหนดีกว่ากัน


ทำความรู้จัก ไลโคปีนและวิตามินซี

         อยู่ในกระแสมานานหลายปี กับสารอาหารอย่าง “ไลโคปีน” โดยมักขึ้นชื่อในเรื่องของประโยชน์ด้านความสวยควางาม ทำให้ผิวขาวสวย ชะลอความแก่ และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยม ทั้งนี้ ไลโคปีน เป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอย พบมากในผักและผลไม้ที่มีสีแดง ส้ม และเหลือง โดยเฉพาะในมะเขือเทศ มีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์แล้วว่า ช่วยชะลอความชรา มีส่วนทำให้สุขภาพผิวแข็งแรง สดใสมากขึ้น

         นอกจากนี้ยังช่วยต้านความเสื่อมของร่างกาย ช่วยการไหลเวียนของเลือด ลดเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ช่วยในการมองเห็น และลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งประเภทต่างๆ เช่น มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งระบบทางเดินอาหาร มะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมาก
         ส่วนวิตามินซี เป็นวิตามินชนิดละลายในน้ำ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีอีกตัวหนึ่ง ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ภูมิต้านทานให้ร่างกาย เพราะสามารถป้องกันและรักษาการอักเสบอันเนื่องมาจากแบคทีเรียและไวรัสได้ โดยวิตามินซีขึ้นชื่อเรื่องการทำให้ผิวขาวใส ขาวไวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ มีประโยชน์ต่อผิวเป็นอย่างมาก ช่วยให้แผลหายไวขึ้น เพิ่มกระบวนการสังเคราะห์คอลลาเจนในชั้นผิว ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย ช่วยให้ให้เหงือกและฟันแข็งแรง และป้องกันโรคต้อกระจกได้


ไลโคปีนและวิตามินซี สารอาหารที่ร่างกายขาดไม่ได้

         จะเห็นว่าสารอาหารทั้งไลโคปีนและวิตามินซี เป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกาย หากได้รับไม่เพียงพอ จะทำให้ผิวแห้ง เจ็บป่วยง่าย ภูมิต้านทานน้อยลง สุขภาพร่างกายโดยรวมไม่แข็งแรง ดังนั้น ร่างกายควรได้รับไลโคปีน และวิตามินซีอย่างเพียงพอ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สารอาหารทั้งสองเป็นสิ่งที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์เองได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหารที่รับประทานเข้าไป แต่จะมีสักกี่คนที่รับประทานผักผลไม้อย่างเพียงพอในแต่ละวัน
         ฉะนั้นแล้ว ถ้าใครรู้ตัวว่าร่างกายขาดสารอาหารทั้งสองชนิดนี้ ด้วยอุปนิสัยที่ไม่ชอบรับประทานผักผลไม้ที่ให้ไลโคปีน โดยเฉพาะมะเขือเทศ แตงโม และไม่รับประทานผลไม้ที่ให้วิตามินซีสูง เช่น ฝรั่ง ส้ม มะละกอ แล้วล่ะก็ สามารถรับประทานไลโคปีนและวิตามินซีในรูปของอาหารเสริมแทนได้


อยากผิวขาว กินตัวไหนดี ระหว่างไลโคปีน กับ วิตามินซี

         โดยปกติแล้ว เราไม่ควรเลือกรับประทานอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ควรรับประทานทั้งไลโคปีนและวิตามินซีให้เพียงพอต่อร่างกายนำไปใช้ โดยเฉพาะคนที่อยากมีผิวขาว เนื่องจากสารอาหารสองตัวนี้จะช่วยหนุนเสริมกันและกันให้ผิวขาวสว่างกระจ่างใจ สุขภาพดีขึ้น เนื่องจากไลโคปีนมีส่วนช่วยเสริมโปรคอลลาเจน (Procollagen) เป็นสารตั้งต้นในการสร้างคอลลาเจนของผิวหนังให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น
         เมื่อมาผนวกกับวิตามินซี ที่เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในน้ำ โดยจะทำหน้าที่ป้องกันและผลักดันสารอนุมูลอิสระบริเวณด้านนอกของเซลล์ผิวหนัง ส่งผลให้ผิวขาว กระจ่างใสขึ้นแบบคูณสองกันเลยทีเดียว อย่างไรก็ดี ต้องรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม หากจะใช้เป็นอาหารเสริมควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ร่างกายได้นำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

‘ไลโคปีน’ ไม่ได้มีดีแค่ผิวขาวสวย ช่วยอะไรได้อีกมาดูกัน

         สารอาหารอย่าง “ไลโคปีน” เป็นอีกตัวหนึ่งที่เรารู้จักกันดีในเรื่องของการทำให้ผิวขาวสวยสุขภาพดี โดยมักใส่มาในอาหารเสริม หรือครีมบำรุงผิวขาว จึงกลายเป็นภาพจำว่า เมื่อพูดถึงไลโคปีนก็จะนึกถึงประโยชน์ด้านความงามเป็นอันดับแรก แต่จริงๆแล้วสารอาหารชนิดนี้ ไม่ได้มีดีแค่เรื่องผิวพรรณเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย บทความนี้จะช่วยทำให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับไลโคปีนมากขึ้นว่ามันช่วยอะไรอีกบ้าง


คุณประโยชน์จาก ไลโคปีน

         ไลโคปีน เป็นสารชนิดหนึ่งในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ที่พบมากในมะเขือเทศ แตงโม และพิงค์เกรปฟรุต หรือผลไม้ที่ให้สารสีแดง สีส้ม และสีเหลือง โดยเป็นสารอาหารมีความจำเป็นแก่ร่างกาย ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยชรา ทำหน้าที่ปกป้องการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกายจากการทำลายของสารอนุมูลอิสระ และป้องกันโรคร้ายต่างๆ
         อธิบายให้เข้าใจง่ายๆคือ ถ้าปล่อยให้ร่างกายมีสารอนุมูลอิสระมากจนเกินไป ซึ่งเป็นผลมาจากพฤติกรรมการเลือกรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือแม้แต่การออกกำลังกายมากเกินไป จะเป็นสาเหตุให้เซลล์ภายในร่างกายถูกทำลาย หรือที่เรียกว่า “ร่างกายอยู่ในสภาพขึ้นสนิม” ซึ่งเป็นสาเหตุการเกิดเซลล์มะเร็ง โรคเบาหวาน และโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด เป็นต้น

         โดยสรุปแล้ว ไลโคปีนไม่ได้มีแค่ทำให้ผิวขาวสวย แต่ยังมีประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะในการต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นที่มาของโรคร้าย ทีนี้มาดูกันว่าไลโคปีนยังมีช่วยอะไรร่างกายเราได้อีก โดยบทความจาก ASTV ผู้จัดการออนไลน์ ระบุว่าไลโคปีนช่วยในเรื่องต่างๆดังนี้
         – สกัดกั้นปัจจัยที่ก่อให้เกิดมะเร็งแบบอยู่หมัด
         – สลายไขมัน ให้เส้นเลือดคล่องตัว
         – ลดภาวะเครียดออกซิเดชัน ภัยร้ายลมหายใจแรกของทารก      
         – ช่วยวัยรุ่น “ไดเอ็ท”
         – บาลานซ์น้ำตาลในร่างกายของวัยทำงาน
         – ล้างเส้นเลือดสะอาดหมดจน
         – ป้องกันโรคความจำเสื่อมก่อนวัยชรา
         เห็นไหมว่าไลโคปีน มีประโยชน์ต่อร่างกายมากแค่ไหน ดังนั้น ใครที่ไม่ชอบรับประทานผักและผลไม้ ก็ควรเปลี่ยนพฤติกรรม หันมาบริโภคผักผลไม้กันมากขึ้น เพราะอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะในมะเขือเทศ และแตงโมที่มีไลโคปีนสูง หรือถ้าไม่ชอบจริงๆก็สามารถเลือกรับประทานในรูปแบบอาหารเสริมแทนก็ได้


อาหารเสริมเพิ่มผิวขาว สุขภาพดี 

         นอกจากไลโคปีนที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว อีกหนึ่งสารอาหารที่จะช่วยให้คุณมีผิวขาวสวย อมชมพูระเรื่อ ไปพร้อมๆกับการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงสมบูรณ์นั่นก็คือ “วิตามินซี” เนื่องจากวิตามินชนิดนี้จะเข้าไปช่วยให้การไหลเวียนโลหิตในร่างกายดีขึ้น กระตุ้นกระบวนการสังเคราะห์คอลลาเจนในชั้นผิวให้แข็งแรง และต่อต้านอนุมูลอิสระ

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ผิวขาวอมชมพู ด้วย ไลโคปีน

         ความสวยความงามกับผู้หญิงเป็นของคู่กัน โดยหนึ่งในคุณสมบัติที่จะทำให้คุณสวยเป๊ะได้นั่นก็คือ การมีผิวขาวอมชมพู แลดูสุขภาพดี ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าการมีผิวขาวใส เป็นความฝันของใครหลายๆคน ทีนี้ถ้าอยากขาวแต่อยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร คงไม่อาจช่วยให้ผิวขาวขึ้นมาเองได้ คุณควรหาวิธีการต่างๆที่จะทำให้สุขภาพผิวดี ขาวเปล่งปลั่งมากขึ้น (ปัจจุบันมีวิธีมากมายสารพัด) วันนี้เราจะพาไปรู้จักับสารอาหารอย่างหนึ่ง ที่จะช่วยให้ผิวของคุณขาวสวยสดใส อมชมพูระเรื่อได้อย่างน่าทึ่ง มันคือ “ไลโคปีน


ไลโคปีน คืออะไร

         ไลโคปีน เป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอย พบมากในผักและผลไม้ที่มีสีแดง โดยเฉพาะในมะเขือเทศจะมีไลโคปีนมากกว่าผักและผลไม้ในกลุ่มเดียวกันถึงสองเท่า อย่างไรก็ตาม มะเขือเทศปรุงสุกร่างกายจะดูดสารไลโคปีนไปใช้ได้ง่ายกว่ามะเขือเทศสด สารไลโคปีนช่วยให้เซลล์ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยลดคอเลสเตอรอล ป้องกันการผิดปรกติของเซลล์ผิวหนัง ยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระและลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งรังไข่ ที่สำคัญมีประโยชน์ต่อผิวพรรณเป็นอย่างมาก


ไลโคปีน ทำให้ผิวขาวอมชมพูได้อย่างไร

         สารสีแดงเรียกว่า “ไลโคปีน” (Lycopene) เป็นสารธรรมชาติที่มะเขือเทศสร้างขึ้นเอง ทำหน้าที่เป็นเนื้อเยื่อสำคัญในการห่อหุ้มและป้องกันเมล็ดของมะเขือเทศต่อความเข้มข้นของรังสีอัลตราไวโอเลตที่รุนแรง เพื่อให้ต้นอ่อนได้เจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่ และไลโคปีนนี้มีประสิทธิภาพที่สำคัญ จำเป็นแก่ร่างกาย ทั้งการต่อต้านอนุมูลอิสระ และเพิ่มความงามให้ผิวพรรณ
         มร.ทาคุจิ ชิราซาว่า อาจารย์ประจำหลักสูตรเวชศาสตร์การชะลอวัย หลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยจุนเทนโด กล่าวว่า รังสีอัลตราไวโอเลต หรือรังสียูวี (UV) นับเป็นศัตรูตัวฉกาจของผิวหนัง เป็นที่มาของสาเหตุหลักๆ กว่า 80% ที่ทำให้คอลลาเจนในชั้นผิวเกิดการแตกตัว เสื่อมสภาพ และลดปริมาณลงอย่างรวดเร็ว เป็นเหตุให้ผิวหนังเกิดความเหี่ยวย่นและมีริ้วรอย ซึ่งทางลัดสู่ผิวสวยที่ไม่ต้องเจ็บตัวและเสียเวลา แถมทำได้ง่ายๆ เพียงเลือกรับประทานมะเขือเทศเป็นประจำทุกวัน ซึ่งจะทำให้ร่างกายและผิวได้รับสารต่อต้านอนุมูลอิสระอย่าง “ไลโคปีน” ที่อุดมอยู่ในผลไม้กลุ่มมะเขือเทศ แตงโม และพิงค์เกรปฟรุต

         “จากการศึกษาและวิจัยพบว่า ไลโคปีน มีประสิทธิภาพอันทรงพลังในการต่อต้านอนุมูลอิสระได้มากกว่าวิตามินอีถึง 100 เท่าในปริมาณที่เท่ากัน โดยไลโคปีนจะทำงานร่วมกับออกซิเจนในกระแสเลือด เพื่อจับสารอนุมูลอิสระและขับออกจากร่างกาย พร้อมทำหน้าที่เติมน้ำและความชุ่มชื้นเสมือนเป็นการสร้างเกราะป้องกันให้กับคอลลาเจนในชั้นผิวอีกด้วย” มร.ทาคุจิ กล่าว (ข้อมูลจาก เว็บไซต์แนวหน้า)
         เห็นหรือยังว่าสารอาหารอย่างไลโคปีน มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย โดยเฉพาะในเรื่องของการทำให้ผิวขาวอมชมพู ปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นอาหารเสริมเพิ่มผิวขาว หรือเครื่องสำอางต่างก็นำไลโคปีนมาใช้เป็นส่วนประกอบ เนื่องจากสารตัวนี้ช่วยให้ผิวพรรณดูดีขึ้น ขาวเปล่งประกายมากขึ้น แถมยังช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะอีกด้วย

 

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

DIY ทำให้ผิวขาว ด้วยสูตรแบบบ้านๆ

         วิธีการทำให้ผิวขาวนั้นมีมากมายสารพัด ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิว การใช้อาหารเสริมเพิ่มผิวขาว รวมทั้งการใช้ครีมหรือโลชั่นบำรุงผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื่น ขาวสดใส และอีกหนึ่งวิธีที่กำลังได้รับความนิยมไม่แพ้วิธีอื่นๆนั่นก็คือ การทำให้ผิวขาวด้วยสูตร DIY แบบง่าย สามารถทำเองที่บ้านได้ แถมยังให้ผลลัพธ์ที่ดี เป็นที่น่าพอใจ โดยไม่ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณมาก วันนี้เราได้รวมสูตรบำรุงผิวแบบโฮมเมดมาให้ท่านผู้อ่านที่อยากขาว ได้ลองนำไปใช้กัน ถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มกันเลย


สูตร DIY ทำให้ผิวขาว แบบโฮมเมด

         1.สูตรมะขามเปียก พอกผิวขาว วิธีการคือให้นำมะขามเปียก ลงไปแช่ลงในน้ำต้มสุกที่จัดเตรียมไว้ โดยแช่ประมาณ 10-15 นาที จากนั้นนำขมิ้นบดกับน้ำผึ้งผสมลงไปในถ้วย แล้วคนให้เข้ากัน ก่อนใช้สูตรนี้ต้องล้างตัวให้สะอาด (แต่ไม่ต้องถูสบู่) แล้วใช้ส่วนผสมทั้งหมดมาขัดๆ ถูๆ ให้ทั่วเรือนร่างไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพอใจ เสร็จก็อาบน้ำถูสบู่ให้สบายกายสบายใจ สุดท้ายก็รอเห็นผลลัพธ์ที่จะทำให้ผิวขาวขึ้นได้เลย
         2.สูตรแตงกวา กระชับรูขุมขน สูตรนี้เหมาะกับการกระชับรูขุมขนบนใบหน้า ซึ่งจะทำให้ผิวแลดูขาวสว่าง ออร่าจับมากขึ้น โดยให้นำแตงกวามาปอกเปลือก เอาเมล็ดออกให้เรียบร้อย หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วใส่เตรียมไว้ในภาชนะ จากนั้นก็เติมนมเปรี้ยวหรือน้ำผึ้งลงไป แล้วนำไปปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อครีม เสร็จก็นำมาพอกผิวให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น

         3.สูตรมะละกอสุก เพื่อผิวเนียนนุ่ม สูตรนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะจะช่วยให้สุขภาพผิวดีขึ้น ขาวขึ้นแบบธรรมชาติ วิธีการคือนำมะละกอ โยเกิร์ต และเกลือทะเล ปั่นรวมกันให้ละเอียด แล้วนำส่วนผสมที่ได้มานวดเบาๆให้ทั่วร่างกาย แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพียงแค่นี้ก็จะทำให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื่น ทำให้ผิวขาวใสมากขึ้นจนใครเห็นเป็นต้องทัก
         4.สูตรมะเขือเทศ ขัดผิวขาว ฝานมะเขือเทศให้เป็นแผ่นบางๆ จากนั้นนำไปจุ่มในน้ำตาลทราย แล้วนำไปขัดให้ทั่วตัว จนกระทั่งน้ำตาลที่หุ้มแผ่นมะเขือเทศละลายออกไปจนหมด แล้วเปลี่ยนมะเขือเทศแผ่นใหม่ เมื่อขัดผิวจนพอใจแล้วก็ให้พอกทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีจึงล้างออก สูตรนี้อาจดูพิลึกพิลั่น แต่จะช่วยทำให้ผิวขาวใสอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะมะเขือเทศมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิว ช่วยฟื้นบำรุงได้อย่างล้ำลึก

 

 

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

อะไรเอ่ยทำให้ผิวขาว และอะไรเอ่ยทำให้ผิวหมองคล้ำ

         แม้ว่าจะไม่ใช่ทุกคนที่อยากขาว แต่เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้ผิวตัวเองหมองคล้ำ เพราะผิวหมองคล้ำในที่นี้ไม่ได้หมายถึงผิวสีแทน สีน้ำผึ้งอย่างที่ฝรั่งตาน้ำข้าวชื่นชอบกัน ทว่ามันคือผิวคล้ำเสียจากมลภาวะต่างๆทั้งภายในและภายนอก ทำให้กลายเป็นคนไม่มีราศี ผิวดำคล้ำเสีย หน้าหมองจนไม่มีใครอยากมอง แล้วอะไรเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดปัญหาผิวหมองคล้ำ ?

ปัจจัยหลักที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ
1.รังสีอัลตร้าไวโอเลต (UV) เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผิวของเราหมองคล้ำและเสื่อมสภาพ แถมยังเป็นที่มาของปัญหาผิวต่างๆ เช่น จุดด่างดำ ฝ้า กระ หรือถ้าโดนเล่นงานเอามากๆ อาจร้ายแรงถึงขั้นเป็นมะเร็งผิวหนัง ทั้งนี้ ร่มกันแดดธรรมดาไม่สามารถปกป้องผิวจากรังสียูวีได้ เพราะรังสียูวียังสามารถสะท้อนทำร้ายผิวจากกระจก หรือพื้นคอนกรีตเวลาเดินผ่าน

2.รังสีแรงจากแสงหน้าจอ ข้อนี้คนที่อยู่หน้าคอมเป็นเวลานานๆ รวมทั้งสาวกโซเชียลมีเดียต้องพึงระวัง เพราะคอมพิวเตอร์สามารถปล่อยรังสี UVA รวมไปถึงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าทำให้ผิวหมองคล้ำได้ นอกจากนั้นยังอาจทำให้เกิดอาการออฟฟิศซินโดรม ส่งผลให้สุขภาพแย่ลงได้
3.เครื่องสำอางที่ล้างออกไม่หมด เครื่องสำอางยอดฮิตอย่างแป้ง บีบีครีม หรือครีมรองพื้น หากทาซ้ำบ่อยๆ โดยไม่ล้างหน้าทำความสะอาดช่วงเย็นก่อนเข้านอน หรือล้างแล้วแต่ออกไม่หมด อาจทำให้ผิวไม่ได้พักและหายใจ สร้างสิ่งอุดตันให้ผิวเกิดสิวและทำให้ผิวหมองคล้ำในที่สุด
4.ความเครียด วิถีชีวิตแสนเร่งรีบ ต้องแข่งกับเวลา แถมยังต้องแกร่งแย่งชิงดีกัน ทำให้เกิดความเครียดได้ง่าย ซึ่งความเครียดเป็นสาเหตุหนึ่งของผิวหมองคล้ำไม่สดใส ทำให้ผิวผลิตเมลานินมากกว่าปกติอีกด้วย ดังนั้น พยายามอย่าเครียด หากิจกรรมทำเพื่อผ่อนคลาย เช่น ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม อ่านหนังสือ ก็อาจจะช่วยทำให้ความเครียดคลายลงได้บ้าง

อยากขาว ทำไง
สิ่งที่จะทำให้ผิวขาวสว่าง กระจ่างใส ออร่าจับขึ้นมาได้ ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆมันก็จะเกิดขึ้นเอง นอกจากจะต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับแดดโดยตรง งดจ้องคอมเป็นเวลานานๆ ล้างเครื่องสำอางให้หมดจด และไม่เครียดแล้ว ถ้าอยากขาวดูดีขึ้น คุณจำเป็นต้องใช้ตัวช่วยดังนี้

1.รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิว โดยเฉพาะผักใบเขียวที่จะช่วยให้เซลล์ทำงานได้ดีขึ้น ควบคู่ผักสีเหลืองส้ม เช่น แครอท ฟักทอง ข้าวโพด ที่มีเบต้าแคโรทีนบำรุงให้ผิวสวย และรับประทานผักผลไม้สีแดงจำพวก แอปเปิ้ล ทับทิม มะเขือเทศ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยฟื้นบำรุงผิว และควรดื่มน้ำมากๆ
2.หมั่นบำรุงผิวเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ครีมบำรุงผิวที่สารสกัดจากธรรมชาติ ไม่ทำร้ายผิว มีสารเพิ่มความชุ่มชื่น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว รวมถึงการสครับผิวอย่างสม่ำเสมอที่จะช่วยให้เซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพหลุดออกมา แทนที่ด้วยเซลล์ผิวใหม่ที่สุขภาพีดียิ่งกว่า จึงทำให้ผิวขาวขึ้นได้
3.ใช้อาหารเสริมเพิ่มผิวขาว วิธีนี้จะช่วยทำให้ผิวขาวใส ขาวไวมากยิ่งขึ้น โดยอาหารเสริมที่ดีจะเข้าไปฟื้นบำรุงผิวจากภายใน ทั้งนี้ ต้องเป็นอาหารเสริมที่ไม่มีสารอันตราย ได้รับการรับรองจาก อย. ปลอดภัยไร้ผลข้างเคียง อาหารเสริมเพิ่มผิวขาวที่นิยมกันมากในปัจจุบัน เช่น วิตามินซี วิตามินรวม วิตามินบี 3 แอสตาแธนซิน น้ำมันปลา เป็นต้น


วิตามินซี ทำให้ผิวขาว ลดความหมองคล้ำ

วิตามินซีเป็นสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิว ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานหรือใช้ภายนอก เนื่องจากวิตามินซีช่วยในการสังเคราะห์โปรตีนคอลลาเจนในร่างกาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อช่วยให้เซลล์ของร่างกายยึดไว้ด้วยกัน จึงช่วยให้ผิวพรรณมีความยืดหยุ่มกระชับไม่เหี่ยวก่อนวัยอันควร จึงทำให้ผิวขาวใส ขาวไว ลดความหมองคล้ำ ให้ผิวกลับมาสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

กินวิตามินอะไรดี ทำให้ผิวขาว เห็นผลไว

         เดี๋ยวนี้อะไรๆก็ง่ายไปเสียหมด ถ้าอยากมีผิวขาวสวย สุขภาพผิวดี ก็เพียงแค่เดินไปที่ร้านขายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพิ่มผิวขาว ซึ่งหาได้ทั่วไป รวมทั้งร้านค้าออนไลน์ หาวิตามินที่ใช่สักตัว แล้วก็ชำระเงิน จากนั้นก็กลับมารับประทานวิตามินที่บ้าน และรอลุ้นผลลัพธ์ที่ได้ว่าจะขาวใส ขาวไวแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่คุณจะเลือกซื้ออาหารเสริมเพิ่มผิวขาว ไม่ว่าจะเป็นร้านทั่วไป หรือสั่งซื้อในร้านค้าออนไลน์ ก็ควรจะทราบข้อมูลเบื้องต้นก่อนว่า วิตามินอะไรบ้างที่ทำให้ผิวขาว เห็นผลไว จะได้ไม่ต้องเสียทั้งเงินและเวลาไปฟรีๆ ที่สำคัญจะเป็นการช่วยให้คุณใช้วิตามินเหล่านั้นอย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ ไม่เกิดผิลเสียต่อร่างกาย


วิตามินที่ทำให้ผิวขาว

1.วิตามินซี วิตามินที่ละลายในน้ำตัวนี้ ขึ้นชื่อเรื่องการทำให้ผิวขาว สว่างกระจ่างใส ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอาหารต่างๆ รวมทั้งครีมบำรุงผิวยี่ห้อดัง มักใช้วิตามินซีเป็นส่วนประกอบหลัก มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ เป็นสารอาหารที่ช่วยเพิ่มการสังเคราะห์คอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวแน่น มีความยืดหยุ่นที่ดีขึ้น จึงทำให้ผิวเต่งตึง แถมยังช่วยให้แผลหายได้เร็วขึ้น เพราะวิตามินซีช่วยให้ผิวมีกระบวนการซ่อมแซมและรักษาตัวเองได้ดี โดยไปเสริมสร้างผนังเซลล์ ทำให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง และต่อต้านการอักเสบ แก้ปัญหาจุดด่างดำหรือรอยแผลเป็นได้    
2.วิตามินบี 3 ได้รับพิสูจน์แล้วว่า สามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และลดรอยแดงบนผิวให้น้อยลง โดยการปกป้องผิวชั้นนอกเอาไว้ ที่สำคัญวิตามินบี 3 ทำให้ผิวขาวใสมากขึ้นอย่างเป็นธรรมาติ นอกจากนั้นยังช่วยยับยั้งการเกิดเม็ดสีเมลานิลยังเซลล์ผิวจุดต่างๆ ที่ทำให้เกิดรอยด่างดำขึ้นบนผิวอีกด้วย วิตามินบี 3 จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีผิวแห้ง และต้องการได้รับวิตามินบำรุงผิวให้สวยสุขภาพ

3.วิตามินรวม จะประกอบด้วยวิตามินตั้งแต่เอถึงซี (A-Z) เลยทีเดียว ถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่ทำงานหนักมากจนไม่ค่อยมีเวลารับประทานอาหาร โดยเฉพาะให้ได้ครบทั้ง 5 หมู่ หรือไม่ค่อยได้รับประทานผักผลไม้สดๆ การรับประทาน วิตามินรวมเสริม ก็จัดว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายโดยรวม และช่วยในเรื่องสุขภาพผิว ทำให้ผิวขาวมากขึ้นจนสังเกตได้
4.วิตามินอี จะช่วยลดความแห้งกร้าน และส่งเสริมการปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายของรังสียูวี ด้วยการทำให้ผิวคงความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ ต้านอนุมูลอิสระ วิตามินอีมักอยู่ในรูปแบบครีมบำรุง และนิยมใช้กันก่อน-หลังจากการสัมผัสแสงแดดที่รุนแรง
นอกจากวิตามินดังกล่าวแล้ว สิ่งที่ทำให้ผิวขาวขึ้น ซึ่งจะมาในรูปแบบอาหารเสริม ได้แก่ น้ำมันปลา แอสตาแธนซิน โคเอนไซม์คิวเทน เป็นต้น สารอาหารเหล่านี้เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยม จึงช่วยบำรุงผิวให้สวยสดใสขึ้นนั่นเอง


สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.