ครีม joa รีวิว ชาวพันทิปว่ายังไงกันบ้าง ไปดูกัน

 

ผิวขาวเนียนสดใส เป็นสิ่งที่ใครๆก็อยากที่จะมี แต่กว่าที่จะมีผิวที่ขาวสมใจดั่งฝันได้ ต้องใช้ทั้งความพยายาม ทุนทรัพย์ และสติในการไต่ตรองข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการที่จะนำตัวเองไปสู่ความขาวเนียนได้อย่างปลอดภัย ซึ่งบทความในวันนี้จะขอพาคุณสาวๆทุกท่านไปรู้จักกับครีมมาร์คหน้ายี่ห้อหนึ่ง ส่งตรงจากเกาหลี ที่กำลังมีกระแสความน่าสนใจอยู่ในเว็บบอร์ด Pantip อย่าง ครีม joa ว่าที่จริงแล้ว เจ้าครีมตัวนี้มีดีในการช่วยทำให้ผิวขาวได้จริงหรือไม่ และมีประสิทธิภาพจริงๆมากน้อยเพียงใด

ครีม joa มีสรรพคุณที่โดดเด่นน่าสนใจอย่างไรบ้าง?
 ครีม joa หรือ JOA Cream Pack เป็นครีมสัญชาติเกาหลี มีสรรพคุณช่วยทำให้ผิวขาวกระจ่างสดใสขึ้น โดยไม่ใช่การกัดสีผิวเพื่อให้ขาวขึ้น แต่ประสิทธิภาพของครีม joa จะมุ่งเน้นไปที่การช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ที่ขาวเนียนสดใสมากขึ้นกว่าเดิม รวมไปถึงช่วยในการลดอาการอักเสบของสิวให้น้อยลงอีกด้วย ซึ่งครีม joa สามารถใช้ได้กับผิวพรรณทั่วทั้งร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า หัวเข่า ข้อศอก สิวยุบตัว สิวหายรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และยังมีผู้ที่เคยใช้ครีม joa ให้ความเห็นว่า สามารถช่วยลดความมันบนใบหน้าให้น้อยลงได้อีกด้วย ถ้าหากดูสรรพคุณตามฉลากด้านข้างของผลิตภัณฑ์จะพบว่า ครีม joa มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1.ช่วยทำความสะอากรูขุมขน ขจัดความมันส่วนเกินบนใบหน้า ช่วยทำให้ผิวกระจ่างใส
   2.ผลแคลเซี่ยมช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพอย่างอ่อนโยน ช่วยทำให้ผิวขาวขึ้น
  3.ส่วนผสมจากธรรมชาติ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เสริมความยืดหยุ่น และช่วยทำให้ผิวกระชับเต่งตึง
 อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังจากการใช้ครีม joa นั้น คุณสาวๆต้องเข้าใจก่อนว่าขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน การใช้เพียง 1-2 ครั้ง อาจจะไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้ ถ้าหากต้องการเห็นผลจริงๆ ควรใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่องไประยะเวลาหนึ่งเสียก่อน
สำหรับวิธีการใช้งาน ครีม joa ที่ถูกต้องนั้นคือ สามารถนำไปใช้ในการมาร์คหน้า หรือใช้ผสมกับครีมล้างหน้าก็ได้เช่นกัน แต่ถ้าหากใช้ในการมาร์คหน้า ขอแนะนำว่าไม่ควรทำการมาร์คทิ้งเอาไว้ไม่เกิน 10 นาที ซึ่งสามารถใช้ได้ 1-2 ครั้ง ต่อสัปดาห์ แต่ผู้ใช้ ครีม joa ที่มีผิวบอบบางส่วนใหญ่ ไม่นิยมนำไปใช้ทาพอกใหบ้นา แต่ใช้ในการพอกผิวพรรณในบริเวณอื่นๆ เช่น มือ แขน ขา หรือหัวเข่า เป็นต้น

ส่วนผสมหลักของครีม joa
 1.โคเอนไซม์ Q10 ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการแบ่งเซลล์ผิว
2.แคลเซียม เป็นสารที่จำเป็นต่อการทำงานของเส้นประสาทในร่างกาย
3.ดินขาว มีคุณสมบัติในการช่วยทำความสะอาดผิว

ระวัง ครีม joa ของปลอม
 เมื่อมีสินค้าคุณภาพดี เป็นที่ต้องการของท้องตลาดก็ทำให้บรรดาเหล่าพ่อค้าแม่ค้าหัวใส แต่ไร้จริยธรรมพยายามสร้างสินค้าลอกเลียนแบบออกมาวางจำหน่ายหลอกลวงผู้ซื้อในราคาถูก ซึ่งครีม joa เอง ในปัจุบันเองก็มีสินค้าปลอมมาวางจำหน่ายเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงควรทำการสังเกตทุกครั้งก่อนซื้อว่า ครีม joa ที่อยู่ในมือของคุณสาวๆเป็นของแท้หรือไม่ โดยมีวิธีสังเกตดังต่อไปนี้

จุดสังเกตครีม joa ของปลอม
    1.มีกลิ่นแรง หรือมีกลิ่นแอลกฮออล์
2.ผิวบริเวณที่ใช้เป็นปื้นแดง
3.รู้สึกแสบมากๆ เมื่อทำการมาร์ค ในขณะที่ของแท้เมื่อทำการมาร์คอาจจะรู้สึกแสบๆบ้างที่ผิว แต่ก็เป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และอาจจะมีอาการตึงๆที่ผิวบ้างเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม เพื่อตัดปัญหาเรื่องขแงแท้ของปลอมกวนใจนักช็อป ปัจจุบันครีม joa ก็ได้มีการเปลี่ยนแพคเก็ตใหม่ แล้วทำการวางขายใน 7-11 หลายสาขา ในราคา 100 บาท ต้นๆ เท่านั้นเอง ทำให้คุณสาวๆสามารถหาซื้อได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับครีมรกแกะ ที่คุณไม่เคยรู้

         การเสริมความงดงามให้กับผิวพรรณด้วยการเสาะแสวหาวิธีการใหม่ๆ และเทคโนโลยีในการฟื้นฟูความอ่อนเยาว์แก่ผิวเป็นสิ่งที่คุณสาวๆทุกคนพึงปารถนา ซึ่งท่ามกลางวิธีการรักษาความงามไมว่าจะเป็นจากธรรมชาติ หรือสารสกัด สารสังเคราะห์ก็ตาม หนึ่งในส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่โดดเด่นน่าสนใจก็คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจาก “รกแกะ” หรือ ครีมรกแกะ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน สำหรับในวันนี้ บทความชิ้นนี้จะขออาสาพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับครีมรกแกะกันอย่างเจาะลึกกันเลยว่า มันมีความเป็นมาอย่างไร และมีคุณสมบัติที่สร้างประโยชน์ในการบำรุงผิวพรรณได้อย่างไรกันบ้าง

ครีมรกแกะคืออะไร และมีประโยชน์ต่อผิวพรรณอย่างไรบ้าง?
ครีมรกแกะ ถูกพัฒนาและคิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยในการรักษาความเสียหายของผิวหนังจากแสงแดด ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อสัญญานของริ้วรอยและปัญหาผิวแห้ง ซึ่งในครีมรกแกะ จะมี “รก” เป็นส่วนผสมหลัก โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นรกวัว หรือรกแกะ แต่ถ้าหากเป็นครีมรกแกะที่มีคุณภาพที่ดีที่สุดแล้วมักจะเป็นการนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย หรือนิวซีแลนด์ เนื่องจากรกแกะที่ถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมของครีมรกแกะจากประเทศเหล่านี้ มีความพิเศษที่โดดเด่นนั่นเอง
 รก มีประโยชน์ในการช่วยบำรุงผิวพรรณให้มีความอ่อนเยาว์ เนื่องจากรกจะทำหน้าที่ในการถ่ายโอนสิ่งที่มีประโยชน์ และจำเป็นต่างๆในการสร้างสรรค์ชีวิตจากผู้เป็นแม่ ไปยังทารกในครรภ์ที่กำลังเจริญเติบโต ทำให้นักค้นคว้าวิจัยให้ความสนใจในการศึกษารก ในฐานะตัวแทนของความอ่อนเยาว์ สำหรับสาเหตุที่ครีมรกแกะนิยมใช้รกแกะเป็นส่วนผสมหลักนั้น เนื่องจากแกะเป็นสัตว์ที่แข็งแกร่ง และมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีมากนั่นเอง
 ครีมรกแกะ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการนำมาใช้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมความงาม แต่มีข้อมูลที่กล่าวอ้างหลายกระแสว่า ครีมรกแกะยังมีประสิทธิภาพในการช่วยเยียวยารักษาอาการบาดเจ็บของเซลล์ นอกจากนี้ครีมรกแกะยังช่วยในการไหลเวียนของเลือดไปยังบริเวณที่ได้ทำการทาครีม นอกจากนี้ครีมรกแกะยังสามารถมีสรรพคุณที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ขึ้นอยู่กับส่วนผสมเพิ่มเติมต่างๆซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของยี่ห้อครีมเหล่านั้น อาทิเช่น นมแพะ น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว มะละกอ คอลลาเจน วิตามินอี น้ำมันอะโวคาโด เป็นต้น

“ครีมรกแกะ” กับ “ครีมรก” แตกต่างกันอย่างไร?
 ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่า “พืช” หรือ “สัตว์” ต่างก็มีรกเหมือนกัน ในบางครั้งคุณอาจจะหยิบผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ “รก” ขึ้นมาพิจราณา แล้วจะสังเกตได้ว่า ครีมบางตัวจะระบุเอาไว้อย่าชัดเจนว่าส่วนผสมหลักที่ใช้คือรกแกะ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์อีกหลายๆชิ้นส่วนผสมหลักเป็นเพียง “รก” เท่านั้น ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ใช้รกเป็นส่วนผสม ในทางเทคนิคแล้วจะใช้รกของพืชเป็นส่วนผสม เพราะพืชเองก็มีรกเช่นกันแต่จะมีการใช้งานรวมไปถึงคุณสมบัติที่แตกต่างจากรกของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แต่ด้วยการโฆษณาเชิงการตลาดที่อาจก่อให้ความสับสน ทำให้หลายๆคนอาจเผลอซื้อครีมรกไปใช้งาน แล้วเกิดความคาดหวังผิดๆว่าครีมรกที่ตัวเองซื้อไปนั้นคือครีมรกแกะ ดังนั้นก่อนการเลือกซื้อครีมรกแกะทุกครั้ง ควรทำการอ่านฉลากเพื่อพิจราณาส่วนผสมหลักว่าเป็นรกแกะจริงๆเสียก่อน

ครีมรกแกะมีอันตรายหรือเปล่า?
เป็นที่ทราบกันดีว่าครีมรกแกะไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายใดๆ แต่ส่วนใหญ่แล้วผลข้างเคียงที่มักเกิดขึ้นนั้นมาจากความพยายามในการรักษาเซลล์ของรกแกะ เพื่อนำไปใช้เป็นส่วนผสมชองผลิตภัณฑ์โดยการฉีดยา และเพื่อประโยชน์ที่ดีที่สุดของผิว ควรใช้รกแกะด้วยการทาลงบนผิวพรรณเท่านั้น ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะใช้รกแกะ หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆที่มีความคล้ายคลึงกันในลักษณะของการฉีดเข้าไปใต้ผิวหนัง

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ครีมอบาโลน ผสานคุณค่าจาก Hydrolyzed Collagen

            หลายคนคงเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของครีมอบาโลน คอลลาเจนกันพอสังเขป ซึ่งคำว่า “อบาโลน” หรือในภาษาอังกฤษ “Abalone” หมายถึงหอยเป๋าฮื้อนั่นเอง หอยชนิดนี้พบได้ในแถบอเมริกาเหนือ ญี่ปุ่น และเกาหลี เป็นยอมรับในวงการความสวยความงามว่า เมื่อนำผ่านกระบวนการสกัดจะมีคุณสมบัติพิเศษที่ให้ประโยชน์ต่อผิวพรรณ แลดูกระชับเต่งตึง ขาวสว่างมีออร่ามาจากข้างใน เนื่องจากสามารถลำเลียงอาหารผิวและออกซิเจนเข้าสู่ชั้นผิวได้อย่างล้ำลึก จึงเหมาะกับการฟื้นบำรุงผิวหน้าของเราเป็นอย่างยิ่ง
แล้ว Hydrolyzed Collagen ที่เกริ่นเป็นหัวข้อล่ะ มาข้องเกี่ยวอะไรกับครีมอบาโลน จริงๆแล้ว Hydrolyzed Collagen (ไฮโดรไลซ์ คอลลาเจน) เป็นคอลลาเจนที่ผลิตจากปลาทะเลน้ำลึก ซึ่งมีการสกัดผ่านกระบวนการนาโนเทคโนโลยี ทำให้ได้คอลลาเจนปริมาณสูงและมีโมเลกุลเล็ก สามารถดูดซึมได้ดีขึ้นเมื่อเข้าสู่ชั้นผิว

           โดยทั่วไปแล้ว คอลลาเจนนั้นพบได้ทุกส่วนของร่างกาย ซึ่งจะสานกันเหมือนเป็นเส้นใยที่ถักทอเป็นเนื้อผ้า และเซลล์ใหม่ๆจะเจริญเติบโตได้ดี ปกติคนเราจะสูญเสียคอลลาเจนตั้งแต่ อายุ 25 ปีขึ้นไป โดยประมาณ 1.5% นักวิจัยแนะนำว่า Hydrolyzed Collagen สามารถกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจนและดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว ถึง 2 เท่า ทั้งนี้ คอลลาเจนในผิวหนังมนุษย์มีลักษณะเหมือนกับคอลลาเจนที่พบในสัตว์ จึงเป็นเหตุผลที่มนุษย์สามารถใช้คอลลาเจนจากสัตว์ได้
ดังนั้น ที่ครีมอบาโลนจึงนำ Hydrolyzed Collagen มาเป็นส่วนผสม เนื่องจากสามารถช่วยอุ้มน้ำเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นกับผิว เสริมสร้างเส้นใยคอลลาเจนในผิวให้มีความหนาแน่น เนียนเรียบ และด้วยเอนไซม์ที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก จึงมีประสิทธิภาพสูงในการซึมซับสู่ชั้นผิวได้ทันที
โดยสรุปแล้ว Hydrolyzed Collagen ในครีมอบาโลน มีประโยชน์ ดังนี้
1.เสริมความเรียบ เนียนนุ่ม ตึงกระชับให้กับผิวหนัง ลดการเกิดริ้วรอยบนผิวหน้า
2.ให้ผิวพรรณเกิดความชุ่มชื้นแบบธรรมชาติ และมีความยืดหยุ่น
3.ช่วยทำให้ผิวแลดูเรียบเนียนกระชับ กลับคืนสู่ความวัยเยาว์
4.ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของชั้นผิวหนัง

ส่วนผสมต่างๆในอบาโลนครีม
  ในอบาโลนครีมนั้น นอกจากจะมีสารสกัดจากหอยเป๋าฮื้อ (Abalone Extract) จากหมู่เกาะเชจู ประเทศเกาหลีใต้ และ Hydrolyzed Collagen ที่ผลิตจากปลาทะเลน้ำลึกแล้ว ส่วนผสมอื่นๆที่ช่วยให้อบาโลนครีมมีประสิทธิภาพในฟื้นบำรุงผิว ได้แก่
Snail Secretion Filtrate เมือกหอยทากที่ใช้ในครีมอบาโลน มาจากจังหวัดกังชาน แคว้นชุงนัม ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งได้รับการรับรองว่าสะอาดปลอดภัยมากที่สุด มีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยสมานผิว และลดการระคายเคืองสำหรับผิวที่แพ้ง่าย
 Arbutin อบาโลนครีมมีสารสกัดจากผลไม้ พืชธรรมชาติ 100% เพื่อช่วยปรับสภาพผิวหน้าให้กระจ่างใส เปล่งปลั่ง แลดูอ่อนกว่าวัย
Squalane หรือสารสกัดที่ได้มาจากดอกบานไม่รู้โรย ช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพให้ออกซิเจนแก่ผิวพรรณ และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระได้อย่างดีเยี่ยม

            Niacinamide (Vitamin B3) เป็นวิตามินบี 3 ที่ช่วยลดการส่งเม็ดสีไปยังผิวหนังชั้นบนสุด แต่ไม่ทำร้ายเมลานินในผิวหนังแท้ ทำให้ผิวหน้าดูขาวอมชมพูระเรื่ออยู่สมอ
            Trehalose หรือสารสกัดจากกุหลาบทะเลทราย (Rose of Jericho) จะช่วยกระตุ้นไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ในการสังเคราะห์คอลลาเจนและอีลาสตินที่ช่วยอุ้มน้ำใต้ผิว ป้องกันภาวะผิวขาดน้ำ ลดอาการผิวหมองคล้ำ ไม่ชุ่มชื่นสดใสได้
Tocopheryl Acetate (Vitamin E) เป็นวิตามินอีที่อยู่อบาโลนครีม ซึ่งช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งการโดนทำร้ายจากมลภาวะ เสมือนกำแพงปกป้องบนผิวหนังชั้นกำพร้า

ด้วยส่วนผสมของสารสกัดที่ได้จากธรรมชาติเหล่านี้เอง จึงทำให้ผลลัพธ์ของอบาโลนครีม คือการมีผิวหน้าเนียนนุ่ม ชุ่มชื่นอ่อนกว่าวัย แลดูกระชับเต่งตึง เปล่งปลั่งออกมาจากภายใน ที่สำคุญคือให้ผิวขาวอมชมพูแบบเป็นธรรมชาติ ไม่เวอร์เหมือนการฉีดสีผิว
 ทั้งนี้ทั้งนั้น ก่อนใช้ครีมอบาโลน ควรล้างทำความสะอาดหน้า เช็ดให้แห้งและป้ายครีมลงบนฝ่ามือ เพื่อวอร์มเนื้อครีมให้อุ่น จากนั้นลูบไล้ทั่วบริเวณใบหน้าในเวลาเช้าและก่อนนอน เพียงเท่านี้ผิวหน้าก็จะดูดีได้อย่างที่เราต้องการ

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

abalone beauty cream เพื่อผิวกระชับอ่อนกว่าวัยใน 7 วัน

            ปัจจุบันมีครีมบำรุงเพื่อยกกระชับผิวหน้าให้เรียบเนียน เปล่งปลั่ง อ่อนกว่าวัย หลากหลายยี่ห้อตามท้องตลาด หากจะให้ทดลองไปเรื่อยๆจนกว่าจะเจอครีมบำรุงในแบบที่ใช่ ก็เปรียบได้ดั่งการงมเข็มในมหาสมุทร ฉะนั้น ก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์เสริมความงามเหล่านี้ จำเป็นต้องศึกษาให้ถ้วนถี่เสียก่อน เพราะจะเป็นตัวช่วยที่ดีเยี่ยมในการตัดสินใจ บทความนี้ได้นำครีมบำรุงผิวหน้า abalone beauty cream มาให้ท่านผู้อ่านได้ศึกษากัน และด้วยอนุภาพของสารสกัดธรรมชาติ รับรองว่าท่านจะไม่ผิดหวัง เนื่องจากเจ้า abalone beauty cream จะให้ผลลัพธ์ได้ภายใน 7 วัน

วิเคราะห์ส่วนประกอบหลัก abalone beauty cream
           1.Abalone extract Abalone extract หรือหอยเป๋าฮื้อ มีกระจายอยู่ทั่วโลก โดยมีขนาดต่างกันตามสภาพ ภูมิอากาศ เปลือกมีสีสันหลากหลาย เช่น เขียว ส้มน้ำตาล แดง อยู่ตามแนวปะการังน้ำตื้น 2 -10 เมตร เป็นสัตว์กินพืช ได้แก่ สาหร่ายสีแดง สาหร่ายสีเขียว และสาหร่ายเกือบทุกชนิด ซึ่งหอยเป๋าฮื้อที่มีขนาดใหญ่ที่สุด พบได้ในแถบอเมริกาเหนือ ประเทศญี่ปุ่น และประเทศเกาหลี
คุณสมบัติพิเศษคือ เป็นคอลลาเจนสกัดเย็นจาก Abalone สามารถเพิ่มความหนาแน่นให้กับผิวได้อย่างเนียนนุ่ม อุดมไปด้วยอาหารผิว และสามารถดูดซึมสารอาหารสู่ผิวได้อย่างล้ำลึก
            2.Snail secretion Filtrate มีการค้นพบว่า เมือกหอยทาก (Snail Mucus) สามารถนำมาใช้ในการสมานผิวที่มีร่องรอยของบาดแผลได้ คือประเทศชิลี ซึ่งการวิจัยทำให้พบว่า ผิวของหอยทากและมนุษย์มีองค์ประกอบคล้ายคลึงกัน แม้แต่ปริมาณคอลลาเจนและอิลาสติน จึงมีการนำเมือกหอยทากมาใช้กับครีมบำรุง ซึ่งในประเทศเกาหลีใต้ได้นำสารสกัดจากหอยทากมาใช้ในวงการเสริมความงามกันอย่างแพร่หลาย หอยทากที่นำมาใช้เป็นสารสกัดบำรุงผิวต้องมาจาก จังหวัดกัมซาน แคว้นซุงนัม ซึ่งได้รับการรับรองว่าสะอาดและปลอดภัยที่สุด
คุณสมบัติพิเศษคือสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้มากถึง 1.5 เท่า ทั้งยังสมานผิวที่มีปัญหารอยแผลเป็น รอยสิว ผิวขาดการบำรุงให้แลดูดีขึ้นได้ และลดอาการระคายเคือง
            3.Hydrolyzed Collagen คอลลาเจน ไฮโดรไลเสท ผลิตจากปลาทะเลน้ำลึก ซึ่งมีคอลลาเจนสูง โดยมีการสกัดผ่านกระบวนการเทคโนโลยีที่ละเอียด เพื่อให้ดูดซึมได้ดีขึ้นเมื่อเข้าสู่ผิว คอลลาเจนนั้นพบได้ทุกส่วนของร่างกาย ซึ่งจะสานกันเหมือนเป็นเส้นใยที่ถักทอเป็นเนื้อผ้า และเซลล์ใหม่ๆจะเจริญเติบโตได้ดี ปกติคนเราจะสูญเสียคอลลาเจนตั้งแต่ อายุ 25 ปีขึ้นไป โดยประมาณ 1.5% นักวิจัยแนะนำว่า “คอลลาเจน ไฮโดรไลเสท” สามารถกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจนและดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว ถึง 2 เท่า คอลลาเจนในผิวหนังมนุษย์มีลักษณะเหมือนกับคอลลาเจนที่พบในสัตว์ จึงเป็นเหตุผลที่มนุษย์สามารถใช้คอลลาเจนจากสัตว์ได้
คุณสมบัติพิเศษได้แก่ การช่วยอุ้มน้ำเพื่อเพื่อความชุ่มชื้นให้ผิว เสริมสร้างเส้นใยคอลลาเจนในผิวให้มีความหนาแน่น เนียนเรียบ และด้วยเอนไซม์ทำให้มีโมเลกุลขนาดเล็ก จึงมีประสิทธิภาพสูงในการซึมซับสู่ชั้นผิวได้ทันที

           4.Trehalose “ทรีฮาโลส” เป็นสารสกัดจากกุหลาบทะเลทราย (Rose of Jericho) มีความคงทนต่อสภาพอากาศที่แปรปรวน และนำมาใช้เป็นส่วนผสมในการทำครีมบำรุง เมื่อซึมเข้าสู่ผิวจะตรงเข้าไปจับคู่กับโมเลกุลน้ำในผิว ช่วยรักษาระดับคอลลาเจนของผิวให้คงอยู่ เนื่องมามีคุณสมบัติในการปกป้องไฟโบลาสต์ (Fibroblasts) ซึ่งมีหน้าที่สร้างคอลลาเจน ปกป้องการทำร้าย DNA ภายในเซลล์ อันเกิดจากภาวะผิวหนังขาดน้ำ มากกว่า 98%
มีคุณสมบัติพิเศษช่วยอุ้มน้ำในผิวได้นานกว่า เพื่อผิวที่มีความชุ่มชื่น ปกป้องผิวจากการโดนทำร้ายของมลภาวะ ที่สำคัญมีความคงทนต่อสภาพอากาศ
           5.Squalane สควาเลน ซึ่งสกัดมาจากดอกบานไม่รู้โรย (amaranth flower) หรือน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ 100% (Olive oil) จะเพิ่มออกซิเจนให้กับผิวได้ถึง 0.7% เพื่อเป็นอาหารผิว ทั้งยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ต่อต้านความร่วงโรย ซึ่ง Squalane จะคล้ายกับ Sebum จึงสามารถซึมสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว ต่อสู้กับความแห้งกร้าน เพิ่มความยืดหยุ่น และกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวได้เป็นอย่างดี บำรุงไม่ให้ผิวแห้งเป็นสะเก็ด จึงมักนิยมนำมาเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางค์สำหรับแต่งหน้า หรือใช้เป็น Moisturizers บำรุงผิวหน้าทั้งเช้าและเย็น
โดยคุณสมบัติพิเศษของ Squalane จะช่วยอุ้มน้ำเพื่อผิวที่มีความชุ่มชื้น ปกป้องและต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี ชะลอการเกิดริ้วรอย ทั้งนี้ ยังสามารถหาได้จากน้ำมันตับปลาฉลามน้ำลึก ในยีสต์และเมล็ดพืชอื่นๆ ผลการศึกษา ยังช่วยลดความเสี่ยวต่อการเกิดมะเร็งได้
นอกจากนี้ abalone beauty cream ยังมีสารสกัดอื่นๆ เช่น Arbutin สารสกัดจากผลไม้ พืชธรรมชาติ 100% เพื่อช่วยปรับผิวหน้าให้กระจ่างสดใส Niacinamide วิตามินบี 3 ช่วยลดการส่งเม็ดสีไปยังผิวหนังชั้นบนสุด แต่ไม่ทำร้ายเมลานินในผิวหนังแท้ Tocopheryl Acetate ที่เป็นวิตามินอี สารต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งการโดนทำร้ายจากมลภาวะ เสมือนกำแพงปกป้องบนผิวหนังชั้นกำพร้า
    และด้วยส่วนประกอบหลักของ abalone beauty cream นี้เองที่ทำให้ผู้ใช้มีผิวหน้าที่สุขภาพดี ขาวสว่าง กระจ่างใส อมชมพูแบบเป็นธรรมชาติ ริ้วรอยจางลง แลดูอ่อนกว่าวัย หวังว่าทั้งหมดนี้คงเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจเลือกใช้ครีมบำรุงผิวหน้าอย่าง abalone beauty cream ได้เป็นอย่างดี

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง คุณค่าจากธรรมชาติสู่ผิวพรรณ

            “บำรุง ปกป้อง และดูแลผิวจากมลภาวะ ด้วยส่วนผสมที่คัดสรรมาอย่างดีจากพืชออร์แกนิคเกาหลี อุดมด้วยคุณค่าสารสกัดบริสุทธิ์จากธรรมชาติ”
ประโยคข้างต้นเป็นการอธิบายสรรพคุณไว้อย่างคร่าวๆ ของผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้ ซึ่งเจ้าผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง คือเครื่องสำอางค์ดูแลผิวหน้าที่นำเข้ามาจากประเทศเกาหลี สามารถจัดการกับทุกปัญหาบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นสิว ปัญหารูขุมขนกว้าง และริ้วรอยหมองคล้ำต่างๆ เหตุใดมันถึงมีสรรพคุณแสนวิเศษ และเป็นที่ฮอตฮิตได้มากขนาดนี้ เรามาทำความรู้จักกับ ผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง ไปพร้อมๆกัน

ผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง คืออะไร
 ผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง หรือ Dr.young มาจากสองคำรวมกันคือ Doctor+Young โดยคำว่า “Doctor” หมายถึงผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ผิวหนัง แพทย์ผิวหนัง ศัลยแพทย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโอเรียนเต็ล เคมียา และวัสดุนักวิทยาศาสตร์ ส่วนคำว่า “Young” มาจากความฝันของทุกคนที่อยากจะคงความหนุ่มสาว และมีผิวสุขภาพดีอยู่เสมอ
  ผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง เป็นทางเลือกที่เหมาะสมในการแก้ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด สร้างความเชื่อมั่นในตัวเองให้กลับมาอีกครั้ง โดยเชื่อว่าปัญหาเรื่องผิวพรรณไม่สามารถแก้ได้ที่ปลายเหตุ แต่ต้องแก้จากต้นเหตุ ซึ่งผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง เป็นมิตรต่อผิวพรรณ ไม่ทำให้ระคายเคือง เพราะมีแหล่งกำเนิดมาจากวัตถุดิบที่เป็นส่วนผสมของธรรมชาติ จึงสามารถแก้ปัญหา ฟื้นฟูสภาพผิวให้มีสุขภาพดีขึ้นจากภายใน สามารถอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือ
         No ไม่มีส่วนผสมของ Animal-origin และ Mineral oil
         Low มีสาร Preservative หรือสารกันเสียในเครื่องสำอางค์ อยู่ในระดับที่ปลอดภัย
         High ใช้ส่วนผสมจากวัตถุดิบออแกนิก Botanical oil น้ำมันที่สกัดจากพืช และน้ำแร่ธรรมชาติ
นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง ยังได้รับการการันตีคุณภาพจากองค์การอาหารและยาในประเทศเกาหลี และประเทศไทยอีกแล้ว ยังได้รับการรับรองจากสถาบัน ECOCERT® ซึ่งเป็นที่ยอมรับสูงสุดในวงการเครื่องสำอาง

ไม่เพียงแค่นั้น ผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง ได้รับเกียรติจาก “Jang Yoon Hee” Miss Korea ปี 2008 ที่เธอเป็นผู้ใช้ผลิตภัณฑ์จาก ดร.ยังจริง และพบกับความงามที่ช่วยให้เธอเปล่งประกาย นำมาซึ่งตำแหน่ง Miss Korea นั่นเอง ที่สำคัญ Jang Yoon Hee ได้เป็น Brand Presenter และ Brand Endorser ของผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง เพื่อการันตีคุณภาพโดยไม่รับค่าตอบแทนใดๆ
ทั้งหมดทั้งมวลที่ได้กล่าวมา ส่งผลให้ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง มีตัวแทนจำหน่ายอยู่ในหลายประเทศ เช่น ฮ่องกง ไต้หวัน มาเลเซีย สิงค์โปร์ สหรัฐอเมริกา ฯลฯ และได้รับการรีวิวลงนิตยสารชั้นนำอีกมากมาย ซึ่งในปี 2012 ผลิตภัณ์ ดร.ยัง มียอดขายดีเป็นอันดับหนึ่งของประเทศเกาหลี รวมถึงผ่านการทดสอบและยืนยันโดยทีมแพทย์มาแล้วว่า ปลอดภัยไม่ก่อให้เกิดการแพ้ระคายเคือง
   ณ ตอนนี้ ผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง ที่ได้นำเข้ามาในบ้านเรา มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นโฟมล้างหน้า ครีมและเซรั่มบำรุงผิว แต้มสิว เจลบำรุงรอบดวงตา ฯลฯ และขอบอกเลยว่าผลิตภัณฑ์ต่างๆมีผลตอบรับจากพี่น้องชาวไทยเป็นอย่างดี แม้จะเป็นสินค้าที่นำเข้าจากเกาหลีระดับพรีเมี่ยม แต่ยอดการสั่งซื้อก็ถล่มทลาย สังเกตได้จากการตามเว็บขายผลิตภัณฑ์เสริมความงามต่างๆ มีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง กันเป็นจำนวนมาก เหตุผลง่ายๆก็คือ ใช้แล้วดี ใช้แล้วเห็นผลชัดนั่นเอง

ข้อดีของการใช้ผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง
1.เนื่องจากใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ จึงไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผิว มีการคัดกรองวัตถุดิบในทุกขั้นตอน ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพมาตรฐานอย่างที่หลายสถาบันให้การยอมรับ ที่สำคัญเป็นการคืนความสมดุลธรรมชาติให้แก่ผิว
2.เหมาะกับทุกสภาพผิว ทั้งผิวแห้ง ผิวมัน หรือผู้ที่มีปัญหาผิวมีริ้วรอย ไม่เรียบเนียน โดยผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง จะช่วยฟื้นฟูสภาพให้มีสุขภาพดีมากจากภายใน ซึบซาบไปสู่ชั้นผิวลึก ไม่ทำร้ายผิว โดยเน้นในการแก้ปัญหาผิวตามธรรมชาติให้ทำงานได้ดีขึ้น
3.เป็นผลิตภัณฑ์มาตรฐาน จาก อย.ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงสถาบันด้านความงาม ไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น แม้จะต้องแลกไปกับราคาที่สูงขึ้นในระดับพีเมี่ยม แต่เมื่อเปรียบเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้แล้วย่อมคุ้มค่า

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

บอกลาใบหน้าหมองคล้ำ ด้วยวิธีธรรมชาติ

            การมีผิวหน้าที่ดูขาวสม่ำเสมอ มีความสดใส ไร้สิว ไร้ริ้วรอย เป็นความใฝ่ฝันของใครหลายคน โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่มักประสบปัญหาใบหน้าหมองคล้ำได้ง่าย เนื่องจากผิวมีความอ่อนโยน ไวต่อแสงแดด ทำให้เกิดสิว ฝ้า กระ และริ้วรอยต่างๆ และเพื่อให้สาวๆที่มีใบหน้าหมองคล้ำกลับมาขาว สว่างกระจ่างใส ชุ่มชื้น มีออร่า ลองดูวิธีแบบธรรมชาติที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งตัวยาที่อาจเกิดผลข้างเคียง แต่ก่อนอื่นเราควรรู้สาเหตุหลักๆที่ทำให้ใบหน้าหมองคล้ำกันเสียก่อน

            1. แสงแดด แม้ว่าจะโดนแสงแดดเพียง 60 วินาที ก็อาจทำให้ใบหน้าหมอคล้ำได้ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนสาวๆ ว่าเซลล์ผิวเริ่มถูกทำลาย ให้รีบดูแลและปกป้องผิวก่อนที่จะโดนทำร้ายจนคล้ำเสียสะสม
            2.เครื่องสำอาง ไม่ว่าจะเป็นแป้ง บีบีครีม หรือครีมรองพื้น หากทาซ้ำบ่อยๆ โดยไม่ล้างทำความสะอาดช่วงเย็นก่อนเข้านอนให้ผิวได้พักและหายใจ จะสร้างการอุดตันให้ผิวเกิดสิวและใบหน้าหมองคล้ำในที่สุด
            3.รังสียูวี ประเทศแถบเส้นศูนย์สูตรอย่างเมืองไทย เสี่ยงกับการที่ผิวหน้าจะเผชิญกับรังสียูวีโดยตรง เนื่องจากเป็นโซนที่อยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์ และชั้นบรรยากาศช่วยกรองแสงได้น้อยกว่าประเทศแถบอื่น ทั้งนี้ คอมพิวเตอร์สามารถปล่อยรังสี UVA รวมไปถึงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าทำให้ใบหน้าหมองคล้ำได้ ผู้ที่อยู่กับคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ควรหลีกเลี่ยงด้วยกันพักจากหน้าจอบ้าง
          4.จุดด่างดำจากรอยสิว โดยจะยิ่งคล้ำเสียลงยิ่งกว่าเดิมหากโดนแสงแดดมากๆ เนื่องจากเซลล์ผิวเพิ่งฟื้นตัวจากการเกิดสิว ถ้าโดนทั้งรังสียูวีเอและยูวีบีมากๆ จะทำให้รอยแดงของสิวยิ่งคล้ำเสียและเป็นจุดด่างดำที่ชัดเจนขึ้น
            5.ความเครียด เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการเกิดใบหน้าหมองคล้ำ ไม่สดใส ทำให้ผิวผลิตเมลานินมากกว่าปกติอีกด้วย

วิธีจัดการปัญหาใบหน้าหมองคล้ำ
  1.ทาครีมกันแดด ควรเป็นสิ่งที่สาว ๆต้องมีติดกระเป๋าอยู่เสมอ เพราะหากต้องเผชิญกับแสงแดดจัดโดยไม่ได้วางแผนมาก่อนจะได้ใช้ให้ทันการ ยิ่งหากพึ่งขัดผิวมาหมาดๆ สมควรอย่างยิ่งที่ต้องปกป้องใบหน้าด้วยครีมกันแดด เพราะผิวคุณจะไวต่อแสงแดดมาก จึงควรทาครีมกันแดด 20 นาทีก่อนออกทุกครั้ง และทาซ้ำอีกทุกๆ 2-3 ชั่วโมง
2.ใช้น้ำนม ไม่จำเป็นต้องลงไปแช่นมหรือน้ำแร่ในอ่าง แต่สามารถทําให้ผิวขาวได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้น้ำนมทาบนผิวโดยตรง โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า และอาจใช้ใยบวบช่วยเพื่อขัดผิวไปด้วยเบาๆ ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีแล้วล้างออก ใบหน้าหมองคล้ำก็จะมีน้ำมีนวล ค่อยๆขาวขึ้น โดยทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง     

            3.รับประทานวิตามินซี วิตามินซีมีสรรพคุณช่วยให้ผิวสวยสดใส ดังนั้นจึงเป็นสารอาหารที่ร่างกายควรได้รับอยู่เสมอ ไม่ว่าจะจากการทานผักผลไม้ เช่น ส้ม ฝรั่ง มะนาว หรือหากได้รับในแต่ละวันไม่เพียงพอ ก็อาจซื้อวิตามินซีแบบเม็ดมารับประทานเพิ่ม วิธีนี้จะช่วยในเรื่องผิวและการขับถ่ายไปพร้อมๆกัน
4.รับประทานอาหารให้เหมาะสม โดยแต่ละมื้อควรให้มีผักและผลไม้ในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่ง เพราะผักผลไม้เป็นอาหารที่ย่อยง่าย นอกจากจะช่วยเรื่องของการขับถ่าย ยังมีแอนตี้อ็อกซิแดนซ์ที่ทำให้ผิวสวยกระชับสดใสอยู่เสมอ ซึ่งหากร่างกายขับถ่ายได้ตามปกติ ผิวพรรณบนใบหน้าก็จะสดใสขึ้นโดยอัตโนมัต
            5.ออกกำลังกาย การออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยขับเหงื่อไคลและสิ่งสกปรกใต้ผิว รวมถึงสารพิษออกจากร่างกาย ซึ่งจะทำให้ผิวดูสว่างสดใสขึ้น ยิ่งออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ยิ่งทำให้ผิวขาว มีออร่าอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญ ยังช่วยลดการอุดตันของสิ่งสกปรกใต้ผิวหน้า ไม่ให้เกิดสิวอีกด้วย

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

“หน้ามัน ทำไงดี?” ยอดคำถามคาใจวัยหนุ่มสาว

            สำหรับหนุ่มสาวที่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่นแล้ว จะพบว่าร่างกายเราเริ่มมีการปรับเปลี่ยนตัวครั้งใหญ่หลายๆอย่าง เช่นสิวที่เกิดขึ้น อารมณ์ที่แปรเปลี่ยนง่าย และหนึ่งในปัญหาโลกแตกนั่นก็คืออาการหน้ามัน โดยคำถามที่ต้องค้างคาใจคนหนุ่มสาวแน่ๆคือ “หน้ามัน ทำไงดี” และไม่เพียงแต่วัยรุ่นเท่านั้นที่ต้องประสบกับอาการหน้ามัน หากแม้แต่ผู้ใหญ่ก็ต้องพบประสบเจอเช่นกัน ดังนั้นในบทความนี้จะพาค้นหาวิธีแก้ไขหน้ามันกัน 

            หน้ามัน เป็นอาการที่เกิดจากระบบร่างกายในส่วนของใบหน้า ได้ผลิตน้ำมันออกมาเพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและคอยปกป้องสิ่งแปลกปลอมที่จะมาเกาะใบหน้า แต่ปัญหาก็อยู่ที่ว่าน้ำมันธรรมชาติที่ร่างกายเราผลิตขึ้นมานั้นมันมีมากเกินพอดี จนทำให้ใบหน้าหนุ่มสาวและดูไม่ดี นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุทำให้เกิดจุดด่างดำและปัญหาสิวได้ ซึ่งนี้ก็คือต้นตอของสาเหตุหน้ามัน คราวนี้เราจะมาไขคำตอบของคำถามที่ว่า หน้ามัน ทำไงดี ด้วยวิธีป้องกันและรักษาหน้ามันกัน

วิธีที่ 1 ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง
โดยการล้างหน้าแต่ละครั้งนั้นย่อมส่งผลต่อความมันบนใบหน้าเป็นอย่างมาก เพราะการล้างหน้าบ่อยๆจะส่งผลทำให้หน้าเราแห้งและตึง ทำให้ผิวหน้าเร่งสร้างน้ำมันเพื่อเพิ่มคามชุ่มชื้น แต่กลับกลายเป็นว่าทำให้หน้าเรามัน ดังนั้นการล้างหน้าที่ดีควรล้างวันละ 2 ครั้งเวลาเช้า – เย็น ก็เพียงพอกับการทำความสะอาดใบหน้าแล้ว หากเกิดความมันระหว่างวัน ขอแนะนำให้ใช้กระดาษซับหน้ามันจะดีที่สุด

วิธีที่ 2 มาร์กหน้าด้วยมะเขือเทศ
วิธีนี้การมาร์กหน้าอาจจะเป็นวิธีที่สาวๆหลายคนคุ้นเคย โดยมะเขือเทศนั้นมีวิตามินที่ช่วยบำรุงผิวอยู่หลายตัว ช่วยดูดซับความมัน และยังช่วยกระชับรูขุมขนบนใบหน้าอีกด้วย วิธีทำมาร์กนั้นก็ไม่ยาก เพียงนำมะเขือเทศไปปั่นให้ละเอียด จากนั้นก็นำมาทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก ทำเพียงสัปดาห์ละ 3 ครั้ง จะช่วยลดความมันบนใบหน้าได้อย่างดี อีกทั้งยังได้ใบหน้าที่ใสดูดีด้วย

วิธีที่ 3 พอกหน้าด้วยว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้เป็นพืชสมุนไพรที่รู้จักกันดีถึงสรรพคุณรักษาแผลไฟไหม้ และช่วยลดอาการอักเสบที่เกิดจากสิว อีกทั้งยังช่วยลดความมันบนใบหน้าได้ด้วย วิธีการนั้นก็แสนง่ายเพียงแค่นำวุ้นว่านหางจระเข้ไปล้างน้ำให้สะอาดก่อน โดยต้องแน่ใจว่าสะอาดจริงๆ เพื่อป้องกันยางกันหน้า เมื่อล้างสะอาดได้ที่แล้ว ก็ให้นำมาฝานบางๆ หลายๆแผ่นแล้วก็นำมาวางที่ใบหน้าให้ทั่ว เมื่อแปะไว้ที่ใบหน้าจะทำให้รู้สึกเย็น โดยแปะทิ้งไว้ประมาณ 15นาทีคอยนำออก

 

วิธีที่ 4 ดื่มน้ำสะอาดมากๆ
วิธีนี้ส่วนใหญ่หลายคนมักจะมองข้ามไปเพราะไม่คิดว่าจะทำได้จริง แต่จริงๆแล้วการดื่มน้ำสะอาดมากๆนั้นเป็นวิธีลดหน้ามันที่ประหยัดที่สุด และได้ผลดีมากๆ โดยเพียงแค่จิบน้ำสะอาดระหว่างวันบ่อยๆ เนื่องจากการดื่มน้ำนั้นจะช่วยทำให้ร่างกายทำความสะอาดจากภายใน ขับของเสียได้ง่ายขึ้นออกทางผิวหนังได้ดีขึ้น และเมื่อการขับถ่ายของเสียดีขึ้น ปัญหาสิวก็ลดลง อีกทั้งยังลดปัญหาหน้ามันไปในตัวด้วย
ทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีดูแลรักษาหน้ามันแบบง่ายๆ ที่ทำเองได้สำหรับคนหนุ่มสาวผู้มีคำถามคาใจว่า หน้ามัน ทำไงดี แต่อย่าลืมว่าปัญหาของใบหน้านั้นไม่ได้มีแต่เพียงหน้ามัน วัยมันส์อย่างเราๆคงต้องเจอปัญหาผิวพรรณอีกมากทั้งผิวแห้ง ผิวแตกลาย ต่างๆนาๆ ดังนั้นต้องหมั่นดูแลสุขภาพให้ครบรอบทุกด้าน เพื่อรักษาตัวเองให้ดูดีเสมอ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะช่วยไขปัญหา หน้ามัน ทำไงดี ได้ไม่มากก็น้อย ขอให้มีความสุขกับการรักษาสุขภาพผิวพรรณนะครับ!

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

บอกลา .. ผิวหน้าหมองคล้ำ


ผิวหน้าหมองคล้ำ เป็นปัญหาผิวที่เรามีโอกาสเป็นกันทุกคน โดยเฉพาะสาวเอเชียเมืองร้อนอย่างประเทศไทย ที่นับวันแดดยิ่งร้อนขึ้นทุกวันๆ ไม่ใช่เฉพาะปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำเพียงเท่านั้น ปัจจุบันยังพบปัญหาผิวอีกมากมาย เช่น กระ ฝ้า สิว ซึ่งเป็นปัญหาผิวที่แก้ไม่ตกสักที ยิ่งปัจจุบันนิยมคนผิวขาว เรียบเนียน จึงทำให้หนุ่มๆสาวๆสมัยนี้หันมาดูแลผิวหน้าและผิวกายมากขึ้น

ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ .. เกิดจากอะไรบ้าง?
ผิวหมองคล้ำขาดความสดใสเปล่งปลั่ง มีสาเหตุใหญ่มาจาก การเผาผลาญภายในเซลล์ผิวมีประสิทธิภาพลดลงตามวัย รวมทั้ง ร่างกายเหนื่อยล้า พักผ่อนไม่เพียงพอ แม้แต่สภาพแวดล้อมที่ผิว ต้องเผชิญอยู่เสมอ เช่น รังสี UV และต้องอยู่ในที่ๆ อากาศแห้งมี การแปรปรวนเสมอก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำได้
1.สาเหตุจากแสงแดด รังสียูวีเอ ยูวีบี ป้องกันได้โดยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารปกป้องผิวจากแสงแดด เช่น ครีมกันแดด แป้งรองพื้นผสมสารกันแดด ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารกันแดด
2.สาเหตุจากการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิว คนแต่ละวัยต่างต้องการการบำรุงที่แตกต่างกัน เพราะเซลล์ผิวจะมีการทำงาน ผลัดเปลี่ยนไปตามอายุ ลองหาครีมบำรุงที่เหมาะสมกับช่วงอายุ เช่น สูตรที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน และ ลดการอุดตันของรูขุมขน มีมอยซ์เจอร์ไรเซอร์เพิ่มความชุ่มชื้นของผิวหน้า
3.สาเหตุจากการแต่งหน้า อาจจะเกิดมาจากการทำความสะอาดที่ไม่หมดจด ควรทำความสะอาดตามขั้นตอน ดังนี้
-เช็ดเครื่องสำอางออกด้วย ครีมน้ำนมหรือออยล์ทำความสะอาดเครื่องสำอางโดยเฉพาะ
-ล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้า หรือ cleansing gel
-อีกสาเหตุ คือ อาจจะเกิดจากสารเคมีในเครื่องสำอางทำให้เกิดผิวการแพ้และหมองคล้ำได้
4.สาเหตุสุดท้าย คือ การใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่ถูกต้อง เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ กินน้ำน้อย ความเครียด ควรที่จะปรับการใช้ชีวิต ควบคู่ไปกับอย่างอื่นด้วย

วิธีดูแลผิวหน้า(ไม่ให้)หมองคล้ำ
1.เลือกใช้ครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินซี หรือวิตามินบี
จะทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวและเพิ่มความสว่างใสให้กับผิว แต่ควรระวังเรื่องผิวถูกแดดนิดนึง วิตามินซีดูเหมือนจะไม่ค่อยถูกกับแสงแดดเท่าไหร่ จะยิ่งคล้ำกันไปใหญ่ แนะนำให้ใช้ครีมวิตามินซีทาทั่วใบหน้าก่อนนอน หรืออาจก่อนออกจากบ้าน
2.หลีกเลี่ยงแสงแดด
แสงแดด เป็นสาเหตุหลักของความหมองคล้ำ โดยเฉพาะแสดงแดดช่วง 10 โมงเช้า ถึงบ่าย 3 โมง เป็นแดดที่ทำให้ผิวเราคล้ำขึ้นอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดในช่วงเวลา ถ้าหากมีความจำเป็นต้องออกแดดแล้วล่ะก็ อย่าลืมทาครีมกันแดดก่อนออกแดดทุกครั้ง
3.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
เพราะการออกกำลังกายช่วยขับเหงื่อไคล และสิ่งสกปรกใต้ผิวรวมถึงสารพิษออกมา ซึ่งจะทำให้ผิวดูสว่างสดใสขึ้น ทำให้ผิวสดใสอยู่ตลอดเวลา
4.ทานอาหารที่มีประโยชน์
โดยเน้นทานผักและผลไม้ในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่งทุกมื้อ เพราะผักผลไม้ย่อยง่าย ช่วยในเรื่องของการขับถ่าย และยังมีแอนตี้ออกซิแดนซ์ที่ทำให้ผิวสวยกระชับอีกด้วย เมื่อร่างกายขับถ่ายปกติแล้ว หน้าตาผิวพรรณจะสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
5.ใช้น้ำนมทาบนผิวโดยตรง ซึ่งอาจใช้ใยบวบช่วยขัดผิวไปด้วยเบาๆ ผิวจะค่อยๆขาวขึ้น


6. เติมความชุ่มชื้นด้วย Essence
ผิวหน้าหมองคล้ำมักขาดความชุ่มชื้น และหยาบกร้าน เพราะวงจรการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวไม่ราบรื่น แนะนำให้ใช้ Essence เสริมควบคู่ไปกับ Moisturizer ทุกเช้า-ก่อนนอน
7.ดื่มน้ำให้มากๆ
 8.น้ำตาลขัดผิว
การใช้น้ำตาลขัดผิวเป็นวิธีที่ทำได้ง่ายๆ โดยใช้น้ำตาลประมาณ 2 ช้อนโต๊ะผสมลงในน้ำมันมะกอก เสร็จแล้วนำมานวดและขัดให้ทั่วใบหน้าและตัว ขัดอยู่อย่างนั้นจนกว่าน้ำตาลจะละลาย
9.พอกหน้าด้วยไข่ขาว
โดยแยกไข่ขาวออกจากไข่แดง แล้วนำไข่ขาวมาผสมกับน้ำมะนาว 1 ช้อนชา และน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์อีก 1 ช้อนชา พอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีก่อนล้างออก
10.ควรนั่งห่างจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ประมาณ 14-24 นิ้ว
พร้อมปรับค่าความสว่างหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เป็น 0 ก็จะสามารถช่วยลดแสงที่ทำให้ผิวคล้ำผิวเสียได้มากถึง 80%

การดูแลผิวหน้าไม่ให้กลายเป็นผิวหน้าหมองคล้ำ” เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับหนุ่มสาวยุคนี้ การดูเเลผิวหน้าเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อภาพลักษณ์ที่หล่อ สวย ดูดี หากใครที่กำลังประสบปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ ลองนำวิธีข้างต้นไปปฏิบัติจัดการกับผิวหน้าตัวเอง เพื่อผิวหน้าที่ไม่หมองคล้ำและสุขภาพดี แล้วคุณจะได้ บอกลา .. ผิวหน้าที่หมองคล้ำตลอดไป

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

หน้าลอกเป็นขุย ทำยังไงดี!

                 ผิวแห้งเป็นอาการปกติของผิวที่ต้องพบเจออากาศที่แห้งและเย็น โดยถ้าหากผิวที่แขนและขาแห้งอาจจะไม่ใช่เรื่องหน้าตกใจอะไร เพราะสาวๆยังสามารถใส่เสื้อและกางเกงปกปิดได้ แต่ถ้าหน้าแห้งแล้วสิ่งที่ต้องเกิดตามมาแน่ๆ คือคือ หน้าลอกเป็นขุย ซึ่งหาอุปกรณ์ปกปิดได้ยาก และถ้าจะให้ใส่หมวกกันน็อคหรือหมวกไอ้โม่ง ก็คงเป็นเรื่องที่สาวๆทำใจไม่ได้แน่ๆ โดยอาการหน้าลอกเป็นขุยนั้น ไม่ว่าจะหาแป้งรองพื้นดีสักขนานไหนก็ปกปิดรอยขุยได้ยากมากๆ เพราะตัวเนื้อแป้งมักจะไม่เกาะติดใบหน้าลอกเป็นขุย ดังนั้นคงต้องบอกลาวิธีนี้ได้เลย ดังนั้นหน้าลอกเป็นขุยจึงเป็นปัญหาอีกอย่างที่สาวๆต้องพบเจอในช่วงฤดูหนาวอย่างแน่นอน

แก้อาการหน้าลอกเป็นขุยด้วย Cleansing
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธีแก้ไขอาการหน้าลอกเป็นขุยเสียทีเดียว เพราะถ้าหากปล่อยไว้สาวๆคงไม่ต้องก้าวออกจากบ้านยามหน้าหนาวเลยทีเดียว โดยวิธีการแก้ไขอาการหน้าลอกเป็นขุยนั้นไม่ยาก เริ่มจากล้างหน้าด้วย Cleansing ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ โดยสามารถดูสรรพคุณของ Cleansing ว่ามีมอยส์เจอไรเซอร์หรือไม่? ได้ที่ขวด เพราะมอยส์เจอไรเซอร์นั้นมีส่วนทำให้ใบหน้าของสาวๆนั้นมีความชุ่มชื้น ไม่แห้งและเสียเหมือนการล้างหน้าด้วยเจลหรือครีมล้างหน้าทั่วไป ข้อควรระวังก็คือไม่ควรใช้ Cleansing ที่มีเม็ดบีทส์ขัดผิว เพราะเม็ดบีทส์เหล่านั้นจะยิ่งทำให้หน้าแห้งยิ่งขึ้น ซึ่งเกิดจากการขัดถู และยิงทำให้ผิวแตกยิ่งขึ้นในหน้าหนาว อันเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดหน้าลอกเป็นขุย

เมื่อล้างหน้าด้วย Cleansing แล้วก็ควรล้างออกด้วยน้ำเย็น สาเหตุที่ต้องล้างด้วยน้ำเย็นก็เป็นเพราะว่า น้ำเย็นนั้นจะช่วยให้ผิวรักษาความชุ่มชื้นบนในหน้าได้ดีว่า ซึ่งถ้าหากใช้น้ำอุ่นความอุ่นนั้นจะช่วยทำให้หน้าแห้งเร็ว จนอาจจะทำให้เกิดหน้าลอกเป็นขุยก็ได้ ดังนั้นควรล้างออกด้วยน้ำเย็นเพื่อให้ใบหน้าเก็บความชุ่มชื้นให้นานที่สุด และหลังจากที่ล้างหน้าแล้วอย่าลืมตบท้ายด้วยครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมมอยส์เจอไรเซอร์ ทำอย่างนี้ทั้งเช้าและเย็นจะช่วยรักษาอาการหน้าลอกเป็นขุยได้ดีทีเดียว
เมื่อพูดถึงฤดูหนาวในไทยแล้ว ทุกคนย่อมรู้ว่าแดดช่วงเช้าและกลางวันนั้นแรงมาก ถ้าหากไม่ทาครีมกันแดดไปมีหวังผิวได้คล้ำไหม้เป็นแน่ และแดดนี่เองก็จะเป็นตัวเร่งทำให้หน้าแห้งและแดดแรงๆนี่เองที่สามารถทำลายผิวหน้าสาวๆได้ โดยแนะนำว่าให้เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF ต่ำที่สุดคือ 30 เพื่อปกป้องใบหน้าที่สวยงามได้

  

ทาครีมไม่พอต้องเปลี่ยนวิธีกินด้วย
แม้ว่าการทาครีมจะช่วยแก้อาการหน้าลอกเป็นขุยได้ แต่เพื่อให้การป้องกันเกิดประสิทธิผลที่ดี ควรต้องอาศัยการกินที่ดีด้วยเช่นกัน หลายคนอาจจะกังวลว่า ต้องถึงขั้นควบคุมอาหารเลยหรือเปล่า? คำตอบคือไม่ถึงขั้นอดอาหารหรือ ปรับเปลี่ยนวิธีกาสรกินเสียทีเดียว โดยวิธีการกินนั้นก็คือการเลือกอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน A และ B โดยแนะนำว่าอาหารจำพวกธัญพืชนี่เป็นทางเลือกที่ดีมากๆ และถ้าหากไม่ผ่านการขัดสีจะยิ่งดีมากขึ้น และเมื่อพูดถึงความชุ่มชื้นแล้วก็ต้องนึกถึงน้ำ ดังนั้นการดื่มน้ำดื่มสะอาดไม่ตำกว่าวันละ 8 แก้วนั้นจะช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นและเปล่งปลั่ง ซึ่งเป็นการป้องกันอาการหน้าลอกเป็นขุยได้อย่างดี
และนี่ก็คือวิธีที่แสนง่ายในการป้องกันอาการหน้าลอกเป็นขุย โดยสามารเริ่มทำได้ง่ายๆ ซึ่งวิธีเหล่านี้ไม่จำเป็นจะต้องให้ถึงฤดูหนาวแล้วค่อยทำ แต่สามารถทำได้ทันทีหากพบว่าตัวเองมีอาการหน้าลอกเป็นขุย สุดท้ายนี้ก็ของให้สาวๆมีความสุขกับการรักษาสุขภาพผิว และมีสุขภาพร่างการแข็งแรงนะครับ!

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

รวมมิตรสูตรหน้าขาวใสด้วยมะเขือเทศ

คุณสาวๆที่รักความสวยงาม และชื่นชอบให้ใบหน้าของตัวเองขาวใสอยู่ตลอดเวลานั้น ย่อมต้องเคยได้ยินผ่านหูกันมาบ้างว่าเจ้ามะเขือเทศที่เรารู้จักกันดีนั้น มีสรรพคุณที่สามารถช่วยทำให้หน้าขาวใสขึ้น ซึ่งบทความชิ้นนี้ได้ทำการรวบรวมข้อมูลว่าเจ้ามะเขือเทศสามารถช่วยให้หน้าขาวใสขึ้นได้อย่างไร รวมไปถึงวิธีการต่างๆในการนำมะเขือเทศมาใช้เพื่อเสริมความงาม เพื่อให้คุณสาวๆได้มีใบหน้าที่ขาวใสสวย ปิ๊งได้อย่างๆง่ายๆด้วยตัวเอง

มะเขือเทศช่วยทำให้หน้าขาวใสขึ้นได้อย่างไร

ในมะเขือเทศจะมีส่วนประกอบของสาร Curotenoid และวิตามินอีกหลายชนิด เช่น วิตามินเอ ซึ่งช่วยในการสร้างสุขภาพผิวที่ดี และยังช่วยกำจัดน้ำมันส่วนเกินออกไป วิตามินซี วิตามินอี เป็นต้น น้ำจากผลมะเขือเทศสุกจะมีสาร Licopersioin ซึ่งมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย และอุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ รวมไปถึงกรด AHA ด้วยส่วนประกอบเหล่านี้ทำให้มะเขือเทศจึงมีสรรพคุณในการช่วยสมานผิว ลดรอยเหี่ยวย่น และจุดด่างดำให้น้อยลง อีกทั้งยังช่วยในการผลัดเซลล์ผิวที่คล้ำเสียเสื่อสภาพให้หลุดออก ทำให้ชั้นผิวใหม่ที่เกิดขึ้นมาดูกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น

การนำมะเขือเทศมาใช้ในการบำรุงใบหน้าให้ขาวใส

มะเขือเทศถูกนำมาประยุกต์ใช้เพื่อช่วยในการบำรุงรักษาความงามของผิวพรรณมาตั้งแต่อดีต ซึ่งคุณสาวๆสามารถที่จะเลือกนำวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองไปใช้ได้ ดังต่อไปนี้

       1.มะเขือเทศสดพอกหน้า โดยการนำมะเขือเทศสุกมาทำการฝานให้เป็นแผ่นบางๆ และแปะลงบนผิวหน้าในบริเวณที่ต้องการทำการพอกได้โดยตรง ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที สามารถทำได้เป็นประจำทุกสัปดาห์

2.ครีมมะเขือพอกหน้า โดยการนำมะเขือเทศไปปั่น หรือบดให้ละเอียด จากนั้นให้ทำการกรองเอาแต่น้ำ แล้วผสมเข้ากับส่วนประกอบอื่นๆที่มีสรรพคุณในการช่วยบำรุงผิวพรรณ เช่น ข้าวโอ๊ต รำข้าว เป็นต้น เมื่อทำการผสมจนเข้าเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ให้ทำการล้างหน้าให้สะอาด เช็ดให้แห้ง จากนั้นให้ทำการพอกครีมมะเขือเทศทิ้งเอาไว้ประมาณ 15-30 นาที แล้งจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด

       3.การถูใบหน้าด้วยมะเขือเทศสุก นำมะเขือเทศสุกมาฝานเป็นชิ้นหนาๆ ขนาดพอดีมือ จากนั่นนำชิ้นมะเขือเทศเหล่านั้นทำการถูให้ทั่วใบหน้า และลำคอเบาๆ โดยพยายามเน้นในบริเวณที่มีสิวเสี้ยน เช่น จมูก คาง เป็นต้น ทำการขัดถูใบหน้าประมาณ 5-10 นาที แล้วพักหน้าทิ้งเอาไว้ประมาณ 5 นาที จึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำเย็น

       4.ดื่มน้ำมะเขือเทศ การดื่มน้ำมะเขือเทศเป็นประจำทุกวันเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยทำให้ใบหน้าขาวใสขึ้นได้  แต่สำหรับคุณสาวๆที่พึ่งหัดทานน้ำมะเขือเทศใหม่ๆอาจจะยังทำใจรับกับรสชาติไม่ได้ จึงขอให้แนะนำว่าให้ลองผสมน้ำมะเขือเทศกับน้ำหวานเฮลบลูบอย หรือผสมกับยูนีฟสีเขียว 100 % จะช่วยทำให้มีรสชาติที่ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปัจจุบันก็มีน้ำมะเขือเทศสำเร็จรูปออกมาวางจำหน่ายอยู่เป็นจำนวนมาก จึงช่วยทุ่นเวลาในการเตรียมวัตถุดิบในการทำน้ำมะเขือเทศเพื่อดื่มเองของคุณสาวๆไปได้มากทีเดียว แต่สำหรับคุณสาวๆที่อยากทำน้ำมะเขือเทศดื่มด้วยตัวเองก็สามารถทำได้อย่างง่ายๆ เพียงแค่ล้างมะเขือเทศประมาณ 3-6 ผลให้สะอาด หั่นให้เป็นชิ้นพอประมาณ จากนั้นนำไปใส่เครื่องปั่นพร้อมกับเติมน้ำเชื่อม น้ำเปล่า เกลือ แล้วปั่นให้ละเอียด เพียงเท่านี้ก็จะสามารถได้น้ำมะเขือเทศที่พร้อมดื่ม และสำหรับในหน้าร้อนแบบนี้ ก็ยังสามารถประยุกต์เป็นน้ำมะเขือเทศปั่น โดยการเติมน้ำแข็งลงไปในระหว่างที่ทำการปั่นได้อีกด้วย

       5.การรับประทานมะเขือเทศสดๆ การรับประทานมะเขือเทศสดๆเป็นประจำทุกวัน วันละ 1-2 ผล นอกจากจะช่วยทำให้ใบหน้าขาวใสขึ้นแล้ว ยังช่วยในการลดความอ้วน และช่วยให้คุณสาวๆมีสุขภาพดีขึ้นอีกด้วย 

การรับประทานมะเขือเทศเป็นประจำทุกวันไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็จะช่วยทำให้คุณสาวๆมีสุขภาพผิวที่ดี มีใบหน้าขาวใสสีชมพูระเรื่อยแบบผิวของเด็ก นอกจากนี้การรับประทานมะเขือเทศก็ยังช่วยในการป้องกันโรคต่างๆ และช่วยให้มีสุขภาพที่ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

เคล็ดลับประยุกต์ใช้มะเขือเทศ ร่วมกับผลิตภัณฑ์เสริมความงามๆอื่นๆ เพื่อให้ผิวสดใส สวยมากยิ่งขึ้น
 ในยุคที่สิ่งแวดล้อมภายนอกเต็มไปด้วยมลภาวะและแสงแดด ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญได้อย่างในปัจจุบันนั้น ทำให้ผิวหน้าหน้าที่มีความบอบบาง ถูกทำร้ายและเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ทันรู้ตัว นอกจากนี้ ผิวที่ไม่แข็งแรงสมบูรณ์เนื่องจากขาดการปกป้องที่ดีนั้น ยังเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาของผิวอันไม่พึงประสงค์ต่างๆ อาทิเช่น  ริ้วรอย รอยเหี่ยวย่น  และรอยหมองคล้ำ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นศัตรูตัวฉกาจของความงามทั้งสิ้น
อย่าไรก็ตาม เราสามารถที่จะลดหรือป้องกันปัญหาเหล่านี้ให้น้อยลงได้ โดยการคืนความชุ่มชื้นให้กับชั้นผิวหนัง แต่หากใช้เพียงวิธีการดื่มน้ำเข้าไปในร่างกายตามปกติในชีวิตประจำวันนั้น ยังถือว่าไม่เพียงพอ เนื่องจากน้ำเหล่านั้นมักที่จะถูกนำไปใช้หล่อเลี้ยงอวัยวะส่วนอื่นๆภายในร่างกายจนหมด จนกระทั่งไม่เหลือมาถึงชั้นผิว ดังนั้นการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวโดยตรงจึงถือว่าสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของน้ำ ซึ่งมีคุณสมบัติในการคืนและคงความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อย่างยาวนานตลอดทั้งวัน ดังนั้นการใช้เพียงมะเขือเทศ ในการบำรุงรักษาผิวเพียงอย่างเดียวจึงถือว่าเป็นสิ่งที่ยังไม่เพียงพอ แต่ถ้าหากคุณสาวๆเข้าใจหลักการ และรู้จักการประยุกต์นำไปใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวดีๆสักชิ้นแล้วล่ะก็ ประสิทธิภาพในการบำรุงผิวหน้าก็ยิ่งมากขึ้น และให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างน่าตื่นตาตื่นใจเลยทีเดียว

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.