แอคโนติน แก้ปัญหา สิวอักเสบ ได้ผลเร็ว

         พอพูดถึงปัญหาสิวอักเสบ หลายคนที่กำลังตกอยู่ในวังวนของสิวคงรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ใบหน้าขึ้นมาทันที เพราะสิวประเภทเป็นกันมากโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ลักษณะจะเป็นสิวเม็ดใหญ่ บางคนเรียกว่า “สิวหัวช้าง” มักมีอาการเจ็บปวดร่วมด้วย เนื่องจากมีหนองสะสมอยู่ใต้ผิว เป็นตุ่มปูดบวมแดง บางคนอาจช้ำจนเป็นสีม่วง และที่น่าเจ็บใจคือสิวอักเสบ เมื่อหายแล้วมักจะทิ้งรอยดำรอยแดง หรือรอยแผลเป็นไว้ให้ สิวประเภทนี้จึงถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใครต่างยกให้เป็นปัญหาระดับชาติ

สิวอักเสบ…ปัญหาใหญ่ที่แก้ไม่ตก

         สิวอักเสบ (Inflammatory ance) คือการที่สิวอุดตัน (Comedone) ได้รับการติดเชื้อแบคทีเรีย แล้วเจ้าแบคทีเรียนี้เองเป็นตัวการปล่อยเอนไซม์ไปกระตุ้นให้เกิดอาการอักเสบ ทำให้ยกระดับเป็นสิวอักเสบ โดยแต่ละรายจะมีความรุนแรงแตกต่างกัน แล้วแต่จำนวนเชื้อและขนาดของสิวอุดตัน สิวอักเสบนี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง เพื่อลดการอักเสบที่อาจลุกลาม และการเกิดแผลเป็น
         ลักษณะสิวประเภทนี้ ที่่เรามองเห็นจะเป็นเม็ดตุ่มนูนๆ บวมแดง อาจเป็นเม็ดเล็กหรือใหญ่ก็ได้ บางครั้งเห็นเป็นหนองบริเวณหัวสิว หรือที่เรียกว่า “สิวหนอง” หากสิวอักเสบมีการติดเชื้อและอักเสบมากทำให้มีขนาดใหญ่เป็นสิวหัวช้าง ทั้งนี้ สิวอักเสบ เกิดขึ้นได้จาก 2 ปัจจัยใหญ่ๆ คือ
         1.เกิดขึ้นเองตามธรมชาติ เกิดจากสภาวะที่ร่างกายมีฮอร์โมนไม่สมดุล จึงทำให้เกิดสิวอักเสบขึ้น
         2.เกิดขึ้นจากสิ่งสกปรกและฝุ่นละออง เมื่อฝุ่นละอองและเชื้อแบคทีเรียเข้าไปอุดตันในบริเวณรูขุมขน จึงทำให้เกิดอาการอักเสบในที่สุด

‘แอคโนติน’ พระเอกตัวจริง พิชิตสิวอักเสบ

         หากไปรักษาสิวอักเสบที่โรงพยาบาลหรือคลินิค นอกจากคุณหมอจะแนะนำให้รักษาความสะอาดบนใบหน้า หลีกเลี่ยงมลภาวะอย่างฝุ่นควันแล้ว ก็มักจะจ่ายยารักษาสิวให้กลับไปรับประทานยา ยาที่ว่านี้ก็คือ “แอคโนติน” (Acnotin) คือยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ ชนิดรับประทาน ชื่อ Isotretinoin เป็นหนึ่งในยาที่ผู้ป่วยสิวนิยมซื้อรับประทานเอง อย่างไรก็ดี ยาชนิดนี้แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพในการรักษาสิวที่ดี แต่หากใช้ยาอย่างไม่ถูกต้องก็ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้

การใช้ แอคโนติน ที่ถูกต้อง
         เนื่องจากยาแอคโนตินจะเข้าไปลดการทำงาน ของต่อมไขมัน ลดปริมาณเชื้อแบคทีเรียก่อสิว Propionibacterium acnes และยับยั้งการสร้างหัวสิว (comedone) จึงทำให้สามารถจัดการสิวอักเสบได้อย่างอยู่หมัด แต่วิธีรับประทานยาที่ถูกต้องคือ ขนาดยา เริ่มต้น 0.5–1 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน รับประทานยาต่อเนื่องกันจนได้ขนาดยารวมทั้งหมด 120 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม จากนั้นสามารถหยุดรับประทานยาได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องค่อยๆ ปรับลดขนาดยาลงก่อน เนื่องจากในช่วง 1 เดือนแรก อาการสิวมักแย่ลง แพทย์จึงจำเป็นต้องให้ยาลดการอักเสบนำก่อนประมาณ 2-4 สัปดาห์

         อย่างไรก็ดี แอคโนตินอาจมีผลข้างเคียงต่อผู้ป่วย อย่างที่มีคนออกมารีวิวการใช้ยาในโลกสังคมออนไลน์ แต่อาการข้างเคียงมักเป็นช่วงแรกๆที่ใช้ ที่พบได้บ่อยคือผิวแห้งลอก ปากแห้ง ตาแห้ง ผิวไวต่อแดด ที่พบได้แต่ไม่บ่อย เช่น ผมร่วง เล็บเปราะหักง่าย เล็บอักเสบ ปวดศีรษะ

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

รอยแผลเป็น รักษาให้หายได้ ด้วยครีมรักษา รอยแผลเป็น

         ปัญหาเรื่องผิวพรรณนั้นมีมากมาย ที่พบเจอกันมากก็อย่างเช่น ปัญหาสิว ผดผื่นคัน ริ้วรอยแห่งวัย รอยแตกลาย เป็นต้น และอีกหนึ่งปัญหาที่มักเจอบ่อยไม่แพ้กันก็คือ “รอยแผลเป็น” เนื่องจากมันเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งรอยแผลเป็นจากสิว อีสุกอีใส อุบัติเหตุต่างๆที่ทำให้เป็นแผล หรืออาจเกิดจากการที่เคยเย็บแผลมาก่อน ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้เกิดรอยแผลเป็นบนผิวหนังได้ทั้งสิ้น แล้วเมื่อเกิดปัญหาผิวนี้เราจะสามารถรักษาให้หายได้หรือไม่ อย่างไร รวมถึงรอยแผลเป็นมีกี่ประเภท วันนี้เรามาหาคำตอบกัน

ประเภทของรอยแผลเป็น และการรักษา
        1.รอยดำ บางคนจะเหมารวมว่ารอยดำที่เกิดขึ้นหลังสิวหายหรือแผลหาย แล้วทิ้งรอยดำๆเอาไว้ว่าเป็นรอยแผลเป็น จริงๆแล้วมันเป็นแค่รอยดำ ที่เกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสีทำงานมากเกินไป เนื้อเยื่อผิวหนังไม่ได้เสียหาย จึงไม่ใช่รอยแผลเป็นที่รุนแรง รอยดำพวกนี้ส่วนใหญ่ถ้าไม่รักษา มักจะจางหายไปได้เองภายในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน และสามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาทา ทำทรีทเมนต์ผลักตัวยาลดเม็ดสี และใช้เลเซอร์กลุ่ม Q switched ND YAG (RM Laser) รวมทั้งการทารีมกันแดดสม่ำเสมอก็จะทำให้รอยดำจางเร็วขึ้น
        2.รอยแผลเป็นแท้ๆ เกิดจากการบาดเจ็บที่รุนแรงในชั้นหนังแท้ ทำให้คอลลาเจนเสียหาย เมื่อร่างกายซ่อมแซม ก็จะเกิดรอยแผลเป็น ซึ่งบางคนอาจต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิต แบ่งเป็น

        2.1 แผลเป็นปกติ เมื่อแผลหายจะยังคงเห็นเป็นรอย ซึ่งอาจจะมีสีซีด หรือเข้มกว่าผิวหนังปกติรอบๆรอยก็ได้
        2.2 แผลเป็นนูน เกิดจากร่างกายสร้างเนื้อเยื่อออกมาซ่อมแซมบาดแผลมากเกินไป โดยจะทั้งรอยแผลเป็นแบบ Hypertrophic scar หรือเนื้อเยื่อที่ถูกสร้างขึ้นมานูนใหญ่กว่าปกติ แต่ไม่ขยายออกนอกรอยแผลเดิม และรอยแผลเป็นแบบ Keloid ที่นอกจากจะนูนใหญ่มากกว่าปกติแล้วยังขยายลุกลามออกจากรอยแผลเดิมด้วย และอาจเกิดการดึงรั้ง ส่วนใหญ่มักจะเกิดบริเวณใบหู คาง หน้าอก หัวไหล่ มักจะเกิดในผู้ที่ประวัติครอบครัวมีภาวะนี้
        การรักษารอยแผลเป็นดังกล่าวนี้ อาจใช้วิธีการฉีดยาเพื่อรักษาคีลอยด์ หรือการใช้นวัตกรรมอื่นๆที่สามารถเข้ารับการรักษาได้ตามคลินิคผิวหนัง หลังจากรักษาแล้วจะทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น แต่บางรายก็อาจช่วยได้ไม่มาก ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความรุนแรงของรอยแผลเป็น
        3.รอยแผลเป็นหลุม หรือรอยแผลเป็น depressed เกิดจากการที่เนื้อเยื่อผิวหนังถูกทำลายเสียหาย และไม่เกิดการซ่อมแซมที่เพียงพอ หรืออาจเกิดพังผืดในชั้นผิวดึงรั้งใหเกิดการยุบตัวลงมา ทำให้สุดท้ายเกิดเป็นรอยแผลเป็นหลุมขึ้น ส่วนใหญ่มักเกิดที่ใบหน้า ที่พบมากสุดเลยก็คือรอยแผลจากสิวนั่นเอง
        การรักษารอยแผลเป็นหลุมนิยมใช้ laser ยิงกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ โดยทำให้เกิดความร้อนที่ใต้ชั้นผิวหนังชั้นลึก เรียกว่า Photothermolysis ส่งผลให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวหนังเรียบเนียนกระชับมากขึ้น แผลเป็นและหลุมสิวตื้นขึ้น ริ้วรอยและจุดด่างดำแลดูจางลง ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับเครื่องไม้เครื่องมือของแต่ละที่ด้วย บางครั้งอาจทำให้เกิดแผลตกสะเก็ดได้

        รอยแผลเป็น เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อยากเจอ ดังนั้น ควรดูแลเอาใจใส่ผิวอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิวโดยเฉพาะผักผลไม้ เพราะสารอาหารจะช่วยฟื้นบำรุงผิวให้สุขภาพดีอยู่เสมอ เมื่อเป็นสิวหรือเป็นแผลก็จะทำให้รอยดำรอยแดงหายไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้น ยังควรทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ให้ผิวสดใส อ่อนกว่าวัยอย่างที่ทุกคนต้องการ
        ทั้งนี้ หากเกิดรอยแผลที่รุนแรง เมื่อแผลเริ่มหายใหม่ๆ ควรทำการนวดหรือการกดบริเวณนั้นเบาๆ โดยการนวดอย่างสม่ำเสมอในระยะประมาณ 3-6 เดือนแรก จะช่วยให้รอยแผลเป็นลดการขยายตัวและนูนได้ แต่ในกรณีที่เป็นแผลขนาดใหญ่ เช่น แผลเป็นที่เกิดจากไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก อาจจำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องมือพิเศษตามที่แพทย์แนะนำ

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

พิชิตรอยแผลเป็นดำ บนใบหน้าอย่างไรให้ได้ผล

         ผิวหน้า เป็นบริเวณที่บอบบาง ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการดูแล เอาใจใส่มากเป็นพิเศษ แต่ถึงจะพยายามป้องกัน ดูแลรักษาผิวหน้ามากสักเพียงใด หลายๆครั้งอุบัติเหตุ หรือเหล่าเรื่องไม่คาดฝันก็ยังพร้อมที่จะทำลายสุขภาพของผิวหน้าให้เสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว มิหนำซ้ำในหลายๆครั้ง ปัญหาเหล่านี้ก็ยังลุกลามไปจนถึงขั้นทิ้งปัญหาผิวขั้นรุนแรง อย่างรอยแผลเป็นดำที่โดดเด่นสะดุดตา เอาไว้บนใบหน้าอีกต่างหาก สำหรับในวันนี้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือคุณสาวๆ ที่กำลังประสบปัญหารอยแผลเป็นดำบนใบหน้า และกำลังมองหาวิธีการบรรเทา รักษาอย่างได้ผลอยู่นั้น บทความชิ้นนี้ก็พร้อมที่จะมีทางออกที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองอย่างง่ายๆที่บ้านมาฝากกัน

วิธีการรักษา กำจัดรอยแผลเป็นดำบนใบหน้าอย่างง่ายๆ ด้วยตัวเองที่บ้าน
 โดยปกติแล้วรอยแผลเป็นดำ มักจะเกิดขึ้นหลังจากการเกิดสิว หรือการถูกรบกวนผิวหน้าด้วยอาการระคายเคืองต่างๆ อาทิเช่น สารเคมี อาการผื่นคัน เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว หลังจากที่อาการเหล่านี้ถูกรักษาจนหาน ก็มักที่จะหลงเหลือรอยแผลเป็นดำทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้าอยู่เสมอ แต่โดยพิ้นฐานแล้ว รอยแผลเป็นดำเหล่านั้น จะค่อนๆจางเลือนหายไปเมื่อเวลาผ่านไป แต่ถ้าหากคุณสาวๆต้องการที่จะเร่งกระบวนการรักษารอยแผลเป็นดำให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้นด้วยตัวเอง ก็สามารถที่จะทำได้ด้วยตัวเอง ตามคำแนะนำง่ายๆ ดังต่อไปนี้
 1.ทาครีมกันแดดอย่างน้อยทุกๆ 4 ชั่วโมง ด้วยครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30+++ เป็นอย่างน้อย เพื่อปกป้องผิวที่เป็นรอยแผลเป็นดำ ไม่ให้ถูกเผาไหม้มากขึ้นกว่าเดิมในตอนกลางวัน
2.ทำการพอกหน้า เป็นเวลา 10 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ติดต่อกันเป็นเวลาสามสัปดาห์ เพื่อช่วยให้สุขภาพผิวของคุณได้รับการกระตุ้นฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
 3.น้ำมะนาว สำหรับคนที่ไม่มีอาการแพ้กรดมะนาว สามารถที่จะใช้สำลีชชุบน้ำมะนาวสดๆ ไปทำการทาลงบนรอยแผลเป็นดำ ทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง จากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด สามารถทำซ้ำเป็นประจำทุกวัน จนกว่ารอยแผลเป็นดำจะมีอาการที่ดีขึ้น

         4.เต้าหู้ หลานคนอาจจะไม่เคยทราบมาก่อนว่า ของเหลวในลักษณะของครีม ที่มักถูกทิ้งเอาไว้หลังจากที่นมเปลี่ยนไปเป็นเต้าหู้นั้น มีคุณสมบัติในการช่วยฟื้นฟูผิวได้เป็นอย่างดี และยังช่วยทำให้ผิวเย็นตัวลงอย่างรวดเร็วอีกด้วย
 5.ว่านหางจระเข้ เจลภายในว่านหางจระเข้ มีคุณสมบัติในการช่วยฟื้นฟูผิวที่ได้รับผลกระทบจากรอยแผลเป็นดำอย่างมีประสิทธิภาพมาก เพียงแค่ใช้เจลวุ้นทำการทาพอกลงไปที่บริเวณรอยแผลเป็นดำ ทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที แล้วจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด ผิวหนังในบริเวณนั้นนอกจากรอยแผลเป็นดำจะหายไปแล้ว ก็ยังจะมีความนุ่มเนียนน่าสมัผัสมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
 การดูแลรอยแผลเป็นดำ ด้วยวิธีการง่ายๆที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้านนี้ เป็นกรรมวิธีการรักษาแบบธรรมชาติบำบัด ที่จำเป็นจะต้องใช้เวลาในการค่อยๆฟื้นฟูสุขภาพผิวให้กลับมาแลดูมีสุขภาพดีเช่นเดิม แต่อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วยวิธีที่ได้แนะนำไปเหล่านี้ ไร้ผลข้างเคียง ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับคุณสาวๆที่มีผิวหน้าบอบบาง 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

วิธีจัดการรอยแผลเป็นจากสิว แบบธรรมชาติ

         สิวอักเสบ นอกจากจะสร้างความเจ็บปวดกับอาการอักเสบของมันเลย เวลามันหายไปก็มักทิ้งร่องรอยแผลเป็น รอยดำ รอยแดงไว้ให้เราเจ็บใจ ซึ่งรอยดังกล่าวจะบดบังใบหน้าหล่อสวยของเราจนหมดสิ้น เพราะรอยแผลเป็นจากสิวนั้นจะทำให้ใบหน้าของเราหมองคล้ำไปโดยพลัน ทั้งนี้ทั้งนั้น สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดรอยแผลเป็นจากสิวก็คือการมีนิสัยชอบแคะแกะเกา และบีบสิวบนใบหน้า ทำให้รอยยิ่งช้ำรุนแรงมากขึ้น
         เพื่อจัดการปัญหารอยแผลเป็นจากสิวให้หมดไป วันนี้เรามีวิธีแบบธรรมชาติมานำเสนอ โดยเป็นวิธีจัดการรอยแผลเป็นจากสิวที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าได้ผลจริง แต่จะเห็นผลช้าเร็วก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและรุนแรงของรอยแผลเป็นของแต่ละคน

ลักษณะของรอยแผลเป็นจากสิว

         1.รอยแดงอักเสบแดงช้ำเป็นจ้ำ รอยสิวชนิดนี้มีลักษณะเป็นรอยแดงจากการอักเสบอยู่ เกิดจากการอักเสบซ้ำซ้อนของสิว เมื่อสิวยุบร่างกายจะมีกลไกการซ่อมแซมผิวหนังที่อักเสบด้วยตัวเอง แต่ยังไม่หายสนิทจึงทำให้เกิดเป็นรอยแดงช้ำเป็นจ้ำ
         2.รอยสิวสีดำหรือสีน้ำตาล รอยสิวนี้เกิดขึ้นเมื่อกระบวนการสมานเนื้อเยื่อและการสร้างเซลล์เม็ดสีผิวไม่สมบูรณ์ ทำให้ผิวบริเวณนั้นเกิดเป็นสีดำหรือสีน้ำตาลถึงแม้ว่าสิวจะหายสนิทแล้วก็ตาม ทั้งนี้ รอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวแบบนี้จะค่อยๆหายไปเอง แต่ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง
         3.รอยแผลเป็นชนิดบุ๋มเป็นหลุม รอยแผลชนิดนี้เกิดขึ้นจากเนื้อเยื่อบนชั้นผิวถูกทำลายและไม่สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้ ส่วนใหญ่มักเกิดจากการบีบสิวทำให้ติดเชื้อแบคทีเรีย โดยจะพบบริเวณใบหน้าและรอบแก้ม

จัดการรอยแผลเป็นสิวด้วยสูตรธรรมชาติ
         1.หอมแดง จะมีสารที่ให้คุณสมบัติสามารถยับยั้งแบคทีเรียบนผิวหนังได้ สูตรนี้เพียงแค่นำหอมแดงมาปอกเปลือกให้เกลี้ยงและล้างให้สะอาด จากนั้นนำมาฝานเป็นแผ่นบางๆหรือจะสับให้ละเอียดก็ได้ แล้วนำมาโปะไว้บนจุดที่เป็นสิวหรือมีรอยด่างดำ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ควรทำทุกวัน จะเห็นผลภายใน 3-4 วัน โดยหัวสิวค่อยๆยุบตัวลง ส่วนรอยด่างดำก็จะดูจางลงอย่างเห็นผลได้ชัด
         2.มะละกอ นอกจากจะช่วยให้ผิวทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลแล้ว ยังช่วยลดรอยแผลเป็น หรือรอยดำจากสิวได้อีกด้วย เพราะในเนื้อมะละกอมีเอ็นไซม์ที่ทำเนื้อเยื่อที่ตายแล้วหลุดลอกได้ง่าย ช่วยให้ผิวผลัดเซลล์ได้เร็วขึ้น วิธีการคือปอกมะละกอสุกแล้วล้างยางออกให้หมดแล้วบดให้ละเอียด พอกทิ้งไว้บนผิวหน้า 10-15 นาทีจึงล้างออก เพียงแค่ครั้งแรกจะรู้สึกได้ถึงความเนียนนุ่มชุ่มชื่นของผิว หากใช้เป็นประจำจะช่วยรอยสิวจางลงจนหายเป็นปกติ

         3.ใบบัวบก เป็นที่รู้จักกันดีว่าการรับประทานใบบัวบกช่วยรักษาอาการฟกช้ำได้ดี และยังสามารถใช้ลดรอยดำ รอยแผลเป็นจากสิวได้ เนื่องจากในใบบัวบกมีสารไกลโคไซด์ (Glucosides) ซึ่งจะช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระ และสร้างคอลลาเจนให้กับผิวหน้าของเรา ลอยดำก็จะลดลงจางลง และยังทำให้ผิวหน้าโดยรวมดูดีขึ้นอีกด้วย สูตรนี้ให้นำใบบัวบกไปปั่นกับเครื่องปั่นหรือตำละเอียดในครก จากนั้นก็นำใบบัวบกที่ได้มาพอกหน้าได้เลย ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีจึงล้างออก
         4.มะนาว เป็นสมุนไพรที่หาได้ง่าย มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ (AHA, Alpha Hydroxy Acids) ช่วยในการลอกเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดร่วงออกไป นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว ทำให้เซลล์ผิวเกิดใหม่ได้อย่างรวดเร็ว วิธีที่นิยมใช้กันคือหยดน้ำมะนาวสัก 1-2 หยดมาแต้มสิวทิ้งไว้ 10-15 นาทีแล้วล้างออก แต่สำหรับคนที่ผิวหน้าไม่เหมาะกับมะนาวหรือคิดว่ามะนาวแรงเกินไป ก็ให้ใช้น้ำมะนาวผสมกับโฟมล้างหน้าได้เช่นกัน
         นอกจากนี้ การทาครีมบำรุงผิวหน้าทุกครั้งหลังจากการอาบน้ำก็จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูสภาพผิวที่มีรอยดำรอยแดง และรอยแผลเป็นจากสิวให้กลับมาดูดีขึ้น ทั้งนี้ ต้องระวังอย่าใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสารปรอท เพราะเป็นสารที่ทำร้ายผิวหน้าแสนบอบบางของเรา เห็นไหมว่าวิธีรักษารอยแผลเป็นจากสิวไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น ถ้าไม่อยากเกิดปัญหาผิวเช่นนี้ พยายามหลีกเลี่ยงการบีบสิว รวมถึงอย่าใช้แคะแกะเกาเป็นอันขาด เพราะจะยิ่งทำให้รอยแผลเป็นรุนแรงมากขึ้น

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ไปดูกันว่า ครีมรักษาสิวที่ได้รับความนิยมระดับโลกมีอะไรบ้าง

         ใครๆก็ไม่อยากมีปัญหาเรื่องสิว แต่เมื่อเกิดขึ้นมาบนใบหน้าแล้วทุกคนก็คงอยากที่จะหาวิธีกำจัดมันออกไปจากใบหน้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ วิธีการรักษาสิวเองก็มีมากมายหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นทั้งการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ การใช้ยา หรืออีกวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ การใช้ครีมรักษาสิวนั่นเอง ซึ่งบทความในวันนี้จะขอพาทุกท่านที่กำลังกังวลใจกับปัญหาสิว ไปรู้จักกับครีมรักษาสิว ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก ว่าสามารถช่วยขจัดปัญหาสิวได้อย่างรวดเร็วทันใจ ส่วนครีมรักษาสิวเหล่านั้นจะมีอะไรกันบ้างนั้น ไปติดตามอ่านพร้อมๆกันเลย

ครีมรักษาสิวระดับมาตราฐานโลกมีอะไรบ้าง?
 สำหรับครีมรักษาสิว ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ชนิด โดยมีลักษณะและวิธีการใช้อย่างเหมาะสมที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งคุณควรที่จะศึกษาเพื่อให้สามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และผลข้างเคียงต่อผิวของตัวเองให้น้อยที่สุด ครีมรักษาสิว ระดับมาตรฐานโลก ที่ได้รับความนิยม ณ ปัจจุบัน ได้แก่
         1.Benzoyl เปอร์ออกไซด์ เป็นครีมรักษาสิวแบบเฉพาะจุด ที่สามารถพบได้บ่อย เนื่องจากมีคุณสมบัติในการช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ช่วยลดอาการอัดเสบ และช่วยทำความสะอาดรูขุมขนที่ถูกบล็อกไม่ให้เกิดการอุดตัน ดังนั้นจึงเหมาะเป็นอย่างมากในการรักษาสิวอักเสบ สิวหัวดำ ได้อย่างชัดเจน คุณสามารถหาซื้อครีมรักษาสิวชิ้นนี้ได้จากร้านขายยาทั่วไป โดยไม่จำเป็นที่จะต้องมีใบสั่งจากแพทย์ ภายใต้ชื่อทางของผลิตภัณฑ์ แต่สิ่งที่แตกต่างกันของแต่ละยี่ห้อนั้น เพียงแค่ขึ้นอยู่กับปริมาณตัวยาที่ผสมอยู่ ซึ่งมักจะมีแบบ 2.5%, 4%, 5% และ 10%
 Benzoyl เปอร์ออกไซด์ จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดถ้าหากคุณล้างทำความสาดผิวก่อนเป็นเวลา 20-30 นาที สำหรับในบางคนหลังการใช้อาจจะก่อให้เกิดอาการระคายเคือง ดังนั้นจึงควรใช้ปริมาณส่วนผสมของตัวยาให้น้อยที่สุดในการใช้งานครั้งแรกอย่าง 2.5% ที่มีสรรพคุณในการรักษาสิวเหมือนกับ 10% เพียงแต่มีโอกกาสเกิดความระคายเคืองได้น้อยกว่า ถ้าหากคุณใช้ส่วนผสมตัวยาที่น้อยแล้วยังไม่ค่อยได้ผล จึงค่อยๆเพิ่มปริมาณตัวยาให้มากขึ้น และเริ่มจากการทาวันละครั้ง เพื่อทดสอบก่อนว่าผิวมีอาการแพ้หรือไม่ จากนั้นจึงค่อยๆทำการเพิ่มเป็นทาวันละ 2 ครั้ง
         2. Retioids ช่วยขจัดสิ่งสกปรกในรูขุมขนที่มักนำไปสู่ปัญหาการเกิดสิว มีผลในการลดการอักเสบ รักษาสิวหัวดำ สิวหัวขาว และลดอาการอักเสบอย่างอ่อนโยน  แต่อย่างไรก็ตามตัวยาตัวนี้อาจจะส่งผลข้างเคียงทำให้ผิวเกิดความไสต่อแสงแดดมากขึ้น ถูกแสงแดดเผา และความแห้งกร้านที่มากขึ้น ดังนั้นจึงจะเป็นการดีมากกว่าถ้าหากคุณจะทำการทาครีมรักษาสิวตัวนี้ในตอนลางคืน พร้อมกับล้างออกในตอนเช้า

         3.กรด Azelaic ช่วยในการทะลุทะลวงรูขุมขนที่ถูกบล็อก ทำให้มันเหมาะเป็นอย่างมากในการกำจัดสิวหัวขาว และสิวหัวดำ รวมถึงลดอาการอักเสบของสิวไม่ให้มากจนเกินไป แต่ผลที่ได้อาจจะไม่เทียบเท่ากับยาปฎิชีวนะ หรือ Benzoyl เปอร์ออกไซด์ แต่ข้อดีที่สุดของเจ้าตัวยานี้คือ มันส่งผลระคายเคืองต่อผิวน้อยกว่า Benzoyl เปอร์ออกไซด์
         4.ยาปฎิชีวนะเฉพาะ ดีอย่างมากในการช่วยลดเชื้อแบคทีเรีย และลดการอักเสบพวกมันจึงดีมากในการจัดการกับสิวหัวดำ สิวหัวขาว และสิวอักเสบ แต่ก็ส่งผลดีต่อรูขุมขนที่ถูกบล๊อกอุดตันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  ยาปฎิชีวะนะเฉพาะก่อให้เกิดอาการระคายเคืองได้น้อย และยังมีผลข้างเคียงที่น่อบกว่าการใช้ครีมรักษาสิวแบบอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตัวยาภายในครีมรักษาสิวแต่ละชนิดมีประสิทธิภาพที่ไม่เหมือนกัน ทำให้หลายๆครั้งจึงมักมีการรวมผสมผสานยารักษาสิวหลายชนิดเข้ามาใช้ร่วมกัน เพื่อทดแทนจุดด้อยระหว่างกัน ให้การรักษาสิวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

อยากทำเลเซอร์หลุมสิว ราคาต้องจ่ายเท่าไหร่ไปดูกัน

         ไม่ว่าใครก็คงไม่อยากที่จะให้เกิดรอยหลุมสิวขึ้นมาบนใหบหน้า หลังจากที่สิวได้ถูกรักษาหายไปแล้วอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อหลายๆคนเกิดปัญหาหลุมสิวที่ส่งผลต่อความงามขึ้นมาแล้ว ก็คงอยากที่จะรีบกำจัดหลุมสิวออกไปให้รวดเร็วมากที่สุด ซึ่งวิธีการรักษาหลุมสิวนั้นก็มีอยู่อย่างมากมายหลายวิธีให้เลือกสรรเลยทีเดียว ที่ดูเหมือนจะได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ การใช้เลเซอร์หลุมสิว ในการรักษาหลุมสิวนั่นเอง แต่สำหรับคนที่ไม่เคยเข้ารับการรักษาเลเซอร์หลุมสิว ก็คงจะมีคำถามภายในใจเหมือนๆกันว่า เลเซอร์หลุมสิว ราคาที่ต้องจ่ายนั้น มากน้อยเพียงใด ซึ่งหากใครกำลังมีคำถามดั่งกล่าวอยู่ในใจล่ะก็ สามารถติดตามอ่านบทความชิ้นนี้เพื่อคลายความสงสัยว่า การทำเลเซอร์หลุมสิว ราคา ต้องจ่ายมากน้อยเพียงใด ไปดูกันเลย

เลเซอร์หลุมสิว ราคาแพงไหม?
ด้วยความเชื่อพื้นฐานที่ว่า การรักษาแบบเลเซอร์หลุมสิว ราคาต้องแพงมากกว่าการรักษาหลุมสิวประเภทอื่นๆ ทำให้มีคนจำนวนมากต้องพลาดโอกาสรับการรักษาเลเซอร์หลุมสิว ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาหลุมสิวที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดอันหนึ่งไปอย่างน่าเสียดาย แต่สำหรับหลายๆคนก็คงจำเป็นที่จะต้องคิดเผื่อในเรื่องของค่าคอร์สในการรักษาเลเซอร์หลุมสิว ราคาให้อยู่ในระดับที่สามารถจ่ายได้ไหว ซึ่งในวันนี้จะขอพาไปดูว่าเหล่าสถาบัน และโรงพยาบาลเสริมความงามชื่อดัง เขามีค่าคอร์สในการรักษาเลเซอร์หลุมสิว ราคาล่าสุด เท่าไหร่กันบ้าง เพื่อเป็นข้อมูลช่วยประกอบการตัดสินใจให้กับผู้ที่กำลังสนใจการรักษาเลเซอร์หลุมสิวอยู่
1.ออเธนทิคคลินิกเวชกรรม คอร์ส Miracle Bright Laser ราคาค่าคอร์สเลเซอร์หลุมสิวแบบเบ็ดเสร็จไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 8 ครั้ง อยู่ที่ราคา 1,2000 บาท เป็นการใช้เลเซอร์ระบบลำแสง IPL หรือ ฟลูออเรสเซนต์ ที่มีความเข้มข้นสูงเข้ามาช่วยในการรักษาให้หลุมสิวมีความตื้นมากขึ้นกว่าเดิม
 2.พรเกษมคลินิก ราคาคอร์สในการรักษาหลุมสิวด้วยแสงเลเซอร์อยู่ที่ปรมาณ 10,500 บาท ต่อคอร์ส
 3.ราชเทวีคลินิก อัตราค่าบริการรักษาหลุมสิวด้วย SM Technique หรือการรักษาด้วยเลเซอณืต่างๆ เฉพาะส่วนเริ่มต้นที่ราคา 1,000 บาท ทั่วใบหน้าเริ่มต้นที่ 3,000 บาท ขึ้นอยู่กับปริมาณ หรือพื้นที่ของหลุมและจำนวนช่องของเลเซอร์ที่ยิง

         4.สถาบันโรคผิวหนัง อนุเสาว์รีชัย ราคาค่ารักษาเลเซอร์หลุมสิวแบบ Fraxel Laser แก้มข้างละ 3,000 บาท แก้ม+ขมับ ข้างละ 4,000 บาท หน้าผาก 4,000 บาท คาง+จมูก 3,000 บาท ทั่วหน้า 15,000 บาท
5.ราชพฤกษ์คลินิก คอร์ส Smooth Blink ใช้เลเซอร์ในการรักษาแผลเป็น หลุมสิว และรักษารูขุมขนกว้าง ทั่วหน้าครั้งละ 5,000 บาท คอร์ส 5 ครั้ง 20,000 บาท แก้มสองข้างครั้งละ 3,000 บาท
อย่างไรก็ตาม เลเซอร์หลุมสิวไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อคอร์สทั้งหมดก็ได้ (1 คอร์สประมาณ 8-10 ครั้ง) สำหรับบางคนที่ต้องการเพียงแค่ให้หลุมสิวตื้นขึ้น อาจจะใช้การจ่ายซื้อรายครั้ง ประมาณครั้งละ 1,500-2,000 บาท หลังจากนั้นเมื่อได้ผลลัพธ์ที่ตื้นขึ้นจนพอใจแล้ว ก็สามารถที่จะใช้วิธีการบำรุงผิวหน้าด้วยครีมบำรุง หรือวิธีการทางธรรมชาติอื่นๆ เข้ามาช่วยเติมเต็มผิวหน้าของคุณหให้กลับมาเรียบเนียน แข็งแรง สมบูรณ์เหมือนเดิมก็ได้เช่นกัน

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

การทำเลเซอร์รอยสิว ราคาแพง คุ้มหรือไม่ ได้ผลดีอย่างไร

         สิวเป็นปัญหาผิวบนใบหน้าที่เกิดขึ้นได้บ่อยมาก เนื่องจากสภาพอากาศแสนร้อนอบอ้าวในบ้านเรา ผนวกกับปัจจัยอื่นๆ เช่น ผิวหน้ามัน ภาวะฮอร์โมน ฝุ่นควัน สิ่งสกปรก เป็นต้น จึงทำให้เป็นสิวกันได้ง่าย ทั้งนี้ เมื่อเป็นสิวแล้วจำเป็นต้องดูแลรักษาอย่างจริงจัง เพราะขืนปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้สิวเห่อไปทั่วบริเวณใบหน้าจนต้องเผชิญกับปัญหาสิวขั้นรุนแรง หน้าเป็นหลุมเป็นบ่อ จนกลายเป็น “คนหน้าปลวก”
         ซึ่งหากเป็นสิวมากๆจนเกิดเป็นรอยดำรอยแดง กรณีนี้แค่ครีมรักษาสิวอย่างเดียวคงเอาไม่อยู่ การทำเลเซอร์รอยสิวจึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่คุณหมอแนะนำ แต่ในบางกรณีการทำเลเซอร์รอยสิวต้องควบคู่กับการรักษาด้วยครีมหรือรับประทานยารักษาสิว จึงจะทำให้รอยสิวจางลงจนหายไปในที่สุด กระนั้นก็ตาม หลายคนเกิดความกังวลระคนสงสัยว่าการทำเลเซอร์รอยสิว ราคาแสนแพงนั้น ผลลัพธ์ที่ได้จะออกมาแบบไหน คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปหรือไม่ วันนี้เรามาหาคำตอบกัน

 

รอยที่เกิดจากสิวมี 3 รูปแบบ
         ก่อนจะไปหาคำตอบว่าเลเซอร์รอยสิว ราคาแพง ทำแล้วได้ผลดีแค่ไหน เราควรทำความเข้าใจกับรอยดำรอยแดงที่เกิดจากสิวกันก่อนว่า มันมีอะไรบ้าง
         1.เป็นหลุมลงไป เป็นแบบที่พบเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากขบวนการอักเสบของสิวจะทำลายเนื้อเยื่อคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ทำให้เป็นรอยบุ๋ม
         2.เป็นเนื้อนูนขึ้นมา มักพบที่จมูก คาง และบริเวณขากรรไกร เนื่องจากขบวนการอักเสบของสิวจะทำลายเนื้อเยื่อในชั้นหนังแท้แต่มีการซ่อมแซมของผิวมากกว่าปกติทำให้เนื้อนูนขึ้น
         3.มีการเปลี่ยนแปลงของสี ซึ่งพบบ่อยมาก มักมีสีออกแดงคล้ำๆ อาจเรียกว่าเป็นรอยแดง เพราะไม่ได้เป็นสีดำล้วนแบบกระหรือฝ้า ซึ่งมีวิธีรักษาที่แตกต่างกัน

การรักษารอยสิวด้วยเลเซอร์ E-Lase
         นวัตกรรมเลเซอร์รอยสิวนี้เป็นที่รู้จักกันดี เพราะเป็นของพรเกษม คลินิค โดยหลังจากสิวยุบหายแล้วมักทิ้งร่องรอยแดงๆดำๆไว้ แม้ส่วนใหญ่รอยแดงจะหายได้เอง แต่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6-12 เดือน ในกรณีที่ต้องการรักษาเพื่อให้รอยแดงจากสิวหายเร็วขึ้น การทำเลเซอร์รอยสิว ที่มีความยาวคลื่นเฉพาะเจาะจงกับรอยแดงเป็นพิเศษคือ E-Lase ซึ่งเป็นเลเซอร์ที่ทันสมัยที่สามารถลดรอยแดงสิวได้ถึง 20-30% ต่อครั้ง ไม่มีเลือดออกและไม่เกิดบาดแผลหลังทำ
         หลังจากทำแล้วสามารถไปทำกิจวัตรต่างๆ เช่น เล่นกีฬา ว่ายน้ำ แต่งหน้า ออกงานได้ตามปกติ เวลาทำเลเซอร์ก็รู้สึกเพียงมีความเย็นกระทบผิวหน้าเล็กน้อย ไม่ต้องใช้ยาชา ใช้เวลาเพียง 1-2 นาที ขณะทำแล้วก็กลับไปทำงานต่างๆได้ตามปกติ ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ในการรักษานอกจากลดรอยแดงแล้ว E-Lase ยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ของผิวได้อีกด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็มีบางคนที่ใช้ E-Lase แล้วไม่เห็นผล ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหาผิวเป็นหลัก

 

การทำเลเซอร์รอยสิว IPL (Intense Pulse Light)
         เป็นการเลเซอร์ที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P.Acne ช่วงคลื่น 510, 560 ช่วยลดการอักเสบ ยับยั้งการทำงานของต่อมไขมัน ลดรอยแดง รอยดำต่างๆ โดยหลังจากทำเลเซอร์รอยสิวแบบ IPL ความมันของผิวหน้าจะลดลง รวมถึงอาการอักเสบ รอยดำรอยแดงจากสิวจะจางลง ภาพรวมหน้าจะสว่างสดใสขึ้น ทั้งยังมีข้อดีตรงที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้ด้วย อย่างไรก็ดี เลเซอร์รอยสิว ราคาแพงหรือถูกนั้นขึ้นอยู่กับเครื่องมือของแต่ละที่ รวมถึงสภาพผิวหน้าของคนไข้ด้วย
         สำหรับข้อเสียของ IPL คือมักไม่ได้ผลหากปรับค่าไม่ถูกต้อง เพราะการตั้งค่า IPL นั้นซับซ้อน ต้องอาศัยความเข้าใจในการตั้งค่า และอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น รอย burn ได้ ดังนั้น หมอที่ทำการรักษาควรมีความเชี่ยวชาญ
         นอกจากเลเซอร์ที่นิยมใช้รักษารอยสิวดังกล่าวแล้ว ยังมีเลเซอร์อื่นๆอีกที่ใช้กันตามคลินิค เช่น V-beam (595 nm) เป็นต้น ซึ่งการทำเลเซอร์รอยสิว ราคาจะแพงหรือถูกนั้นขึ้นอยู่กับเครื่องไม้เครื่องมือและความชำนาญของแพทย์ผู้รักษา ส่วนผลลัพธ์ที่ได้จะแตกต่างกันออกไป ใครที่เจอกับปัญหาสิวและรอยจากสิวเล่นงานหนักก็อาจจะได้ผลช้าหน่อย หรือต้องใช้วิธีอื่นๆร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นใช้ยารักษาสิว กรดวิตามินเอ ครีมไวเทนนิ่ง เป็นต้น ก็จะช่วยให้ผลลัพธ์ในการทำเลเซอร์รอยสิวออกมาดีมากขึ้น

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

รูขุมขนอักเสบ หน้ามัน เป็นสิวง่าย แก้ไขได้ด้วยสูตรโฮมเมด

         เมื่อพูดถึงอาการรูขุมขนอักเสบ หน้ามัน สิวขึ้นง่าย หลายคนคงถึงกับกุมขมับ เพราะปัญหาผิวนี้กำลังเกิดขึ้นบนใบหน้าของท่านอยู่ ที่สำคัญคือเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก ไม่ว่าจะลองใช้วิธีไหน รูขุมขนอักเสบ หน้ามันเยิ้ม และปัญหาสิวก็ยังมารังควานอยู่ร่ำไป กระนั้นก็ตาม ท่านผู้อ่านอย่าพึ่งย่อท้อ เพราะบทความนี้ได้นำอีกหนึ่งหนทางที่จะช่วยให้ท่านหลุดจากวังวนแห่งปัญหาสิว หน้ามัน รูขุมขนกว้าง โดยเป็นวิธีการแบบธรรมชาติ ใครๆก็ทำได้ แต่ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจก่อนว่า รูขุมขนอักเสบ คืออะไร


รูขุมขนอักเสบ คืออะไร

         รูขุมขนอักเสบ คือการอักเสบที่เกิดขึ้นกับรูขุมขน โดยเป็นได้ทั้งจากการติดเชื้อโรคหรือไม่มีการติดเชื้อโรคก็ได้ เพราะสามารถเกิดได้จากการระคายเคืองที่รูขุมขนจากการบาดเจ็บหรือจากการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งรูขุมขนอักเสบ ถือเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยทั้งหญิงชาย และส่วนมากหายได้เองโดยไม่ได้มาพบแพทย์
         การเกิดรูขุมขนอักเสบ เกิดได้ทั้งจากการระคายเคืองที่รูขุมขน เช่น การบาดเจ็บที่ผิวหนังจากเสียดสีกับเสื้อผ้า การเกา การโกน การถอน การอุดตันรูขุมขนจากสารเคอราติน (Keratin) ของผิว หรือจากการติดเชื้อโรค ทั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อไวรัส
         สำหรับอาการของรูขุมขนอักเสบที่ปรากฎคือ ผิวหนังมีลักษณะเป็นตุ่มแดง มักพบกระจายหลายตุ่ม อาจมีหนองตามบริเวณรูขุมขน และอาจมีอาการเจ็บ คันยุบยิบ สามารถเป็นได้ได้ทุกที่ที่มีรูขุมขน เช่น ใบหน้า หนังศีรษะ แผ่นอก แผ่นหลัง แขน ขา เป็นต้น

วิธีแก้รูขุมขนอักเสบ หน้ามัน เป็นสิวง่าย ด้วยสูตรโฮมเมด
         1.มะละกอฟื้นฟูสภาพผิว สารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิวที่มีอยู่ในผลไม้หาง่ายอย่างมะละกอ จะช่วยแก้ปัญหารูขุมขนอักเสบ หน้ามัน เป็นสิวง่ายได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนั้นยังช่วยให้ผิวทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล ลดรอยดำจากสิวได้อีกด้วย เพราะในเนื้อมะละกอมีเอ็นไซม์ที่ทำเนื้อเยื่อที่ตายแล้วหลุดลอกได้ง่าย ช่วยให้ผิวผลัดเซลล์ได้เร็วขึ้น วิธีการคือ ปอกมะละกอสุกแล้วล้างยางออกให้หมดแล้วบดให้ละเอียด พอกทิ้งไว้บนผิวหน้า 10-15 นาทีจึงล้างออก สูตรนี้จะทำให้รู้สึกได้ถึงความเนียนนุ่มชุ่มชื่นของผิวตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้

         2.มะเขือเทศกระชับรูขุมขน วิธีการทำก็คือ นำน้ำมะเขือเทศ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำมะนาว 2-4 หยด จากนั้นใช้สำลีชุบส่วนผสมดังกล่าวทาให้ทั่วบริเบณใบหน้า ยกเว้นรอบดวงตาและปาก ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น ในของมะเขือเทศมีสารชนิดหนึ่งซึ่งทำหน้าที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ อุดมประโยชน์ไปด้วยวิตตามินซี วิตตามินเอ ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพผิว ทั้งยังมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ใช้แก้ปัญหารูขุมขนอักเสบ หน้ามัน เป็นสิวง่ายอย่างได้ผล
         3.มะนาวและน้ำกุหลาบ ผลไม้ที่มีกรดอย่างมะนาว เป็นตัวช่วยอย่างดีในการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกมา พร้อมทั้งเผยเซลล์ใหม่ที่ดีขึ้น การนำน้ำกุหลาบมาผสมจะช่วยทำให้สูตรโฮมเมดนี้มีความอ่อนโยน และช่วยกระชุบรูขุมได้ดีขึ้น โดยวิธีการก็คือให้ผสมน้ำมะนาวกับน้ำกุหลาบ ทำให้เข้ากันแล้วทาบนใบหน้าคุณ รวมถึงบริเวณที่เกิดสิว โดยปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำอุ่น ทำเช่นนี้เป็นประจำ สิวบนใบหน้าจะค่อยๆจางหายไป
         4.แตงกวาผสมโยเกิร์ต แตงกวาเป็นผักที่ระบายความร้อนได้ดี และมีความอ่อนโยนต่อผิว นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการรักษาสิว ขจัดความมัน กระชับรูขุมที่ให้เล็กลง โอกาสที่จะเกิดรูขุมขนอักเสบ หน้ามัน เป็นสิวจึงมีน้อยลง โดยสูตรโฮมเมดนี้ให้นำแตงกวามาปั่นเป็นน้ำผสมกับโยเกิร์ต อาจเพิ่มผงขมิ้นลงไปเล็กน้อยก็ได้ เพราะขมิ้นมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อ จากนั้นพอกบริเวณที่เกิดสิวทิ้งไว้สัก 1 ชั่วโมง แล้วล้างออก ทำซ้ำวันละ 2-3 ครั้ง จะเห็นผลชัดขึ้น
         หากใช้สูตรโฮมเมดนี้เป็นประจำ รับรองว่าผิวหน้าที่เคยมันเยิ้ม ปัญหาสิวและรูขุมขนกว้าง ซึ่งนำมาสู่อาการรูขุมขนอักเสบบนหน้าใบหน้าจะหมดไป ได้ผิวที่เรียบเนียน สุขภาพดีคืนกลับมา แถมยังทำให้หน้าอ่อนเยาว์ขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย มีเคล็ดลับความงามอยู่ตรงหน้าแล้ว ก็อย่าลืมนำไปใช้กัน

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

มาจัดการสิว อักเสบ หน้าผากแดง ด้วยตัวเองกันเถอะ

         สารพันปัญหาผิวบนใบหน้าวันนี้เราจะมาพูดถึงเจ้าสิว อักเสบ หน้าผากแดง และมาดูวิธีเอาชนะมันด้วยตัวเอง ไม่ต้องหันไปพึ่งหมอให้เปลืองงบประมาณ ซึ่งสิวอักเสบ (Inflammatory ance) เกิดจากสิวอุดตัน (Comedone) ได้รับการติดเชื้อแบคทีเรีย แล้วเจ้าแบคทีเรียนี้เองเป็นตัวการปล่อยเอนไซม์ไปกระตุ้นให้เกิดอาการอักเสบ ทำให้สิว อักเสบ หน้าผากบวมแดงมากขึ้น บางครั้งอาจลุกลามไปยังบริเวณอื่นๆได้ โดยแต่ละรายจะมีความรุนแรงแตกต่างกันออกไป แล้วแต่จำนวนเชื้อและขนาดของสิว ทั้งนี้ จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง เพื่อลดการอักเสบที่รุนแรงและการเกิดรอยแผลเป็น
         ลักษณะของสิวอักเสบที่่เรามองเห็น จะเป็นเม็ดตุ่มนูนๆ บวมแดง อาจเป็นเม็ดเล็กหรือใหญ่ก็ได้ บางครั้งเห็นเป็นหนองบริเวณหัวสิว หรือที่เรียกว่า “สิวหนอง” หากสิวอักเสบมีการติดเชื้อและอักเสบมากจะทำให้มีขนาดใหญ่เป็นสิวหัวช้าง ซึ่งเจ้าสิว อักเสบ หน้าผากแดงช้ำ เป็นรอยสิวนี้ เกิดขึ้นได้จาก 2 ปัจจัยใหญๆ คือ


         1.เกิดขึ้นเองตามธรมชาติ โดยมักเกิดจากสภาวะที่ร่างกายเรามีฮอร์โมนไม่สมดุลหรือผิดปกติ จึงทำให้เกิดสิวอักเสบขึ้น
         2.เกิดขึ้นจากสิ่งสกปรกและฝุ่นละออง เมื่อฝุ่นละอองและเชื้อแบคทีเรียเข้าไปอุดตันในบริเวณรูขุมขน จึงทำให้เกิดอาการอักเสบ และเกิดเป็นสิว อักเสบ หน้าผากเป็นตุ่มสิวบวมแดงในที่สุด

วิธีจัดการสิวอักเสบ ด้วยตัวเอง
         เมื่อพบว่าใบหน้าของตนเริ่มมีสิวอักเสบผุดขึ้นมา ก็อย่าพึ่งตกอกตกใจ ตื่นตูมกันไป เพราะมันสามารถแก้ไขได้ เพื่อไม่ให้อาการอักเสบรุนแรง และลุกลามไปยังพื้นที่อื่นๆ โดยมีข้อควรปฏิบัติดังนี้
         1.ล้างหน้าให้สะอาด โดยหาโฟมล้างหน้าสูตรอ่อนๆมาใช้ หรือโฟมล้างหน้าที่มีส่วนสกัดจากสมุนไพรก็ได้ หรืออาจเลือกผลิตภัณฑ์ประเภทเวชสำอางค์เพื่อช่วยรักษาสิวไปด้วยในตัว
         2.ล้างหน้าเบาๆ ไม่ควรถูหน้าแรงๆ หรือใช้ผ้าขนหนูเช็ดที่หน้าแรงจนเกินไป เพราะจะยิ่งทำให้สิวอักเสบที่เป็นหนองอักเสบมากขึ้น จนกลายเป็นสิวหัวช้างได้ในที่สุด
         3.พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ที่สำคัญคือต้องดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อปรับสมดุลให้ร่างกาย
         4.ใช้กระดาษซับมันระหว่างวัน อย่าปล่อยให้หน้ามัน โดยใช้กระดาษซับมันแบบเบามือ อย่ากดโดนบริเวณสิวแรงเกินไป ทั้งนี้ ถ้าใครใช้กระดาษซับมันแล้วพบว่าสิวที่อักเสบขึ้นเรื่อยๆ ควรหันไปใช้วิธีล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าแทน
         5.ใช้เจลแต้มสิว โดยควรศึกษารายละเอียดของผลิตภัณฑ์ก่อนซื้อ หรืออาจจะลองอ่านรีวิวตามเว็บบอร์ดต่างๆในอินเตอร์เน็ตก่อนก็ได้
         6.ขยันเปลี่ยนผ้าปูที่นอน และซักผ้าเช็ดตัวเป็นประจำ เพราะเป็นรักษาความสะอาดที่ดี

 


สูตรมะเขือเทศรักษาสิวอักเสบ
         ในมะเขือเทศมีสารชนิดหนึ่งซึ่งทำหน้าที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนั้นมะเขือเทศยังอุดมประโยชน์ไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพผิว ทั้งยังมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ทำให้มะเขือเทศ รักษาสิวอักเสบได้อย่างเห็นผล สำหรับสูตรมะเขือเทศรักษาสิวที่เรานำมาแนะนำนี้ เป็นสูตรธรรมชาติที่ทำเองได้ง่ายๆ
         1.มะเขือเทศพอกหน้า นำมะเขือเทศ 1 ลูกมาบดให้ละเอียด แล้วใช้ในการพอกหน้าบริเวณที่มีสิวและไม่มีสิว หรือพอกไว้ให้ทั่วใบหน้า จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น เช็ดหน้าให้แห้ง ให้ทำต่อเนื่องกันประมาณ 1 สัปดาห์ จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องสิวได้
         2.มะเขือเทศกระชับรูขุมขน วิธีการทำก็คือ นำน้ำมะเขือเทศ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำมะนาว 2-4 หยด จากนั้นใช้สำลีชุบส่วนผสมดังกล่าวทาให้ทั่วบริเบณใบหน้า ยกเว้นรอบดวงตาและปาก ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น
         3.มะเขือเทศมาร์คหน้ากับโยเกิร์ต ให้หั่นมะเขือเทศออกเป็นครึ่งลูก และสับให้ละเอียด นำไปผสมกับโยเกิร์ต 2 ช้อนโต๊ะ จากนั้นนำมาทาให้ทั่วบริเวณใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 10-20 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น
         4.มะเขือเทศผสมแตงกวา มีขั้นตอนในการทำง่ายๆ เพียงแค่นำแตงกวา 1 ลูก มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆและสับให้ละเอียด ปั่นหรือคั้นเอาแต่น้ำแตงกวาแล้วกรองแยกใส่ชามเอาไว้ จากนั้นนำมะเขือเทศ 1 ลูกหั่นให้ละเอียด แล้วคั้นเอาแต่น้ำเช่นกัน นำน้ำแตงกวาและน้ำมะเขือเทศมาผสมให้เข้ากัน ใช้สำลีชุบทาให้ทั่วบริเวณผิวหน้า แล้วล้างออก เช็ดหน้าให้แห้งเป็นอันเสร็จ

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

10 เคล็ดลับลดรอยสิวเร่งด่วน คืนเดียวเห็นผล

         แน่นอนว่าไม่มีใครอยากที่จะให้มีสิวปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของตัวเอง แต่ด้วยการใช้ชีวิตอันเร่งรีบ ไม่ถูกสุขลักษณะ รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลพิษอันเลวร้าย ก็มักจะทำให้เจ้าสิวตัวร้ายหาช่องทางปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของคุณจนได้ แต่การจะสู้รบปรบมือกับเจ้าสิวเหล่านี้นั้น ก็จำเป็นที่จะต้องรู้จักกับลดรอยสิวเร่งด่วนอย่างได้ผลแบบยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น โดยเฉพาะในวันสำคัญๆ อย่างการแต่งงาน งานปริญญา หรืออื่นๆที่จะมาเยือนเพียงครั้งเดียวในชีวิต ซึ่งในวันนี้สำหรับใครที่กำลังมองหาลดรอยสิวเร่งด่วนแบบคืนเดียวเห็นผล สามารถปฎิบัติตามเคล็ดลับที่กำลังจะแนะนำดังต่อไปนี้ได้เลย

ลดรอยสิวเร่งด่วน หายวับในคืนเดียว
 สิวตัวร้ายเป็นสิ่งที่ชอบโผล่มาขัดขวางการถ่ายรูปใบหน้าที่เรียบเนียนของคุณในวันสำคัญๆอย่างเด่นชัด ที่แม้แต่การแต่งหน้าหนาๆก็ไม่อาจปกปิดซ่อนพวกมันเอาไว้ได้ แต่ถ้าหากคุณทราบลดรอยสิวเร่งด่วนด้วยตัวเองที่บ้านแล้วล่ะก็ สิวก็จะไม่เป็นปัญหากวนใจคุณอีกต่อไป แถมวัตถุดิบในการต่อสู้กับสิวเหล่านี้ก็สามารถหาได้ง่ายในบ้านของคุณจนน่าตกใจเลยทีเดียว
   1.เบรกกิ้งโซดา ผสมกับน้ำนำมาพอกในบริเวณที่เป็นสิวคล้ายกับหน้ากากก่อนเข้านอน จากนันจึงค่อยล้างออกในตอนเช้า
         2.ยาสีฟัน คุณสามารถพอกยาสีฟันไว้รอบๆบริเวณที่เป็นสิว ทิ้งเอาไว้ประมาณ 10 นาที หรือมากกว่านั้น หรือพอกทิ้งเอาไว้พันด้วยผ้าผันแผลทิ้งไว้หนึ่งคืน แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ซึ่งยาสีฟันพยายามหลีกเลี่ยงสูตรไวท์เทนนิ่งที่มีความซับซ้อน และมักมีปฎิกริยากับผิวที่มีความบอบบาง
 3.ครีมโกนหนวด เป็นวิธีลดรอยสิวเร่งด่วนที่น่าสนใจ ด้วยการทาครีมโกนหนวดลงไปบนสิวแล้วปล่อบให้แห้ง จากนั้นจึงค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด
   4.แป้งข้าวโพด ผสมเข้ากับน้ำให้ข้นแล้วนำมาพอกหน้า หรืออาจจะนำมาใช้ขัดผิวหน้าได้นิดๆหน่อยๆด้วย
 5.น้ำกระเทียม เพียงแค่น้ำกระเทียมแปะลงบนสิว และปล่อยให้แห้ง แต่คุณอาจจะต้องทนกลิ่นฉุนของกระเทียมให้ได้บ้าง
 6.เปลือกส้ม ทุบเปลือกส้มและผสมเข้ากับน้ำเล็กน้อยสามารถนำไปใช้ทาในบริเวณที่เป็นสิวได้เลยทันที
7.น้ำผึ้ง มีคุณสมบัติในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียโดยเฉพาะ การทาน้ำผึ้งที่หัวสิวให้เร็วที่สุดทันทีที่พวกมันปรากฏตัวแล้วไปเข้านอน เมื่อตื่นขึ้นมาคุณก็จะพบว่าพวกมันได้หายวับไปแล้ว แต่อย่าลืมเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวหลังจากที่คุณตื่นขึ้นมาแล้วด้วย

         8.มะนาว น้ำมะนาวสดแต้มทิ้งไว้ที่หัวสิว แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดในตอนเช้าจะช่วยลดขนาดและการอักเสบรุนแรงของสิวได้เป็นอย่างดี
 9.ข้าวโอ๊ต ต้มข้าวโอ๊ตให้ร้อนแล้วพักทิ้งเอาไว้ให้อุ่นพอที่จะสามารถนำไปใช้ได้ จากนั้นให้ให้นำข้าวโอ๊ตไปพอกในบริเวณที่เป็นสิว ทิ้งเอาไว้ประมาณ 15 นาที แล้วจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด อาการบวมและอักเสบของสิวจะหายไปอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง
10.แตงกวา คุณสามารลองใช้ลดรอยสิวเร่งด่วนด้วยการใช้แตงกวาขูดให้ทั่วใบหน้า และลำคอ ซึ่งเหมาะเป็นอย่างมากสำหรับการรักษาสิว รวมไปถึงเหล่าสิวหัวดำ กระบวนการนี้ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที แล้วจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด และอาจเพิ่มเติมส่วนประกอบอื่นๆเข้าไปเพื่อให้มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น อาทิเช่น น้ำมะนาว เป็นต้น

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.