อยากขาเรียว ทําไง มาดูวิธีออกกำลังกายให้ได้ขาเรียว

         การที่เรามีต้นขาใหญ่นั้นเกิดได้จากหลากหลายปัจจัย โดยสาเหตุหลักก็คือการรับประทานอาหารที่มีไขมันมากๆเกินกว่าความจำเป็นที่ร่างกายนำไปใช้ จึงทำให้เกิดไขมันสะสม โดยเจ้าไขมันมักไปกระจุกตัวตามบริเวณต่างๆ โดยเฉพาะสะโพก ต้นขา และน่อง จนบางคนถูกเพื่อนล้อว่า “นี่ขาหรือตอม่อ”
         กระนั้นก็ตาม ต่อให้เราออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่ยังรับประทานอาหารที่มีไขมันมากอยู่ ก็บอกได้เลยว่าเสียแรงเปล่า เพราะการเผาผลาญออกไปอาจทำได้ไม่ดีเท่าการรับเข้ามาในร่างกาย ดังนั้น ถ้าอยากได้ขาเรียว ทำไง วิธีออกกำลังกายดังต่อไปนี้จะช่วยคุณได้ แต่ควรควบคุมอาหาร รับประทานสิ่งที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสมด้วย

 

วิธีออกกำลังกายให้ได้ขาเรียว
         1.ปั่นจักรยานอากาศ ถือเป็นวิธีลดต้นขาอย่างได้ผลสำหรับคนที่สงสัยว่าขาเรียว ทำไง เพราะวิธีนี้ได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะในต่างประเทศ วิธีออกกำลังกายคือให้นอนราบปั่นจักรยานอากาศอย่างน้อย 100 ครั้ง เวลาปั่นต้องออกแรงขาอย่างรวดเร็วห้ามหยุดพักจนกว่าจะครบเซ็ต
         สำหรับการขี่จักรยานธรรมดาก็เป็นอีกวิธีที่ทำให้ได้ขาเรียวสวย โดยจะช่วยลดทั้งต้นขาและลดน่องได้ ทั้งนี้ การปั่นจะต้องพยายามเอาฝ่าเท้าลง อย่าใช้ปลายเท้า ที่สำคัญคือให้ผ่อนเกียร์จักรยานอ่อนๆให้ปั่นง่ายๆ และเน้นความถี่ในการปั่น เพราะหากปรับเกียร์ที่มีต้านทานมาก อาจได้น่องโตแทนขาเรียว
         2.กระโดดเชือก การกระโดดเชือกเป็นวิธีออกกำลังที่ทำให้ได้ขาเรียว และยังเป็นการเผาผลาญได้เกือบทุกสัดส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นต้นแขน สะโพก ต้นขา น่อง เป็นต้น โดยควรกระโดดเชือกวันละประมาณ 200 ครั้ง ทั้งนี้ วิธีกระโดดเชือกที่ถูกต้องคือให้ลงน้ำหนักที่ปลายเท้า ซึ่งการลงน้ำหนักปลายเท้าจะเป็นการใช้กล้ามเนื้อบริเวณน่องและช่วยลดต้นขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้การกระโดดเชือกยังช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วย เพราะในหนึ่งชั่วโมงที่คุณกระโดดเชือกสามารถเผาผลาญได้มากถึง 780 กิโลแคลอรี่
         3.ท่า Squats กระชับต้นขา เริ่มจากยืนกางขาออก แล้วยื่นมือไปด้านหน้า จากนั้นให้จินตนาการว่ากำลังจะนั่งลงบนเก้าอี้ โดยค่อยๆหย่อนสะโพกลงไป แต่ให้รักษาระดับของแผ่นหลังและคอให้ตั้งฉากกับพื้น แล้วย่อตัวลงจนทำมุม 90 องศา ค้างไว้สักครู่ จากนั้นค่อยๆยกตัวขึ้น พร้อมหายใจเข้า ทำประมาณ 15-20 ครั้งต่อ 1 เซต โดยทำ 2-3 เซตต่อเนื่องกัน สิ่งที่ต้องเน้นก็คือ ให้กางขาออก กว้างเท่ากับความกว้างของช่วงไหล่ตัวเอง ที่สำคัญ เมื่อย่อตัวแล้ว หัวเข่าต้องไม่ยื่นเกินไปจากปลายเท้า

         4.เดินขึ้นลงบันได ขาเรียว ทำไง การเดินขึ้นลงบันไดเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ได้ผล เนื่องจากเป็นวิธีเผาผลาญแคลลอรี่ กำจัดไขมันส่วนเกินที่กระจุกบริเวณต้นขาได้อย่างดีเยี่ยม โดยมีการเก็บข้อมูลว่าหากคุณเดินขึ้นบันไดในเวลาครึ่งชั่วโมง สามารถเผาผลาญพลังงานได้ประมาณ 500 กิโลแคลอรี่ ทั้งนี้ เพียงแค่ในหนึ่งวันเราใช้บันไดแทนการขึ้นลิฟต์ก็ถือเป็นวิธีลดต้นขาแบบง่ายๆที่หลายคนมักมองข้าม เมื่อรู้กันอย่างนี้แล้วก็ลดความสบายลงบ้าง เพื่อขาที่เรียวงาม
         5.วิ่งอย่างถูกวิธี ขาเรียว ทำไง หากคุณเลือกที่จะวิ่งเพื่อพิชิตขาเรียวสวย ก็ต้องวิ่งให้ถูกวิธี โดยให้วิ่งแบบยืดอก ตัวตรง ก้าวเท้าไปข้างหน้า และเอาส้นเท้าลงพื้นก่อนเหมือนกันเดินเพื่อป้องกันการรองรับน้ำหนักที่มากเกินไปของน่องขา ห้ามวิ่งด้วยการใช้ปลายเท้าลงเด็ดขาด และห้ามวิ่งเร็วแบบร้อยเมตรหรือแบบนักลมกรด และที่สำคัญไม่ควรวิ่งขึ้นที่สูงหรือถ้าใช้เครื่องวิ่งก็ไม่ควรปรับโหมดความชัน ให้วิ่งแบบพื้นเรียบๆ ซึ่งจะช่วยลดทั้งขนาดกล้ามเนื้อและไขมันส่วนเกินบริเวณน่องและทั่วร่างกาย ได้ขาเรียวกระชับดูดีดังใจปราถนา
         การออกกำลังกายให้ได้ขาเรียวไม่ว่าจะใช้วิธีไหน จำเป็นต้องอาศัยความอดทน และความต่อเนื่องในการปฏิบัติ ผลลัพธ์อาจจะไม่เร็วทันใจเหมือนการดูดไขมัน แต่รับรองว่าวิธีที่เรานำเสนอนี้จะทำให้ขาเรียวกระชับแบบธรรมชาติ ไม่ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณ ที่สำคัญไม่ต้องเจ็บตัว

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เลเซอร์สลายไขมัน ดีไหม? ราคาที่ต้องจ่ายเท่าไหร่?

         ปัญหาความอ้วนถือว่าเป็นหนึ่งในโรคภัยสมัยใหม่ที่ได้เข้ามารุกรานเบียดเบียนการใช้ชีวิตของชาวเมือง ในยุคที่เรียกได้ว่าอาหารการกินอุดมสมบูรณืถึงขีดสุด ณ ปัจจุบัน แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเกิดปัญหาความอ้วนขึ้นทั่วทั้งร่างกาย บางคนอาจจะมีไขมันสะสมเฉพาะส่วน หรืออ้วนเฉพาะส่วนอย่างบริเวณต้นแขน ต้นขา หรือหน้าท้อง เป็นต้น ซึ่งการแก้ไขกำจัดไขมันเฉพาะส่วนเหล่านี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมากเลยทีเดียว ซึ่งในปัจจุบัน หนึ่งนในวิธีการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ การใช้เลเซอร์สลายไขมัน แต่เลเซอร์สลายไขมัน ราคาที่ต้องจ่ายนั้นมีมากท่าไหร่ แล้วเลเซอร์สลายไขมัน จะให้ผลลัพธ์ที่ดีสมราคามากน้อยเพียงใดนั้น สามารถติดตามอ่านได้จากบทความชิ้นนี้กันเลย

เลเซอร์สลายไขมัน ดีต่อการกำจัดไขมันในร่างกายอย่างไร?
 เลเซอร์สลายไขมัน เป็นเทคโนโลยีที่มีคุณสมบัติช่วยกระชับผิวในบริเวณที่ทำการรักษาได้มากกว่า เมื่อเทียบกับการใช้วิธีดูดไขมันตามปกติ ส่งผลลัพธ์ให้เห็นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้เลเซอร์สลายไขมันใช้เวลาเพียงไม่นานในการทำการรักษา และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที โดยที่ไม่จำเป็นที่จะต้องทำการพักฟื้นแต่อย่างใด ทำให้เลเซอร์สลายไขมัน ราคาอาจจะสูงสักหน่อยในการทำต่อครั้ง แต่ก็ให้ผลลัพธ์ที่ถือว่ายอดเยี่ยมในการกำจัดไขมัน โดยไม่มีอาการยาดเจ็บข้างเคียงจากการรักษาเลยทีเดียว
บริเวณที่นิยมรักษาโดยใช้เลเซอร์สลายไขมัน
 1.ไขมันบริเวณคาง แก้ปัญหาคาง 2 ชั้น
2.บริเวณท้องแขนทั้ง 2 ข้าง
 3.บริเวณสะโพก ทั้ง 2 ข้าง
 4.บรเวณหน้าท้อง
 5.บริเวณขาด้านนอก ทั้ง 2 ข้าง
   6.บริเวณขาด้านใน ทั้ง 2 ข้าง
7.บริเวณน่อง ทั้ง 2 ข้าง
 8.บริเวณแก้ม ทั้ง 2 ข้าง และยังสามารถช่วยปรับเปลี่ยนรูปหน้าให้เป็น V-Shape ได้อีกด้วย

เลเซอร์สลายไขมัน ราคาที่ต้องจ่ายโดยรวมนั้น มากน้อยแค่ไหน?
 ถ้าหากทำการเปรียเทียบเลเซอร์สลายไขมัน ราคาอาจจะค่อนข้างสูงจนน่าตกใจเลยทีเดียว แต่มีข้อดีคือ สามารถเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการรักษาได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ สำหรับราคาในการใช้เลเซอร์สลายไขมันนั้น จะแพงมากน้อยเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับว่าทำการรักษาในบริเวณใด ซึ่งสถาบัน และโรงพยาบาลที่เปิดให้บริการเลเซอร์สลายไขเอง ก็มีราคาคอร์สที่แตกต่างกันออกไป ดังตัวอย่างอัตราค่าบริการที่ได้ทำการเก็บรวบรวมมาเป็นตัวอย่าง ดังต่อไปนี้
 1.ราชเทวีคลินิก มีการใช้เทคโนโลยี Laser Lipolysis เลเซอร์สลายไขมันเฉพาะส่วน ค่าใช้จ่ายในการสลายไขมันครั้งละ 30,000 – 40,000 บาท ขึ้นอยู่กับพื้นที่ และปริมาณที่ทำ
2.นิติพลคลินิก ครั้งละ 2,400 บาท ซึ่งจำเป็นจะต้องเข้ารับการบริการต่อเนื่องประมาณ 3-4 ครั้ง ขึ้นอยู่กับขนาด หรือซื้อเป็นคอร์ส SuperSlim รารา 19,200 บาท
 สำหรับเลเซอร์สลายไขมัน ราคาตามโรงพยาบาลใหญ่ๆทั่วไปจะอยู่ที่ปะมาณ 40,000 บาท ในการสลายไขมันหน้าท้อง และบริเวณอื่นๆ ประมาณ 30,000 บาท
 อย่างไรก็ตาม การสลายไขมันด้วยเลเซอร์สลายไขมันนั้น การรักษาของแต่ละคนจะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ จึงควรที่จะเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง เพื่อให้ผลลัพธ์ในการทำเลเซอร์สลายไขมันนั้นมีประสิทธิภาพที่ดี และเหมาะสมกับตัวคุณมากที่สุด

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

หุ่นดีทําไง รวมสุดยอดเคล็ดลับหุ่นดีแบบดารา

         สมัยนี้ใครๆก็อยากหุ่นดีแบบดารา เพราะมันคือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าคุณเป็นคนรักและเอาใจใส่สุขภาพ ที่สำคัญเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งในการใช้ดึงดูดเพศตรงข้ามได้อย่างอยู่หมัด แล้ววิธีการทำให้ตัวเองหุ่นดีทำไง คำตอบของคำถามนี้มีมากมายสารพัด ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอาหาร ใช้ยาลดความอ้วน เข้าคลินิคดูดไขมัน ออกกำลังกายเผาผลาญแคลอรี่ บริหารลดไขมันเฉพาะจุด ฯลฯ ซึ่งแต่ละวิธีก็ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป อยู่ที่ว่าคุณพอใจจะใช้วิธีการไหน

         อย่างไรก็ตาม หากพูดถึงคนรักสุขภาพโดยแท้ การลดความอ้วนให้ได้หุ่นดีแบบดารานั้น จะไม่ใช่การทรมานด้วยวิธีลดหุ่นที่เจ็บตัว หรือทำร้ายตัวเอง แต่ต้องเป็นวิธีที่ทำให้รูปร่างเพรียวดูดีแบบไม่เจ็บตัวพร้อมๆกับการดูแลสุขภาพ ดังนั้น หุ่นดีทำไง ตัวเลือกที่ว่าใช้ยาลดความอ้วน ดูดไขมัน จึงถูกตัดออก

เคล็ดลับลดหุ่นแบบดารา
         สำหรับคนที่รักสุขภาพ และอยากได้หุ่นดีแบบดารา วันนี้เราขอนำเสนอสุดยอดเคล็ดลับกระชับหุ่นให้ฟิตแอนด์เฟิร์ม โดยเป็นวิธีการแบบธรรมชาติ ได้ผลดีและไม่มีผลข้างเคียงใดๆ
         1.กินปลาลดหุ่น หุ่นดีทำไง วิธีนี้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่แสนง่ายและได้ผลลัพธ์ที่ดี โดยปลาเป็นแหล่งอาหารของโปรตีนที่ดีกว่าเนื้อสัตว์อื่นๆอย่างเนื้อไก่ เนื้อหมู และเนื้อวัว เนื่องจากปลามีโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นไขมันชนิดดีที่จำเป็นต่อร่างกาย ทั้งยังมีน้ำมันที่จะช่วยในการป้องกันโรค ได้แก่ โรคมะเร็ง โรคหัวใจ และลดไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ที่สำคัญการรับประทานปลาจะช่วยให้การลดน้ำหนักของเราสัมฤทธิ์ผลมากขึ้น เพราะมีไขมันไม่ดีที่ไปสะสมในร่างกายน้อยกว่าเนื้อสัตว์อื่นๆ โดยปลาที่แนะนำให้บริโภคคือ ปลาทูน่า ปลาแซลมอน และปลาซาร์ดีน จากการศึกษาพบว่าปลาเหล่านี้ช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี เนื่องด้วยจำนวนแคลอรี่ที่มีอยู่น้อยนั่นเอง

         ดังนั้น หากในชีวิตประจำวัน เราเปลี่ยนจากเนื้อสัตว์อื่นๆมาเป็นเมนูอาหารจานปลาแทน จะช่วยลดความอ้วนได้ ซึ่งเรายังได้ประโยชน์จากเนื้อปลาที่มีไขมันไม่อิ่มตัว ส่งผลดีต่อหัวใจ และโปรตีนในปลาจะช่วยให้เรารับประทานอาหารได้น้อยลง เนื่องจากโปรตีนช่วยควบคุมความอยากอาหาร
         2.กินกล้วยน้ำว้าสุก เนื่องจากผลไม้ชนิดนี้มีเส้นใยเป็นจำนวนมาก หลังจากรับประทานกล้วยน้ำว้าสุก (แต่ไม่ใช้งอมจนเละ) แล้วจะรู้สึกอิ่มท้อง รับประทานได้ที่น้อยลง กล้วยน้ำว้าที่สุกกำลังดีจะมีน้ำตาลน้อย หากรับประทานทุกมื้อตามด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำส้มคั้น เมื่อผ่านไปปประมาณ 2-3 วัน รับรองว่าน้ำหนักของเราจะเริ่มลดลงมาอย่างต่อเนื่อง
         สำหรับคนรักสุขภาพที่สงสัยว่าหุ่นดีทำไง กล้วยน้ำว้าถือว่าตอบโจทย์มาก เพราะให้พลังงาน 100 แคลลอรี่ มีน้ำตาลธรรมชาติ อยู่ 3 ชนิด คือ ซูโครส ฟรุคโทส และกลูโครส รวมถึงมีเส้นใยและกากอาหาร นอกจากนั้นยังอุดมไปด้วยวิตามินบี 6 ช่วยกระตุ้นระบบภูมิต้านทาน วิตามินบี1 บี2 และไนอะซีน ทั้งยังมีแร่ธาตุอย่างแมกนีเซียมและโพแทสเซียม มีประโยชน์ต่อร่างกาย
         3.บริหารลดไขมัน ถ้าอยากได้หุ่นดีแบบดารา จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฝึกท่าบริหารลดไขมัน เพราะจะช่วยให้สัดส่วนต่างๆแลดูกระชับขึ้น ทำให้รูปร่างของเราดูเป๊ะเว่อร์แบบที่ใครเห็นเป็นต้องเหลียวมอง ซึ่งท่าบริหารลดไขมัน ส่วนใหญ่จะเป็นการลดเฉพาะจุด ได้แก่ ท่ายืนเตะขาออกด้านข้าง ให้แยกเท้าให้กว้างออกจากกันเล็กน้อย และนำมือทั้งสองข้างมาจับไว้ที่สะโพก จากนั้นค่อยๆเตะขาขวาไปด้านข้าง ให้สูงระดับสะโพกให้ขนานกับพื้น แล้วค้างไว้ นับ 3 ในใจแล้วค่อยเอาลงท่าเดิม ทำสัก 15 ครั้ง แล้วค่อยสลับมาทำเช่นเดิมกับขาข้างซ้าย เป้าหมายของท่านี้คือ ลดต้นขาด้านใน และสะโพกด้านนอก

         หรือท่าเตะขาสูง ที่จะช่วยกระชับสะโพกและขาด้านใน ซึ่งจะทำให้คุณดูเป็นคนมีขาเรียวสวยน่ามอง โดยยืนให้มั่นคงด้วยขาทั้งสองข้าง มือให้ยกสองไว้บริเวณหน้าอก จากนั้นก้าวเท้าซ้ายออกมาหนึ่งก้าว เกร็งสะโพกและท่อนขาไว้ แล้วเตะขาขวาขึ้นด้านหน้า และค่อยๆปล่อยลงกับพื้นเช่นเดิม ทำ 15 ครั้งจึงสลับข้าง นอกจากนี้ยังท่าบริหารลดไขมันเฉพาะจุดอีกมากมายที่ทำให้หุ่นของคุณเป๊ะแบบดารา เช่น การฝึกโยคะ เป็นต้น
         กระนั้นก็ดี ถ้าอยากให้ผลลัพธ์ในการฟิตหุ่นของตัวเองออกมาดีที่สุด ควรใช้หลายๆวิธีผนวกกัน โดยการควบคุมอาหาร รับประทานให้ครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสม การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดิน วิ่ง ว่ายน้ำ เล่นกีฬา เป็นต้น รวมทั้งการดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ วันละ 8-10 แก้ว ก็ยิ่งทำให้เราได้รูปร่างดีไปพร้อมๆกับการดูแลสุขภาพ ซึ่งถือเป็นวิธีการที่ดีที่สุด

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เจาะลึก ผงบุกลดน้ำหนัก กับความลับที่คุณไม่เคยรู้

         สำหรับคนที่กำลังมองหาวิธีการลดน้ำหนัก เชื่อว่าคงจะเคยได้ยินวิธีการใช้ผงบุกลดน้ำหนักผ่านหูกันมาอย่างแน่นอน แต่เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมเจ้าผงบุกลดน้ำหนัก จึงได้รับความนิยมนำมาใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักกันอย่างมากมายหลายยี่ห้อเลยทีเดียว ซึ่งหากคุณกำลังมีความสงสัยที่ตรงกันในข้อนี้ สามารถติดตามอ่านข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผงบุกลดน้ำหนักอย่างเจาะลึก ที่บทความชิ้นนี้ได้ทำการรวบรวมเอามาไว้อย่างเจาะลึกในบทความชิ้นนี้กันเลย

ผงบุกลดน้ำหนัก ช่วยลดน้ำหนักได้อย่างไร
 ก๋วยเตี๋ยวเต็มชามที่อุดมไปด้วยเส้น หลายคนเข้าใจผิดว่าการทานเพียงเท่านั้นก็เพียงพอแล้วที่จะช่วยลดน้ำหนัก แต่ในความเป็นจริงแล้วเส้นก๋วยเตี๋ยวล้วนอุดมไปด้วยแป้งจำนวนมหาศาล ซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจที่ช่วยเพิ่มน้ำหนักของคุณให้มากขึ้นไม่น้อยหน้าการทานข้าวเลยทีเดียว ทำให้มีบริษัททางด้านผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็นด้านอาหาร หรือด้านอาหารเสริม ต่างพยายามหาสิ่งที่เข้ามาทดแทนปริมาณแป้งในเมนูอาหารประจำวัน อย่าง “หัวบุก” เอเชีย ที่อ้างกันว่า ช่วยลดน้ำหนักด้วยคุณสมบัติที่ช่วยทำให้อิ่มนาน ช่วยควบคุมคอเลสเตอรอล ช่วยเพิ่มการย่อย และสามารถช่วยทำให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งนักวิจัยที่ทำการศึกษาผงบุกลดน้ำหนัก พบว่าเส้นใยอาหารในบุกนั้นมีประโยชน์อย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันก็มีขนาดเส้นใยขนาดใหญ่
 เส้นใยบุก ถูกเรียกว่า glucomannan เป็นสารสกัดจากรากของพืชบุกเอเชีย นิยมนำมาใช้ทำเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยว หรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในรูปแบบของแคปซูล ผสมในเครื่องดื่มอาหาร หรือโรยหน้าอาหารก่อนทำการรับประทาน เส้นใยของบุกสามารถละลายในน้ำได้ ทำให้อาหาร หรือเครื่องดื่มที่บุกเข้าไปผสมนั้นมีลักษณะหนืด และคงค้างอยู่ในลำไส้ ส่งผลให้การย่อยสลายช้าลง ส่งผลให้รู้สึกอิ่มได้อย่างยาวนานมากยิ่งขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้บุกยังมีปริมาณของแคลอลี่ที่ต่ำมากๆอีกด้วย
มหาวิทยาลัยคอเนตที ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับเส้นใยของบุกแล้วพบว่า สามารถช่วยทำให้คอเลสเตอรอลที่ไม่ดีลดน้อยลง ลดระดับน้ำตาลในเลือดให้น้อยลงเหลือในระดับควบคุม และส่งผลอ่อนๆต่อน้ำหนักตัว ผลการศึกษานี้กระตุ้นให้เหล่านักวิจัยต้องการที่จะศึกษาผงบุกลดน้ำหนักในระยะยาว อย่างเช่นที่ Joyce K. Keithley อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยพยาบาลในชิคาโก้ ได้ทำการศึกษาโดยให้ผู้ป่วยทานผงบุก 2 แคปซูล 1 ชั่วโมง ก่อนอาหารแต่ละมื้อ ในระยะเวลา 2 เดือน แล้วพบว่า ผงบุกลดน้ำหนัก มีความสัมพันธ์กับการสูญเสียน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่ได้รับการศึกษาผลที่เกิดขึ้นในระยะยาว

ผงบุกกับประโยชน์อื่นๆต่อร่างกาย
 สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน การรับประทานเส้นใยอาหารโดยทั่วไป แสดงให้เห็นว่าช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ภายใต้การควบคุม แต่มีหลักฐานทางวิชาการที่มากเพียงพอว่า เส้นใยของเส้นบุกดีกว่าเส้นใยอาหารอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากได้ทำการรับประทานจากอาหารตามธรรมชาติ
กล่าวโดยสรุป ผงบุกลดน้ำหนัก มีคุณสมบัติที่ช่วยยืดความรู้สึกอิ่มให้ยาวนานมากขึ้น ด้วยไฟเบอร์ที่ถูกน้ำจนกระทั่งเกิดการขยายตัวขึ้นเป็นอย่างในกระเพาะอาหาร นอกจากนี้บุกยังมีปริมาณแคลอลลี่ที่ต่ำมาก ในขณะเดียวกันผงบุกก็ยังถูกนำมาใช้ช่วยในการปรับปรุงระบบย่อยอาหาร แก้ไขอาการท้องผูก แต่อย่างไรก็ตาม ผงบุกเองก็ใช่ว่าจะมีแต่เพียงข้อดีเสมอไป ในบางครั้งการบริโภคผงบุกสามารถก่อให้เกิดกาซในกระเพาะอาหาร ทำให้รู้สึกไม่สบายท้อง และอาจทำให้เกิดท้องเสียขึ้นได้เป็นบางครั้ง 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ส้มแขก ลดน้ำหนัก ได้ผลจริงหรือ?

         เป็นความจริงที่ยากจะปฏิเสธว่า ยามเมื่อเวลาผู้หญิงบางคนเกิดความเศร้า ความเครียดเครียด ก็มักที่จะมีแนวโน้มนำไปสู่ “ความอยาก” และ “ความหิว” การทานอาหารอย่างขาดสติ ก็มักที่จะจบลงด้วยปริมาณน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น ด้วยเหตุผลดั่งกล่าวทำให้วิธีการลดน้ำหนักแบบเดิมๆที่เรารู้จักกันดีมีอัตราความสำเร็จที่ลดลง มีน้อยคนมากที่สามารถประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักในระยะยาว ด้วยความต้องการลดน้ำหนักอย่างได้ผลที่มากขึ้นกว่าเดิม ทำให้ในปัจจุบันเหล่าอาหารเสริมลดน้ำหนักที่มักมีการโฆษณาว่า สามารถตอบสนองความต้องการดังกล่าวออกมาวางจำหน่ายให้ผู้บริโภคเลือกสรรกันอย่างมากมายหลายสูตร หลายส่วนผสมกันเลยทีเดียว ซึ่งหนึ่งในส่วนผสมที่ได้รับความนิยม และได้รับการกล่าวถึงมากที่สุดในปัจจุบัน ก็คือ สารสกัดจาก ส้มแขก ลดน้ำหนัก ที่จะเป็นหัวข้อวิเคราะห์กันอย่างเจาะลึก ของบทความชิ้นนี้กัน
ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารหลายคนแนะนำตรงกันว่า ส้มแขก ลดน้ำหนักได้ด้วยการลดความอยากอาหาร ซึ่งจะเป็นการช่วยให้คุณสามารถลดน้ำหนักให้น้อยลงได้ โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องใช้ความพยายามมากนัก แต่เพียงแค่คำพูด และคำโฆษณาต่างๆนานา เกี่ยวกับส้มแขก ลดน้ำหนัก ก็คงจะทำให้คนช่างสงสัยหลายๆคนไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินมากนัก ดังนั้นเราไปดูผลวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ที่รองรับเกี่ยวกับผลส้มแขก ลดน้ำหนักไปพร้อมๆกันเลยดีกว่าว่ามีหลักฐานที่น่าเชื่อถืออะไรกันบ้าง?

ส้มแขก คืออะไร?
 ส้มแขก หรือ Garcinia cambogia เป็นผลของพืช มีลักษณะคล้ายกับฟักทองสีเขียวขนาดเล็ก มักถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารของเอเชียแบบดั้งเดิมหลายชนิด เนื่องจากมีรสเปรี้ยว นอกจากในเรื่องของอาหารแล้ว ส้มแขก ยังถุกนำมาใช้ในการบำรุงผิวพรรณ เนื่องจากมีสารธรรมชาติที่เรียกว่ากรดไฮดรอกซี (HCA) และเจ้าสารตัวนี้ยังส่งผลต่อการสูญเสียน้ำหนักได้อีกด้วย

สารสกัดจากผลส้มแขก ลดน้ำหนักได้จริงหรือ?
 จากการศึกษาทั้งในสัตว์ และมนุษย์พบว่า สารสกัดจากผลส้มแขก สามารถช่วยยับยั้งเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ผลิตไขมัน ที่เรียกว่าซิเดรตไอเลส ทำให้ร่างกายเกิดการเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตให้กลายเป็นไขมันได้ยากมากยิ่งขึ้น ซึ่งในการทดลองในหนูเองก็พบว่า การทานส้มแขก ลดน้ำหนักอย่างต่อเนื่องนั้น มีความสัมพันธ์ในการสูญเสียน้ำหนักอย่างมีนัยยะสำคัญ
นอกจากผลการทดสอบส้มแขก ลดน้ำหนักในสัตว์ทดลองแล้ว ยังมีการทดสอบกับมนุษย์เช่นกัน ด้วยการทดลองแบบ randomized controlled ซึ่งเป็นมาตรฐานทองคำของการทดลองทางวิทยาศาสตร์ในมนุษย์ ซึ่งการศึกษาครั้งใหญ่ที่สุดของส้มแขก ลดน้ำหนัก ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารของสมาคมแพทย์อเมริกัน คือ การรวบรวมอาสาสมัครกว่า 135 คน ที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตราฐาน แล้วแบ่งอาสาสมัครเหล่านี้ออกเป็น 2 กลุ่ม
 กลุ่มที่ 1 : กลุ่มที่ได้ทานสารสกัดจากผลส้มแขกจริง โดยทานสารสกัดจากผลส้มแขก จำนวน 1 กรัม 3 ครั้ง ต่อวัน 30 นาที ก่อนอาหาร
 กลุ่มที่ 2 : กลุ่มยาหลอก ให้ทานยาหลอก โดยไม่ได้ทานสารสกัดจากผลส้มแขกจริงๆ

         สำหรับอาสาสมัครทั้ง 2 กลุ่มนี้ จะได้รับอาหารที่มีแคลอลี่ต่ำ และมีเส้นใยอาหารสูงเหมือนๆกัน เป็นเวลานาน 12 สัปดาห์ ผลที่ได้รับปรากฏว่า กลุ่มที่ทานสารสกัดจากผลส้มแขก นำหนักตัวลดลงไปเพียง 3.2 – 7 ปอนด์ ในขณะที่กลุ่มยาหลอกลดลงไปกว่า 4.1 – 9 ปอนด์ เลยทีเดียว จากการทดลอง ทำให้เป็นที่น่าเสียดายว่า สารสกัดจากผลส้มแขกนั้น ส่งผลน้อยต่อปริมาณน้ำหนักตัวที่ลดลงไป อย่างไรก็ตามในวารสารเกี่ยกวับโรคอ้วนปี 2011 จากการทดลองทางคลินิกพบว่า สารสกัดจากผลส้มแขกสามารถเพิ่มอัตราการสูญเสียน้ำหนักได้ประมาณ 0.88 กิโลกรัม หรือประมาณ 2 ปอนด์ โดยเฉลี่ย ในช่วงระยะเวลาหลายสัปดาห์ ซึ่งจากข้อสรุปดังกล่าวทำให้พบว่า สาร HCA สามารถทำให้เกิดการสูญเสียน้ำหนักในระสั้น และมีผลกระทบข้างเคียงต่อร่างกายเพียวเล็กน้อยเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องการที่จะลดน้ำหนักอย่างจริงจัง การออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจที่สุด ส่วนอาหารเสริมลดน้ำหนักอย่างผลส้มแขก ก็อาจจะนำมาใช้เป็นเพียงสิ่งที่ช่วยเสริมให้การลดน้ำหนักของคุณรวดเร็วมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

พริกไทยดํา ลดน้ำหนักได้จริง หรือแค่อิงกระแส ?

         พริกไทยดำ เป็นหนึ่งในเครื่องเทศที่นิยมใช้ในการประกอบอาหารทั้งไทยและเทศ ด้วยรสชาติเผ็ดร้อน จัดจ้านแบบขึ้นจมูก จึงเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวที่ทำให้อาหารที่ใส่พริกไทยดำน่าลิ้มลองมากขึ้น และนอกจากประโยชน์ในการปรุงอาหารแล้ว คุณทราบหรือไม่ว่า มีการพริกไทยดำ ลดน้ำหนักมาตั้งแต่โบร่ำโบราณ โดยเชื่อกันว่าพริกไทยดำจะช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินของร่างกายออกมาได้ และเพื่อความกระจ่างชัดในข้อนี้เรามาดูกันว่าเครื่องเทศอย่างพริกไทยดำ ลดน้ำหนักได้จริงหรือเป็นแค่ความเชื่อ

 

พริกไทยดำ กับการลดน้ำหนัก
         มีงานวิจัยจากต่างประเทศระบุว่า พริกไทยมีสารที่สามารถช่วยในเรื่องการลดน้ำหนักอยู่ด้วย โดยระบุว่าสารสกัดจากพริกไทยดำจะเข้าไปช่วยดักจับไขมันที่รับประทานเข้าไป และช่วยยับยั้งการสร้างไขมันในร่างกาย
         และมีงานวิจัยจากประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า ในพริกไทยดำนั้นมีสารที่ชื่อว่า ไพเพอรีน (piperine) ซึ่งจะมีจุดเด่นในเรื่องของความฉุนและรสชาติที่เผ็ดร้อน และเจ้าสารนี้เองที่จะส่งผลต่อยีนส์ที่ควบคุมการก่อตัวของเซลล์ไขมันให้ทำงานน้อยลง ทั้งยังทำลายเซลล์ไขมันเก่าที่อยู่ในร่างกายได้อีกด้วย ดังนั้น ผลลัพธ์ที่ได้คือไขมันที่น้อยลงไปพร้อมๆกับผิวหนังส่วนที่หย่อยคล้อยจะกลับมากระชับมากยิ่งขึ้น ซึ่งประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักของพริกไทยสามารถแยกเป็นข้อให้ชัดเจนได้ดังนี้
         1.พริกไทยดำสามารถควบคุมการเกิดใหม่ของเซลล์ไขมัน ไปพร้อมๆกับการทำลายเซลล์ไขมันเก่า ทำให้ผอมลงและมีโอกาสกลับมาอ้วนยากขึ้น
         2.พริกไทยดำจะช่วยให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ระบบการย่อยอาหารนั้นทำงานได้ดี ย่อยอาหารได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถเผาผลาญพลังงานที่ได้จากการรับประทานอาหาร เมื่อพลังงานถูกเผาผลาญจนหมด จึงไม่เกิดการสะสมของไขมันในร่างกาย ทำให้พริกไทยดำ ลดน้ำหนักได้นั่นเอง
         โดยสรุปแล้วคำถามที่ว่า พริกไทยดำ ลดน้ำหนักได้จริงหรือไม่นั้น คำตอบก็คือลดได้จริง หากแต่การใช้พริกไทยดำมากเกินไป อาจทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกัน มาดูกันว่าผลเสียที่ว่านี้มันคืออะไร

 

ผลข้างเคียงของพริกไทยดำ
         การรับประทานพริกไทยดำในปริมาณมากๆต่อเนื่องกัน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด อาจทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง โดย ศ.ดร.วรนันท์ ศุภพิพัฒน์ จากสำนักวิจัยคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า สารก่อมะเร็งในกลุ่มของเอนไนโตรโซไพเพอร์ริดีน (N nitroso piperidine) เกิดจากสาร “อัลคาลอยด์ ไพเพอร์ริน” ในพริกไทยดำทำปฏิกิริยากับกลุ่มไนโตรเจน ควรลดหรืองดการบริโภคพริกไทยดำ อย่างไรก็ตาม การบริโภคตามปกติในแต่ละวันจะได้รับสารนี้น้อยมาก เพราะพริกไทยดำเป็นเพียงตัวชูรส เพิ่มรสชาติ แต่สำหรับผู้ที่ใช้พริกไทยดำเพื่อเสริมความงาม บริโภคครั้งละมาก ๆ เป็นเวลานานติดต่อกัน เป็นการสะสมสารเป็นพิษ มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งสูง
         ดังนั้น ใครที่รับประทานพริกไทยดำ ลดน้ำหนักชนิดแคปซูล โดยรับประทานปริมาณมากๆต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะได้รับสารอัลคาลอยด์ ไพเพอร์รินเข้าสู่ร่างกายจำนวนมาก และเสี่ยงต่อโรคมะเร็งสูง รู้แบบนี้แล้วท่านผู้อ่านก็ควรหลีกเลี่ยง

ควรรับประทานพริกไทยดำอย่างไรให้ได้ประโยชน์
         สำหรับคนที่จะใช้พริกไทยดำ ลดน้ำหนัก ควรรับประทานด้วยวิธีการปรุงอาหารตามปกติในทุกๆมื้อ อาจปรุงพริกไทยดำลงไปมากๆหน่อย เพื่อประโยชน์ในการเผาผลาญพลังงาน และลดไขมันส่วนเกินในร่างกาย สำหรับคนที่ยังรับประทานพริกไทยเป็นอาหารเสริมประเภทแคปซูล ก็ยังสามารถรับประทานได้ แต่แนะนำให้ใช้ก่อนมื้ออาหารประมาณ 10 นาที และเมื่อพบว่าตัวเองเริ่มผอมลงแล้วให้หยุดรับประทานชนิดแคปซูลทันที เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับสารอัลคาลอยด์ ไพเพอร์รินมากเกินไป จนเสี่ยงต่อโรคมะเร็งอย่างที่คุณหมอจากโรงพยาบาลรามาธิบดีได้บอกไว้

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

กินแก้วมังกร ลดน้ำหนัก สวย สุขภาพดีได้ง่ายๆ

         แก้วมังกร หรือ Dragon fruit เป็นผลไม้ที่หาซื้อง่ายตามท้องตลาด มาพร้อมกับรสชาติแสนอร่อย ทั้งยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ มีทั้งวิตามินซี ฟอสฟอรัส โปรตีน และแคลเซียม ซึ่งในปัจจุบันมีผลงานวิจัยมากมายที่ชี้ให้เห็นว่าแก้วมังคกรมีประโยชน์สารพัดต่อมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยให้ระบบการทำงานต่างๆของร่างกายเป็นปกติ ป้องกันโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด เป็นต้น และอีกเหตุผลที่แก้วมังกรกลายเป็นผลไม้ยอดฮิตของสาวๆก็คือ แก้วมังกร ลดน้ำหนักได้


แก้วมังกร ลดน้ำหนักได้อย่างไร

         แก้วมังกรเป็นผลไม้ที่มีกากใยสูง ช่วยบำรุงการทำงานของระบบขับถ่าย และให้พลังงานต่ำ โดยเนื้อแก้วมังกร 100 กรัม จะให้พลังงานเพียง 66 แคลลอรี่เท่านั้น สำหรับเมล็ดสีดำเล็กๆที่เราเห็นในเนื้อแก้วมังกร มีกรดไขมันซึ่งทำหน้าที่ในการขจัดคอเลสเตอรอล หรือไขมันชนิดไม่ดีออกจากร่างกาย และมีส่วนช่วยในการเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดีอีกด้วย จึงถือว่าเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือกำลังควบคุมอาหารเป็นอย่างยิ่ง
         แก้วมังกรที่นิยมจำหน่ายกันทั่วไป มี 2 ชนิดใหญ่ๆคือ ชนิดสีขาวและสีแดง แก้วมังกรชนิดสีแดงจะมีรสออกหวานกว่า ส่วนแก้วมังกรสีขาวจะมีรสหวานอ่อนๆ สำหรับคนที่ชอบรับประทานหวานอาจจะไม่ชอบผลไม้ชนิดนี้เพราะรสชาติจะออกไปทางจืดชืดเสียมากกว่า ทว่าผลไม้ธรรมดาอย่างแก้วมังกร ลดน้ำหนักได้ผลชะงัด เนื่องจากมีกากใย บำรุงการทำงานของระบบขับถ่าย และให้พลังงานต่ำอย่างที่ได้บอกไป ทั้งนี้ การบริโภคแก้วมังกรต้องคำนึงว่าอาหารทุกอย่างสามารถทำให้อ้วนได้หากรับประทานมากเกินพอดี จึงควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ ควบคู่กับการรับประทานอาหารให้หลากหลายครบ 5 หมู่


กินแก้วมังกรมากๆ แล้วจะเป็นมะเร็งหรือไม่

         มีความเชื่อที่ว่าเมล็ดสีดำเล็กๆที่อยู่ในเนื้อของแก้วมังกรนั้นเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง หากใครรับประทานเข้าไปมากๆ จะทำให้สะสมจนเป็นโรคมะเร็ง ผู้คนส่วนหนึ่งที่คิดเช่นนี้จึงไม่กล้ารับประทานแก้วมังกร ทั้งนี้ ความเชื่อดังกล่าวเป็นความเข้าใจที่ผิดถนัด เพราะยังไม่มีการศึกษาใดทั้งสิ้นที่สนับสนุนแนวคิดนี้
         ในทางตรงกันข้ามมีผลการศึกษาพบว่าเจ้าเมล็ดสีดำเล็กๆ ในเนื้อแก้วมังกรนี้แหละที่มีสารกลุ่ม FOS ในปริมาณสูง ให้คุณสมบัติเป็นสาร Prebiotic ซึ่งช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ และมีฤทธิ์ในการดูดซับสารเคมีและสารพิษในร่างกาย นอกจากนี้ เมล็ดสีดำเล็กๆเหล่านี้ยังมีกรดไขมันซึ่งทำหน้าที่ในการขจัดคอเลสเตอรอล หรือไขมันชนิดไม่ดีออกจากร่างกาย
         ยิ่งกว่านั้น ในแก้วมังกรมีวิตามินบี1 บี2 คลอโรฟิลล์ รวมถึงวิตามินซีจำนวนมาก และในเมล็ดของแก้วมังกรอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัว สามารถต่อต้านปฏิกริยาอ๊อกซิเดชั่น นอกจากจะรับประทานแก้วมังกร ลดน้ำหนัก รู้สึกดับร้อน ผ่อนกระหายแล้ว ยังสามารถบำรุงสุขภาพผิวพรรณให้ชุ่มชื่น ดูมีน้ำมีนวลเปล่งปลั่งมากขึ้น แถมยังช่วยกระตุ้นต่อมน้ำนม เรียกได้ว่าใช้เป็นผลไม้ที่เกิดมาเพื่อสุขภาพและความสวยความงามอย่างแท้จริง
         สำหรับผู้ที่ไม่ปลื้มในรสชาติของแก้วมังกร รู้อย่างนี้แล้วก็ควรเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เพราะคุณประโยชน์ที่มีอย่างมากมายในผลไม้นี้ จะช่วยรักษาสุขภาพให้แก่ผู้บริโภคแบบรอบด้าน ทั้งแก้วมังกร ลดน้ำหนัก รักษาหุ่นให้ฟิตแอนด์เฟิร์มอยู่เสมอ เพราะให้แคลลอรี่ต่ำ ขจัดของเสียออกจากร่างกาย ต่อต้านโรคภัยต่างๆ ทั้งยังช่วยให้สุขภาพผิวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ที่สำคัญเป็นผลไม้ที่หารับประทานได้ไม่ยาก ฉะนั้น การรับประทานแก้วมังกรจึงเป็นอีกวิธีในการดูแลสุขภาพ ที่ทำได้แสนง่าย ใครๆก็ทำได้ ไม่จำกัดเพศและวัย หวังว่าทุกคนจะมีรูปร่างที่เพรียวดูดี ผิวเปล่งปลั่ง สุขภาพแข็งแรงกันถ้วนหน้า

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

บั่นท้ายใหญ่จงหายไป ด้วยวิธีสลายไขมันให้หุ่นเป๊ะเว่อร์

         สมัยนี้จะให้หน้าสวยเป๊ะอย่างเดียวคงไม่ได้ รูปร่างก็ต้องเป๊ะเว่อร์ไม่แพ้กันด้วย เพราะหนุ่มๆเดี๋ยวนี้มาตรฐานสูง ต่อให้เบ้าหน้าดีแค่ไหน หากบั่นท้ายใหญ่เป็นกะละมังก็คงต้องถูกเมิน ดังนั้น สาวๆที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์ หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า “อ้วน” จึงจำเป็นต้องหันมาดูแลตัวเองก่อนที่จะขึ้นคานไปตลอดชีวิต โดยเริ่มจากสิ่งที่สังเกตได้ง่ายที่สุด คือสะโพกที่บานเป็นจานดาวเทียมนั่นเอง
         บทความนี้ได้หยิบ 2 วิธีสลายไขมันที่บั่นท้ายให้สาวก้นกะละมังได้ลองนำไปใช้ ซึ่งเป็นวิธีแบบธรรมชาติ ไม่ต้องพึ่งมีดหมอ ไม่ต้องทุกข์ทรมานไปกับการพักฟื้น ไม่ต้องอดอาหาร (แต่ต้องควบคุมอาหาร) ไม่ต้องใช้ยาลดความอ้วนใดๆให้เสี่ยงต่อผลข้างเคียง ที่สำคัญไม่ต้องเปลืองงบประมาณสักแดง ขออย่างเดียวคือความเพียรพยายาม มุ่งมั่นตั้งใจปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ รับรองสะโพกเรียวเล็กจะไม่ใช่แค่ความฝัน ถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มกันเลย

 

ท่าโยคะสลายไขมัน
         1.ท่ากิ่งไม้ ให้หายใจเข้า ยื่นแขนทั้งสองข้างไปข้างหน้า จากนั้นทำท่าประนมมือพร้อมทั้งยืดแขน-ขาให้ตึง และค่อยๆหายใจออก
         2.ท่ายืนภูเขา เริ่มจากการยืนตัวตรงกางขาออกประมาณช่วงไหล่แล้วหายใจเข้าลึกๆ กางแขนออก พร้อมยกขาขวาไปด้านหน้า จากนั้นให้เหยียดขาและแขนให้ตึง แล้วค่อยๆหายใจออก
         3.ท่าต้นตาล ให้หายใจเข้า ยืนด้วยขาขวาเพียงข้างเดียวพร้อมเกร็งตัว และยกแขนทั้งสองข้างขึ้นเหยียดให้ตรง จากนั้นหายใจออก และลดแขนทั้งสองข้างลงข้างลำตัว กลับสู่ท่ายืนภูเขาแล้วทำสลับอีกข้าง
         4.ท่าดวงดาว ให้หายใจเข้า งุ้มปลายเท้าเอาไว้ จากนั้นวาดขาขวาให้ตึงออกไปทางด้านข้าง แขนขวาชู้ขึ้นดานบน และค่อยๆหายใจออก
         5.ท่าเครื่องบิน ให้หายใจเข้า วาดขาขวาไปทางด้านหลัง พร้อมลดแขนขวาลง จากนั้นกางแขนทั้งสองข้างโน้มตัวลงเล็กน้อยให้ลำตัวขนานกับพื้น และค่อยๆหายใจออก
         หากฝึกโยคะทั้ง 5 ท่านี้อย่างต่อเนื่องจะช่วยให้สะโพกแสนใหญ่ แลดูกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังส่งผลดีต่อเรียวขาให้ดูเล็กลงจนใครเห็นเป็นต้องทัก อย่างไรก็ดี สำหรับคนที่มีน้ำหนักมากหรือพึ่งเริ่มฝึกให้ยกขาเท่าที่จะทำได้ แต่จะต้องเกร็งสะโพกและขาติดต่อกัน 3-5 รอบ และไม่ควรทำท่าโยคะนี้หลังจากการรับประทานอาหาร

 

วิธีสลายไขมันด้วยการขึ้น-ลงบันได
         วิธีสลายไขมันด้วยการขึ้นบันไดเป็นเทคนิคแสนง่าย เหมาะสำหรับคุณผู้หญิงที่ชอบอ้างว่าไม่มีเวลาออกกำลังกาย มีรายงานระบุว่าการขึ้นบันไดเฉลี่ยวันละ 2 ชั้นสามารถลดน้ำหนักได้ 2.7  กิโลกรัมในเวลา 1 ปี และการเดินขึ้นลงบันไดสามารถเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกได้ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน อีกทั้งเป็นวิธีสลายไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายให้ลดจำนวนลง ทั้งยังเพิ่มปริมาณ High-density lipoprotein (HDL) หรือไขมันชนิดดีอีกด้วย
         ไม่เพียงแค่นั้น การขึ้นบันไดสามารถเผาผลาญพลังงานได้ถึง 8-11 กิโลแคลอรีต่อนาที ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับการออกกำลังกายทั่วไป ส่วนการลงบันไดจะใช้พลังงานประมาณ 1 ใน 3 ของการขึ้นบันได
         ท่านทราบหรือไม่ การเดินขึ้นบันไดเป็นการออกกำลังกายอีกรูปแบบหนึ่ง ที่กำลังได้รับความนิยมมากในต่างประเทศ ถึงขนาดมีการแข่งขันการเดินขึ้นบันไดประจำทุกปี ถือเป็นวิธีสลายไขมันที่สามารถทำได้เป็นประจำทุกวัน สะดวก ทำได้ทุกเวลา อาจเรียกได้ว่าเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิคที่ทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น และยังช่วยให้กล้ามเนื้อต้นขา น่อง สะโพกแข็งแรง ฟิตแอนด์เฟิร์มมากขึ้น ที่น่าสนใจคือเป็นการออกกำลังกายที่เกิดอาการปวดข้อน้อยหรืออาจไม่เกิดขึ้นเลย ตรงกันข้ามกับการวิ่งที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บของข้อ เอ็น และกล้ามเนื้อมากกว่า

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

บอระเพ็ดลดน้ำหนัก ภูมิปัญญาที่ควรรักษาไว้

         เชื่อว่าหลายคนคงพอรู้จักเจ้าสมุนไพรอย่างบอระเพ็ดกันอยู่บ้าง เนื่องจากมันถูกบรรจุไว้ในแบบเรียนหลายยุคหลายสมัย แต่ด้วยรสชาติแสนฝาดขมของมันจึงทำให้สมุนไพรนี้ไม่ค่อยถูกกับเด็กๆสมัยใหม่ กระนั้นก็ตาม บอระเพ็ดมีสรรพคุณมากมาย ไม่ว่าจะเป็นช่วยลดไข้และอาการตัวร้อนจัด ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ช่วยให้การทำงานของหัวใจสูบฉีดได้ดีขึ้น ช่วยลดน้ำตาลในเลือดเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน ต้านอนุมูลอิสระและยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย เป็นต้น นอกจากนี้บอระเพ็ดยังสามารถควบคุมน้ำหนักได้ดี เนื่่องจากบอระเพ็ดจะทำให้ร่างกายของคนเราดูดซึมสารอาหารไปใช้ได้ทันที
         “หวานเป็นลมขมเป็นยา” อย่างที่เขาว่าไว้จริงๆ เพราะบอระเพ็ดจัดได้ว่าเป็นสมุนไพรลดความอ้วนอย่างได้ผล วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงวิธีการใช้บอระเพ็ดลดน้ำหนักว่า มันใช้ได้ผลจริงหรือไม่ และมีวิธีอย่างไร

 

วิธีใช้บอระเพ็ดลดน้ำหนักตามภูมิปัญญาโบราณ
         1.ให้ใช้เถาและต้นสดครั้งละ 30-40 กรัม หรือครั้งละ 2 คืบครึ่ง นำมาโขลกแล้วคั้นเอาน้ำดื่ม หรือนำไปต้มกับน้ำ 3 ส่วน เคี่ยวให้เหลือ 1 ส่วน แล้วนำน้ำมาใช้ดื่มก่อนอาหารวันละ 2 ครั้ง ถึงแม้รสชาติของมันจะเลวร้ายจนไม่น่าพิศมัย แต่อย่าลืมภาษิตไทยที่บอกว่า “หวานเป็นลมขมเป็นยา”
         2.ให้ใช้ลำต้นขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร ตัดขนาด 1 องคุลี จำนวน 7 ท่อน และผ่ามะนาวเขียว 7 ผล โดยผ่าด้านยาว (ห้ามตัดขวาง) ต้มน้ำดื่มไปเรื่อยๆจนจืด สูตรนี้มีการใช้กันมานานโดยได้จากสตรีชาวบ้านผู้ขายเถาบอระเพ็ดที่จตุจักร โดยจะลดน้ำตาลในเลือด รักษาอาการอ่อนเพลียและเวียนศรีษะ สูตรบอระเพ็ดลดน้ำหนักนี้จึงเหมาะสำหรับคนอ้วนที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานอย่างยิ่ง
         3.ตามตำหรับยาจากหนังสือยาของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ให้นำบอระเพ็ดที่ตากจนแห้งดีแล้วมาบดให้เป็นผง แล้วมาผสมกับน้ำผึ้ง จากนั้นใช้มือปั้นให้ได้ขนาดเท่าเม็ดพุททรา รับประทานก่อนอาหารเช้า 3 เม็ดทุกวัน ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนจะเห็นผลทันที สูตรบอระเพ็ดลดน้ำหนักนี้แก้ปัญหารสขมได้เป็นอย่างดี หรือถ้าใครยังไม่พอใจก็ให้หาแคปซูลมาบรรจุบอระเพ็ดเสียเลย

 

ผลลัพธ์ที่ได้
         เมื่อรับประทานบอระเพ็ดลดน้ำหนักตามสูตรข้างต้น จะทำให้ไม่ค่อยอยากอาหาร รับประทานได้น้อยลง ใครที่เคยมีพฤติกรรมกินจุกกินจิบ บอระเพ็ดจะช่วยแก้นิสัยนี้ได้ นอกจากนี้มันยังเป็นสมุนไพรที่ลดความดัน ลดคลอเลสเตอรอลได้ในร่างกาย ซึ่งมีผลอย่างมากต่อการลดความอ้วน
         นอกจากสรรพคุณเรื่องการลดน้ำหนักแล้ว บออระเพ็ดสามารถใช้ทำเครื่องสำอางดูแลผิวพรรณได้เนื่องจากในใบมีฤทธิ์ที่ช่วยในการปรับสมดุลผิวให้ดูเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ หรือนำมาทำผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมและหนังศรีษะให้มีสุขภาพแข็งแรง และยังกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเส้นผมช่วยได้ในคนที่มีปัญหาผมร่วง และอีกหนึ่งความสนใจคือสมุนไพรนี้ใช้รักษาสิวได้ เพราะสารสกัดในบอระเพ็ดสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ซึ่งแม้จะยังไม่มีรายงานยืนยันสรรพคุณทางด้านการยับยั้งการเกิดสิวโดยตรง แต่เชื้อแบคทีเรียก็ถือเป็นต้นเหตุสำคัญของการเกิดสิว ขณะนี้กำลังมีการค้นคว้าวิจัยอย่างต่อเนื่อง
         อย่างไรก็ตาม บอระเพ็ดมีสารขมกลุ่มอัลคาลอยด์ ซึ่งมีการศึกษาทางพิษวิทยาโดยทำการทดสอบพิษเฉียบพลันกับหนู โดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนังหนู ในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ไม่พบอาการเป็นพิษใดๆ แต่พบว่าเมื่อให้สารสกัดในขนาดสูงและเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการผิดปกติของการทำงานของตับและไตได้ ดังนั้น หากนำบอระเพ็ดมาใช้และพบอาการผิดปกติ ควรหยุดการใช้สมุนไพรนี้ทันที และห้ามใช้ในผู้ที่มีภาวะเอนไซม์ตับบกพร่อง หรือผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคตับ หรือโรคไตเป็นเด็ดขาด

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

วิธีลดไขมันหน้าท้อง โดยหลงเหลือไขมันที่มีประโยชน์

         ใครๆก็อยากมีหน้าท้องที่สวยแบนเรียบ เพราะเวลาที่ต้องใส่ชุดโชว์สัดส่วน โชว์หน้าท้อง ย่อมช่วยสะกดสายตาของคนที่มองเอาไว้ ด้วยเหตุผลดั่งกล่าว ทำให้คนจำนวนมากต่างพยายามสรรหาวิธีลดไขมันหน้าท้องอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูงสุด แต่คุณทราบไหมว่า ที่จริงแล้วไขมันที่ทุกคนต่างมองว่าน่าเกลียด พร้อมกับพยายามรีดพวกมันออกไปจากร่างกายให้ใกล้เคียงกับศูนย์เปอร์เซ็นที่สุดเท่าที่จะทำได้นั้น มันก็มีประโยชน์ต่อร่างกายไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะหน้าที่กันกระแทกรอบๆอวัยวะต่างๆ แต่ถ้าหากคุณมีพวกมันมากจนเกินไป คุณก็มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูง เบาหวานชนิดที่2 โรคหัวใจ โรคสมองเสื่อม รวมไปถึงโรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งเต้านม และมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น ดังนั้น การมีปริมาณไขมันอย่างเหมาะสม ด้วยการใช้วิธีลดไขมันหน้าท้องที่ถูกต้อง จะทำให้คุณมีสุขภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น

แล้วจะทราบได้อย่างไรว่า ไขมันหน้าท้องอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม?
ก่อนที่คุณจะให้ความสนใจตามหาวิธีลดไขมันหน้าท้องที่ได้ผล อันดับแรกคุณควรทำการสำรวจตัวเองเสียก่อนว่า ไขมันหน้าท้องของคุณอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมหรือไม่ ซึ่งถ้าหากเป็นในเชิงเทคนิคการแพทย์ที่แม่นยำ คุณสามารถตรวจสอบปริมาณไขมันได้จากการสแกน CT หรือ MRI แต่ก็มีอีกหลายวิธีที่ง่าย และลงทุนต่ำกว่านั้นเหมือนกัน เช่น การใช้สายวัดตัว พันไปรอบๆเอวของคุณ และตรวจสอบเส้นรอบวัดในขณะที่ยืนอยู่ ถ้าหากคุณเป็นผู้หญิงเพื่อสุขภาพที่ดี คุณไม่ควรมีรอบเอวเกินกว่า 35 นิ้ว ในขณะที่ของผู้ชายจะอยู่ที่ 40 นิ้ว

วิธีลดไขมันหน้าท้องอย่างง่ายๆด้วยตัวคุณเอง
 เมื่อทำการสำรวจตัวเอง และคุณอาจจะพบว่าตัวเองมีไขมันหน้าท้องสะสมตัวอยู่มากจนเกินมาตรฐาน ถ้าหากคุณต้องการที่จะลดมันให้น้อยลง ก็สามารถที่จะปฎิบัติตัวตามวิธีลดไขมันหน้าท้องที่บทความชิ้นนี้กำลังจะขอทำการแนะนำ โดยมีขั้นตอนง่ายๆ ดังต่อไปนี้
 1.การออกกำลังกาย การออกกำลังกายนอกจากจะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง แต่มันยังช่วยเผาผลาญ และคสบคุมไขมันทั้งหมดในร่างกายได้เป็นอย่างดี ซึ่งวิธีการออกกำลังกายที่ดีที่สุด คือ การออกกำลังติดต่อกันให้ได้เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 30 นาที เป็นเวลา 5 วันต่อสัปดาห์ วิธีลดไขมันหน้าท้องอบบนี้จะทำให้อัตราการเต้นจองหัวใจ เหงื่อ รวมไปถึงจังหวะการหายใจของคุณเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ ส่วนวิธีออกกำลังกายที่เหมาะที่สุดคือ การวิ่งจ๊อกกิ้ง หรือเดิน เป็นต้น
   2.อาหาร ไม่มีอาหารวิเศษใดๆบนโลกใบนี้ที่จะเนรมิตให้หน้าท้องของคุณกลับมาเรียบเนียนอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อคุณเริ่มต้นลดน้ำหนักส่วนใหญ่แล้วไขมันที่สะสมอยู่หน้าท้องจะระเหิดหายไปก่อน จากการวิจัยทำให้เราพบว่า คนที่กินเส้นใยที่ละลายน้ำได้เป็นปริมาณ 10 กรัม เป็นประจำทุกวัน โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงอาหาร ไขมันสะสมจะน้อยกว่าคนที่กินอาหารตามปกติ ซึ่งอาหารที่ให้เส้นใยเหล่านี้ในปริมาณมากก็ได้แก้แอปเปิ้ล หรือถั่วเขียว เป็นต้น

         3.นอน จากการศึกษาทำให้พบว่าคนที่นอนหลับในปริมาณที่พอเหมาะ 6-7 ชั่วโมง ในตอนกลางคืน ไขมันสะสมในร่างกายจะน้อยกว่าเมื่อเทียบกับคนที่นอนหลับน้อยกว่า 5 ชั่วโมง หรือ มากกว่า 8 ชั่วโมง ต่อคืน
 4.ความเครียด ทุกคนต่างต้องเผชิญหน้ากับความเครียด แต่การจัดการกับมันเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ที่คุณควรให้ความใส่ใจ การผ่อนคลายด้วยการเข้าสังคม การนั่งสมาธิ การออกกำลังกาย หรือการรับคำปรึกษาจากคนอื่นๆ สิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้คุณมีสุขภาพที่ดี และลดการสะสมตัวของไขมันให้น้อยลง
 แต่ถ้าหากคุณจำเป็นที่จะต้องเลือกว่าควรปฎิบัติตัวได้เพียงข้อใดข้อหนึ่งเท่านั้นเนื่องจากไม่มีเวลา ขอแนะนำให้คุณเลือกการออกกำลังกาย เพราะมันเป็นวิธีที่ได้ประโยชน์ที่สุดในการจัดการกับ “ความเครียด” และ “โรคอ้วน”   

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.