วิธีจัดการ “สิวอักเสบ” ให้สิ้นซาก ไม่ต้องพึ่งหมอ

         ปัญหาสิว เป็นเรื่องพูดกันไม่จบไม่สิ้น เพราะของแบบนี้ไม่เกิดขึ้นกับตัวเองคงไม่รู้ โดยเฉพาะ “สิวอักเสบ” ที่มารังควาน แถมยังมีอาการปวดแสบจากการอักเสบระคายเคืองผิว ยิ่งเป็นสิวเม็ดใหญ่ๆด้วยแล้วคงไม่ต้องพูดถึงว่ามันทำร้ายผิวหน้าของเรามากแค่ไหน ไม่หมดเพียงเท่านี้ หลังจากสิวอักเสบยุบลงก็มักทิ้งรอยดำรอยแดง หรือรอยแผลเป็นไว้ให้เจ็บช้ำใจ ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้สิวอักเสบเป็นฝันร้ายที่ไม่มีใครอยากเจอ


สิวอักเสบ เกิดจาก

         สิวอักเสบที่เห็นเป็นเม็ดตุ่มนูนๆ บวมแดง อาจเป็นเม็ดเล็กหรือใหญ่ก็ได้ บางครั้งเห็นเป็นหนองบริเวณหัวสิว หรือที่เรียกว่า “สิวหนอง” หากสิวอักเสบมีการติดเชื้อและอักเสบมาก จะทำให้มีขนาดใหญ่ ยกระดับเป็น “สิวหัวช้าง” ได้ ทั้งนี้ สิวอักเสบเกิดจากปัจจัยหลัก 2 ประการ คือ
         1.เกิดขึ้นเองตามธรมชาติ เกิดจากสภาวะที่ร่างกายมีฮอร์โมนไม่สมดุล จึงทำให้เกิดสิวอักเสบขึ้น
         2.เกิดขึ้นจากสิ่งสกปรกและฝุ่นละออง เมื่อฝุ่นละอองและเชื้อแบคทีเรียเข้าไปอุดตันในบริเวณรูขุมขน จึงทำให้เกิดอาการอักเสบในที่สุด


วิธีจัดการสิวอักเสบให้สิ้นซาก

         การจะจัดการปัญหาสิวอักเสบให้หมดไปจากใบหน้าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป ขอแค่มีความอดทน อย่าเอามือไปแคะแกะเกาสิวอักเสบ เพราะจะยิ่งทำให้สิวติดเชื้อ อักเสบได้มากขึ้น แถมยังสามารถแพร่กระจายเชื้อไปบริเวณอื่นๆได้ ที่สำคัญคือพยายามรักษาความสะอาด อย่าปล่อยให้สิ่งสกปรกสะสมบนผิวหน้าเป็นเด็ดขาด เพราะอาจทำให้สิวอักเสบมาเยือนได้ง่ายๆ ทั้งนี้ เมื่อเกิดสิวอักเสบขึ้นควรปฏิบัติดังนี้
         1.ล้างหน้าให้สะอาด โดยหาโฟมล้างหน้าสูตรอ่อนๆมาใช้ หรือโฟมล้างหน้าที่มีส่วนสกัดจากสมุนไพรก็ได้ หรืออาจเลือกผลิตภัณฑ์ประเภทเวชสำอางค์เพื่อช่วยรักษาสิวไปด้วยในตัว อย่างไรก็ตาม เวลาล้างหน้าควรล้างเบาๆ ไม่ควรถูหน้าแรงๆ หรือใช้ผ้าขนหนูเช็ดที่หน้าแรงๆ เพราะจะยิ่งทำให้สิวอักเสบที่เป็นหนองอักเสบมากขึ้น
         2.พักผ่อนให้เพียงพอและออกกำลังกายบ้าง ที่สำคัญดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อปรับสมดุลให้ร่างกาย

         3.ใช้กระดาษซับมันระหว่างวัน อย่าปล่อยให้หน้ามัน โดยใช้กระดาษซับมันแบบเบามือ อย่ากดโดนบริเวณสิวแรงเกินไป
         4.ใช้เจลแต้มสิว โดยควรศึกษารายละเอียดของผลิตภัณฑ์ก่อนซื้อ หรืออาจจะลองอ่านรีวิวตามเว็บบอร์ดต่างๆในอินเตอร์เน็ตก่อน
         5.ขยันเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและซักผ้าเช็ดตัวเป็นประจำ เพราะเป็นรักษาความสะอาดที่ดี
         6.หากอาการสิวอักเสบยังรุนแรงมาก ควรไปพบแพทย์เพื่อหาทางรักษาที่ถูกต้อง ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อมากขึ้นได้
         7.ใช้สูตรรักษาสิวอักเสบแบบโฮดเมด โดยให้นำแตงกวา 1 ลูก มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆและสับให้ละเอียด ปั่นหรือคั้นเอาแต่น้ำแตงกวาแล้วกรองแยกใส่ชามเอาไว้ จากนั้นนำมะเขือเทศ 1 ลูกหั่นให้ละเอียดแล้วคั้นเอาแต่น้ำเช่นกัน นำน้ำแตงกวาและน้ำมะเขือเทศมาผสมให้เข้ากัน จากนั้นใช้สำลีชุบทาให้ทั่วบริเวณผิวหน้า โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นสิวอักเสบ ทิ้งไว้ครู่หนึ่งจึงค่อยล้างออก เช็ดหน้าให้แห้งเป็นอันเสร็จ

 

 

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

กดสิว อย่างไร ไม่ให้หน้าเสีย วิธีกดสิวให้สิวหาย

         คุณกำลังประสบปัญหาสิวกันอยู่ใช่หรือไม่ คำถามต่อมาก็คือคุณกำลังคันไม้คันมืออยากบีบสิวใช่หรือไม่ ถ้าคำตอบคือใช่ วันนี้เรามีวิธีกดสิวที่จะไม่ทำให้ผิวหน้าแสนบอบบางเสีย หรือไม่ให้เกิดเป็นรอยดำช้ำมานำเสนอ ทั้งนี้ อาจทำให้เกิดรอยแดงๆเล็กน้อย ทว่ามันคือวิธีกดสิวที่ทำให้สิวหายไปโดยพลัน

ข้อดีและข้อเสียของการกดสิว
         คุณที่เคยกดสิวเป็นประจำคงสงสัยว่าทำไมบางครั้งไปกดสิวไปแล้ว สิวที่เคยอีกเสบบวมแดง เมื่อผ่านช่วงเวลาแค่ข้ามคืน สิวก็จะแห้งเกลี้ยง ในทางตรงกันข้ามบางทีกดสิวไปแล้ว ยิ่งเป็นการทำให้สิวอักเสบมากขึ้น แถมยังเห่อตามมาอีกด้วย นี่แหละคือสิ่งที่บอกได้ว่าการกดสิวมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
         ข้อดีคือ การกดสิวจะทำให้หัวสิวหลุดออกมา ถ้าทำอย่างถูกวิธีจะช่วยแก้ปัญหาสำหรับผู้ที่มีผิวมันและมีสิวอุดตันเยอะ ซึ่งโอกาสที่หัวสิวจะหลุดไปเองนั้นยากกว่าผิวแห้ง เพราะน้ำมันใต้ผิวจะผลิตตลอดเวลา ทำให้เกิดปัญหาสิวอุดตันซ้ำๆไม่มีวันจบสิ้น

         สำหรับข้อเสีย ถ้ากดสิวไม่ดี กดผิดถูกวิธี กดไม่หมด หรืออุปกรณ์ที่ใช้กดสิวไม่สะอาดพอ สิวอุดตันเม็ดเล็กๆก็จะกลับกลายเป็นสิวอักเสบเม็ดโต ทำให้ยากต่อการรักษาเข้าไปอีก เพราะฉะนั้นหากใครอยากกดสิว ถ้ามีทุนทรัพย์และเวลาว่างพอ แนะนำให้กดกับผู้เชี่ยวชาญหรือไปตามคลินิค เพราะแทนที่จะกดสิวให้สิวหาย อาจได้หน้าพังมาแทน

วิธีกดสิวที่ถูกต้อง
         ต้องบอกก่อนเลยว่าการกดสิวด้วยตัวเองไม่ได้เหมาะกับทุกคน โดยจะเหมาะคนที่เป็นสิวไม่มากนัก และคนที่เป็นสิวหัวเปิด สิวหัวดำ สิวหัวปิดหัวขาว หรือสิวอักเสบบางกรณี ทั้งนี้ ต้องรู้จักคาดการณ์ด้วยตัวเองว่าสิวที่กำลังเปล่งอยู่นั้น ถ้ากด บีบ ออกมาแล้วผลจะออกมาทางบวกหรือทางลบมากกว่ากัน ถ้าไม่มั่นใจจริงๆควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มิใช่เห็นแล้วรู้สึกมันมือจึงกด บีบ เค้น กรณีแบบนี้อาจทำให้หน้าพัง เกิดรอยแผลเป็น ซึ่งใช้เวลานานกว่าจะหาย
         สำหรับคนที่มั่นใจแล้วว่าจะกดสิวด้วยตัวเอง อุปกรณ์ที่ต้องใช้ ได้แก่ 1.ไม้กดสิวแสตนเลส (สามารถหาซื้อตามร้านขายยา หรือร้านขายเครื่องมือแพทย์) 2.แอลกอฮอล์ 3.สำลี 4.เข็มอินซูลิน (ขนาด 50 unit ซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป) 5.น้ำเกลือ และน้ำอุ่น ทั้งนี้ หากสวมถุงมือเหมือนที่คุณหมอใช้ ก็จะเป็นการดี ทีนี้ก็เริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการกดสิว

         – ล้างทำความสะอาดไม้กดสิว และนำไปแช่ในแอลกอฮอล์ ส่วนเข็มอินซูลินถ้าใช้ครั้งแรกก็ไม่จำเป็นต้องแช่ (ไม่ควรใช้เกิน 3-5 ครั้ง) แช่สักประมาณ 10 นาที แล้วนำสำลีมาซับให้แห้ง
         – ล้างทำความสะอาดใบหน้า และเช็ดโทนเนอร์ให้ทั่วผิวหน้า
         – นำสำลีชุบน้ำอุ่นมาวางแปะไว้บริเวณที่กด ประมาณ 2-3 นาที เพื่อให้รูขุมขนเปิด รากสิวจะอ่อนตัว ทำให้สามารถกดสิวออกได้ง่ายขึ้น
         – ดูชนิดสิว ถ้าเป็นสิวหัวเปิด เช่น สิวหัวดำ สามารถเอาไม้กดสิวกดได้เลย แต่ถ้าเป็นสิวหัวปิด เช่น สิวอุดตัน หรือสิวหัวหนอง ให้เอาเข็มอินซูลินสะกิด (ห้ามเจาะหรือจิ้มจนเกิดแผลเด็ดขาด) บริเวณหัวสิว จะไม่รู้สึกเจ็บ หลังจากสะกิดแล้วค่อยๆเอาไม้กดสิวกดตามลงไป หากกดสิวแล้วเลือดซึมให้นำสำลีชุบน้ำเกลือ หรือสำลีปกติกดห้ามเลือดไว้ รอสักพักให้ทายาสิวทับ (ถ้ามี)
         สำหรับเทคนิคการกดสิว ให้เอาแท่งคร่อมหัวสิวแล้วกด หรือเอาแท่งกดสิวทำมุม 45 องศากับสิวแล้วกดจากด้านข้าง ที่สำคัญคือค่อยๆกดอย่างเบามือ อย่ากดสิวแรง จะได้ไม่เกิดรอยช้ำในวงกว้าง และไม่เกิดรอยแผลเป็นตามมา

 

รักษาสิวด้วย Dr.Young Sprinkling Gel Cream ปรับสภาพผิว คืนความชุ่มชื้น
         ผลิตภัณฑ์ Dr.Young Sprinkling Gel Cream มีคุณสมบัติที่ช่วยในการบำรุงผิว คืนความชุ่มชื้นให้กับผิว พร้อมกับปรับสภาพผิวให้สมบูรณ์อยู่ตลอดทั้งวัน ด้วยการผสมผสานส่วนผสมที่โดดเด่นในการช่วยบำรุงผิวพรรณ จากน้ำแร่ธรรมชาติแท้ๆจากเทือกเขา Alps ผนวกกับสารสกัดจากกระบองเพชร ช่วยในการรักษาความชุ่มชื้นเอาไว้ให้กับผิวได้เป็นระยะเวลานาน ลดความหยาบกร้านของผิว ทั้งยังช่วยทำให้ผิวหนังกระจ่างใสและนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น
         นอกจากนี้ ยังมีสารสกัดจากว่านหางจระเข้ และ Hyaluronic Acid ช่วยทำให้กระบวนการเมตะโบลิของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระตุ้นให้เนื้อเยื่อของผิวหนังที่ชำรุดเกิดการสร้างตัวเองขึ้นใหม่ จัดการปัญหาสิว ลดริ้วรอย ทำให้ผิวมีความกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น ช่วยลดการสร้างอนุมูลอิสระ และช่วยกรองรังสียูวี ช่วยปกป้องฟื้นฟูปรับสภาพผิวให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์และมีอุณหภูมิที่เหมาะสม

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ทำความรู้จัก ‘แอคโนติน’ ยารักษาสิวยอดฮิต

         แค่อ่านชื่อเรื่องหลายคนก็คงถึงบางอ้อกันแล้ว เพราะเจ้า “แอคโนติน” เป็นหนึ่งในยารักษาสิวยอดนิยมที่ส่วนใหญ่ต่างก็รู้จักกันเป็นอย่างดี เนื่องจากเวลาเป็นสิวมากๆแล้วไปหาหมอที่คลินิคหรือโรงพยาบาลเฉพาะทาง นอกจากยาทาสิวที่บริเวณใบหน้าแล้ว แอคโนตินก็มักจะเป็นสิ่งที่คุณหมอให้เรากลับมารับประทานที่บ้านด้วย
         ทั้งนี้ทั้งนั้น แอคโนตินเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่า เป็นยาที่มีผลข้างเคียง ช่วงแรกๆที่ใช้อาจผิวแห้งลอก ปากแห้ง ตาแห้ง ผิวไวต่อแดด ที่พบได้แต่ไม่บ่อย เช่น ผมร่วง เล็บเปราะหักง่าย เล็บอักเสบ ปวดศีรษะ และในระยะยาวอาจส่งผลเสียต่อตับได้ หากรับประทานต่อเนื่องเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตาม เพื่อความกระจ่างชัด วันนี้เราจะพาท่านผู้อ่านไปทำความรู้จักับแอคโนตินให้มากขึ้น


แอคโนติน… ยาเทวดา หรือ ซาตาน ?

         แอคโนติน คือยาในกลุ่มกรดวิตามินเอชนิดรับประทานชื่อ Isotretinoin เป็นหนึ่งในยาที่ผู้ป่วยเป็นสิวเห่อบริเวณใบหน้า นิยมรับประทานจากการจ่ายยาของแพทย์ ยาชนิดนี้แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพในการรักษาสิวที่ดี แต่หากใช้ยาอย่างไม่ถูกต้องก็ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้เช่นกัน โดยยาแอคโนตินจะออกฤทธิ์การทำงานของต่อมไขมัน ลดปริมาณเชื้อแบคทีเรียก่อสิว Propionibacterium acnes และยับยั้งการสร้างหัวสิว (comedone)

         ยารักษาสิว แอคโนติน จะมี 2 แบบ คือ แบบ 10 มิลลิกรัม และ 20 มิลลิกรัม การสั่งยาจะขึ้นอยู่การวินิจฉัยของคุณหมอตามอาการ ซึ่งต้องขอย้ำว่าควรรับประทานตามคำแนะนำของหมอ เพราะทางสำนักงานกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ออกกฎสำหรับยาตัวนี้ว่าเป็นยาอันตราย ต้องให้แพทย์สั่งเท่านั้นถึงจะนำมารับประทานได้
         สำหรับการออกฤทธิ์ของยารักษาสิว แอคโนติน โดยส่วนใหญ่จะสามารถจัดการสิวบนใบหน้าได้อย่างเห็นผล สิวที่เคยขึ้นเห่อจะแลดูจางลง ผิวหน้าแลดูใสขึ้น และทำให้หน้าไม่มัน แต่ผลข้างเคียงของยาตัวนี้ที่มักเกิดขึ้นบ่อยๆก็คือ ผิวแห้งลอก ปากแห้ง ตาแห้ง ผิวไวต่อแดด ที่พบได้แต่ไม่บ่อยคือ ผมร่วง เล็บเปราะหักง่าย เล็บอักเสบ หรืออาจปวดศีรษะ กรณีรับประทานยาเรตินอยด์ร่วมกับยากลุ่มเตตร้าไซคลิน มีผลต่อระดับเอนไซม์ตับ ระดับไขมันในเลือด ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หากใช้แอคโนตินระหว่างตั้งครรภ์ อาจทำให้ทารกพิการได้

         อย่างไรก็ดี การรับประทานยาแอคโนตินเพื่อรักษาสิวนั้น ไม่เป็นอันตราย หากอยู่ในความควบคุมและดูแลของแพทย์ ดังนั้น จึงไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง เพราะแพทย์จะดูแลปริมาณของยาที่รับประทานให้เหมาะกับปัญหาสิวบนใบหน้า และจะมีการติดตามอาการเพื่อดูการผลการตอบสนองต่อยาอย่างต่อเนื่อง

 

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ผิวใสไร้สิว ด้วย แอคโนติน review จากผู้ใช้

         “แอคโนติน” เป็นยารักษาสิวชนิดรับประทานที่คนเป็นสิวมากๆ ต่างก็รู้จักกันดี เพราะแอคโนตินเป็นยาที่มักถูกจ่ายให้คนไข้ที่มีสิวเห่อขึ้นหน้ามากผิดปกติ โดยคุณหมอจะกำชับว่าให้รับประทานนานแค่ไหน สัปดาละกี่เม็ด ซึ่งแต่ละรายจะแตกต่างกันออกไป นอกจากนี้ ผลลัพธ์ที่ได้ยังไม่เหมือนกัน บางคนรับประทานแล้วสิวหายจริงสมคำล่ำลือ ทว่าบางรายกลับไม่เห็นผลอะไร หนำซ้ำยังทำให้เป็นสิวมากขึ้นอีก ทั้งนี้ แอคโนติน ถือเป็นยาที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย วันนี้เราได้รวบรวมหลากหลายความคิดเห็นจากผู้ใช้จริง เพื่อเป็นทางเลือกให้ท่านผู้อ่านใช้ในการตัดสินใจ


แอคโนติน กับการ review จากผู้ใช้

         “เคยกินภายใต้ความควบคุมของแพทย์ค่ะ ตอนกินตาแห้ง ผิวแห้ง คอแห้ง แห้งทุกอย่าง… เห็นผลภายใน 1อาทิตย์ ไม่มีอาการเห่อ แต่เห็นเค้าว่าก็แล้วแต่บางคนนะคะ ตอนกินแฟนก็บ่น ด่า แต่ก็แอบกิน รู้ว่าไม่ดีต่อตับ แต่ก็สัญญากับตัวเองว่าครบโดสแล้วจะเลิกกิน แต่ตอนนั้นที่กิน กินแบบเม็ด 10 mg อาทิตละ 3 เม็ด ถือว่าโดสยาน้อยมาก ตอนนี้ไม่ได้กินมา 2 ปีแล้วค่ะ สิวมาบ้างแต่ไม่เยอะ ยามันก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย ที่สำคัญควรอยู่ภายใต้ความควบคุมของแพทย์อ่าค่ะ”

         “หมอจ่ายให้เราแบบ 20 mg เลยค่ะ ตอนนี้กินมาได้เดือนกว่าๆแล้วค่ะ ที่เห็นได้ชัดเจนเลยคือ หน้าแห้งไปเยอะหมอให้ทาฟิสิโอเจลค่ะ ตาแห้งต้องหยอดน้ำตาเทียมช่วย ปากแห้ง แต่สิวก็น้อยลงมากเลยค่ะ แทบไม่ขึ้นเลยค่ะ”
         “เป็นสิวหนักๆ เม็ดโตๆ บางคนกินเป็นปีครับ สองปีก็มี แล้วแต่อาการ เพื่อนอายุมากพอควรแล้ว เพิ่งมากินร่วมปีเหมือนกัน กินวันเว้นวันนะครับ หน้าใสขึ้นเยอะ แต่มันอดเที่ยวทะเล ตากแดดนานไม่ได้ พักหลังลดเหลือสัปดาห์ละ 2 วัน แต่ยังมีสิวเม็ดเล็กๆ ขึ้นกวนใจอยู่ก็เอาลดอักเสบทาเอาไม่กี่วันก็หาย”
         “ส่วนตัวเราเคยกินยานี้ค่ะ หายจริงๆนะ ยาดีมากๆ แต่ถ้าหยุดจะขึ้นไหม อืมมม..ตอนนี้เราก็ไม่ค่อยมีนะคะ ยังดีก็เล็กๆน้อยๆ สิวไขมันเล็กๆน้อยๆอะค่ะ ช่วงที่กินจะมีอาการปากแห้ง ผิวแห้งนะคะ ดื่มน้ำเยอะๆจริงๆยานี้แรงอยู่ แนะนำว่าอย่ากินทุกวัน เอาเป็นวันเว้นวัน หรือ 2 วันทานทีก็ได้ค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าเป็นเยอะเป็นน้อยอะค่ะ”

         “ดีนะค้าบ ส่วนตัวผมกินอยู่ หน้าใสกิ๊ก สิวหายเกลี้ยงเลย ^^ แต่ข้อเสียคือปากจะแห้ง ผิวจะแห้ง ต้องขยันทาวาสลีนบ่อยๆ และที่สำคัญเคยปรึกษาหมอเค้าบอกว่าควรกินไม่เกิน 3 เดือนแล้วพักตับซัก 1 เดือน ผมกินมาเกือบๆจะ 6 เดือนแล้ว พักบ้าง 1-2 เดือน แต่ไม่ถึงกับหยุดไปเลย เอาแบบนานๆๆๆๆจะกิน ^^ มันเป็นทางเลือกที่ดีมากนะค้าบสำหรับคนหน้ามันมากๆ แล้วแต่คนชอบค้าบ”
         จากหลากหลายความคิดเห็นทั้งหมดเกี่ยวกับยาลดสิวแอคโนติน” ส่วนใหญ่มักพูดกันว่า ยาตัวนี้รับประทานแล้วช่วยให้หน้าใสไร้สิวจริง ทั้งนี้ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มีผลข้างเคียงที่ทำให้หน้าแห้ง ผิวแห้ง ปากแห้ง จมูกแห้ง และอาจเป็นพิษต่อตับ ซึ่งถือว่าไม่เข้าขั้นร้ายแรงถ้าอยู่ในการดูแลของแพทย์ กระนั้นก็ตาม ผิวหน้าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ผลลัพธ์ที่ได้จึงแตกต่างกันออกไป และอะไรที่ขึ้นชื่อว่า “ยา” ย่อมมีผลข้างเคียงเป็นธรรมดา ดังนั้น การใช้แอคโนตินอย่างเหมาะสมตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญจึงถือเป็นการดีที่สุด

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เลเซอร์ Co2 จัดการสิวอุดตัน สิวอักเสบ ให้สิ้นซาก

         การทำเลเซอร์ Co2 หรือการรักษาสิวให้หายเร็วโดยใช้เลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ใช้กันมานาน โดยเฉพาะในคลินิคชื่อดัง เนื่องจากวิธีนี้จะช่วยจัดการกับสิวอุดตัน สิวอักเสบอย่างได้ผล ทั้งนี้ การเลเซอร์ Co2 มักใช้ในกรณีที่มีสิวอุดตันมาเป็นเวลานาน และไม่ตอบสนองต่อการทายาหรือรับประทานยา หรือสิวอุดตันนั้นโตเป็นสิวอักเสบ มีตุ่มแดงบนใบหน้า จนมีโอกาสเกิดเป็นรอยสิวและแผลเป็น
         หรืออีกกรณีคือคนที่เข้ามารักษาสิว โดยต้องการให้สิวบนใบหน้าจางลงไว หายจากการเป็นสิวโดยเร็ว (เพราะรำคาญใจ) ไม่อยากรอผลจากการทายา หรือรับประทานยา ซึ่งอาจใช้เวลานานถึง 1-3 เดือน จึงจะเห็นผลชัดเจน


เลเซอร์ Co2 คืออะไร

         เลเซอร์ Co2 เป็นเครื่องมือ ที่ผลิตแสงที่มีความยาวช่วงคลื่น 10,600 nm. ซึ่งเกิดจากการขยายพลังงาน โดยการกระตุ้นก๊าซ CO2 ให้คลายพลังงานออกมาในรูปแสง ใช้รักษาโรคต่างๆมากมาย ได้แก่ เนื้องอกทุกชนิด เช่น เนื้องอกของท่อเหงื่อ (สิวหิน, Syringoma) ต่อมไขมันโต (Sebaceous Gland Hyperplasia) กระเนื้อ (Seborrhiec Keratosis) ไฝ (Nevus) หูด (Wart) ขี้แมลงวัน (Lentigene) สิวข้าวสาร (Milia) สิวอุดตัน และสิวอักเสบ
         เมื่อฉายแสงเลเซอร์ไปบนผิวหนัง แสงเลเซอร์จะทำหน้าที่คล้ายยาแก้อักเสบไปทำลายเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวและช่วยลดการทำงานของต่อมไขมัน ใช้รักษาสิวอักเสบที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาชนิดอื่น ทำให้สิวแห้งได้เร็วภายในเวลาไม่นานหลังจากการฉายแสงเลเซอร์ Co2

ข้อดีของเลเซอร์ Co2 รักษาสิว
         การรักษาสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ ไม่ว่าจะด้วยการใช้ยาสลายหัวสิว การกดสิว หรือการจี้ด้วยไฟฟ้า อาจมีข้อเสียและเกิดผลข้างเคียง เช่น มีรอยดำรอยแดง ผิวหน้าช้ำ มีเลือดออก ดังนั้นจึงมีการพัฒนานวัตกรรมเลเซอร์ในการรักษาสิวให้มีประสิทธิภาพในการรักษาสูงและไม่เกิดผลข้างเคียง โดยข้อดีของการรักษาด้วยเลเซอร์ Co2 คือเหมาะสำหรับในกรณีที่สิวอุดตัน สิวอักเสบมีจำนวนมากและอยู่ลึก ให้ผลการรักษาที่รวดเร็ว ปลอดภัย ไม่เกิดรอยแผลเป็น และไม่มีเลือดออก

         กระนั้นก็ดี หลังทำเลเซอร์ Co2 รักษาสิวอักเสบ จะมีจุดแดง เห็นชัด 4-7 วัน แต่จะหายไปเอง มีน้อยรายที่รอยแดงอยู่เกิน 7 วัน หรือบางกรณีที่สิวเริ่มอักเสบรุนแรง หลังทำเลเซอร์ อาจมีแผลเป็นจากสิวที่เริ่มแดงและอักเสบ เพราะธรรมชาติของสิวอักเสบ การหายของแผลขึ้นกับสภาพผิวของแต่ละคน
         ท่านผู้อ่านคงได้เห็นถึงประโยชน์จากนวัตกรรมสมัยใหม่เกี่ยวกับการใช้เลเซอร์ Co2 ในการรักษาสิวอุดตัน สิวอักเสบกันไปแล้ว เชื่อว่าหลายคนที่กำลังประสบปัญหาสิวคงอยากไปรักษาด้วยวิธีนี้กัน ทว่าการทำเลเซอร์ Co2 ต้องใช้งบประมาณสูง แต่ละที่มีค่าใช้จ่ายแตกต่างกันออกไป ท่านผู้อ่านควรศึกษารายละเอียดก่อน จะได้ไม่ต้องเสียทั้งเงินและเวลาไปฟรีๆ

 

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

DIY รักษาสิวอักเสบ แบบโฮมเมด

         เชื่อว่าทุกคนเคยประสบปัญหาสิวบนใบหน้า โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่น อยู่ที่ว่าจะเป็นสิวประเภทใด บ้างเป็นเพียงสิวผดหรือสิวเทียม มาแปปเดียวก็หายไปเอง ในขณะที่บางคนเจอปัญหาสิวรุนแรง เป็นสิวอุดตัน สิวหัวหนอง สิวอักเสบ ประเภทสิวเหล่านี้มักส่งผลเสียต่อผิวหน้า ระหว่างเป็นมักมีอาการปวดร่วมด้วย แถมพอหายแล้วจะทิ้งรอยแผลเป็นให้เราปวดใจอีกต่างหาก แต่อย่าได้กังวลไป เพราะทางแก้ยังมีอยู่ โดยวันนี้เราได้นำสูตรรักษาสิวอักเสบ แบบโฮมเมดมาให้ได้ลองนำไปใช้กัน รับรองว่าสิวจะยุบลง ทั้งยังช่วยแก้ปัญหารอยดำรอยแดงหลังจากสิวหายได้ดีอีกด้วย


สูตรรักษาสิวอักเสบ แบบธรรมชาติ

         1.หอมแดง วิธีนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะสะดวกรวดเร็ว เพียงแค่นำหอมแดงที่เตรียมไว้มาปอกเปลือก แล้วล้างให้สะอาด ใช้มีดฝานเป็นแผ่นบางๆ นำมาแปะตรงบริเวณที่เป็นสิว หรือบริเวณที่เป็นจุดด่างดำทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรืออีกวิธีคือให้ใช้มีดทุบแล้วนำไปบดให้ละเอียด โดยใส่น้ำเปล่าลงไปนิดหน่อย แล้วนำหอมแดงที่ได้ทาปิดตรงที่เป็นสิวอักเสบ ทิ้งไว้สักประมาณ 20-30 นาทีแล้วล้างออก แต่ขอบอกเลยว่าต้องทนกับกลิ่นที่ค่อนข้างฉุนของหอมแดงกันสักหน่อย
         2.มะละกอ ผลไม้นี้มีคุณสมบัติในการทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล และยังช่วยลดรอยดำรอยแดงจากสิวอักเสบได้อีกด้วย เพราะในเนื้อมะละกอมีเอ็นไซม์ที่จัดการกับเนื้อเยื่อที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกมาได้ง่าย ช่วยผลัดเซลล์ผิวได้เร็วขึ้น โดยให้เลือกที่มะละกอสุก นำมาปอกเปลือก ล้างยางออกให้หมดแล้วบดละเอียด พอกทิ้งไว้บนผิวหน้า 10-15 นาทีจึงล้างออก เพียงแค่ครั้งแรกจะรู้สึกได้ถึงความเนียนนุ่มชุ่มชื่นของผิว หากใช้เป็นประจำจะช่วยรอยสิวจางลงจนหายเป็นปกติ

         3.มะนาว อีกหนึ่งทางเลือกยอดฮิตคือการใช้สมุนไพรที่หาได้ง่ายอย่างมะนาว เนื่องจากมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ (AHA, Alpha Hydroxy Acids) รักษาสิวอักเสบได้ชะงัด ช่วยในการลอกเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไป นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว ทำให้เซลล์ผิวเกิดใหม่ได้อย่างรวดเร็ว วิธีที่นิยมใช้กันคือหยดน้ำมะนาวสัก 1-2 หยดมาแต้มสิวทิ้งไว้ 10-15 นาทีแล้วล้างออก แต่สำหรับคนที่ผิวหน้าไม่เหมาะกับมะนาวหรือคิดว่ามะนาวแรงเกินไป ก็ให้ใช้น้ำมะนาวผสมกับน้ำผึ้งแทน
         4.ว่านหางจระเข้ ให้นำว่านหางจระเข้มาลอกเปลือกด้านนอก แล้วตัดเป็นชิ้นเล็กๆคล้ายลูกเต๋า จะได้วุ่นว่านหางจระเข้ จากนั้นก็นำไปทาบนผิวหน้า เน้นบริเวณที่เป็นสิวอักเสบ ว่านหางจระเข้จะช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกในรูขุมขน และยังช่วยให้ผิวที่แห้งเป็นขุยกลับมาเนียนนุ่ม ชุ่มชื้นขึ้น ทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไป แก้ปัญหารอยแผลเป็นได้อีกด้วย

         5.มะเขือเทศกับโยเกิร์ต ตบท้ายกันด้วยสูตรธรรมชาติอย่างมะเขือเทศที่ฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพผิว ทั้งยังมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ช่วยในการรักษาสิวอักเสบได้ วิธีคือให้หั่นมะเขือเทศออกเป็นครึ่งลูก และสับให้ละเอียด นำไปผสมกับโยเกิร์ต 2 ช้อนโต๊ะ จากนั้นนำมาทาให้ทั่วบริเวณใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 10-20 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

แอคโนติน แก้ปัญหา สิวอักเสบ ได้ผลเร็ว

         พอพูดถึงปัญหาสิวอักเสบ หลายคนที่กำลังตกอยู่ในวังวนของสิวคงรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ใบหน้าขึ้นมาทันที เพราะสิวประเภทเป็นกันมากโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ลักษณะจะเป็นสิวเม็ดใหญ่ บางคนเรียกว่า “สิวหัวช้าง” มักมีอาการเจ็บปวดร่วมด้วย เนื่องจากมีหนองสะสมอยู่ใต้ผิว เป็นตุ่มปูดบวมแดง บางคนอาจช้ำจนเป็นสีม่วง และที่น่าเจ็บใจคือสิวอักเสบ เมื่อหายแล้วมักจะทิ้งรอยดำรอยแดง หรือรอยแผลเป็นไว้ให้ สิวประเภทนี้จึงถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใครต่างยกให้เป็นปัญหาระดับชาติ

สิวอักเสบ…ปัญหาใหญ่ที่แก้ไม่ตก

         สิวอักเสบ (Inflammatory ance) คือการที่สิวอุดตัน (Comedone) ได้รับการติดเชื้อแบคทีเรีย แล้วเจ้าแบคทีเรียนี้เองเป็นตัวการปล่อยเอนไซม์ไปกระตุ้นให้เกิดอาการอักเสบ ทำให้ยกระดับเป็นสิวอักเสบ โดยแต่ละรายจะมีความรุนแรงแตกต่างกัน แล้วแต่จำนวนเชื้อและขนาดของสิวอุดตัน สิวอักเสบนี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง เพื่อลดการอักเสบที่อาจลุกลาม และการเกิดแผลเป็น
         ลักษณะสิวประเภทนี้ ที่่เรามองเห็นจะเป็นเม็ดตุ่มนูนๆ บวมแดง อาจเป็นเม็ดเล็กหรือใหญ่ก็ได้ บางครั้งเห็นเป็นหนองบริเวณหัวสิว หรือที่เรียกว่า “สิวหนอง” หากสิวอักเสบมีการติดเชื้อและอักเสบมากทำให้มีขนาดใหญ่เป็นสิวหัวช้าง ทั้งนี้ สิวอักเสบ เกิดขึ้นได้จาก 2 ปัจจัยใหญ่ๆ คือ
         1.เกิดขึ้นเองตามธรมชาติ เกิดจากสภาวะที่ร่างกายมีฮอร์โมนไม่สมดุล จึงทำให้เกิดสิวอักเสบขึ้น
         2.เกิดขึ้นจากสิ่งสกปรกและฝุ่นละออง เมื่อฝุ่นละอองและเชื้อแบคทีเรียเข้าไปอุดตันในบริเวณรูขุมขน จึงทำให้เกิดอาการอักเสบในที่สุด

‘แอคโนติน’ พระเอกตัวจริง พิชิตสิวอักเสบ

         หากไปรักษาสิวอักเสบที่โรงพยาบาลหรือคลินิค นอกจากคุณหมอจะแนะนำให้รักษาความสะอาดบนใบหน้า หลีกเลี่ยงมลภาวะอย่างฝุ่นควันแล้ว ก็มักจะจ่ายยารักษาสิวให้กลับไปรับประทานยา ยาที่ว่านี้ก็คือ “แอคโนติน” (Acnotin) คือยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ ชนิดรับประทาน ชื่อ Isotretinoin เป็นหนึ่งในยาที่ผู้ป่วยสิวนิยมซื้อรับประทานเอง อย่างไรก็ดี ยาชนิดนี้แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพในการรักษาสิวที่ดี แต่หากใช้ยาอย่างไม่ถูกต้องก็ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้

การใช้ แอคโนติน ที่ถูกต้อง
         เนื่องจากยาแอคโนตินจะเข้าไปลดการทำงาน ของต่อมไขมัน ลดปริมาณเชื้อแบคทีเรียก่อสิว Propionibacterium acnes และยับยั้งการสร้างหัวสิว (comedone) จึงทำให้สามารถจัดการสิวอักเสบได้อย่างอยู่หมัด แต่วิธีรับประทานยาที่ถูกต้องคือ ขนาดยา เริ่มต้น 0.5–1 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน รับประทานยาต่อเนื่องกันจนได้ขนาดยารวมทั้งหมด 120 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม จากนั้นสามารถหยุดรับประทานยาได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องค่อยๆ ปรับลดขนาดยาลงก่อน เนื่องจากในช่วง 1 เดือนแรก อาการสิวมักแย่ลง แพทย์จึงจำเป็นต้องให้ยาลดการอักเสบนำก่อนประมาณ 2-4 สัปดาห์

         อย่างไรก็ดี แอคโนตินอาจมีผลข้างเคียงต่อผู้ป่วย อย่างที่มีคนออกมารีวิวการใช้ยาในโลกสังคมออนไลน์ แต่อาการข้างเคียงมักเป็นช่วงแรกๆที่ใช้ ที่พบได้บ่อยคือผิวแห้งลอก ปากแห้ง ตาแห้ง ผิวไวต่อแดด ที่พบได้แต่ไม่บ่อย เช่น ผมร่วง เล็บเปราะหักง่าย เล็บอักเสบ ปวดศีรษะ

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

มาจัดการสิว อักเสบ หน้าผากแดง ด้วยตัวเองกันเถอะ

         สารพันปัญหาผิวบนใบหน้าวันนี้เราจะมาพูดถึงเจ้าสิว อักเสบ หน้าผากแดง และมาดูวิธีเอาชนะมันด้วยตัวเอง ไม่ต้องหันไปพึ่งหมอให้เปลืองงบประมาณ ซึ่งสิวอักเสบ (Inflammatory ance) เกิดจากสิวอุดตัน (Comedone) ได้รับการติดเชื้อแบคทีเรีย แล้วเจ้าแบคทีเรียนี้เองเป็นตัวการปล่อยเอนไซม์ไปกระตุ้นให้เกิดอาการอักเสบ ทำให้สิว อักเสบ หน้าผากบวมแดงมากขึ้น บางครั้งอาจลุกลามไปยังบริเวณอื่นๆได้ โดยแต่ละรายจะมีความรุนแรงแตกต่างกันออกไป แล้วแต่จำนวนเชื้อและขนาดของสิว ทั้งนี้ จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง เพื่อลดการอักเสบที่รุนแรงและการเกิดรอยแผลเป็น
         ลักษณะของสิวอักเสบที่่เรามองเห็น จะเป็นเม็ดตุ่มนูนๆ บวมแดง อาจเป็นเม็ดเล็กหรือใหญ่ก็ได้ บางครั้งเห็นเป็นหนองบริเวณหัวสิว หรือที่เรียกว่า “สิวหนอง” หากสิวอักเสบมีการติดเชื้อและอักเสบมากจะทำให้มีขนาดใหญ่เป็นสิวหัวช้าง ซึ่งเจ้าสิว อักเสบ หน้าผากแดงช้ำ เป็นรอยสิวนี้ เกิดขึ้นได้จาก 2 ปัจจัยใหญๆ คือ


         1.เกิดขึ้นเองตามธรมชาติ โดยมักเกิดจากสภาวะที่ร่างกายเรามีฮอร์โมนไม่สมดุลหรือผิดปกติ จึงทำให้เกิดสิวอักเสบขึ้น
         2.เกิดขึ้นจากสิ่งสกปรกและฝุ่นละออง เมื่อฝุ่นละอองและเชื้อแบคทีเรียเข้าไปอุดตันในบริเวณรูขุมขน จึงทำให้เกิดอาการอักเสบ และเกิดเป็นสิว อักเสบ หน้าผากเป็นตุ่มสิวบวมแดงในที่สุด

วิธีจัดการสิวอักเสบ ด้วยตัวเอง
         เมื่อพบว่าใบหน้าของตนเริ่มมีสิวอักเสบผุดขึ้นมา ก็อย่าพึ่งตกอกตกใจ ตื่นตูมกันไป เพราะมันสามารถแก้ไขได้ เพื่อไม่ให้อาการอักเสบรุนแรง และลุกลามไปยังพื้นที่อื่นๆ โดยมีข้อควรปฏิบัติดังนี้
         1.ล้างหน้าให้สะอาด โดยหาโฟมล้างหน้าสูตรอ่อนๆมาใช้ หรือโฟมล้างหน้าที่มีส่วนสกัดจากสมุนไพรก็ได้ หรืออาจเลือกผลิตภัณฑ์ประเภทเวชสำอางค์เพื่อช่วยรักษาสิวไปด้วยในตัว
         2.ล้างหน้าเบาๆ ไม่ควรถูหน้าแรงๆ หรือใช้ผ้าขนหนูเช็ดที่หน้าแรงจนเกินไป เพราะจะยิ่งทำให้สิวอักเสบที่เป็นหนองอักเสบมากขึ้น จนกลายเป็นสิวหัวช้างได้ในที่สุด
         3.พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ที่สำคัญคือต้องดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อปรับสมดุลให้ร่างกาย
         4.ใช้กระดาษซับมันระหว่างวัน อย่าปล่อยให้หน้ามัน โดยใช้กระดาษซับมันแบบเบามือ อย่ากดโดนบริเวณสิวแรงเกินไป ทั้งนี้ ถ้าใครใช้กระดาษซับมันแล้วพบว่าสิวที่อักเสบขึ้นเรื่อยๆ ควรหันไปใช้วิธีล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าแทน
         5.ใช้เจลแต้มสิว โดยควรศึกษารายละเอียดของผลิตภัณฑ์ก่อนซื้อ หรืออาจจะลองอ่านรีวิวตามเว็บบอร์ดต่างๆในอินเตอร์เน็ตก่อนก็ได้
         6.ขยันเปลี่ยนผ้าปูที่นอน และซักผ้าเช็ดตัวเป็นประจำ เพราะเป็นรักษาความสะอาดที่ดี

 


สูตรมะเขือเทศรักษาสิวอักเสบ
         ในมะเขือเทศมีสารชนิดหนึ่งซึ่งทำหน้าที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนั้นมะเขือเทศยังอุดมประโยชน์ไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพผิว ทั้งยังมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ทำให้มะเขือเทศ รักษาสิวอักเสบได้อย่างเห็นผล สำหรับสูตรมะเขือเทศรักษาสิวที่เรานำมาแนะนำนี้ เป็นสูตรธรรมชาติที่ทำเองได้ง่ายๆ
         1.มะเขือเทศพอกหน้า นำมะเขือเทศ 1 ลูกมาบดให้ละเอียด แล้วใช้ในการพอกหน้าบริเวณที่มีสิวและไม่มีสิว หรือพอกไว้ให้ทั่วใบหน้า จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น เช็ดหน้าให้แห้ง ให้ทำต่อเนื่องกันประมาณ 1 สัปดาห์ จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องสิวได้
         2.มะเขือเทศกระชับรูขุมขน วิธีการทำก็คือ นำน้ำมะเขือเทศ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำมะนาว 2-4 หยด จากนั้นใช้สำลีชุบส่วนผสมดังกล่าวทาให้ทั่วบริเบณใบหน้า ยกเว้นรอบดวงตาและปาก ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น
         3.มะเขือเทศมาร์คหน้ากับโยเกิร์ต ให้หั่นมะเขือเทศออกเป็นครึ่งลูก และสับให้ละเอียด นำไปผสมกับโยเกิร์ต 2 ช้อนโต๊ะ จากนั้นนำมาทาให้ทั่วบริเวณใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 10-20 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น
         4.มะเขือเทศผสมแตงกวา มีขั้นตอนในการทำง่ายๆ เพียงแค่นำแตงกวา 1 ลูก มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆและสับให้ละเอียด ปั่นหรือคั้นเอาแต่น้ำแตงกวาแล้วกรองแยกใส่ชามเอาไว้ จากนั้นนำมะเขือเทศ 1 ลูกหั่นให้ละเอียด แล้วคั้นเอาแต่น้ำเช่นกัน นำน้ำแตงกวาและน้ำมะเขือเทศมาผสมให้เข้ากัน ใช้สำลีชุบทาให้ทั่วบริเวณผิวหน้า แล้วล้างออก เช็ดหน้าให้แห้งเป็นอันเสร็จ

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ฉายแสงรักษาสิว ราคาแพง ได้ผลจริงหรือ ?

         การรักษาสิวที่เห่อขึ้นหน้านั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการทายาสิว ใช้เวชสำอางค์ฟื้นบำรุงผิว หรือรับประทานยารักษาสิว ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะแตกต่างกันออกไปตามอาการและสภาพผิวหน้าของแต่ละคน นอกจากนี้ยังมีวิธีทางกายภาพในการรักษาสิว เรียกอีกอย่างว่า “ทรีทเมนต์” โดยวิธีนี้มักใช้กันตามคลินิครักษาสิวต่างๆ ซึ่งการทำทรีทเมนต์ที่กำลังนิยมในขณะนี้คือนวัตกรรมการฉายแสงรักษาสิว ราคาค่อนข้างสูง แต่ได้ผลดี ซึ่งก่อนจะลงลึกไปถึงรายละเอียด เราควรมาทำความรู้จักกับทรีทเมนต์ต่างๆ กันก่อน


ทรีทเมนต์รักษาสิวต่างๆ
1.การใช้ความเย็น (liquid nitrogen) แพทย์จะใช้รักษาสิวอักเสบที่เป็นซีสต์ เพื่อช่วยลดการอักเสบ และความเย็นจะทำให้ผนังของซีสต์ถูกทำลายไป
2.การกดสิว (comedone extraction) วิธีนี้ใช้รักษาสิวที่ไม่อักเสบทั้งชนิดหัวดำและหัวขาว ในรายที่รูเปิดของสิวเล็กมาก อาจจำเป็นต้องขยายรูเปิด ซึ่งมีทั้งการใช้เข็มสะอาด หรือการใช้เลเซอร์เจาะรู เพื่อช่วยให้กดสิวได้ง่ายขึ้น จากนั้นจึงกดเอาหัวสิวออกมา ในขั้นตอนการกดเอาหัวสิวออกบางครั้งอาจทำให้เกิดรอยครูดที่ผิว เป็นแผลถลอกได้ง่าย แพทย์ต้องมีความเชี่ยวชาญ
3.การฉีดยาที่หัวสิว แพทย์จะใช้ยาลดการอักเสบ ฉีดเข้าที่ถุงสิว จะทำให้การอักเสบของสิวลดลงอย่างรวดเร็ว
4.การลอกผิวหนังด้วยสารเคมี เป็นเทคนิคที่นำมารักษาโรคสิวและรอยแผลเป็นสิว นิยมใช้กันมาก เพราะจะช่วยลอกสิวหัวดำและเม็ดสิวอักเสบ ช่วยลดรอยด่างดำที่เกิดจากสิว ช่วยให้หลุมแผลเป็นชนิดตื้นตื้นขึ้นได้ แต่หากมีสิวอักเสบมาก ควรระวังการใช้วิธีลอกผิว เนื่องจากอาจระคายเคือง แสบแดง จากสารเคมีที่ใช้นอกจากนี้การลอกผิวด้วยสารเคมี ทำให้ผิวไวต่อแสง อาจเกิดรอยกระดำกระด่างซึ่งแก้ไขได้
5.การฉายแสง (laser and light treatments) ปัจจุบันมีเลเซอร์และแสงหลายชนิดที่นำมาใช้รักษาสิว ส่วนใหญ่แล้วการรักษาด้วยวิธีนี้จะแก้ไขเพียงสาเหตุเดียวของพยาธิกำเนิด คือ ที่ตัวเชื้อ P.acnes เท่านั้น ข้อดีของวิธีนี้คือผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องทายา รับประทานยา และเหมาะสำหรับสิวบางตำแหน่งที่ทายาเองลำบาก เช่น ที่หลัง และถึงแม้ว่าการฉายแสงรักษาสิว ราคาจะสูง แต่เมื่อเทียบกับวิธีอื่นที่ต้องใช้เวลานาน ต้องเสียค่าใช้จ่ายไปเรื่อยๆ หลายคนก็บอกว่าคุ้มที่จะเสีย

ประเภทการฉายแสงรักษาสิว
การฉายแสงรักษาสิว ราคาสูง ขณะนี้กำลังมีการศึกษาพัฒนาขึ้นเรื่อย โดยการฉายแสงในปัจจุบันที่ใช้กันคือโปรแกรมฉายแสงรักษาสิว หรือรักษาสิวด้วยแสง ดังนี้
1.การฉายแสงสีน้ำเงิน (Blue Light Therapy) องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาอนุมัติให้ใช้แสงสีน้ำเงินในการรักษาสิว ซึ่งแสงช่วงคลื่นเฉพาะนี้จะฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว และเนื่องจากแสงสีน้ำเงินที่ฉายออกมาไม่มีส่วนผสมของรังสียูวีจึงไม่ทำให้ผิวหนังได้รับอันตราย การรักษาด้วยวิธีนี้เหมาะกับผู้ที่เป็นสิวอักเสบธรรมดา แต่ถ้าเป็นสิวอักเสบมากชนิดเป็นถุงซิสต์ที่เรียกว่า “สิวหัวช้าง” ก็อาจใช้ไม่ได้ผล ควรรับประทานยาร่วมด้วย ซึ่งการฉายแสงสีน้ำเงินมักต้องทำต่อเนื่อง สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ประมาณ 4 สัปดาห์ สำหรับผลข้างเคียงที่พบมักไม่รุนแรง เช่น ผิวเปลี่ยนสีชั่วคราว บริเวณที่รักษาบวมเล็กน้อย และผิวแห้ง
2.การฉายพลังงานแสงและความร้อน (Light and Heat Energy, LHE) การใช้พลังงานแสงและความร้อนจะฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และลดการทำงานของต่อมไขมัน โดยทำให้ต่อมไขมันหดตัวลง ปัจจุบันองค์การอาหารและยาสหรัฐอนุมัติให้ใช้แสงสีเขียวร่วมกับความร้อน รักษาสิวที่เป็นน้อยถึงปานกลาง
นอกจากนี้ ยังมีวิธีอื่นๆ เช่น การทา ALA ร่วมกับการฉายแสง การใช้เทคนิค ELOS คือใช้พลังงานแสง (Intense Pulse Light, IPL) ร่วมกับคลื่นวิทยุ (radiofrequency, RF) การใช้ไดโอดเลเซอร์ (Diode laser) การใช้เพาส์ดายเลเซอร์ (pulsed dye laser) เป็นต้น
วิธีฉายแสงรักษาสิว ราคาแพงนี้ ถือเป็นวิธีที่ได้ผลดี เหมาะกับผู้ที่มีสิวอักเสบสิวอุดตันจำนวนมากและผิวมัน หรือผู้ที่สิวหายยาก เนื่องจากมีการดื้อยา ใช้เวลาทำไม่นาน ทั้งนี้ การฉายแสงรักษาสิวและเลเซอร์รักษาสิวนั้นยังไม่จัดว่าเป็นการรักษาสิวในลำดับแรก เพราะมีค่าใช้จ่ายสูง เครื่องไม้เครื่องมือต้องทันสมัย และที่สำคัญต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

แนะนำวิธีจัดการสิวอักเสบ ด้วยสูตรธรรมชาติ

         สิวมีหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นสิวหัวช้าง สิวเสี้ยน สิวหัวดำ สิวผด ฯลฯ และที่ขาดไม่ได้เลยคือเจ้าสิวอักเสบ ซึ่งถือเป็นตัวการใหญ่ที่สามารถทำร้ายผิวหน้าแสนบอบบางของเราได้อย่างย่อยยับ แถมยังทิ้งรอยดำรอยแดงไว้ให้เจ็บช้ำน้ำใจ และเพื่อให้ปัญหาเรื่องสิวๆนี้หมดไป วันนี้เราจะพาท่านผู้อ่านไปรู้จักกับสุดยอดวิธีจัดการสิวอักเสบ ด้วยสูตรธรรมชาติ ซึ่งรับรองว่าได้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม ที่สำคัญไม่ต้องไปเสียเงินซื้อโฟมล้างหน้าหรือครีมแพงๆให้สิ้นเปลือง

วิธีที่ 1 มะเขือเทศผสมแตงกวา
มีขั้นตอนในการทำง่ายๆ เพียงแค่นำแตงกวา 1 ลูก มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆและสับให้ละเอียด ปั่นหรือคั้นเอาแต่น้ำแตงกวาแล้วกรองแยกใส่ชามเอาไว้ จากนั้นนำมะเขือเทศ 1 ลูกหั่นให้ละเอียดแล้วคั้นเอาแต่น้ำเช่นกัน นำน้ำแตงกวาและน้ำมะเขือเทศมาผสมให้เข้ากัน จากนั้นใช้สำลีชุบทาให้ทั่วบริเวณผิวหน้า โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นสิวอักเสบ ทิ้งไว้ครู่หนึ่งจึงค่อยล้างออก เช็ดหน้าให้แห้งเป็นอันเสร็จ

วิธีที่ 2 ว่านหางจระเข้
 พืชที่เป็นที่รู้จักมาอย่างช้านานอย่างว่านหางจระเข้ มีคุณค่าต่อผิวมากมาย ที่นิยมกันก็คือการใช้ว่านหางจระเข้สามารถบันเทาอาการปวด อักเสบจากแผลที่ถูกไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ทั้งยังสามารถนำมารักษาสิวอักเสบได้อีกด้วย วิธีการคือให้นำว่านหางจระเข้มาลอกเปลือกด้านนอก แล้วตัดเป็นชิ้นเล็กๆคล้ายลูกเต๋า จะได้วุ่นว่านหางจระเข้ จากนั้นก็นำไปทาบนผิวหน้าได้เลย เน้นบริเวณที่เป็นสิว ว่านหางจระเข้จะช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกในรูขุมขน และยังช่วยให้ผิวที่แห้งเป็นขุยกลับมาเนียนนุ่ม ชุ่มชื้นขึ้น ทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไป

วิธีที่ 3 มะละกอ
มะละกอมีคุณสมบัติในการทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล และยังช่วยลดรอยดำรอยแดงจากสิวอักเสบได้อีกด้วย เพราะในเนื้อมะละกอมีเอ็นไซม์ที่จัดการกับเนื้อเยื่อที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกมาได้ง่าย ช่วยผลัดเซลล์ผิวได้เร็วขึ้น โดยให้เลือกที่มะละกอสุก นำมาปอกเปลือก ล้างยางออกให้หมดแล้วบดละเอียด พอกทิ้งไว้บนผิวหน้า 10-15 นาทีจึงล้างออก เพียงแค่ครั้งแรกจะรู้สึกได้ถึงความเนียนนุ่มชุ่มชื่นของผิว หากใช้เป็นประจำจะช่วยรอยสิวจางลงจนหายเป็นปกติ

วิธีที่ 4 มะนาว
สมุนไพรที่หาได้ง่ายอย่างมะนาว มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ (AHA, Alpha Hydroxy Acids) ช่วยในการลอกเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไป นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว ทำให้เซลล์ผิวเกิดใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญคือใช้รักษาสิวอักเสบได้ วิธีที่นิยมใช้กันคือหยดน้ำมะนาวสัก 1-2 หยดมาแต้มสิวทิ้งไว้ 10-15 นาทีแล้วล้างออก แต่สำหรับคนที่ผิวหน้าไม่เหมาะกับมะนาวหรือคิดว่ามะนาวแรงเกินไป ก็ให้ใช้น้ำมะนาวผสมกับน้ำผึ้งแทน

วิธีที่ 5 กระเทียม
วิธีการคือใช้กระเทียมสัก 2 กลับมาทุบหรือบด จะได้น้ำกระเทียมออกมา จากนั้นใช้แต้มบริเวณที่เป็นสิวอักเสบ โดยให้แต้มบางๆทิ้งไว้เป็นเวลา 15 นาทีจึงล้างออกให้สะอาด กระเทียมมีสารที่ช่วยรักษาสิวได้ดี ทั้งยังช่วยลดเลือดรอยด่างดำที่เกิดจากจากสิว ได้ผิวหน้าเนียนใสไร้สิว

วิธีที่ 6 หอมแดง
ต้องบอกก่อนว่าวิธีนี้ต้องทนกับกลิ่นที่ค่อนข้างฉุนของหอมแดง แต่รับรองว่าผลลัพธ์ที่ได้นั้นจะต้องเป็นที่น่าพึงพอใจ โดยให้นำหอมแดงที่เตรียมไว้มาปอกเปลือก แล้วล้างให้สะอาด ใช้มีดฝานเป็นแผ่นบางๆ นำมาแปะตรงบริเวณที่เป็นสิว หรือบริเวณที่เป็นจุดด่างดำทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรืออีกวิธีคือให้ใช้มีดทุบแล้วนำไปบดให้ละเอียด โดยใส่น้ำเปล่าลงไปนิดหน่อย แล้วนำหอมแดงที่ได้ทาปิดตรงที่เป็นสิวอักเสบ ทิ้งไว้สักประมาณ 20-30 นาทีแล้วล้าง

 ทั้ง 6 วิธีข้างต้นเป็นวิธีการรักษาสิวอักเสบแบบธรรมชาติ รวมทั้งยังมีคุณสมบัติในการฟื้นบำรุงผิวจากจุดด่างดำและเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว ทั้งนี้ทั้งนี้ ผิวหน้าแต่ละคนไม่เหมือนกัน ผลลัพธ์ที่ได้จึงแตกต่างกัน บางคนเหมาะกับสูตรมะนาว ขณะที่ผิวหน้าของอีกคนถูกกับมะเขือเทศ ดังนั้น ถ้าลองสูตรไหนแล้วไม่ดีขึ้น แนะนำให้เปลี่ยนไปใช้สูตรอื่น และเมื่อพบว่าผิวหน้าเราเหมาะกับอะไรแล้วก็ควรหมั่นใช้สูตรนั้นๆจัดการกับเจ้าสิวอักเสบให้อยู่หมัด

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.