ทำ IPL หน้าใสปิ๊ง สั่งได้ดังใจ

         ปัจจุบันมีวิธีการทำให้ผิวหน้าขาวใสมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ครีมหรือเซรั่มบำรุงผิว การรับประทานอาหารเสริม หรือแม้แต่การใช้สูตรพอกผิวหน้าแบบโฮมเมด ทั้งนี้ วิธีดังกล่าวอาจต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะได้หน้าใสปิ๊ง จึงเกิดเป็นนวัตกรรมเลเซอร์ผิวขึ้น วิธีนี้ไม่ต้องรอนานก็เห็นผลชัดเจน โดยนวัตกรรมที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้ก็คือ การทำ IPL ที่ใช้แก้ปัญหาผิวบนใบหน้าได้สารพัด ทั้งยังเป็นวิธีที่ใช้กันในระดับสากล


การทำ IPL คืออะไร

         การทำ IPL (Intense Pulsed Light) เป็นเครื่องมือที่พัฒนามาจากการทำเลเซอร์ ผลิตขึ้นโดยการปล่อยลำแสงที่ไม่ใช่เลเซอร์ แต่เป็นคลื่นแสงที่มีความยาวคลื่นหลายช่วง ตั้งแต่ 500 – 1,200 นาโนเมตร สามารถนำมาใช้แก้ไขปัญหาผิวพรรณได้มากมาย การใช้การปรับแต่งลำแสงมาแก้ปัญหานั้น จะมีฟิลเตอร์ (Filter) เป็นตัวกรองคลื่นแสงให้อยู่ในช่วงความยาวคลื่นที่ต้องการ โดยใช้หลักการดูดพลังงานแสงของส่วนประกอบของผิวที่แตกต่างกัน (selective photothermolysis) เช่น ฮีโมโกลบินในเส้นเลือด หรือเมลานินในเม็ดสี เมื่อเป้าหมายที่ต้องการดูดพลังงานแสงเข้าไปก็จะเกิดความร้อน ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามที่ต้องการ
         การทำ IPL ใช้รักษาได้ทั้ง กระตื้นและรอยดำโดยการทำลายเม็ดสีที่เข้มผิดปกติให้หลุดลอกออก จัดการริ้วรอยเล็กๆ และริ้วรอยรอบปาก โดยเข้าไปกระตุ้นให้ผิวชั้นกลางสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมา ริ้วรอยเล็กๆ ก็จะลดลง และยังช่วยรักษารอยแดง เส้นเลือดแดงฝอยเล็กๆ ฝ้าเส้นเลือด โดย IPL จะทำลายเส้นเลือดฝอยเล็กและทำให้เส้นเลือดหดเล็กลง รวมถึงการทำให้รูขุมขนที่กว้างจะกระชับเล็กลง พร้อมๆกับปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดความหมองคล้ำ ได้หน้าใสปิ๊งได้ดังใจต้องการ

ขั้นตอนการทำ IPL
         ในการรักษาไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา แต่จะมีการทาเจลเย็นตรงบริเวณที่จะทำการรักษา ช่วยให้ไม่รู้สึกเจ็บ และให้สวมแว่นดำเพื่อป้องกันแสงสว่างที่เกิดจากเครื่อง IPL จากนั้นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะกำหนดพลังงานแสงที่ตรงกับปัญหาที่ต้องการรักษา แล้วนำหัว IPL มาวางทาบบริเวณที่รักษา และปล่อยลำแสงออกมา แสงที่ออกมาจะมีความจ้ามากคล้ายกับแสงแฟลชถ่ายภาพ ขณะที่แสงถูกปล่อยออกมา จะรู้สึกเหมือนถูกหนังยางดีดเบาๆ และอุ่นเล็กน้อยบนผิว
         การทำ IPL อาจใช้เวลาตั้งแต่ 15-30 นาที และจำนวนครั้งที่ทำก็ขึ้นอยู่กับปัญหาผิว บางรายทำเพียงครั้งเดียว บางคนต้องทำต่อเนื่องแตกต่างกันออกไป แต่โดยทั่วไปจะเห็นผลเร็วหลังจากทำ 1-2 ครั้ง โดยทำทุก 2 สัปดาห์ ต่อครั้งในระยะแรก สำหรับผลข้างเคียงอาจพบในบางราย เช่น หลังทำจะรู้สึกร้อนที่ผิวประมาณ 20-30 นาที มีรอยแดงบางบริเวณซึ่งจะหายไปในเวลา 2–3 ชั่วโมง ในคนที่รักษากระตื้นจะเกิดสะเก็ดหลังทำอยู่ประมาณ 3-7 วัน
         อย่างไรก็ตาม หลังทำ IPL ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดประมาณ 1-2 สัปดาห์ และต้องทายากันแดดเป็นประจำ รวมทั้งควรดูแลผิวอย่างถูกต้องโดยไม่รบกวนผิวหรือขัดถูหน้าแรงๆ ที่สำคัญควรมีการทาครีมบำรุงผิว (Moisturizer) ด้วย นอกจากนี้ยังควรรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะพวกผักไม้ที่ให้วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระ จะช่วยให้การได้หน้าใสปิ๊ง ขาวสวยอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น

 

ทำ IPL แล้ว อย่าลืมบำรุงผิวจากภายใน
         เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากจะทำ IPL ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาผิวจากภายนอกแล้ว สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ การบำรุงผิวให้สุขภาพดีออกมาจากข้างใน โดยการรับประทานน้ำเปล่ามากๆ และการรับประทานอาหารที่ให้วิตามินซี ไลโคปีน และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยให้ผิวหน้าใสปิ๊งมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ หากใครไม่ชอบรับประทานผักผลไม้ก็สามารถใช้อาหารเสริมแทนได้

         

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ผิวหมองคล้ำ อยากได้หน้าใสปิ๊ง ต้องทำไง

         ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันว่า “ผิวหมองคล้ำ” ไม่ได้หมายถึงผิวสีน้ำผึ้งหรือผิวสีแทนที่ฝรั่งตาน้ำข้าวนิยมชมชอบกัน แต่มันคือการที่ผิวของคุณได้รับความเสียหายจากปัจจัยต่างๆจนทำให้ผิวเกิดความหมองคล้ำดำเสีย และอาจยกระดับเป็นปัญหาผิวตามมา เช่น ปัญหาสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ เป็นต้น นอกจากนี้หากใครปล่อยให้ผิวคล้ำเสียอย่างรุนแรง (โดยเฉพาะคนที่ชอบโดนแดดจัด) ก็อาจทำให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้


ปัจจัยที่ทำให้เกิดผิวหมองคล้ำ

1.แสงแดด เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ เพราะผิวจะเริ่มคล้ำเสียหลังจากที่ถูกแดดแรงๆเพียง 60 วินาที โดยผิวจะเริ่มเกิดอาการแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด สภาพผิวเช่นนั้นเป็นสัญญาณเตือนว่าเซลล์ผิวกำลังถูกทำลาย และถ้าหากยังคงชะล่าใจไมทำการป้องกัน ก็จะทำให้เกิดปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ
2.การไม่ล้างทำความสะอาดใบหน้าก่อนเข้านอน การทาบีบีครีม ครีมรองพื้น เครื่องสำอางต่างๆ อย่างซ้ำๆ และไม่ยอมล้างทำความสะอาดให้หมดจดก่อนเข้านอนจะส่งผลให้เกิดปัญหาสิว จากการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำในท้ายที่สุด
3.รังสียูวีและคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โดยเฉพาะจากคอมพิวเตอร์ ที่เกิดขึ้นจากการใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานานๆ จะส่งผลให้ผิวหน้าหมองคล้ำขึ้นได้โดยที่คุณอาจไม่รู้ตัว
   4.ความเครียด เป็นศัตรูตัวฉกาจต่อความสวยความงาม และสุขภาพโดยรวม เพราะความเครียดจะส่งผลให้ผิวหน้าหมองคล้ำได้ แถมยังบั่นทอนสุขภาพอีกด้วย

5.พักผ่อนไม่เพียงพอ การพักผ่อนน้อยก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ความหมองคล้ำได้เช่นกัน สิ่งที่สังเกตได้ชัดเจนคือบริเวณใต้ตาจะมีความดำคล้ำ ถ้าหากปล่อยไว้จะทำให้หน้าหมองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
6.ขาดน้ำ การได้รับน้ำปริมาณน้อยในแต่ละวัน จะทำให้ผิวเกิดความแห้งเสียหมองคล้ำได้ง่าย ฉะนั้นควรดื่มน้ำให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ หรือในคนทั่วไปควรดื่มอย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน ก็จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ดีขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม นอกจากปัจจัยดังกล่าวแล้ว การที่ผิวหมองคล้ำอาจเกิดจากปัญหาสุขภาพภายใน เช่น ระบบอวัยวะภายในที่ทำงานอย่างผิดปกติ ระดับฮอร์โมนแปรปรวน เป็นต้น หรืออาจเกิดจากการแพ้สารเคมีบางชนิด โดยเฉพาะในเครื่องสำอางค์


วิธีแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ ให้หน้าใสปิ๊ง

เมื่อทราบกันถึงสาเหตุกันไปแล้ว วิธีการแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ ให้ได้หน้าใสปิ๊งกลับคืนมา ทำได้ง่ายๆเพียงแค่คุณหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว แล้วบำรุงผิวให้สุขภาพดีขึ้น การมีหน้าใสไร้ปัญหาผิวหมองคล้ำก็จะเป็นของคุณได้ไม่ยาก ทว่าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างเช่น ต้องทำงานออกแดดเป็นประจำ ก็ควรใช้ครีมกันแดด และสวมหมวกสักใบ หรือสำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศที่ต้องอยู่หน้าจอเป็นเวลานานๆ ก็ควรนั่งให้หากจากจอคอมพิวเตอร์ประมาณ 14-24 นิ้ว พร้อมปรับค่าความสว่างหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เป็น 0 ก็จะสามารถช่วยลดแสงที่ทำให้ผิวคล้ำผิวเสียได้มากถึง 80%
นอกจากจะต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงแล้ว ถ้าอยากได้หน้าใสปิ๊ง ก็ควรทำการฟื้นฟูผิวเป็นประจำด้วยครีมบำรุงผิว รวมทั้งการรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิว โดยเฉพาะผักใบเขียวที่จะช่วยให้เซลล์ทำงานได้ดีขึ้น ควบคู่ผักสีเหลืองส้ม เช่น แครอท ฟักทอง ข้าวโพด ที่มีเบต้าแคโรทีนบำรุงให้ผิวสวย และรับประทานผักผลไม้สีแดงจำพวก แอปเปิ้ล ทับทิม มะเขือเทศ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินซีช่วยฟื้นบำรุงผิว

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

7 สุดยอด สมุนไพร ทําให้หน้าใส เต่งตึง กระชับ ลดริ้วรอยอย่างได้ผล

         ผิวหย่อนคล้อยหลวมบนใบหน้าและลำคอ ผิวหมองคล้ำไร้ความสดใส เป็นหนึ่งในปัญหาด้านผิวพรรณใหญ่ๆที่ส่งผลต่อความงาม รวมปถึงความมั่นใจโดยรวมของผู้ที่รักในความสวยงาม ในขณะที่หลายๆคนต่างพยายามบำรุงรักษาผิวพรรณของตัวเองให้ห่างไกลจากปัญหาเหล่านี้ด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ หรือเวชสำอางในปัจจุบัน ก็มีอีกหลายคนที่เชื่อว่า สมุนไพร ทําให้หน้าใส เต่งตึงได้เช่นกัน ที่สำคัญคือ การใช้สมุนไพร ทําให้หน้าใส เต่งตึงนั้น มีความเสี่ยงน้อยกว่าการเสริมความงามทางการแพทย์เป็นอย่างมากเลยทีเดียว ซึ่งเหล่าสมุนไพร ทําให้หน้าใส เต่งตึงที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลกจะมีอะไรกันบ้างนั้น สามารถติดตามอ่านได้ผ่านบทความชิ้นนี้กันเลย

สุดยอดสมุนไพร ทําให้หน้าใส เต่งตึงน่ารู้ ที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก
 ถ้าหากทำการศึกษาให้ดีแล้วล่ะก็ คุณจะพบว่าสามารถใช้สมุนไพรบางอย่างที่มีคุณสมบัติในการช่วยกระชับผิว และกำจัดรอยหมองคล้ำได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งในบทคามชิ้นนี้จะขอนำเสนอสมุนไพรบางส่วน บางชนิด ที่มีคุณสมบัติน่าสนใจดังกล่าว มาให้คุณผู้อ่านรู้จักกัน
1.สารสกัดจากเม็ดองุ่น เป็นสมุนไพร ทําให้หน้าใส เต่งตึง ด้วยการกำจัดริ้วรอย และผิวหย่อนคล้อย กระตุ้นคอลลาเจนที่ผลิตตามธรรมชาติในร่างกาย ทำให้ผิวกายโดยรวมมีความเต่งตึงอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม การเสริมด้วยสารสกักจากเม็ดองุ่นเป็นประจำทุกวัน จึงสามารถช่วยลดปรากฏการณ์ริ้วรอยแตกลาย ด้วยการยกกระชับผิวนั่นเอง
 2.ว่านหางจระเข้ เหมาะสำหรับผิวแห้ง และผิวของผู้ใหญ่ ที่มีประสิทธิภาพยกกระชับผิวให้แลดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้นานหลายปีเลยทีเดียว ด้วยคุณสมบัติในการช่วยเพิ่มคอลลาเจนตามธรรมชาติในชั้นผิว ไม่ว่าผ่านการใช้ทา หรือการรับประทานก็ตาม นอกจากนี้ว่านหางจระเข้สมุนไพร ทําให้หน้าใส เต่งตึง ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ลด และป้องกันผิวจากริ้วรอย ต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งส่งผลให้ใบหน้าของคุณมีความกระชับเรียบเนียนมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
 3.ชาเขียว ช่วยในการกำจัดริ้วรอยและยกกระชับผิว ชาเขียวเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่ดีที่สุดสำหรับต่อต้านริ้วรอย คืนความยืดหยุ่น นอกจากนี้ชาเขียวยังเป็นที่รู้จักกันดีวาอุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพมากที่สุดชนิดหนึ่ง และยังช่วยปรับโทนสีผิวให้มีความเรียบเนียนสม่ำเสมอกันอีกด้วย

         4.ดอกคาโมไมล์ เป็นหนึ่งในปฎิหารย์ของธรรมชาติ ที่มีประโยชน์ต่อผิวอย่างมากมายจนแทบไม่น่าเชื่อ สารประกอบภายในดอกคาโมไมล์ ช่วยลดการปรากฏริ้วรอย ด้วยกระบวนการเร่งบำบัดของผิว ลดอาการระคายเคือง ต้านอาการอักเสบของผิวอีกด้วย
 5.Witch Hazel สมุนไพรที่ได้จากเปลือกไม่พุ่ม ของทวีปอเมริกาเหนือ ที่มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลอ่อน มีคุณสมบัติสุดพิเศษในการจัดการปัญหาสิว ต้านอาการอักเสบ นอกจากนี้ยังช่วยล้างความมันส่วนเกินออกไปโดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึงมากจนเกินไป และยังช่วยกระชับเนื้อเยื่อผิวหนัง ลดการปรากฏของตา
 6.ดาวเรือง หนึ่งในพืชผักสวนครัว ที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านอาการอักเสบ สมารบาดแผล ปลอบประโลมผิวที่เสียหายจากการถูกแดดเผา น้ำมันของดาวเรืองยังมักถูกนำไปใช้ในการรักษาอาการแผลเปื่อยอีกด้วย
 7.ลาเวนเดอร์ นอกจากคุณสมบัติสถดพิเศษที่ช่วยในการผ่อนคลายจิตใจแล้ว ลาเวนเดอร์ยังช่วยปลอบประโลมผิว ป้องกันการเสื่อมสภาพของเนื้อเยื่อ และป้องกันการเกิดริ้วรอย ที่น่าสนในคือ มันช่วยกระตุ้นให้เกิดการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวใหม่ สมานแผลเนื้อเยื่อ แผลเป็นสิว กลาก และปัญหาด้านผิวพรรณอื่นๆอย่างได้ผล ป้องกันแบคทีเรีย ป้องกันการติดเชื้อที่ผิว ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม ลาเวนเดอร์จึงกลายมาเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่ดีต่อผิวพรรณ
 ผิวเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย ดังนั้นคุณจึงควรให้ความสำคญสูงสุดกับมน หลีกเลี่ยงการบำรุงผิวด้วยสารเคมีที่เป็นอันตราย แล้วหันไปพึ่งพาสมุนไพรอันที่มีคุณสมบัติอันยอดเยี่ยม ที่อ่อนโย่นกับผิวเห็นจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด…

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

สุดยอดเคล็ดลับ เนรมิตใบหน้าอ่อนกว่าวัยภาย ใน 9 วัน

         คุณอยากรู้ความลับที่เสกให้ใบหน้าอ่อนกว่าวัย ภายในเวลาเพียง 9 วันหรือเปล่า..!?
 เถ้าหากมีวิธีง่ายๆที่จะช่วยเนรมิตรเปลี่ยนใบหน้าอ่อนกว่าวัยได้ภายในระยะเวลาอันสั้นเช่นนั้นจริงๆ แน่นอนว่าทุกคนคงอยากที่จะรู้เคล็ดลับดั่งกล่าวซึ่งบทคามชิ้นนี้กำลังจะกระซิบบอกกับคุณว่า มันมีวิธีช่วยทำให้ใบหน้าอ่อนกว่าวัยได้จริง แถมยังง่ายเสียจนไม่น่าเชื่อเลยอีกต่างหาก

เคล็ดลับเนรมิตใบหน้าอ่อนกว่าวัยใน 9 วัน
 เมื่อคุณมองกระจก และพบว่าใบหน้าเริ่มเกิดริ้วรอย รอยแห้งกร้าน และรอยตีนกา ความตึงเครียดย่อมเริ่มปรากฏขึ้นในจิตใจของคุณอย่างแน่นอน ซึ่งความเครียดดั่งกล่าวยิ่งเป็นตัวกระตุ้นด้านลบ ที่ส่งผลให้ผิวของคุณดูแก่มากขึ้นอีก 3-6 ปี เลยทีเดียว แต่ถ้าหากคุณสามารถชะลอ หรือกำจัดความเครียดออกไปได้ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็จะตรงกันข้าม คุณสามารถที่จะย้อนอายุผิวให้กลับไปดูอ่อนเยาว์ได้มากขึ้น ถึง 3-6 ปี ได้เช่นเดียวกัน แล้วยิ่งคุณสามารถใช้ชีวิตตามแผน 9 วัน เพื่อให้สามารถบรรลุถึงการมีใบหน้าอ่อนกว่าวัยได้มากขึ้นกว่าเดิม แต่อาจจะมีหลายคนสงสัยว่า ทำไมถึงต้องกำหนดเวลาเอาไว้ที่ 9 วัน นั่นเป็นเพราะว่า เมื่อคนเราได้ทำการพักผ่อนจากการเรียน การทำงาน และความเครียด ด้วยวันหยุดยาวเป็นเวลา 9 วัน เมื่อส่องกระจกอีกครั้ง จะพบว่าผิวของตัวเองดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว เอาล่ะ.. สำหรับใครที่พร้อมแล้วกับแผนการ 9 วัน เพื่อให้ใบหน้าอ่อนกว่าวัยมากยิ่งขึ้น สามารถเริ่มแผนการชีวิต 9 วัน ตามคำแนะนำต่อไปนี้ได้เลย แต่ขอแนะนำให้วันแรกที่เริ่มทำตามแผนการเป็นวันเสาร์ เพื่อให้การพักผ่อนผิวของคุณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

วันที่1 : ลดความซับซ้อน เริ่มต้นจากการสร้างนิสัยการดูแลผิวหน้าเป็นประจำทุกวัน แต่ใช่ว่าการทำความสะอาดและดูแลผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดจะดีต่อผิวของคุณเสมอไป คุณควรรู้จักการทำความสาดพื้นฐานด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่มีความอ่อนโยน บำรุงผิวด้วยครีมกันแดดในตอนกลางวัน และครีมบำรุงผิวในตอนกลางคืน พร้อมกับเริ่มต้นสร้างตารางการนอนหลับให้เป็นปกติ คนส่วนใหญ่มักคิดว่าการนอนหลับเป็นเพียงสิ่งหนูหราฟุ่มเฟือยที่ไม่จำเป็น แต่ที่จริงแล้วถ้าหากต้องการให้ใบหน้าอ่อนกว่าวัย คุณจำเป็นต้องนอนหลับอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้ทำการรักษาและฟื้นฟูเซลล์ทั่วร่างกาย
วันที่ 2 :  ผ่อนคลาย คูณสามารถผ่อนคลายตัวเองด้วยการพบปะสังสรค์กับเพื่อนๆที่ทำให้คุณรู้สึกสนุก จองบริการนวด หรือแม้แต่การพักดิ่มกาแฟอย่างเรียบง่ายใยตอนบ่าย รวมถึงเริ่มต้นการออกกำลังกายอย่างง่ายๆ เพื่อให้ช่วยลดฮอร์โมนความเครียดให้น้อยลง
วันที่ 3 : สู่เส้นทางสีเขียว ผ่อนคลายตัวเองด้วยการไปอยู่ในสถานที่ที่เป็นธรรมชาติ เดินเร็ว 20 นาที ภายใต้แสงอาทิตย์ยามเช้า หรือยามเย็น เพื่อให้ผิวได้รับการบำรุงด้วยวิตามิน D และดื่มชาเขียว ที่มีคุณสมบัติในการช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ
 วันที่ 4 : การกินที่สะอาดหมดจด เลือกอาหารที่มีสารอาหารสูง คาร์โบไฮเดรต กรดไขมัน และปริมาณน้ำตาลน้อย ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยทำให้ผิวเรียบ
 วันที่ 5 : โยกย้ายส่ายสะโพก จัดตารางให้ตัวคุณมีโอกาสโยกย้ายส่ายสะโพกออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ และการหายใจเพิ่มมากขึ้น พร้อมกับลดช่วงเวลาในการนั่งแช่ตัวทำงานอยู่ที่โต๊ะนานๆ

วันที่ 6 : เข้าสังคม วางแผนการรับประทานอาหารค่ำร่วมกับเพื่อน หรือครอบครัว เพื่อแบ่งปันช่วงเวลาที่ดี และหัวเราะพร้อมกัน
วันที่ 7 : ต่อสู้กับความเครียด เรียนรู้ที่จะนั่งสมาธิ ที่จะช่วยให้คุณสามารถต่อสู้กับความเครียด และยังช่วยทำให้สมองของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
วันที่ 8 : นอนหลับให้มากขึ้น การนอนหลับที่เพียงพอ จะช่วยทำให้ร่างกายลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ และซ่อมแซมเซลล์ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดการเพิ่มความสุขในชีวิต เพื่อสร้างเสริมความแข็งแกร่งในร่างกายของตัวเอง
 วันที่ 9 : หยุดชั่วคราว ใช้เวลาสักครู่ที่จะพักผ่อน และรู้จักกันให้รางวัลกับตัวเอง พร้อมกับพิจราณาวิธีการต่างๆ ที่จะสามารถนำมาใช้พัฒนาชีวิตประจำวันของคุณให้ดีมากยิ่งขึ้น

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เคล็ดลับสร้างแก้มชมพู ธรรมชาติ สีกุหลาบสดใสด้วยตัวคุณเอง

         แก้มชมพู ธรรมชาติ หรือแก้มสีดอกกุหลาบ ถือเป็นลักษณะของผิวที่มีความโดดเด่น ดีเลิศแห่งความงามอย่างเป็นธรรมชาติอันน่าชวนมอง ทำให้ไม่น่าแปลกใจเลยที่เรามักจะได้เห็นลักษณะของการปัดแก้มแก้มชมพู ธรรมชาติ ขึ้นตามหน้าปกนิตยสารชื่อดังระดับโลกอยู่บ่อยครั้ง รวมไปถึงเหล่าซุปเปอร์สตร์คนดังในจอภาพยนตร์อีกมากมายเองต่างก็ปัดแก้มแก้มชมพู ธรรมชาติ แน่ใจได้เลยว่า คุณสาวๆอยากที่จะครอบครองแก้มชมพู ธรรมชาติ โดยไม่ต้องใช้บรัชออน หรือเครื่องสำอางราคาแพงหูฉี่ในท้องตลาด ณ ปัจจุบัน ซึ่งถ้าหากคุณกำลังมองหาวิธีทำให้แก้มชมพู ธรรมชาติอยู่ล่ะก็ บทความชินนี้กำลังจะช่วยเผยความลับที่มีประสิทธิภาพ ในการเนรมิตให้แก้มของคุณกลายเป็นสีกุหลาบ อย่างเป็นธรรมชาติเลยทีเดียว

วิธีการสร้างผงปัดแก้มชมพู ธรรมชาติด้วยตัวคุณเอง
 เพื่อให้แก้มของคุณสาวๆ เรืองแสงอมชมพูราวกับสีของดอกกุหลาบนั้น คุณสามารถเริ่มต้นได้จากส่วนผสมต่างๆภายในห้องครัวของคุณเอง ผัก ผลไม้ และส่วนผสมอื่นๆที่คุณมองข้าม สามารถนำมาผสมรวมกันให้กลายเป็นผงปัดแก้มสีชมพูสดใส ที่จะช่วยเปลี่ยนตัวคุณให้กลายเป็นคนใหม่ชวนมองได้อย่างมหัศจรรย์เลยทีเดียว ซึ่งเจ้าเหล่าวัตถุดิบที่น่าสนใจเหล่านั้นก็ได้แก่
 1.กล้วย เพียงแค่คุณนำกล้วยประมาณ 2 ลูก มาบดให้ละเอียด จากนั้นนำพวกมันมาพอกบริเวณแก้ม หรือพอกให้ทั่วใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพียงเท่านี้ กล้วยบดก็จะช่วยทำให้แก้มชมพู ธรรมชาติแล้ว
 2.ขี้ผึ้ง ต้มขี้ผึ้งประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะให้นิ่ม ผสมดินขาวลงไปแล้วบดรวมให้เป็นเนื้อเดียวกัน นำส่วนผสมที่ได้มาทาพอกให้ทั่วทั้งใบหน้าและลำคอของคุณ ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างทำความสะอาดออก คุณก็จะพบว่าผิวของตัวเองดูชมพู เรืองแสงมากขึ้นเหมือนกับดอกกุหลาบ
 3. ถั่วอินเดีย หรือ Masoor daal โดยนำถั่วอินเดียเต้มลงในนมที่ต้มด้วยไฟอ่อนๆ เป็นเวลา 30 นาที หลังจากนั้นให้พักส่วนผสมลงจากเตา เติมดินขาวลง ผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำส่วนผสมที่ได้ทาลงบนผิวหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด
4.ครีมนม 3 ช้อนชา + ผงแป้ง 1 กรัม + รำข้าวสาลี + นมเปรี้ยว ผสมส่วนผสมเหล่านี้ให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นนำไปพอกบนผิวหน้าเป็นเวลาประมาณ 15 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพียงเท่านี้ คุณก็จะได้ผลผิวที่เนียนนุ่มเหมือนกับผลไม้แลยทีเดียว
 5.เยื่อแตงกว่า แตงกว่าบดละเอียด เป็นตัวกระตุ้นผิวชั้นยอด เซลล์ผิวใหม่ที่เกิดขึ้นมาแทนที่ผิวหนังที่เสื่อมสภาพจะเป็นสีชมพู และยังช่วยลดรอยหมองคล้ำ รวมไปถึงลดความเครียดของผิวให้น้อยลงอีกด้วย

         6.น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ มีคุณสมบัติช่วยเปลี่ยนให้เป็นสีชมพูระเรื่อเหมือนดอกกุหลาบ
 7.น้ำมะนาว+นม เพียงผสมน้ำมะนาวปริมาณ ¼ ลงไปในน้ำนม แล้วนำไปนวดใบหน้าของคุณให้ทั่ว เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับระบบการไหลเวียนโลหิต เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถที่จะมีแก้มเป็นสีชมพูเรืองแสงได้แล้ว
8.ผมเปลือกส้ม+ครีมนม เป็นส่วนผสมที่ดีในการช่วบพอกบำรุงใบหน้าของคุณ ให้แก้มชมพู ธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
 9.อัลมอนด์บด+กลีบกุหลาบบด ประมาณ 5 ช้อนชา น้ำผลไม้ สะระอหน่ และน้ำผึ้ง เป็นหนึ่งในส่วนผสมที่ลงตัวในการช่วยบำรุงแก้มของคุณ นำส่วนผสมที่ได้ไปแช่ตู้เย็นประมาณ 5-6 วัน จากนั้นจึงค่อยนำมาใช้พอกหน้าก่อนการเข้านอน
 นอกจากนี้แล้ว การรัปประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการยังมีบทบาทสำคัญในการทำให้แก้มของคุณกลายเป็นสีชมพูมากขึ้น เช่น ผลไม้สด น้ำผลไม้ ผักสด นม เพราะใบหน้าของคุณต้องการบำรุงด้วยวิตามิน E และ C นอกจากนี้ ถ้าหากอยากมีแก้มสีชมพูอย่างยาวนาน คุณไม่ควรที่จะลืใออกกำลังเป็นประจำ เพื่อลดความเครียด เพิ่มภูมิต้านทาน และระบบไหลเวียนโลหิตให้ดีมากยิ่งขึ้น

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เลือกครีมขาวใสตรงกับสภาพผิว มีชัยไปกว่าครึ่ง

         สำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความสวยความงาม สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในยุคสมัยนี้ก็คือ “ครีมขาวใส” เพราะเจ้าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้ขาวสว่างกระจ่างใสนี้เองที่จะเป็นตัวช่วยให้สุขภาพผิวของคุณดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยมันจะช่วยให้ผิวพรรณสดใส ขาวเปล่งประกายมาจากภายใน มิใช่เพียงการแต่งแต้มให้สวยแค่ภายนอกเฉกเช่นเครื่องสำอางค์ และด้วยความสำคัญของครีมขาวใสจึงทำให้ผู้ประกอบการแต่ละรายงัดสรรพคุณแสนวิเศษมาอวดกันอย่างดุเดือด ข้อดีก็คือช่วยให้มีตัวเลือกมากขึ้นในการตัดสินใจของผู้บริโภค ทว่าในความมากมายหลากหลายนี้เราจำเป็นต้องพิจารณาให้ถ้วนถี่เสียก่อนที่จะเลือกใช้ครีมขาวใส

 

ครีมขาวใสที่เหมาะกับผิวหน้าคือตัวเลือกที่ดีที่สุด
        1.คนผิวมัน ผิวหน้าของคนในบ้านเรามักมีผิวมัน เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว ซึ่งการมีผิวมันทำให้ถูกมลภาวะ ฝุ่นควัน แสงแดด เล่นงานเอาง่ายๆ จะสังเกตได้ว่าคนไทยโดยเฉพาะช่วงวัยรุ่นมักเป็นสิวกันมาก และมักมีรูขุมขนกว้าง ผิวหน้าไม่เรียบเนียนคล้ายผิวเปลือกส้ม ซึ่งคนที่มีผิวมันนี้จะเกิดการขับน้ำมันออกมาจากผิวมากผิดปกติ ทำให้หน้าดูมันเยิ้ม เกิดปัญหาผิวได้ง่ายกว่าผิวประเภทอื่นๆ แต่ข้อดีของคนผิวมันก็คือเกิดริ้วรอยรอยช้ากว่า เพราะมีความชุ่มชื่นของผิว
        สำหรับการเลือกใช้ครีมขาวใส ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน หรือมอยเจอร์ไรเซอร์มากนัก เพราะผิวมีความชุ่มชื้นในระดับหนึ่งอยู่แล้ว หากได้รับน้ำมันจะยิ่งทำให้ผิวหน้ามันเยิ้มเข้าไปอีก ทั้งนี้ คนผิวมันควรล้างทำความสะอาดหน้าด้วยโฟมหรือสบู่อ่อน 2-3 ครั้งต่อวัน ถ้าล้างบ่อยเกินไปจะทำให้ผิวแห้ง และเกิดการระคายเคืองได้
        2.คนผิวแห้ง คนที่มีสภาพผิวนี้จะมีผิวเรียบเรียนมาก รูขุมขนเล็ก ไม่ค่อยมีปัญหาสิวเสี้ยน แต่จะพบอาการผิวหน้าลอกเป็นขุยง่าย และเกิดริ้วรอยได้มากกว่าผิวประเภทอื่น เนื่องจากผิวแห้งเป็นผิวที่ขาดความชุ่มชื้น คนที่มีผิวแห้งจึงต้องดูแลเอาใจใส่ผิวหน้ามากเป็นพิเศษ หลีกเลี่ยงสภาวะที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อผิว เช่น การโดนแดดจัดเป็นเวลานาน การสัมผัสกับอากาศร้อนหรือเย็นเกินไป เป็นต้น การเลือกใช้ครีมหน้าใสของคนผิวแห้ง ควรเลือกใช้ครีมบำรุงที่มีมอยส์เจอร์ไรเซอร์ นม และโยเกิร์ต เพราะจะช่วยสร้างความชุ่มชื้นและป้องกันการเกิดริ้วรอยได้ดี

        3.คนผิวธรรมดา หมายถึงผิวที่มีความเรียบเนียน มีความยืดหยุ่นดี รูขุมขนละเอียด เหมือนอยู่ตรงกลางระหว่างผิวมันกับผิวแห้ง ซึ่งใครที่เกิดมาเป็นคนผิวธรรมดาถือว่าโชคดีมาก เพราะมักไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องผิวพรรณ อยู่ในสภาวะที่มีอากาศร้อนผิวก็ไม่มันเยิ้ม อยู่ในที่ที่มีอากาศเย็นก็ไม่แห้งเป็นขุย ดูแลง่าย ทั้งนี้ ก็ควรเลือกใช้ครีมหน้าใสที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์เป็นประจำ เพราะจะเพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิว และควรทาครีมกันแดดออกจากบ้านทุกครั้ง เพื่อเป็นเกราะป้องกันอันตรายที่จะอาจถูกทำร้ายได้จากแสงแดด
        4.คนผิวผสม เป็นอีกหนึ่งสภาพผิวที่คนไทยคุ้นเคยกันดี ซึ่งจะมีความยุ่งยากมากในการดูแลรักษา เพราะผิวจะมีลักษณะหลากหลาย แต่โดยส่วนใหญ่มักเป็นขุยและแห้งตรงบริเวณแก้ม การเลือกครีมขาวใสของคนผิวผสมจะต้องเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอากาศ อย่างเช่น ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งแบบกลางวันและกลางคืน แต่ในปัจจุบันถือว่าไม่ใช่เรื่องยุ่งยากมากนัก เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้เลือกสรรมากมายตามท้องตลาด
        ท่านผู้อ่านลองสำรวจดูว่าตนเองเป็นคนผิวประเภทไหน จะได้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดี เหมาะสมกับสภาพผิว เพราะถ้าเลือกครีมขาวใสตรงกับสภาพผิว การมีผิวสวยสุขภาพดีก็จะไม่ใช่เรื่องยาก ในทางตรงกันข้ามหากเลือกครีมผิดประเภทจะยิ่งทำให้ปัญหาผิวทรุดหนัก เนื่องจากแก้ปัญหาไม่ตรงจุด

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ผิวหน้าแห้ง รู้ให้ทันป้องกันได้

         ผิวแห้ง เป็นสิ่งที่ชวนให้หลายๆคนต้องอึดอัด จากอาการคัน และแตก ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แถมยังสามารถเกิดขึ้นได้หลายส่วนของร่างกาย ส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นตามบริเวณแขน ขา หน้าท้อง และในหลายๆครั้งก็มักที่จะเกิดขึ้นบริเวณใบหน้า ส่งผลให้เกิดขุยขึ้นบนใบหน้า และยังทำให้ผิวไม่ชุ่มชื้น ที่ก่อให้เกิดปัญหาทางด้านความงามอีกด้วย

ผิวหน้าแห้งคืออะไร?
 คนส่วนใหญ่มักจะมีสภาพของผิวที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นผิวหน้ามัน ผิวหน้าบอบบางแพ้ง่าย ซึ่งผิวหน้าแห้ง ก็เป็นหนึ่งในลักษณะของผิวหนังที่เกิดขึ้นจากการขาดความชุ่มชื้นในผิวชั้นตื้นที่สุดของผิวกำพร้า ที่จำเป็นจะต้องได้รับการหล่อลื่นอย่างเหมาะสม ซึ่งผิวหน้าแห้งเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทั้งเพศชาย และเพศหญิงอย่างเท่าเทียมกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้สูงอายุที่มีแนวโน้มการลดลงของน้ำมันผิวหนังตามธรรมชาติ รวมไปถึงสารหล่อลื่นอื่นๆของผิว แต่ผิวหน้าแห้งก็เป็นสิ่งที่สามารถปรับปรุงดูแลให้ดีขึ้นได้ ด้วยการเยียวยาอย่างง่ายๆด้วยตัวเองที่บ้าน ขอเพียงแค่คุณเข้าใจหลักการเยียวยาดูแลรักษาตัวเองอย่างถูกต้องเท่านั้น

ผิวหน้าแห้งสามารถป้องกันด้วยตัวเองได้อย่างไร
 ผิวหน้าแห้ง เป็นสิ่งที่คุณสามารถป้องกัน และลดโอกาสในการเกิดขึ้นได้ด้วยตัวเองอย่างง่ายๆ เพียงแค่ปฎิบัติตัวตามคำแนะนำ ดังต่อไปนี้
   1.ทำความสะอาดใบหน้าด้วยน้ำสะอาดเป็นประจำทุกวัน ครั้งละอย่างน้อย 5-10 นาที เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
 2.หลีกเลี่ยงการล้างหน้าด้วยน้ำร้อนหรือน้ำอุ่น เพราะน้ำร้อน หรือน้ำอุ่นเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการสร้างน้ำมันบนผิวหนังตามธรรมชาติ ถ้าหากคุณต้องการที่จะล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น ควรทำอย่างรวดเร็วที่สุด
          3.ใช้โฟมล้างหน้า หรือสบู่ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว พร้อมกับหลีกเลี่ยงสบู่ หรือโฟมล้างหน้าที่มีส่วนผสมในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งมักมีสารที่ก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อผิวหนังมากขึ้น
 4.หลีกเลี่ยงการรบกวนผิวหนังที่แห้งด้วยการขัด ถู หรือเกา
   5.ไม่ควรเช็ดใบหน้าแรงๆ แต่ควรใช้การซับ หรือลูบใบหน้าด้วยผ้าขนหนูนิ่มๆ
6.เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวทันทีหลังจากการอาบน้ำ ด้วยครีมบำรุงผิว ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
 7.เพิ่มความชื้นภายในบ้านให้มากขึ้น ไม่ควรปล่อยให้ในบ้านเต็มไปด้วยอากาศที่แห้งร้อนกลางฤดูร้อน และถึงแม้ว่าคุณจะอยู่ในฤดูหนาวที่อากาศจะเต็มไปด้วยความชื้นมากมาย แต่คุณอาจจะคาดไม่ถึงว่าเครื่องทำความร้อนต่างๆ ที่ช่วยทำให้คุณรู้สึกอบอุ่น ก็ยังเป็นสาเหตุสำคัญที่แย่งชิงความชื้นโดยรวมภายในบ้านไป จนทำให้ผิวหน้าแห้งได้มากยิ่งขึ้นเช่นกัน
 8.ดื่มน้ำมากๆ

         9.โกนหนวดอย่างชาญฉลาด การโกนหนวด หรือโกนขนบนใหบน้าเป็นการสร้างความระคายเคืองให้กับผิว นอกจากนี้ยังเป็นการขูดน้ำมันตามธรรมชาติทิ้งไปอีกด้วย ถ้าหากต้องการที่จะโนขนบนใบหน้าจริงๆ ควรทำหลังจากการอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ ที่ขนนุ่ม ยืดหยุน โกนง่ายกว่าปกติ และควรใช้ครีมโกน หรือเจล โกนไปในทิศทางที่ขนมีการเจริญเติบโต เพื่อเป็นการปกป้องผิวของคุณ และขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้มีดโกนที่เคยแช่ในแอลกฮอลล์ทำความสะอาด เพราะมันจะยิ่งทำให้ผิวเกิดความระคายเคืองมากขึ้น
10.ป้องกันผิวจากแสงอาทิตย์ หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวหน้าแห้ง คุณสามารถป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ด้วยการใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 และการแต่งกายที่ปกปิดผิวหน้าอย่างเหมาะสม
 นอกจากนี้ คุณควรที่จะทำการเลือกครีมบำรุงผิว ที่เหมาะกับผิวหน้าแห้ง ด้วยการเลือกส่วนผสมจากน้ำมันเม็ดองุ่น และสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่สามารถช่วยเพิ่มปริมาณน้ำมันให้กับผิวเป็นพิเศษ และควรทำการพิจราณาความเหมาะสม ว่าน้ำมันที่ได้รับเหล่านั้นมากเกินไปหรือไม่ เมื่อฤดูร้อนมาเยือน 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

รวมมิตรสูตร DIY พอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาว อย่างง่ายๆด้วยตัวเอง

         ไม่ว่าจะเป็นยุดคสมัยใด ความต้องการดูแลผิวหน้าให้ขาวเนียนกระจ่างสดใส ก็ยังเป็นหัวข้อที่ได้รับความนิยมจากคุณสาวๆ แต่วิธีการดูแลผิวหน้าเองก็จำเป็นที่จะต้องคำนวณงบประมาณรายจ่ายที่ต้องใช้เข้าไปด้วย เพราะถ้าหากไม่ทำการควบคุมให้ดีๆล่ะก็ ถึงแม้ผิวพรรณของคุณจะสวยสดงดงามมากขึ้นจริง แต่เงินในกระเป๋าก็อาจจะลอยล่องออกไปมากจนเกินความจำเป็นได้เช่นกัน ด้วยเหตุผลดังกล่าว การเสริมความงามให้กับตัวเองด้วยวิธี DIY โดยการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติอย่างง่ายๆ ที่สามารถหาส่วนผสมได้จากในครัวของคุณเอง อย่างเช่นพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาว จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แถมผลลัพธ์ที่ได้ยังจัดว่ายอดเยี่ยมอีกต่างหาก ส่วนสูตรพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาวจะมีดีอย่างไรนั้น เราไปติดตามอ่านผ่านบทความชิ้นนี้ด้วยกันเลย

พอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาว ช่วยในการบำรุงผิวพรรณได้อย่างไร?
 การพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาว มีคุณสมบัติสุดพิเศษในการช่วยทำความสะอาดผิว เพิ่มความชุ่มฃื้นแก่ผิว นอกจากนี้ในมะนาวจะเต็มไปด้วย AHA และ BHA ซึ่งช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ลดการเกิดสิว และปรับสภาพผิวให้ดูเท่าเทียมกันมากขึ้น ในขณะที่น้ำผึ้งเองก็ทำหน้าที่เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ และยังช่วยในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียบนผิวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
การเตรียมตัวก่อนการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาว เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
 ก่อนการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาว คุณควรเตรียมผิวของตัวเอง ด้วยการเทน้ำร้อนลงในชาม จากนั้นให้ใบหน้าอยู่เหนือชามใบนั้น ปล่อยให้ไอน้ำที่ระเหยขึ้นมาทำการหน้าที่ช่วยเปิดรูขุมขน การทำเช่นนี้จะเป็นการช่วยให้การพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาวสามารถชะล้างสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่ภายในรูขุมขนได้อย่างสะอาดหมดจดมากยิ่งขึ้น

สูตรการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาวยอดนิยม มีอะไรบ้างไปดูกัน?
 สำหรับการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาวนั้น ส่วนใหญ่โดยทั่วไปแล้วนิยมใช้ น้ำผึ้งดิบ+มะนาว ส่วนผสมที่ใช้มีมะนาวครึ่งซีก และน้ำผึ้งดิบ 1 ช้อนโต๊ะ ทำการบีบผสมลงในชามในเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วคุณได้ส่วนผสมที่พร้อมใช้ในการพอกใบหน้าแล้ว

วิธีการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาวอย่างถูกต้อง
   นำส่วนผสมที่ได้มาทำการทาบางๆให้ทั่วทั้งใบหน้า โดยพยายามหลีกเลี่ยงบริเวณรอบดวงตา แล้วปล่อยให้ผิวของคุณดื่มด่ำกับส่วนผสมแท้ๆจากธรรมชาติเหล่านั้นอย่างเต็มอิ่มเป็นเวลาประมาณ 15-30 นาที พยายามอย่าพูดอะไร จากนั้นจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำอุ่น แล้วราดน้ำเย็นซ้ำอีกครั้งเพื่อช่วยปิดรูขุมขนที่เปิดกว้างอยู่ ซับหน้าให้แห้งด้วยผ้าขนหนูสะอาด พักผิวผ่อนผิวหน้าของคุณทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงค่อยตบท้ายส่วนที่เหลือด้วยครีม หรือเซรั่มบำรุงผิวชิ้นโปรดของคุณ ซึ่งการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาวนั้น สามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอ ทุกเช้า-เย็น หรือถ้าหากคุณไม่มีเวลามากขนาดนั้น คุณก็สามารถที่จะทำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งได้เช่นกัน

ข้อควรระวังในการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาว
ผิวของคนเรามีความแตกต่างกัน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่หลายๆคนจะเกิดอาการแสบเมื่อทำการพอกหน้าด้วยส่วนผสมที่มีน้ำมะนาว ถ้าหากคุณสาวๆต้องการที่จะพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาวจริงๆ แต่เคยมีประวัติว่าผิวแพ้ง่าย หรือบางเป็นพิเศษ ควรลดปริมาณส่วนผสมที่เป็นน้ำมะนาวให้น้อยลง จากมะนาวครึ่งซีกอาจจะเหลือเพียงไม่กี่หยด นอกจากนี้ ก่อนการพอกหน้าทุกครั้งให้มั่นใจอยู่เสมอว่าผิวของคุณไม่ได้ผ่านขัดผิวมาก่อนในระยะเวลาอันสั้น เพราะถ้าไม่เช่นนั้น น้ำมะนาวจะทำให้คุณรู้สึกปวดแสบปวดร้อนมากขึ้นกว่าเดิม

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ครีมมะขามพะเยา คืออะไร ดีจริงหรือเปล่า?

         กระปสการเสริมความงามของผิวพรรณบนใบหน้าด้วยการใช้ส่วนผสมจากพืช ผัก ผลไม้ และสมุนไพรธรรมชาติกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากคุณสาวๆผู้รักความสวยคงามงามในปัจจุบัน ซึ่งในวันนี้ก็จะขอพาคุณสาวๆไปทำความรู้จักกับ “ครีมมะขามพะเยา” หนึ่งในผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาผิวหน้า ที่กำลังได้รับการพูดถึงแบบปากต่อปากถึงสรรพคุณที่โดดเด่นไม่เหมือนใครในปัจจุบัน ส่วนประสิทธิภาพของเจ้าครีมมะขามพะเยาจะมีอะไรที่น่าสนใจ รวมไปถึงมีส่วนผสมจากธรรมชาติอะไรบ้างนั้น สามารถติดตามอ่านได้จากบทความชิ้นนี้กันเลย

ครีมมะขามพะเยา คืออะไร?
ครีมมะขามพะเยา เป็นครีมที่ใช้ความรู้ดั้งเดิมทางด้านสมุนไพรในการบำรุงผิวมาใช้ โดยเป็นผลิตภัณฑ์ otop จากกลุ่มแม่บ้าน อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา ที่โด่งดังในฐานะสินค้าโอทอป 5 ดาว ครีมมะขามพะเยามีส่วนผสมหลักของมะขาม ที่คนในอดีตนิยมนำมะขามที่อุดมไปด้วย AHA มาใช้ในการขัดทความสะอาดผิวหน้าเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและลดรอยหมองคล้ำบนผิวหน้า ซึ่งถ้าหากทำการแจกแจงแล้ว มะขามนั้นจะมีสรรพคุณดังต่อไปนี้
 1.มะขามมีสรรพคุณช่วยในการกำจัดความมันบนใบหน้าอย่างล้ำลึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่เป็นฝ้า กระและปัญหาเรื่องสิว
 2.มะขามมีส่วนประกอบของสาร AHA ที่ทำหน้าที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกอย่างเป็นธรรมชาติ และยังช่วยำให้ฝ้าจางลง
   3.มะขามช่วยขจัดสิวเสี้ยน สิวอุดตัน ลดความหมองคล้ำบนใบหน้าให้น้อยลง
 4.มะขามช่วยปรับสภาพสีผิวให้แลดูสม่ำเสมอ ผิวพรรณจึงดูขาว กระจ่างใส
 5.มะขามยังมีสารเคลือบผิวในลักษณะของฟิล์มบางๆ ที่ทำหน้าที่ช่วยเคลือบเซลล์ผิวไม่ให้แห้ง ผิวจึงไม่สูญเสียความชุ่มชื้น
 นอกจากมะขามที่เป็นส่วนประกอบหลักแล้ว ภายในครีมมะขามพะเยายังมีส่วนผระกอบสมุนไพรต่างๆ ที่มีคุณสมบัติสุดพิเศษในการบำรุงสุขภาพของผิวพรรณอีกหลายชนิด อาทิเช่น ว่านหางจระเข้ ขมิ้น น้ำผึ้ง นมสด เป็นต้น และที่สำคัญที่สุดคือ ครีมมะขามพะเยา ไม่ผสมสารกันบูดอีกด้วย

ครีมมะขามพะเยามีสรรพคุณในการบำรุงผิวพรรณอย่างไรบ้าง?
 ด้วยภูมิปัญญาแบบโบราณ ผสมผสานส่วนผสมของสมุนไพรธรรมชาติอย่างลงตัวจนกระทั่งกลายมาเป็นครีมมะขามพะเยา ก่อกำเนิดสรรพคุณในการบำรุงผิวพรรณอย่างหลากหลาย ดังต่อไปนี้
1.ช่วยในการปรับสภาพผิวอย่างเป็นธรรมชาติ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง เรียบเนียน
 2.ช่วยขจัดรอยดำบนผิวหน้า หรือตามร่างกาย รอยสิวบนแผ่นหลัง และปรับสภาพสีผิวให้มีความเรียบเนียนสม่ำเสมอ
 3.ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวเกิดความเหี่ยวย่น พร้อมชะลอความเหี่ยวย่นของผิว
 4.ช่วยกระชับรูขุมขน ผิวละเอียด และสดใสมากยิ่งขึ้น
 5.ช่วยลดความมันของผิว พร้อมกับเพิ่มความชุ่มชื้นตามกลไกการปกป้องผิวตามธรรมชาติ
 6.ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว คนที่ผิวเคยแพ้ง่าย ผิวจะมีภูมิต้านทานมากขึ้น

วิธีการใช้ครีมมะขามพะเยาอย่างถูกต้อง       
 ครีมมะขามพะเยา สามารถใช้ขัดและพอกผิวได้อย่างง่ายๆในขั้นตอนเดียว สามารถขัดได้ตามซอกหนีบ หรือบริเวณรักแร้ได้อย่างปลอดภัย และยังช่วยทำให้บริเวณที่เคยดำคล้ำค่อยๆขาวเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยมีข้อแนะนำในการใช้ครีมมะขามพะเยาตามส่วนต่างๆของร่างกาย ดังต่อไปนี้
 1.ใบหน้า ควรใช้ครีมมะขามพะเยาโดยคำนึงถึงสภาพผิวของตัวเองป็นสำคัญ ดังนี้
 -ผู้ที่มีผิวมัน ควรล้างทำความสะอาดใหบหน้าด้วยสบู่ หรือโฟม จากนั้นนำครีมมะขามพะเยาผสมกับน้ำสะอาดเล็กน้อย ขัดเบาๆให้ทั่วใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 5 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ขอแนะนำให้ทำในช่วงเย็นวันละ 1 ครั้ง
 -ผู้ที่มีผิวแห้ง สามารถใช้ครีมมะขามพะเยาล้างทำความสะอาดใบหน้าได้เลย ทิ้งเอาไว้ประมาณ 5 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ขอแนะนำให้ทำอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง
 2.สันเท้า พอกครีมมะขามพะเยาเอาไว้ประมาณ 10-20 นาที แล้วจึงค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด
3.ผิวกาย หลังการอาบน้ำด้วยสบู่หรือครีมอาบน้ำ นำครีมมะขามพะเยามาขัดให้ทั่วผิวกาย ตามซอกขาหนีบ ทิ้งเอาไว้ประมาณ 10 นาที จากนั้นจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด
 จากข้อมูลที่กล่าวถึงไปแล้วในตอนต้นจะเห็นได้ว่า ครีมมะขามพะเยานั้นสามารถนำมาใช้ในการบำรุงผิวกายทั้งในฐานะของโฟมทำความสะอาด และการพอกผิวพรรณได้อย่างง่ายๆในขั้นตอนเดียว สำหรับคุณสาวๆคนใดที่อยากบำรุงผิวกายด้วยวิธีการทางธรรมชาติ แบบง่ายๆจบในขั้นตอนเดียว ครีมมะขามพะเยาก็ถือเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑืทางเลือกที่ดที่เดียว

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ครีม joa รีวิว ชาวพันทิปว่ายังไงกันบ้าง ไปดูกัน

 

ผิวขาวเนียนสดใส เป็นสิ่งที่ใครๆก็อยากที่จะมี แต่กว่าที่จะมีผิวที่ขาวสมใจดั่งฝันได้ ต้องใช้ทั้งความพยายาม ทุนทรัพย์ และสติในการไต่ตรองข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการที่จะนำตัวเองไปสู่ความขาวเนียนได้อย่างปลอดภัย ซึ่งบทความในวันนี้จะขอพาคุณสาวๆทุกท่านไปรู้จักกับครีมมาร์คหน้ายี่ห้อหนึ่ง ส่งตรงจากเกาหลี ที่กำลังมีกระแสความน่าสนใจอยู่ในเว็บบอร์ด Pantip อย่าง ครีม joa ว่าที่จริงแล้ว เจ้าครีมตัวนี้มีดีในการช่วยทำให้ผิวขาวได้จริงหรือไม่ และมีประสิทธิภาพจริงๆมากน้อยเพียงใด

ครีม joa มีสรรพคุณที่โดดเด่นน่าสนใจอย่างไรบ้าง?
 ครีม joa หรือ JOA Cream Pack เป็นครีมสัญชาติเกาหลี มีสรรพคุณช่วยทำให้ผิวขาวกระจ่างสดใสขึ้น โดยไม่ใช่การกัดสีผิวเพื่อให้ขาวขึ้น แต่ประสิทธิภาพของครีม joa จะมุ่งเน้นไปที่การช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ที่ขาวเนียนสดใสมากขึ้นกว่าเดิม รวมไปถึงช่วยในการลดอาการอักเสบของสิวให้น้อยลงอีกด้วย ซึ่งครีม joa สามารถใช้ได้กับผิวพรรณทั่วทั้งร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า หัวเข่า ข้อศอก สิวยุบตัว สิวหายรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และยังมีผู้ที่เคยใช้ครีม joa ให้ความเห็นว่า สามารถช่วยลดความมันบนใบหน้าให้น้อยลงได้อีกด้วย ถ้าหากดูสรรพคุณตามฉลากด้านข้างของผลิตภัณฑ์จะพบว่า ครีม joa มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1.ช่วยทำความสะอากรูขุมขน ขจัดความมันส่วนเกินบนใบหน้า ช่วยทำให้ผิวกระจ่างใส
   2.ผลแคลเซี่ยมช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพอย่างอ่อนโยน ช่วยทำให้ผิวขาวขึ้น
  3.ส่วนผสมจากธรรมชาติ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เสริมความยืดหยุ่น และช่วยทำให้ผิวกระชับเต่งตึง
 อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังจากการใช้ครีม joa นั้น คุณสาวๆต้องเข้าใจก่อนว่าขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน การใช้เพียง 1-2 ครั้ง อาจจะไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้ ถ้าหากต้องการเห็นผลจริงๆ ควรใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่องไประยะเวลาหนึ่งเสียก่อน
สำหรับวิธีการใช้งาน ครีม joa ที่ถูกต้องนั้นคือ สามารถนำไปใช้ในการมาร์คหน้า หรือใช้ผสมกับครีมล้างหน้าก็ได้เช่นกัน แต่ถ้าหากใช้ในการมาร์คหน้า ขอแนะนำว่าไม่ควรทำการมาร์คทิ้งเอาไว้ไม่เกิน 10 นาที ซึ่งสามารถใช้ได้ 1-2 ครั้ง ต่อสัปดาห์ แต่ผู้ใช้ ครีม joa ที่มีผิวบอบบางส่วนใหญ่ ไม่นิยมนำไปใช้ทาพอกใหบ้นา แต่ใช้ในการพอกผิวพรรณในบริเวณอื่นๆ เช่น มือ แขน ขา หรือหัวเข่า เป็นต้น

ส่วนผสมหลักของครีม joa
 1.โคเอนไซม์ Q10 ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการแบ่งเซลล์ผิว
2.แคลเซียม เป็นสารที่จำเป็นต่อการทำงานของเส้นประสาทในร่างกาย
3.ดินขาว มีคุณสมบัติในการช่วยทำความสะอาดผิว

ระวัง ครีม joa ของปลอม
 เมื่อมีสินค้าคุณภาพดี เป็นที่ต้องการของท้องตลาดก็ทำให้บรรดาเหล่าพ่อค้าแม่ค้าหัวใส แต่ไร้จริยธรรมพยายามสร้างสินค้าลอกเลียนแบบออกมาวางจำหน่ายหลอกลวงผู้ซื้อในราคาถูก ซึ่งครีม joa เอง ในปัจุบันเองก็มีสินค้าปลอมมาวางจำหน่ายเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงควรทำการสังเกตทุกครั้งก่อนซื้อว่า ครีม joa ที่อยู่ในมือของคุณสาวๆเป็นของแท้หรือไม่ โดยมีวิธีสังเกตดังต่อไปนี้

จุดสังเกตครีม joa ของปลอม
    1.มีกลิ่นแรง หรือมีกลิ่นแอลกฮออล์
2.ผิวบริเวณที่ใช้เป็นปื้นแดง
3.รู้สึกแสบมากๆ เมื่อทำการมาร์ค ในขณะที่ของแท้เมื่อทำการมาร์คอาจจะรู้สึกแสบๆบ้างที่ผิว แต่ก็เป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และอาจจะมีอาการตึงๆที่ผิวบ้างเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม เพื่อตัดปัญหาเรื่องขแงแท้ของปลอมกวนใจนักช็อป ปัจจุบันครีม joa ก็ได้มีการเปลี่ยนแพคเก็ตใหม่ แล้วทำการวางขายใน 7-11 หลายสาขา ในราคา 100 บาท ต้นๆ เท่านั้นเอง ทำให้คุณสาวๆสามารถหาซื้อได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.