สวยทางลัด .. ฉีด filler อย่างไรดี?


ความนิยมอย่างแพร่หลายในการเสริมความงามให้กับใบหน้าด้วยวิธีเจ็บนิดๆ แต่สวยรวดเร็วภายในไม่กี่นาที แต่อย่าลืมว่า “ฟิลเลอร์” (FILLER) นั้นไม่ได้แค่เนรมิตความสวยงามให้กับใบหน้าเท่านั้น หากรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่ศึกษาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนอาจจะส่งผลเสียต่อใบหน้านานานัปการ และยากที่จะฟื้นฟูเยียวยา เรามาทำความรู้จักเจ้าฟิลเลอร์ หรือ สารเติมเต็มนี้กันให้ลึกลงไปอีก เพื่อเป็นข้อมูลก่อนจะคิดสวยหล่อทางลัดกัน
ฉีด filler เป็นชื่อเรียกทั่วไปของเทคนิคการฉีดสารเติมเต็มที่เราเรียกว่า ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic acid) ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายสามารถ สร้างได้เองตามธรรมชาติ แต่จะลดลงตามอายุที่มากขึ้น โดยมากจะใช้เพื่อเติมเต็มร่องลึกและริ้วรอย
การฉีด filler.. สามารถช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ดังต่อไปนี้
1.ปัญหาร่องแก้มที่เป็นจุดเด่นทำให้มองดูมีอายุ ขาดความอวบ อิ่ม
2.ลบริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า
3.  เสริมจมูกให้โด่งเป็นธรรมชาติ
4. เสริมคาง
5.ตกแต่งริมฝีปาก แก้ปัญหามุมปากตก ริมฝีปากบาง ปรับขนาดให้เท่ากัน เติมปาก
6.ฉีดเติมเต็มปรับรูปหน้า เช่น เติมเต็มแก้ปัญหาขมับตอบ เติมข้างแก้มตอบให้หน้าดูอวบอิ่ม

ฟิลเลอร์ แบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ดังนี้
1.Temporary Dermal filler (ชั่วคราว) ได้แก่ Zyderm  ,Zyplast ถือว่าเป็น Collagen แท้ๆแต่สังเคราะห์มาจาก วัว มีอายุใช้งานประมาณ 4-6 เดือน แต่มีความปลอดภัยสูง สลายตัวได้เองตามธรรมชาติ
2.Semi-Permanent Dermal filler (กึ่งถาวร) ได้แก่ Restylane , Hydrafill , Hylaform , Juvenderm  พวกนี้คือ Hyaluronic Acid ( HA ) สังเคราะห์มาจาก การหมักของเชื้อโรค ชนิดหนึ่งที่ชือ  Streptococcus  (Bacteria Fermentation of Streptococcus) มีอายุใช้งานประมาณ 2 ปี มีความปลอดภัยปานกลาง
3.Permanent Dermal Filler (ถาวร) ได้แก่ Artecoll , Artrfill , Aquamid  , Radiesse เป็นสารสังเคราะห์ เช่น  Artecoll หรือ Artifill ก็เป็นสารพวก PMMA , ซิลิโคน และพาราฟิน หลังฉีดแล้วจะอยู่ในผิวตลอดไป ไม่สลายตามธรรมชาติ มักพบผลข้างเคียงหรืออาการแทรกซ้อนในระยะยาว

สิ่งที่ควรรู้ก่อน .. การฉีดฟิลเลอร์

1. อย่าลืมงดยาและอาหารเสริมบางประเภท โดยเฉพาะยาในกลุ่มยา บรรเทาปวด NSAIDs เช่น Ibuprofen Aspirin เพราะอาจทำให้เกิดอาการบวม หรือรอยช้ำบริเวณตำแหน่งที่ฉีดฟิลเลอร์ได้ รวมถึงอาหารเสริมบางประเภท เช่น วิตามินอี แปะก๊วย น้ำมันปลา ซึ่งอาจมีผลทำให้แผลช้ำ เลือดหยุดไหลช้า
2. ต้องแน่ใจว่าคุณไม่มีอาการแพ้สารตัวนี้ และตรวจสอบให้มั่นใจว่า สาร Hyaluronic acidที่ฉีดเข้าไปนั้นได้รับมาตรฐานและผ่านการรับรองจาก สถาบันทางการแพทย์หรือมาตรฐานทางสาธารณสุข ที่เชื่อถือได้
3. คุณอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ให้นมบุตร หรือกำลังรับยาต้านการแข็งตัว ของเลือดหรือไม่? ถ้าใช่ ไม่ควรฉีด เพราะอาจส่งผลข้างเคียงได้ค่ะ
4. หากคุณเป็นคนที่เกิดแผลนูนหรือคีรอยด์ ได้ง่าย ให้ทดลองทำส่วนอื่น ก่อนที่ไม่ใช่ใบหน้าหรือในบริเวณที่เห็นได้ชัด

ขั้นตอน .. การฉีดฟิลเลอร์
           ขั้นตอนที่ 1 : ทายาชาบริเวณที่คนไข้ต้องการทำ ทิ้งไว้ประมาณ 45-60 นาที
           ขั้นตอนที่ 2 : แพทย์ทำการฉีดสาร HA เข้าไปในบริเวณที่ลูกค้าต้องการ โดยระหว่างการฉีดนั้นจะมีอาการแน่นขึ้นในบริเวณที่ฉีด
           ขั้นตอนที่ 3 : แพทย์ทำการปรับแต่งในส่วนที่ฉีดให้คนไข้ เพื่อให้เข้ากับรูปหน้าของคนให้มากที่สุด โดยหลังการฉีดอาจมีอาการบวมเล็กน้อย และมีรอยเข็มหลงเหลือเป็นจุดจุดอยู่บ้างในบริเวณที่ฉีด 2-3 วันก็จะจางหายไปเอง

การดูแลตัวเองหลัง .. การฉีดฟิลเลอร์
หลังการฉีดโดยมากแล้วจะมีอาการผิวหนังบวมแดง อาจมีอาการคันหรือคลำได้ เป็นก้อนใต้ผิวหนังบริเวณที่ฉีดยา บางรายอาจพบรอยด่างหรือผิวหนังมีสี ที่เปลี่ยนไป แต่อาการเหล่านี้มักหายไปเองใน 48 ชั่วโมง
1. ใน 12 ชั่วโมงแรก อย่าแต่งหน้าหรือใช้ครีมบำรุงผิวทันทีหลังฉีด หากฉีดที่ริมฝีปาก ให้งดการใช้หลอดดูด งดสูบบุหรี่ และอย่าทาลิปสติกทันทีรวมถึงหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางและครีมบำรุงผิว
2. งดการออกกำลังกายหนักๆ หรือกิจกรรมที่ทำให้Œเหงื่อออกมาก รวมถึงการสัมผัสโดนความร้อน เช่น ซาวน่า การออกแดดจัดอาจทำ
3. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยยืดอายุการฉีด fillerได้หลังจาก 48 ชั่วโมง คุณอาจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่มี Hyaluronic Acid โมเลกุลขนาดเล็ก ที่ผ่านการทดสอบแล้วว่าปลอดภัยและช่วยยืดประสิทธิภาพของฟิลเลอร์ ได้นานขึ้นด้วย

หากเกิดอาการข้างเคียงให้ปฏิบัติตามข้อแนะนำแพทย์ ดังต่อไปนี้
1.หลังฉีด filler อาจมีรอยเข็มแดงๆ เป็นจุดเล็กๆ ในบริเวณที่ฉีด จะหายเองภายใน 2-3 วัน และอาจเกิดรอยเขียวช้ำได้เล็กน้อย ซึ่งมักเจอในคนที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด, Aspirin,Alcohol หรือวิตามิน E อาหารเสริมบางชนิดเช่น Fish oil, Primrose โดยรอยเขียวช้ำจะค่อยๆ จางลงภายใน 1 สัปดาห์ ดังนั้นช่วงแรก สามารถทาแป้ง, Concealer หรือ รองพื้นปกปิดบริเวณที่เขียวช้ำ หรือรอยแดงจากเข็มไว้ก่อนได้
2.หลังฉีดอาจคลำพบก้อนเล็กๆ แข็งเหมือนยางลบใต้ผิวหนังบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะละลายตัวและนิ่มเป็นเนื้อเดียวกันเองภายใน 1-2 เดือน
3.อาจมีการปวดระบมบริเวณที่ฉีดได้เล็กน้อย สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการประคบเย็นหรือทานยาแก้ปวด ลดบวมได้
4.หลังการฉีด 3-4 ชม. ถ้ามีการปวดตื้อๆ อยู่สามารถนวด และประคบอุ่นได้จะช่วยให้อาการดีขึ้น
5.นัดพบแพทย์หลังการรักษา 7 วัน หรือ 4 สัปดาห์
6.กรณีอาการปวดบวมแดงมากผิดปกติ หรือสีผิวหนังบริเวณที่ฉีดเปลี่ยนไปเป็นสีซีด เป็นสีน้ำตาล หรือดำ (โดยไม่ใช่รอยเข็ม หรือรอยเขียวช้ำ) ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ ผู้ทำหัตถการหรือติดต่อเจ้าหน้าที่ที่สาขา ตามเบอร์ที่ให้ไว้ทันที อย่ารอให้ถึงวันนัด
การฉีด fillerที่ดี ควรทราบถึงข้อควรระวังต่างๆดังที่ได้กล่าวไปในตอนต้น เพราะนอกจากจะสวยแบบรวดเร็วดังใจ ความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่สามารถมองข้ามได้ หากรู้แล้วก่อนจะฉีด fillerเพิ่มความสวยความหล่ออย่าลืมหาข้อมูลที่ถูกต้องและระวังภัยหมอเถื่อนเพื่อจะได้สวยหล่อแบบปลอดภัย

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.