วิธีป้องกันและรักษาโรคช็อกโกแลตซีสต์

         เชื่อว่าสาวๆหลายคนคงเคยมีอาการปวดบริเวณท้องน้อย หรือปวดท้องประจำเดือนมากๆ จนบางคนถึงกับต้องหยุดเรียน หยุดงาน นอนซมอยู่บนเตียง อย่างไรก็ตาม เมื่อมีอาการดังกล่าวแล้ว สิ่งที่ตามมาก็คงหนีไม่พ้นเกิดความกังวลระคนสงสัยว่า อาการปวดที่เกิดขึ้นนั้นคือความผิดปกติหรือไม่ วิธีสังเกตง่ายๆก็คือหากรับประทานยาแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น หรือยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นๆ ก็ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่ามันคืออาการผิดปกติ
         ทั้งนี้ หนึ่งในโรคที่เป็นกันมาก ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยปวดท้องรุนแรงเมื่อมีประจำเดือน นั่นก็คือโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิด (endometriosis) หรือที่เรียกกันว่า “ช็อกโกแลตซีสต์” ซึ่งหมายถึง ถุงน้ำของรังไข่แบบหนึ่งที่มีของเหลวอยู่ภายในและมีลักษณะเหมือนช็อคโกแลตเหลว แต่ความจริงก็คือถุงเลือดนั่นเอง โดยการเกิดช็อกโกแลตซีสต์นั้น
         ทางการแพทย์เชื่อว่าเกิดจากเลือดระดูหรือเลือดประจำเดือนไหลย้อนกลับ อธิบายกันง่ายๆก็คือ แทนที่เลือดจะออกมาทางช่องคลอดของผู้หญิงตามปกติ อาจจะมีเลือดระดูส่วนหนึ่ง มีการไหลย้อนกลับเข้าไปผ่านทางหลอดมดลูก แล้วก็เข้าไปในช่องท้องไปฝังตัวที่รังไข่จนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำขึ้น


วิธีป้องกันช็อกโกแลตซีสต์

         จากงานวิจัยเรื่องเยื่อบุโพรงมดลูกเติบโตผิดที่ โดยนำผู้หญิง 100 คนมาทำการส่องกล้องเข้าไปดูในขณะที่มีประจำเดือน ผู้หญิงเกือบทั้งหมดจะมีภาวะเลือดระดูไหลย้อนกลับเข้าไปในช่องท้องทุกคน แต่คนที่มีปัญหาจนเกิดความเจ็บปวดรุนแรง ถุงน้ำมักจะมีปัญหาในเรื่องภูมิคุ้มกันบางอย่างบกพร่อง ซึ่งไม่สามารถจะทำลายเยื่อบุโพรงมดลูกที่เติบโตผิดที่นี้ได้ ในขณะที่ผู้หญิงปกติทั่วไปจะมีภูมิคุ้มกันซึ่งสามารถทำลายเยื่อบุโพรงมดลูกที่เจริญเติบโตผิดที่ได้
         ดังนั้น การป้องกันตัวเองจากช็อกโกแลตซีสต์คือต้องหมั่นสำรวจตัวเอง ว่ามีอาการของ โรคช็อกโกแลตซีสต์บ้างหรือไม่ หากไม่แน่ใจ แนะนำให้พบแพทย์ทันที ที่สำคัญคัญต้องรู้จักดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ เพราะจะไปช่วยลดฮอร์โมนเอสโตรเจน และหลีกเลี่ยงการตรวจภายใน หรือมีเพศสัมพันธ์ขณะมีประจำเดือน เพื่อป้องกันเลือดประจำเดือนไหลย้อนกลับ


การรักษาโรคช็อกโกแลตซีสต์

         เมื่อไปพบแพทย์ ก็จะมีการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจภายใน ในกรณีที่สงสัยว่าจะเป็นช็อกโกแลตซีสต์ แพทย์จะทำการตรวจอัลตราซาวด์ หรือตรวจพิเศษอื่นๆ ตามความเหมาะสม ซึ่งการตรวจอัลตราซาวด์นั้นอาจทำการตรวจทางหน้าท้อง หรือตรวจทางช่องคลอด แต่สำหรับการวินิจฉัยที่แน่นอนที่สุดคือ การส่องกล้องเข้าไปในช่องท้อง ร่วมกับการตัดชิ้นเนื้อเล็กๆ เอามาตรวจทางพยาธิวิทยา ซึ่งการตรวจโดยวิธีส่องกล้องนี้ไม่จำเป็นต้องทำในผู้ป่วยทุกคน แพทย์จะทำเมื่อเห็นว่ามีความเหมาะสม
         การรักษาโรคช็อกโกแลตซีสต์ หลักๆจะมี 3 วิธี คือ การใช้ยา การผ่าตัด หรือใช้ทั้งสองวิธีร่วมกัน โดยวิธีการรักษาจะคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ของผู้ป่วย ได้แก่ อาการของผู้ป่วย อายุ ความต้องการมีบุตร และความรุนแรงของโรค ทั้งนี้ การรักษาแบบใช้ยามีทั้งการยาในกลุ่มที่มีฮอร์โมนและไม่มีฮอร์โมน

         ส่วนการผ่าตัดก็มีทั้งวิธีการผ่าตัดเปิดหน้าท้อง หรือวิธีการผ่าตัดแบบส่องกล้อง ซึ่งวิธีการผ่าตัดส่องกล้องจะมีข้อดีคือ แผลเล็ก ปวดแผลน้อย ใช้เวลานอนรักษาในโรงพยาบาลหรือการพักฟื้นหลังผ่าตัดสั้นกว่าการผ่าตัดเปิดหน้าท้อง ทว่าวิธีการผ่าตัดแบบส่องกล้องนั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า และต้องอาศัยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ อย่างไรก็ตาม วิธีการรักษานั้น แพทย์จะเลือกตามความเหมาะสมสำหรับผู้ป่วยในแต่ละราย
         สำหรับโรคช็อกโกแลตซีสต์นั้น จะสร้างความทุกข์ทรมานมาก และจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นหากปล่อยไว้นานๆ ในกรณีที่เรามีอาการปวดประจำเดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการปวดนั้นรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ หรือมีอาการอื่นๆ จึงขอแนะนำให้รีบไปปรึกษาแพทย์ทันที

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ไขข้อข้องใจ ช็อกโกแลตซีสคืออะไร อาการเป็นอย่างไร

         อีกหนึ่งโรคที่เกิดขึ้นกับคุณผู้หญิง โดยเฉพาะสาวโสด ยังไม่แต่งงาน นั่นก็คือ “ช็อกโกแลตซีส” หรือ ที่ทางการแพทย์เรียกว่า “โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิด” (endometriosis) ถือเป็นโรคที่ผู้หญิงเป็นกันเยอะมาก ประจำเดือนมาทีไร อาการปวดก็จะยิ่งกำเริบรุนแรงมากขึ้นทุกที จนสาวๆบางคนถึงกับต้องหยุดเรียน หยุดงานกันเลยทีเดียว ทั้งนี้ หลายคนอาจคิดว่าเกิดจากสาเหตุอื่นที่ไม่เป็นอันตราย แค่รับประทานยาแปปเดียวก็หาย แต่จริงๆแล้วโรคนี้อันตรายกว่าที่คุณคิด

 
ช็อกโกแลตซีส คืออะไร

         ช็อกโกแลตซีส หรือโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิด (endometriosis) หมายถึง ถุงน้ำที่มีของเหลวภายใน ที่มาของชื่อถุงน้ำช็อกโกแลตซีสคือ ถุงน้ำของรังไข่แบบหนึ่ง ลักษณะของถุงน้ำภายในชนิดนี้มีของเหลวคล้ายกับช็อกโกแลตเหลว ซึ่งความจริงก็คือมีถุงเลือดอยู่ในถุงนั้น เมื่อเลือดหยุดไหลน้ำก็ถูกดูดซึมกลับ ทำให้เลือดในถุงเข้มขึ้น และเมื่อเลือดค้างอยู่ในถุงน้ำนานๆ จะกลายเป็นสีน้ำตาล มีลักษณะเหมือนช็อกโกแลต จึงเรียกเป็นถุงน้ำช็อกโกแลต
 
สาเหตุที่ทำให้เกิดช็อกโกแลตซีส

         สำหรับสาเหตุของการเกิดถุงน้ำช็อกโกแลต หรือที่เรียกกว่าช็อกโกแลตซีส เชื่อว่าเกิดจากการที่เลือดระดู หรือประจำเดือนที่ไหลย้อนกลับเข้าไปในอุ้งเชิงกราน ผ่านทางท่อนำไข่ ซึ่งโดยปกติแล้วเวลาผู้หญิงมีประจำเดือน นอกจากเลือดประจำเดือนจะไหลออกมาทางช่องคลอดแล้ว จะมีเลือดบางส่วนไหลผ่านท่อนำไข่เข้าไปในอุ้งเชิงกราน โดยเลือดประจำเดือนนี้จะมีเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกอยู่ ซึ่งโดยปกติแล้วร่างกายคนเราจะมีกลไกในการกำจัดเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกเหล่านี้ แต่ในผู้หญิงบางคนมีความผิดปกติของกลไกในการกำจัดเซลล์เหล่านี้ ทำให้เซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกที่หลุดออกมานั้น ไปฝั่งตัวตามจุดต่างๆ ในอุ้งเชิงกราน รวมถึงรังไข่ และเจริญเติบโตจนทำให้เกิดถุงน้ำขึ้น

         เวลาที่มีประจำเดือน เซลล์ของเยื่อบุโพรงมดลูกที่อยู่ในถุงน้ำก็จะมีเลือดออกเข้าไปในถุงน้ำนั้นด้วย เมื่อเวลาผ่านไป น้ำซึ่งเป็นส่วนประกอบในถุงเลือดนั้นจะถูกดูดซึมกลับทำให้เลือดในถุงมีลักษณะเข้มขึ้น และเมื่อค้างอยู่นานๆ ก็จะกลายเป็นสีน้ำตาล มีลักษณะเหมือนช็อกโกแลต เราจึงเรียกว่า ถุงน้ำช็อกโกแลต หรือช็อกโกแลตซีสนั่นเอง
 
ใครบ้างที่เสี่ยงต่อการเกิดช็อกโกแลตซีส

         กลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเป็นโรคนี้สูงจะสัมพันธ์กับการมีประจำเดือน พบว่าสตรีที่เริ่มมีประจำเดือนครั้งแรกก่อนเพื่อนๆ สตรีที่เข้าสู่ภาวะวัยหมดประจำเดือน (วัยทอง) ช้ากว่าปกติ สตรีที่มีประจำเดือนออกมากและออกนานหลายวัน สตรีที่รอบเดือนมาถี่หรือระยะห่างระหว่างที่เป็นประจำเดือนแต่ละรอบสั้น สตรีที่มีแม่ พี่สาว หรือน้องสาวเป็นโรคนี้ และสตรีที่มีลูกคนแรกตอนอายุมากก็จะมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้สูงขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่าสตรีที่ดื่มแอลกอฮอล์ และกาแฟมากๆก็จะมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคช็อกโกแลตซีสได้เช่นกัน

 
อาการของโรคช็อกโกแลตซีส

         ส่วนมากจะพบช็อกโกแลตซีสบ่อยๆที่บริเวณรังไข่ ซึ่งผลที่ตามมาคือภาวะปวดท้องประจำเดือน หรือปวดท้องน้อยอย่างรุนแรง ประจำเดือนมามาก และมีบุตรยาก และมักจะมีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรังเมื่อมีประจำเดือน และจะปวดมากขึ้นทุกเดือน โดยจะปวดด้านหน้า ตั้งแต่สะดือไปถึงอุ้งเชิงกราน ส่วนด้านหลังตั้งแต่บั้นเอวไปถึงก้นกบ และบางรายอาจมีอาการปวดประจำเดือนจนเป็นลม ท้องอืด ท้องเสีย ปวดหลัง ปวดร้าวลงขา ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะบ่อย รวมทั้งมีอาการเจ็บปวดเมื่อมีเพศสัมพันธ์
         หากมีอาการดังกล่าวก็ให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนเลยว่าคุณกำลังป่วยเป็นโรคช็อกโกแลตซีส หรือโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิดที่ ซึ่งมีผลเสียตามมากมายอย่างที่ได้บอกไว้ข้างต้น หากปล่อยไว้ อาการจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น จึงควรไปพบแพทย์เมื่อมีอาการตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้ทำการวินิจฉัยและรักษาต่อไป ไม่ต้องทนปวดท้องทุกข์ทรมาน