สุขภาพดีด้วย ‘กล้วยน้ำว้า’

            “กล้วยน้ำว้า” เป็นผลไม้ที่หาง่าย และอยู่คู่บ้านเมืองของคนไทยมาแต่โบร่ำโบราณ โดยรุ่นปู่ย่าตาทวดเมื่อครั้นเป็นเด็ก ส่วนใหญ่เติบโตมาจากการรับประทานกล้วยน้ำว้าสุกที่บดจนแหลกเหลว ควบคู่กับการดื่มนม
จากอดีตจนถึงปัจจุบันก็ยังมีการใช้กล้วยน้ำว้าบดให้เด็กวัยทารกรับประทานกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากกล้วยน้ำว้ามีสารอาหารมากมายที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต ทั้งยังมีสรรพคุณเป็นยาต่อต้านโรคภัยต่างๆได้ดี วันนี้เราทำความรู้จักกับเจ้ากล้วยน้ำว้ากัน เพื่อคลายข้อสงสัยที่ว่าเหตุใดมันถึงขึ้นชื่อเป็นผลไม้มหัศจรรย์
โดยกล้วยน้ำว้าพบได้ทุกภาคของประเทศไทย ลำต้นสั้นอยู่ใต้ดิน เป็นไม้ล้มลุก สูงไม่เกิน 3.5 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 15 เซนติเมตร มีสีเขียวอ่อน มีประดำบ้างเล็กน้อย ใบเป็นใบเดี่ยวขนาดใหญ่ ออกเรียงสลับ รูปขอบขนาดกว้าง 25-40 เซนติเมตร ยาว 1-2 เมตร ปลายใบมน ขอบใบเรียบ แผ่นใบเรียบสีเขียว ด้านล่างมีสีนวลขาว เส้นใบขนานกันในแนวขวาง ก้านใบเป็นร่องแคบ ดอก (หัวปลี) ออกเป็นช่อที่ปลายยอดห้อยลง ก้านช่อดอกไม่มีขน ปลีรูปไข่ค่อนข้างป้อม ด้านนอกสีแดงอมม่วงมีนวลหนา ด้านในมีสีแดงเข้ม  ผลเครือหนึ่ง มีประมาณ 7-10 หวี  หวีหนึ่งมี 10-16 ผล ก้านผลยาว เปลือกหนา เมื่อสุกจะมีสีเหลืองขาว ให้รสชาติหวาน

            สำหรับกล้วยน้ำว้าหนึ่งผลจะให้พลังงานประมาณ 100 แคลลอรี่ มีน้ำตาลธรรมชาติ อยู่ 3 ชนิด คือ ซูโครส ฟรุคโทส และกลูโครส รวมถึงมีเส้นใยและกากอาหาร นอกจากนั้นยังอุดมไปด้วยวิตามินบี6 ช่วยกระตุ้นระบบภูมิต้านทาน วิตามินบี1 บี2 และไนอะซีน อีกทั้งมีแร่ธาตุอย่างแมกนีเซียมและโพแทสเซียม
สิ่งสำคัญที่ทำให้กล้วยน้ำว้ามีคุณค่าทางสารอาหารที่พิเศษกว่ากล้วยชนิดอื่น นั่นคือในกล้วยน้ำว้าหนึ่งผลให้ทั้งโปรตีน กรดอะมิโน อาร์จินิน และอิสติดิน ซึ่งมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารก จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมในตอนเด็กๆพ่อ แม่ จึงบดกล้วยน้ำว้าให้เรารับประทาน เนื่องจากอุดมไปด้วยสารอาหารหลักและวิตามินที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกายนั่นเอง ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาของคนไทยโดยแท้

ประโยชน์อื่นๆจากกล้วยน้ำว้า
1.ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ รับประทานวันละ 5 – 6 ผล จะช่วยให้อาการคะคายเคืองลดน้อยลง
2.ช่วยระงับกลิ่นปากได้ วิธีการก็คือ รับประทานกล้วยน้ำว้าหลังตื่นนอนทันที แล้วค่อยแปรงฟัน จะช่วยลดกลิ่นปากได้มาก
3.รักษาโรคกระเพาะ เพราะในกล้วยน้ำว้ามีสารแทนนินอยู่มาก จึงสามารถช่วยรักษาอาการท้องเสียแบบไม่รุนแรงได้ โดยการนำกล้วยน้ำว้าดิบมาปอกเปลือก แล้วนำเนื้อมาฝานเป็นแผ่นบางๆ ตากแดดสัก 2 วันให้แห้งกรอบ จากนั้นบดเป็นผงให้ละเอียด  ละลายน้ำข้าวหรือน้ำผึ้ง รับประทานก่อนอาหารครึ่งชั่วโมง หรือก่อนนอน ครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ
4.แก้ท้องผูก โดยให้รับประทานกล้วยน้ำว้าสุกงอม ครั้งละ 2 ผล วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหารครึ่งชั่วโมง เวลารับประทานควรเคี้ยวให้ละเอียดที่สุด

            กล้วยน้ำว้ายังมีสรรพคุณในทางยาช่วยบรรเทาอาการเจ็บหน้าอกจากการไอแห้งๆ เป็นยาระบาย หรือช่วยให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ เปลือกกล้วยน้ำว้า สามารถบรรเทาอาการคันอันเนี่องมาจากแมลงกัดต่อย และผื่นแดงได้ ทั้งยังมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย ที่ทำให้เกิดหนอง นอกจากนี้กล้วยน้ำว้ายังมีสรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะอีกด้วย
มาถึงตอนท้าย ท่านผู้อ่านคิดเหมือนกันไหมว่ากล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้แสนวิเศษ ที่สามารถรับประทานได้ตั้งแต่วัยแบเบาะยันคนแก่ โดยแต่ละช่วงอายุจะรับประทานกล้วยน้ำว้าเพื่อประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม ถึงแม้กล้วยน้ำว้าจะให้คุณค่าทางสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย และหาซื้อได้ทั่วไปในราคาประหยัด แต่อย่าลืมว่ากล้วยน้ำว้าให้พลังงาน 100 แคลลอรี่ต่อผล หากรับประทานเข้าไปมากแล้วไม่มีการเผาผลาญ อาจส่งผลเสียในเรื่องน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นได้ ฉะนั้นไม่ว่าจะรับประทานอะไรก็ตามแต่ ควรควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อร่างกายนั่นเอง

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.