ทำ IPL หน้าใสปิ๊ง สั่งได้ดังใจ

         ปัจจุบันมีวิธีการทำให้ผิวหน้าขาวใสมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ครีมหรือเซรั่มบำรุงผิว การรับประทานอาหารเสริม หรือแม้แต่การใช้สูตรพอกผิวหน้าแบบโฮมเมด ทั้งนี้ วิธีดังกล่าวอาจต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะได้หน้าใสปิ๊ง จึงเกิดเป็นนวัตกรรมเลเซอร์ผิวขึ้น วิธีนี้ไม่ต้องรอนานก็เห็นผลชัดเจน โดยนวัตกรรมที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้ก็คือ การทำ IPL ที่ใช้แก้ปัญหาผิวบนใบหน้าได้สารพัด ทั้งยังเป็นวิธีที่ใช้กันในระดับสากล


การทำ IPL คืออะไร

         การทำ IPL (Intense Pulsed Light) เป็นเครื่องมือที่พัฒนามาจากการทำเลเซอร์ ผลิตขึ้นโดยการปล่อยลำแสงที่ไม่ใช่เลเซอร์ แต่เป็นคลื่นแสงที่มีความยาวคลื่นหลายช่วง ตั้งแต่ 500 – 1,200 นาโนเมตร สามารถนำมาใช้แก้ไขปัญหาผิวพรรณได้มากมาย การใช้การปรับแต่งลำแสงมาแก้ปัญหานั้น จะมีฟิลเตอร์ (Filter) เป็นตัวกรองคลื่นแสงให้อยู่ในช่วงความยาวคลื่นที่ต้องการ โดยใช้หลักการดูดพลังงานแสงของส่วนประกอบของผิวที่แตกต่างกัน (selective photothermolysis) เช่น ฮีโมโกลบินในเส้นเลือด หรือเมลานินในเม็ดสี เมื่อเป้าหมายที่ต้องการดูดพลังงานแสงเข้าไปก็จะเกิดความร้อน ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามที่ต้องการ
         การทำ IPL ใช้รักษาได้ทั้ง กระตื้นและรอยดำโดยการทำลายเม็ดสีที่เข้มผิดปกติให้หลุดลอกออก จัดการริ้วรอยเล็กๆ และริ้วรอยรอบปาก โดยเข้าไปกระตุ้นให้ผิวชั้นกลางสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมา ริ้วรอยเล็กๆ ก็จะลดลง และยังช่วยรักษารอยแดง เส้นเลือดแดงฝอยเล็กๆ ฝ้าเส้นเลือด โดย IPL จะทำลายเส้นเลือดฝอยเล็กและทำให้เส้นเลือดหดเล็กลง รวมถึงการทำให้รูขุมขนที่กว้างจะกระชับเล็กลง พร้อมๆกับปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดความหมองคล้ำ ได้หน้าใสปิ๊งได้ดังใจต้องการ

ขั้นตอนการทำ IPL
         ในการรักษาไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา แต่จะมีการทาเจลเย็นตรงบริเวณที่จะทำการรักษา ช่วยให้ไม่รู้สึกเจ็บ และให้สวมแว่นดำเพื่อป้องกันแสงสว่างที่เกิดจากเครื่อง IPL จากนั้นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะกำหนดพลังงานแสงที่ตรงกับปัญหาที่ต้องการรักษา แล้วนำหัว IPL มาวางทาบบริเวณที่รักษา และปล่อยลำแสงออกมา แสงที่ออกมาจะมีความจ้ามากคล้ายกับแสงแฟลชถ่ายภาพ ขณะที่แสงถูกปล่อยออกมา จะรู้สึกเหมือนถูกหนังยางดีดเบาๆ และอุ่นเล็กน้อยบนผิว
         การทำ IPL อาจใช้เวลาตั้งแต่ 15-30 นาที และจำนวนครั้งที่ทำก็ขึ้นอยู่กับปัญหาผิว บางรายทำเพียงครั้งเดียว บางคนต้องทำต่อเนื่องแตกต่างกันออกไป แต่โดยทั่วไปจะเห็นผลเร็วหลังจากทำ 1-2 ครั้ง โดยทำทุก 2 สัปดาห์ ต่อครั้งในระยะแรก สำหรับผลข้างเคียงอาจพบในบางราย เช่น หลังทำจะรู้สึกร้อนที่ผิวประมาณ 20-30 นาที มีรอยแดงบางบริเวณซึ่งจะหายไปในเวลา 2–3 ชั่วโมง ในคนที่รักษากระตื้นจะเกิดสะเก็ดหลังทำอยู่ประมาณ 3-7 วัน
         อย่างไรก็ตาม หลังทำ IPL ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดประมาณ 1-2 สัปดาห์ และต้องทายากันแดดเป็นประจำ รวมทั้งควรดูแลผิวอย่างถูกต้องโดยไม่รบกวนผิวหรือขัดถูหน้าแรงๆ ที่สำคัญควรมีการทาครีมบำรุงผิว (Moisturizer) ด้วย นอกจากนี้ยังควรรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะพวกผักไม้ที่ให้วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระ จะช่วยให้การได้หน้าใสปิ๊ง ขาวสวยอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น

 

ทำ IPL แล้ว อย่าลืมบำรุงผิวจากภายใน
         เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากจะทำ IPL ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาผิวจากภายนอกแล้ว สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ การบำรุงผิวให้สุขภาพดีออกมาจากข้างใน โดยการรับประทานน้ำเปล่ามากๆ และการรับประทานอาหารที่ให้วิตามินซี ไลโคปีน และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยให้ผิวหน้าใสปิ๊งมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ หากใครไม่ชอบรับประทานผักผลไม้ก็สามารถใช้อาหารเสริมแทนได้

         

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ผิวหมองคล้ำ อยากได้หน้าใสปิ๊ง ต้องทำไง

         ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันว่า “ผิวหมองคล้ำ” ไม่ได้หมายถึงผิวสีน้ำผึ้งหรือผิวสีแทนที่ฝรั่งตาน้ำข้าวนิยมชมชอบกัน แต่มันคือการที่ผิวของคุณได้รับความเสียหายจากปัจจัยต่างๆจนทำให้ผิวเกิดความหมองคล้ำดำเสีย และอาจยกระดับเป็นปัญหาผิวตามมา เช่น ปัญหาสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ เป็นต้น นอกจากนี้หากใครปล่อยให้ผิวคล้ำเสียอย่างรุนแรง (โดยเฉพาะคนที่ชอบโดนแดดจัด) ก็อาจทำให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้


ปัจจัยที่ทำให้เกิดผิวหมองคล้ำ

1.แสงแดด เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ เพราะผิวจะเริ่มคล้ำเสียหลังจากที่ถูกแดดแรงๆเพียง 60 วินาที โดยผิวจะเริ่มเกิดอาการแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด สภาพผิวเช่นนั้นเป็นสัญญาณเตือนว่าเซลล์ผิวกำลังถูกทำลาย และถ้าหากยังคงชะล่าใจไมทำการป้องกัน ก็จะทำให้เกิดปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ
2.การไม่ล้างทำความสะอาดใบหน้าก่อนเข้านอน การทาบีบีครีม ครีมรองพื้น เครื่องสำอางต่างๆ อย่างซ้ำๆ และไม่ยอมล้างทำความสะอาดให้หมดจดก่อนเข้านอนจะส่งผลให้เกิดปัญหาสิว จากการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำในท้ายที่สุด
3.รังสียูวีและคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โดยเฉพาะจากคอมพิวเตอร์ ที่เกิดขึ้นจากการใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานานๆ จะส่งผลให้ผิวหน้าหมองคล้ำขึ้นได้โดยที่คุณอาจไม่รู้ตัว
   4.ความเครียด เป็นศัตรูตัวฉกาจต่อความสวยความงาม และสุขภาพโดยรวม เพราะความเครียดจะส่งผลให้ผิวหน้าหมองคล้ำได้ แถมยังบั่นทอนสุขภาพอีกด้วย

5.พักผ่อนไม่เพียงพอ การพักผ่อนน้อยก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ความหมองคล้ำได้เช่นกัน สิ่งที่สังเกตได้ชัดเจนคือบริเวณใต้ตาจะมีความดำคล้ำ ถ้าหากปล่อยไว้จะทำให้หน้าหมองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
6.ขาดน้ำ การได้รับน้ำปริมาณน้อยในแต่ละวัน จะทำให้ผิวเกิดความแห้งเสียหมองคล้ำได้ง่าย ฉะนั้นควรดื่มน้ำให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ หรือในคนทั่วไปควรดื่มอย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน ก็จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ดีขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม นอกจากปัจจัยดังกล่าวแล้ว การที่ผิวหมองคล้ำอาจเกิดจากปัญหาสุขภาพภายใน เช่น ระบบอวัยวะภายในที่ทำงานอย่างผิดปกติ ระดับฮอร์โมนแปรปรวน เป็นต้น หรืออาจเกิดจากการแพ้สารเคมีบางชนิด โดยเฉพาะในเครื่องสำอางค์


วิธีแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ ให้หน้าใสปิ๊ง

เมื่อทราบกันถึงสาเหตุกันไปแล้ว วิธีการแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ ให้ได้หน้าใสปิ๊งกลับคืนมา ทำได้ง่ายๆเพียงแค่คุณหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว แล้วบำรุงผิวให้สุขภาพดีขึ้น การมีหน้าใสไร้ปัญหาผิวหมองคล้ำก็จะเป็นของคุณได้ไม่ยาก ทว่าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างเช่น ต้องทำงานออกแดดเป็นประจำ ก็ควรใช้ครีมกันแดด และสวมหมวกสักใบ หรือสำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศที่ต้องอยู่หน้าจอเป็นเวลานานๆ ก็ควรนั่งให้หากจากจอคอมพิวเตอร์ประมาณ 14-24 นิ้ว พร้อมปรับค่าความสว่างหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เป็น 0 ก็จะสามารถช่วยลดแสงที่ทำให้ผิวคล้ำผิวเสียได้มากถึง 80%
นอกจากจะต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงแล้ว ถ้าอยากได้หน้าใสปิ๊ง ก็ควรทำการฟื้นฟูผิวเป็นประจำด้วยครีมบำรุงผิว รวมทั้งการรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิว โดยเฉพาะผักใบเขียวที่จะช่วยให้เซลล์ทำงานได้ดีขึ้น ควบคู่ผักสีเหลืองส้ม เช่น แครอท ฟักทอง ข้าวโพด ที่มีเบต้าแคโรทีนบำรุงให้ผิวสวย และรับประทานผักผลไม้สีแดงจำพวก แอปเปิ้ล ทับทิม มะเขือเทศ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินซีช่วยฟื้นบำรุงผิว

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.