ดูแลตัวเองอย่างไร เมื่อปวดท้องประจำเดือน

         เมื่อครบรอบประจำเดือน สิ่งที่มักจะมาคู่กันก็คืออาการปวดหน่วงๆบริเวณท้องน้อย หรือเรียกว่า “ปวดท้องประจำเดือน” โดยบางคนปวดมากจนได้แต่นอนซมอยู่บนที่นอน ในขณะที่บางคนปวดเพียงเล็กน้อย ยังสามารถดำเนินชีวิตได้แบบปกติ ทั้งนี้ การปวดท้องประจำเดือนเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายนั่นเอง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของสตรีเพศที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ถ้าหากมีอาการปวดมากขึ้นเรื่อยๆจนทนไม่ไหว ก็ควรหันไปพึ่งหมอ เพราะอาจมีอาการผิดปกติอันเนื่องมาจากโรคอื่นๆ แล้วรู้ได้อย่างไรว่าผิดปกติ?

การปวดประจำเดือนในแต่ละช่วงอายุ
         1.การปวดประจำเดือนในวัยรุ่น เป็นอาการที่พบได้บ่อย ไม่ควรตกใจหรือวิตกกังวล ผู้หญิงส่วนใหญ่มักมีประสบการณ์นี้ในวัยเริ่มสาวหรือในช่วงวัยรุ่น หากได้ถ่ายทอดประสบการณ์นี้หรือได้รับคำอธิบายจากผู้ใหญ่ และมีการให้กำลังใจ ก็จะช่วยได้มาก
         2.การปวดประจำเดือนช่วงอายุ 18-40 ปี การปวดประจำเดือนทั่วไปต้องทุเลาได้ด้วยยาแก้ปวดธรรมดา แต่ถ้าไม่ทุเลาก็ควรปรึกษาแพทย์ เพราะวัยนี้เป็นวัยเจริญพันธุ์มีหลายโรคซึ่งสามารถค้นหาสาเหตุและรักษาได้ ไม่ควรทนทุกข์ทรมาน หรือทนปวดไปทุกเดือน เพราะปัจจุบันทราบกันดีว่าปวดประจำเดือนต้องไม่ใช่ปวดจนกระทั่งทำงานหรือเรียนหนังสือไม่ได้

         3.การปวดประจำเดือนช่วงหลังอายุ 40 ปี หากไม่เคยมีอาการปวดมาก่อน และมีอาการปวดหลังอายุ 40 ปี ควรจะให้แพทย์ตรวจ เพราะโดยทั่วไปไม่น่าจะมี ยิ่งถ้ามีอาการปวดมากๆหรือรุนแรง แสดงว่าอาจมีสาเหตุผิดปกติ ซึ่งต้องการดูแลการรักษาไม่ควรทนรอเพื่อให้ถึงวัยหมดประจำเดือน เพราะมีบางโรครักษาได้ตั้งแต่เมื่อตรวจพบ
         4.การปวดประจำเดือนกับการมีบุตร การตั้งครรภ์หรือมีบุตรที่คลอดธรรมชาติ จะทำให้อาการปวดประจำเดือนลดลงหรือหายไปเองได้ เนื่องจากปากมดลูกขยายมากขึ้น ประจำเดือนออกได้สะดวก โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่เป็นสาเหตุของอาการปวดก็จะดีขึ้นในขณะตั้งครรภ์ หากสามารถตั้งครรภ์ได้ แต่ในทางกลับกันหากเป็นโรคค่อนข้างรุนแรงมีพังผืดกดรัดท่อนำไข่ ซึ่งเป็นสาเหตุของการมีบุตรยากก็ควรได้รับการตรวจรักษาต่อไป

วิธีดูแลอาการปวดประจำเดือน
         1.ใช้ยาแก้ปวด ที่นิยมใช้คือ ยาพรอนสแตน ยาแอสไพริน บรูเฟ่น เนื่องจากยากลุ่มนี้ลดการสร้างพรอสตาแกนดิน จึงช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือนได้ สามารถรับประทานทั้งก่อนหรือระหว่างมีประจำเดือนโดยเฉพาะใน 1-2 วันแรกจะสามารถบรรเทาอาการลงได้
         2.รับประทานยาคุมกำเนิด เป็นอีกทางหนึ่งวิธีที่ลดอาการปวดประจำเดือนลงได้ ทั้งนี้ หากว่าอาการปวดไม่ดีขึ้นหรือมีอาการมากขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยต่อไป

         3.พักผ่อนให้เพียงพอ การทำงานมากเกินไปจะทำให้ชี่พร่อง มีผลทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติ ดังนั้น เมื่อเป็นประจำเดือนควรพักผ่อนให้เพียงพอ อย่าอดหลับอดนอนเป็นเด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้อาการปวดท้องประจำเดือนรุนแรงขึ้น
         4.หลีกเลี่ยงความเย็น ไม่ว่าจะเป็นการตากฝน อาบน้ำเย็น ว่ายน้ำ เนื่องจากช่วงมีประจำเดือนฮอร์โมนในร่างกายจะแปรปรวน ไม่สมดุล ทำให้ป่วยได้ง่าย ภูมิคุ้มกันลดลง การโดนความเย็น เช่น อาบนํ้าเย็น จะทำให้อุณหภูมิในร่างกายต้องปรับตัว บางครั้งอาจเกิดเจ็บป่วยได้
         5.รับประทานอาหารที่ย่อยง่ายและรสอ่อน ลดอาหารรสเผ็ด เปรี้ยว หลีกเลี่ยงอาหารมัน อาหารสำเร็จรูป เนื้อแดง นม และอาหารรสเค็ม เพราะอาจทำให้ประจำเดือนมามาก มีอาการปวดท้องประจำเดือนที่รุนแรง อาหารที่ควรรับประทานก็อย่างเช่น ผัก ผลไม้ เนี้อปลา ทั้งนี้ การปรับอาหารควรทำก่อนมีประจำเดือน 14 วัน
         6.รับประทานอาหารที่ปรุงร้อน ไม่ควรรับประทานของเย็นๆ เช่น แตงโม มะระ ฟัก น้ำเย็น น้ำแข็ง เพราะจะทำให้การไหลเวียนของเลือดไม่ดี ประจำเดือนน้อยลง หรือปวดท้องประจำเดือน

         7.หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่หักโหม แต่ไม่ควรงดออกกำลัง โดยควรเลือกออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดิน กายบริหารเบาๆ จะช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ทำจิตใจเบิกบาน อารมณ์ดี อาจฟังเพลงเบาๆ หรือเดินเล่น งดการมีเพศสัมพันธ์ เพราะจะทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องคลอดได้ง่าย
         8.ไม่ควรตะโกน หรือใช้เสียงมากเกินไป เพราะในช่วงนี้มีเลือดคั่งที่กล่องเสียง จึงง่ายต่อการเกิดเสียงหายหรือเสียงแหบ
         9.ดื่มชาสมุนไพร หากปวดท้องประจำเดือน สามารถทำชาสมุนไพรดื่มได้ เช่น ชาดอกกุหลาบ ใช้ดอกกุหลาบ 15 กรัม น้ำร้อนชงดื่ม ช่วยกระตุ้นให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น คลายอาการเครียด หรือใช้ขิง 3 แว่น พุทราจีน 5 เม็ด น้ำร้อนชงดื่ม

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

สาวๆอยากรู้ไหม ทำไมต้องปวดประจำเดือน

         เกิดเป็นผู้หญิงนั้นแท้จริงแสนลำบาก… เชื่อว่าคำกล่าวนี้คงจะตรงใจสาวๆทั้งหลาย โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปวดประจำเดือน ซึ่งถือเป็นปกติที่คุณผู้หญิงทุกคนต้องเจอ บ้างก็ปวดเพียงเล็กน้อย บ้างก็ปวดจนทนไม่ไหวต้องพึ่งยาบรรเทาปวด อย่างไรก็ดี หลายคนคงเกิดความกังวลปนสงสัยว่า ทำไมผู้หญิงถึงต้องปวดประจำเดือน และการปวดท้องแบบที่เป็นอยู่นี่เป็นเรื่องปกติหรือไม่ เพื่อความกระจ่างวันนี้เรามาหาคำตอบกัน

ทำไมต้องปวดประจำเดือน

         การปวดประจำเดือน คืออาการปวดบีบเป็นพักๆ บริเวณท้องน้อย อาจร้าวไปถึงบริเวณหลัง บริเวณก้น หรือบริเวณต้นขาซึ่งอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย หน้ามืด เป็นลมร่วมด้วย โดยปกติแล้วการปวดประจำเดือนนั้นเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเกิดกับเด็กผู้หญิงที่เริ่มมีประจำเดือน  โดยจากมีอาการปวดในช่วงแรกและจะปวดลดน้อยลง แต่ถ้าหากคุณผู้หญิงท่านใดที่มีอาการปวดประจำเดือนมาก คือ เดิมปวดเล็กน้อยพอเวลาผ่านไปมีอาการปวดมากขึ้นเรื่อยๆ สามารถสงสัยเบื้องต้นได้ว่าอาจเกิดการผิดปกติ

ปวดประจำเดือนแบบไหน ถือว่าผิดปกติ
         จริงๆแล้วอาการปวดท้องน้อยเวลามีประจำเดือน จะมีอาการปวดได้ในระดับหนึ่ง บางครั้งรับประทานยาแก้ปวดก็จะดีขึ้น แต่มีหลายรายที่อาการปวดประจำเดือนจะปวดมากขึ้นเรื่อยๆ โดยอาจจะมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดไปหลัง ไปเอว ไปก้นกบ ปวดร้าวไปที่หน้าขา มีอาการท้องอืดท้องบวม ท้องใหญ่ขึ้น เวลามีระดูจะถ่ายอุจจาระเหลวหรือท้องเสีย บางรายถ่ายอุจจาระจะปวดเบ่งปวดถ่ายมากกว่าช่วงไม่มีประจำเดือน บางคนเวลามีประจำเดือนจะปวดปัสสาวะบ่อยมากขึ้น ปัสสาวะขัด หรือเวลามีเพศสัมพันธ์จะเจ็บท้องน้อย เจ็บมดลูก ซึ่งปกติแล้วไม่ควรมี

         หากมีอาการปวดดังกล่าว ก็สามารถตั้งข้อสงสัยได้เลยว่าอาจจะมีสาเหตุหรือโรคบางอย่างที่ทำให้เกิดอาการปวดประจำเดือนรุนแรงขึ้น ที่พบได้บ่อยคือโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) ซึ่งในระยะแรกจะเป็นตุ่มเล็กๆ ฝังตัวอยู่ในอุ้งเชิงกราน ทุกเดือนที่มีเลือดระดูออกทางช่องคลอด ตุ่มเล็กๆ ที่ฝังตัวในอุ้งเชิงกรานก็จะมีเลือดออกเช่นกันทุกเดือน จะฝังตัวมากขึ้น เมื่อเป็นมากจะมีพังผืดเกิดขึ้นไปพันรัดกับอวัยวะข้างเคียงทำให้มีอาการผิดปกติของการถ่ายปัสสาวะ อุจจาระ การมีเพศสัมพันธ์ แม้กระทั่งทำให้มีบุตรยาก  เนื่องจากท่อนำไข่ไม่สามารถจับไข่ได้ ไข่ก็ไม่สามารถผ่านท่อนำไข่เพื่อปฏิสนธิกับตัวอสุจิ
         นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้การปวดประจำเดือนรุนแรง คือเนื้องอกของกล้ามเนื้อมดลูก ก้อนเนื้องอกแทรกอยู่ในกล้ามเนื้อมดลูก เวลามีประจำเดือนมดลูกจะบีบตัว เพื่อขับเลือดออกมา รวมถึงโรคปีกมดลูกอักเสบ ซึ่งเกิดจากการติดเชื้ออุ้งเชิงกรานอักเสบ มีอาการตกขาวบ่อย เป็นทั้งช่วงที่มีหรือไม่มีประจำเดือน ถ้ามีประจำเดือนอาการปวดท้องจะมากขึ้น

สัญญาณเตือน ที่จำเป็นต้องพบหมอ
         1.ปวดท้องหลายวันก่อนมีประจำเดือน ความปวดมากขึ้นเมื่อมีประจำเดือนและอาจปวดมากต่อเนื่องไปหลังจากประจำเดือนหมด
         2.ปวดมากจนใผลต่อคุณภาพชีวิต เช่น ต้องหยุดเรียนหนังสือ หยุดงานหรือไม่สามารถประกอบกิจวัตรประจำวันได้
         3.ปวดมากขึ้นกว่าเดิม ทานยาแก้ปวดก็ไม่ดีขึ้น ต้องเพิ่มยามากขึ้นหรือต้องเปลี่ยนเป็นยาที่แรงขึ้น เพื่อระงับปวด

         4.ปวดเวลาถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะ ขณะมีประจำเดือน
         5.ปวดเวลามีเพศสัมพันธ์
         6.ถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะเป็นเลือด เมื่อมีประจำเดือน
         7.มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด
         8.มีภาวะมีบุตรยาก
         หากเข้าข่ายปวดประจำเดือนแบบผิดปกติ หรือมีสัญญาณเตือนดังกล่าว ควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยแพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกาย ตรวจอัลตราซาวด์เพื่อการวินิจฉัยโรค รวมถึงสาเหตุอื่นๆที่อาจทำให้มีอาการปวดประจำเดือนมากผิดปกติ จะได้ทำการรักษาให้ตรงจุด ไม่ต้องทุกข์ทรมาณไปเรื่อยๆจนบั่นทอนทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต …เห็นไหมว่าเกิดเป็นผู้หญิงนั้นแท้จริงแสนลำบาก

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.