นอนดึกตื่นเช้า ต้องกิน วิตามินบีรวม

         การนอนดึกตื่นเช้า เป็นเรื่องธรรมดาที่บรรดาวัยรุ่น วัยเรียน และวัยทำงานต่างก็ประสบพบเจอ เพราะไหนจะเรียน ไหนจะงาน ไหนจะโปรเจ็ค ทำให้ชีวิตในแต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว เวลาในการพักผ่อนจึงถูกลดหย่อนไป แต่คุณเคยสงสัยไหมว่า ทำไมบางคนที่นอนดึกตื่นเช้า แต่หน้าตายังดูสดใส ไม่มีอาการง่วงเหงาหาวนอน ปราศจากขอบตาดำเป็นหมีแพนด้า เพราะอะไรน่ะหรือ? คำตอบคือเพราะเขากินวิตามินบีรวมยังไงล่ะ

 

วิตามินบีรวม คืออะไร
         วิตามินบีรวม เป็นวิตามินที่มีความสำคัญสูงสุด โดยเฉพาะในการช่วยรักษาโรคต่างๆ ตั้งแต่โรคเหน็บชาจนถึงโรคเกี่ยวกับสมอง แต่เป็นหนึ่งในวิตามินชนิดที่ละลายในน้ำได้ จึงไม่สามารถเก็บไว้ในร่างกายของเราได้ โดยมันจะถูกขับออกทางปัสสาวะ แต่ก่อนมันจะถูกขับออกมันได้สร้างประโยชน์ให้เราอย่างมหาศาล เช่น ทำหน้าที่เปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตในร่างกายให้เป็นน้ำตาลกลูโคส ซึ่งร่างกายสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานไปใช้ได้ วิตามินที่เป็นพื้นฐานสำหรับวิตามินบีรวม ได้แก่ วิตามิน บี 1 บี 2 บี 3 บี 6 บี 12 และเสริมด้วยวิตามินบี 5, Biotin, Choline, Inositol, Folic acid และ PABA

 

ประโยชน์จาก วิตามินบีรวม
         วิตามินบี 1 มีหน้าที่ในการเผาผลาญน้ำตาลที่เรารับประทานเข้าไปให้เกิดเป็นพลังงาน จะช่วยป้องการการเกิดโรคโลหิตจาง และโรคเหน็บชา ถ้าร่างการขาดวิตามินบี 1 จะทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ชาตามนิ้วมือนิ้วเท้าและเกิดผลเสียต่อกล้ามเนื้อหัวใจจากการคั่งค้างของเสีย
         วิตามินบี 2 มีประโยชน์มากในเด็กที่กำลังเจริญเติบโต ป้องกันการเกิดแผลในปากและโรคปากนกกระจอก ป้องกันการเกิดโรคไมเกรน ช่วยทำให้ ผิวหนัง เล็บ เส้นผมมีสุขภาพ และลดการเกิดมะเร็งหลอดอาหารอีกด้วย
         วิตามินบี 3 มีหน้าที่ในการเผาผลาญอาหาร ทำให้เกิดพลังและการสร้างไขมันในร่างกาย ช่วยทำลายสารพิษจากมลพิษ ควันบุหรี่ รักษาอาการเครียดและช่วยในการไหลเวียนของเลือด
         วิตามินบี 5 มีความจำเป็นต่อการทำงานของสมอง บรรเทาอาการข้ออักเสบ ช่วยในการนอนหลับให้ดีขึ้น และควบคุมสมดุลเกลือแร่ในร่างกาย
         วิตามินบี 6 จำเป็นต่อการทำงานของสมองและระบบประสาท และมีหน้าที่สำคัญในการเผาผลาญโปรตีนในรายกาย ช่วยปรับสภาพผิวหนังให้เป็นปกติ
         วิตามินบี 12 มีความจำเป็นในการสร้างเม็ดเลือด การทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง และระบบทางเดินอาหาร ป้องกันอาการอ่อนเพลียจากโรคโลหิตจาง

         ไบโอติน (Biotin) มีส่วนสำคัญต่อการเผาผลาญไขมันและโปรตีน วิตามินนี้ดีต่อต่อร่างกายคือ ช่วยป้องกันผมหงอก บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการผื่นผิวหนังอักเสบ ผื่นคัน ช่วยปัองกันและรักษาเล็บแห้งเปราะ
         โคลีน (Choline) เป็นหนึ่งในสารช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญไขมันในร่างกาย ช่วยในการกระจายตัวของคอเลสเตอรอล ไม่ให้คอเลสเตอรอลเกาะที่ผนังเส้นเลือดแดงหรือผนังของถุงน้ำดี
         อิโนซิทอล (Inositol) เป็นสารที่ช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญไขมันและคอเลสเตอรอล ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ป้องกันการหลุดร่วงของเส้นผม ช่วยป้องกันผื่นผิวหนังอักเสบ ทำให้รู้สึกสงบ
         กรดโพลิก (Folic acid) มีความสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง ช่วยในกระบวนการเผาผลาญของโปรตีน มีความจำเป็นต่อการการแบ่งตัวของเซลล์ วิตามินนี้ดีต่อต่อร่างกายคือ ช่วยในการสร้างน้ำนมของมารดาหลังคลอด ป้องกันการพิการแต่กำเนิดในทารก ช่วยให้ผิวพรรณแลดูสุขภาพดี ช่วยให้เจริญอาหาร หากกำลังอ่อนเพลีย ช่วยรักษาภาวะซีดหรือโหลิตจาง

         พาบา (PABA) หรือ กรดพารา-อะมิโนเบนโซอิก (Para-Aminobenoic acid) ช่วยในการสร้างกรดโฟลิก และมีส่วนสำคัญในการใช้โปรตีนของร่างกาย ช่วยในการดูด ช่วยให้ผิวแลดูมีสุขภาพดีและเนียนนุ่ม ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย ช่วยฟื้นคืนสีผมตามธรรมชาติให้กับเส้นผม และช่วยลดความเจ็บปวดจากแผลไหม้
         ด้วยคุณประโยชน์จากวิตามินบีรวมที่มีส่วนช่วยในเรื่องระบบประสาท ช่วยลดอาการอ่อนเพลีย ช่วยให้สมองผ่อนคลาย และทำให้ประสาทตื่นตัว แถมยังช่วยให้การดูดซึมอาหารดีขึ้น ช่วงไหนที่มีอาการง่วงๆ มึนๆ ร่างกายจึงมีการตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมบางคนที่นอนดึกตื่นเช้าจึงไม่มีอาการอ่อนเพลียให้เห็นนั่นเอง ซึ่งจะเห็นว่าวิตามินบีรวมมีประโยชน์มากมาย รู้แบบนี้อย่าลืมไปหามารับประทานโดยด่วน โดยเฉพาะบรรดามนุษย์ค้างคาว ชอบนอนดึกตื่นเช้า

 

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

รวมวิธีธรรมชาติ ที่จะช่วยให้คุณนอนหลับโดยไม่ต้องพึ่งพายานอนหลับ

         คนจำนวนมากมายเหลือคณานับในโลกใบนี้ ที่จำเป็นจะต้องใช้ใบสั่งยายานอนหลับจากแพทย์ เพื่อให้สามารถแน่ใจว่าตัวเองสามารถที่จะนอนหลับได้ครบตามระยะเวลาที่เพียงพอ แต่อย่างไรก็ตาม มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากได้ออกมาทำการเตือนว่า ยานอนหลับนั้น มีผลช้างเคียงอันไม่พึงประสงค์มากมาย ทำให้การใช้ยานอนหลับนั้น จำเป็นที่จะต้องจำกัดการใช้งานเอาไว้ไม่ให้มากจนเกินไป
 ถ้าหากคุณกำลังมีความผิดปกติในการนอนหลับ คุณอาจจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญสักคน แต่คนส่วนใหญากลับไม่ทราบว่า อาการนอนไม่หลับนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งพายานอนหลับเสมอไป ยังมีทางเลือกอื่นๆที่สามารถช่วยทำให้คุฤณนอนหลับได้ โดยเฉพาะการใช้วิธี “พฤติกรรมบำบัด” ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากททั่วโลกในปัจจุบัน

พฤติกรรมบำบัด ศาสตร์สำหรับคนที่นอนไม่หลับโดยเฉพาะ
 สำหรับคนที่มีปัญหานอนไม่หลับ สามารถทำตามคำแนะนำที่อิงจากการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ และสถิติจากการศึกษาผู้ที่นอนไม่หลับทั่วโลก ดังต่อไปนี้
 1.เมื่อรู้สึกว่านอนไม่หลับให้ลุกออกจากเตียง ถ้าหากคุณรู้สึกว่าตัวเองกำลังนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย เป็นเวลา 20-40 นาที หลังจากการเข้านอน อย่าพึ่งทำการพึ่งพายานอนหลับ แต่ให้ลองลุกออกจากเตียง ไปทำอย่างอื่นเป็นเวลาประมาณ 30-60 นาที จนกระทั่งรู้สึกว่าตัวเองง่วงจากความเหนื่อยจริงๆ แต่ให้ระวังรูปแบบกิจกรรมที่คุณลุกขึ้นไปทำ ไม่ให้มีความตื่นเต้นจนเกินไป เพราะมันจะยิ่งทำให้คุณตาสว่างมากยิ่งขึ้น
 2.ลองผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เป็นเทคนิคที่ได้รับการพัฒนามาตั้งแต่ปี ค.ศ.1915 โดยมีหัวใจสำคัญคือ การผ่อนคลายความเครียดที่เกิดขึ้นภายในกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกาย ด้วยการออกกำลังกายที่เรียบง่าย ซึ่งวิธีนี้เกี่ยวพันเป็นอย่างมากกับการทำให้นอนหลับอย่างสินทดีมากยิ่งขึ้น
3.ทำสมาธิ จากการศึกษาเคล็ดลับการทำสมาธิในปี 2009 พบว่า การทำสมาธิมีประสิทธิภาพอย่างยิ่งในการต่อสู้กับโรคนอนไม่หลับ เพียงแค่การทำสมาธิขั้นพื้นฐานอย่างการกำหนดลมหายใจ ก็เพียงพอที่จะช่วยทำให้คุณสามารถนอนหลับได้ดีมากยิ่งขึ้น

         4.อาบน้ำอุ่น ช่วยเพิ่มอุณภูมิให้กับร่างกายของคุณเล็กน้อย ซึ่งนั่นเป็นเคล็ดลับสำคัญที่ช่วยทำให้การนอนหลับของคุณเป็นไปได้อย่างดีมากยิ่งขึ้น ในการศึกษาขนาดเล็กเมื่อปี 1985 พบว่า คนที่ใช้เวลาอาบน้ำอุ่นก่อนเข้านอน นอกจากจะสามารถตื่นได้อย่างรวดเร็วขึ้นแล้ว ยังนอนหลับได้ง่ายมากขึ้นอีกด้วย
 5.ออกกำลังกาย การออกกำลังกายที่ไม่รุนแรงแรงให้ผลในการนอนหลับที่ดี มากกว่าเพียงการออกกำลังกายเล็กๆน้อยๆ โดยเฉพาะการฝึกโยคะ ที่นับเป็นยานอนหลับชั้นดี
 6.เปลี่ยนห้องนอนให้ปลอดโปร่ง ห้องนอนของคุณจำเป็นที่จะต้องปลอดโปร่งและสะดวกสบายที่สุด ความเงียบสงบ เครื่องเรือนสีขาว อากาศที่ค่อนข้างเย็นสบาย และความสะอาดโดยรวม สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่สามารถช่วยทำให้คุณนอนหลับได้อย่างสนิทมากยิ่งขึ้น
 7.น้ำมันหอมระเหย จากการศึกษาในปี 2005 พบว่า กลิ่นลาเวนเดอร์ ส่งผลช่วยทำให้คุณหลับลึกมากยิ่งขึ้น และจากการศึกษาอื่นๆก็ยังสนับสนุนผลการวิจัยเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี
ข่าวดีสำหรับคนที่เลือกการบำบัดอาการนอนไม่หลับด้วยวิธีเหล่านี้คือ พวกมันมีประโยชน์เป็นอย่างมากในการช่วยทำให้นอนหลับ และยังเป็นการช่วยปรับนาฬิกาภายในร่างกายให้มีความปกติมากยิ่งขึ้น แต่ข่าวร้ายคือ วิธีการเหล่านี้โดยส่วนใหญ่ยังไม่ได้ถูกรับรองด้วยองค์การอาหารและยา ซึ่งจะเห็นได้ว่าวิธีทางธรรมชาติ ให้ผลดีมากกว่ายานอนหลับ ที่มักส่งผลร้ายต่อร่างกาย และเวลาในร่างกายโดยรวม

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

นอนหลับยาก สาเหตุ และแนวทางการแก้ไขด้วยตัวเอง

         เมื่อคุณประสบปัญหาการนอนหลับในเวลากลางคืน หรือตื่นขึ้นมาหลายต่อหลายครั้งตลอดทั้งคืน สิ่งเหล่านี้มักถูกเรียกรวมๆกันว่า “โรคนอนไม่หลับ” ซึ่งเป็นโรคที่สร้างความยากลำบาก หลับยาก และส่งผลกระทบต่อสภาพร่างกาย และจิตใจของคุณเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอาการปวดหัวในตอนกลางวันบ่อยๆ
 คนส่วนใหญ่ ในบางจุดของชีวิตมักที่จะต้องประสบกับปัญหาการนอนไม่หลับ ตามสถิตของสถาบันสุขภาพแห้งชาติ ของประเทศสหรัฐอเมริกา ร้อยละ 25 ของประชากร มีปัญหาการนอนไม่หลับ นอนหลับยากบ้างเป็นครั้งคราว แต่ในด้านสรีระวิทยาแล้ว ร่างกายของผู้ใหญ่จำเป็นที่จะต้องได้รับการนอนหลับพักผ่อนอย่างน้อยวัยละ 8 ชั่วโมง แต่สำหรับคนที่นอนหลับสนิท หากได้นอนหลับประมาณ 6-7 ชั่วโมง ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้รู้สึกสดชื่น พร้อมสำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน

อาการหลับยาก นอนไม่หลับ ส่งผลต่อสุขภาพและชีวิตประจำวันอย่างไรบ้าง?
 อาการหลับยาก นอนกไม่หลับ มักจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อร่างกาย และจิตใจได้มากมายหลายอย่าง ดังต่อไปนี้
 1.อาการปวดหัวบบ่อยๆ
2.หงุดงหิดง่าย
3.รู้สึกเมื่อยล้าตลอดทั้งวัน
4.ตื่นง่ายจนเกินไป
5.ตื่นบ่อยครั้ง ตลอดทั้งคืน
6.พลังงานโดยรวมของร่างกายต่ำในแต่ละวัน
7.รอยคล้ำใต้ตา

สาเหตุพื้นฐานที่ก่อให้เกิดปัญหาหลับยาก นอนไม่หลับ
มีหลายเหตุผลมากมายที่นำไปสู่การเกิดปัญหาหลับยาก นอนไม่หลับ รวมไปถึงนิสัยการนอน วิถีการใช้ชีวิต และเงื่อนไขทางการแพทย์ ซึ่งหลายสิ่งเหล่านี้สามารถที่จะปรับปรุงแก้ไขได้ด้วยตัวเอง แต่ถ้าหากอาการหลับยาก นอนไม่หลับรุนแรง ขอแนะนำให้คุณรีบไปพบแพทย์ เพื่อขอคำปรึกษาที่เหมาะสมกับอาการของตัวเองจะดีที่สุด โดยทั่วๆไปแล้ว อาการหลับยาก นอนไม่หลับ มักจะมีความเกี่ยวพันกับสาเหตุต่างๆ ดังต่อไปนี้
 1.แรงกระตุ้นที่มากจนเกินไปก่อนเข้านอน อาทิเช่น การออกกำลังกาย การเล่นวีดิโอเกม การชมภาพยนตร์ เป็นต้น
2.การดื่มคาเฟอีนมากจนเกิยไป
3.ถูกรบกวนด้วยเสียงดัง
4.ห้องนอนอนอึดอัด ไม่ปลอดโปร่ง
5.ความตื่นเต้น
6.นอนกลางวันมากจนเกินไป
7.ขาดการสัมผัสกับแสงแดด
8.ปัสสาวะบ่อย
9.ความเจ็บปวดทางกาย
10.ความเครียด และความวิตกกังวล
11.ยาบางชนิดที่แพทย์สั่ง
เช่น ยารักษาต่อมไทรอยด์ ยาที่มีส่วนผสมของอีเฟดรีน หรือ phenylpropanolamine เป็นต้น
12.ความหิว

โรคเกี่ยวข้องกับอาการนอนไม่หลับ นอนหลับยาก
 ในบางคน อาการนอนไม่หลับ อาจจะมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของการนอนหลับ เช่น
         1.การหยุดหายใจในขณะหลับ โรคอุดตันในทางเดินหายใจ ทำให้ตลอดทั้งคืน ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเหล่านี้ต้องตื่นขึ้นมบ่อยครั้ง จากอาการสำลัก
         2.กลุ่มอาการขาไม่อยู่สุข ทำให้เกิดอาการเสียวซ่าน หรืออาการปวด จากการที่ขามีการย้ายตำแหน่งอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืน ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางการนอนหลับอย่างสนิทของคุณ
 3.ความล่าช้าในการนอนหลับ คนที่นอนผิดเวลาจนเคยตัว นอนดึกจนเคยชิน จะทำให้ไม่รู้สึกง่วงเมื่อถึงเวลาควรเข้านอนในตอนกลางคืน พวกเขาจะง่วงก็ต่อเมื่อถึงเวลาที่ตัวเองเคยนอน เช่น 02.00 น. เป็นต้น วงจรการนอนหลับที่ยุ่งยากนี้ ทำให้การตื่นเช้าเพื่อไปเรียน หรือทำงาน มีความยากลำบาก และเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าตลอดทั้งวัน
 นอกจากนี้ยังมีอาการป่วยอื่นๆ ที่สัมพันธ์กับอาการนอนไม่หลับ นอนหลับยาก ไม่ว่าจะเป็น การงอกของฟัน หรือแก็ซในกระเพาะอาหาร หรือปัญหาในระบบทางเดินอาหารเป็นต้น

การรักษา บรรเทาอาการนอนไม่หลับ นอนหลับยากด้วยตัวเอง
 การรักษาอาการนอนไม่หลับ นอนหลับยาก ขึ้นอยู่กับสาเหตุของมัน ในบางกรณีการเยียวยารักษาด้วยตัวเองที่บ้าน หรือเพียงแค่ทำการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตให้เรียบง่ายมากยิ่งขึ้น ก็สามารถที่จะช่วยปรับปรุงคุณภาพของการนอนหลับให้ดีมากยิ่งขึ้นได้เช่นกัน นอกจากนี้คุณยังสามารถนำข้อแนะนำด้านล่างนี้ ไปประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มโอกาสในการหลับสนิทที่มากขึ้นได้ ดังต่อไปนี้
 1.หลีกเลี่ยงการดื่มคาเฟอีน และเครื่องดื่มแอลกฮออล์อย่างน้อย 8 ชั่วโมง ก่อนเข้านอน
 2.ฟังเพลงผ่อนคลายก่อนนอน
 3.ถ้าต้องการหลับพักผ่อนในตอนกลางวัน ไม่ควรเกิน 30 นาที
   4.หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่จะกระตุ้นประสาทของคุณให้ตื่นตัวก่อนนอน
 5.อาบน้ำอุ่นก่อนเข้านอน
 6.ให้แน่ใจเสมอว่าห้องนอนของคุณมืด และมีความเย็นมากพอ
 7.ปรับการตารางการใช้ชีวิต ให้การนอนหลับของคุณเป็นปกติเหมือนกับคนอื่นๆทั่วไป

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

อาการนอนไม่หลับ…แก้อย่างไรดี

         การนอนไม่หลับไม่ใช่โรคร้ายแต่อย่างใด มันเป็นปัญหาสุขภาพอย่างหนึ่งที่จะทำให้ตื่นขึ้นมาแล้วไม่สดชื่น ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนหนังสือ หน้าที่การงาน รวมถึงความสัมพันธ์กับผู้อื่น ทั้งนี้ แต่ละคนอาจมีความรู้สึกต่อการนอนไม่หลับได้หลายแบบ เช่น อาการนอนหลับยาก กว่าจะหลับสนิทก็ใช้เวลานาน หรือบางคนหลับๆตื่นๆ นอนหลับไม่สนิทเสียทีเดียว เป็นต้น วันนี้เรามาดูกันว่า จริงๆแล้วอาการนอนไม่หลับเกิดขึ้นได้อย่างไร และจะสามารถแก้ไขได้หรือไม่ อย่างไร

ทำไมถึงมีอาการนอนไม่หลับ
         1.ปัญหาทางด้านอารมณ์ เช่น ภาวะตึงเครียดในชีวิต สูญเสียบางในอย่างในชีวิต เป็นต้น
         2.การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม เช่น แสงสว่างมากเกินไป เสียงดัง อุณหภูมิร้อนเกินไป การเปลี่ยนที่นอนและการเดินทางข้ามเส้นแบ่งเวลาโลก การทำงานกะดึก เป็ต้น 

         3.ปัญหาจากโรคของการนอนหลับโดยตรง เช่น การเคลื่อนไหวแขนขาที่ผิดปกติขณะหลับ การขาดลมหายใจระหว่างการนอนหลับเป็นพักๆ           
         4.ความผิดปกติทางสรีรวิทยา ของผู้ป่วยที่มีความไวกว่าธรรมดา เช่น ภาวะตื่นตัวสูงและตื่นเต้นง่าย           
         5.โรคทางจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า โรคในกลุ่มกังวล โรคจิต เป็นต้น      
         6.อาการเจ็บป่วยทางร่างกาย เช่น สมองเสื่อม ความผิดปกติของฮอร์โมน อาการปวดการไอเรื้อรัง การหายใจลำบาก การตื่นขึ้นมาปัสสาวะบ่อย ๆ            
         7.การใช้ยาหรือสารบางชนิด

วิธีแก้อาการนอนไม่หลับ
         1.เลี่ยงอาหารทำให้เกิดลม รวมถึงสิ่งที่ทำให้ท้องอืด ท้องเฟ้อ เช่น น้ำอัดลม ถั่ว มันเทศ หัวหอมใหญ่ พริกหยวก บล็อกโคลี่ มันแกว ข้าวโพด กล้วยหอม และควรงดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนก่อนนอน เช่น ชา กาแฟ และน้ำอัดลม รวมทั้งขนมหวานทุกชนิด เพราะน้ำตาลจะกระตุ้นให้รู้สึกตื่นตัว
         2.หยุดรับประทานก่อนนอน 2 ชั่วโมง ควรหลีกเลี่ยงการเข้านอนในขณะที่อาหารกำลังย่อยอยู่ ควรปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างน้อย 2 ชั่วโมงหลังอาหารค่ำ หรือหากอยากให้ย่อยไว แนะนำให้เดินเล่นในบ้าน จะทำให้กระเพาะทำงานได้ดีขึ้น

         3.อาบน้ำอุ่น หากนอนไม่หลับเป็นประจำ แนะนำให้อาบน้ำอุ่นโดยค่อยๆเพิ่มอุณหภูมิให้สูงขึ้นจาก 35 ถึง 39 องศาเซลเซียส น้ำอุ่นสามารถกล่อมประสาทให้ง่วงนอนได้ หรืออีกวิธีคือให้แช่เท้าในน้ำอุ่นจะช่วยผ่อนคลายเส้นประสาท เส้นโลหิต หลอดน้ำเหลือง ทำให้หลับได้ดีขึ้น
         4.รับประทานน้ำผึ้งผสมน้ำอุ่น น้ำผึ้งเล็กน้อยผสมในน้ำอุ่น หรือชาสมุนไพร จะช่วยทำให้หลับง่ายขึ้นนั่นเอง เพราะมีการใช้น้ำผึ้งเป็นยาระงับประสาทอ่อนๆ มาตั้งแต่โบร่ำโบราณแล้ว ทั้งนี้ อย่าลืมว่าควรบริโภคก่อนที่จะนอนประมาณ 2 ชั่วโมง
         5.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทุกวัน อย่างน้อยวันละ 30 นาที ช่วงเช้าตรู่หรือตอนเย็น จะช่วยลดความตึงเครียดทางร่างกายและอารมณ์ ช่วยให้หลับได้เร็ว ทั้งยังทำให้ตื่นเร็วขึ้น กระนั้นก็ดี ไม่ควรออกกำลังกายช่วงใกล้เข้านอน เพราะอาจรบกวนการนอนหลับได้
         6.หากิจกรรมสร้างความผ่อนคลาย ถ้าเข้านอนนาน 15-30 นาที แล้วยังไม่หลับให้ลุกขึ้นจากที่นอน แล้วทำกิจกรรมซึ่งให้ความเพลิดเพลิน เช่น ฟังเพลงหรืออ่านหนังสือ และกลับมานอนใหม่ แต่ควรหลีกเลี่ยงการดูทีวี ฟังข่าว เล่นคอมพิวเตอร์ เพราะจะเร้าความรู้สึกตื่นตัวในขณะที่อยากหลับ ที่สำคัญอย่านอนอยู่บนเตียงโดยไม่หลับจนถึงเช้า เพราะจะกระตุ้นให้เกิดความวิตกกังวล

         7.เข้านอนและตื่นนอนตรงเวลาทุกวัน เพื่อให้เกิดความเคยชิน หากลุกจากเตียงทันทีเมื่อตื่นอย่างตรงเวลา การสัมผัสแสงแดดอ่อนตอนเช้า และออกกำลังกายเบาๆ หลังตื่นนอน 10-15 นาทีก่อนทำกิจกรรมอื่น จะช่วยให้สมองและร่างกายตื่นตัว สามารถปฏิบัติกิจกรรมต่างๆได้ดี และเมื่อได้เวลาเข้านอนก็จะหลับได้อย่างสนิทมากขึ้น
         หากนำเคล็ดลับนี้ไปใช้คุณก็จะนอนหลับสนิทได้ทุกวัน ซึ่งมีผลวิจัยชี้ว่าขณะหลับเซลล์สมองจะหดตัวลงร้อยละ 60 ทำให้กระบวนการน้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลังที่ถูกส่งมาจากเนื้อเยื่อสมอง เพื่อกำจัดของเสียออกไปทำงานได้ดีขึ้นกว่าตอนตื่นถึง 10 เท่า ดังนั้น การนอนหลับให้สนิทอย่างเพียงพอจึงเป็นสิ่งสำคัญ ใครที่นอนไม่ค่อยหลับจึงควรหาวิธีแก้ไขให้ได้โดยเร็ว

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.