L-Cystein หนึ่งเดียวของวิตามินผิวขาว กินแล้ว ผิวขาว อมชมพู ใสปิ๊ง

         ถ้าจะให้พูดถึงวิธีการทำให้ผิวขาวขึ้นนั้น บอกได้เลยว่ามีมากมายสารพัด ไม่ว่าจะเป็นวิธีเบสิคอย่างการทาครีมบำรุงผิว การรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิวโดยเฉพาะผักผลไม้ที่ให้วิตามินต่างๆ นอกจากนี้การทำทรีทเม้นต์ผิว ขัดผิวก็ช่วยให้ผิวขาวผุดผ่องขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ไม่ขอแนะนำสำหรับคนที่ฉีดสีผิว เพราะสารเคมีบางตัวอาจทำร้ายเราได้ในอนาคต
เห็นไหมว่าวิธีการทำให้ผิวของเราขาวขึ้นมีมากมาย และแน่นอนอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่อยากมีผิวขาว อมชมพู ใสปิ๊ง ก็คือการรับประทานอาหารเสริมวิตามินผิวขาวนั่นเอง โดยวันนี้เราจะพาท่านผู้อ่านไปรู้จักวิตามินผิวขาว L-Cystein ที่กำลังฮอตฮิตในวงการสุขภาพอยู่ ณ ขณะนี้


วิตามินผิวขาว L-Cystein คืออะไร

L-Cystein เป็นสารประเภทกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง (กรดอะมิโนซีสเทอีน) ซึ่งมีส่วนประกอบของ sulfur เป็นสารตั้งต้นของกูลต้าไธโอน สารต้านอนุมูลอิสระที่มีความสำคัญต่อโครงสร้างของเส้นผม เล็บ และเคราทินของผิว โดยเป็นตัวช่วยในการรักษาโครงสร้างของโปรตีนเคราติน (keratin) เพื่อการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ช่วยให้ผิวขาวใส อมชมพู แลดูสุขภาพผิวที่ดี
กระบวนการทำงานของ L-Cystein คือเมื่อเข้าสู่ร่างกาย จะเป็นสารตั้งต้นในการการสร้างกลูต้าไธโอน โดยจะทำงานร่วมกันกับ ไกลซีน (Glycine) และกรดกลูตามิก (Glutamic acid) ที่มีมากในของร่างกายเรา และสารที่จะสั่งให้เกิดการฟอร์มพันธะเป็นกลูต้าไธโอนได้นั้นคือ กลุ่มวิตามินซี หรือแคลเซี่ยม แอสคอร์เบต (Calcium Ascorbate) สร้างขึ้นที่ตับ

 

ประโยชน์ของวิตามินผิวขาว L-Cystein
หลายคนอาจยังสับสนกับเจ้าวิตามินผิวขาว L-Cystein อธิบายง่ายๆก็คือ สารตัวนี้มีช่วยส่วนบำรุงผิวโดยตรง โดยเข้าไปเสริมความแข็งแรงของโครงสร้างโปรตีนเคราติน ให้กระบวนการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวเป็นไปอย่างราบรื่น ทำให้ผิวพรรณขาวเปล่งประกาย มีออร่ามากขึ้น นอกจากนี้ คอลลาเจนยังมีความสำคัญมากต่อการทำให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห่งกร้าน และเกิดริ้วรอย อย่างไรก็ตาม L-Cystein ยังมีประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่
1.กำจัดพิษในร่างกาย (Detoxification) กลูตาไธโอนช่วยสร้างเอ็นไซม์ชนิดต่างๆ ในร่างกายโดยเฉพาะ Glutathion-S- transferase ที่ช่วยในการกำจัดพิษออกจากร่างกายโดยไปเปลี่ยนสารพิษชนิดไม่ละลายในน้ำ (ละลายในน้ำมัน) เช่น พวกโลหะหนัก สารระเหย ยาฆ่าแมลง แม้แต่ยาบางชนิด ให้เป็นสารที่ละลายน้ำได้ดีขึ้นและง่ายต่อการกำจัดออกจากร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันตับ จากการถูกทำลายโดย แอลกอฮอล์ สารพิษจากบุหรี่ ยาพาราเซตามอลเกินขนาด (Overdose) ฯลฯ

2.ต่อต้านอนุมูลอิสระ (Anti-Oxidant) สารตั้งต้นอย่าง L-Cystein ทำให้เกิดกลูตาไธโอนที่ดี มีคุณสมบัติเป็นสารต้านปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่น (Antioxidant) ที่มีความสำคัญตัวหนึ่งในร่างกาย และหากขาดไป วิตามินซีและอี อาจจะทำงานได้ไม่เต็มที่ ซึ่งนอกจากกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระจะช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งแล้ว ยังทำให้ผิวแข็งแรง ไม่เกิดริ้วรอยได้ง่าย
3.เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน (Immune Enhancer) ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย โดยกระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์หลายชนิดเพื่อให้ร่างกายต่อต้านสิ่งแปลกปลอมรวมถึงเชื้อแบคทีเรียและไวรัส ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ เช่น โรคหวัด

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ทำ IPL หน้าใสปิ๊ง สั่งได้ดังใจ

         ปัจจุบันมีวิธีการทำให้ผิวหน้าขาวใสมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ครีมหรือเซรั่มบำรุงผิว การรับประทานอาหารเสริม หรือแม้แต่การใช้สูตรพอกผิวหน้าแบบโฮมเมด ทั้งนี้ วิธีดังกล่าวอาจต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะได้หน้าใสปิ๊ง จึงเกิดเป็นนวัตกรรมเลเซอร์ผิวขึ้น วิธีนี้ไม่ต้องรอนานก็เห็นผลชัดเจน โดยนวัตกรรมที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้ก็คือ การทำ IPL ที่ใช้แก้ปัญหาผิวบนใบหน้าได้สารพัด ทั้งยังเป็นวิธีที่ใช้กันในระดับสากล


การทำ IPL คืออะไร

         การทำ IPL (Intense Pulsed Light) เป็นเครื่องมือที่พัฒนามาจากการทำเลเซอร์ ผลิตขึ้นโดยการปล่อยลำแสงที่ไม่ใช่เลเซอร์ แต่เป็นคลื่นแสงที่มีความยาวคลื่นหลายช่วง ตั้งแต่ 500 – 1,200 นาโนเมตร สามารถนำมาใช้แก้ไขปัญหาผิวพรรณได้มากมาย การใช้การปรับแต่งลำแสงมาแก้ปัญหานั้น จะมีฟิลเตอร์ (Filter) เป็นตัวกรองคลื่นแสงให้อยู่ในช่วงความยาวคลื่นที่ต้องการ โดยใช้หลักการดูดพลังงานแสงของส่วนประกอบของผิวที่แตกต่างกัน (selective photothermolysis) เช่น ฮีโมโกลบินในเส้นเลือด หรือเมลานินในเม็ดสี เมื่อเป้าหมายที่ต้องการดูดพลังงานแสงเข้าไปก็จะเกิดความร้อน ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามที่ต้องการ
         การทำ IPL ใช้รักษาได้ทั้ง กระตื้นและรอยดำโดยการทำลายเม็ดสีที่เข้มผิดปกติให้หลุดลอกออก จัดการริ้วรอยเล็กๆ และริ้วรอยรอบปาก โดยเข้าไปกระตุ้นให้ผิวชั้นกลางสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมา ริ้วรอยเล็กๆ ก็จะลดลง และยังช่วยรักษารอยแดง เส้นเลือดแดงฝอยเล็กๆ ฝ้าเส้นเลือด โดย IPL จะทำลายเส้นเลือดฝอยเล็กและทำให้เส้นเลือดหดเล็กลง รวมถึงการทำให้รูขุมขนที่กว้างจะกระชับเล็กลง พร้อมๆกับปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดความหมองคล้ำ ได้หน้าใสปิ๊งได้ดังใจต้องการ

ขั้นตอนการทำ IPL
         ในการรักษาไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา แต่จะมีการทาเจลเย็นตรงบริเวณที่จะทำการรักษา ช่วยให้ไม่รู้สึกเจ็บ และให้สวมแว่นดำเพื่อป้องกันแสงสว่างที่เกิดจากเครื่อง IPL จากนั้นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะกำหนดพลังงานแสงที่ตรงกับปัญหาที่ต้องการรักษา แล้วนำหัว IPL มาวางทาบบริเวณที่รักษา และปล่อยลำแสงออกมา แสงที่ออกมาจะมีความจ้ามากคล้ายกับแสงแฟลชถ่ายภาพ ขณะที่แสงถูกปล่อยออกมา จะรู้สึกเหมือนถูกหนังยางดีดเบาๆ และอุ่นเล็กน้อยบนผิว
         การทำ IPL อาจใช้เวลาตั้งแต่ 15-30 นาที และจำนวนครั้งที่ทำก็ขึ้นอยู่กับปัญหาผิว บางรายทำเพียงครั้งเดียว บางคนต้องทำต่อเนื่องแตกต่างกันออกไป แต่โดยทั่วไปจะเห็นผลเร็วหลังจากทำ 1-2 ครั้ง โดยทำทุก 2 สัปดาห์ ต่อครั้งในระยะแรก สำหรับผลข้างเคียงอาจพบในบางราย เช่น หลังทำจะรู้สึกร้อนที่ผิวประมาณ 20-30 นาที มีรอยแดงบางบริเวณซึ่งจะหายไปในเวลา 2–3 ชั่วโมง ในคนที่รักษากระตื้นจะเกิดสะเก็ดหลังทำอยู่ประมาณ 3-7 วัน
         อย่างไรก็ตาม หลังทำ IPL ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดประมาณ 1-2 สัปดาห์ และต้องทายากันแดดเป็นประจำ รวมทั้งควรดูแลผิวอย่างถูกต้องโดยไม่รบกวนผิวหรือขัดถูหน้าแรงๆ ที่สำคัญควรมีการทาครีมบำรุงผิว (Moisturizer) ด้วย นอกจากนี้ยังควรรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะพวกผักไม้ที่ให้วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระ จะช่วยให้การได้หน้าใสปิ๊ง ขาวสวยอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น

 

ทำ IPL แล้ว อย่าลืมบำรุงผิวจากภายใน
         เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากจะทำ IPL ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาผิวจากภายนอกแล้ว สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ การบำรุงผิวให้สุขภาพดีออกมาจากข้างใน โดยการรับประทานน้ำเปล่ามากๆ และการรับประทานอาหารที่ให้วิตามินซี ไลโคปีน และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยให้ผิวหน้าใสปิ๊งมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ หากใครไม่ชอบรับประทานผักผลไม้ก็สามารถใช้อาหารเสริมแทนได้

         

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ผิวหมองคล้ำ อยากได้หน้าใสปิ๊ง ต้องทำไง

         ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันว่า “ผิวหมองคล้ำ” ไม่ได้หมายถึงผิวสีน้ำผึ้งหรือผิวสีแทนที่ฝรั่งตาน้ำข้าวนิยมชมชอบกัน แต่มันคือการที่ผิวของคุณได้รับความเสียหายจากปัจจัยต่างๆจนทำให้ผิวเกิดความหมองคล้ำดำเสีย และอาจยกระดับเป็นปัญหาผิวตามมา เช่น ปัญหาสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ เป็นต้น นอกจากนี้หากใครปล่อยให้ผิวคล้ำเสียอย่างรุนแรง (โดยเฉพาะคนที่ชอบโดนแดดจัด) ก็อาจทำให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้


ปัจจัยที่ทำให้เกิดผิวหมองคล้ำ

1.แสงแดด เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ เพราะผิวจะเริ่มคล้ำเสียหลังจากที่ถูกแดดแรงๆเพียง 60 วินาที โดยผิวจะเริ่มเกิดอาการแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด สภาพผิวเช่นนั้นเป็นสัญญาณเตือนว่าเซลล์ผิวกำลังถูกทำลาย และถ้าหากยังคงชะล่าใจไมทำการป้องกัน ก็จะทำให้เกิดปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ
2.การไม่ล้างทำความสะอาดใบหน้าก่อนเข้านอน การทาบีบีครีม ครีมรองพื้น เครื่องสำอางต่างๆ อย่างซ้ำๆ และไม่ยอมล้างทำความสะอาดให้หมดจดก่อนเข้านอนจะส่งผลให้เกิดปัญหาสิว จากการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำในท้ายที่สุด
3.รังสียูวีและคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โดยเฉพาะจากคอมพิวเตอร์ ที่เกิดขึ้นจากการใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานานๆ จะส่งผลให้ผิวหน้าหมองคล้ำขึ้นได้โดยที่คุณอาจไม่รู้ตัว
   4.ความเครียด เป็นศัตรูตัวฉกาจต่อความสวยความงาม และสุขภาพโดยรวม เพราะความเครียดจะส่งผลให้ผิวหน้าหมองคล้ำได้ แถมยังบั่นทอนสุขภาพอีกด้วย

5.พักผ่อนไม่เพียงพอ การพักผ่อนน้อยก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ความหมองคล้ำได้เช่นกัน สิ่งที่สังเกตได้ชัดเจนคือบริเวณใต้ตาจะมีความดำคล้ำ ถ้าหากปล่อยไว้จะทำให้หน้าหมองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
6.ขาดน้ำ การได้รับน้ำปริมาณน้อยในแต่ละวัน จะทำให้ผิวเกิดความแห้งเสียหมองคล้ำได้ง่าย ฉะนั้นควรดื่มน้ำให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ หรือในคนทั่วไปควรดื่มอย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน ก็จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ดีขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม นอกจากปัจจัยดังกล่าวแล้ว การที่ผิวหมองคล้ำอาจเกิดจากปัญหาสุขภาพภายใน เช่น ระบบอวัยวะภายในที่ทำงานอย่างผิดปกติ ระดับฮอร์โมนแปรปรวน เป็นต้น หรืออาจเกิดจากการแพ้สารเคมีบางชนิด โดยเฉพาะในเครื่องสำอางค์


วิธีแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ ให้หน้าใสปิ๊ง

เมื่อทราบกันถึงสาเหตุกันไปแล้ว วิธีการแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ ให้ได้หน้าใสปิ๊งกลับคืนมา ทำได้ง่ายๆเพียงแค่คุณหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว แล้วบำรุงผิวให้สุขภาพดีขึ้น การมีหน้าใสไร้ปัญหาผิวหมองคล้ำก็จะเป็นของคุณได้ไม่ยาก ทว่าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างเช่น ต้องทำงานออกแดดเป็นประจำ ก็ควรใช้ครีมกันแดด และสวมหมวกสักใบ หรือสำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศที่ต้องอยู่หน้าจอเป็นเวลานานๆ ก็ควรนั่งให้หากจากจอคอมพิวเตอร์ประมาณ 14-24 นิ้ว พร้อมปรับค่าความสว่างหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เป็น 0 ก็จะสามารถช่วยลดแสงที่ทำให้ผิวคล้ำผิวเสียได้มากถึง 80%
นอกจากจะต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงแล้ว ถ้าอยากได้หน้าใสปิ๊ง ก็ควรทำการฟื้นฟูผิวเป็นประจำด้วยครีมบำรุงผิว รวมทั้งการรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิว โดยเฉพาะผักใบเขียวที่จะช่วยให้เซลล์ทำงานได้ดีขึ้น ควบคู่ผักสีเหลืองส้ม เช่น แครอท ฟักทอง ข้าวโพด ที่มีเบต้าแคโรทีนบำรุงให้ผิวสวย และรับประทานผักผลไม้สีแดงจำพวก แอปเปิ้ล ทับทิม มะเขือเทศ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินซีช่วยฟื้นบำรุงผิว

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ไลโคปีน vs วิตามินซี อยากผิวขาวกินตัวไหนดี

         ช่วงนี้กระแสรักสุขภาพกำลังมาแรง โดยเฉพาะในแวดวงคนดังต่างก็ให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองกันมากขึ้น โดยหันมาเข้าฟิตเนส ออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรง ฟิตหุ่นเป๊ะชนิดที่เรียกว่าไร้ที่ติ เป็นที่อิจฉาตาร้อนของใครหลายๆคน นอกจากเรื่องรูปร่างแล้ว สิ่งที่จะบอกได้ว่าคุณเป็นคนดูแลตัวเองก็คือ การมีผิวขาวสวยสดใส สุขภาพดี ปราศจากความหมองคล้ำ ซึ่งหัวข้อที่เราจะมาคุยกันในวันนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำให้ผิวขาวใสขึ้นออกมาจากข้างใน ระหว่างการรับประทาน ไลโคปีน กับ วิตามินซี ตัวไหนดีกว่ากัน


ทำความรู้จัก ไลโคปีนและวิตามินซี

         อยู่ในกระแสมานานหลายปี กับสารอาหารอย่าง “ไลโคปีน” โดยมักขึ้นชื่อในเรื่องของประโยชน์ด้านความสวยควางาม ทำให้ผิวขาวสวย ชะลอความแก่ และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยม ทั้งนี้ ไลโคปีน เป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอย พบมากในผักและผลไม้ที่มีสีแดง ส้ม และเหลือง โดยเฉพาะในมะเขือเทศ มีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์แล้วว่า ช่วยชะลอความชรา มีส่วนทำให้สุขภาพผิวแข็งแรง สดใสมากขึ้น

         นอกจากนี้ยังช่วยต้านความเสื่อมของร่างกาย ช่วยการไหลเวียนของเลือด ลดเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ช่วยในการมองเห็น และลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งประเภทต่างๆ เช่น มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งระบบทางเดินอาหาร มะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมาก
         ส่วนวิตามินซี เป็นวิตามินชนิดละลายในน้ำ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีอีกตัวหนึ่ง ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ภูมิต้านทานให้ร่างกาย เพราะสามารถป้องกันและรักษาการอักเสบอันเนื่องมาจากแบคทีเรียและไวรัสได้ โดยวิตามินซีขึ้นชื่อเรื่องการทำให้ผิวขาวใส ขาวไวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ มีประโยชน์ต่อผิวเป็นอย่างมาก ช่วยให้แผลหายไวขึ้น เพิ่มกระบวนการสังเคราะห์คอลลาเจนในชั้นผิว ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย ช่วยให้ให้เหงือกและฟันแข็งแรง และป้องกันโรคต้อกระจกได้


ไลโคปีนและวิตามินซี สารอาหารที่ร่างกายขาดไม่ได้

         จะเห็นว่าสารอาหารทั้งไลโคปีนและวิตามินซี เป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกาย หากได้รับไม่เพียงพอ จะทำให้ผิวแห้ง เจ็บป่วยง่าย ภูมิต้านทานน้อยลง สุขภาพร่างกายโดยรวมไม่แข็งแรง ดังนั้น ร่างกายควรได้รับไลโคปีน และวิตามินซีอย่างเพียงพอ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สารอาหารทั้งสองเป็นสิ่งที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์เองได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหารที่รับประทานเข้าไป แต่จะมีสักกี่คนที่รับประทานผักผลไม้อย่างเพียงพอในแต่ละวัน
         ฉะนั้นแล้ว ถ้าใครรู้ตัวว่าร่างกายขาดสารอาหารทั้งสองชนิดนี้ ด้วยอุปนิสัยที่ไม่ชอบรับประทานผักผลไม้ที่ให้ไลโคปีน โดยเฉพาะมะเขือเทศ แตงโม และไม่รับประทานผลไม้ที่ให้วิตามินซีสูง เช่น ฝรั่ง ส้ม มะละกอ แล้วล่ะก็ สามารถรับประทานไลโคปีนและวิตามินซีในรูปของอาหารเสริมแทนได้


อยากผิวขาว กินตัวไหนดี ระหว่างไลโคปีน กับ วิตามินซี

         โดยปกติแล้ว เราไม่ควรเลือกรับประทานอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ควรรับประทานทั้งไลโคปีนและวิตามินซีให้เพียงพอต่อร่างกายนำไปใช้ โดยเฉพาะคนที่อยากมีผิวขาว เนื่องจากสารอาหารสองตัวนี้จะช่วยหนุนเสริมกันและกันให้ผิวขาวสว่างกระจ่างใจ สุขภาพดีขึ้น เนื่องจากไลโคปีนมีส่วนช่วยเสริมโปรคอลลาเจน (Procollagen) เป็นสารตั้งต้นในการสร้างคอลลาเจนของผิวหนังให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น
         เมื่อมาผนวกกับวิตามินซี ที่เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในน้ำ โดยจะทำหน้าที่ป้องกันและผลักดันสารอนุมูลอิสระบริเวณด้านนอกของเซลล์ผิวหนัง ส่งผลให้ผิวขาว กระจ่างใสขึ้นแบบคูณสองกันเลยทีเดียว อย่างไรก็ดี ต้องรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม หากจะใช้เป็นอาหารเสริมควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ร่างกายได้นำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

‘ไลโคปีน’ ไม่ได้มีดีแค่ผิวขาวสวย ช่วยอะไรได้อีกมาดูกัน

         สารอาหารอย่าง “ไลโคปีน” เป็นอีกตัวหนึ่งที่เรารู้จักกันดีในเรื่องของการทำให้ผิวขาวสวยสุขภาพดี โดยมักใส่มาในอาหารเสริม หรือครีมบำรุงผิวขาว จึงกลายเป็นภาพจำว่า เมื่อพูดถึงไลโคปีนก็จะนึกถึงประโยชน์ด้านความงามเป็นอันดับแรก แต่จริงๆแล้วสารอาหารชนิดนี้ ไม่ได้มีดีแค่เรื่องผิวพรรณเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย บทความนี้จะช่วยทำให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับไลโคปีนมากขึ้นว่ามันช่วยอะไรอีกบ้าง


คุณประโยชน์จาก ไลโคปีน

         ไลโคปีน เป็นสารชนิดหนึ่งในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ที่พบมากในมะเขือเทศ แตงโม และพิงค์เกรปฟรุต หรือผลไม้ที่ให้สารสีแดง สีส้ม และสีเหลือง โดยเป็นสารอาหารมีความจำเป็นแก่ร่างกาย ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยชรา ทำหน้าที่ปกป้องการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกายจากการทำลายของสารอนุมูลอิสระ และป้องกันโรคร้ายต่างๆ
         อธิบายให้เข้าใจง่ายๆคือ ถ้าปล่อยให้ร่างกายมีสารอนุมูลอิสระมากจนเกินไป ซึ่งเป็นผลมาจากพฤติกรรมการเลือกรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือแม้แต่การออกกำลังกายมากเกินไป จะเป็นสาเหตุให้เซลล์ภายในร่างกายถูกทำลาย หรือที่เรียกว่า “ร่างกายอยู่ในสภาพขึ้นสนิม” ซึ่งเป็นสาเหตุการเกิดเซลล์มะเร็ง โรคเบาหวาน และโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด เป็นต้น

         โดยสรุปแล้ว ไลโคปีนไม่ได้มีแค่ทำให้ผิวขาวสวย แต่ยังมีประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะในการต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นที่มาของโรคร้าย ทีนี้มาดูกันว่าไลโคปีนยังมีช่วยอะไรร่างกายเราได้อีก โดยบทความจาก ASTV ผู้จัดการออนไลน์ ระบุว่าไลโคปีนช่วยในเรื่องต่างๆดังนี้
         – สกัดกั้นปัจจัยที่ก่อให้เกิดมะเร็งแบบอยู่หมัด
         – สลายไขมัน ให้เส้นเลือดคล่องตัว
         – ลดภาวะเครียดออกซิเดชัน ภัยร้ายลมหายใจแรกของทารก      
         – ช่วยวัยรุ่น “ไดเอ็ท”
         – บาลานซ์น้ำตาลในร่างกายของวัยทำงาน
         – ล้างเส้นเลือดสะอาดหมดจน
         – ป้องกันโรคความจำเสื่อมก่อนวัยชรา
         เห็นไหมว่าไลโคปีน มีประโยชน์ต่อร่างกายมากแค่ไหน ดังนั้น ใครที่ไม่ชอบรับประทานผักและผลไม้ ก็ควรเปลี่ยนพฤติกรรม หันมาบริโภคผักผลไม้กันมากขึ้น เพราะอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะในมะเขือเทศ และแตงโมที่มีไลโคปีนสูง หรือถ้าไม่ชอบจริงๆก็สามารถเลือกรับประทานในรูปแบบอาหารเสริมแทนก็ได้


อาหารเสริมเพิ่มผิวขาว สุขภาพดี 

         นอกจากไลโคปีนที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว อีกหนึ่งสารอาหารที่จะช่วยให้คุณมีผิวขาวสวย อมชมพูระเรื่อ ไปพร้อมๆกับการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงสมบูรณ์นั่นก็คือ “วิตามินซี” เนื่องจากวิตามินชนิดนี้จะเข้าไปช่วยให้การไหลเวียนโลหิตในร่างกายดีขึ้น กระตุ้นกระบวนการสังเคราะห์คอลลาเจนในชั้นผิวให้แข็งแรง และต่อต้านอนุมูลอิสระ

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ผิวขาวอมชมพู ด้วย ไลโคปีน

         ความสวยความงามกับผู้หญิงเป็นของคู่กัน โดยหนึ่งในคุณสมบัติที่จะทำให้คุณสวยเป๊ะได้นั่นก็คือ การมีผิวขาวอมชมพู แลดูสุขภาพดี ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าการมีผิวขาวใส เป็นความฝันของใครหลายๆคน ทีนี้ถ้าอยากขาวแต่อยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร คงไม่อาจช่วยให้ผิวขาวขึ้นมาเองได้ คุณควรหาวิธีการต่างๆที่จะทำให้สุขภาพผิวดี ขาวเปล่งปลั่งมากขึ้น (ปัจจุบันมีวิธีมากมายสารพัด) วันนี้เราจะพาไปรู้จักับสารอาหารอย่างหนึ่ง ที่จะช่วยให้ผิวของคุณขาวสวยสดใส อมชมพูระเรื่อได้อย่างน่าทึ่ง มันคือ “ไลโคปีน


ไลโคปีน คืออะไร

         ไลโคปีน เป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอย พบมากในผักและผลไม้ที่มีสีแดง โดยเฉพาะในมะเขือเทศจะมีไลโคปีนมากกว่าผักและผลไม้ในกลุ่มเดียวกันถึงสองเท่า อย่างไรก็ตาม มะเขือเทศปรุงสุกร่างกายจะดูดสารไลโคปีนไปใช้ได้ง่ายกว่ามะเขือเทศสด สารไลโคปีนช่วยให้เซลล์ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยลดคอเลสเตอรอล ป้องกันการผิดปรกติของเซลล์ผิวหนัง ยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระและลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งรังไข่ ที่สำคัญมีประโยชน์ต่อผิวพรรณเป็นอย่างมาก


ไลโคปีน ทำให้ผิวขาวอมชมพูได้อย่างไร

         สารสีแดงเรียกว่า “ไลโคปีน” (Lycopene) เป็นสารธรรมชาติที่มะเขือเทศสร้างขึ้นเอง ทำหน้าที่เป็นเนื้อเยื่อสำคัญในการห่อหุ้มและป้องกันเมล็ดของมะเขือเทศต่อความเข้มข้นของรังสีอัลตราไวโอเลตที่รุนแรง เพื่อให้ต้นอ่อนได้เจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่ และไลโคปีนนี้มีประสิทธิภาพที่สำคัญ จำเป็นแก่ร่างกาย ทั้งการต่อต้านอนุมูลอิสระ และเพิ่มความงามให้ผิวพรรณ
         มร.ทาคุจิ ชิราซาว่า อาจารย์ประจำหลักสูตรเวชศาสตร์การชะลอวัย หลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยจุนเทนโด กล่าวว่า รังสีอัลตราไวโอเลต หรือรังสียูวี (UV) นับเป็นศัตรูตัวฉกาจของผิวหนัง เป็นที่มาของสาเหตุหลักๆ กว่า 80% ที่ทำให้คอลลาเจนในชั้นผิวเกิดการแตกตัว เสื่อมสภาพ และลดปริมาณลงอย่างรวดเร็ว เป็นเหตุให้ผิวหนังเกิดความเหี่ยวย่นและมีริ้วรอย ซึ่งทางลัดสู่ผิวสวยที่ไม่ต้องเจ็บตัวและเสียเวลา แถมทำได้ง่ายๆ เพียงเลือกรับประทานมะเขือเทศเป็นประจำทุกวัน ซึ่งจะทำให้ร่างกายและผิวได้รับสารต่อต้านอนุมูลอิสระอย่าง “ไลโคปีน” ที่อุดมอยู่ในผลไม้กลุ่มมะเขือเทศ แตงโม และพิงค์เกรปฟรุต

         “จากการศึกษาและวิจัยพบว่า ไลโคปีน มีประสิทธิภาพอันทรงพลังในการต่อต้านอนุมูลอิสระได้มากกว่าวิตามินอีถึง 100 เท่าในปริมาณที่เท่ากัน โดยไลโคปีนจะทำงานร่วมกับออกซิเจนในกระแสเลือด เพื่อจับสารอนุมูลอิสระและขับออกจากร่างกาย พร้อมทำหน้าที่เติมน้ำและความชุ่มชื้นเสมือนเป็นการสร้างเกราะป้องกันให้กับคอลลาเจนในชั้นผิวอีกด้วย” มร.ทาคุจิ กล่าว (ข้อมูลจาก เว็บไซต์แนวหน้า)
         เห็นหรือยังว่าสารอาหารอย่างไลโคปีน มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย โดยเฉพาะในเรื่องของการทำให้ผิวขาวอมชมพู ปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นอาหารเสริมเพิ่มผิวขาว หรือเครื่องสำอางต่างก็นำไลโคปีนมาใช้เป็นส่วนประกอบ เนื่องจากสารตัวนี้ช่วยให้ผิวพรรณดูดีขึ้น ขาวเปล่งประกายมากขึ้น แถมยังช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะอีกด้วย

 

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

อยากขาวใส ขาวไว กินวิตามินซีแบบไหนดี

         “อยากขาวใส ขาวไว ต้องทำอย่างไร คำตอบแรกๆที่มักออกมาจากปากคุณหมอนั่นก็คือ การรับประทานวิตามินซี เนื่องจากวิตามินชนิดนี้มีส่วนช่วยกระตุ้นระบบการไหลเวียนโลหิตของผิว มีประโยชน์ต่อผิวพรรณให้แลดูสุขภาพดี เรียบเนียน สดใส ออร่าจับมากขึ้น ทั้งยังเข้าไปช่วยเพิ่มการสังเคราะห์คอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวแน่น มีความยืดหยุ่นที่ดีขึ้น จึงทำให้ผิวเต่งตึง ไม่เหี่ยวย่นก่อนวัยอันควรอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีเหตุผลอีกมากมายทำให้วิตามินซีกลายเป็นอาหารเสริมยอดฮิต


ร่างกายทุกคน ต้องการวิตามินซี

         วิตามินซี หรือกรดแอสคอร์บิก (Ascorbate) เป็นวิตามินที่ดีต่อร่างกายและถือเป็นวิตามินที่ปลอดภัยมากที่สุดชนิดหนึ่ง แต่ร่างกายคนเราไม่สามารถสร้างเองได้ ต้องอาศัยอาหารที่เรารับประทานกันทั่วไป ได้แก่ ผักผลไม้ หรืออีกหนึ่งวิธีที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบันคือ การใช้อาหารเสริมวิตามินซีนั่นเอง ทั้งนี้ วิตามินชนิดนี้มีคุณสมบัติละลายในน้ำได้ ร่างกายของคนเราจึงขับมันออกจากร่างกายทางปัสสวะทำให้มันอยู่ได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมง ฉะนั้น จึงเป็นสารอาหารที่ควรได้รับอย่างสม่ำเสมอ และควรได้รับในปริมาณที่เหมาะสม


วิตามินซีในธรรมชาติเพียงพอหรือไม่ ?

         จากคลิปคุณหมอได้ให้คำตอบไปแล้วว่า เพียงแค่วิตามินธรรมชาติคงไม่เพียงพอ เนื่องจากร่างกายของคนเราต้องการวิตามินซีในการดูแลสุขภาพในปริมาณมาก อย่างน้อย 500 มิลลิกรัมขึ้นไป ตัวอย่างผักที่ให้วิตามินซี ได้แก่ พริกแดงและเขียว พริกหยวกยักษ์ โหระพาและผักชี บล็อกโคลี่ และผักใบเขียวต่างๆ สำหรับผลไม้ที่ให้วิตามินซีสูง ได้แก่ กีวี่ มะละกอ ส้ม และสตอเบอรี่ อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าหากเรารับประทานวิตามินซีจากผักผลไม้ให้ได้ 500 มิลลิกรัม (สำหรับคนปกติ) ต้องรับประทานส้มถึง 7 ผลเลยทีเดียว
         นั่นแสดงให้เห็นว่า วิตามินซีในรูปแบบอาหารเสริมเป็นสิ่งสำคัญ คนในปัจจุบันจึงหันมารับประทานวิตามินซีเป็นอาหารเสริมกันมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกกลุ่มหนึ่งที่หันมาพึ่งวิตามินในรูปของอาหารเสริมมากขึ้นก็คือ คนที่อยากให้ผิวขาวใส ขาวไว ซึ่งเป็นเป็นสาวๆที่ใส่ใจการดูแลสุขภาพผิวเป็นพิเศษ

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ครีมหน้าใส ยี่ห้อใหนดี รีวิวครีมหน้าใส ที่พริตตี้ใช้กัน

            ในปัจจุบันมีครีมหน้าใสจากหลายประเทศ เข้ามาวางขายในประเทศไทยอยู่เป็นจำนวนมากมาย จนผู้บริโภคเลือกซื้อกันไม่ถูกกันเลยทีเดียว โดยครีมหน้าใสแต่ละผลิตภัณฑ์ก็ต่างมีประสิทธิภาพที่แตกต่างกันออกไป บางประเภทอาจจะเห็นผลรวดเร็วทันใจ หรืออาจจะใช้แล้วยังไม่เห็นผลเพียงพอ ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือ เจอเข้ากับครีมหน้าใสด้อยคุณภาพที่อาจจะส่งผลร้ายต่อผิวหน้า จนทำให้ต้องเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลาในการรักษาอย่างมากมายทีเดียว
ดังนั้นก่อนที่จะทำการเลือกซื้อครีมหน้าใส ให้ผิวขาวกระจ่างสวยเหมือนกับที่บรรดาเหล่าดาราและพริตตี้ใช้อย่างมั่นใจ คุณสาวๆก็ต้องรู้ศึกษาหาความรู้เป็นเคล็ดลับในการเลือกซื้อครีมหน้าใสติดตัวเอาไว้บ้าง เพื่อให้คุณสาวๆสามารถที่จะได้ครีมหน้าใสที่มีประสิทธิภาพเหมาะสมกับตัวเองอย่างสูงสุด  ซึ่งหลักการในการเลือกซื้อครีมหน้าใสก็ไม่ยาก ขอเพียงแค่คุณสาวๆทำตามขั้นตอนที่จะแนะนำ ดังต่อไปนี้

วิธีการเลือกซื้อครีมหน้าใสของบรรดาเหล่าพริตตี้หน้าใส
1.เลือกจากส่วนประกอบที่มีประโยชน์ต่อผิวหน้า เป็นการเลือกจากส่วนประกอบที่ในการบำรุงรักษาผิวที่ได้รับการยืนยันจากทางการแพทย์แล้วว่า สามารถช่วยทำให้ผิวขาวใสขึ้นได้อย่างปลอดภัย อาทิเช่น
            -กรดผลไม้ AHA ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว และกระตุ้นคอลลาเจนทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์กว่าวัย โดยคุณสาวๆควรเริ่มต้นจากความเข้มข้นของกรดผลไม้ต่ำๆ แล้วจึงค่อยๆปรับใช้กรดที่มีความเข้มข้นเพิ่มมากยิ่งขึ้น
            -วิตามินเอ หรือเรตินอล การเลือกครีมหน้าใสควรเลือกที่มีส่วนผสมของสารตัวนี้ก่อนเป็นอันดับแรก เพราะมีคุณสมบัติในผิวดูเรียบเนียน ริ้วรอยลดลง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และช่วยในการผลัดเซลล์ผิวใหม่ แต่ควรระวังเนื่องจากจะทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากยิ่งขึ้น
            -โคเอนไซม์ Q10 เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเสื่อมสภาพของผิว และมีความปลอดภัยทางการแพทย์ที่สูง

2.เลือกครีมหน้าใสให้เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง
เช่น คนที่มีผิวแห้งก็ควรเลือกครีมหน้าใสที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ในขณะที่คนที่หน้ามันก็ควรหลีกเลี่ยงครีมหน้าใสที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เป็นต้น
            3.หลีกเลี่ยงส่วนผสมสารที่เป็นอันตราย โดยเฉพาะส่วนผสมปรอท และเสตีลอยด์ ซึ่งสามารถสังเกตได้ง่ายๆจากราคาของครีมหน้าใสที่ถูกมาก ในขณะที่สามารถเห็นผลลัพธ์ในเวลาที่รวดเร็วจนเกินไป ซึ่งสามารถทดสอบได้อย่างง่ายๆ โดยการทาครีมลงบริเวณหลังมือ ทิ้งเอาไว้สักครู่ ถ้าหากผิวมีอาการ ระคายเคือง หรือคันเกิดขึ้น ไม่ควรนำครีมหน้าใสชิ้นนั้นไปทำการทาที่ผิวหน้าโดยเด็ดขาด
            4.ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพที่ดีของตัวคุณสาวๆเอง โดยสามารถทำการเช็คหมายเลขจดแจ้งผลิตภัณฑ์ครีมหน้าใสได้จากเว็บไซต์ของสำนักงานอาหารและยา นอกจากนี้ยังควรทำการสังเกตวัน/เดือน/ปี ที่ทำการผลิตว่ายังไม่หมดอายุ และผลิตภัณฑ์ไม่มีชำรุด มีรอยแตก หักอย่างชัดเจน เพราะไม่อย่างนั้นคุณสาวๆอาจจะได้รับครีมหน้าใสที่เสื่อมประสิทธิภาพน้อยลง

            5.ควรอ่านฉลากคุณสมบัติและข้อแนะนำข้างผลิตภัณฑ์ทุกครั้ง ควรเอาใจใส่ในขณะที่ใช้ครีมหน้าใส ตั้งแต่ปริมาณครีมหน้าใสที่ตองใช้ในแต่ละครั้ง ไม่ให้มากหรือน้อยจนเกินไป และบริเวณที่ทำการทา เนื่องจากครีมบางตัวถ้าหากนำไปใช้ไม่ถูกที่มักจะทำให้เกิดการระคายเคือง รวมไปถึงเวลาในตอนใช้ เช้า-เย็น ความถี่ในการใช้ และระยะเวลาที่ครีมหน้าใสสัมผัสกับผิวหนัง เพื่อให้ครีมหน้าใสมีประสิทธิภาพสูงสุด และไม่ก่อให้เกิดปัญหากับผิว
สุดท้ายนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคำแนะนำที่ให้ไปคงจะช่วยทำให้คุณสาวๆสามารถเลือกครีมหน้าใส ได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพเพิ่มมากยิ่งขึ้น จะได้ไม่ต้องเสียเงินฟรีๆ ให้เจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจในภายหลัง

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.