7 วิธีดูแลตัวเอง เมื่อมะเร็งตับมาเยือน

         มะเร็งตับเป็นโรคที่มีความร้ายแรง ส่งผลร้ายต่อชีวิตคนเป็นจำนวนมาก ลักษณะอาการของมะเร็งจะปรากฏสัณญาณที่แสดงออกทางร่างกาย โดยมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย หนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้เป็นมะเร็งตับก็คือการดื่มแอลกอฮอล์ ถึงแม้ว่ายังไม่มีการพิสูจน์แน่ชัดว่าแอลกอฮอล์เป็นสารก่อมะเร็งโดยตรง แต่หลักฐานการศึกษาส่วนใหญ่ พบว่าผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับมากกว่าผู้ที่ไม่ดื่มหลายเท่า

         รวมทั้งการสูบบุหรี่ โดยเฉพาะถ้าผู้ที่สูบบุหรี่นั้นเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรังหรือตับแข็งอยู่ก่อนแล้ว จะมีอัตราเสี่ยงในการเกิดมะเร็งตับเพิ่มขึ้น 8 เท่า มากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ ทั้งนี้ เมื่อค้นพบอาการแล้วต้องวินิจฉัยว่าใช่มะเร็งหรือไม่ หากในชีวิตประจำวันพบความผิดปกติในร่างกายจำเป็นจะต้องดำเนินการตรวจให้ทันเวลา ไม่งั้นอาจสายเกินแก้

วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นมะเร็งตับ
         ผู้ป่วยมะเร็งตับต้องมีความพร้อมต่อการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยสิ่งสำคัญก็คือการมีกำลังใจ ห้ามท้อแท้เด็ดขาด เพราะหากสิ้นหวังเมื่อไหร่ มะเร็งตับก็จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น จึงจำเป็นต้องดูแลรักษาทั้งร่างกายและจิดใจเป็นอย่างดี ซึ่งวิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นมะเร็งตับมีดังนี้
         1.เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยมีหลักเกณฑ์คือ เลือกรับประทานข้าวกล้อง ธัญพืชไม่ขัดสี แต่ไม่ควรรับประทานมากเกินไป เพราะอาจส่งผลให้แน่นท้องมากขึ้นได้ ผู้ป่วยมะเร็งตับสามารถเลือกรับประทานผักใบเขียวได้ทุกชนิด แต่หากมีอาการท้องอืดมากควรเลือกผักที่ไม่มีเส้นใยมากนักคือ กะหล่ำปลี ผักกาดขาว ผักบุ้งจีน เป็นต้น

         นอกจากนี้ยังควรรับประทานคาร์โบไฮเดรตตามปกติ แต่ต้องเลือกชนิดย่อยง่าย หากรับประทานได้น้อย อาจดื่มน้ำหวานเพิ่มเพื่อป้องกันน้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย และอาหารที่ขาดไม่ได้เลยก็คือผลไม้ โดยควรเลือกรับประทานที่มีเนื้อไม่แข็งหรือมีเส้นใยมากจนเกินไป เช่น กล้วย ชมพู่ หากรับประทานผลไม้สดลำบาก อาจดื่มน้ำผลไม้แทนได้ ที่สำคัญควรนำผลไม้มาปอกเปลือกเองแทนการซื้อแบบที่ปอกไว้แล้ว ซึ่งอาจทำให้ติดเชื้อได้
         โปรตีนจากเนื้อสัตว์และนมก็เป็นสิ่งที่ผู้ป่วยควรรับประทานให้มาก ทั้งนี้ สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการทางระบบประสาทที่มีผลแทรกซ้อนมาจากตับ เช่น ซึม การควบคุมตนเองผิดปกติ ควรได้รับโปรตีนในปริมาณที่จำกัดภายใต้การดูแลของนักกำหนดอาหาร
         2.แบ่งมื้ออาหารเป็นมื้อเล็กๆ แต่ให้รับประทานบ่อยครั้งขึ้น กล่าวคือจากเดิมรับประทานอาหาร 3 มื้อ ได้แก่ เช้า กลางวัน และเย็น ก็เพิ่มเป็นเช้า สาย กลางวัน บ่าย เย็น และก่อนนอน
         3.ไม่อาบน้ำที่อุ่นจัดและเย็นจัด หรืออาบน้ำนานเกินไป และควรใช้โลชั่นทาบำรุงผิวหลังอาบน้ำเป็นประจำ เพื่อไม่ให้ผิวแห้ง หากมีอาการคันมากควรแจ้งแพทย์ให้ทราบ เพื่อสั่งจ่ายยาทาหรือรับประทานแก้คัน
         4.พยายามทำตัวให้กระตือรือร้น และสดชื่นแจ่มใสอยู่เสมอ อย่าทำตัวสิ้นหวัง หมดอาลัยตายอยาก เพราะจะยิ่งทำให้บั่นทอนกำลังใจ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการต่อสู้กับโรคร้ายอย่างมะเร็งตับ นอกจากนี้ ยังควรผ่อนคลายความเครียด ด้วยการอ่านหนังสือ ฟังเพลง ปลูกต้นไม้ ทำสมาธิ หรืองานอดิเรกอื่นๆทำ รวมถึงการท่องเที่ยวในสถานที่ที่มีอากาศปลอดโปร่ง พักผ่อนให้เพียงพอ
         5.หลังการรักษาควรตรวจร่างกายตามปกติ เอกซเรย์ ทีซีสแกน ฯลฯ ตามที่แพทย์นัด เพื่อเฝ้าระวังการกลับมาเป็นซ้ำ รวมถึงเพื่อกำหนดแนวทางในการลดหรือป้องกันอาการข้างเคียงจากการรักษาที่อาจเกิดขึ้น

         6.หากมีอาการผิดปกติต้องรีบพบแพทย์ เช่น มีไข้สูง คลื่นไส้อาเจียนมาก ท้องเสียรุนแรง มีจุดเลือดออกตามผิวหนัง หรือมีเลือดออกจากอวัยวะต่างๆ ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรักษาทันที
         7.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ตามที่สภาพร่างกายเอื้ออำนวย โดยควรทำการบริหารข้อต่อและกล้ามเนื้อบ่อยๆ เพื่อลดอาการข้างเคียงจากปัญหาข้อยึดติด อย่างไรก็ตาม ก่อนออกกำลังกายควรทราบก่อนว่ามีอะไรที่ควรทำและไม่ควรทำ หรือปรึกษาแพทย์ถึงแผนการออกกำลังกายก็จะถือเป็นการดี
         อย่างไรก็ดี มะเร็งตับเป็นโรคที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน เนื่องจากในระยะเริ่มแรกอาการไม่เด่นชัด กว่าจะรู้สึกถึงอาการผิดปกติก็เป็นระยะสุดท้ายแล้ว ทำให้การรักษายากยิ่งขึ้น ดังนั้น สิ่งที่จะช่วยรักษามะเร็งตับได้อย่างประสิทธิภาพ คือการตรวจวินิจฉัยโรคตั้งแต่ระยะแรก จึงจำเป็นที่จะต้องสังเกตตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าสุขภาพร่างกายมีส่วนไหนผิดปกติหรือไม่ แล้วรีบไปพบแพทย์เพื่อรักษาให้ทันท่วงที

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

5 สมุนไพรมะเร็ง พิชิตโรคร้าย ได้ผลชะงัด

         “มะเร็ง” หนึ่งในโรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก โดยมีรายงานการเสียชีวิตปีละเฉียด 8 ล้านคนทั่วโลก และเป็นสาเหตุการตายสูงสุดติดอันดับ 1 ของคนไทยต่อเนื่องมานานนับสิบปี โดยโรคมะเร็งมีหลายชนิด มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะยากดีมีจนก็สามารถเป็นมะเร็งได้ทั้งนั้น และถึงแม้ว่าเทคโนโลยีจะรุดหน้าไปไกล แต่สถิติการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคมะเร็ง ดูจะไม่มีทีท่าว่าจะลดน้อยลงเลย
         ดังนั้น การดูแลสุขภาพของตัวเองให้แข็งแรงสมบูรณ์อยู่เสมอจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยวันนี้เราได้รวบรวมสมุนไพรมะเร็ง ที่จะมาพิชิตโรคร้ายนี้มาให้ท่านผู้อ่านได้รู้จักกัน แม้จะไม่สามารถรักษามะเร็งให้หายขาดได้ในเร็ววัน แต่สมุนไพรมะเร็งจะเป็นตัวช่วยทำให้ชีวิตของคุณดีขึ้น เพราะสามารถต่อต้านและฆ่าเชื้อมะเร็งได้หลายชนิด

 

สมุนไพรมะเร็ง พิชิตโรคร้าย
         1.บักบก รศ.ดร.อุษณีย์ วินิจเขตคำนวณ ภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับเภสัชกรมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ทำการวิจัยบัวบกเพื่อหาสารต้านมะเร็งลำไส้ใหญ่ พิสูจน์กลไกการออกฤทธิ์ โดยนำใบบัวบกมาตำคั้นเอาน้ำ สกัดสารสำคัญนำไปป้อนหนูที่ถูกกระตุ้นจนเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ พบว่าเซลล์ที่ผิดปกติลดขนาดลง นอกจากนี้ ยังช่วยบำรุงสุขภาพมากมาย ไม่ว่าจะเป็น บำรุงสมอง บำรุงหัวใจ แก้ความดันโลหิตสูง แก้ช้ำใน เป็นต้น โดยที่นิยมกันมากก็คือการดื่มน้ำบำรุงสุขภาพ
         2.มังคุด ราชินีผลไม้ไทยอย่าง “มังคุด” มีคุณประโยชน์ในการรักษาโรคมะเร็ง โดยจากผลการทดลองในห้องแล็บของศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุชัดว่า สูตรสารธรรมชาติ BIM ที่ผสมผสานสารสกัด GM-1 จากมังคุด ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนามังคุดไทยคิดค้นขึ้น ช่วยสร้างเม็ดเลือดขาวชนิด Th1  ที่ทำหน้าที่สร้างภูมิต้านทานในการกำจัดโรคในเซลล์ อาทิ เซลล์มะเร็ง เชื้อรา แบคทีเรีย รวมถึงไวรัส ซึ่งเม็ดเลือดขาว Th17 ภูมิคุ้มกันที่ช่วยป้องกันเชื้อโรคนอกเซลล์ หรือแม้แต่การเกิดเซลล์มะเร็ง ตามที่นักภูมิคุ้มกันวิทยาได้ศึกษาไว้ โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ
         3.น้ำทับทิม จากงานวิจัยทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา พบว่าในน้ำทับทิมมีสารต้านนอนุมูลอิสระหลายชนิด และมีประสิทธิภาพสูงมาก โดยพบว่าสารจากน้ำทับทิม สามารถลดภาวะการแข็งตัวของเส้นเลือดจากไขมันในเลือดสูงได้ อีกรายงานยังสรุปว่าทำให้เส้นเลือดที่หนาตัวและมีไขมันสะสม ซึ่งเป็นเส้นเลือดที่ไม่ดี มีความหนาตัวลดลง และลดไขมันที่สะสมลง รวมทั้งยังมีงานวิจัยอีกว่าทั้งในรูปน้ำสดและผ่านการหมักมีฤทธิ์ในการยับยั้งของเซลล์มะเร็งได้จริง

         4.ขมิ้นชัน นักวิจัยชาวอินเดียได้ทดลองพบว่าสารสกัดขมิ้นสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งมดลูก และเซลล์มะเร็งน้ำเหลือง และพบว่าตัวสำคัญในการออกฤทธิ์นี้คือ เคอร์คิวมิน (Curcumin) นั่นเอง ขมิ้นมีศักยภาพในการต้านมะเร็ง เนื่องจากมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ต้านการเกิดมะเร็ง ทำให้ภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างเป็นปกติ ป้องกันการแพร่กระจายของมะเร็ง ทำให้เซลล์มะเร็งตายและป้องกันการตายของเซลล์ปกติ
         5.หญ้าปักกิ่ง หรือในชื่อภาษาจีนว่า “เล้งจือเช่า” หรือคนในบ้านเราเรียกว่า “หญ้าเทวดา” เป็นยามีรสจืด เย็น มีสรรพคุณในการยับยั้งโรคมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งในคอ มะเร็งตับ มะเร็งมดลูก มะเร็งเม็ดเลือดขาว การตรวจวิเคราะห์ในห้องแล็บพบว่า ลำต้นหญ้าปักกิ่งมีสารกลุ่มกลัยโคสพิงโกไลบิตส์ เป็นสารต้านมะเร็งระยะต้น ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย เช่น โรคมะเร็ง เส้นเลือดหัวใจตีบ โรคภูมิแพ้ โรคความดันและเบาหวาน สามารถใช้รักษาร่วมกับยาแผนปัจจุบันได้ ทั้งยังช่วยลดอาการข้างเคียงจาการฉายแสง ในผู้ป่วยที่จำเป็นต้องฉายแสงอีกด้วย
         อย่างไรก็ตาม การใช้สมุนไพรมะเร็งควรคำนึงถึงผลกระทบกับการรักษาในแผนปัจจุบันด้วย โดยอาจเข้าไปเพิ่มฤทธิ์หรือลดฤทธิ์ของยาแผนปัจจุบันได้ เช่น ทำให้เม็ดเลือดต่ำลง ติดเชื้อง่ายขึ้น เลือดออกง่ายขึ้น มีผลข้างเคียงของยามากขึ้น จนอาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วย ดังนั้น ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะใช้สมุนไพรมะเร็ง เพื่อป้องกันผลข้างเคียงและให้ได้รับการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเท่าที่จะทำได้

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ธรรมชาติบำบัด รักษามะเร็ง

         โดยปกติเมื่อเป็นโรคมะเร็ง ผู้ป่วยก็มักคิดว่าคงใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้อีกไม่นาน ความคิดเช่นนี้บั่นทอนกำลังใจทั้งต่อตนเองและคนรอบข้างเป็นอย่างมาก และจะยิ่งทำให้โรคร้ายทรุดหนักมากขึ้น ฉะนั้น ผู้ป่วยที่อยากรักษามะเร็งต้องระลึกอยู่เสมอว่ากำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ ห้ามท้อแท้สิ้นหวังเป็นเด็ดขาด
        ปัจจุบันมีวิธีการรักษามะเร็งมากมาย ทั้งการรักษามะเร็งแบบวิธีผสมผสานของศัลยกรรม (ผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งออกรวมทั้งต่อมน้ำเหลืองบริเวณข้าง) การฉายแสงบริเวณที่มีเซลล์มะเร็ง การใช้เคมีบำบัด เป็นต้น แม้ผลที่ได้จะแตกต่างกันไปตามอาการของแต่ละคนก็อย่างที่บอกว่าผู้ป่วยห้ามหมดหวังเป็นอันขาด

        วันนี้เราจะนำท่านผู้อ่านไปทำความรู้จักกับวิธีการรักษามะเร็งอีกทางหนึ่ง ที่เรียก “ธรรมชาติบำบัด” ซึ่งกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะเป็นวิธีที่บำบัดอาการโดยไม่เกิดผลเสียต่อร่างกาย ตรงกันข้ามกับวิธีรักษามะเร็งในปัจจุบัน เช่น การฉายแสง ที่เข้าไปทำลายเซลล์มะเร็ง ขณะเดียวกันก็เกิดผลกระทบต่อร่างกายตามมาด้วย

ธรรมชาติบำบัด คืออะไร
        ธรรมชาติบำบัด คือการดูแลรักษากายและใจ โดยขบวนการธรรมชาติ ตั้งอยู่บนหลักว่าโรคทุกชนิด ทั้งร่างกายและจิตใจของคนเรา สามารถเยียวยารักษาตัวเองได้ ถ้าร่างกายอยู่ในสภาพสมดุลปกติ โรคร้ายต่างๆที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นมะเร็ง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดหัวใจตีบตัน ภูมิแพ้ หืดหอบ ฯลฯ เกิดจากการดำเนินชีวิตที่ผิดธรรมชาติ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในเมืองใหญ่ๆ
        ยิ่งเป็นเรื่องการรับประทานอาหารที่มีสารเคมีปนเปื้อน เช่น เนื้อสัตว์ที่เลี้ยงด้วยฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต ยาปฏิชีวนะ หรือรับประทานยาหรือฉีดยาที่ทำจากสารเคมี สารเหล่านี้จะตกค้างอยู่ในร่างกายมาก หรือการใช้ชีวิตที่เครียดเกินไป หักโหมเกินไป กังวลเกินไป ออกกำลังกายไม่เพียงพอ พักผ่อนไม่เพียงพอ

        ดังนั้น การดูแลสุขภาพของคนเราจะเน้นเรื่องอาหาร การรับประทานอาหารที่ดีจะทำให้มีสุขภาพดี เพราะสุขภาพของคนขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เชื้อโรคอย่างแบคทีเรียไม่มีผลทำให้เกิดโรคต่อร่างกาย การเจ็บป่วยของคนล้วนเกิดจากอาหารที่มีสารพิษปนเปื้อนที่คนเรารับประทานเข้า ไป

ธรรมชาติบำบัดกับรักษามะเร็ง
        1.อาหารรักษามะเร็ง อาหารที่ใช้รักษามะเร็งจะแตกต่างจากอาหารในชีวิตประจำวัน เนื่องจากอาหารที่ใช้ส่วนใหญ่ต้องเป็นอาหารที่มีลักษณะใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด เพื่อร่างกายจะได้วิตามิน เกลือแร่ และเอนไชม์ จากธรรมชาติเข้าไปเสริมภูมิต้านทาน หากรับประทานอาหารดัดแปลง อาหารแห้ง อาหารสำเร็จรูป ตามกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม จะไม่หลงเหลือคุณค่าทางอาหารอยู่เลย
        อาหาร 3 อย่างที่ต้องงด ได้แก่ 1) งดเนื้อสัตว์รวมทั้งปลา ไข่ ซุปไก่ รังนก แม้กระทั้ง เต้าหู้ โปรตีนเกษตร และเมล็ดถั่วในระยะแรก 2) งดใช้น้ำมันหรือไขมันไม่ว่าจะเป็นไขมันสัตว์หรือน้ำมันพืช และ 3) งดเค็ม งดทั้งเกลือแกง น้ำปลา แต่ให้ร่างกายได้รับโพแทสเซียมจากผักมาก การงดเนื้อสัตว์และไขมัน เพื่อจะไม่ป้อนวัตถุดิบให้กับเซลล์มะเร็งใช้ในการเติบโต งดเค็มเพราะเกลือโซเดียมนี้มีมากเกินไปจะบั่นทอนภูมิต้านทาน
        อาหาร 3 อย่างที่ต้องรับประทาน ได้แก่ 1) ข้าวกล้องเป็นอาหารหลักในชีวิตประจำวัน ทุกครั้งให้โรยรำอ่อนควบอีก 1 ช้อนโต๊ะ ควรกินข้าวกล้องให้ได้ 5 ทัพพีต่อวัน 2) ผักสดและผลไม้สดปริมาณมากทุกมื้อ และคั้นน้ำผักและผลไม้ดื่มสดๆด้วย และ 3) รับประทานข้าวโพดด้วยในระหว่างมื้อ ด้วยอาหารที่รับประทานตามหลักนี้ ร่างกายจะได้โปรตีนในปริมาณพอดี สำหรับซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งหายได้ใน 7 ปี และมีสุขภาพแข็งแรงโดยไม่เคยมีสภาพขาดอาหาร
        2.สวนล้างลำไส้ด้วยกาแฟ เป็นวิธีกระตุ้นตับให้ขจัดสารพิษออกจากร่างกายให้ได้มากที่สุด เมื่อเราใส่กาแฟเข้าทางทวารหนักการดูดซึมของกาแฟจะเข้าทางเส้นเลือดดำของลำไส้ใหญ่ที่เรียกว่า เส้นเลือดดำของทวารหนัก (Hemorrhoidal vein) และ Colonic rein เข้าสู่ตับทาง Porfal nepaซึ่งจะเข้าสู่ตับอ่อนก่อนที่จะทันกระจายไปยังอวัยวะอื่นโดยเส้นเลือดดำตับ (Hepatic portal vein) เมื่อคาเฟอีนเข้าสู่ตับ เชลล์ตับจะจับมันเอาไว้ แล้วคาเฟอีนก็จะทำให้ตับทำงานขยันขึ้น

        3.ทำสมาธิ เป็นวิธีการแบบตะวันออกที่มีผลต่อความเครียด ทำให้ใจสงบได้อย่างดีที่สุด และมีผลในการเพิ่มภูมิต้านทาน เวลาทำสมาธิสมองส่วนไฮโปทาลามัสจะสั่งให้เชลล์เม็ดเลือดขาวแข็งแรงขึ้น เมื่อภูมิต้านทานกระเตื้องขึ้น การกำจัดเชลล์มะเร็งก็จะเป็นไปตามที่เจ้าตัวต้องการ  
        4.ออกกำลังกาย การออกกำลังกายจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง หากยังไม่ค่อยแข็งแรงก็ออกกำลังแต่เพียงเบาๆ เช่น เดิน หรือทำกายบริหารในน้ำ แต่ถ้าแข็งแร็งขึ้นเป้าหมายการออกกำลังกายอยู่ที่ต้องทำให้ได้ถึงขั้นแอโรบิก นั่นคือต้องเดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิก อะไรก็ได้ที่ต้องทำต่อเนื่องนานเกินกว่า 15 นาที เพื่อให้ชีพจรเต้นเร็วตามที่กำหนดไว้ ซึ่งแล้วแต่ว่าแต่ละคนอายุมากน้อยและเคยออกกำลังมาบ้างแค่ไหน
        5.การฝึกชี่กง เป็นการออกกำลังกายที่ประสานกายและจิตไปด้วยกัน การฝึกชี่กงนอกจากลดความเครียดแล้ว ยังมีงานวิจัยที่พบว่าสามารถเพิ่มเม็ดเลือดขาวที่เซลล์ช่วยต้านมะเร็งได้อีกด้วย
        6.อาบแสงตะวัน เป็นวิธีการของโยคะมาแต่โบราณ ความอบอุ่นจากแสงตะวัน ยามเช้าจะทำให้ระบบหมุนเวียนของเลือดดีขึ้นทั่วร่างกาย ซึ่งเหมาะสำหรับโรคเรื้อรังทั้งหลาย เหมาะสำหรับคนฟื้นไข้ แต่การอาบแสงตะวันไม่ใช่การอาบแดดที่ใช้แสงตรงเผาจนผิวเกรียม หากเราใช้ใบตองสดมาคลุมกาย ความเขียวของใบตองจะกรองเอาเฉพาะสีเขียวมาตกต้องร่างกาย ทำให้อบอุ่นและเย็นในเวลาเดียวกันเพราะแสงสีเขียวเป็นแสงเย็น
        วิธีการนี้ทำให้ภูมิต้านทานดีขึ้น ร่างกายถูกกระตุ้นด้วยความร้อนจากตะวัน และขณะเดียวกันเป็นการกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนไปทั่วร่างกายเหมือนกับการส่งเม็ดเลือดขาวที่ถูกกระตุ้นให้กระปรี้กระเปร่า แล้วลาดตระเวณออกไปทั่วร่างเพื่อจับเชลล์มะเร็ง
        8.วารีบำบัด การใช้น้ำ หรือความร้อนความเย็นกระตุ้นร่างกายเป็นการเพิ่มภูมิต้านทาน และระบบไหลเวียนของเลือด เช่น การอบซาวน่า การอาบน้ำร้อนและเย็นสลับกัน
        ธรรมชาติบำบัดมีหลักการอยู่ที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อผู้ป่วยสามารถพึ่งตนเองได้ในระยะยาว เป็นการดูแลรักษาทั้งร่างกายและจิตใจไปพร้อมๆกัน จึงทำให้การรักษามะเร็งด้วยวิธีธรรมชาติบำบัดได้ผลดี เมื่อหายจากอาการป่วยแล้วสุขภาพก็จะแข็งแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

9 เคล็บลับ สู่การรับประทานอาหารต้านมะเร็ง

         มะเร็งเป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนไทยมากเป็นอันดับหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็มีรายงานการเสียชีวิตของคนทั่วโลกจากการป่วยเป็นมะเร็งปีละเกือบ 8 ล้านคน และล่าสุดองค์การอนามัยโลก คาดว่าอีก 21 ปีข้างหน้า โลกจะมีผู้ป่วยมะเร็งเพิ่มขึ้นปีละ 24 ล้านคน ที่ร้ายแรงมากที่สุดก็คือนอกจากมะเร็งทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตอย่างทุกข์ทรมาณแล้ว การแพร่กระจายของเชื้อมะเร็งยังส่งผลให้การทำงานของอวัยวะผิดปกติด้วย บางรายอาจต้องตัดแขนตัดขา ซึ่งแน่นอนว่ามันบั่นทอนความสุขทั้งต่อตัวผู้ป่วยและคนรอบข้าง
         อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่อยากให้โรคมะเร็งมาเล่นงาน สิ่งที่ต้องทำก็คือการสร้างเกราะคุ้มกันไม่ให้โรคร้ายนี้มาเยือน โดยบทความนี้ขอหยิบ 9 เคล็ดลับการรับประทานอาหารต้านมะเร็ง ซึ่งทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติได้แนะนำมาให้ท่านผู้อ่านมีภูมิคุ้มกัน ต่อสู้กับเซลล์มะเร็งที่อาจเกิดขึ้นในร่างกายโดยเฉพาะ

เคล็ดลับการรับประทานอาหารต่อต้านมะเร็ง

         1.ผักหลากสี อาหารต้านมะเร็งอย่างแรกนี้มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย โดยสีสันของผักนอกจากจะดูสวยงามสะดุดตาแล้ว ผักแต่ละสีแต่ละชนิดยังมีประโยชน์ต่อร่างกายและให้คุณค่าที่แตกต่างกันไปดังนั้นการรับประทานผักหลากหลายหรือรับประทานให้ครบทั้ง 5 สี จะเกิดประโยชน์ต่อสุขภาพตัวอย่างของผักและสารสีต่าง ๆ ได้แก่
         – สารสีแดง ได้แก่ มะเขือเทศ มีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า ไลโคปีน (Lycopene) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งปอด
         – สารสีเหลือง/ส้ม ได้แก่ ฟักทอง แครอท มีสารแคโรทีนอยด์ และอุดมไปด้วยวิตามินเอ
         – สารสีเขียว ได้แก่ คะน้า บล็อคโคลี่ อุดมไปด้วยวิตามินซี รวมถึงผักบุ้ง กวางตุ้ง ตำ      ลึง ที่มีวิตามินเอและพิกเมนต์
         – สารสีม่วง ได้แก่ กะหล่ าสีม่วง ชมพู่มะเหมี่ยว มะเขือม่วง สีม่วงในดอกอัญชัน พืชผักเหล่านี้มีสาร Anthocyanin ที่สามารถช่วยป้องกันโรคมะเร็ง
         – สารสีขาว ได้แก่ มะเขือขาวเปราะ ผักกาดขาว ดอกแค โดยเฉพาะยอดแคมีเบตาแคโรทีนสูง
         2.ผลไม้ ผลไม้ประกอบไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลากหลายชนิดที่เป็นประโยชน์รวมทั้งยังมีเส้นใยอาหารที่ช่วยให้ระบบย่อยอาหารและระบบการขับถ่ายทำงานได้อย่างปกติ ตัวอย่างเช่น ส้ม สับปะรด มะละกอ มะม่วง ที่มีทั้งวิตามินเอ ซี สารเบตาแคโรทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง นอกจากนี้ผลไม้ยังมีเส้นใยที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายท างานได้อย่างปกติ
         3.ธัญพืชและเส้นใย ธัญพืชเต็มเมล็ด คือธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสีหรือขัดสีน้อยที่สุดทำให้มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เช่น ใยอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ ไฟโตนิวเตรียนท์ และสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ ตัวอย่างของธัญพืช ได้แก่ ข้าวกล้อง ข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ ลูกเดือย นอกจากนี้ไฟเบอร์หรือใยอาหารในธัญพืชยังท าหน้าที่สำคัญในการพาสารต่าง ๆ ที่เป็นโทษต่อร่างกายซึ่งเกาะติดบริเวณลำไส้ให้ขับถ่ายออกไป จึงมีส่วนสำคัญในการลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งในทางเดินอาหารและมะเร็งในลำไส้ใหญ่
         4.เครื่องเทศ หมายถึง ส่วนต่างๆของพืชที่นำมาใช้เป็นเครื่องปรุงรสอาหารหรือเพื่อให้อาหารมีกลิ่นหอม สารประกอบอินทรีย์ที่เป็นกลิ่นหอมของเครื่องเทศนั้นมาจากส่วนที่เป็นน้ ามัน (Fixed oil) และน้ำมันหอมระเหย (Volatile oil) ส่วนรสชาติที่เผ็ดร้อนนั้นมาจากส่วนที่เป็นยาง (Resins) นอกจากนี้ยังมีสารอื่น ๆ อีกเช่น แป้ง น้ าตาล แร่ธาตุ และวิตามินบางชนิด เป็นต้น นอกจากนี้เครื่องเทศยังประกอบไปด้วยสารหลายชนิดซึ่งมีสรรพคุณลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง รวมถึงการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันได้

         5.สารต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ ชาเขียว (Green Tea) ใบชาเขียวได้มาจากการนำยอดใบชาสดมาผ่านกระบวนการอบเพื่อลดความชื้นโดยไม่ผ่านการหมัก ชาเขียวมีสาร Catechins ที่ชื่อ epigallo-catechin-3-gallate (EGCG) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ สารดังกล่าวสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งตับ ทั้งนี้ ควรดื่มชาเขียวทันทีหลังจากชงชาเสร็จเนื่องจากหากทิ้งไว้ชาเขียวจะทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศทำให้สูญเสียคุณค่าไป
         นอกจากนี้ น้ำเปล่าที่สะอาดและบริสุทธิ์ก็มีความสำคัญและจำเป็นสำหรับมนุษย์ การดื่มน้ าสะอาดในปริมาณที่เพียงพอในแต่ละวันจะทำให้ร่างกายได้รับการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้มีสุขภาพแข็งแรง น้ำเป็นสารตัวกลางสำคัญของร่างกายที่ใช้ในขบวนการต่างๆของเซลล์ เช่น ควบคุมสมดุลกรด-ด่าง และยังนำพาสารอาหารที่มีประโยชน์เข้าสู่เซลล์ ตลอดจนนำของเสียหรือสารพิษออกจากเซลล์
         6.ปรุงอาหารถูกวิธี หนึ่งในเคล็บลับการรับประทานอาหารต้านมะเร็งก็คือการปรุงอาหารที่ถูกต้อง เพราะสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคได้ ได้แก่ การไม่ปิ้งย่างอาหารประเภทเนื้อสัตว์จนไหม้เกรียม ไม่รับประทานอาหารแบบสุกๆดิบๆ โดยเฉพาะปลาน้ าจืดที่มีเกล็ด และไม่ใช้น้ำมันทอดซ้ำหลายๆ ครั้ง
         7.หลีกเลี่ยงอาหารไขมัน ไขมันในอาหารมีทั้งไขมันดีและไขมันเลว หากร่างกายมีไขมันเลวปริมาณมากอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ ไขมันเลว ได้แก่ คลอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอร์ไรด์ LDL ส่วนไขมันดี ได้แก่ไขมันไม่อิ่มตัว เลซิติน HDL พบมากใน น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันเมล็ดฝ้าย น้ำมันดอกทานตะวัน และในปลา เช่น ปลาซาร์ดีน ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาจาระเม็ด เป็นต้น

         8.ลดบริโภคเนื้อแดง เนื้อแดงเป็นอีกอุปสรรคหนึ่งที่จะทำให้การรับประทานอาหารต้านมะเร็งไปไม่ถึงฝั่งฝัน เพราะการรับประทานเนื้อแดงมากๆอาจทำให้เกิดมะเร็งลำไส้ได้ โดยผู้ที่บริโภคเนื้อแดงมากกว่า 160 กรัมต่อวัน อาจมีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเพิ่มขึ้น ดังนั้น เราควรจำกัดการรับประทานเนื้อแดงให้เหลือเพียงสัปดาห์ละ 500 กรัม
         9.ลดเกลือแกง และอาหารหมักให้น้อยลง เราควรบริโภคเกลือ (salt) ไม่เกิน วันละ 6 กรัม ซึ่งมีโซเดียม (sodium) อยู่ประมาณ 2,300 มิลลิกรัม การบริโภคเกลือในปริมาณสูงจะทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปหรืออาหารประเภทหมักดองโดยเฉพาะที่มีการถนอมอาหารหรือปรุงแต่งสีด้วยดินประสิว เช่น ปลาร้า ปลาส้ม แหนม ไส้กรอก กุนเชียง เนื้อเค็ม ปลาเค็ม เนื่องจากอาหารเหล่านี้อาจมีสารก่อมะเร็งไนโตรซามีน และควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีสีแดงผิดจากธรรมชาต

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

รู้ทันโรคมะเร็ง ลดความเสี่ยง เลี่ยงโรคภัย

         คุณทราบหรือไม่ว่าปัจจุบันโรคมะเร็งเป็นสาเหตุการตายสูงสุดติดอันดับ 1 ของคนไทยต่อเนื่องมานานนับสิบปี โดยคนไทยเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งกว่า 60,000 คนต่อปี ขณะที่มีรายงานการเสียชีวิตปีละเฉียด 8 ล้านคนทั่วโลก และดูเหมือนว่าจะมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆในอนาคต นั่นแสดงให้เห็นว่าโรคมะเร็งเป็นโรคร้ายแรงที่คร่าชีวิตมนุษย์จำนวนมาก และยังเป็นโรคภัยที่คืบคานเข้ามาใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกที ทั้งนี้ทั้งนั้น คำถามคือเราจะป้องกันและรู้เท่าทันโรคมะเร็งได้หรือไม่ สามารถดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากโรคร้ายนี้ได้อย่างไร วันนี้เรามาหาคำตอบกัน

เกี่ยวกับโรคมะเร็ง
         สถาบันมะเร็งแห่งชาติ (National Cancer Institute) ระบุว่า โรคมะเร็งคือกลุ่มของโรคที่เกิดเนื่องจากเซลล์ของร่างกายมีความผิดปกติ ที่ DNA หรือสารพันธุกรรม ส่งผลให้เซลล์มีการเจริญเติบโต มีการแบ่งตัวเพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์ รวดเร็ว และมากกว่าปกติ ดังนั้น จึงอาจทำให้เกิดก้อนเนื้อผิดปกติ และในที่สุดก็จะทำให้เกิดการตายของเซลล์ในก้อนเนื้อนั้น เนื่องจากขาดเลือดไปเลี้ยง เพราะการเจริญเติบโตของหลอดเลือด ถ้าเซลล์พวกนี้เกิดอยู่ในอวัยวะใดก็จะ เรียกชื่อ มะเร็งตามอวัยวะนั้นเช่น มะเร็งปอด มะเร็งสมอง มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และมะเร็งผิวหนัง เป็นต้น

         เท่าที่มีรายงานไว้ในขณะนี้ มะเร็งที่พบในร่างกายมนุษย์มีมากกว่า 100 ชนิด มะเร็งแต่ละชนิดจะมีการ ดำเนินของโรคไม่เหมือนกัน เช่น มะเร็งปอด มะเร็งสมอง จะมีการดำเนินชนิดของโรคที่รุนแรง ผู้ป่วยจะมีชีวิตการอยู่รอดสั้นกว่าผู้ป่วยมะเร็งผิวหนัง เป็นต้น
         ดังนั้น การรักษาโรคมะเร็งแต่ละชนิดจะไม่เหมือนกัน มีวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับอวัยวะที่เป็นมะเร็ง ระยะของมะเร็ง สภาพร่างกาย และความเหมาะสมของผู้ป่วยมะเร็ง การรักษาจะยากหรือง่ายนั้นก็ขึ้นอยู่กับชนิดของเซลล์มะเร็ง และการดำเนินโรคของมะเร็งด้วย เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งผิวหนัง รักษาง่ายกว่า มะเร็งปอด มะเร็งสมอง เป็นต้น

อาการแสดงของโรคมะเร็ง
         1.ไม่มีอาการใดเลยในช่วงแรก ขณะที่ร่างกายมีเซลล์มะเร็งเป็นจำนวนน้อย
         2.มีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง ตามสัญญาณอันตราย 7 ประการ ที่เป็นสัญญาณเตือนว่าควรไปพบแพทย์ เพื่อการตรวจค้นหาโรคมะเร็งหรือสาเหตุอื่นๆที่ทำให้มีสัญญาณเหล่านี้ เพื่อการรักษาและแก้ไขทางการแพทย์ที่ถูกต้องก่อนที่จะกลายเป็นโรคมะเร็ง หรือเป็นมะเร็งระยะลุกลาม
         3.มีอาการป่วยของโรคทั่วไป เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ร่างกายทรุดโทรม ไม่สดชื่น และไม่แจ่มใส
         4.มีอาการที่บ่งบอกว่ามะเร็งอยู่ในระยะลุกลาม หรือเป็นมาก ขึ้นอยู่กับว่าเป็นมะเร็งชนิดใด และมีการกระจายของโรคอยู่ที่ส่วนใดของร่างกายที่สำคัญที่สุดของอาการในกลุ่มนี้ ได้แก่ อาการเจ็บปวดที่แสน ทุกข์ทรมาน

สัญญาณอันตราย 7 ประการ
         1.มีการเปลี่ยนแปลงของระบบขับถ่ายอุจจาระและปัสสาวะ เช่น ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ หรือปัสสาวะเป็นเลือด
         2.กลืนอาหารลำบาก หรือมีอาการเสียด แน่นท้องเป็นเวลานาน
         3.มีอาการเสียงแหบ และไอเรื้อรัง

         4.มีเลือดออกผิดปกติ จากทวารต่างๆ
         5.แผลซึ่งรักษาแล้วไม่ยอมหาย
         
6.มีการเปลี่ยนแปลงของหูด หรือไฝตามร่างกาย
         7.มีก้อนตุ่ม ที่ส่วนต่างๆของร่างกาย
         สัญญาณอันตรายทั้ง 7 ประการนี้ เป็นสิ่งที่ทุกๆคนควรจดจำให้ขึ้นใจ โดยหากมันปรากฏกับตัวเองหรือคนรอบข้าง ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อการตรวจค้นหาโรคมะเร็ง จะได้การรักษาและแก้ไขทางการแพทย์ที่ถูกต้องก่อนที่จะกลายเป็นโรคมะเร็งหรือเป็นมะเร็งระยะลุกลามจนสายเกินแก้
         อย่างไรก็ดี เนื่องจากในระยะแรกของโรคมะเร็งมักไม่แสดงอาการใดๆ เพราะยังมีเซลล์ที่เป็นอันตรายจำนวนน้อยอาศัยอยู่ในร่างกาย ฉะนั้น เพื่อเป็นการป้องกัน ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำอย่างน้อยปีละครั้ง หรือถ้าสุขภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง (อาจเกิดจากตัวเลขของอายุที่สูงขึ้น) ก็ควรตรวจสุขภาพให้บ่อยครั้งขึ้นสัก 2 ครั้งต่อปี จะได้ทราบถึงโรคภัยแล้วหาทางแก้ไข รับมือตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งจะทำให้ความรุนแรงของโรคลดน้อยลง

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

วิธีป้องกันมะเร็ง ไม่ให้มาเยือนเราง่ายๆ

         เมื่อพูดถึงโรคมะเร็งบางคนคงจะคิดว่ามันเป็นเรื่องไกลตัว หารู้ไม่ว่าปัจจุบันมะเร็งได้คืบคานเข้ามาหาเรามากขึ้นทุกที โดยทุกคนมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งได้ทั้งนั้น เพราะสิ่งแวดล้อมโดยรอบมีพิษมาก รวมถึงอาหารการกิน ณ ตอนนี้ มีสารอนุมูลอิสระจำนวนมาก เช่น ของร้อน ของทอด ของปิ้งย่าง ไม่เว้นแม้กระทั่งผักก็ยังปนเปื้อนยาฆ่าแมลง ขนาดคนที่ชอบรับประทานปลาเพราะคิดว่าดีต่อสุขภาพ แต่เอาเข้าจริงปลาในปัจจุบันมีสารปรอทอยู่เกือบทุกตัว ยิ่งถ้าคนใดมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งก็จะเพิ่มโอกาสเสี่ยงขึ้นไปอีก
         เห็นหรือยังว่ามะเร็งเป็นเรื่องใกล้ตัวเราแค่ไหน หากยังไม่เชื่อ ก่อนหน้านี้ได้มีสถิติจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติที่บ่งบอกว่า ในแต่ละปีจะมีผู้ป่วยรายใหม่ที่เป็นโรคมะเร็งกว่า 100,000 ราย และในจำนวนนั้นกว่า 60,000  รายที่เสียชีวิต ถ้าคิดเป็นรายวันก็มีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งกว่า 152 ราย หรือ 6 คนต่อชั่วโมง ดังนั้น มะเร็งถือเป็นโรคร้ายแรงที่คนทุกคนไม่ควรมองข้าม

         “กันไว้ดีกว่าแก้” ประโยคนี้เองที่ทำให้ผู้เขียนได้รวบรวมวิธีป้องกันมะเร็งแสนง่าย มาให้ท่านผู้อ่านที่ใส่ใจสุขภาพได้นำไปใช้กัน จะได้มีสุขภาพดีปราศจากโรคภัยโดยเฉพาะเจ้ามะเร็งร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนมากขึ้นทุกวัน

วิธีป้องกันมะเร็งแบบง่ายๆ
         1.รับประทานผักตระกูลกะหล่ำให้มาก เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักคะน้า หัวผักกาด บรอคโคลี่ ฯลฯ เพื่อป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ลำไส้ส่วนปลาย กระเพาะอาหาร และอวัยวะระบบทางเดินหายใจ
         2.รับประทานอาหารที่มีกากมาก เช่น ผัก ผลไม้ ข้าว ข้าวโพด และเมล็ดธัญพืชอื่นๆ เพื่อป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่
         3.รับประทานอาหารที่มีเบต้าแคโรทีน และวิตามินเอสูง เช่น ผักผลไม้สีเขียว-เหลือง เพื่อป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร กล่องเสียง และปอด
         4.รับประทานอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ผักผลไม้ต่างๆ โดยเฉพาะฝรั่งและส้ม เพื่อป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร และกระเพาะอาหาร

         5.ควบคุมน้ำหนักตัว โรคอ้วนมีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็งมดลูก ถุงน้ำดี เต้านม และลำไส้ใหญ่ การออกกำลังกาย และลดรับประทานอาหารที่ให้พลังงานสูง จะช่วยป้องกันมะเร็งเหล่านี้ได้อีกทางหนึ่ง
         6.ไม่รับประทานอาหารที่มีราขึ้น อาหารที่มีราขึ้นโดยเฉพาะสีเขียว-เหลือง จะมีสารอัลฟาทอกซินปนเปื้อนซึ่งอาจเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งตับ
         7.ลดอาหารไขมัน อาหารไขมันสูงจะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม ลำไส้ใหญ่ และต่อมลูกหมาก
         8.ลดอาหารดองเค็ม อาหารปิ้ง-ย่าง รมควัน และอาหารที่ถนอมด้วยเกลือไนเตรท- ไนไตร์ท เนื่องจากอาหารเหล่านี้ จะทำให้เสี่ยงต่อมะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งลำไส้ใหญ่
         9.ไม่รับประทานอาหารสุกๆดิบๆ เช่น ก้อยปลา ปลาจ่อม ฯลฯ เพราะจะทำให้เป็นโรคพยาธิใบไม้ตับ และเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งของท่อน้ำดีในตับ

         10.หยุดหรือลดการสูบบุหรี่ แน่นอนว่าข้อนี้ใครๆต่างก็ทราบกันถึงผลเสียของการสูบบุหรี่ โดยจะทำให้เสี่ยงต่อการเป็น มะเร็งปอด กล่องเสียง ถุงลมโป่งพอง และหลากหลายโรค นอกจากนี้ การเคี้ยวยาสูบจะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งช่องปาก และช่องคอ
         11.ลดการดื่มแอลกอฮอล์ หากดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ ถ้าทั้งดื่มและสูบบุหรี่จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งช่องปาก ช่องคอ กล่องเสียง และหลอดอาหารได้มากขึ้นเป็นทวี
         12.อย่าตากแดด เนื่องจากการตากแดดจัดมากเกินไปและเป็นระยะเวลานานๆ จะยิ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนัง ซึ่งมะเร็งชนิดนี้มักเป็นกันมากโดยไม่รู้ตัว
         ทั้งหมดนี้คือแนวทางป้องกันมะเร็งง่ายๆ ที่ทุกคนควรนำไปใช้ จะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานไปกับอาการป่วยโรคมะเร็ง ซึ่งถ้าโรคร้ายนี้เกิดขึ้นกับใครแล้วจะทำให้เจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ ที่สำคัญคือมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่แพงหูฉี่ ฉะนั้น อย่ามัวแต่ภาวนาให้ตัวเองรอดพ้นจากมะเร็ง การปฏิบัติตนให้ห่างไกลจากโรคร้ายนี้ต่างหากคือสิ่งที่ควรกระทำ

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.