รวมวิธีธรรมชาติ ที่จะช่วยให้คุณนอนหลับโดยไม่ต้องพึ่งพายานอนหลับ

         คนจำนวนมากมายเหลือคณานับในโลกใบนี้ ที่จำเป็นจะต้องใช้ใบสั่งยายานอนหลับจากแพทย์ เพื่อให้สามารถแน่ใจว่าตัวเองสามารถที่จะนอนหลับได้ครบตามระยะเวลาที่เพียงพอ แต่อย่างไรก็ตาม มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากได้ออกมาทำการเตือนว่า ยานอนหลับนั้น มีผลช้างเคียงอันไม่พึงประสงค์มากมาย ทำให้การใช้ยานอนหลับนั้น จำเป็นที่จะต้องจำกัดการใช้งานเอาไว้ไม่ให้มากจนเกินไป
 ถ้าหากคุณกำลังมีความผิดปกติในการนอนหลับ คุณอาจจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญสักคน แต่คนส่วนใหญากลับไม่ทราบว่า อาการนอนไม่หลับนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งพายานอนหลับเสมอไป ยังมีทางเลือกอื่นๆที่สามารถช่วยทำให้คุฤณนอนหลับได้ โดยเฉพาะการใช้วิธี “พฤติกรรมบำบัด” ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากททั่วโลกในปัจจุบัน

พฤติกรรมบำบัด ศาสตร์สำหรับคนที่นอนไม่หลับโดยเฉพาะ
 สำหรับคนที่มีปัญหานอนไม่หลับ สามารถทำตามคำแนะนำที่อิงจากการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ และสถิติจากการศึกษาผู้ที่นอนไม่หลับทั่วโลก ดังต่อไปนี้
 1.เมื่อรู้สึกว่านอนไม่หลับให้ลุกออกจากเตียง ถ้าหากคุณรู้สึกว่าตัวเองกำลังนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย เป็นเวลา 20-40 นาที หลังจากการเข้านอน อย่าพึ่งทำการพึ่งพายานอนหลับ แต่ให้ลองลุกออกจากเตียง ไปทำอย่างอื่นเป็นเวลาประมาณ 30-60 นาที จนกระทั่งรู้สึกว่าตัวเองง่วงจากความเหนื่อยจริงๆ แต่ให้ระวังรูปแบบกิจกรรมที่คุณลุกขึ้นไปทำ ไม่ให้มีความตื่นเต้นจนเกินไป เพราะมันจะยิ่งทำให้คุณตาสว่างมากยิ่งขึ้น
 2.ลองผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เป็นเทคนิคที่ได้รับการพัฒนามาตั้งแต่ปี ค.ศ.1915 โดยมีหัวใจสำคัญคือ การผ่อนคลายความเครียดที่เกิดขึ้นภายในกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกาย ด้วยการออกกำลังกายที่เรียบง่าย ซึ่งวิธีนี้เกี่ยวพันเป็นอย่างมากกับการทำให้นอนหลับอย่างสินทดีมากยิ่งขึ้น
3.ทำสมาธิ จากการศึกษาเคล็ดลับการทำสมาธิในปี 2009 พบว่า การทำสมาธิมีประสิทธิภาพอย่างยิ่งในการต่อสู้กับโรคนอนไม่หลับ เพียงแค่การทำสมาธิขั้นพื้นฐานอย่างการกำหนดลมหายใจ ก็เพียงพอที่จะช่วยทำให้คุณสามารถนอนหลับได้ดีมากยิ่งขึ้น

         4.อาบน้ำอุ่น ช่วยเพิ่มอุณภูมิให้กับร่างกายของคุณเล็กน้อย ซึ่งนั่นเป็นเคล็ดลับสำคัญที่ช่วยทำให้การนอนหลับของคุณเป็นไปได้อย่างดีมากยิ่งขึ้น ในการศึกษาขนาดเล็กเมื่อปี 1985 พบว่า คนที่ใช้เวลาอาบน้ำอุ่นก่อนเข้านอน นอกจากจะสามารถตื่นได้อย่างรวดเร็วขึ้นแล้ว ยังนอนหลับได้ง่ายมากขึ้นอีกด้วย
 5.ออกกำลังกาย การออกกำลังกายที่ไม่รุนแรงแรงให้ผลในการนอนหลับที่ดี มากกว่าเพียงการออกกำลังกายเล็กๆน้อยๆ โดยเฉพาะการฝึกโยคะ ที่นับเป็นยานอนหลับชั้นดี
 6.เปลี่ยนห้องนอนให้ปลอดโปร่ง ห้องนอนของคุณจำเป็นที่จะต้องปลอดโปร่งและสะดวกสบายที่สุด ความเงียบสงบ เครื่องเรือนสีขาว อากาศที่ค่อนข้างเย็นสบาย และความสะอาดโดยรวม สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่สามารถช่วยทำให้คุณนอนหลับได้อย่างสนิทมากยิ่งขึ้น
 7.น้ำมันหอมระเหย จากการศึกษาในปี 2005 พบว่า กลิ่นลาเวนเดอร์ ส่งผลช่วยทำให้คุณหลับลึกมากยิ่งขึ้น และจากการศึกษาอื่นๆก็ยังสนับสนุนผลการวิจัยเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี
ข่าวดีสำหรับคนที่เลือกการบำบัดอาการนอนไม่หลับด้วยวิธีเหล่านี้คือ พวกมันมีประโยชน์เป็นอย่างมากในการช่วยทำให้นอนหลับ และยังเป็นการช่วยปรับนาฬิกาภายในร่างกายให้มีความปกติมากยิ่งขึ้น แต่ข่าวร้ายคือ วิธีการเหล่านี้โดยส่วนใหญ่ยังไม่ได้ถูกรับรองด้วยองค์การอาหารและยา ซึ่งจะเห็นได้ว่าวิธีทางธรรมชาติ ให้ผลดีมากกว่ายานอนหลับ ที่มักส่งผลร้ายต่อร่างกาย และเวลาในร่างกายโดยรวม

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

อาการนอนไม่หลับ…แก้อย่างไรดี

         การนอนไม่หลับไม่ใช่โรคร้ายแต่อย่างใด มันเป็นปัญหาสุขภาพอย่างหนึ่งที่จะทำให้ตื่นขึ้นมาแล้วไม่สดชื่น ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนหนังสือ หน้าที่การงาน รวมถึงความสัมพันธ์กับผู้อื่น ทั้งนี้ แต่ละคนอาจมีความรู้สึกต่อการนอนไม่หลับได้หลายแบบ เช่น อาการนอนหลับยาก กว่าจะหลับสนิทก็ใช้เวลานาน หรือบางคนหลับๆตื่นๆ นอนหลับไม่สนิทเสียทีเดียว เป็นต้น วันนี้เรามาดูกันว่า จริงๆแล้วอาการนอนไม่หลับเกิดขึ้นได้อย่างไร และจะสามารถแก้ไขได้หรือไม่ อย่างไร

ทำไมถึงมีอาการนอนไม่หลับ
         1.ปัญหาทางด้านอารมณ์ เช่น ภาวะตึงเครียดในชีวิต สูญเสียบางในอย่างในชีวิต เป็นต้น
         2.การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม เช่น แสงสว่างมากเกินไป เสียงดัง อุณหภูมิร้อนเกินไป การเปลี่ยนที่นอนและการเดินทางข้ามเส้นแบ่งเวลาโลก การทำงานกะดึก เป็ต้น 

         3.ปัญหาจากโรคของการนอนหลับโดยตรง เช่น การเคลื่อนไหวแขนขาที่ผิดปกติขณะหลับ การขาดลมหายใจระหว่างการนอนหลับเป็นพักๆ           
         4.ความผิดปกติทางสรีรวิทยา ของผู้ป่วยที่มีความไวกว่าธรรมดา เช่น ภาวะตื่นตัวสูงและตื่นเต้นง่าย           
         5.โรคทางจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า โรคในกลุ่มกังวล โรคจิต เป็นต้น      
         6.อาการเจ็บป่วยทางร่างกาย เช่น สมองเสื่อม ความผิดปกติของฮอร์โมน อาการปวดการไอเรื้อรัง การหายใจลำบาก การตื่นขึ้นมาปัสสาวะบ่อย ๆ            
         7.การใช้ยาหรือสารบางชนิด

วิธีแก้อาการนอนไม่หลับ
         1.เลี่ยงอาหารทำให้เกิดลม รวมถึงสิ่งที่ทำให้ท้องอืด ท้องเฟ้อ เช่น น้ำอัดลม ถั่ว มันเทศ หัวหอมใหญ่ พริกหยวก บล็อกโคลี่ มันแกว ข้าวโพด กล้วยหอม และควรงดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนก่อนนอน เช่น ชา กาแฟ และน้ำอัดลม รวมทั้งขนมหวานทุกชนิด เพราะน้ำตาลจะกระตุ้นให้รู้สึกตื่นตัว
         2.หยุดรับประทานก่อนนอน 2 ชั่วโมง ควรหลีกเลี่ยงการเข้านอนในขณะที่อาหารกำลังย่อยอยู่ ควรปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างน้อย 2 ชั่วโมงหลังอาหารค่ำ หรือหากอยากให้ย่อยไว แนะนำให้เดินเล่นในบ้าน จะทำให้กระเพาะทำงานได้ดีขึ้น

         3.อาบน้ำอุ่น หากนอนไม่หลับเป็นประจำ แนะนำให้อาบน้ำอุ่นโดยค่อยๆเพิ่มอุณหภูมิให้สูงขึ้นจาก 35 ถึง 39 องศาเซลเซียส น้ำอุ่นสามารถกล่อมประสาทให้ง่วงนอนได้ หรืออีกวิธีคือให้แช่เท้าในน้ำอุ่นจะช่วยผ่อนคลายเส้นประสาท เส้นโลหิต หลอดน้ำเหลือง ทำให้หลับได้ดีขึ้น
         4.รับประทานน้ำผึ้งผสมน้ำอุ่น น้ำผึ้งเล็กน้อยผสมในน้ำอุ่น หรือชาสมุนไพร จะช่วยทำให้หลับง่ายขึ้นนั่นเอง เพราะมีการใช้น้ำผึ้งเป็นยาระงับประสาทอ่อนๆ มาตั้งแต่โบร่ำโบราณแล้ว ทั้งนี้ อย่าลืมว่าควรบริโภคก่อนที่จะนอนประมาณ 2 ชั่วโมง
         5.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทุกวัน อย่างน้อยวันละ 30 นาที ช่วงเช้าตรู่หรือตอนเย็น จะช่วยลดความตึงเครียดทางร่างกายและอารมณ์ ช่วยให้หลับได้เร็ว ทั้งยังทำให้ตื่นเร็วขึ้น กระนั้นก็ดี ไม่ควรออกกำลังกายช่วงใกล้เข้านอน เพราะอาจรบกวนการนอนหลับได้
         6.หากิจกรรมสร้างความผ่อนคลาย ถ้าเข้านอนนาน 15-30 นาที แล้วยังไม่หลับให้ลุกขึ้นจากที่นอน แล้วทำกิจกรรมซึ่งให้ความเพลิดเพลิน เช่น ฟังเพลงหรืออ่านหนังสือ และกลับมานอนใหม่ แต่ควรหลีกเลี่ยงการดูทีวี ฟังข่าว เล่นคอมพิวเตอร์ เพราะจะเร้าความรู้สึกตื่นตัวในขณะที่อยากหลับ ที่สำคัญอย่านอนอยู่บนเตียงโดยไม่หลับจนถึงเช้า เพราะจะกระตุ้นให้เกิดความวิตกกังวล

         7.เข้านอนและตื่นนอนตรงเวลาทุกวัน เพื่อให้เกิดความเคยชิน หากลุกจากเตียงทันทีเมื่อตื่นอย่างตรงเวลา การสัมผัสแสงแดดอ่อนตอนเช้า และออกกำลังกายเบาๆ หลังตื่นนอน 10-15 นาทีก่อนทำกิจกรรมอื่น จะช่วยให้สมองและร่างกายตื่นตัว สามารถปฏิบัติกิจกรรมต่างๆได้ดี และเมื่อได้เวลาเข้านอนก็จะหลับได้อย่างสนิทมากขึ้น
         หากนำเคล็ดลับนี้ไปใช้คุณก็จะนอนหลับสนิทได้ทุกวัน ซึ่งมีผลวิจัยชี้ว่าขณะหลับเซลล์สมองจะหดตัวลงร้อยละ 60 ทำให้กระบวนการน้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลังที่ถูกส่งมาจากเนื้อเยื่อสมอง เพื่อกำจัดของเสียออกไปทำงานได้ดีขึ้นกว่าตอนตื่นถึง 10 เท่า ดังนั้น การนอนหลับให้สนิทอย่างเพียงพอจึงเป็นสิ่งสำคัญ ใครที่นอนไม่ค่อยหลับจึงควรหาวิธีแก้ไขให้ได้โดยเร็ว

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.