ทำความรู้จัก ‘แอคโนติน’ ยารักษาสิวยอดฮิต

         แค่อ่านชื่อเรื่องหลายคนก็คงถึงบางอ้อกันแล้ว เพราะเจ้า “แอคโนติน” เป็นหนึ่งในยารักษาสิวยอดนิยมที่ส่วนใหญ่ต่างก็รู้จักกันเป็นอย่างดี เนื่องจากเวลาเป็นสิวมากๆแล้วไปหาหมอที่คลินิคหรือโรงพยาบาลเฉพาะทาง นอกจากยาทาสิวที่บริเวณใบหน้าแล้ว แอคโนตินก็มักจะเป็นสิ่งที่คุณหมอให้เรากลับมารับประทานที่บ้านด้วย
         ทั้งนี้ทั้งนั้น แอคโนตินเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่า เป็นยาที่มีผลข้างเคียง ช่วงแรกๆที่ใช้อาจผิวแห้งลอก ปากแห้ง ตาแห้ง ผิวไวต่อแดด ที่พบได้แต่ไม่บ่อย เช่น ผมร่วง เล็บเปราะหักง่าย เล็บอักเสบ ปวดศีรษะ และในระยะยาวอาจส่งผลเสียต่อตับได้ หากรับประทานต่อเนื่องเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตาม เพื่อความกระจ่างชัด วันนี้เราจะพาท่านผู้อ่านไปทำความรู้จักับแอคโนตินให้มากขึ้น


แอคโนติน… ยาเทวดา หรือ ซาตาน ?

         แอคโนติน คือยาในกลุ่มกรดวิตามินเอชนิดรับประทานชื่อ Isotretinoin เป็นหนึ่งในยาที่ผู้ป่วยเป็นสิวเห่อบริเวณใบหน้า นิยมรับประทานจากการจ่ายยาของแพทย์ ยาชนิดนี้แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพในการรักษาสิวที่ดี แต่หากใช้ยาอย่างไม่ถูกต้องก็ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้เช่นกัน โดยยาแอคโนตินจะออกฤทธิ์การทำงานของต่อมไขมัน ลดปริมาณเชื้อแบคทีเรียก่อสิว Propionibacterium acnes และยับยั้งการสร้างหัวสิว (comedone)

         ยารักษาสิว แอคโนติน จะมี 2 แบบ คือ แบบ 10 มิลลิกรัม และ 20 มิลลิกรัม การสั่งยาจะขึ้นอยู่การวินิจฉัยของคุณหมอตามอาการ ซึ่งต้องขอย้ำว่าควรรับประทานตามคำแนะนำของหมอ เพราะทางสำนักงานกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ออกกฎสำหรับยาตัวนี้ว่าเป็นยาอันตราย ต้องให้แพทย์สั่งเท่านั้นถึงจะนำมารับประทานได้
         สำหรับการออกฤทธิ์ของยารักษาสิว แอคโนติน โดยส่วนใหญ่จะสามารถจัดการสิวบนใบหน้าได้อย่างเห็นผล สิวที่เคยขึ้นเห่อจะแลดูจางลง ผิวหน้าแลดูใสขึ้น และทำให้หน้าไม่มัน แต่ผลข้างเคียงของยาตัวนี้ที่มักเกิดขึ้นบ่อยๆก็คือ ผิวแห้งลอก ปากแห้ง ตาแห้ง ผิวไวต่อแดด ที่พบได้แต่ไม่บ่อยคือ ผมร่วง เล็บเปราะหักง่าย เล็บอักเสบ หรืออาจปวดศีรษะ กรณีรับประทานยาเรตินอยด์ร่วมกับยากลุ่มเตตร้าไซคลิน มีผลต่อระดับเอนไซม์ตับ ระดับไขมันในเลือด ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หากใช้แอคโนตินระหว่างตั้งครรภ์ อาจทำให้ทารกพิการได้

         อย่างไรก็ดี การรับประทานยาแอคโนตินเพื่อรักษาสิวนั้น ไม่เป็นอันตราย หากอยู่ในความควบคุมและดูแลของแพทย์ ดังนั้น จึงไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง เพราะแพทย์จะดูแลปริมาณของยาที่รับประทานให้เหมาะกับปัญหาสิวบนใบหน้า และจะมีการติดตามอาการเพื่อดูการผลการตอบสนองต่อยาอย่างต่อเนื่อง

 

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ทำความรู้จัก ยาแก้อักเสบ amoxicillin สิวหายได้อย่างไร

         เมื่อพูดถึงยาแก้อักเสบ amoxicillin สิว คงจะเกิดเครื่องหมายคำถามขึ้นในใจว่ามันคืออะไร แต่ถ้าบอกว่าเจ้ายาแก้อักเสบ amoxicillin สิวตัวนี้มักได้รับกันมาจากการเข้าไปหาหมอรักษาสิว หลายๆคนก็ถึงบางอ้อ เพราะส่วนใหญ่ต่างเคยได้รับยาตัวนี้จากหมอสิวกลับมารับประทานที่บ้าน ทั้งนี้ หากคิดกันว่ายา amoxicillin จะช่วยทำให้สิวบนใบหน้าของเราลดลง ทำลายเชื้อแบคทิเรียต้นเหตุของการเกิดสิวได้นั้น ถือว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องเรามาทำความรู้จักกับยาแก้อักเสบ amoxicillin สิวกัน


ยาแก้อักเสบ amoxicillin คืออะไร
อะม็อกซีซิลลิน (Amoxicillin) เป็นยาปฏิชีวชนิดหนึ่ง อยู่ในกลุ่มยา Penicillin ใช้รักษาได้หลายโรค ได้แก่ โรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจส่วนบน เช่น โพรงจมูกอักเสบ ทอนซิลอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ โรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจส่วนกลาง เช่น หลอดลมอักเสบเฉียบพลันและเรื้อรังปอดบวมชนิดในหลอดลมหรือกลีบปอด หนองในเยื่อหุ้มปอด ฝีในปอด โรคติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะ-อวัยวะเพศ เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ท่อปัสสาวะอักเสบ ไตและกรวยไตอักเสบ การติดเชื้อ หลังคลอดหรือแห้งติดเชื้อในช่องเชิงกราน แผลริมอ่อนและหนองใน โรคติดเชื้ออื่นๆ เช่น ในกระดูกในเลือด เยื่อบุช่องท้องและการติดเชื้อหลังศัลยกรรม
ซึ่งความจริงแล้วยาแก้อักเสบ amoxicillin นั้นไม่ได้มีความสามารถไปจัดการเชื้อของการเกิดสิวได้โดยตรง หรือเข้าไปจัดการเชื้อสิว P.acne หรือ P.Ovale ต้นเหตุของการเกิดสิวได้ จึงเกิดเป็นคำถามขึ้นว่าแล้วเหตุใดหมอรักษาสิวถึงจ่ายยา Amoxicillin ?

ทำไมหมอสิวถึงจ่ายยาแก้อักเสบ amoxicillin
คำตอบคือการเกิดสิวโดยเฉพาะกับสิวอักเสบ สิวหัวหนองนั้นไม่ได้เกิดจากเชื้อสิวที่เรารู้จักกันดี เช่น P.acne เป็นหลัก แต่อาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรียตัวอื่นๆได้อีก ซึ่งหมอที่รักษาหน้าของเราก็คงจะวิเคราะห์จากอาการการเกิดสิวมาแล้วว่า หน้าเราเหมาะสมที่จะรักษาสิวด้วยการรับประทานยาแก้อักเสบ amoxicillin สิวตัวนี้ ดังนั้นหากใครที่หมอสิวจ่ายยา Amoxicillin มาให้กินเพื่อรักษาสิวนั้นก็ไม่ต้องแปลกใจ มันช่วยลดการอักเสบของสิวได้เช่นกัน


การออกฤทธิ์ของยาแก้อักเสบ amoxicillin
กลไกการออกฤทธิ์ของยาอะมอกซิซิลลินคือ ยาไปทำลายผนังเซลของเชื้อโรคทำให้เชื้อโรคตาย ทั้งนี้เส้นทางที่นำยาไปฆ่าเชื้อโรคได้คือเลือดในร่างกายของเรานั่นเอง โดยระดับยาในเลือดที่มีความเข้มข้นถึงจุดที่ฆ่าเชื้อโรคได้ จะยับยั้งการแพร่พันธุ์ของเชื้อโรคในร่างกาย ซึ่งต้องได้รับยาที่ถูกขนาดและต่อเนื่องเป็นระยะเวลาที่เพียงพอการรักษาจึงได้ผลดี
แต่ถ้าเอายา amoxicillin ไปเปรียบเทียบกับยารักษาสิวตัวอื่นๆ เช่น ยา Doxycycline Clindamycin หรือ Tetracyclines หากเทียบในการรักษาสิวแบบสายตรงแล้ว amoxicillin นั้นด้อยกว่าตัวอื่นๆในการรักษาสิว ซึ่งการจ่ายยาของหมอรักษาสิวเอง ยังจัดให้ amoxicillin นั้นเป็นตัวรองลงมาจากพวกยารักษาสิวอื่นๆ ส่วนใหญ่แล้วจะจ่ายยา amoxicillin ให้กับคนไข้ในกรณีที่ใช้ยากลุ่มที่บอกไปแล้วไม่ได้ผล หรือจ่ายให้กับคนไข้ที่แพ้ยาตัวอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ยาแก้อักเสบ amoxicillin สามารถรับประทานก่อนอาหารหรือหลังอาหารก็ได้ มีผลข้างเคียงน้อยมาก โดยเฉพาะผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดกับตับ ถือว่าน้อยกว่ายารักษาสิวตัวอื่นๆมาก จึงเป็นข้อดีและความสะดวกในการใช้ยาตัวนี้

ผลข้างเคียงของยาแก้อักเสบ amoxicillin
  ทำความรู้จักกับเจ้ายาแก้อักเสบ amoxicillin รักษาสิวไปพอสมควร ตอนนี้มาดูกันว่ามันมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง เผื่อเกิดกรณีฉุกเฉินจะได้ป้องกันได้อย่างทันท่วงที
1.ถ้าเกิดอาการดังต่อไปนี้ให้หยุดยา และไปพบแพทย์ทันที ได้แก่ หายใจถี่ เกิดเสียงวี๊ด คัน hives เพราะอาจจะต้องการรักษาแบบทันท่วงทีเนื่องจากแพ้ยาแบบ Anaphylaxis
2.ถ้าเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ให้รับประทานยาพร้อมอาหาร
3.ถ้าเกิดอาการท้องร่วงโดยเฉพาะมีเลือดปน ผื่น ให้พบแพทย์ถ้าอาการรุนแรง หรือมีอาการมากกว่า 2 วัน

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ยารักษาสิวดีจนต้องบอกต่อ ใช้แล้วสิวหาย หน้าไม่เป็นหลุม เนียนใสกว่าเดิม


สิวเป็นปัญหาโลกแตกสำหรับวัยรุ่นทั้งชายและหญิง การกำจัดสิวถือเป็นสิ่งหนึ่งที่ใครหลายคนเฝ้าค้นหา นั่นเป็นเพราะว่าสิวนอกจากจะทำให้ใบหน้าของสาวๆและชายหนุ่มดูหม่นหมองเป็นรอยแดงจุดๆแล้ว ยังทำให้เกิดอาการเจ็บตามเม็ดสิว หรือที่เรียกง่ายๆว่า สิวอักเสบ จากสาเหตุเพียงไม่กี่ข้อ จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมสิวถึงเป็นปัญหาโลกแตก
การรักษาสิวนั้นมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน ทั้งใช้วิธีทายา กินยา ฉีดสิวและยิงเลเซอร์ ซึ่งแต่ละวิธีนั้นก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน นั่นก็คือการรักษาและขจัดสิวให้หมดไป และแต่ละวิธีนั้นก็มีราคาแตกต่างกันไป โดยในส่วนของบทความนี้จะมาชี้แนะในส่วนของยารักษาสิวว่ามีกี่ประเภท และมีอะไรบ้าง

 

ยาประเภททาน
1. ยาปฏิชีวนะ แบ่งออกได้เป็น 3 ชนิดคือ

  • Tetracycline เป็นยารักษาสิวที่นิยมใช้รักษาสิวมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยจะใช้ในกลุ่มคนที่มีสิวมากและเป็นหนอง โดยเริ่มต้นที่ 500 – 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน เมื่อมีอาการดีขึ้นก็จะลดปริมาณของยาลง โดยตัวยานี้ไม่เหมาะกับเด็กและสตรีมีครรภ์
  • Erythromycin โดยยาตัวนี้ถูกคิดค้นมาเพื่อนคนที่แพ้ Tetracycline ซึ่งมีคุณสมบัติการรักษาสิวคล้ายๆกัน
  • Minocycline Doxycycline เป็นยาสังเคราะห์กลุ่ม Tetracycline ห้ามใช้กับสตีมีครรภ์เช่นกัน 


2. ฮอร์โมน แบ่งได้เป็น 2 ชนิดคือ

  • Estrogen เป็นฮอร์โมนที่ออกฤทธิ์ต้านฮอร์โมแอนโดรเจน ทำให้มีการสร้างไขมันลดลง แต่ต้องระวังการใช้เพราะอาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมได้
  • ยาคุมกำเนิด หลายคนมักจะใช้ยาตัวนี้เป็นยารักษาสิวแทน เป็นวิธีที่นิยมใช้มากกว่า Estrogen เพราะมีความเสี่ยงต่อผลค้างเคียงน้อยกว่าและค่อนข้างต่ำ แต่บางครั้งก็อาจจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนคัดหน้าอก 

3. Steroid จะนิยมใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นสิวมาก ควรใช้ในระยะเวลาสั้น หากใช้เยอะจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้
4. Isotretinoin เป็นยาที่ใช้ต่อสิวที่ออกอาการดื้อยา เหมาะสำหรับใช้รักษาสิวหัวช้าง โดยยาตัวนี้จะทำให้ไขมันและเชื้อแบคทีเรียลดลง จึงทำให้ไม่เกิดสิว แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ว่ายาตัวนี้มีผลข้างเคียงค่อนข้างมาเช่น ทำให้ปากแห้งผิวแตกแห้ง ผมร่วงปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ และถ้าใช้ในสตรีมีครรภ์ก็อาจจะทำให้แท้งได้ ยานี้จึงไม่แนะนำให้ซื้อใช้ด้วยตัวเองโดยปราศจากการแนะนำของแพทย์ อีกทั้งยาตัวนี้ยังต้องอาศัยการคุมกำเนิด หากต้องการตั้งท้องให้หยุดทานยานี้ เป็นเวลา 1 เดือน

 

ยาประเภททาภายนอก
1. ยาทาปฏิชีวนะ

  • Azelic acid ยานี้จะอยู่ในรูปแบบครีม ซึ่งต้องใช้หลายสัปดาห์จนบางครั้งอาจจะกินเวลาร่วมเดือนกว่าจะเห็นผล
  • Erythromycin solution 1-4% ออกฤทธิ์โดยการต้านแบคทีเรียและมามารถลดอาการอักเสบได้ เมื่อใช้ร่วมกับ Benzoyl peroxide จะยิ่งทำให้เห็นผลดียิ่งขึ้น
  • Sulfonamide เป็นยาที่อยู่ในรูปของสารละลาย
  • Benzoyl peroxide เป็นยาที่จะช่วยละลายไขมัน และเซลที่อุดตัน ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งบางคนอาจจะแพ้ตัวยานี้ 

2. อนุพันธ์ของกรดวิตามินเอ Tretinoin เป็นยารักษาสิวแบบทาค่อยข้างดี โดยตัวยานี้เป็นยาละลายขุยซึ่งอยู่ในรูปแบบของครีมหรือเจลที่มีความเข้มข้น 0.01 – 0.1% ซึ่งบางครั้งอาจจะก่อให้เกิดอาดารระคายเคืองผิวหนังทำให้เป็นรอยแดง แห้ง และลอกเป็นขุย ดังนั้นจึงต้องทาในขนาดที่มีความเข้มข้นต่ำ
    นี่คือกลุ่มยารักษาสิวที่นิยมใช้กัน มีทั้งแบบทาและแบบรับประทาน ซึ่งต้องไปศึกษาข้อมูลดีๆก่อนจะนำใช้ยาเหล่านี้ เพราะแต่ละคนก็แพ้ตัวยาไม่เหมือนกัน ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ยารักษาสิว เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่ไม่น่าพึงประสงค์ที่จะตามมา เพราะไม่เช่นนั้นแทนที่จะได้รักษาสิว อาจจะได้ความระคายเคืองใบหน้ามาแทนก็เป็นได้

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

รีวิว ครีมแต้มสิวตัวไหนดีที่สุด?

ครีมแต้มสิว คือ ผลิตภัณฑ์รักษาสิวในรูปแบบของเนื้อครีม โดยมีส่วนผสมของยารวมไปถึงสารสกัดต่างๆ ที่มีประสิทธิภาพช่วยในการรักษาสิว หรือรักษารอยด่างดำจากสิว ซึ่งครีมแต้มสิวเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีสำหรับคุณสาวๆ ที่ต้องการจะกำจัดปัญหาเรื่องสิวออกไปจากใบหน้า ด้วยราคาที่ไม่แพง หาซื้อได้ง่าย และยังเป็นการจัดการกับปัญหาเรื่องสิวได้อย่างง่ายๆด้วยตัวเอง

ซึ่งในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ครีมแต้มสิวขายอยู่ในท้องตลาดมากกมายหลายยี่ห้อ โดยมีตั้งแต่ราคาไม่เกิน 100 บาท ไปจนถึงราคาหลายร้อยบาท แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจเลือกซื้อครีมแต้มสิว ควรจะพิจารณาในเรื่องของประสิทธิภาพในการรักษาสิวมากกว่าเรื่องราคา

สำหรับคุณสาวๆ ที่ยังเกิดความลังเลว่าควรจะเลือกซื้อครีมแต้มสิวยี่ห้อไหนดีอยู่นั้น สำหรับในวันนี้จะขอพาไปแนะนำครีมแต้มเพื่อรักษาสิวที่ได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน ว่ามีอะไรกันบ้าง?

มารู้จักกับยาแต้มสิวกันก่อนดีกว่า

ก่อนจะเริ่มที่จะซื้อครีมแต้มสิวมาใช้ ควรมาทำความรู้จักกับยาแต้มสิวกันก่อนสักเล็กน้อย โดยยาแต้มสิวสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท ดังต่อไปนี้

1.ยาทารักษาสิวชนิดฆ่าเชื้อแบคทีเรีย โดยทำการยังยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นต้นเหตุของสิว ยาทาชนิดดังกล่าวจะอยู่ในกลุ่มยาปฏิชีวนะ เช่น Clindamycim, Erythromycin, Metronidazole

2.ยาทารักษาสิวชนิดผลัดผิวเซลล์ เป็นยาที่ช่วยลดการอุดตันของสิว ทำให้สิวมีขนาดที่เล็กลง พร้อมกับละลายไขมันอุดตัน เป็นยาทาที่อยู่ในกลุ่มวิตามิน A กลุ่ม AHA และ AHB กลุ่ม Azelaic Acid ซึ่งจะมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรคด้วย รวมไปถึงยาทารักษาสิวในกลุ่ม Benzoyl

3. ยาทาชนิดลดการอักเสบของสิว ใช้เพื่อลดอาการอักเสบบวมแดงของสิว ได้แก่ ยาทารักษาสิวกลุ่ม Steroids ซึ่งควรใช้เพียงรักษาสิวให้หายแล้วหยุดทันที เพราะหากใช้นานจนเกินไปอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อผิวขึ้น

4. ยาทารักษาสิวกลุ่มอื่นๆ ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยทำให้หัวสิวแห้ง ลดรอยแดงของสิว และทำให้รอยดูจางลง อาทิ เช่น Resorcinol, Licorice Extract PU40, Vitamin B3, Sulfate, Zinc Oxide เป็นต้น

ยาทาสิว และครีมแต้มสิวที่ได้รับความนิยมใน Pantip

สำหรับยาหรือครีมแต้มสิวที่ได้รับความนิยม และได้รับการแนะนำให้ใช้จากทั้งกูรูด้านความงาม รวมไปถึงสมาชิกภายในเว็บบอร์ดของ Pantip ว่าสามารถใช้ได้ผลในการรักษาสิวอย่างดีเยี่ยม ซึ่งได้ทำการรวบรวมมา มีดังต่อไปนี้

1. Clinda M ตัวยาจะอยู่ในรูปแบบของน้ำใสๆ ใช้แต้มบริเวณที่เป็นสิวหนอง หรือสิวอักเสบจะช่วยในการฆ่าเชื้อสิว และทำให้สิวแห้งหายไวมากขึ้น ควรล้างหน้าให้สะอาดและเช็ดให้แห้งก่อนทา

2. Benzac AC เป็นยา Benaoyl Peroxide มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรค P.acne :ซึ่งเป็นสาเหตุของสิวอักเสบอย่างได้ผล มีความเข้มข้นของยาตั้งแต่ 2.5% ,5 % และ 10% แนะนำให้ใช้ความเข้มข้นเพียง 2.5% ก็เพียงพอแล้ว ถ้าหากใช้ไม่ได้ผลค่อยเพิ่มระดับความเข้มข้นให้มากขึ้น ใช้สำหรับแต้มสิวก่อนนอน สำหรับสิวเม็ดเล็กๆ ในตอนเช้าก็จะยุบ แต่ถ้าหากเป็นสิวเม็ดใหญ่ๆ หรือสิวหัวช้าง อาจต้องใช้เวลาในการรักษาประมาณ 1-2 สัปดาห์ ถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน

3. Smooth E Acne Hydro Gel มีลักษณะเป็นเนื้อเจลสีขาวขุ่น มีฤทธิ์ในการกำจัดเชื้อแบคทีเรีย ใช้ได้กับสิวอักเสบ และสิวอุดตัน เมื่อใช้แล้วสิวจะแห้งลอกหลุดออกเหมือนกับสะเก็ดแผล

4. Clindalin Gel เป็นเจลเนื้อใส เมื่อแต้มหัวสิว หรือสิวอักเสบเป็นประจำ สิวจะยุบตัวลงได้เป็นอย่างดี

5. Acnevir Adult Formula Acne & Redness Relief Gel ช่วยลดรอยแดงจากสิว รักษาสิวอุดตันสิวอักเสบ โดยมีส่วนผสมของ salicylic acid สำหรับยาแต้มสิวตัวนี้ค่อนข้างจะหาซื้อยากสักหน่อย เนื่องจากเป็นสินค้านำเข้าจากอเมริกา

6. Mint julep Masque เป็นมินส์มาร์คหน้า ที่มีสรรพคุณในการช่วยเรื่องสิวอักเสบ และเมื่อพอกบ่อยๆสิวจะลดลง ยังสามารถนำไปใช้แต้มหัวสิว ทำให้สิวอักเสบยุบลงและแห้งไวมากขึ้น สิวเสี้ยนลดลง รูขุมขนกระชับมากขึ้น

7. Joa cream pack สามารถช่วยในการรักษาสิวที่อักเสบ โดยทาทิ้งเอาไว้ 5-10 นาที ในตอนเช้าหรือจะแต้มหัวสิวเอาไว้ก่อนนอนก็ได้

8. Rentin-A เป็นกรดวิตามินเอ มีลักษณะเป็นครีม สามารถรักษาสิวได้ดี แต่จะทำให้ผิวหนังมีความไวต่อแสงมากขึ้น ดังนั้นควรที่จะทาก่อนนอน และไม่ควรทาบนหัวสิวอักเสบ เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้น ไม่เหมาะกับคนที่มีสภาพผิวที่แพ้ง่าย ควรใช้ระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น

9. Fucidin เหมาะสำหรับการใช้แต้มเพื่อรักษาสิวอักเสบเท่านั้น เนื่องจากเป็นยาปฏิชีวะนะที่มีฤทธิ์ในการต้อต้านเชื้อแบคทีเรีย

10. Differin เป็นกรดวิตามินเอ ในรูปแบบของเจล ใช้ทาปริมาณเล็กน้อยเฉพาะหัวสิว สามารถรักษาสิวอุดตันได้เป็นอย่างดี ไม่ควรทาในบริเวณที่เป็นสิวอักเสบ และเป็นครีมที่มีความไวต่อแสง ดังนั้นควรทาหลังจากการอาบน้ำในช่วงเย็นเท่านั้น

11. ผงวิเศษ เป็นยาแต้มสิวแบบพื้นบ้าน โดยการผสมผงวิเศษเข้ากับมะนาว หรือไพลกับน้ำสะอาด แล้วนำไปพอกลงบนหัวสิว

 นอกจากครีมแต้มสิว ที่ได้ทำการแนะไปแล้วในข้างต้น การรักษาสิวแบบเฉพาะจุดอย่างรวดเร็วนั้น ยังสามารถทำได้ด้วยการใช้เวชสำอาง ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้ในการรักษาสิวบนใบหน้าที่ต้องการความ่อ่อนโยนสูงโดยเฉพาะ สำหรับในวันนี้ ผู้เขียนก็มีผลิตภัณฑ์เวฃสำอางที่มีประสิทธิภาพดีเยี่ยมในการดูแล รักษาสิวโดยเฉพาะนำเข้าจากประเทศเกาหลี  ซึ่งเป็นหนึ่งในเคล็ดลับในการรักษาสิวอย่างรวดเร็วของสาวๆชาวเกาหลี มาแนะนำให้กับผู้อ่านได้รู้จักกัน

 

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.