กดสิว อย่างไร ไม่ให้หน้าเสีย วิธีกดสิวให้สิวหาย

         คุณกำลังประสบปัญหาสิวกันอยู่ใช่หรือไม่ คำถามต่อมาก็คือคุณกำลังคันไม้คันมืออยากบีบสิวใช่หรือไม่ ถ้าคำตอบคือใช่ วันนี้เรามีวิธีกดสิวที่จะไม่ทำให้ผิวหน้าแสนบอบบางเสีย หรือไม่ให้เกิดเป็นรอยดำช้ำมานำเสนอ ทั้งนี้ อาจทำให้เกิดรอยแดงๆเล็กน้อย ทว่ามันคือวิธีกดสิวที่ทำให้สิวหายไปโดยพลัน

ข้อดีและข้อเสียของการกดสิว
         คุณที่เคยกดสิวเป็นประจำคงสงสัยว่าทำไมบางครั้งไปกดสิวไปแล้ว สิวที่เคยอีกเสบบวมแดง เมื่อผ่านช่วงเวลาแค่ข้ามคืน สิวก็จะแห้งเกลี้ยง ในทางตรงกันข้ามบางทีกดสิวไปแล้ว ยิ่งเป็นการทำให้สิวอักเสบมากขึ้น แถมยังเห่อตามมาอีกด้วย นี่แหละคือสิ่งที่บอกได้ว่าการกดสิวมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
         ข้อดีคือ การกดสิวจะทำให้หัวสิวหลุดออกมา ถ้าทำอย่างถูกวิธีจะช่วยแก้ปัญหาสำหรับผู้ที่มีผิวมันและมีสิวอุดตันเยอะ ซึ่งโอกาสที่หัวสิวจะหลุดไปเองนั้นยากกว่าผิวแห้ง เพราะน้ำมันใต้ผิวจะผลิตตลอดเวลา ทำให้เกิดปัญหาสิวอุดตันซ้ำๆไม่มีวันจบสิ้น

         สำหรับข้อเสีย ถ้ากดสิวไม่ดี กดผิดถูกวิธี กดไม่หมด หรืออุปกรณ์ที่ใช้กดสิวไม่สะอาดพอ สิวอุดตันเม็ดเล็กๆก็จะกลับกลายเป็นสิวอักเสบเม็ดโต ทำให้ยากต่อการรักษาเข้าไปอีก เพราะฉะนั้นหากใครอยากกดสิว ถ้ามีทุนทรัพย์และเวลาว่างพอ แนะนำให้กดกับผู้เชี่ยวชาญหรือไปตามคลินิค เพราะแทนที่จะกดสิวให้สิวหาย อาจได้หน้าพังมาแทน

วิธีกดสิวที่ถูกต้อง
         ต้องบอกก่อนเลยว่าการกดสิวด้วยตัวเองไม่ได้เหมาะกับทุกคน โดยจะเหมาะคนที่เป็นสิวไม่มากนัก และคนที่เป็นสิวหัวเปิด สิวหัวดำ สิวหัวปิดหัวขาว หรือสิวอักเสบบางกรณี ทั้งนี้ ต้องรู้จักคาดการณ์ด้วยตัวเองว่าสิวที่กำลังเปล่งอยู่นั้น ถ้ากด บีบ ออกมาแล้วผลจะออกมาทางบวกหรือทางลบมากกว่ากัน ถ้าไม่มั่นใจจริงๆควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มิใช่เห็นแล้วรู้สึกมันมือจึงกด บีบ เค้น กรณีแบบนี้อาจทำให้หน้าพัง เกิดรอยแผลเป็น ซึ่งใช้เวลานานกว่าจะหาย
         สำหรับคนที่มั่นใจแล้วว่าจะกดสิวด้วยตัวเอง อุปกรณ์ที่ต้องใช้ ได้แก่ 1.ไม้กดสิวแสตนเลส (สามารถหาซื้อตามร้านขายยา หรือร้านขายเครื่องมือแพทย์) 2.แอลกอฮอล์ 3.สำลี 4.เข็มอินซูลิน (ขนาด 50 unit ซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป) 5.น้ำเกลือ และน้ำอุ่น ทั้งนี้ หากสวมถุงมือเหมือนที่คุณหมอใช้ ก็จะเป็นการดี ทีนี้ก็เริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการกดสิว

         – ล้างทำความสะอาดไม้กดสิว และนำไปแช่ในแอลกอฮอล์ ส่วนเข็มอินซูลินถ้าใช้ครั้งแรกก็ไม่จำเป็นต้องแช่ (ไม่ควรใช้เกิน 3-5 ครั้ง) แช่สักประมาณ 10 นาที แล้วนำสำลีมาซับให้แห้ง
         – ล้างทำความสะอาดใบหน้า และเช็ดโทนเนอร์ให้ทั่วผิวหน้า
         – นำสำลีชุบน้ำอุ่นมาวางแปะไว้บริเวณที่กด ประมาณ 2-3 นาที เพื่อให้รูขุมขนเปิด รากสิวจะอ่อนตัว ทำให้สามารถกดสิวออกได้ง่ายขึ้น
         – ดูชนิดสิว ถ้าเป็นสิวหัวเปิด เช่น สิวหัวดำ สามารถเอาไม้กดสิวกดได้เลย แต่ถ้าเป็นสิวหัวปิด เช่น สิวอุดตัน หรือสิวหัวหนอง ให้เอาเข็มอินซูลินสะกิด (ห้ามเจาะหรือจิ้มจนเกิดแผลเด็ดขาด) บริเวณหัวสิว จะไม่รู้สึกเจ็บ หลังจากสะกิดแล้วค่อยๆเอาไม้กดสิวกดตามลงไป หากกดสิวแล้วเลือดซึมให้นำสำลีชุบน้ำเกลือ หรือสำลีปกติกดห้ามเลือดไว้ รอสักพักให้ทายาสิวทับ (ถ้ามี)
         สำหรับเทคนิคการกดสิว ให้เอาแท่งคร่อมหัวสิวแล้วกด หรือเอาแท่งกดสิวทำมุม 45 องศากับสิวแล้วกดจากด้านข้าง ที่สำคัญคือค่อยๆกดอย่างเบามือ อย่ากดสิวแรง จะได้ไม่เกิดรอยช้ำในวงกว้าง และไม่เกิดรอยแผลเป็นตามมา

 

รักษาสิวด้วย Dr.Young Sprinkling Gel Cream ปรับสภาพผิว คืนความชุ่มชื้น
         ผลิตภัณฑ์ Dr.Young Sprinkling Gel Cream มีคุณสมบัติที่ช่วยในการบำรุงผิว คืนความชุ่มชื้นให้กับผิว พร้อมกับปรับสภาพผิวให้สมบูรณ์อยู่ตลอดทั้งวัน ด้วยการผสมผสานส่วนผสมที่โดดเด่นในการช่วยบำรุงผิวพรรณ จากน้ำแร่ธรรมชาติแท้ๆจากเทือกเขา Alps ผนวกกับสารสกัดจากกระบองเพชร ช่วยในการรักษาความชุ่มชื้นเอาไว้ให้กับผิวได้เป็นระยะเวลานาน ลดความหยาบกร้านของผิว ทั้งยังช่วยทำให้ผิวหนังกระจ่างใสและนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น
         นอกจากนี้ ยังมีสารสกัดจากว่านหางจระเข้ และ Hyaluronic Acid ช่วยทำให้กระบวนการเมตะโบลิของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระตุ้นให้เนื้อเยื่อของผิวหนังที่ชำรุดเกิดการสร้างตัวเองขึ้นใหม่ จัดการปัญหาสิว ลดริ้วรอย ทำให้ผิวมีความกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น ช่วยลดการสร้างอนุมูลอิสระ และช่วยกรองรังสียูวี ช่วยปกป้องฟื้นฟูปรับสภาพผิวให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์และมีอุณหภูมิที่เหมาะสม

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

รอยแผลเป็น รักษาให้หายได้ ด้วยครีมรักษา รอยแผลเป็น

         ปัญหาเรื่องผิวพรรณนั้นมีมากมาย ที่พบเจอกันมากก็อย่างเช่น ปัญหาสิว ผดผื่นคัน ริ้วรอยแห่งวัย รอยแตกลาย เป็นต้น และอีกหนึ่งปัญหาที่มักเจอบ่อยไม่แพ้กันก็คือ “รอยแผลเป็น” เนื่องจากมันเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งรอยแผลเป็นจากสิว อีสุกอีใส อุบัติเหตุต่างๆที่ทำให้เป็นแผล หรืออาจเกิดจากการที่เคยเย็บแผลมาก่อน ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้เกิดรอยแผลเป็นบนผิวหนังได้ทั้งสิ้น แล้วเมื่อเกิดปัญหาผิวนี้เราจะสามารถรักษาให้หายได้หรือไม่ อย่างไร รวมถึงรอยแผลเป็นมีกี่ประเภท วันนี้เรามาหาคำตอบกัน

ประเภทของรอยแผลเป็น และการรักษา
        1.รอยดำ บางคนจะเหมารวมว่ารอยดำที่เกิดขึ้นหลังสิวหายหรือแผลหาย แล้วทิ้งรอยดำๆเอาไว้ว่าเป็นรอยแผลเป็น จริงๆแล้วมันเป็นแค่รอยดำ ที่เกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสีทำงานมากเกินไป เนื้อเยื่อผิวหนังไม่ได้เสียหาย จึงไม่ใช่รอยแผลเป็นที่รุนแรง รอยดำพวกนี้ส่วนใหญ่ถ้าไม่รักษา มักจะจางหายไปได้เองภายในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน และสามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาทา ทำทรีทเมนต์ผลักตัวยาลดเม็ดสี และใช้เลเซอร์กลุ่ม Q switched ND YAG (RM Laser) รวมทั้งการทารีมกันแดดสม่ำเสมอก็จะทำให้รอยดำจางเร็วขึ้น
        2.รอยแผลเป็นแท้ๆ เกิดจากการบาดเจ็บที่รุนแรงในชั้นหนังแท้ ทำให้คอลลาเจนเสียหาย เมื่อร่างกายซ่อมแซม ก็จะเกิดรอยแผลเป็น ซึ่งบางคนอาจต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิต แบ่งเป็น

        2.1 แผลเป็นปกติ เมื่อแผลหายจะยังคงเห็นเป็นรอย ซึ่งอาจจะมีสีซีด หรือเข้มกว่าผิวหนังปกติรอบๆรอยก็ได้
        2.2 แผลเป็นนูน เกิดจากร่างกายสร้างเนื้อเยื่อออกมาซ่อมแซมบาดแผลมากเกินไป โดยจะทั้งรอยแผลเป็นแบบ Hypertrophic scar หรือเนื้อเยื่อที่ถูกสร้างขึ้นมานูนใหญ่กว่าปกติ แต่ไม่ขยายออกนอกรอยแผลเดิม และรอยแผลเป็นแบบ Keloid ที่นอกจากจะนูนใหญ่มากกว่าปกติแล้วยังขยายลุกลามออกจากรอยแผลเดิมด้วย และอาจเกิดการดึงรั้ง ส่วนใหญ่มักจะเกิดบริเวณใบหู คาง หน้าอก หัวไหล่ มักจะเกิดในผู้ที่ประวัติครอบครัวมีภาวะนี้
        การรักษารอยแผลเป็นดังกล่าวนี้ อาจใช้วิธีการฉีดยาเพื่อรักษาคีลอยด์ หรือการใช้นวัตกรรมอื่นๆที่สามารถเข้ารับการรักษาได้ตามคลินิคผิวหนัง หลังจากรักษาแล้วจะทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น แต่บางรายก็อาจช่วยได้ไม่มาก ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความรุนแรงของรอยแผลเป็น
        3.รอยแผลเป็นหลุม หรือรอยแผลเป็น depressed เกิดจากการที่เนื้อเยื่อผิวหนังถูกทำลายเสียหาย และไม่เกิดการซ่อมแซมที่เพียงพอ หรืออาจเกิดพังผืดในชั้นผิวดึงรั้งใหเกิดการยุบตัวลงมา ทำให้สุดท้ายเกิดเป็นรอยแผลเป็นหลุมขึ้น ส่วนใหญ่มักเกิดที่ใบหน้า ที่พบมากสุดเลยก็คือรอยแผลจากสิวนั่นเอง
        การรักษารอยแผลเป็นหลุมนิยมใช้ laser ยิงกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ โดยทำให้เกิดความร้อนที่ใต้ชั้นผิวหนังชั้นลึก เรียกว่า Photothermolysis ส่งผลให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวหนังเรียบเนียนกระชับมากขึ้น แผลเป็นและหลุมสิวตื้นขึ้น ริ้วรอยและจุดด่างดำแลดูจางลง ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับเครื่องไม้เครื่องมือของแต่ละที่ด้วย บางครั้งอาจทำให้เกิดแผลตกสะเก็ดได้

        รอยแผลเป็น เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อยากเจอ ดังนั้น ควรดูแลเอาใจใส่ผิวอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิวโดยเฉพาะผักผลไม้ เพราะสารอาหารจะช่วยฟื้นบำรุงผิวให้สุขภาพดีอยู่เสมอ เมื่อเป็นสิวหรือเป็นแผลก็จะทำให้รอยดำรอยแดงหายไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้น ยังควรทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ให้ผิวสดใส อ่อนกว่าวัยอย่างที่ทุกคนต้องการ
        ทั้งนี้ หากเกิดรอยแผลที่รุนแรง เมื่อแผลเริ่มหายใหม่ๆ ควรทำการนวดหรือการกดบริเวณนั้นเบาๆ โดยการนวดอย่างสม่ำเสมอในระยะประมาณ 3-6 เดือนแรก จะช่วยให้รอยแผลเป็นลดการขยายตัวและนูนได้ แต่ในกรณีที่เป็นแผลขนาดใหญ่ เช่น แผลเป็นที่เกิดจากไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก อาจจำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องมือพิเศษตามที่แพทย์แนะนำ

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.