รอยแผลเป็น รักษาให้หายได้ ด้วยครีมรักษา รอยแผลเป็น

         ปัญหาเรื่องผิวพรรณนั้นมีมากมาย ที่พบเจอกันมากก็อย่างเช่น ปัญหาสิว ผดผื่นคัน ริ้วรอยแห่งวัย รอยแตกลาย เป็นต้น และอีกหนึ่งปัญหาที่มักเจอบ่อยไม่แพ้กันก็คือ “รอยแผลเป็น” เนื่องจากมันเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งรอยแผลเป็นจากสิว อีสุกอีใส อุบัติเหตุต่างๆที่ทำให้เป็นแผล หรืออาจเกิดจากการที่เคยเย็บแผลมาก่อน ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้เกิดรอยแผลเป็นบนผิวหนังได้ทั้งสิ้น แล้วเมื่อเกิดปัญหาผิวนี้เราจะสามารถรักษาให้หายได้หรือไม่ อย่างไร รวมถึงรอยแผลเป็นมีกี่ประเภท วันนี้เรามาหาคำตอบกัน

ประเภทของรอยแผลเป็น และการรักษา
        1.รอยดำ บางคนจะเหมารวมว่ารอยดำที่เกิดขึ้นหลังสิวหายหรือแผลหาย แล้วทิ้งรอยดำๆเอาไว้ว่าเป็นรอยแผลเป็น จริงๆแล้วมันเป็นแค่รอยดำ ที่เกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสีทำงานมากเกินไป เนื้อเยื่อผิวหนังไม่ได้เสียหาย จึงไม่ใช่รอยแผลเป็นที่รุนแรง รอยดำพวกนี้ส่วนใหญ่ถ้าไม่รักษา มักจะจางหายไปได้เองภายในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน และสามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาทา ทำทรีทเมนต์ผลักตัวยาลดเม็ดสี และใช้เลเซอร์กลุ่ม Q switched ND YAG (RM Laser) รวมทั้งการทารีมกันแดดสม่ำเสมอก็จะทำให้รอยดำจางเร็วขึ้น
        2.รอยแผลเป็นแท้ๆ เกิดจากการบาดเจ็บที่รุนแรงในชั้นหนังแท้ ทำให้คอลลาเจนเสียหาย เมื่อร่างกายซ่อมแซม ก็จะเกิดรอยแผลเป็น ซึ่งบางคนอาจต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิต แบ่งเป็น

        2.1 แผลเป็นปกติ เมื่อแผลหายจะยังคงเห็นเป็นรอย ซึ่งอาจจะมีสีซีด หรือเข้มกว่าผิวหนังปกติรอบๆรอยก็ได้
        2.2 แผลเป็นนูน เกิดจากร่างกายสร้างเนื้อเยื่อออกมาซ่อมแซมบาดแผลมากเกินไป โดยจะทั้งรอยแผลเป็นแบบ Hypertrophic scar หรือเนื้อเยื่อที่ถูกสร้างขึ้นมานูนใหญ่กว่าปกติ แต่ไม่ขยายออกนอกรอยแผลเดิม และรอยแผลเป็นแบบ Keloid ที่นอกจากจะนูนใหญ่มากกว่าปกติแล้วยังขยายลุกลามออกจากรอยแผลเดิมด้วย และอาจเกิดการดึงรั้ง ส่วนใหญ่มักจะเกิดบริเวณใบหู คาง หน้าอก หัวไหล่ มักจะเกิดในผู้ที่ประวัติครอบครัวมีภาวะนี้
        การรักษารอยแผลเป็นดังกล่าวนี้ อาจใช้วิธีการฉีดยาเพื่อรักษาคีลอยด์ หรือการใช้นวัตกรรมอื่นๆที่สามารถเข้ารับการรักษาได้ตามคลินิคผิวหนัง หลังจากรักษาแล้วจะทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น แต่บางรายก็อาจช่วยได้ไม่มาก ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความรุนแรงของรอยแผลเป็น
        3.รอยแผลเป็นหลุม หรือรอยแผลเป็น depressed เกิดจากการที่เนื้อเยื่อผิวหนังถูกทำลายเสียหาย และไม่เกิดการซ่อมแซมที่เพียงพอ หรืออาจเกิดพังผืดในชั้นผิวดึงรั้งใหเกิดการยุบตัวลงมา ทำให้สุดท้ายเกิดเป็นรอยแผลเป็นหลุมขึ้น ส่วนใหญ่มักเกิดที่ใบหน้า ที่พบมากสุดเลยก็คือรอยแผลจากสิวนั่นเอง
        การรักษารอยแผลเป็นหลุมนิยมใช้ laser ยิงกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ โดยทำให้เกิดความร้อนที่ใต้ชั้นผิวหนังชั้นลึก เรียกว่า Photothermolysis ส่งผลให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวหนังเรียบเนียนกระชับมากขึ้น แผลเป็นและหลุมสิวตื้นขึ้น ริ้วรอยและจุดด่างดำแลดูจางลง ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับเครื่องไม้เครื่องมือของแต่ละที่ด้วย บางครั้งอาจทำให้เกิดแผลตกสะเก็ดได้

        รอยแผลเป็น เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อยากเจอ ดังนั้น ควรดูแลเอาใจใส่ผิวอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิวโดยเฉพาะผักผลไม้ เพราะสารอาหารจะช่วยฟื้นบำรุงผิวให้สุขภาพดีอยู่เสมอ เมื่อเป็นสิวหรือเป็นแผลก็จะทำให้รอยดำรอยแดงหายไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้น ยังควรทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ให้ผิวสดใส อ่อนกว่าวัยอย่างที่ทุกคนต้องการ
        ทั้งนี้ หากเกิดรอยแผลที่รุนแรง เมื่อแผลเริ่มหายใหม่ๆ ควรทำการนวดหรือการกดบริเวณนั้นเบาๆ โดยการนวดอย่างสม่ำเสมอในระยะประมาณ 3-6 เดือนแรก จะช่วยให้รอยแผลเป็นลดการขยายตัวและนูนได้ แต่ในกรณีที่เป็นแผลขนาดใหญ่ เช่น แผลเป็นที่เกิดจากไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก อาจจำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องมือพิเศษตามที่แพทย์แนะนำ

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

วิธีลบรอยแผลเป็นบนใบหน้า ให้ผิวสวยเรียบเนียน

         ใบหน้าเนียนใสไร้สิวเป็นสิ่งที่ทุกคนปราถนา นอกจากนั้นยังหมายรวมไปถึงการที่ผิวพรรณบนใบหน้าปราศจากรอยแผลเป็นที่ทำให้ผิวขรุขระ แลดูไม่เรียบเนียนด้วย ทั้งนี้ ในบางคนอาจมีรอยแผลเป็นบนใบหน้าได้ เนื่องจากการเกิดสิวขั้นรุนแรง (มักมีการแคะ แกะ เกา บีบสิว) ซึ่งจะทำให้ผิวช้ำ อักเสบจนเป็นแผลได้ รวมถึงบางคนเกิดจากโรคอีสุกอีใสที่ทิ้งร่องลอยหลังจากหายแล้วมานานหลายปี การเกิดอุบัติเหตุที่เกิดแผลบนใบหน้าหรือการเย็บเนื้อที่หน้าก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดรอยแผลเป็น
         ทีนี้เมื่อเกิดรอยแผลเป็นบนใบหน้าจะทำอย่างไร ส่วนใหญ่มักหันไปพึ่งคลินิคหรือพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยตรง ซึ่งก็เป็นวิธีที่ถูกต้อง เพราะในบางกรณีมีอาการแผลเป็นรุนแรง ยากที่จะรักษาด้วยตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่หมอจะแนะนำให้ใช้วิธีลบรอยแผลเป็น รอยขรุขระบนใบหน้า ดังนี้

 

วิธีลบรอยแผลเป็น รอยขรุขระบนใบหน้า
         1.การใช้ยาทา แพทย์อาจพิจารณาใช้ยาทาในกรณีที่เป็นไม่มากนัก หรือใช้ร่วมกับวิธีอื่นๆ ยาที่ใช้มักเป็นยาในกลุ่มวิตามินเอ โดยตัวยาจะไปกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ ทำให้รอยแผลตื้นขึ้น
         2.การจี้ด้วยน้ำยา TCA เพื่อกระตุ้นให้รอยแผลมีการสร้างเซลล์ หลังการจี้จะเกิดสะเก็ดดำๆอยู่ประมาณ 1 สัปดาห์ แล้วจึงหลุดไปเอง ซึ่งระหว่างนี้ห้ามแคะ แกะ เกาเป็นอันขาด
         3.ไอออนโต (IONTO) เป็นการใช้กระแสไฟฟ้าขับตัวยา ซึ่งนิยมใช้คือกลุ่มวิตามินเอ เข้าไปในผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการสร้างใยคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ เพื่อให้รอยบุ๋มตื้นขึ้น
         4.รักษาด้วยโฟโน (PHONO) เป็นการใช้คลื่นเสียงขับตัวบาเข้าไปในผิวหนัง โดยใช้ยาในกลุ่มวิตามินเอบำรุง และสร้างคอลลาเจนให้แก่ชั้นผิว ลบรอยแผลเป็น รอยขรุขระบนใบหน้าได้
         5.รักษาด้วยวิธี MD (MICRO DERMABRASION) เป็นการผลัดผิวใหม่โดยใช้เครื่องมือพ่นผลคริสตัลลงไปยังผิวหน้า เพื่อขัดผิวส่วนคราบไคลและหนังกำพร้าชั้นบนออกไป แล้วจึงใช้ตัวยาเร่งการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทน วิธีนี้ช่วยลบรอยแผลเป็นได้ดี และช่วยให้รอยบุ๋มตื้นขึ้น
         6.กรอแผลโดยใช้เครื่องเลเซอร์ จะช่วยให้รอยบุ๋มตื้นขึ้น แต่ต้องใช้เวลาในการรักษาแผลค่อนข้างนาน จึงไม่ค่อยนิยมมากในปัจจุบัน
         7.การฉีดสารสังเคราะห์ โดยแพทย์จะฉีดสารสังเคราะห์ HA เข้าไปในรอยแผล เพื่อให้รอยแผลเต็มขึ้น เป็นการช่วยลบรอยแผลเป็น รอยขรุขระบนใบหน้าได้อีกวิธีหนึ่ง

 

ข้อควรปฏิบัติหลังจากรักษารอยแผลเป็นบนใบหน้า
         ประการแรกควรพยายามหลีกเลี่ยงแสงแดงจัดๆ เนื่องจากในระยะนี้ผิวจะไวต่อแสงแดดมาก ทางที่ดีควรทาครีมกันแดดเป็นประจำตามคำแนะนำของแพทย์ ประการต่อมาคือก่อนใช้ยาหรือเครื่องสำอางบางประเภทควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง อย่านำมาใช้เองโดยพลการ ที่สำคัญควรมาพบแพทย์ตามนัด เพื่อจะได้ทำการรักษาอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดี มีประสิทธิภาพสูงสุด
         ในการลบรอยแผลเป็น รอยขรุขระบนใบหน้าอาจเกิดผลข้างเคียงขึ้นได้บ้าง เนื่องจากตัวยาที่ใช้บางชนิด จะทำให้รู้สึกระคายเคืองต่อผิว บ้างก็ผิวลอกเป็นขุยเล็กน้อย บ้างผิวแดงง่ายขึ้นเวลาถูกแดดจัด ซึ่งแพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลหรือให้ยาเพื่อลดอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
         อย่างไรก็ดี การลบรอยแผลเป็นบนใบหน้าด้วยวิธีทั้งหลาย หมอผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้พิจารณาเองว่าสภาพผิวหน้าและความรุนแรงของแผลเป็นของแต่ละคนเหมาะสมที่จะใช้วิธีไหน ที่จะสามารถช่วยให้รอยแผลตื้นขึ้นและดีขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ รอยอาจจะไม่หายไปในทันทีทั้งหมด บางรายต้องใช้เวลานานพอสมควร ดังนั้น คนที่ต้องการลบรอยแผลเป็นบนใบหน้าต้องมีความอดทนเป็นเลิศ

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.