รู้หรือไม่ วิตามินอะไรบ้างที่ช่วยบำรุงผิวให้ขาว ได้อย่างรวดเร็ว ?

%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%94%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%81-1

วิตามิน เป็นสิ่งที่ช่วยในการปรับสุขภาพผิวให้ดีมากยิ่งขึ้นได้และเป็นธรรมชาติ ซึ่งจากผลการศึกษาและวิจัยทางโภชนาการ และทางวิทยาศาสตร์ทั่วโลกเองก็ ต่างมีผลลัพธ์ความเห็นสอดคล้องตรงกันว่า วิตามินรวมถึงแร่ธาตุต่างๆอย่างเหมาะสมนั้นมีประโยชน์มากมายในการรักษาสภาพผิวได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวส่วนวิตามินอะไรบ้างนั้นที่จะช่วยให้บำรุงผิว ได้รวดเร็วขึ้น สามารถติดตามอ่านบทความต่อจากนี้ได้เลยครับ

วิตามินอะไรบ้างที่ช่วยบำรุงผิวขาวได้อย่างรวดเร็ว

สำหรับวิตามิน อะไรบ้างนั้นที่จะสามารถช่วยในการเร่งทำให้ผิวขาวได้อย่างรวดเร็วนั้นมีอยู่หลากหลายชนิดแต่โดยหลักหลับแล้ววิตามินที่ช่วยบำรุงผิวให้ขาวได้อย่างรวดเร็วนั้นได้รับความนิยมทั่วโลก ในฐานะของวิตามินบำรุงผิวชั้นดีมีด้วยกัน 3 ชนิดได้แก่

1.) วิตามินเอ เป็นสารอาหารที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางทั่วโลกในหมู่ของผู้ที่รับดูแลผิวสุขภาพ เป็นอย่างดี อีกทั้งยังได้รับการยอมรับ ว่าสามารถช่วยในการรักษาสิวและโรคสะเก็ดเงินมากอย่างยาวนาน วิตามินเอ จึงได้รับการยอมรับว่าเป็นวิตามินที่ช่วยบำรุงผิวให้ขาวได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพในการช่วยแก้ไขผิวที่ประสบปัญหาด้านต่างๆ ด้วยคุณสมบัติสำคัญที่ส่งผลต่อ สรีระวิทยาของผิว ลดปัญหาต่างๆที่ทำลายผิวยับยั้งกิจกรรม ของต่อมไขมัน ซึ่งสามารถ ลดการกรอกปัญหาการเกิด สิวนั่นเอง
2.) สังกะสี แม้ว่าสังกะสี จะไม่ถูกเรียกว่าเป็นวิตามินก็ตามแต่สังกะสี เป็น แร่ธาตุที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในแง่ของสรีระวิทยา สังกะสีเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างโปรตีนหลาก หลายชนิด และเป็นใช้ควบคุมการแสดงออกของยีนได้ และช่วยในการสังเคราะห์โปรตีน รักษาแผล สังเคราะห์ DNA รวมไปถึงการแบ่งเซลล์ ต้านการอักเสบป้องกันรังสี UV ที่ทำร้ายผิว ได้อีกด้วย อีกครั้งผลวิจัยยังพบว่าสังกะสี สามารถช่วยลดปัญหาการเกิด สิวได้อีก ด้วย

3.) วิตามินซี วิตามินซีได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักกันมายาวนานหลากหลายศตวรรษ โดยมีบทบาทสำคัญในการควบคุมโปรตีนคอลลาเจนและมีโครงสร้างซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ ที่มีความจำเป็นสำหรับ เสถียรภาพภายนอกของเซลล์ผิว การเพิ่มวิตามินซีในอาหารหรือการได้รับวิตามินซีเพิ่มขึ้นในแต่ละวันมาก ขึ้นเป็นสิ่งที่สามารถช่วยทำให้ผิวของเรานั้นดีขึ้นได้มาก และผิวมีการรักษาตัวเองได้ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วยจากผลวิจัย และศึกษาอีกมากมายยังทำให้สังเกต เห็นว่าคนที่รับประทานวิตามินซีเป็นประจำนั้น จะมีสุขภาพที่ดีมากยิ่งขึ้นนอกจากสามารถลดรอยเหี่ยวย่นบนผิว ลดน้อยลงและสามารถทำให้ช่วย ขาวใส ขาวไว อีกด้วย

จากข้อมูลเบื้องต้นเราได้พบแล้วว่าวิตามินซีนั้น มีส่วนช่วยบำรุงผิวขาได้รวดเร็วอย่างไร การหาซื้อวิตามินซีราคาถูก และดีปลอดภัยมีอยนั้นไม่ยากเลยมีสินค้าหลากหลายผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดไทยให้เลือกอีกมากมาย ที่สามารถช่วยบำรุงผิวพรรณให้ขาวใสได้มากยิ่งขึ้น

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ผิว ขาวใส เร่งขาว ด้วย วิตามินซี ที่มี อย.ราคาถูก ปลอดภัย มีจริงหรือป่าว ?

vitaminc

เชื่อว่าสำหรับคนที่อยากมีผิวที่นุ่มเนียนน่าสัมผัสมาจากร่องรอยเหี่ยวย่น คงหนีไม่พ้น วิตามินซี ที่จะมาใช้ดูแลผิวพรรณของตัวเราเองในแต่ละวัน วิตามินซี นั้นสามารถหาซื้อได้ในรูปแบบสำเร็จรูปในราคาที่ย่อมเยาแต่อย่างไรก็ตามในท้องตลาด ณ ปัจจุบันมีการวางขาย วิตามินซี เป็นจำนวนมากครับเรียกได้ว่าใช้เวลาทั้งวันมานั่งวิเคราะห์สินค้าผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นเลยทีเดียวจนทำให้เสียเวลาเป็นอย่างมากและไม่จำเป็นสำหรับใครที่อยาก ขาวใสขาวไว ด้วย วิตามินซีราคาถูกที่ปลอดภัย แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าควรเลือกซื้อวิตามินซีแบบไหนเพื่อช่วยให้ขาวใสขาวไวและราคาถูกปลอดภัยอย่างไรนั้นเรามาดูบทความนี้กันเลยดีกว่าครับ

%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%94%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%81-1

              1).การเลือกวิตามินซีที่มาจากธรรมชาติ โดยทั่วไปแล้ววิตามินซีแบบสำเร็จรูปนั้นจะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ วิตามินซีที่สกัดจากธรรมชาติ และวิตามินซีที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นมา ซึ่งวิตามินซีที่ถูกสกัดมากจากธรรมชาตินั้น ร่างกายจะสามารถดูดซึมได้ดี และรวดเร็วมากกว่า เนื่องจากขนาดของโมเลกุลวิตามินซีจะเล็กกว่าชนิดที่สังเคราะห์ขึ้นมานั่นเอง

              2).การเลือกจากจำนวนมิลลิกรัมของวิตามินซี ถ้าหากคุณต้องการที่จะบำรุงผิวพรรณ เสริมภูมิต้านทานให้กับผิวจากมลภาะรอบตัว ลดเลือนริ้วรอย และเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับตัวเอง ขอแนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์วิตามินซี ที่มีจำนวนวิตามินซีเป็นส่วนประกอบมากกว่า 1,000 มิลลิกรัมขึ้นไป จึงจะถือว่าพอเพียงกับความต้องการของร่างกายในหนึ่งวัน

              3).การเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. ถึงแม้ว่าวิตามินซีจะไม่อันตรายต่อร่างกาย เนื่อวจากเป็นวิตามินประเภทละลายย้ำได้ ทำให้แม้จะรับประทานเข้าไปเป็นปริมาณมากสักเพียงใด ร่างกายก็จะทำการขับวิตามินซีออกมาทางปัสสาวะอย่างง่ายดาย ทำให้ไม่เกิดการตกค้างในร่างกายก็ตาม แต่วิตามินซีก็ยังคงเป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่ต้องทานเข้าไปในร่างกาย ดังนั้นก็ควรที่จะเลือกผลิตภัณฑ์วิตามินซี ที่ได้รับการรับรองความปลอดภัยจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง

จากข้อมูลเบื้องต้นจะเห็นได้ว่าวิธีการเลือกซื้อ วิตามินซี นั้นมีความสำคัญมาก ที่จะช่วยให้เรา ผิวขาวใสขาวไวด้วยวิตามินซีที่มีราคาถูก นั้น ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปขอเพียงแค่ ไม่มองข้ามสิ่งเล็กน้อย และ ไม่กินราคาที่ถูกจนน่าสงสัยเกินไป เพียงเท่านี้คุณก็ได้วิตามินซีที่มีคุณภาพดีและช่วยบำรุงผิวพรรณ ของคุณให้ขาวเนียนใสสดชื่น ได้มากขึ้นอีกด้วย

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

4 เหตุผลที่ทำให้ทานวิตามินซีแลัว ผิวขาวขึ้น

vitamin-c-620x360

             วิตามินซี ช่วยทำให้ผิวขาว เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี สำหรับครักสวยรักงาม ที่สาวๆหลายคนพยายามสรรหาวิธีการต่างๆมาเสริมบำรุงสุขภาพผิวของตัวเองให้ดูดีมากยิ่งขึ้นนั้นเอง ทำให้ วิตามินซี ผิวขาว ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะเนื่องจากคุณสมบัติในการบำรุงผิวขาวที่ดี หาได้ง่าย ราคายังถูกและสามารถหาซื้อได้ง่ายๆนั้นเอง วันนี้เว็บไซต์ beauty24store นำบทความเกี่ยวกับ 6 เหตุผลที่ทำให้ทานวิตามินซีแลัว ผิวขาวขึ้น จะเป็นยังไงนั้นไปดูกัน

vitamin-c-oranges-111221

              1). ช่วยในการปกป้องเซลล์ผิวให้มีสุขภาพดี นักวิทยาศาสตร์โภชนาการ ประจำมูลนิธิผู้บริโภคของประเทศอังกฤษ พูดถึงเรื่อง วิตามินเป็นหนึ่งในวิตามินผิวบำรุงผิว ที่มีส่วนเกี่ยวกันธุ์สำคัญในการผลิตคอลลาเจน ซึ่งสามารถส่งผลให้ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นเป็นอย่างมากนั่นเอง

              2). ช่วยทำให้รักษาบาดแผลให้รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้  วิตามินซี ผิว ขาว ยังสามารถช่วยเพิ่มปริมาณของธาตุเหล็กอื่นๆ ที่ร่างกายสามารถดูดซับจากแหล่งอาหารประเภทพืช อาทิเช่น ผักคะน้า บล็อกโคลี่ และกะหล่ำ เป็นต้น ซึ่งเป็นการช่วยลดรอยแผลเป็นที่เกิดขึ้นหลังจากการบาดเจ็บให้น้อยลงนั้นเอง

               3). อุดมด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระต่างๆ ทำให้วิตามินซีช่วยป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นจากโมเลกุลที่เป็นอันตรายต่อความงาม อย่างอนุมูลอิสระ สารพิษ และมลพิษต่างๆในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

               4). สามารถช่วยลดความหยาบกร้านและริ้วรอยบนผิว วิตามินซีคุณสมบัติช่วยทำให้ ผิวขาว สืบต่อมาจากผลของการทำหน้าที่เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ดีของวิตามินซี ด้วยการส่งผลกระทบส่งผลกระทบต่อเซลล์ภายใน และภายนอกของร่างกาย การศึกษาที่ตีพิมพ์ภายในวารสารอเมริกันคลีนิกโภชนาการ ได้ทำการสำรวจแล้วพบว่า การบริโภควิตามิซีในปริมาณสูง มีความสัมพันธ์กับความลดลงของความหยาบกร้าน และริ้วรอยของผิวที่ดีมากขึ้น ด้วยการศึกษาผู้หญิงระหว่างอายุ 40 ถึง 74 ปี จำนวน 4025 ราย

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ 4 เหตุผลที่ทำให้ทานวิตามินซี นอกจากนี้ยังช่วยเรื่องอื่นๆตามมาอีกด้วยนะ สำหรับวิตามินซีนั้นมีอยู่ตามอาหารเสริมทั่วไปหาซื้อได้ตามท้องตลาดเลย

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ลูทีน (Lutein) กับภารกิจต่อต้านอนุมูลอิสระ

         หลายคนคงรู้จักสารลูทีน (Lutein) กันมาบ้างแล้ว เพราะตอนนี้มีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพมากมายที่ใช้ลูทีน (Lutein) เป็นส่วนผสมหลัก โดยประโยชน์ของมันจะเน้นไปที่การบำรุงสายตา ป้องกันการเสื่อมสภาพของประสาทตา มีส่วนช่วยในการป้องกันโรคต้อกระจก ทั้งนี้เนื่องจากลูทีนเป็นสารอาหารที่อยู่ในกลุ่มแคโรทีนอยด์ มากไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ


ลูทีน (Lutein) สารต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยม

         อย่างที่ได้เกริ่นไปแล้วว่าลูทีน (Lutein) เป็นสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ โดยเป็นกลุ่มสีเหลืองซึ่งมีส่วนอย่างมากในการต่อต้านสารต้านอนุมูลอิสระ โดยแหล่งอาหารที่พบลูทีนมาก ได้แก่ ผักใบเขียว และผลไม้ต่างๆ เช่น แครอท เป็นต้น Lutein มีส่วนสำคัญในการบำรุงสายตา เนื่องจากโมเลกุลของลูทีนพบในปริมาณสูงที่จุดของดวงตา โดยเฉพาะพื้นที่ของเรตินาที่เกี่ยวกับการรับภาพ ซึ่งจะช่วยในการดูดซับแสงสีน้ำเงินในแถบสีการมองเห็นและช่วยปกป้องการทำลายของคลื่นสั้นที่มีต่อเยื่อบุผิวเรตินา
         จากการศึกษา พบว่าระดับลูทีน 2.0 – 6.9 มิลลิกรัมต่อวัน จะช่วยป้องกันความเสื่อมของจุดด่างในดวงตาได้ นอกจากสารลูทีนที่พบในจุดดวงตาแล้ว ซีแซนทีนก็เป็นอีกสารสำคัญที่ช่วยปกป้องความเสื่อมสภาพของดวงตา

         นอกจากนี้สารลูทีน (Lutein) ยังมีส่วนในการป้องกันการเกิดโรคต้อกระจกในผู้สูงอายุ ลดโรคมะเร็งเต้านมในผู้ที่มีความเสี่ยง ลดกลไกการเกิด Plague ในผนังเส้นเลือด ทำให้ลดอัตราการเป็นโรคหัวใจขาดเลือด และโรคหลอดเลือดตีบในสมอง ทั้งยังลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ได้ทั้งหญิงและชายอีกด้วย เนื่องจากสารลูทีนจะช่วยสร้างสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยมนั่นเอง

‘ผักโขม’ อาหารมากคุณค่าแห่ง ลูทีน
         ผักโขมถือเป็นหนึ่งในอาหารที่มีสารลูทีน (Lutein) อยู่เป็นจำนวนมาก หากรับประทานเข้าสู่ร่างกายจะทำให้ได้รับแคโรทีนอยด์ (carotenoid) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยสร้างเสริมสุขภาพดวงตาและช่วยป้องกันภาวะจอประสาทตาเสื่อม รวมถึงการทำให้สุขภาพโดยรวมแข็งแรงสมบูรณ์มากขึ้น

         ทั้งนี้ หากขาดสารอาหารอย่างลูทีน ก็อาจทำให้ตาบอดได้ในอนาคต (เมื่ออายุสูงขึ้น) อย่างไรก็ตาม ขึ้นชื่อว่าผัก บางคนแค่ได้ยินก็ส่ายหน้า เพราะไม่ชอบรับประทานผักมาแต่ไหนแต่ไร หากเป็นเช่นนี้คุณควรหาอาหารเสริมมารับประทาน มิเช่นนั้นอาจทำให้ร่างกายขาดสารอาหารสำคัญอย่าง Lutein ได้

วิตามินซี ตัวช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ
         หลายคนอาจคิดว่าวิตามินซีมีดีแค่เรื่องของการบำรุงผิวพรรณ ทำให้เหงือกและฟันแข็งแรง ทว่าจริงๆแล้ววิตามินซียังมีส่วนช่วยอย่างมากในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่สะสมอยู่ในร่างกาย โดยทำหน้าที่ทั้งลดการสร้างอนุมูลอิสระ และลดอันตรายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ทั้งนี้ วิตามินซีเป็นวิตามินชนิดละลายในน้ำ รับประทานมากก็จะถูกขับออกมาพร้อมกับปัสสาวะ ทำให้ไม่มีอันตรายใดๆ

         

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

สารพัดปัญหาสุขภาพ จัดการได้ด้วย ลูทีน (Lutein)

         น่าแปลกที่ความก้าวหน้าของมนุษยชาติมักแฝงไปด้วยภยันตราย เสมือนดาบสองคมที่อาจทำร้ายตัวเองได้ตลอดเวลา ไม่ต้องมองไปไกลถึงสงครามโลก แค่เรื่องใกล้ตัวอย่างปัญหาสุขภาพก็เห็นได้ชัด โดยจะสังเกตเห็นว่าเรามุ่งพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆมาจัดการโรคร้าย ทว่ามันกลับไม่หนีหายตายจากเราไปไหนเลย แถมยังวนเวียนอยู่รอบๆตัว ดังนั้น เราทุกคนต้องรู้จักดูแลป้องกันตัวเองให้พ้นจากโรคภัยที่พร้อมมาเยือนเราได้ทุกเมื่อ

         วันนี้เราจะมาพูดถึงสารอาหารชนิดหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องการบำรุงสุขภาพ แก้โรคภัยได้ร้อยแปดพันเก้า นั่นก็คือสารลูทีน (Lutein) แม้หลายคนอาจจะคิดว่าลูทีนมีดีแค่เรื่องการบำรุงสายตา แต่จริงๆแล้วมันให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่านั้น 

ลูทีน (Lutein) คืออะไร
         ลูทีน (Lutein) เป็นสารธรรมชาติที่มีในพืชผักผลไม้หลายชนิด เป็นสารในตระกูลแคโรทีนอยด์(Carotenoids) และพบได้ในบริเวณดวงตา โดยเฉพาะตรงบริเวณเลนส์ตาและจอรับภาพตา ในธรรมชาติแม้จะมีแคโรทีนอยด์ มากกว่า 600 ชนิด แต่มีเพียงสาร 2 ชนิดนี้เท่านั้น (ลูทีน และซีแซนทีน) ที่พบในจุดรับภาพของจอตา ซึ่งสารทั้งสองชนิดนี้จะทำหน้าที่ช่วยกรองหรือป้องกันรังสีจากแสงแดดที่เป็นอันตรายต่อดวงตา ช่วยปกป้องตาจากการเสื่อมสภาพ อันเนื่องมาจากการสัมผัสกับแสงเป็นเวลานานๆ

         Lutein ยังช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลาย โดยสารลูทีนจะช่วยสร้างสารต้านอนุมูลอิสระขึ้นมา ดังนั้น จึงทำหน้าที่บำรุงสายตา ทำให้จอตาไม่เสื่อมเร็ว จากการศึกษาพบว่า ระดับลูทีน 2.0 – 6.9 มิลลิกรัมต่อวัน จะช่วยป้องกันความเสื่อมของจุดด่างในดวงตาได้ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ทำให้สาร Lutein กลายเป็นสุดยอดสารอาหารบำรุงสายตา
         ทั้งนี้ พืชผักผลไม้ที่มีสารลูทีน (Lutein) จำนวนมาก มักจะเป็นผักผลไม้ที่มีสีเหลืองและสีเขียวเข้ม เช่น ข้าวโพด แครอท ฟักทอง ผักกาด ผักปวยเล้ง คะน้า ผักโขม เป็นต้น


ประโยชน์ของลูทีน ที่มากกว่าบำรุงสายตา

         เนื่องจากลูทีนเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยม จึงมีส่วนช่วยในการดูแลสุขภาพมากมาย เช่น ป้องกันการเสื่อมสภาพของประสาทตา อันเนื่องจากอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงระบบการไหลเวียนของเลือด และเส้นเลือดฝอยที่เลี้ยงตา ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ในทั้งผู้ชายและผู้หญิง ช่วยลดโรคมะเร็งเต้านมในสตรีกลุ่มที่มีความเสี่ยง ลดกลไกการเกิด Plague ในผนังเส้นเลือด ทำให้ลดอัตราการเป็นโรคหัวใจขาดเลือด และโรคหลอดเลือดตีบในสมอง
         เห็นไหมว่าสารอาหารอย่างลูทีน (Lutein) ไม่ได้มีประโยชน์แค่เรื่องบำรุงสายตาเพียงอย่างเดียว แต่ยังคุณค่าต่อสุขภาพอื่นๆอีกมากมายที่บางคนอาจไม่เคยรู้ อย่างไรก็ตาม ลูทีนในแหล่งอาหารธรรมชาติ เช่น ผักผลไม้ กว่าจะมาถึงตัวเรา ก็อาจทำให้คุณค่าทางโภชนการเสื่อมลงตามกาลเวลาและกรรมวิธีการปรุงอาหาร (โดยเฉพาะความร้อนจะทำให้ประโยชน์เหลือน้อยลง) ดังนั้น หากใครคิดว่าอาจได้รับ Lutein ไม่เพียงพอ ก็สามารถใช้ในรูปแบบอาหารเสริมเพื่อสุขภาพได้ สุดท้ายนี้ก็ขอให้ท่านผู้อ่านแข็งแรง สุขภาพดีกันถ้วนหน้า

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ลูทีน (Lutein) สุดยอด วิตามิน บำรุงสายตา

         เมื่อถึง “ลูทีน” (Lutein) เชื่อว่าหลายคนคงจะคุ้นหูกันเป็นอย่างดี เนื่องจากสารอาหารชนิดนี้มีประโยชน์มากมาย โดยขึ้นชื่อในการบำรุงสายตาให้สุขภาพดี ป้องกันโรคต่างๆเกี่ยวกับดวงตา เช่น ประสาทตาเสื่อม ลดความเสี่ยงโรคต้อกระจก เป็นต้น ทั้งนี้ทั้งนั้น ลูทีน ถูกนำใช้เป็นอาหารเสริมเพื่อสุขภาพกันอย่างแพร่หลาย เพื่อความเข้าใจเกี่ยวกับสาร Lutein ที่ถูกต้อง วันนี้เรามาหาคำตอบกันว่า ทำไมลูทีนถึงเป็นสุดยอดวิตามินบำรุงสายตา


ลูทีน (Lutein) กับการบำรุงสายตา

         ลูทีน (Lutein) เป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์สีเหลือง ซึ่งมีส่วนอย่างมากในการต่อต้านสารต้านอนุมูลอิสระ โมเลกุลของลูทีนพบในปริมาณสูงในจุดของดวงตา โดยเฉพาะพื้นที่ของเรตินาที่เกี่ยวกับการรับภาพ ซึ่งจะช่วยในการดูดซับแสงสีน้ำเงินในแถบสีการมองเห็นและช่วยปกป้องการทำลายของคลื่นสั้นที่มีต่อเยื่อบุผิวเรตินา จากการศึกษา พบว่า ระดับลูทีน 2.0 – 6.9 มิลลิกรัมต่อวัน จะช่วยป้องกันความเสื่อมของจุดด่างในดวงตาได้ สารลูทีนจะช่วยสร้างสารต้านอนุมูลอิสระในการป้องกันเยื่อแก้วตา (retina)

         โดยสรุปแล้ว ลูทีน (Lutein) จะช่วยให้ตาแข็งแรง ป้องกันประสาทตาเสื่อม เสริมสร้างการมองเห็นโดยช่วยป้องกันการเสื่อมของ Macular ที่จุดเล็กๆตรงกลางของที่รับแสงในตา (Retina) อันเป็นส่วนสาคัญของ Main pigment (สี) ในฉากรับแสงของตา ป้องกันไม่ให้แสงอาทิตย์ทำลายเรตินา ป้องกันโรคจุดรับภาพเสื่อม หรือจอประสาทตาเสื่อม AMD (Age – Related Macular Degeneration) ช่วยป้องกนัและลดอาการของโรคต้อกระจก (Cataracts) ต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่ทำลายเซลล์ตา ทำให้เซลล์แข็งแรง ช่วยชะลอความเสื่อมของตา และเพิ่มสมรรถภาพในการมองเห็นได้ดีในที่มืดได้ดีขึ้น
         การรับประทานสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ในปริมาณที่สูงที่สุดจะมีอัตราเสี่ยงต่ำกว่าร้อยละ 43 สำหรับภาวะการเสื่อมของจอประสาทตาตามอายุอย่างเฉียบพลัน เมื่อเปรียบเทียบการรับประทานในปริมาณที่ต่ำที่สุด จากการศึกษากลุ่มตัวอย่างจำนวน 876 คนซึ่งมีอายุ ระหว่าง 55-80 ปี การได้รับลูทีนและซีซานทีน ในอัตราสูงจะช่วยลดความเสี่ยงของจอประสาทตาเสื่อมอย่างเฉียบพลันได้

         แหล่งอาหารตามธรรมชาติที่พบลูทีน (Lutein) จะพบมากในดอกดาวเรือง และโกจิเบอร์รี่ (เก๋ากี้) และยังพบในกะหล่ำ ผักโขม ถั่วลันเตา ผักกาด ต้นอ่อนกะหล่ำดาว ถั่วพิสตาชิโอ บรอกโคลี ข้าวโพด ไข่ และแครอท กระนั้นก็ตาม คุณสามารถรับประทานลูทีนในรูปแบบอาหารเสริมแทนได้ โดยถ้าใช้ถูกต้องตามคำแนะนำก็จะไม่มีผลข้างเคียงใดๆ อีกทั้งยังช่วยดูแลสุขภาพอื่นๆอีกมากมาย ได้แก่ ช่วยลดโรคมะเร็งเต้านมในผู้ที่มีความเสี่ยง ลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ทั้งชายและหญิง บำรุงระบบการไหลเวียนเลือด เป็นต้น

บำรุงสายตา ด้วยสมุนไพร
         นอกจากการรับประทานลูทีน (Lutein) แล้ว อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการบำรุงสายตาไปพร้อมๆกับการดูแลสุขภาพก็คือการใช้สมุนไพรนั่นเอง โดยวันนี้เราขอแนะนำยาน้ำสมุนไพร “เทพมังกร” เพื่อการป้องกันโรคเกี่ยวกับสายตา บำบัดร่างกายจากโรค NCDs สนับสนุนการวิจัยโดย สวทช. เช่น มะเร็ง เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเก๊าท์ Office Syndrome ปวดท้องประจำเดือน ไขข้อเสื่อมและอื่นๆอีกมากมาย นอกจากนี้ยังบำรุงผิวและย้อนวัยอีกด้วย

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เหน็บชาที่มือ ขาดวิตามิน อะไร

         อาการเสียวซ่าน และสูญเสียความรู้สึกที่มือ เป็นอาการเริ่มต้นของโรคเหน็บชาที่มือ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาทางด้านสุขภาพที่สร้างความน่ารำคาญ และชวนให้กังวลใจสำหรับคนที่เป็นอย่างมากเลยทีเดียว เพราะอาการเหน็บชาที่มือ เป็นอุปสรรคทั้งการทำงาน รวมไปถึงการใช้ชีวิตแระจำวันตามปกติเป็นอย่างมากเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตาม การรักษา และลดบรรเทาอาการเหน็บชาที่มือนั้น สามารถเป็นสิ่งที่สามารถทำได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เพียงแค่คุณรู้หลักการรักษาที่ถูกต้อง ควบคู่ไปกับใช้วิตามินที่เหมาะสม

ประเภทของโรคเหน็บชา
อาการเหน็บชาที่มือ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ โรคเหน็บชาที่ส่งผลต่อการทำงานของหัวใจ ซึ่งในกรณีที่รุนแรงมากที่สุด คือ การก่อให้เกิดอาการหัวใจล้มเหลว และโรคเหน็บชาที่ส่งผลกระทบต่อเส้นประสาท ที่นำไปสู่การสูญเสียกล้ามเนื้อ จนอาจทำให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต ซึ่งถ้าหากปล่อยเอาไว้โดยไม่ทำการตรวจสอบให้ดี อาการเหน็บชาที่มือ ที่อาจถุกมองว่าเป็นเพียงอาการเล็กน้อยนั้น อาจจะส่งผลรุนแรงจนถึงแก่ชีวิตได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว

อาการของโรคเหน็บชา
 อาการของโรคเหน็บชานั้น ขึ้นอยู่กับประเภทของโรคเหน็บชา ดังที่ได้กล่าวถึงไปแล้วในข้างต้น โดยสามารถแบ่งอาการ ออกได้ดังต่อไปนี้
1.โรคเหน็บชาที่ส่งผลต่อการทำงานของหัวใจ
         -หายใจถี่ระหว่างออกกำลังกาย
-หัวใจเต้นเร็ว
-ขาบวม
-ลมหายใจสั้น
 2.โรคเหน็บชาที่ส่งผลกระทบต่อระบบประสาท
         – รู้สึกเสี่ยวซ่าน สูญเสียความรู้สึกที่เท้า และมือ หรือเกิดอาการเหน็บชาที่มือขึ้น
-ความสับสนทางจิต
-อาการปวด
-พูดลำบาก
-อาเจียน
-ตาเคลื่อนไหวเองโดยไม่ตั้งใจ
-อัมพาธ

   ในบางกรณี อาการเหน็บชาที่มืออาจนำไปสู่กลุ่มอาการของโรคที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสมอง ที่ก่อให้เกิดความสับสนทางจิต และสูญเสียความทรงจำ ซึ่งมักเกิดขึ้นบ่อยๆ กับคนที่ติดสุราเรื้อรัง

รักษาอาการเหน็บชาด้วย วิตามิน B-1
 อาการเหน็บชาที่มือ สามารถลดระกับความรุนแรง และลดโอกาสในการพัฒนาสู่ความรุนแรงให้เหลืออยู่ในระดับต่ำ ด้วยการรับประทานอาหาร หรือเสริมวิตามิน B-1 โดยคุณสามารถหาวิตามิน B-1 ได้อย่างไม่ยากนัก ผ่านผลิตภัณฑ์จากนม เมล็ลดธัญพืช ไข่ หัวผักกาด มะเขือเทศ น้ำผลไม้สีส้ม ข้าวสาร กุ้ง และเนื้อดิบ เป็นต้น นอกจากนี้ การรักษาอาการเหน็บชาที่มือ รวมไปถึงอาการเหน็บชาในส่วนต่างๆของร่างกายนั้น ในยุคปัจจุบันสามารถทได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวิตามิน B-1 แต่ต้องให้แน่ใจว่า ร่างกายของคุณสามารถที่จะดูดวับวิตามิน b-1 ได้อย่างพอเพียง

สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการเหน็บชา
 อาการเหน็บชาที่มือ และบริเวณอื่นๆ เป็นโรคที่ค่อนขางหาได้ยากในสังคมยุคปัจจุบันที่มีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่ทำให้สามารถเกิดอาการเหน็บชาที่มือขึ้นได้เช่นกัน ดังต่อไปนี้
   1.การดื่มแอลกฮอลล์ จะส่งผลให้ร่างกายของคุณเกิดการเก็บกัก ดูดซับวิตามิน B-1 ได้ยากมากขึ้น
 2.พันธุ์กรรม เป็นโรคภาวะทางพันธุ์กรรมที่หาได้ยาก ที่ส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมวิตามิน B-1 ได้เท่าที่ควร
 3.อุจจาระร่วงเป็นเวลานาน จะส่งผลให้ร่างกายดูดซับวิตามิน B-1 ได้ไม่ดีเท่าที่ควร
 4.โรคบางอย่าง อาทิเช่น โรคตับ ทำให้ร่างกายสูญเสียความสามารถในการนำวิตามิน B-1 ไปใช้งานอย่างเหมาะสม
5.การฟอกไต เพิ่มความเสี่ยงของโรคเหน็บชาให้มากขึ้น

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

อยากรู้ไหมว่า วิตามินอะไรบำรุงสายตา บทความนี้มีคำตอบ

         ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกมีความก้าวหน้า และแฝงเข้าไปอยู่ในการใช้ชีวิตทุกระดับ ทุกช่วงอายุ ส่งผลให้คนเราจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ หน้าจอโทรทัศน์ หรือหน้าจอโทรศัพท์มือถือเป็นจำนวนมากในหนึ่งวัน สิ่งเหล่านี้ล่วนแล้วแต่ส่งผลให้สายตาเกิดความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ซึ่งถ้าหากไม่ทำการดูแลบำรุงรักษาสายตาให้ดีแล้วล่ะก็ ก็จะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพดวงตาที่ไม่ดีตามมาอีกมากมายเลยทีเดียว สำหรับวิธีที่ง่ายที่สุดในการบำรุงสายตา ที่ได้นรับความนิยมในปัจจุบันก็คือการใช้วิตามิน ซึ่งวิตามินอะไรบำรุงสายตากันบ้างนั้น สามารถติดตามอ่านได้จากบทความชิ้นนี้กันเลย

ประโยชน์ของวิตามินเอ และเบต้าแคโรทีน ในการช่วยบำรุงรักษาดวงตา
 สำหรับวิตามินอะไรบำรุงสายตา ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดได้แก่วิตามินเอ และเบต้าแคโรทีน ที่ถูกแปลงให้เป็นวิตามินเอในร่างกายภายหลังตามธรรมชาติ วิตามินเอจะทำหน้าที่ช่วยปกป้องพื้นผิวของดวงตา หรือกระจกตา ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในการสร้างวิสัยทัศน์ที่ดีให้กับการมองเห็น สำหรับการใช้วิตามันเอที่ถูกต้องนั้น ในปัจจุบันสามารถนำมาใช้ได้หลากหลายวิธี ดังต่อไปนี้
1.การรับประทาน จากการศึกษาพบว่า เมื่อทำการทานวิตามินเอ รวมกับวิตามินตัวอื่นๆ และสารต่อต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ ช่วยลดความเสี่ยงของประสาทตาเสื่อมให้น้อยลง ซึ่งแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินเอที่สำคัญๆ ได้แก่ ตับ พืช ผัก ผลไม้ต่างๆ เป็นต้น
 2.ใช้เป็นยาหยอดตา การศึกษาพบว่า การใฃ้วิตามินเอในฐานะส่วนผสมของยาหยอดตา มีประสิทธิภาพในการรักษาอาการตาแห้ง และยาหยอดตาประเภทวิตามินเอ นยังถูกจัดอยู่ในกลุ่มยาหยอดตาที่มีราคาแพงมากที่สุดในการใช้เพื่อบรรเทาอาการตาแห้งอีกด้วย
นอกจากนี้ จากการวิจัยในปี 2011 ของนักวิจัยในมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย นิวยอร์ค พบว่าวิตามินเอ ช่วยชะลอการลุกลามของโรค Stargardt ซึ่งเป็นโรคทางพันธุ์กรรม อันก่อให้เกิดความสุญเสียในการมองเห็นอย่างรุนแรงของคนหนุ่มสาวในยุคปัจจุบัน ดั้งนั้นถ้าหากถามว่าวิตามินอะไรบำรุงสายตาดีที่สุด วิตามินเอ เห็นจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

การขาดวิตามินเอ กับปัญหาสายตาที่เกิดขึ้นทั่วโลก
   ถึงแม้ราจะทราบกันดีแล้วว่า วิตามินอะไรบำรุงสายตา แต่ในประเทศโลกที่สาม หรือกลุ่มประเทศกำลังพัฒนานั้น คาดว่ามีเด็กประมาณ 2-5 แสน คน ทั่วโลก ที่ขาดสารอาหาร ซึ่งรวมไปถึงแหล่งวิตามินเอสำคัญๆ จนกระทั่งนำไปสู่การกลายเป็นคนตาบอด
 หนึ่งในสัญญานแรกของอาการขาดวิตามินเอ คือ อาการตาบอดกลางคืน ในยุคอียปต์โบราณ เชื่อกันว่าโรคนี้สามารถรักษาให้หายได้ ด้วยการกินตับ ซึ่งในภายหลังจากการศึกษาพบว่า ภายในตับนั้นอุดมไปด้วยวิตามินเอเป็นจำนวนมากนั่นเอง
การขาดวิตามินเจะส่งผลให้กระจกตาแห้งมาก นำไปสู่การเกิดอาการขุ่นมัวด้านหน้าจองตา แผลที่กระจกตา และสูญเสียการมองเห็น นอกจากนี้การขาดวิตามินเอ ยังทำใหเกิดความเสียหายกับจอประสาทตา ซึ่งก่อให้เกิดอาการตาบอด วิตามินเอยังเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยต่อต้านอาการติดเชื้อ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง การขาดวิตามินเอยังนำไปสู่การติดเชื้อทางเดินหายใจ และอื่นๆอีกมากมายอีกเวย

วิตามินเอ ถ้าได้รับมากจนเกินไป อันตรายหรือเปล่า?
 วิตามินอะไรบำรุงสายตา มาถึง ณ จุดนี้ ทุกท่านก็คงจะมีคำตอบภายในใจกันแล้ว สำหรับการได้รับวิตามินเอ ที่เหมาะสมมากที่สุดนั้นคือ การได้รับจากสมดุลอาหารในแต่ละวัน ซึ่งวิตามินเอ ที่พบได้ในผักผลไม้ เป็นวิตามันที่สามารถละลายน้ำได้ และสามารถถูกขับออกจากร่างกายได้อย่างรวดเร็ว แม้จะได้รับในปริมาณที่มากจนเกินไป ทำให้ไม่เสี่ยงต่ออาการเป็นพิษ นอกจากนี้ผักผลไม้ ยังเป็นแหล่งวิตามิน เอชั้นเยี่ยม ของเหล่านักมังสวิรัติที่หาอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินเอได้ยากกว่าคนทั่วไปอีกด้งย

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ยาหยอดตา วิตามินบำรุงสายตาสำคัญ ที่คนส่วนใหญ่มองข้าม

         คนส่วนใหญ่โดยทั่วไปมักจะติดกับภาพเดิมๆว่า การทานวิตามินบำรุงสายตา เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดการฟื้นฟู ดูแล และบรรเทาปัญหาสายตา แต่ที่จริงแบล้วยังมีวิธีการนำวิตามินบำรุงสายตามาใช้ในรูปแบบอื่นๆ ที่มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ การใช้วิตามินบำรุงสายตาในรูปแบบของยาหยอดตานั่นเอง ส่วนยาหยอดตาวิตามินบำรุงสายตาจะมีประสิทธิภาพช่วยในเรื่องของสายตาได้ดีมากน้อยเพียงใดนั้น สามารถติดตามอ่านได้จากบทความชิ้นนี้กันเลย

ปัญหาสายตาที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้ยาหยอดตาวิตามินเอ
 ปัญหาที่เกิดขึ้นกับสายตาในปัจจุบันมีมากมายหลายประเภท แต่วิตามินเอ ในรูปแบบของยาหยอดตา สามารถเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีดังต่อไปนี้
 1.มองเห็นภาพซ้อน
2.ต้อหิน
3.โรคตาแดง
4.ตาแห้ง
5.ต้อกระจก

ทำไมวิตามินเอ จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสุขภาพตา?
 ในปัจจุบัน หลายภูมิภาคของโลกประสบปัญหาขาดแคลนวิตามินบำรุงสายตา อย่างวิตามินเอเป็นอย่างมาก ทำให้เกิดอาการตาแห้งอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นปัญหาทำให้เกิดตาบอด เนื่องจากวิตามินเอ จำเป็นอย่างมากในการผลิตน้ำตา และช่วยในการบำรุงรักษาสุขภาพของดวงตา ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะสารเคมีที่สคัญในดวงตาที่รู้จักกันในชื่อของ “ภาพสีม่วง” ที่สามารถช่วยให้ตาสามารถมองเห็นได้ดียิ่งขึ้นในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อย นอกจากนี้การขาดวิตามินเอ ยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสภาพตาโปน ที่นำไปวู่การเกิดโรคตาบอดในตอนกลางคืน และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการรักษาด้วยวิตามินเอ

สัญญาเตือนถึงอาการขาดวิตามินเอ
 การขาดวิตามินบำรุงสายตาอย่างวิตามินเอนั้น อาการแรกๆสุดเลยที่คุณอาจจะพบตือ ปัญหาเกี่ยวกับวสัยทัศน์ในการมองเห็น โดยเฉพาะการปรับสภาพของสายตาในที่ที่มีแสงน้อย เมื่ออาการขาดวิตามินเอมากขึ้น คุณจะเริ่มมีปัญหาในการโฟกัสบนท้องถนนในขณะที่กำลังขับรถในช่วงเวลากลางคืน หลังจากที่ไฟรถยนต์เข้ามาในระยะการมองเห็นของคุณ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างมากในการขับรถตอนกลางคืน ที่นำไปสู่การเกิอุบัตติเหตุบนท้องถนนจำนวนมาก

สาเหตุที่นำไปสู่การเกิดปัญหาสุขภาพตาเสื่อมลง
 ปัจจัยดังต่อไปนี้ ล้วนแล้วแต่ส่งผลให้สุขภาพของดวงตาโดยรวมลดลง และควรหลีกเลี่ยง เพื่อให้สุขภาพตาของคุณมีความสมบูรณือย่างยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
 1.อาหารที่อุดมด้วยไขมันเป็นจำนวนมาก
2.การทำงานที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานานๆ
3.การรับชมโทรทัศน์ในระยะใกล้ และเป็นระยะเวลานานๆ
4.การทำงานในพื้นที่ที่มีแสงน้อย
5.รังสีที่ปล่อยออกมาจากเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน
6.มลพิษ หรือควันบุหรี่

 ยาหยอดตาวิตามินเอ เป็นวิตามินบำรุงสายตาที่ช่วยชดเชยผลกระทบที่เกิดขึ้นเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตาม การใช้ยาหยอดตาวิตามินเอนั้น มีข้อควรระวังเช่นกัน เพราะการใช้ยาหยอดตาวิตามินเอมากจนเกินไปอาจจะเป็นพิษ และเป็นอันตรายต่อดวงตาได้เช่นกัน ดังนั้นการใช้ยาหยอดตาวิตามินเอ จึงควรใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ ตามที่แพทย์ หรือเภสัชกร ในคำแนะนำอย่างเหมาะสม จะเป็นการดีที่สุด

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

รู้แล้วอยากบอกต่อ วิธีกินวิตามินซีอย่างไรให้ได้ผลดีที่สุด?

         วิตามินซี เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นสารอาหารที่สามารถละลายน้ำได้ ซึ่งพบได้มากในอาหารหลายชนิด ซึ่งวิตามินซีนั้นมีหน้าที่เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่มักเกิดขึ้นเมื่อร่างกายทำการแปลงอาหารที่กินเข้าไปให้กลายเป็นพลังงาน ซึ่งเจ้าอนุมูลอิสระตัวร้ายเหล่านี้ ยังสามารถเกิดขึ้นได้จากสภาพแวดล้อมอื่นๆที่เป็นอันตราย ไม่ว่าจะเป็นควันบุรี่ มลพิษทางอาอาศ และแสงอัตราไวโอเล็ตจากดวงอาทิตย์ เป็นต้น นอกจากนีวิตามินซี  ยังเป็นที่ต้องการของร่างกายเพื่อนำไปใช้สร้างคอลลาเจน ที่เป็นโปรตีนจำเป็นในการช่วยรักษาแผลให้หาย พร้อมกับช่วยดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหาร จากพืช และช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายสามารถทำงานได้อย่างเป็นปกติ ถูกต้องเต็มประสิทธิภาพ และยังเป็นการช่วยเสริมความต้านทานให้แก่ร่างกายจากโรคภัยไข้เจ็บอื่นอีกด้วย

วิธีกินวิตามินซี กินอย่างไรให้ร่างกายได้ประโยชน์สูงสุด
หลาๆยคนเข้าใจผิดว่าจะต้องมีวิธีกินวิตามินซีที่ถูกต้อง จึงจะสามารถช่วยทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์อย่างสูงสุด แต่ในความเป็นจริงแล้ววิธีกินวิตามินซีที่ถูกต้องนั้น ไม่มีเคล็ดลับ หรือขั้นตอนที่ยุ่งยากอะไรเลย คุณสามารถกินวิตามินซีได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่จำเป็นที่จะต้องขึ้นอยู่กับข้อจำกัดใดๆ มีเพียงเรื่องเดียวที่คุณจำเป็นที่จะต้องให้ความใส่ใจในการทานวิตามินซีก็คือ การกินให้ได้ปริมาณที่เหมาะสมกับตัวเองในแต่ละวันอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งคุณสามารถเปรียบเทียบปริมาณของวิตามินซีในแต่ละวันของคุณที่บทความชิ้นนี้จะขอแนะนำ ได้จากตารางดังต่อไปนี้
1.เด็กแรกเกิด – 6 เดือน ควรทานวิตามินซีวันละ 40 มิลลิกรัม
 2.ทารก 7-12 เดือน ควรทานวิตามินซีวันละ 50 มิลลิกรัม
 3.เด็ก 1-3 ปี ควรทานวิตามินซีวันละ 15 มิลลิกรัม
4.เด็ก 4-8 ปี ควรทานวิตามินซีวันละ 25 มิลลิกรัม
 5.เด็ก 9-13 ปี ควรทานวิตามินซีวันละ 45 มิลลิกรัม
 6.วัยรุ่น 14-18 ปี (ชาย) ควรทานวิตามินซีวันละ 75 มิลลิกรัม
 7.วัยรุ่น 14-18 ปี (หญิง) ควรทานวิตามินซีวันละ 65 มิลลิกรัม
 8.ผู้ใหญ่ (ชาย) ควรทานวิตามินซีวันละ 90 มิลลิกรัม
9.ผู้ใหญ่ (หญิง) ควรทานวิตามินซีวันละ 75 มิลลิกรัม
10.วัยรุ่นตั้งครรภ์ ควรทานวิตามินซีวันละ 80 มิลลิกรัม
 11.หญิงตั้งครรภ์ ควรทานวิตามินซีวันละ 85 มิลลิกรัม
 12.วัยรุ่นเลี้ยงบุตรด้วยนม ควรทานวิตามินซีวันละ 115 มิลลิกรัม
 13.ผู้หญิงเลี้ยงลูกด้วยนม ควรทานวิตามินซีวันละ 120 มิลลิกรัม
 ถ้าหากคุณมีการสูบบุหรี่ ควรทำการเพิ่มปริมาณการกินวิตามินซีให้มากขึ้น โดยทำการบวกเพิ่มจากการทานปกติในแต่ละวันเข้าไปอีกเป็นจำนวน 35 มิลลิกรัม

วิตามินซีสามารถหาได้จากแหล่งใดบ้าง?
การมองหาแหล่งอาหารที่ให้วิตามินซีนั้นไม่ใช่สิ่งที่ยากนัก เพราะเพียงแค่คุณทำการรับประทานผัก และผลไม้บางชนิดอย่างถูกต้อง ก็จะเป็นวิธีกินวิตามินซีตามธรรมชาติอย่างได้ผลแล้ว แต่อย่างไรก็ตามขอแนะนำให้คุณทานอาหารเหล่านั้นอย่างหลากหลาย เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารอื่นๆอย่างครบถ้วนมากยิ่งขึ้น ซึ่งผลไม้ที่มีปรมาณของวิตามินซีอยู่เป็นจำนวนมาก มีดังต่อไปนี้
มะนาว ส้มโอ ส้ม และน้ำของผลไม้เหล่านี้อุดมไปด้วยวิตามินซีคุณภาพดีจากธรรมชาติ นอกจานี้พืชผักอีกหลายๆชนิดเองก็ยังอุดมไปด้วยวิตามินซี ไม่ว่าจะเป็นบล็อกโคลี่ สตรอเบอรี่ แคนตาลูป มันฝรั่งอบ มะเขือเทศ เป็นต้น แต่อย่าลืมเสมอว่าวิตามินซีสามารถละลายน้ำได้ และอาจจะเกิดการสูญเสียคุณค่าของวิตามินซีไปจากกการแปรรูปอาหาร การปรุง การนึ่ง หรือการใช้ไมโครเวฟ ถ้าหากคุณต้องการวิธีกินวิตามินซีที่ดีที่สุดจากผักผลไม้จริงๆ ขอแนะนำให้ทำการทานพวกมันสดๆเลยจะดีที่สุด แต่ถ้าหากคุณไม่มีเวลา หรือไม่สามารถหาผัก ผลไม้สดๆ มาเติมเต็มโต๊ะอาหารในช่วงเวลาเร่งด่วนของตัวเองได้จริงๆล่ะก็ การทานสารอาหารเสริมประเภทวิตามินซีเอง ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเฃช่นกัน

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.