สิวหัวหนองเกิดจากอะไร มีวิธีการรักษาอย่างไรบ้าง

เมื่อคุณสาวๆ ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า แล้วส่องกระจกพบว่าเจ้าสิวบนใบหน้า ได้แปลงร่างกลายไปเป็นสิวหัวหนองเม็ดโต ที่มีหัวสีขาวๆ เหลืองๆ อวดโฉมให้เห็นอย่างชัดเจน คุณสาวๆ บางรายก็คงแทบจะกรี๊ด…. สลบกันไปเลยทีเดียว เพียงแค่สิวธรรมดาก็คงไม่มีใครอยากที่จะอยากจะเห็นบนใบหน้าของตัวเองแล้ว ยิ่งเป็นเจ้าสิวหัวหนองยิ่งไม่ต้องพูดถึง

นอกจากจะยากต่อการปกปิดจนทำให้คุณสาวๆหมดสวย พร้อมทั้งรู้สึกอายแล้ว ในกรณีที่มีการอักเสบมากๆ ยังทำให้รู้สึกทั้งเจ็บทั้งปวดอีกต่างหาก

สิวหัวหนองเกิดขึ้นมาจากอะไร?

สิวหัวหนอง ถือว่าเป็นสิวอักเสบประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการอักเสบของเซลล์ผิว เนื่องจากมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปอุดตัน หรือเกิดขึ้นจากอุดตันของไขมันที่ร่างกายทำการขับออกมาจากรูขุมขน เมื่อแบคทีเรียในสภาพแวดล้อมรอบๆตัวเข้าไปทำปฏิกิริยาย่อยสลายไขมันเหล่านั้น แล้วเกิดการย่อยสลายที่ไม่สมบูรณ์ จึงทำให้เกิดการอักเสบขึ้นจนกลายเป็นหนอง

สิวหัวหนอง จะมีลักษณะเป็นตุ่มนูนและมีหนองอยู่ภายใน โดยจะมีทั้งขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ถ้าหากเป็นสิวหัวหนองชนิดที่อยู่ตื้นจะสามารถรักษาหายได้อย่างรวดเร็ว แต่หากเป็นสิวหัวหนองชนิดลึก ซึ่งมีความรุนแรงมักจะมีอาการเจ็บปวด ซึ่งเกิดขึ้นมาจากการทำปฏิกิริยาย่อยสลายไขมันของเชื้อแบคทีเรีย

สิวหัวหนอง เป็นสิ่งที่สามารถหายได้เองตามธรรมชาติ แต่หากปล่อยเอาไว้เฉยๆ โดยไม่ทำการรักษาให้ถูกวิธีก็อาจทำให้หลงเหลือเชื้อเอาไว้ หรือมีหัวสิวแข็งเป็นไตๆ รวมไปถึงการกลายเป็นสิวอุดตันเรื้อรัง ซึ่งนำไปสู่อาการอักเสบของสิวได้อีกในอนาคต

ถ้าหากเป็นสิวหัวหนองเรื้อรังในระยะเวลานานๆ อาจจะกลายไปเป็นฝีหนอง หรือกลายเป็นสิวหัวช้าง ซึ่งมีความอันตรายมากกว่าได้

วิธีรักษาสิวหัวหนอง

1. การรักษาโดยวิธีการทางธรรมชาติ เริ่มต้นจากวิธีการรักษาสิวหัวหนอง โดยวิธีการทางธรรมชาติกันก่อน โดยการนำสิ่งที่มีอยู่ในครัวเรือนมาใช้ในการรักษาสิวหัวหนองให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดังต่อไปนี้

น้ำมันมะพร้าว หรือบัวหิมะ นำมาแต้มที่บริเวณที่เป็นสิวหัวหนองจะเป็นการช่วยทำให้สิวหัวหนองค่อยๆหลุดออกมาเองตามธรรมชาติ ซึ่งน้ำมันมะพร้าว และบัวหิมะสามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ หรือตามต่างจังหวัดอาจจะหาซื้อได้ตามร้านสมุนไพรทั่วไป

น้ำอุ่นผสมเกลือ นำน้ำอุ่นผสมกับเกลือ แล้วทิ้งเอาไว้ให้เย็นลงเล็กน้อย แล้วนำมาทาบริเวณที่เป็นสิวหัวหนอง ทิ้งเอาไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง แล้วใช้คัลเติ้ลบัตเช็ดออก หนองที่อยู่บริเวณหัวสิวจะเยิ้มหลุดออกมา ทำการเช็ดออกแล้วทาด้วยยาแต้มสิว

ทำความสะอาดด้วยน้ำสะอาด เป็นวิธีการรักษาสิวหัวหนองแบบพื้นฐาน โดยการหมั่นทำความสะอาดบริเวณที่เป็นสิวหัวหนองด้วยน้ำสะอาดบ่อยๆ แล้วสิวหัวหนองจะค่อยๆ สลายตัวไปเอง

2. การบีบสิวหัวหนองอย่างถูกวิธี สำหรับวิธีนี้อาจจะเป็นที่ถูกอกถูกใจสำหรับคุณสาวๆที่มันเขี้ยว อยากจะกำจัดสิวหัวหนองให้ออกไปจากใบหน้าให้เร็วที่สุด การบีบสิวเป็นหนึ่งในการรักษาสิวหัวหนองที่ใช้กันมาช้านาน แม้แต่ในปัจจุบันเมื่อไปพบแพทย์ แพทย์ก็จะทำการรักษาสิวหัวหนองโดยการกดบีบออก ซึ่งเป็นมาตรฐานในการรักษาแบบพื้นฐาน

การบีบสิวหัวหนองด้วยตนเองเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ แต่อย่างไรก็ตามควรจะทำการบีบสิวให้ถูกวิธี เพราะไม่เช่นนั้นนอกจากจะทำให้ใบหน้าเกิดริ้วรอยด่างดำจากสิวมากขึ้น ยังอาจทำให้สิวหัวหนองเกิดการอักเสบมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

การบีบสิวหัวหนองที่ถูกวิธี ควรเริ่มจากการสร้างทางออกให้กับหนอง โดยใช้เข็มสะอาด หรือไม้จิ้มฟันที่ผ่านการทำความสะอาดหรือฆ่าเชื้อแล้ว จิ้มหัวหนองอย่างเบามือ แล้วค่อยๆใช้คัลเติ้ลบัต จำนวน 2 อันบีบหัวสิวเข้าหากันให้แรงและเร็วที่สุด เพราะยิ่งทำแบบช้าๆเบามือมากเท่าไหร่ ผิวหนังที่ถูกบีบโดยรอบก็จะยิ่งเกิดการอักเสบมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อสิวหนองหลุดออกจนหมดแล้วให้แต้มด้วยครีมลดรอยดำจากสิว เพราะหากปล่อยให้สิวหนองอักเสบอยู่เป็นเวลานานๆโดยไม่นำหนองออก เซลล์ในบริเวณนั้นจะตาย และทำให้เกิดหลุมสิวขนาดใหญ่ขึ้น

อย่างไรก็ตาม วิธีการรักษาที่ได้แนะนำมาแล้วในตอนต้นนั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ วิธีการรักษาสิวที่ดีที่สุด ก็ยังคงเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดสิวขึ้นมาตั้งแต่แรก

การควบคุมอาหารไม่ทานของมันมากๆ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ กำจัดความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ รวมไปถึงการดูแลรักษาความสะอาดของใบหน้าอยู่เป็นประจำ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยลดโอกาสการเกิดสิวหัวหนองขึ้นบนใบหน้าได้มากทีเดียว

สำหรับคุณสาวๆ ที่อยากปกป้องใบหน้าจากสิว พร้อมกับรักษาสิว และริ้วรอยด่างดำจากสิวควบคู่กันไปอย่างง่ายๆ สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำดังต่อไปนี้ ซึ่งจะให้ผลเช่นเดียวกับการรักษาริ้วรอยจากสิวโดยวิธีการทางธรรมชาติ

การรักษาสิวหัวหนองให้หายอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยการใช้เวชสำอางเสริม
การดูแลรักษาใบหน้าให้ปราศจากสิวในยุคที่เต็มไปด้วยมลภาวะ และมลพิษมากมายรอบตัวตลอดทั้งวันเป็นสิ่งที่ยาก โดยเฉพาะกับคนที่เกิดปัญหาสิวหัวหนอง ที่จำเป็นจะต้องทำการรักษาอย่างใจเย็น เนื่องจากมีความเสี่ยงเป็นอย่างยิ่งต่อการเกิดร่องรอยหลุมสิว แผลเป็นหลังจากที่ทำการรักษาแล้ว และสิ่งที่สำคัญที่สุดในการดูแลรักษาสิวหัวหนองคือ ยิ่งคุณชะล่าใจปล่อยสิวหัวหนองทิ้งเอาไว้นานเท่าไหร่ โอกาสในการเกิดแผลเป็นก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นการใช้เวชสำอาง เข้ามาช่วยในการรักษาสิวหัวหนองเพื่อให้หายขาดรวดเร็วมากยิ่งขึ้นนั้น จึงยิ่งเป็นการลดโอกาสเสี่ยงต่อปัญหาความงาม ไม่เรียบเนียนของใบหน้าได้ดีที่สุด ซึ่งในวันนี้ผู้เขียนก็อยากที่จะแนะนำผลิตภัณฑ์เวชสำอางคนำเข้าจากประเทศเกาหลีชิ้นหนึ่ง ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาให้มีประสิทธิภาพในการรักษาสิวหัวหนองอย่างอ่อนโยนโดยเฉพาะเลยทีเดียว

 

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

รักษาลบรอยสิวด้วยวิธีง่ายๆ ได้ด้วยตัวคุณเอง

หลังจากที่คุณสาวๆ โล่งอก เมื่อได้โบกมือลาปัญหาเรื่องสิวบนใบหน้า ยังไม่ทันได้หายดีใจ ปัญหาใหม่ก็เข้ามาแทน ถึงแม้ว่าเจ้าสิวตัวร้ายจะจากไปแล้ว แต่ก็ยังไม่วายทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้ดูต่างหน้า จนทำให้คุณสาวๆ สูญเสียความมั่นใจ

คุณสาวๆ บางคนที่ใบหน้าเกิดปัญหาริ้วรอยจากสิวมากๆ ถึงขนาดรีบไปพบแพทย์ตามคลินิกเสริมความงาม เพื่อให้คุณหมอช่วยยิงเลเซอร์ แต้มกรด เพื่อให้ริ้วรอยจางหายไปให้เร็วที่สุด ซึ่งในความเป็นจริงแล้วปัญหาริ้วรอยจากสิว เป็นเรื่องที่สามารถรักษาได้อย่างง่ายๆ ด้วยตัวเองที่บ้าน ซึ่งในวันนี้จะไปดูกันว่า เคล็ดลับรักษาริ้วรอยจากสิวนั้น มีวิธีการอย่างไรกันบ้าง

วิธีการรักษาสิวโดยใช้ผลไม้ และสมุนไพร

มาเริ่มวิธีการรักษาริ้วรอยจากสิวโดยใช้พืชสมุนไพรและผลไม้กันก่อน ซึ่งล้วนแต่เป็นของที่สามารถหาได้อย่างง่ายๆ ในชีวิตประจำวันทั้งสิ้น ดังต่อไปนี้

1. หอมแดง หอมแดงมีสารในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว และยังมีสารที่ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย สำหรับวิธีการใช้ก็ง่ายๆ เพียงแค่นำหอมแดงมาปลอกเปลือก หั่นเป็นแว่นบาง แล้วนำมาแต้มบริเวณที่เป็นจุดด่างดำเป็นประจำทุกวัน ในไม่ช้ารอยสิวจะค่อยๆจางลง ผิวหนังที่เป็นสีดำจะกลายเป็นสีแดง และกลายเป็นสีเนื้อตามปกติ

2. มะละกอสุก ในมะละกอมีเอนไซม์ปาเปน และโคโมปาเปน ช่วยในการย่อยโปรตีน ทำให้ช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง จึงสามารถกระตุ้นให้เกิดการสมานแผลของผิวหนัง ซึ่งทำให้สมานแผลลดริ้วรอยที่เกิดขึ้นจากสิวได้เช่นกัน โดยมีวิธีการง่ายๆ คือ นำมะละกอสุกมาปอกเปลือกและล้างยางออกให้สะอาด เพราะไม่เช่นนั้นยางอาจจะกัดใบหน้าได้ จากนั้นให้นำมะละกอมาบดให้ละเอียด แล้วพอกหน้าทิ้งเอาไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออก เมื่อใช้เป็นประจำ ริ้วรอยจากสิวจะลดลง
3. ใบบัวบก ในใบบังบกจะมีสารไกลโคไซด์ ซึ่งจะช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระ และช่วยสร้างคอลลาเจนให้กับผิวหนัง ทำให้รอยดำจากสิวถูกลบเลือน นอกจากนั้นยังช่วยทำให้สภาพของผิวโดยรวมดีขึ้น สำหรับวิธีใช้ก็เพียงแค่นำใบบัวบกไปปั่นกับเครื่องปั่น หรือใช้การตำโดยใช้ครก จากนั้นนำใบบัวบกมาพอกหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด

4. น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ในน้ำมันมะพร้าวจะมีกรดลอริค ซึ่งช่วยในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง และยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยทำให้รอยดำจากสิวลดลง ซึ่งน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น สามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป วิธีใช้ก็เพียงแค่ทาบริเวณที่เป็นริ้วรอยจากสิวหลังล้างหน้าก่อนนอนโดยที่ไม่ต้องล้างออก

5. กระเทียม มีสารจากธรรมชาติที่ช่วยในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย วิธีใช้เพียงแค่ใช้มีดฟานเป็นแว่นบางๆ หรือใช้เล็บจิกเอาน้ำกระเทียมมาแต้มลงริ้วรอยดำจากสิว น้ำจากกระเทียมจะช่วยปรับสภาพสีผิวชั้นนอกบนหน้าให้เท่ากัน โดยการลดการสร้างเมลานินที่คั่งค้างอยู่ในรอยดำจากสิว ทำให้รอยสิวดูจางลง

6. น้ำมะนาว น้ำมะนาวมีกรดผลไม้ หรือ AHA ซึ่งจะช่วยทำให้เซลล์ผิวที่ตายไปแล้ว เกิดการหลุดออกมากจากบริเวณที่เป็นจุดด่างดำ วิธีการใช้คือ บีบเอาน้ำมะนาวประมาณ 1-2 หยด แต้มไปบนบริเวณที่เป็นริ้วรอยจากสิว จากนั้นทิ้งเอาไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออก

7. มะเขือเทศ มะเขือเทศอุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งมีผลในการช่วยสมานรอยแผลเป็นและริ้วรอยด่างดำจากสิว โดยนำมะเขือเทศไปฝานให้เป็นชิ้นบางๆ แล้วนำไปวางไว้บนบริเวณแผลเป็น

8. แอปเปิ้ล+น้ำผึ้ง ล้างหน้าให้สะอาด แล้วซับหน้าให้แห้ง หลังจากนั้นให้นำแอปเปิ้ลครึ่งผล ผสมกับน้ำผึ้งแท้ 1 ช้อนโต๊ะ นำมาบดรวมกันให้ละเอียดจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน ทาให้ทั่วใบหน้า หรือจะเน้นทาในบริเวณที่เป็นริ้วรอยจากสิว ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20-30 นาที แล้วล้างออก

9. น้ำผึ้ง น้ำผึ้งจะช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ริ้วรอยจากสิวค่อยๆเลือนหายไป โดยการนำน้ำผึ้งมาทาให้ทั่วใบหน้า แล้วทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที แล้วจึงล้างออก

10. น้ำมันลาเวนเดอร์ แต้มน้ำมันลาเวนเดอร์ลงบนบริเวณที่เป็นริ้วรอยจากสิว วันละ 2 ครั้ง เป็นประจำทุกวัน น้ำมันลาเวนเดอร์จะช่วยทำให้ริ้วรอยจากสิวจางลงได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

11. ไข่ขาว ไข่ขาวช่วยในการขจัดปัญหาริ้วรอยจากสิว สำหรับวิธีการใช้คือ ใช้สำลีพันปลายไม้ จุ่มเอาเฉพาะไข่ขาวมานวดกับริ้วรอยที่เกิดขึ้นจากสิว

12. น้ำแตงกวา อุดมไปด้วยวิตามินเอ ที่สามารถช่วยลดการอักเสบและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว โดยใช้นำแตงกวาแต้มไปบนบริเวณที่เกิดริ้วรอยจากสิว ซึ่งน้ำแตงกวาไม่มีความเป็นกรด จึงไม่กัดผิว ทำให้สามารถที่จะแต้มทิ้งเอาไว้นานๆได้โดยที่ไม่ต้องรีบล้างออก สำหรับบางคนอาจจะแต้มทิ้งเอาไว้ทั้งคืนก็ได้โดยที่ไม่ได้มีอันตราย

อย่างไรก็ตาม ริ้วรอยด่างดำจากสิว โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการบีบ กด สิวของตัวเราเอง ดังนั้นวิธีการรักษาริ้วรอยจากสิวที่ดีมากที่สุดวิธีหนึ่ง คือ การอดทน อดใจ ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับหัวสิว ถึงแม้ว่าจะรู้สึกมันเขี้ยวขนาดไหนก็ตาม ควรจะใช้ยาทาและรอให้หัวสิวยุบไปเองตามธรรมชาติจึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

สำหรับคุณสาวๆ ที่เกิดริ้วรอยจากสิวขึ้นมาแล้วนั้น ก็อย่าพึ่งท้อแท้ไป เพราะแม้ว่าการรักษาริ้วรอยจากสิวจะเป็นเรื่องยาก และต้องใช้เวลาในการรักษา

สำหรับคุณสาวๆ ที่อยากปกป้องใบหน้าจากสิว พร้อมกับรักษาริ้วรอยด่างดำจากสิวควบคู่กันไปอย่างง่ายๆ โดยไม่ต้องไปนั่งหาส่วนผสมจากธรรมชาติให้เสียเวลา ก็ยังสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำดังต่อไปนี้ ซึ่งจะให้ผลเช่นเดียวกับการรักษาริ้วรอยจากสิวโดยวิธีการทางธรรมชาติ

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

สิวที่หลังเกิดจากอะไร รักษาทำไง ใช้อะไรดี

 

สิวที่หลัง ถึงแม้จะเกิดขึ้นในบริเวณใต้ร่มผ้าที่ไม่มีใครมองเห็น แต่ในบางครั้งก็อาจจะเป็นอุปสรรคที่ทำให้คุณสาวๆ ต้องเสียความมั่นใจในการแต่งตัวได้เหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อถึงเวลาต้องสวม ชุดราตรี เสื้อสายเดี่ยว หรือชุดเจ้าสาวที่ต้องเผยอวดโชว์แผ่นหลัง

นอกจากนี้ หากสิวที่หลังเกิดการอักเสบ เวลาเสียดสีกับเสื้อผ้าก็ยิ่งเกิดความเจ็บปวดและอักเสบมากยิ่งขึ้น ดังนั้นปัญหาเรื่องสิวที่หลัง จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลยมองข้าม และควรให้ความสำคัญในการดูแลรักษามากที่สุดเรื่องหนึ่งทีเดียว

สาเหตุ และการป้องกันการเกิดสิวที่หลัง

ก่อนอื่นมารู้จักกันก่อนว่า อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวขึ้นที่หลัง พร้อมกับมารู้จักกับวิธีการรับมือ และการป้องกันการเกิดสิวขึ้นที่หลัง ว่ามีวิธีการอย่างไรกันบ้าง?

1. การอาบน้ำอุ่นทำให้เกิดสิวที่หลัง คุณสาวๆอาจไม่ทันเอะใจว่า การอาบน้ำอุ่นจะทำให้เกิดสิวขึ้นทีหลัง ถ้าหากอากาศไม่หนาวมาก แนะนำให้อาบน้ำเย็นในอุณภูมิปกติจะดีกว่า

2. การสวมใส่ผ้าเนื้อหนาที่ระบายอากาศได้ไม่ดีทำให้เกิดสิว เพราะจะทำให้เกิดการอับชื้น นำไปสู่การเกิดเชื้อแบคทีเรีย เหงื่อ คราบสกปรก จนกระทั่งเกิดการอุดตันของรูขุมขน จนก่อให้เกิดสิวขึ้นที่แผ่นหลัง

3. ความไม่สะอาดของเครื่องนอน เพราะเครื่องนอน เช่น ปลอกหมอน ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน เป็นสิ่งที่เราต้องสัมผัสเป็นเวลานานในแต่ละวัน หากไม่ทำความสะอาดบ่อยๆก็จะเกิดการสะสมของสิ่งสกปรก และเชื้อแบคทีเรียได้

4. การทานอาหารประเภททอดๆ มันๆ อาหารประเภททอดๆ มันๆ จะทำให้เกิดสภาวะผิวมันขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดสิวที่หลังขึ้นได้ง่าย

5. สบู่เหลว อาจทำให้เกิดสิวที่หลัง เพราะสบู่เหลวมักที่จะชำระล้างออกได้ยากกว่าสบู่ก้อน ซึ่งจะทำให้เกิดสิ่งสกปรกตกค้างอยู่บนผิว จนเกิดการอุดตันของรูขุมขนนำไปสู่การเกิดสิวขึ้นในท้ายที่สุด

6. แชมพู อีกหนึ่งในสาเหตุของการเกิดสิวที่หลัง เมื่อสระผม คราบสกปรกจะไหลลงไปที่แผ่นหลังพร้อมกับฟองของแชมพู โดยเฉพาะคนที่สระผมหลังจากที่อาบน้ำจะมีโอกาสเกิดสิวที่หลังมากกว่าปกติ ดังนั้นควรที่จะทำการสระผมก่อนอาบน้ำ แล้วค่อยฟอกสบู่บริเวณที่ฟองแชมพูไหลลงไปโดนหลังเพื่อล้างคราบสกปรกออกไปให้หมด

7. เปลี่ยนชุดนอนทุกวัน สำหรับบางคนที่สวมชุดนอน 2-3 วัน ซ้ำ โดยที่ไม่เปลี่ยน แนะนำให้ทำการเปลี่ยนชุดนอนทุกวัน เพราะเวลาที่เรานอน แผ่นหลังต้องสัมผัสกับชุดนอนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้เกิดการอับชื้นสะสมแบคทีเรียและคราบสกปรกเอาไว้ เมื่อใส่ชุดนอนซ้ำๆ คราบสกปรกก็จะยิ่งสะสมมากขึ้นเรื่อยๆจนทำให้เกิดสิวที่หลังขึ้น

8. เลิกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันและไขมันผสม เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้เมื่อล้างออกไม่หมด หรือไม่ใช้คลีนเซอร์ช่วยในการล้างออกจะทำให้เกิดสิวขึ้น

9. หลังอาบน้ำเสร็จให้เช็ดตัวและเป่าผมให้แห้ง พร้อมกับระวังอย่าให้ผมที่เปียกน้ำสัมผัสกับแผ่นหลังของตัวเอง และพยายามเช็ดตัวและเป่าผมให้แห้งทุกครั้งก่อนที่จะสวมเสื้อผ้า

10. เลือกใช้สบู่ที่มีสารยับยั้งแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสิวที่หลังขึ้น

11. สิวที่หลังมักเกิดขึ้นมาจากเหงื่อและแห้งไปกับตัว ถ้าหากเป็นไปได้พยายามอาบน้ำหลังจากที่มีเหงื่ออกแล้วเช็ดตัวให้แห้ง

12. ใช้ผงซักฟอกที่มีฤทธิ์อ่อน ในการซักเสื้อผ้าและผ้าปูที่นอน เพื่อลดโอกาสเกิดการระคายเคืองของผิวหนังและลดการเกิดสิวที่หลัง

วิธีรักษาสิวที่หลังอย่างง่ายๆ ด้วยตัวเอง

เมื่อเกิดสิวที่หลังขึ้นมาแล้ว คุณสาวๆ สามารถที่จะเริ่มรักษาได้ด้วยตัวเอง ด้วยวิธีการง่ายๆ ดังต่อไปนี้

1. เริ่มต้นจากการหลีกเลี่ยงการระคายเคืองของผิวหนัง ไม่ควรขัด ถู ผิวหนังอย่างรุนแรง เพราะยิ่งรุนแรงกับผิวมากเท่าไหร่ สิวก็จะยิ่งมีจำนวนมากขึ้นเท่านั้น

2. ใช้สำลีชุบโทนเนอร์เช็ดบริเวณที่เป็นสิวหลังอาบน้ำ ซึ่งควรใช้โทนเนอร์สำหรับผิวที่เป็นสิวโดยเฉพาะ หรือใช้โทนเนอร์ที่เราใช้กับใบหน้าอยู่เป็นประจำทุกวัน ที่ใช้แล้วไม่เกิดสิวขึ้นบนใบหน้า

3. ทายาแต้มหัวสิว โดยใช้ยาแต้มหัวสิวที่ใช้กับใบหน้า ซึ่งในปัจจุบันมียาแต้มหัวสิวที่ได้รับการแนะนำ และได้รับความนิยมอยู่หลายยี่ห้อ เช่น Dr. Young Spot Stop Serum, Clinda M, Benzac AC, Smoot E Acne Hydro Gel เป็นต้น

4. รับประทานยารักษาสิว โดยยาที่ใช้ควรเป็นยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ ที่จะช่วยทำให้สิวแห้งและยุบตัวลงไปภายใน 2-4 สัปดาห์

5. ทายาแป้งรักษาสิว เป็นยาที่มีลักษณะคล้ายแป้งน้ำสำหรับทาเพื่อรักษาสิวที่หลัง ซึ่งจะทำให้สิวหลุดง่าย แต่ต้องใช้เวลาเวลาสักระยะหนึ่งประมาณ 4-6 สัปดาห์ ข้อดีคือ สามารถใช้ได้อย่างต่อเนื่องได้ โดยไม่มีผลข้างเคียง

อย่างไรก็ตาม วิธีการรักษาที่ได้แนะนำมาแล้วในตอนต้นนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ วิธีการรักษาสิวที่ดีที่สุด ก็ยังคงเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดสิวขึ้นมาตั้งแต่แรก ดังนั้นก่อนที่จะปล่อยเลยตามเลยจนทำให้สิวที่หลังเกิดขึ้น เราควรที่จะเริ่มต้นปกป้องแผ่นหลัง

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

วิธีรักษาสิวหัวดำ โดยธรรมชาติ

สิวหัวดำ หรือสิวเสี้ยน เป็นอีกหนึ่งในปัญหาเรื่องสิวที่ก่อกวนความมั่นใจของคุณสาวๆมากที่สุด เพราะนอกจากจะทำให้ผิวไม่เรียบแล้ว หัวดำๆยังสะดุดตาเวลามองอีกด้วย

โดยส่วนใหญ่แล้วเจ้าสิวหัวดำเหล่านี้มักจะขึ้นอยู่ตามบริเวณจมูก แก้มสองข้างใกล้กับจมูก หรือคาง โดยเกิดขึ้นจากการอุดตันของกระจุกเส้นขนเล็กๆ ที่อยู่บนใบหน้า เพราะน้ำมันตามธรรมชาติของผิวหนังเกิดการสะสมและแข็งตัวอยู่ภายในรูขุมขน และเมื่อผสมเข้ากับสารพิษที่พยายามออกมาจากผิว

รวมไปถึงเชื้อแบคทีเรียภายนอก น้ำมันดังกล่าวจะกลายสภาพเป็นเหมือนกับกาวเหนียวที่อุดอยู่บนรูขุมขน โดยที่มีส่วนปลายสีดำโผล่ออกมาเหนือผิวหนัง หรือที่เรียกกันติดปากว่า สิวหัวดำ นั่นเอง โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ชนิดหัวขาว และชนิดหัวดำ

รักษาสิวหัวดำวิธีธรรมชาติง่ายๆ ด้วยตนเอง

สำหรับในวันนี้จะมาขอแนะนำวิธีจัดการกับเจ้าสิวหัวดำตัวร้ายด้วยตัวเอง โดยการใช้วิธีการทางธรรมชาติอย่างง่ายๆ เพียงแค่ใช้ผัก ผลไม้ และของที่สามารถหาได้ไม่ยากนักในชีวิตประจำวันเข้ามาช่วย ซึ่งคุณสาวๆสามารถที่จะเลือกใช้วิธีการที่เหมาะสมกับตัวเองได้ ดังต่อไปนี้

น้ำมะนาว+น้ำผึ้งอุ่น นำน้ำมะนาว 3-4 หยด หยดลงบนน้ำผึ้งที่มีอัตราส่วนเท่ากัน จากนั้นนำไปแต้มลงบนหัวสิว ทิ้งเอาไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออก สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง สิวหัวดำจะค่อยๆหายไป

ไข่ขาว เป็นวิธีการจัดการกับสิวหัวดำที่ใช้ได้ผลมาตั้งแต่สมัยโบราณ สำหรับวิธีการก็ไม่ยาก เพียงแค่แยกไข่ขาวออกจากไข่แดง แล้วนำส่วนไข่ขาวมาพอกหน้าทิ้งเอาไว้ในบริเวณที่เป็นสิวหัวดำ หากระดาษซับหน้าแปะทิ้งเอาไว้ให้แห้งแล้วลอกออก สัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะช่วยขจัดสิวหัวดำออกไปอย่างได้ผล

มันฝรั่ง มันฝรั่งดิบสามารถใช้รักษาปัญหาสิวหัวดำได้ โดยการนำมันฝรั่งดิบมาสับจนละเอียด แล้วพอกลงบนบริเวณที่เป็นสิวหัวดำ ทิ้งเอาไว้สักครู่ แล้วค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด

เบคกิ้งโซดา+น้ำเปล่า ผสมเบคกิ้งโซดา 3 ช้อนโต๊ะเข้ากับน้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ แล้วนำไปถูลงบนบริเวณที่เป็นสิวหัวดำ 2-3 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น จะช่วยในการกำจัดสิวเสี้ยนออกจากใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้าวโอ๊ต+กุหลาบ เป็นการทำทรีเมนต์ใบหน้า โดยการผสมข้าวโอ๊ตสับละเอียดเข้ากับน้ำกุหลาบให้ส่วนผสมข้นๆ แล้วทาส่วนผสมลงบนใบหน้าบริเวณที่เป็นสิวหัวดำ ทิ้งเอาไว้ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็น ซึ่งจะช่วยในการกำจัดสิวหัวดำ พร้อมกับป้องกันการเกิดสิวขึ้นมาใหม่ไปพร้อมๆกัน

ถั่วเขียว นำถั่วเขียวไปต้มให้สุก แล้วนำถั่วเขียว จำนวน 3 ช้อนโต๊ะ ผสมเข้ากับกำมะถันผง 1 ช้อนชา และไข่ขาว 1 ฟอง ปั่นรวมให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำมาพอกหน้า พร้อมกับนวดเบาๆ ทิ้งเอาไว้ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด วิธีนี้สามารถทำซ้ำได้ทุกๆ 5 วัน

น้ำมะขามเปียก นำน้ำมะขามเปียกมาทาในบริเวณที่เป็นสิวเสี้ยนวันละ 1-2 ครั้ง ถ้าหากรู้สึกแสบผิวในขณะที่ทา ให้ผสมน้ำเปล่าเพิ่มเข้าไปอีกสักเล็กน้อย เมื่อใช้ไปได้ระยะหนึ่งสิวหัวดำจะค่อยๆลดลง

มะเฟือง นำมะเฟืองไปคั้นน้ำ แล้วนำน้ำจากมะเฟืองไปเช็ดบริเวณที่เกิดสิวหัวดำวันละ 1 ครั้ง น้ำจากมะเฟืองจะช่วยขัดเอาเซลล์ผิวที่ตายออกไป ทำให้ผิวหนังเกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทน ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน สิวหัวดำจะค่อยๆจางลงและหายไปในที่สุด แต่ในกรณีที่ผิวใบหน้าบอบบาง ควรผสมน้ำผสมกับน้ำสะอาดในอัตรามะเฟือง 1 ส่วน น้ำสะอาด 2 ส่วน

ไข่ต้ม นำไข่ต้มที่ยังร้อนอยู่มาแกะเปลือกออก แล้วนำไข่ไปกลิ้งบริเวณที่เป็นสิวเสี้ยน และสิวหัวดำ ความร้อนจากไข่จะช่วยขยายรูขุมขน และเนื้อไข่จะดูดหัวสิวออกมา ซึ่งวิธีดังกล่าวใช้ได้กับเฉพาะสิวเสี้ยนที่ไม่ยึดติดแน่นจนเกินไป

อย่างไรก็ตาม วิธีการรักษาที่ได้แนะนำมาแล้วในตอนต้นนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ วิธีการรักษาสิวที่ดีที่สุด ก็ยังคงเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดสิวขึ้นมาตั้งแต่แรก ดังนั้นก่อนที่จะปล่อยเลยตามเลยจนทำให้สิวที่หลังเกิดขึ้น เราควรที่จะเริ่มต้นปกป้องแผ่นหลัง

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.