เรื่องของส่วนสูง เป็นหนึ่งในปัญหาที่หลายๆคนทุกยุคทุกสมัยต่างต้องประสบพบเจอ เพราะเชื่อกันว่ายิ่งีส่วนสูงมาก ก็จะยิ่งได้เปรียบในหลายๆด้านไม่ว่าจะเป็นทั้งในเรื่องการใช้ชีวิต หน้าที่การงาน หรือแม้กระทั่งในเรื่องของความรัก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่กระตุ้นให้หลายๆคนพยายามมองหาวิธีเพิ่มความสูง หรือเคล์ดลับต่างๆที่จะสามารถนำมาใช้เป็นวิธีเพิ่มความสูงกันอย่างมากมายเลยทีเดียว แต่โดยส่วนใหญ่แล้วส่วนสูงของคนเรามักจะเกิดขึ้นจากพันธุ์กรรมที่ได้รับมากจากพ่อแม่ แต่ก็ใช่ว่าสิ่งนี้จะเป็นเพียงปัจจัยเดียวที่ส่งผลต่อความสูง เพราะในเชิงของวิทยาศาสตร์นั้น ได้ทำการค้นคว้าวิจัยล้วพบว่า สิ่งที่สำคัญมากที่สุดอย่างหนึ่งต่อความสูงนั้น ประกอบด้วยฮอร์โมนในร่างกายที่ถูกเรียกว่า HGH หรือ Human Growth Hormone ที่ทำการควบคุมการเจริญเติบโตของกระดูกต่างๆในร่างกาย นอกจากนี้ความสูงยังรวมไปถึงปัจจัยแทรกซ้อนอื่นๆที่อาจเกิดขึ้นในขณะที่ผู้เป็นแม่ตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นการสูบบุหรี่ การดูแลหลังการคลอดไม่ดี น้ำหนักตัวแรกเกิดต่ำ รวมไปถึงปัญหาสุขภาพในวัยเด็กที่ไม่ดี เป็นต้น แต่คนที่ไม่ค่อยสูงนัก จนกระทั่งสูญเสียความมั่นใจในตัวเองนั้น ถ้าหากทำการศึกษาอย่างลึกซึ้งจะพบว่า ยังมีวิธีเพิ่มความสูงอีกมากมายหลายแบบ ที่จะช่วยเพิ่มส่วนสูงของคุณให้มากขึ้นได้จริง ด้วยการใช้เพียงความพยายามล้วนๆ

วิธีการเพิ่มความสูงด้วยตัวเอง
คนส่วนใหญ่โดยทั่วไปมักที่จะคิดว่าตัวเองจะหยุดการเจริญเติบโตเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ หรือเมื่ออายุ 18 ปี แต่ในความเป็นจริงแล้ว คุณยังสามารถที่จะเพิ่มส่วนสูงให้มากยิ่งขึ้นได้อีก ถึงแม้จะเพียงไม่กี่นิ้ว ด้วยการควบคุมพฤติกรรมบางอย่างของตัวเอง และส่งเสริมสุขภาพของตัวเองให้สมบูรณ์ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
1.Ashwagandha หรือที่รู้จักกันในชื่อของโสมอินเดีย อุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆที่ช่วยในการขยายโครงกระดูก และความหนาแน่น ซึ่งเป็นการช่วยเพิ่มส่วนสูงของคุณให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งคุณสามารถหากซื้มันได้จากร้านขายสมุนไพร ส่วนวิธีใช้ก็แสนง่ายเพียงแค่ผสมผงโสมสองช้อนโต๊ะ ลงในแก้วนมวัวอุ่นๆ และดื่มมันก่อนเข้านอนเป็นประจำต่อเนื่องอย่างน้อย 45 วัน เท่านั้นเอง
2.ดื่มนม วิธีเพิ่มความสูงแบบคลาสสิคที่สามารถใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย นมอุดมไปด้วยแคลเซียม และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของกระดูก นอกจากนี้ยังมีวิตามิน รวมไปถึงโปรตีนที่จำเป็นต่างๆ ที่ช่วยในการพัฒนาโดยรวมของร่างกาย ซึ่งรวมไปถึงความสูงอีกด้วย
          3.โยคะ ช่วยในการเพิ่มส่วนสูงให้กับคุณได้อย่างเป็นธรรมชาติ เนื่องจากเป็นการอำนวยความสะดวกของฮอร์โมนการเจริญเติบโตในร่างกาย นอกจากนี้โยคะยังช่วยในการลดความเครียด ความตึงเครียดในกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นการช่วยปูทางสำหรับการเจริญเติบโตของร่างกายอย่างสูงสุด โดยเฉพาะ 10 กระบวนท่าของ Surya Namaska

         4.ยืดร่างกาย เป็นวิธีเพิ่มความสูงด้วยการยืดกล้ามเนื้อ โดยการยืนอยู่บนปลายเท้าวันละเพียงไม่กี่นาทีต่อวัน วันละหลายๆครั้งเท่านั้น
 5.ออกกำลังกายและเล่นกีฬา กิจกรรมเหล่านี้เป็นหนึ่งในวิธีเพิ่มความสูงที่ได้รับความนิยม เนื่องจากช่วยในการกระตุ้นการปล่อยฮอร์โมนที่มีส่วนช่วยในการทำให้มีความสูงมากขึ้น ดังนั้นถ้าหากมีโอกาส คุณควรมีส่วนร่วมในกิจกรรมออกกำลังกาย รวมไปถึงกีฬาต่างๆให้บ่อยครั้งที่สุด อย่างน้อยครั้งละ 30 นาที
 6.นอนหลับพักผ่อนอย่างเหมาะสม ร่างกายของคนเราจะมีการฟื้นฟูเลือด และเนื้อเยื่อในขณะที่นอนหลับลึก นอกจากนี้สมองยังที่นอนหลับอย่างผ่อนคลายจะมีการปล่อยฮอร์โมนที่ช่วยในการเจริญเติบโตที่มากยิ่งขึ้น ดังนั้นคุณจึงควรที่จะนอนหลับอย่างน้อย 8 – 11 ชั่วโมง ทุกคืน 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

         ความสูง เป็นสิ่งที่หลายๆคนต่างมุ่งหมายอย่างจะมีส่วนสูงที่พอเหมาะ และได้รับการยอมรับทางสังคม แต่มีหลายคนที่อายุเกินมาตรฐานในการเจริญเติบโตไปแล้ว พร้อมกับถอดใจมองว่าการเพิ่มส่วนสูงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับใครก็ตามที่กำลังคิดเช่นนั้น บทความชิ้นนี้กำลังจะเฉลยบอกว่าแนวคิดเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ผิด เพราะที่จริงแล้วเพียงแค่ออกกำลังกายอย่างง่ายๆ ก็เป็นวิธีเพิ่มความสูงได้บ้าง ซึ่งวิธีเพิ่มความสูงด้วยการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมมีอะไรบ้างนั้น สามารถติดตามอ่านได้จากบทความชิ้นนี้กันเลย

15 กีฬายอดฮิต สำหรับคนที่อยากเพิ่มส่วนสูงให้กับตัวเอง
 1.ว่ายน้ำ เป็นกีฬาที่จำเป็นจะต้องใช้ความสมบูรณ์ของกล้ามเนื้อทุกส่วน ซึ่งเป็นการค่อยๆช่วยเพิ่มความสูง แต่คุณจำเป็นที่จะต้องว่ายน้ำอย่างยาวนานและต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน และถ้าหากคุณต้องการที่จะใช้การว่ายน้ำเป็นวิธีเพิ่มความสูงจริงๆ คุณควรวางแผนสำหรับการว่ายน้ำเอาไว้ครั้งละประมาณ 2 ชั่วโมง
 2.โหนราว เป็นวิธีเพิ่มความสูงด้วยการแกกำลังกายแขน ด้วยการแขวนตัวลงมาจากบาร์ และปล่อยให้น้ำหนักตัวช่วยในการบืดร่างกายของคุณ ซึ่งจำเป็นที่จะต้องทำวิธีออกกำลังกายเหล่านี้ซ้ำๆไปมาหลายครั้งต่อสัปดาห์
 3.แตะเท้า การยืนตัวตรงพร้อมกับพยายามยืดมือไปแตะที่ปลายเท้า เป็นหนึ่งในวิธีเพิ่มความสูงอย่างง่ายๆ โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีต่อวัน
 4.ฝึกยืดตัวแบบงูเห่า เป็นวิธีการยืดกระดูกสันหลัง รวมไปถึงร่างกายส่วนต่างๆ ด้วยการนอนราบกับพื้น ให้ใบหน้า และฝ่ามืออยู่ในระดับใต้ไหล่ จากนั้นให้พยายามยกคางขึ้นให้กระดูกสันหลังของคุณอยู่ในลักษณะถูกดัดให้โค้ง
 5.ฝึกยืดกระดูกเชิงกราน เป็นการออกกำลังกายโดยมีเป้าหมาเพื่อให้กระดูกสันหลัง และสะโพก ให้ยืดมากขึ้นกว่าเดิม สำหรับวิธีการก็แสนง่าย เพียงแค่คุณทำการนอนราบลงกับพื้น งอขาของคุณ พร้อมกับค่อยๆพลักกระดูกเชิงกรานขึ้น และควรทำซ้ำหลายๆครั้ง ในเวลา 20-30 นาที เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
 6.ยืดขา การเหยียดขาที่ถูกต้อง จะช่วยยืดกล้ามเนื้อและกระดูกบริเวณน่อง ซึ่งจะเป็นการช่วยทำให้ความสูงเพิ่มมากขึ้น หนึ่งในวิธีที่ดีที่สดคือ การยืนขนากับผนัง แล้ววางมือบนผนัง จากนั้นให้ทุ่มแรงใส่น้ำหนักกับมือของคุณ แล้วค่อยๆทำการขยับขาข้างหนึ่งที่ใกล้ชิดกับผนัง ค้างเอาไว้ประมาณ 20-30 วินาที คุณจะค่อยๆรู้สึกถึงแรงต้านที่เกิดขึ้น และควรทำซ้ำๆอีกหลายๆครั้งต่อวัน

         7.สะพานโค้ง การออกกำลังกายประเภทนี้เป็นที่รู้จักกันดี และยังเป็นท่าบริหารที่ให้ผลลัพธ์อย่างน่ามหัศจรรย์สำหรับเพิ่มความสูง
 8.กระโดดเชือก การกระโดดเชือกไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมออกกำลังกายในโรงเรียน แต่มันได้ถูกคำนวณจากผู้เชี่ยวชาญมาแล้วว่า สามารถช่วยยืดร่างกายหู้งขึ้น โดยเฉพาะกับขาที่ต่ำกว่า นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย
 9.กระโดด การกระโดดในแนวตั้งช่วยทำให่ร่างกายเกิดการเหยียดกระดูกอ่อนออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระดูกอ่อนในบริเวณขา การกระโดดอย่างต่อเนื่องจะค่อยๆทำให้ร่างกายปรับสภาพสูงมากขึ้น แต่ถ้าหากคุณเบื่อที่จะทำการกระโดดเพียงลำพังอยู่ที่บ้าน คุณก็สามารถที่จะออกไปเล่นบาสเก็ตบอลกับเพื่อนๆ ซึ่งให้ผลลัพ์เช่นเดียวกับการกระโดดแนวตั้งได้เช่นกัน
 10.ออกกำลังกายแบบหมาแมว เป็นการออกำลังกายที่เลียนแบบท่าของสัตว์เลี้ยงใกล้ตัว เริ่มต้นจากการที่ลงไปคุกเข่าในลักษณะเตรียมพร้อมคลาน จากนั้นให้ยืดตัวท่อนบนขึ้นสูง ในขณะที่ศรีษะก้มลงต่ำ แล้วออกแรงผลักทิ้งน้ำหนักลงไปที่พื้น จากนั้นให้ทำซ้ำท่าบริหารเหล่านี้ไปมาอีกหลายๆครั้ง

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

น้ำหนัก ส่วนสูง สองสิ่งนี้มีความสัมพันธ์กัน โดนคนส่วนใหญ่มักจะรับรู้ว่าหากมีส่วนไหนเยอะเกินพอดีก็จะทำให้รูปร่างดูไม่ดี เช่นสูงไปก็ทำให้ตัวดูโกร่ง หรือน้ำหนักเยอะเกินไปก็ทำให้ดูอ้วน แต่เรื่องขอรูปร่างภายนอกก็ยังไม่มีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนเพราะมาตรฐานของคนเราย่อมไม่เหมือนกัน คำถามต่อมาคือเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเริ่มอ้วนแล้วหรือเราผอมเกินไป
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า น้ำหนัก ส่วนสูง นั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างมาก เพราะสามารถใช้บ่งบอกได้ว่าเราอ้วนไปหรือผอมไป โดยไม่ได้วัดจากรูปร่างภายนอก แต่นำน้ำหนัก ส่วนสูงไปคำนวณค่าดัชนีมวลร่างกายหรือที่รู้จักกันในชื่อ ค่าBMI (Body Mass Index) โดยวิธีคิดนั้นก็ไม่ยากเพียงแค่นำ น้ำหนัก(กก.) / ส่วนสูง (เมตร) x ส่วนสูง (เมตร) ก็จะได้ค่าดัชนีมวลกาย 

            ยกตัวอย่างเช่น หากเรามีน้ำหนัก 65 กก. สูง 157 วิธีคิดก็จะออกมาเป็น 65/1.57 x 1.57 = 26.4 จากนั้นนำค่าที่ได้ไปวัดกับมาตรฐานของค่าดัชนีมวลกาย ซึ่งมีเกณฑ์กำหนดดังนี้

• ค่าดัชนีมวลกายมีน้อยกว่า 18.5 “ผอมเกินไป” โดยส่วนมากจะเกิดกับนักกีฬาที่ออกกำลังกายมาก แต่ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ วิธีแก้ไขก็คือการรับประทานอาหารให้เพียงพอและสม่ำเสมอ และหาวิธีออกกำลังกายอย่างเหมาะสม

• ค่าดัชนีมวลกายอยู่ระหว่าง 18.5 – 23.4 “น้ำหนักปกติ” คนในกลุ่มนี้มักจะมีสุขภาพที่ดีไม่ค่อยเป็นโรค

• ค่าดัชนีมวลกายอยู่ระหว่าง 23.5 – 28.4 “น้ำหนักเกิน” เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าตัวเราเริ่มอ้วนแล้ว หากยังมีพฤติกรรมการบริโภคแบบเดิมอยู่ ก็อาจจะทำให้อ้วนได้
• ค่าดัชนีมวลกายอยู่ระหว่าง 28.5 – 34.9 “อ้วนระดับ 1” สัญญาณบ่งบอกถึงความอ้วนในตัวเรา แต่อาจจะยังไม่ถึงขั้นรูปร่างอ้วนฉุ แต่ถ้าหากรอบเอวเริ่มมีมากกว่า 90 ซม.(ชาย) และ 80 ซม.(หญิง) คนกลุ่มนี้ย่อมมีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานสูง จำเป็นต้องควบคุมอาหารและออกกำลังกายเสมอเพื่อป้องกันโรค
• ค่าดัชนีมวลกายอยู่ระหว่าง 35.0 – 39.9 “อ้วนระดับ 2” เป็นความอ้วนที่มีความเสี่ยงสูงและต้องควคุมอาหารควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างจริงจัง

• ค่าดัชนีมวลกายมีมากกว่า 40 “อ้วนมากๆ” เป็นระดับความอ้วนที่มากที่สุดต้องหาวิธีควบคุมน้ำหนักอย่าจริงจังและเร่งด่วนที่สุด ไม่เช่นนั้นโรคร้ายต่างๆถามหาแน่ๆ 

            หลังจากที่ได้รู้แล้วว่าค่าดัชนีมวลกายของเราอยู่ในเกณฑ์ไหน หลายคนอาจจะสงสัยว่าการที่อ้วนไปมันส่งผลเสียขนาดนั้นเลยหรือ? คำตอบคือใช่แน่นอน โดยความอ้วนนอกจากจะทำให้ร่างกายเราดูไม่ดีแล้วยังส่งผลเสี่ยงทำให้เป็นโรค เช่น

1. โรคความดันโลหิตสูง โดยคนอ้วนจะมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าคนปกติถึง 2.9 เท่โดยจะเพิ่มความเสี่ยงขึ้นตามระยะความอ้วน แต่ถ้าน้ำหนักลดความเสี่ยงก็ลดเช่นกัน
2. โรคหัวใจวาย เพราะไขมันที่เยอะมากจะทำให้ไปอุดตัวหลอดเลือดที่หัวใจใช้สูบฉีดเลือด ซึ่งโรคนี้หากเป็น อาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้
3. โรคเบาหวาน
4. โรคไขมันในเลือดสูง
5. โรคหลอดเลือดสมอง จะเกิดขึ้นมากโดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 30        

            นี่เป็นเพียงแค่ 5 โรคร้ายที่ถูกกล่าวถึงสำหรับโรคอ้วน ซึ่งแต่ละโรคนั้นก็ส่งผลเสียถึงขั้นเสียชีวิต จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องควบคุมน้ำหนักและดูแลรักษาสุขภาพ และขอแสดงความยินดีกับคนที่มีค่าดัชนีมวลกายอยู่ในเกณฑ์ปกติ ขอให้รักษาสุขภาพที่ดีอย่างนี้ต่อไป และนี่ก็คือประโยชน์ของค่าน้ำหนัก ส่วนสูง ที่มีความสัมพันธ์กัน นอกจากจะเป็นความพอดีของร่างกายเราแล้ว ยังใช้เป็นสัญญาณเตือนภัยที่จะมากกับโรคร้ายได้ด้วย ขอให้ทุกคนดูแล น้ำหนัก ส่วนสูง อย่าให้ค่าไหนสูงเกินพอดีนะครับ ไม่เช่นนั้นโรคร้ายอาจจะถามหาได้ 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า