เทคนิคทาตาให้สวยด้วยอายแชโดว์

การแต่งหน้าทาตาด้วยอายแชโดว์ เป็นการช่วยทำให้ดวงตาของคุณสาวๆ โดดเด่นมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น สำหรับคุณสาวๆมือใหม่ที่อยากจะลองแต่งหน้าด้วยอายแชโดว์เป็นครั้งแรก คงจะเกิดความกังวลใจไม่น้อยว่า เมื่อแต่งออกมาแล้วกลัวจะไม่สวยเหมือนกับคุณสาวๆ คนอื่นๆ

สำหรับในวันนี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือคุณสาวๆ มือใหม่ จึงจะขอพาแนะนำไปรู้จักกับ เทคนิคการตกแต่งดวงตาให้สวยด้วยอายแชโดว์อย่างง่ายๆ ที่แม้แต่คุณสาวๆ มือใหม่ก็สามารถที่จะทำได้ด้วยตัวเอง

เอาล่ะ.. เรามารู้จักกับขั้นตอนแรกกันเลยดีกว่า…

เลือกใช้การตกแต่งดวงตาที่เหมาะกับตัวคุณสาวๆ เอง

            เทคนิคการแต่งหน้าด้วยอายแชโดว์ เป็นการเน้นความโดดเด่นให้กับดวงตา ซึ่งดวงตาของแต่ละคนก็จะมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นก่อนอื่นคุณสาวๆ ควรทำการพิจารณาก่อนว่า ดวงตาของตัวเองนั้นมีลักษณะเป็นเช่นใด หลังจากนั้นจึงค่อยเลือกใช้เทคนิคอายแชโดว์มาช่วยในการแต่งให้สวยตามลักษณะรูปตาของตัวเอง

1. ตาชิด คุณสาวๆที่มีดวงตาชิดกัน สามารถใช้อายแชโดว์ช่วยตบแต่งให้ดวงตาดูห่างกันมากขึ้นได้ โดยใช้อายแชโดว์สีอ่อนทาที่บริเวณหัวตา และลงสีเข้มที่หางตา

2. ตาลึก คุณสาวๆที่มีดวงตาลึกเข้าไปในเบ้าตามากกว่าปกติ ทำให้เปลือกตาดูมีน้อยมากกว่าปกติ สามารถใช้อายแชโดว์สีอ่อนกับส่วนของเปลือกตาที่สามารถสังเกตเห็นได้ แล้วเลือกใช้อายแชโดว์สีเข้มกับช่วงรอบพับเปลือกตาและส่วนของหนังตาที่อยู่เหนือรอบพับขึ้นไป

            3. ตาตก คุณสาวๆ ที่มีดวงตาในลักษณะที่ส่วนของหางตาอยู่ต่ำกว่าหัวตา สามารถใช้เทคนิคเบลนด์สีอายแชโดว์ตั้งแต่หางตาเข้ามาจนถึง 2/3 ของความยาวรูปตา และกรีดตาให้ชิดแนวขนตา รวมทั้งดัดขนตาก่อนปัดมาสคาร่าจะเป็นการช่วยสร้างความสมดุลให้กับหางตาที่ตกได้

4. หนังตาพับเป็นชั้น คุณสาวๆที่มีหนังตาพับเป็นชั้น ซึ่งทำให้ดูเป็นคนตาตี่ เป็นปัญหาที่ค่อนข้างแก้ไขยากหากต้องอาศัยเพียงเทคนิคการแต่งหน้าเพียงอย่างเดียว แต่อย่างไรก็ตามคุณสาวๆที่มีดวงตาในลักษณะดังกล่าว ควรหลีกเลี่ยงการใช้อายแชโดว์แบบที่มีประกายวิบวับ และควรเลือกใช้เฉพาะแบบเนื้อแมตต์เท่านั้น

5. ตาโปน คุณสาวๆที่มีดวงตาโปน สามารถพรางดวงตาไม่ให้ดูโปนโตมากนัก ด้วยการเลือกใช้อายแชโดว์สีเข้มกับเปลือกตา และไม่ควรใช้อาบแชโดว์สีอ่อน เพราะจะยิ่งเป็นการกระจายแสงทำให้ดวงตาดูบวมและโปนมากยิ่งขึ้น

6. ตากลม คุณสาวๆที่มีดวงตาในลักษณะนี้ ควรเพิ่มความยาวของรูปตา โดยการใช้อายแชโดว์สีกลางๆ ที่เปลือกตาขึ้นไปหารอบพับเปลือกตา หลังจากนั้นใช้อายแชโดว์สีเข้มที่หางตาแล้วไล่เฉียงๆให้สูงขึ้นไปหาหางคิ้ว จะเป็นการช่วยทำให้รูปตาของคุณสาวๆดูยาวและเรียวรีมากยิ่งขึ้น

7. ดวงตารูปเมล็ดอัลมอนด์ เป็นลักษณะของรูปทรงดวงตาที่สมบูรณ์มากที่สุด สำหรับคุณสาวๆที่มีดวงตาในลักษณะดังกล่าว สามารถเลือกใช้เทคนิคการแต่งตาได้ทุกรูปแบบ

เลือกใช้สีของอายแชโดว์ให้มีความหลากหลาย

            คุณสาวๆ หลายคนอาจจะคิดว่า การใช้อายแชโดว์เพียงสีเดียวก็เพียงพอแล้วในการตกแต่งดวงตาให้มีมิติ แต่ความจริงแล้วอายแชโดว์เพียงสีเดียวยังไม่ได้เป็นการช่วยทำให้ดวงตาของคุณสาวๆดูเด่นเป็นมิติขึ้นมาได้เท่าที่ควร ถ้าหากคุณสาวๆต้องการที่สร้างมิติ และเน้นดวงตาให้สวยคมขึ้นไปอีกขึ้น

คุณสาวๆ จึงควรที่จะมีเฉดสีของอายแชโดว์อย่างน้อย 2-3 สี โดยเลือกใช้อายแชโดว์สีอ่อน สีกลางๆ สลับกับสีเข้ม ในการตกแต่งดวงตา โดยมีวิธีการใช้สีของอายแชโดว์สลับกันอย่างง่ายๆ ดังต่อไปนี้

1. เทคนิคการใช้อายแชโดว์แบบ 3 สี ในกรณีที่มีอายชาโดว์สีอ่อน สีกลางๆ และสีเข้ม โดยใช้อายแชโดว์สีอ่อนที่สุด ใช้ทาเป็นรองพื้นที่เปลือกตา จากนั้นทำไฮไลต์บนโหนกคิ้ว แล้วใช้อายแชโดว์สีกลางๆ ใช้ทาลงบริเวณรอบพับตามแนวขนตาล่างและหัวตา เพื่อสร้างความลึก ทำให้ดวงตาดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

หลังจากนั้นใช้อายแชโดว์สีที่เข้มที่สุด ใช้ทาลงบนเปลือกตา โดยทำการลากผ่านหางตาไปเล็กน้อย เพื่อเป็นการช่วยเน้นให้ดวงตาดูคมเข้มขึ้น

2. เทคนิคการใช้อายแชโดว์แบบ 2 สี ในกรณีที่มีอายชาโดว์สีอ่อน และสีเข้ม โดยใช้อายแชโดว์สีอ่อน ทาให้ทั่วเปลือกตา หลังจากนั้นใช้อายชาโดว์สีเข้ม ทาลากผ่านหางตาไปเล็กน้อย เพื่อเน้นดวงตาให้ดูคมเข้มมากยิ่งขึ้น

เทคนิคพื้นฐานและวิธีการในการใช้อายแชโดว์ที่ควรทราบ

            หลังจากที่คุณสาวๆได้รู้จักกับวิธีการใช้อายแชโดว์ที่เหมาะสมกับรูปตา และการเลือกใช้สีของอายแชโดว์ให้มีความหลากหลายเพื่อสร้างมิติให้ดวงตามีความโดดเด่นสวยงามกันไปแล้ว ต่อไปเรามาพูดถึงเทคนิคพื้นฐานในการใช้อาบแชโดว์ที่ควรทราบ สำหรับคุณสาวๆมือใหม่กันบ้าง

1. ควรเตรียมผิวบริเวณเปลือกตาก่อนทำการทาอายแชโดว์ โดยการทารองพื้นเบส หรือการใช้คอนซีลเลอร์บางๆทา จากนั้นให้ใช้แป้งฝุ่นทาทับ

2. ต้องเกลี่ยอาแชโดว์ให้เนียนเรียบสม่ำเสมอ อย่าให้เนื้อของอายแชโดว์ไปกระจุกตัวรวมอยู่ที่บริเวณใดบริเวณหนึ่ง เพื่อความกลมกลืนอย่างเป็นธรรมชาติ

3. เคาะให้อายไลเนอร์หลุดออกจากแปรงเล็กน้อยทุกครั้งก่อนทาลงที่เปลือกตา หลังจากนั้นให้ค่อยๆแต้มอายแชโดว์ แล้วจึงเพิ่มระดับความเข้มขึ้นจนได้โทนสีที่คุณสาวๆต้องการ

4. ควรเริ่มทาอายแชโดว์จากสีที่อ่อนที่สุดก่อนเสมอ โดยใช้ทาเป็นสีพื้นบริเวณเปลือกตาให้ทั่ว ใช้อายแชโดว์สีกลางๆในบริเวณที่เป็นหัวตา และใช้สีเข้มที่สุดทางบริเวณหางตาและเส้นขอบตา

5. ไม่ควรทาอายแชโดว์ในบริเวณหางตาหรือหัวตามากจนเกินไป เพราะจะทำให้ดวงตาของคุณสาวๆดูเข้ม และหนักมากจนเกินไป

6. เทคนิคการทำให้อายแชโดว์ติดทนนานตลอดทั้งวัน ควรทาอายแชโดว์ประเภทเนื้อครีมลงที่เปลือกตาเป็นอันดับแรก จากนั้นค่อยทาอายแชโดว์แบบฝุ่นทับอีกครั้งจะเป็นการช่วยทำให้สีของอายแชโดว์ติดทนนานมากยิ่งขึ้น

7. เทคนิคการทาอายแชโดว์ให้ดวงตาดูสดใสมากยิ่งขึ้น ควรเลือกใช้อายแชโดว์ที่มีสีอ่อนๆ ทาที่บริเวณหัวตาให้มีลักษณะเป็นรูปตัววี จะเป็นการช่วยทำให้เน้นดวงตาให้ดูสว่างสดใสมากยิ่งขึ้น

8. ในกรณีที่ทาอายแชโดว์เข้มมากจนเกินไป หรือมีสีจัดมากจนเกินไป ให้ใช้คัตตอลบัตค่อยๆแตะเช็ดออกอย่างเบามือ จากนั้นกลบความเข้มของสีของอายแชโดว์โดยการใช้แป้งฝุ่นตบเบาๆ ก่อนการลงสีใหม่อีกครั้ง

9. ก่อนนอนควรทำความสะอาดอายแชโดว์ด้วยคลีนเซอร์เสมอ ในการทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน

หลังจากที่ได้เรียนรู้เทคนิคพื้นฐานในการแต่งหน้าโดยการใช้อายแชโดว์กันไปแล้ว คุณสาวๆหลายๆคนคงจะเริ่มมีความมั่นใจ และความสุขในการตกแต่งดวงตาให้ดูเด่นสวยงามอย่างมีมิติ โดยการใช้อายแชโดว์ที่มากขึ้น

ถ้าหากคุณสาวๆ เริ่มมีความชำนาญในการใช้อายแชโดว์มากขึ้น ก็สามารถที่จะทดลองผสมผสานสีสรรของอายแชโดว์เพื่อตกแต่งดวงตาของตัวเองให้สวยเด่นในสไตย์ของคุณสาวๆ เองได้

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

มารู้จักการเลือกอายไลเนอร์ให้เหมาะสมกับตัวเองกัน

อายไลเนอร์ (Eyeliner) เป็นเครื่องสำอางที่ใช้เขียนบริเวณรอบดวงตา เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับดวงตา ทั้งดวงตาแบบหวาน ลึกลับ โฉบเฉียว หรือมีสเน่ห์น่าค้นหา อีกทั้งยังช่วยทำให้ดวงตาดูโตขึ้นมากกว่าปกติ ซึ่งอายไลเนอร์นี้มีประวัติการใช้งานคู่กับคุณสาวๆ มาอย่างยาวนาน นับย้อนไปตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ และยุคเมโสโปเตเมียกันเลยทีเดียว

สำหรับในยุคนี้ อายไลเนอร์ ก็ยังถือเป็นเครื่องสำอางที่คุณสาวๆไม่สามารถขาดได้ เพราะไม่ว่าใครก็อยากที่จะมีดวงตาที่คมสวยด้วยกันทั้งนั้น  แต่เมื่อทำการกรีดอายไลเนอร์ไปแล้ว คุณสาวๆ หลายคนอาจจะรู้สึกไม่พอใจกับทั้งขนาดและรูปทรงของเส้นอายไลเนอร์นัก

ในวันนี้เลยจะขอพาคุณสาวๆ มือใหม่ที่อยากเริ่มทำการกรีดอายไลเนอร์ ไปแอบดูกันว่ามีอายไลเนอร์แบบไหนกันบ้าง เพื่อที่จะได้สามรถตัดสินใจเลือกใช้ อายไลเนอร์ได้อย่างเหมาะสมกับดวงตา และความต้องการใช้งานของคุณสาวๆ

ประเภทของอายไลเนอร์และการใช้งานอย่างเหมาะสม

ก่อนที่คุณสาวๆ จะตัดสินใจเลือกซื้ออายไลเนอร์มาใช้ ก่อนอื่นต้องมารู้จักกับประเภทของอายไลเนอร์ รวมไปถึงข้อดี ข้อเสีย และการใช้งานที่เหมาะสมกับจุดประสงค์ในการใช้งานของคุณสาวๆ ว่าต้องการแต่งหน้าแบบไหน ดังต่อไปนี้

1. อายไลเนอร์ชนิด Gel มีลักษณะเป็นเนื้อเจลอ่อนนิ่ม ใช้งานได้ง่าย เป็นอายไลเนอร์ที่ต้องใช้ควบคู่กับแปรง ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่คุณสาวๆที่นิยมการแต่งหน้าจนในระดับมือโปร เนื่องจากสามารถติดทนนาน และเขียนให้หนาได้ในเวลาที่รวดเร็ว เหมาะกับคุณสาวๆที่ต้องการแต่งตาแบบคมเข้ม เพราะช่วยทำให้ดวงตาดูกลมโต คมเข้ม และมีความโดดเด่น อีกทั้งยังติดทนยาวนานตลอดทั้งวัน แต่มีข้อเสียคือ ถ้าหากเนื้อเจลแห้งจะใช้งานยาก เกลี่ยให้เรียบได้ยาก

2. อายไลเนอร์ชนิด Liquid หรือแบบน้ำ มักบรรจุอยู่ในขวดเล็กๆ มีลักษณะเป็นน้ำ มีสีที่ทึบ มักจะใช้ควบคู่กับพู่กัน หรือแปรง ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากคุณสาวๆที่มีทักษะการกรีดอายไลเนอร์ เพราะมีสีที่ชัดมากกว่าอายไลเนอร์แบบดินสอ ให้เส้นเล็กและคมชัด แต่ควบคุมการเขียนได้ยากกว่าอายไลเนอร์แบบดินสอ เหมาะกับคุณสาวๆ ที่ต้องการแต่งหน้าให้มีสีสันเล็กน้อย โดยการกรีดไปตามรูปตาตามที่ต้องการ ซึ่งจะช่วยทำให้ดวงตามีความโดดเด่น และดึงดูดความสนใจมากยิ่งขึ้น

อายไลเนอร์ประเภทนี้ ค่อนข้างเขียนยากมาก และไม่เหมาะกับคุณสาวๆที่อยากแต่งหน้าแบบให้ดูเป็นธรรมชาติ เพราะจะทำให้ดูหลอกตา และมีความเด่นชัดมาก อีกทั้งยังค่อนข้างจะเลอะได้ง่ายเมื่อมีเหงื่อออก

3. อายไลเนอร์ชนิด Pencil เป็นดินสออายไลเนอร์ ส่วนมากจะใช้ในสีดำเข้มและด้าน เหมาะกับคุณสาวๆที่กำลังจะลองหักกรีดอายไลเนอร์เป็นครั้งแรกเนื่องจากสามารถวาดเส้นได้ง่ายอย่างราบรื่น อีกทั้งยังสามารถตกแต่งได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะสามารถนำมาเขียนได้ทั้งเปลือกตาบน และขอบตาด้านในอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีอายไลเนอร์ประเภทดินสออีกแบบหนึ่ง เรียกว่า Wax-based eye pencils เป็นดินสออายไลเนอร์ที่มีส่วนผสมของขี้ผึ้ง เวลานำมาเขียนรอบดวงตาจะมีความนุ่มและช่วยให้การเขียนง่ายขึ้น มีทั้งสีเข้ม สีอ่อน ดินสออายไลเนอร์ที่มีส่วนผสมของขี้ผึ้ง มักอยู่ในรูปแบบของทรงกรวยหรือในแบบอัดแข็ง

อายไลเนอร์แบบดินสอ เหมาะกับคุณสาวๆที่ต้องการแต่งหน้าแบบเบาๆ ที่ไม่ต้องลงอายไลเนอร์หนาให้เห็นอย่างชัดเจน โดยเขียนลงไปบริเวณแนวขนตาเพื่อให้ดูคมขึ้นเท่านั้น  แต่อายไลเนอร์แบบดินสอก็มีข้อเสียคือ ไม่ค่อยเหมาะกับคุณสาวๆที่ต้องการเส้นที่คมสวย

อายไลเนอร์ประเภทนี้ยังมักที่เปื้อนเปลือกตาระหว่างวันอยู่เสมอ ถ้าหากทำการกรีดตาด้วยอายไลเนอร์ดินสอจนหนาก็จะทำให้เกิดเปลือกตาดำเป็นหมีแพนด้าในระหว่างวัน

ปัญหาโลกแตกที่คุณสาวๆ มักพบเมื่อใช้อายไลเนอร์

1. การกรีดอายไลเนอร์ทำให้ขอบตาดูเป็นหมีแพนด้าได้ง่ายมาก เมื่อคุณสาวๆใช้อายไลเนอร์ในการกรีดตาแล้ วมักจะมีปัญหาหนึ่งที่เหมือนกันคือ ขอบตาดำมากจนเกินไปกระทั่งไม่ต่างอะไรจากหมีแพนด้า สำหรับวิธีแก้ไขก็ไม่ยาก

ถ้าหากคุณสาวๆ คิดว่าอายไลเนอร์ที่พึ่งกรีดไปนั้นมีสีเข้มมากจนเกินไป ให้ใช้คัตตอลบัตเช็ดอายไลเนอร์ออกเบาๆ ให้สีจางลง แต่ถ้าหากคิดว่าสีจางมากจนเกินไป ก็ค่อยกรีดทับขอบตาอีกครั้ง สามารถทำซ้ำไปมาได้เรื่อยๆ จนกว่าคุณสาวๆ จะได้ระดับของสีขอบตาที่ต้องการ

2. อายไลเนอร์ประเภทดินสอมักจะมีหัวที่แข็ง ซึ่งอาจจำให้ขอบตาถลอกหรือเกิดแผลในตอนที่ทำการกรีดได้ วิธีการแก้ไขคือ ใช้ไดร์ฟเป่าผมเป่าลมร้อนๆ ใส่อายไลเนอร์ประเภทดินสอสักพักหนึ่ง หัวของอายไลเนอร์จะมีความนิ่มขึ้น แต่ไม่ควรเป่านานจนเกินไป เพราะไม่อย่างนั้นอายไลเนอร์อาจจะละลายจนหมดแท่งได้โดยไม่รู้ตัว

3. ปัญหาไส้ในของอายไลเนอร์แบบดินสอมักที่จะหักข้างใน อายไลเนอร์แบบดินสอก็เหมือนกับดินสอ ซึ่งมีแท่งไส้ดินสออยู่ภายใน ดังนั้นคุณสาวๆ ไม่ควรทำการพกอายไลเนอร์แบบดินสอติดตัวไปไหนมาไหน โดยที่ไม่ได้ใส่กล่องเพื่อป้องกันการกระแทก และห้ามทำตกพื้นโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ไส้ที่อยู่ภายในแท่งดินสอหัก

4. หัวอายไลเนอร์แบบดินสอมักหลุดออกมาเมื่อทำการเหลา ไม่ควรทำการเหลาอายไลเนอร์แบบดินสอกับกบเหลาดินสอธรรมดา เพราะจะทำให้หัวดินสอของอายไลเนอร์หัก ควรใช้กบเหลาที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการเหลาอายไลเนอร์แบบดินสอเท่านั้น

5. อายไลเนอร์แบบครีมมักที่จะแข็งตัว เมื่อใช้อายไลเนอร์แบบครีมไปสักพักหนึ่ง เนื้อครีมจะเกิดการแข็งตัวขึ้น ซึ่งเกิดขึ้นจากการเปิดฝาทิ้งเอาไว้เป็นระยะเวลานานๆ ดังนั้นควรเปิดเฉพาะเวลาที่ต้องงาน แล้วรีบปิดฝาให้สนิท จะเป็นการช่วยยืดอายุการใช้งานของเนื้อครีมได้เป็นอย่างมาก

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.