นวัตกรรมความงาม กับ “เมโสหน้าใส”

       หนุ่มๆสาวๆสมัยนี้หันมาใส่ใจสุขภาพความงามมากขึ้น ยิ่งเฉพาะการดูแลใบหน้านั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ควรใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ ด้วยยุคปัจจุบันมีความทันสมัยด้านเทคโนโลยีความสวยความงามมากมาย แต่วิธีที่จะแนะนำในวันนี้ คือ การทำเมโสเทอราพี (Mesotherapy) หรือ เมโสหน้าใส ซึ่งการทำเมโสหน้าใสนั้นถูกค้นพบโดยแพทย์ชาวฝรั่งเศสเป็นการรักษาปัญหาความงามที่ใช้กันมากว่า 100 ปีแล้ว

หลักการของการทำเมโสเทอราพี คือ การใช้เข็มขนาดเล็ก ฉีดตัวยาเข้าไปในชั้นผิวตื้น ที่เรียกว่า “ชั้นเมโส” แต่การกระจายของตัวยาอาจไม่ดีนัก จึงต้องใช้วิธีฉีดยาในปริมาณสารที่ฉีด 0.1-0.2 ซีซี ต่อจุด ฉีดลึกไปในเซลล์ผิวประมาณ 5-10 มิลลิเมตร ระยะห่างไม่เกิน 0.5-1 เซนติเมตร ในบริเวณที่ต้องการและมีการฉีดซ้ำทุกๆ 7-14 วัน

       การทำเมโสหน้าใส สามารถรักษาปัญหาผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ รอยแผล แผลเป็นสิว ฝ้า กระ ริ้วรอย และจุดด่างดำ ทั้งหมดนี้คือปัญหาที่พบบน “ใบหน้า” การทำเมโสหน้าใสจึงได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการฉีดสารแอนติออกซิเดนท์ และมัลติวิตามิน เข้าไปในชั้นผิวโดยตรง เพื่อเป็นการกระตุ้นและฟื้นฟูเซลล์ผิวจากภายใน ทำให้จุดด่างดำและริ้วรอยจางลง เมื่อรักษาอย่างต่อเนื่องผิวหน้าจะขาวใส เรียบเนียนยิ่งขึ้น ซึ่งจะให้ผลเร็วกว่าการทาครีมบำรุงผิวเพียงอย่างเดียว ด้วยเทคนิคที่ช่วยให้ตัวยาออกฤทธิ์ในชั้นผิวหนังได้ดีกว่าและมีประสิทธิภาพในการผลักตัวยาให้ได้ผลอย่างล้ำลึก

นอกจากนี้ เมโสเทอราพี ยังสามารถรักษาปัญหาอื่นได้อีก คือ

การลดไขมันส่วนเกิน หรือ เมโสแฟต โดยรักษาด้วยวิธีการฉีดสารเข้าไปขัดขวางการสะสมของไจมันและสลายไขมันที่มีอยู่ เมโสแฟต ได้รับความนิยมมากเพราะช่วยเร่งการเผาผลาญไขมัน ลดปัญหาเซลลูไลต์ส่วนเกินบนใบหน้าและจุดต่างๆของร่างกาย เช่น คาง แก้ม ปีกจมูก ท้องแขน พุง สะโพก ต้นขาและน่อง โดยเป็นการฉีดสารจากถั่วเหลืองและวิตามินหลายชนิด ไปยังบริเวณที่สะสมไขมัน กระตุ้นให้ไขมันสะสมถูกปล่อยออกมาทางปัสสาวะและอุจจาระ จนทำให้เนื้อบริเวณนั้นตึงกระชับ ควรได้รับการแนะนำทางโภชนาการ ควบคู่กับการควบคุมอาหารในแต่ละมื้อ รวมถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จึงจะเกิดผลลัพธ์สูงสุด

       การแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง โดยรักษาด้วยวิธีการฉีดส่วนผสมของวิตามินบำรุงรากผม ร่วมกับสารกระตุ้นการไหลเวียนของเส้นเลือดที่มีหล่อเลี้ยงรากผมโดยตรง ร่วมกับการใช้ยารับประทาน และยาทา เพื่อรกระตุ้นให้ผมขึ้นมาใหม่อย่างเป็นธรรมชาติ 

       “เมโสหน้าใส” เป็นเทคนิคที่เห็นผลดีและมีความปลอดภัย ผู้รับการรักษาไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น แต่เมโสหน้าใสต้องรักษาด้วยการประเมินจากแพทย์ เพื่อกำหนดปัญหาที่ต้องการแก้ไขร่วมกัน แพทย์จะให้คำแนะนำและเสนอทางเลือกสารและยาชนิดต่างๆเพื่อใช้ในการรักษาที่ตรงกับปัญหาของคนไข้มากที่สุด โดยก่อนฉีดยาแพทย์จะพิจารณาว่าผู้รับการรักษามีข้อห้ามในการฉีดหรือไม่ อาทิเช่น 

  • สตรีมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
  • คนที่มีประวัติโรคระบบหลอดเลือดผิดปกติในสมอง เช่น เส้นเลือดสมองตีบ หรืออุดตัน
  • คนที่มีประวัติภาวะความดันโลหิตต่ำ
  • คนที่มีประวัติโรคหัวใจและการรักษาด้วยยาหลายแขนง 
  • คนที่มีประวัติโรคเลือดผิดปกติ โรคมะเร็ง
  • คนที่เป็นโรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ

       ผลของการทำเมโสหน้าใส จะขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาที่ต้องการแก้ไขของคนไข้แต่ละคนที่มีความแตกต่างกัน โดยมีองค์ประกอบของพันธุกรรม สภาพผิว ระยะเวลาการทิ้งปัญหาผิว อายุ เพศ หากต้องการผิวหน้าที่ผ่องใส มักจะเลือกใช้สารอาหารกลุ่มวิตามินซี วิตามินบี กรดวิตามินเอ สารสกัดจากชะเอมเทศ หรือลิโคไรซ์ โคเอนไซม์ กรดอะมิโน กรดไฮยาลูโรนิกที่ใช้ความชุ่มชื้น คอลลาเจนที่ให้ความแข็งแรงกับเซลล์ผิว

การดูแลรักษาใบหน้าของเราให้ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนควรตระหนักให้มาก เพราะใบหน้า เป็นอวัยวะที่สร้างความประทับใจในครั้งแรกที่พบปะกับผู้คนมากมาย เราจึงควรดูแลรักษาสภาพผิวหน้าให้เปล่งปลั่งและดูดีอยู่เสมอ ด้วยเทคโนโลยีเสริมความงามที่ทันสมัยอย่างการทำ “เมโสหน้าใส” นั้นเอง

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.