เคล็ดไม่ลับ แก้ตาพร่ามัว แบบธรรมชาติ

         อาการตาพร่ามัว เกิดขึ้นบ่อยมากในคนยุคปัจจุบัน เพราะเราใช้สายตากันอย่างหนัก โดยเฉพาะในวัยเรียน และวัยทำงาน ซึ่งบางครั้งอาจยังไม่ส่งผลกระทบทันที แต่จะเกิดอาการเกี่ยวกับด้วยตาอย่างตาพร่ามัวได้ในอนาคต (อย่างเช่นในผู้สูงอายุ) อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการดูแลรักษาดวงตาคู่สวยให้อยู่กับเราไปนานๆ บทความนี้ได้หยิบเคล็ดไม่ลับ ช่วยแก้ตาพร่ามัวแบบธรรมชาติมานำเสนอ ถ้าพร้อมที่จะทำให้ดวงตาทั้งสองแข็งแรงแล้ว ก็มาเริ่มกันเลย


เคล็ดไม่ลับ แก้ตาพร่ามัว บำรุงสายตาให้แข็งแรง

         1.เมื่อรู้สึกล้าตา ให้กระพริบตาถี่ๆ ในภาวะปกติคนเราจะกระพริบตานาทีละ 20-22 ครั้ง ทุกครั้งที่กระพริบตา เปลือกตาจะรีดน้ำตาให้มาฉาบผิวกระจกตา แต่ถ้าในขณะที่จ้องหรือเพ่งตาค้างไว้นานกว่าปกติ เช่น เวลาที่เราอ่านหนังสือ ดูโทรทัศน์ หรือจ้องคอมพิวเตอร์ จะทำให้เรากระพริบตาเพียง 8-10 ครั้ง น้ำตาก็จะระเหยออกไปมาก ทำให้ตาแห้งเพิ่มขึ้น จึงควรพักสายตาระยะสั้นๆ โดยการหลับตา หรือกระพริบตาอย่างช้าๆ หรือลุกขึ้นเปลี่ยนอิริยาบถประมาณ 2-3 นาที ในทุกครึ่งชั่วโมง
         2.ประคบดวงตาด้วยน้ำเย็น ในแต่ละวันเราใช้สายตากันมาก จึงควรใช้ผ้าขนหนูผืนเล็ก 2 ผืน แช่ในน้ำเย็น หยิบขึ้นมา 1 ผืน แล้วบิดพอหมาดและพับทบเป็นผืนยาว วางปิดดวงตาไว้ทั้งสองข้างนานประมาณ 20 นาที หรือจนกว่าผ้าจะหายเย็น แล้วจึงใช้ผ้าอีกผืนหนึ่งประคบสลับกันไปมา จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา แก้อาการตาแห้ง ตาพร่ามัวได้ชะงัด

         3.รับประทานกล้วย เพราะกล้วยมีโพแทสเซียมสูง ซึ่งจะทำงานร่วมกับโซเดียมเพื่อรักษาภาวะสมดุลน้ำในร่างกาย และช่วยให้ดวงตาของคุณชุ่มชื้นอยู่เสมอ กล้วยจึงเป็นอาหารที่เราควรรับประทานเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะกับคนที่ต้องใช้สายตามากๆ
         4.รับประทานถั่ว ประเภทนัต (Nut) ชนิดต่างๆ โดยเฉพาะวอลนัต ควรรับประทานวันละประมาณ 1 กำมือ เพราะถั่วประเภทนี้มีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว หรือกรดไขมันโอเมก้า 3 จำนวนมาก ซึ่งสารอาหารเหล่านี้เป็นส่วนประกอบสำคัญในน้ำตา แก้อาการตาแห้ง ตาพร่ามัวได้
         5.หมั่นบริหารดวงตา ท่าบริหารต่อไปนี้จะช่วยให้คุณรู้สึกสบายตามากขึ้น เพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา มีความแข็งแรง พร้อมใช้งานได้มากขึ้น ทั้งยังเป็นอีกหนึ่งวิธีในการแก้ปัญหาตาพร่ามัว
         ท่าที่ 1 นำฝ่ามือสองข้างมาถูกันไปมาจนรู้สึกอุ่น จากนั้นนำมาปิดประทับที่ดวงตาเว้นช่วงจมูกไว้ โดยให้แน่ใจว่าไม่มีแสงสว่างลอดเข้ามาที่ระหว่างร่องนิ้วมือ จากนั้นค้างไว้สักพักเพื่อเป็นการผ่อนคลายดวงตา
         ท่าที่ 2 หลับตาให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ค้างไว้ประมาณ 1 วินาที แล้วคลายออก ใช้ปลายนิ้วก้อยกดเบาๆ บริเวณใต้ตาเพื่อป้องกันไม่เกิดริ้วรอยยับย่น แล้วทำซ้ำ ทั้งนี้ควรล้างมือของคุณให้สะอาดเพื่อสุขอนามัยที่ดี

         ท่าที่ 3 ฝึกการปรับโฟกัสของดวงตาด้วยการจ้องมองไปยังวัตถุที่มีระยะไกลจากตัวของคุณในรัศมี 50 เมตร ค้างไว้ จากนั้นเลื่อนมาจับโฟกัสที่วัตถุใกล้ตัวคุณในระยะใกล้เพียงช่วงแขน โดยไม่ขยับศีรษะ ทำซ้ำ
         ท่าที่ 4 ถือดินสอตรงหน้าให้ห่างจากตัวในระยะความยาวของช่วงแขน จากนั้นค่อยเลื่อนดินสอเข้ามาหาตัว โดยตลอดเวลาให้จ้องมองที่วัตถุโดยไม่ละสายตากระทั่งเคลื่อนวัตถุเข้ามาใกล้ตัวจนหลุดโฟกัส แล้วทำซ้ำ
         ท่าที่ 5 เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อตา โดยนั่งผ่อนคลาย ศีรษะตั้งตรง จากนั้นเหลือบมองขึ้นบนเพดานโดยไม่ต้องขยับศีรษะ มองค้างไว้ 5 วินาที จากนั้นเหลือบตามองลงมาที่ตัก แล้วค้างไว้ 5 วินาที เช่นเดียวกัน จากนั้นฝึกมองในมุมทแยง เช่น จากมุมขวาบนและมุมซ้ายล่าง จากมุมซ้ายบนและมุมขวาล่าง ปิดท้ายด้วยการมองที่ปลายจมูก แล้วผ่อนคลายกล้ามเนื้อตาด้วยการหลับตาสักพัก
         ท่าที่ 6 กรอกลูกตาเป็นวงกลมซ้าย-ขวา เป็นการบริหารกล้ามเนื้อตา
         ท่าที่ 7 หลับตาทั้งสองข้าง จากนั้นเอานิ้วชี้ทั้งสองข้างวางเหนือคิ้วแต่ละข้าง ค่อยๆกดนวดคิ้วและรอบดวงตา เพื่อเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่อยู่รอบนอกดวงตา
         ท่าที่ 8 กวาดตามองแบบไม่ต้องจ้อง ไปยังวัตถุที่อยู่ไกลตัวบ้าง หรือใกล้ตัวบ้าง โดยไม่ต้องโฟกัสเพื่อให้ดวงตาได้ผ่อนคลาย


สำหรับใครที่กำลังมองผลิตภัณฑ์อาหารเสริมวิตามินซี ที่ช่วยในเรื่องตาพรามั่ว เราขอแนะนำผลิตภัณฑ์ชิ้นหนึ่ง ที่มีประสิทธิภาพน่าสนใจ นั่นก็คือ  Daily Vits ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมวิตามินซีธรรมชาติสกัดจาก Acerola Cherry ที่มีปริมาณวิตามินซีสูงถึง 1500 mg. เพียงทานวันละ 1 เม็ด ก็พอเพียงสำหรับความต้องการในการเสริมสร้างร่างกาย บำรุงผิวพรรณ ให้ขาว นุ่มเนียน สดใส ลดรอยเหี่ยวย่น พร้อมเสริมภูมิคุ้มกันแก่ร่างกายให้แข็งแรง ลดโอกาสการเกิดโรคภัยต่างๆ อย่างพอเหมาะสำหรับหนึ่งวัน

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ชีวิตยุคใหม่ เสี่ยงสายตาพร่ามัว

         ในยุคแห่งความทันสมัยนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสิ่งที่อยู่รอบๆตัวเรา แวดล้อมไปด้วยเทคโนโลยี โดยเทคโนโลยีการสื่อสารที่ทำให้เราต้องใช้สายตากันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจอสมาร์ทโฟน จอแท็บแล็ต จอคอมพิวเจอร์ และจอโทรทัศน์ นอกจากนี้เพียงแค่คุณเดินออกจากบ้านก็พบกับสื่อโฆษณาสมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยจอ ซึ่งความล้ำสมัยนี้อาจจะช่วยในเรื่องความสะดวกสบาย ทว่ามันก็เป็นสิ่งที่ทำลายสุขภาพดวงตาของเราไปพร้อมๆกัน


อึ้ง! คนไทย 14 ล้านคน สายตาพร่ามัว

         ผศ.ดร.เอกราช บำรุงพืชน์ จากชมรมโภชนวิทยามหิดล ให้สัมภาษณ์ผ่านไทยรัฐออนไลน์ว่า ข้อมูลจากการสำรวจสุขภาพสายตาของคนไทย โดยกระทรวงสาธารณสุข เมื่อปี 2550 ระบุว่า คนไทยไม่ต่ำกว่า 14 ล้านคน มีสายตาผิดปกติ สาเหตุหลักมาจากการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ติดต่อเป็นเวลานาน และยังพบว่าใช้เวลาอยู่กับหน้าจอเฉลี่ยวันละ 10 ชั่วโมงเลยทีเดียว จึงทำให้เกิดอาการเมื่อยตา ตาแห้ง เคืองตา แสบตา แพ้แสง ตาพร่ามัว ปวดตา ปวดศีรษะ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้เกิดปัญหาสายตา เช่น การทำงานกลางแจ้งนานๆ การอ่านหนังสือในที่มีแสงน้อย การสูบบุหรี่ เป็นต้น


ไม่อยากตาพร่ามัว ต้องรู้จักบำรุงสายตา        

         จากที่เราใช้งานดวงตาอย่างหนักหนาสาหัษในแต่ละวัน อาจทำให้เกิดตาพร่ามัวได้ จึงควรหยุดพักและละสายตาจากจอต่างๆ เป็นระยะๆ เพื่อผ่อนคลายสายตา นอกจากนี้ควรรับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงสายตาและถนอมดวงตานั่นก็คือ สารต้านอนุมูลอิสระที่พบมากในผักและผลไม้ต่างๆ ซึ่งมีวิตามินเอ ซี อี เบต้า-แคโรทีน ซีแซนทิน สังกะสี และไบโอฟลาโวนอยด์
         โดยเฉพาะผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ไม่ว่าจะเป็นบิลเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ เอลเดอร์เบอร์รี่ บอนเซนเบอร์รี่ ฮัคเคิลเบอร์รี่ เป็นต้น ทั้งนี้มีผลการวิจัยพบว่า สารแอนโธไซยานิน ในบิลเบอร์รี่ซึ่งเป็นสารไบโอฟลาโวนอยส์ที่มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยป้องกันเส้นเลือดฝอยจากการถูกอนุมูลอิสระทำลาย และยังช่วยป้องกันอาการอ่อนล้าจากการคร่ำเคร่งใช้สายตา ช่วยให้สายตาทำงานดีขึ้นในที่มืดหรือที่มีแสงน้อย เพิ่มความแข็งแรงให้กับผนังหลอดเลือดฝอย จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบไหลเวียนของเลือดในดวงตา
         ส่วนผลไม้ตระกูลเบอร์รี่อื่นๆ ก็พบว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพดวงตาเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นแบล็คเคอร์แรนต์ ช่วยให้ตารับภาพในเวลากลางคืนได้ดี แครนเบอร์รี่ ช่วยบำรุงสุขภาพตา โช้คเบอร์รี่ ช่วยการไหลเวียนของเลือดในตาให้ดีขึ้น อาซาอิเบอร์รี่ ช่วยปกป้องการเสื่อมของเลนส์ตาและจอประสาทตา สตรอเบอร์รี่ ช่วยปกป้องเซลล์ประสาทที่ถูกทำร้ายจากอนุมูลอิสระ ซึ่งบริเวณจอประสาทตามีเซลล์ประสาทสำหรับการรับภาพอยู่มาก แก้ปัญหาตาพร่ามัวได้ชะงัด

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ตาพร่ามัว ข้างเดียว มีวืธีแก้

         หลายคนอาจสงสัยว่าตาพร่ามัวคืออะไร จริงๆแล้วมันก็คืออาการผิดปกติชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นกับดวงตาทั้งสอง ยกตัวอย่างเช่น การมองเห็นตัวหนังสือบนกระดานหรือหน้าหนังสือเป็นภาพเบลอ จากที่ปกติเคยเห็นชัดเจน หรือเคยมองเห็นป้ายบอกทางในระยะนี้ แต่อยู่ดีๆกลับมองไม่ชัด เป็นต้น ซึ่งสามารถเช็คได้ว่าตาพร่ามัวหรือไม่ ด้วยการปิดตาทีละข้าง เพื่อเทียบการมองเห็นจากตา 2 ข้าง ทั้งนี้ ส่วนใหญ่มักมีอาการตาพร่ามัว ข้างเดียวมานาน เพราะฉะนั้นเราควรหมั่นเช็คสภาพดวงตาด้วยวิธีดังกล่าว จะได้หาวิธีแก้ให้ทันท่วงที
         อาการดวงตาพร่ามัว ซึ่งส่วนใหญ่มักเริ่มต้นจากการเป็นข้างเดียว เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่สามารถแบ่งเป็น 2 ข้อใหญ่ๆ ได้แก่ 1.มีความผิดปกติที่ตรวจเห็นได้ชัดเจน และ 2. แปรตามความเสื่อมของร่างกาย


ตาพร่ามัว เพราะมีความผิดปกติที่ตรวจเห็นได้ชัด

         1.เป็นความผิดปกติแต่กำเนิด บางคนอาจจะมีความผิดปกติกับตาข้างใดข้างหนึ่ง หรือพร้อมกันทั้ง 2 ข้าง ตั้งแต่แรกเกิด จนกระทั่งโตเป็นหนุ่มสาว หรือผู้ใหญ่ และติดตัวไปจนถึงวัยชรา สิ่งเหล่านี้ก็ติดตัวเองมาตลอด เช่น กระจกตาดำ (corned) ตาดำเป็นผ้าขาวมีแผลเป็น กระจกตาดำมีความหนาไม่สม่ำเสมอ
         หรืออีกตัวอย่างเช่น ตาดำโค้งผิดปกติอาจเป็นรูปกรวยแหลม มองดูเผินๆ ดูไม่ออกต้องตรวจด้วยวิธีพิเศษหรือเครื่องมือพิเศษจึงจะเห็นความผิดปกติอันนี้ ยิ่งโตขึ้น เข้าวัยหนุ่มสาว หรือผู้ใหญ่ อาการจะแสดงออกชัดมากคือตามัว วัดแว่นตาไม่สามารถประกอบแว่นได้ดี หรือกระจกตาดำเล็กผิดปกติ หรือโตเกินไปได้แก่พวกต้อหินแต่กำเนิด นอกจากนี้ยังมีความผิดปกติแต่กำเนิดอีกมากมายที่ทำให้สายตาพร่ามัว
         2.เป็นตาพร่ามัวขึ้นภายหลัง ตาพร่ามัวที่เกิดภายหลังกำเนิดมาแล้ว อาจจะแบ่งเป็นข้อ ๆ หรือขั้นตอน ให้อ่านเข้าใจง่ายได้พอสังเขป จากการยกตัวอย่างเช่น ตาเข หรือตาเหล่ สายตาผิดปกติ คือสายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียงที่มักเกิดขึ้นในวัยเรียน วัยทำงาน และผู้สูงอายุ พวกนี้จะทำให้ตาพร่ามัว หรืออาจเกิดจากอุบัติเหตุที่กระทบกระทั่งนัยน์ตามีผลทำให้ตาพร่ามัวลงได้ทันที

         นอกจากนี้ ยังอาจกเกิดจากความผิดปกติ เกิดการอักเสบติดเชื้อ มีแผลทีกระจกตาดำ หรือเกิดการอักเสบที่ม่านตา วุ้นลูกตาอักเสบมีหนอง จอประสาทตาอักเสบ เป็นผลมาจากโรคทางร่างกายบางอย่าง เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน เป็นต้น อีกสาเหตุที่ทำให้เป็นตาพร่ามัวอย่างรุนแรงก็คือ โรคมะเร็งลูกตา ซึ่งอาจส่งผลอันตรายถึงตาบอด หรือเสียชีวิตได้

ตาพร่ามัว แปรตามความเสื่อมของร่างกาย
         1.สายตายาว มักเกิดกับผู้ที่มีอายุใกล้ 40 ปี หรือ 40 ปีขึ้นไป โดยจะมีอาการตอนอ่านหนังสือหรือทำงานระยะใกล้ๆ ประมาณ 1-2 ฟุตไม่ค่อยถนัด ไม่ชัด ทำนานๆ รู้สึกปวดกระบอกตา เมื่อยล้านัยน์ตา แสบตา น้ำตาไหลมากๆ อยากอาเจียน พาลหงุดหงิด
         2.โรคนัยน์ตาบางชนิด เช่น ต้อหินชนิดมุมเปิด โรคต้อกระจกชนิดวัยชรา หรือก่อนชรา จอประสาทตาเสื่อมตามวัย อาการเหล่านี้ทำให้ตาพร่ามัว ซึ่งพบได้ค่อนข้างบ่อยเนื่องจากความเสื่อมสภาพของดวงตา ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดตาพร่ามัวเพราะโรคเกี่ยวกับนัยน์ตา จำเป็นต้องรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพตา บำรุงประสาทตาให้แข็งแรง อยู่กับเราไปนานๆ


วิธีแก้ ตาพร่ามัว

         ขั้นแรกต้องหาสาเหตุให้ได้ก่อนว่าที่เรามีอาการตาพร่ามัวนั้นเกิดจากสาเหตุใด เมื่อทราบแล้วก็ควรได้รับการรักษาโดยเร็วตามวิธีการที่ถูกต้อง เช่น ตาพร่ามัวเพราะเป็นโรคต้อกระจกก็ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการผ่าตัด จากนั้นก็ดูแลตามอาการ ตาพร่ามัวก็จะค่อยๆหายไปได้ในที่สุด

         อย่างไรก็ตาม คนที่เป็นตาพร่ามัวเพราะจอประสาทตาเริ่มเสื่อม อันเนื่องมาจากการใช้งานอย่าหนัก เช่น ทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ มีการออกในที่แจ้ง ดวงตาได้รับมลภาวะ ฝุ่นควัน และแสงแดดจนทำให้สุขภาพตาเสื่อม กรณีนี้ควรรับประทานอาหารเสริมให้เพียงพอต่อร่างกาย เพื่อเข้าไปบำรุงสายตา เช่น วิตามินซี วิตามินอี เบต้าแคโรทีน สังกะสี ลูทีน แคลเซียม วิตามินบี โอเมก้า 3 เป็นต้น อาหารเหล่านี้จะเข้าไปทำให้ดวงตาแข็งแรง ป้องกันดวงตาพร่ามัวและโรคอื่นๆเกี่ยวกับดวงตาได้ ซึ่งสามารถรับประทานได้ทั้งจากอาหารทั่วไปและอาหารเสริม

    

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.