บำรุงกระดูก ข้อเสื่อม ด้วยสารอาหาร

         ถึงแม้ว่าโรคข้อเสื่อมจะมีความสัมพันธ์กับอายุ โดยจากสถิติจะพบมากในช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป และพบสูงถึงร้อยละ 60 ในกลุ่มที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป แต่กระนั้นก็ดี โรคข้อเสื่อมไม่ได้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงตามวัยหรือจากการสึกหรอตามธรรมชาติเสมอไป เพราะกิจกรรมบางอย่างก็อาจทำให้ข้อเสื่อมก่อนวัยอันควรได้ เช่น การขาดสารอาหารโดยเฉพาะอย่างยิ่งแคลเซียม การออกกำลังกายที่ลงน้ำหนักมากเกินไปเป็นประจำ เป็นต้น

         ทั้งนี้ เนื่องจากโรคข้อเสื่อมเป็นการเปลี่ยนแปลงในเซลล์ และเนื้อกระดูกอ่อนข้อต่ออย่างเป็นขั้นเป็นตอน จนทำให้โครงสร้างและการทำงานของกระดูกอ่อนเสียไป แต่ร่างกายก็มีกระบวนการซ่อมแซมกระดูกอ่อนและปรับแต่งกระดูก การลุกลามของอาการข้อเสื่อมของแต่ละคนจึงแตกต่างกันไป บางรายเกิดการลุกลามอย่างรวดเร็วที่ข้อหนึ่ง แต่ข้ออื่นๆกลับเป็นไปอย่างช้าๆ บางครั้งก็อาจจะดีขึ้นเอง นั่นคือมีการซ่อมแซมให้คืนสภาพเดิมทำให้อาการปวดลดลง
         คำถามคือเราจะทำอย่างไรให้ข้อกระดูกแข็งแรง ไม่ตกอยู่ในภาวะข้อเสื่อมเอาง่ายๆ หรือหากมีเปลี่ยนแปลงของเซลล์และเนื้อกระดูกอ่อนข้อต่อ ก็สามารถซ่อมแซมให้คืนสภาพได้อย่างรวดเร็ว คำตอบของคำถามนี้ก็คือ การเสริมบำรุงจากภายในด้วยสารอาหารนั่นเอง ทีนี้มาดูกันว่าสารอาหารอะไรบ้างที่ช่วยบำรุงกระดูก แก้ข้อเสื่อม

 

สารอาหารบำรุงกระดูก แก้ข้อเสื่อม
         1.แคลเซียม เป็นเกลือแร่ที่มีมากที่สุดในร่างกาย โดยแคลเซียมทั้งหมดในร่างกายร้อยละ 99 อยู่ที่กระดูกและฟัน ซึ่งทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง แคลเซียมอีก 1 เปอร์เซ็นต์ อยู่ในเนื้อเยื่อต่างๆ และของเหลวในร่างกาย ซึ่งมีความจำเป็นต่อกระบวนการเมตาบอลิซึมของเซลล์ การหดตัวของกล้ามเนื้อ และกระตุ้นการส่งผ่านของระบบประสาท
         ในแต่ละวัยร่างกายต้องการแคลเซียมในปริมาณมากน้อยต่างกัน ในวัยผู้ใหญ่ขึ้นไปต้องการแคลเซียมประมาณ 1,000-1,500 มิลลิกรัมต่อวัน แหล่งของแคลเซียมได้จากอาหารหลายประเภท เช่น นม โยเกิร์ต ชีส ปลาตัวเล็กทอด กุ้งแห้ง กะปิ ผักคะน้า ใบยอ ดอกแค เต้าหู้ ถั่วแดง และงาดำ เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้รับจากผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียม แต่ควรได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญก่อน

         2.แมกนีเซียม เป็นเกลือแร่ที่จำเป็นสำหรับทุกๆเซลล์ในร่างกาย รองลงมาจากโพแทสเซียม นักวิทยาศาสตร์พบว่า แมกนีเซียมในร่างกายของมนุษย์ที่มีน้ำหนักตัว 50 กิโลกรัม จะมีแมกนีเซียมประมาณ 14 กรัม หรือคิดเป็นร้อยละ 28 โดยในจำนวนนี้ร้อยละ 60 จะรวมกับแคลเซียมเป็นกระดูก ร้อยละ 39 อยู่ภายในเซลล์ของกล้ามเนื้อและอวัยวะต่างๆ และมีเพียงร้อยละ 1 ที่อยู่ในส่วนที่เป็นน้ำของเลือดหรือซีรัม
         แมกนีเซียมยังช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ จึงกล่าวได้ว่าแมกนีเซียมและแคลเซียมทำงานร่วมกัน แหล่งของแมกนีเซียมพบมากในผักที่มีใบสีเขียวเข้ม และพืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วลันเตา ถั่วฝักยาว พบในข้าวกล้อง หรือข้าวซ้อมมือ
         3.วิตามินดี จัดอยู่ในกลุ่มวิตามินจำพวกละลายในไขมัน ร่างกายได้รับวิตามินดี 2 ทาง คือ จากอาหาร ส่วนใหญ่จะพบในเนื้อสัตว์ ไข่ เห็ด และธัญพืช เป็นต้น โดยการดูดซึมวิตามินดีผ่านทางลำไส้เล็ก อีกทางที่จะได้รับวิตามินดีคือ จากการที่ผิวหนังได้รับแสงแดดอ่อนๆ วิตามินดีเป็นวิตามินที่ร่างกายต้องการเพื่อรักษาภาวะสมดุลของระดับแคลเซียมในเลือดและในกระดูก โดยมีส่วนช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส

 

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

แคลเซียมรักษาโรคกระดูกเสื่อม

         เป็นที่รู้กันดีว่าสารอาหารอย่างแคลเซียมมีประโยชน์มากมายต่อร่างกาย โดยเฉพาะการทำให้กระดูกของเราแข็งแรง ห่างไกลภาวะกระดูกพรุนก่อนวัยอันควร เนื่องจากแคลเซียมช่วยรักษาโรคกระดูกเสื่อมโดยตรง จึงเป็นเหตุผลที่ว่าเด็กๆควรรับประทานแคลเซียมมากๆ กระดูกจะได้แข็งแรง ไม่เปราะง่าย และมีผลต่อการเจริญเติบโตของร่างกายอีกด้วย กระนั้นก็ดี หัวข้อที่เราจะพูดถึงในวันนี้ก็คือแคลเซียมกับการรักษาโรคกระดูกเสื่อม


โรคกระดูกเสื่อม คืออะไร

         โรคกระดูกเสื่อม คือโรคภัยอย่างหนึ่งที่มักเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ เนื่องจากกระดูกเสื่อมสภาพตามวัย  โดยตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป ร่างกายจะเริ่มมีการเสื่อมสลายของกระดูกมากกว่าการสร้าง พูดง่ายๆคือเป็นภาวะที่มีเนื้อกระดูกบางตัวลง มีการสร้างกระดูกน้อยกว่าการทำลายกระดูก ทำให้เสี่ยงต่อภาวะกระดูกหักหรือยุบตัวได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณกระดูกสันหลัง กระดูกสะโพก และกระดูกข้อมือ
         และเมื่ออายุมากขึ้น ก็จะยิ่งมีการสลายของกระดูกมากขึ้น โดยเฉพาะผู้หญิงที่เข้าสู่วัยทอง ซึ่งในช่วง 5 ปีของการเข้าสู่วัยทอง จะมีการสลายของกระดูกปีละประมาณ 3–5 เปอร์เซ็นต์ สำหรับผู้ชาย หลังจากอายุ 40 ปี ก็จะมีการสลายของกระดูกเช่นกัน แต่จะน้อยกว่าผู้หญิง โดยจะมีการสลายของกระดูกปีละ 0.5–1 เปอร์เซ็นต์
         อาการของโรคกระดูกเสื่อม กระดูกพรุน หรือกระดูกเปราะนั้น ในช่วงแรกๆ อาจจะไม่มีอาการแสดงที่ชัดเจน โดยผู้ป่วยอาจจะมีอาการปวดเมื่อยธรรมดา แต่บางรายอาจจะมีอาการปวดกระดูก ปวดหลัง ปวดสะโพก ปวดข้อร่วมด้วย และที่เป็นมากคือกระดูกสันหลังยุบตัวลง ทำให้หลังโก่ง หลังค่อม และตัวเตี้ยลงได้


แคลเซียม กับการรักษาโรคกระดูกเสื่อม

         วิธีการรักษาโรคกระดูกเสื่อมนั้น นอกจากจะควรออกกำลังกายแบบลงน้ำหนัก (weight-bearing exercise) อย่างสม่ำเสมอ เช่น เดินไกล วิ่งเหยาะๆ รำมวยจีน เต้นรำ รวมทั้งหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงอย่างการสูบบุหรี่ ดื่มสุราแล้ว การรับประทานแคลเซียมทั้งในอาหารทั่วไปและอาหารเสริมจะช่วยป้องกันและรักษาโรคกระดูกเสื่อมได้เป็นอย่างดี โดยผู้ใหญ่ที่อายุน้อยกว่า 50 ปี ต้องการแคลเซียมวันละ 1,000  มิลลิกรัม  อายุมากกว่า 50 ปี ต้องการแคลเซียมวันละ 1,200 มิลลิกรัม

         แหล่งที่มาของแคลเซียมได้จากอาหารหลายประเภทนม โยเกิร์ต ชีส ปลาตัวเล็กทอด กุ้งแห้ง กะปิ  ผักคะน้า ใบยอ ดอกแค เต้าหู้แข็ง ถั่วแดง และงาดำ ทั้งนี้ โดยทั่วไปการรับประทานอาหารจะได้รับแคลเซียมประมาณ 400-500  มิลลิกรัมต่อวันเท่านั้น หรือน้อยกว่าครึ่งหนึ่งที่ร่างกายควรได้รับ จึงควรดื่มนมเสริม และแนะนำให้รับประทานแคลเซียมในรูปแบบอาหารเสริมด้วย เพื่อประโยชน์สูงสุดในการรักษาโรคกระดูกเสื่อม ป้องกันไม่ให้กระดูกพรุนได้ง่ายๆ


สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

นมเพิ่มความสูงกัน ช่วยให้สูงได้จริงเหรอ… รีวิว

ในยุคนี้ นอกจากความต้องการอยากจะมีหุ่นที่ดี ผอม สมส่วนแล้ว ความสูงเองก็กำลังเป็นอีกเทรนหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนแทบบอกได้เลยว่า ไม่มีหนุ่มสาวคนไหนที่ไม่อยากมีรูปร่างสูงโปร่ง  เพราะคนที่สูงน้อยกว่าคนอื่นๆ ก็คงจะรู้สึกลำบากใจไม่ใช้น้อยเวลาที่ต้องเงยหน้าเพื่อพูดคุยกับเพื่อนฝูงรอบๆ ตัว

ปัจจุบันก็ได้มีสินค้าประเภทหนึ่งที่ได้มีการโฆษณาบอกว่า สามารถช่วยยืดความสูงให้กับคนที่ต้องการได้โดยเพียงการดื่มหรือกิน ผลิตภัณฑ์นมเพิ่มความสูงเท่านั้น

วันนี้เลยจะขอพาคุณสาวๆ ไปทำความรู้จักกับเจ้าผลิตภัณฑ์ตัวนี้ พร้อมกับไปดูผลตอบรับจากคนที่เคยใช้ว่ามันช่วยทำให้สูงขึ้นได้จริงๆหรือเปล่าๆ

นมเพิ่มความสูงคืออะไร

นมเพิ่มความสูง เป็นชื่อทางการตลาดของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมประเภทหนึ่งที่ถูกพ่อค้าแม่ค้าตั้งขึ้นเพื่อใช้ในการโฆษณา ซึ่งนมเพิ่มความสูงโดยส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบของผงสำหรับชงดื่ม

ในความเป็นจริงแล้ว ความสูงที่เกิดขึ้นมานั้นไม่ได้มาจากการทานนม แต่เป็นผลพลอยได้จากการรับประทาน Colostrum ที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเหล่านี้ ซึ่งในปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์นมเพิ่มความสูง ในบ้านเราส่วนใหญ่ เป็นสินค้านำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย และประเทศนิวซีแลนด์ เป็นต้น

คุณสมบัติของนมเพิ่มความสูง

อาหารเสริมนมเพิ่มความสูง มีส่วนผสมของ Colostrum ซึ่งได้มาจากแม่วัวหลังจากที่มีการคลอดลูก ภายใน 7 วันแรก โดยเกรดของ Colostrum นั้น  จะขึ้นอยู่กับช่วงเวลาการเก็บ  โดยมีช่วงเวลา 48 ชั่วโมงหลังการคลอดจะเป็นเวลาที่ดีที่สุด Colostrum มีประโยชน์คือ ช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงมากขึ้น ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เพิ่มมวลกระดูก

ในความเป็นจริงแล้วในน้ำนมแม่ของมนุษย์เราเอง ก็จะมีน้ำนมเหลือง ที่หลั่งออกมาในช่วงแรกๆหลังการคลอด หรือที่เรียกกันว่าน้ำนมแรกคลอด ซึ่งต่อมน้ำนมจะสร้างขึ้นทันทีเพื่อเป็นอาหารให้กับทารก ซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหารทุกชนิดอย่างเข้มข้น ซึ่งมีประโยชน์ที่ทารกจำเป็นที่จะต้องได้รับ นอกจากนี้ยังมี Colostrum เหมือนกับในน้ำนมของแม่วัวเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผลิตภัณฑ์นมเพิ่มความสูงถูกผลิตขึ้นมาจากนม จึงสามารถทำการรับประทานได้โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะมีอันตายต่อร่างกาย แต่ความสูงที่เกิดขึ้นนั้นจะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

ถ้าหากในช่วงอายุไม่เกิน 25 ปี ซึ่งกระดูกยังไม่ปิด ก็ย่อมที่จะมีโอกาสสูงมากขึ้นได้เช่นกัน ดังนั้น นมเพิ่มความสูงจึงเหมาะสำหรับวัยรุ่นที่อยากสูงขึ้น ที่อายุยังไม่เกิน 20 ปี มากกว่า สำหรับคนที่อายุมากกว่า 20 ปี ขึ้นไปแล้ว ผลิตภัณฑ์ตัวนี้จะไปช่วยในเรื่องของการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายมากกว่า

ค่า IGG และ IGF ในผลิตภัณฑ์นมเพิ่มความสูงคืออะไร

  • IGG เป็นค่าตัวเลขที่แทนค่าคุณสมบัติในการสร้างภูมิคุ้มกันและต้านเชื้อโรค ถ้าหากมีค่า IGG ในผลิตภัณฑ์ที่สูง ก็จะสามารถต้านเชื้อโรคได้มากขึ้น
  • IGF-1 มีหน้าที่ในการกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์ การเสริมสร้างกระดูกอ่อนทำให้เกิดการเจริญเติบโตของกระดูก 

ผลตอบรับจากผู้ที่เคยใช้อาหารเสริมนมเพิ่มความสูง

จากการเก็บข้อมูลผลตอบรับในการใช้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมนมเพิ่มความสูงพบว่า ผู้ที่เคยใช้มีความคิดเห็นค่อนข้างคล้ายๆกัน คือ เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์นมเพิ่มความสูงแล้ว  ไม่ค่อยเห็นผลลัพธ์ในการเพิ่มความสูงที่ชัดเจน จะมีเพียงบางคนที่มีส่วนสูงเพิ่มมากขึ้นเพียงเล็กน้อย

โดยส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์นมเพิ่มความสูงจะไปช่วยในการเสริมสร้างแคลเซียม และภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ดีขึ้นมากกว่าเดิมเสียมากกว่า



 

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.