หน้าบานทําไงดี มาดูวิธีทำให้หน้าเรียวขึ้นแบบธรรมชาติ

         สมัยนี้ใครๆก็อยากได้หน้าเรียวเล็กเหมือนสาวเกาหลีกันทั้งนั้น แต่ติดตรงที่ดันเป็นคนหน้าบานทำไงดี ซึ่งหลายคนคงคิดว่าการทำให้รูปหน้าเรียวเล็กขึ้นนั้นต้องผ่านมีดหมอเพียงอย่างเดียว จริงๆแล้วมีวิธีการที่ง่ายกว่านั้น แถมไม่ต้องขึ้นเขียงให้เจ็บตัวและไม่ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณ ถ้าอยากรู้แล้วก็ล่ะ เราจะพาไปดูวิธีทำให้หน้าเรียวขึ้นแบบธรรมชาติ ไม่ต้องพึ่งศัลย์

1.ปรับทรงผมให้หน้าเรียว
        การปรับแต่งทรงผมจะช่วยอำพรางใบหน้าของคุณให้เรียวเล็ก รูปหน้าแลดูสวยขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ หน้าบานทำไงดี ควรทำผมแสกข้าง เพราะจะช่วยลดความกลมของใบหน้าได้ หรืออีกทรงที่เหมาะคือการสไลด์ทำด้านข้างให้เป็นเลเยอร์ก็ช่วยทำให้หน้าเรียวได้เหมือนกัน ทั้งนี้ ทรงผมต้องห้ามสำหรับคนหน้าบานก็คือทรงที่สั้นกุดจนเกินไป เพราะจะยิ่งทำให้หน้ากลม แก้มออกอย่างชัดเจน

 

2.ท่าบริหารหน้าเรียว
        หน้าบานทำไงดี หากทรงผมยังช่วยอำพรางได้ไม่ดีพอ เราขอเสนอท่าบริหารหน้าเรียว ซึ่งก่อนจะทำการบริหารใบหน้าควรเริ่มต้นด้วยการอบอุ่มกล้ามเนื้อใบหน้า โดยล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น เพราะกล้ามเนื้อใบหน้าส่วนนั้นจะได้เกิดการยืดหยุ่นพร้อมรับการบริหารหน้าเรียวและเราจะได้ขยับกล้ามเนื้อได้ง่ายขึ้น จากนั้นให้หมุนคอไปทางซ้ายและขวาช้าๆเพื่อเป็นการวอร์มอัพใบหน้าให้พร้อมทำท่าบริหารและช่วยในการหมุนเวียนของเลือดที่สูบฉีดที่ใบหน้าให้ดีขึ้น
        ท่าลดแก้ม ให้อ้าปากให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นดึงปากมาหุ้มฟันไว้แล้วยิ้มให้กว้างที่สุด จะรู้สึกได้ถึงการตึงที่ใบหน้า เพราะกล้ามเนื้อแก้มเกิดการกระตุ้น ทำให้หน้าเล็กเรียวลงได้
        ท่าลดไขมันใต้คาง วิธีการคือเงยหน้าขึ้นให้สุด ทำค้างไว้แล้วเอาฝ่ามือจับบริเวณลำคอ จากนั้นดึงริมฝีปากล่างมาหุ้มริมฝีปากบนให้เยอะที่สุด ค้างไว้ประมาณ 10 วินาที ท่านี้อาจจะดูพิลึก แต่รับรองว่าผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นที่น่าพอใจอย่างแน่นอน
        ท่ากระชับใบหน้า เริ่มด้วยการยิ้มแบบยิงฟันให้กว้างที่สุด เพื่อให้กล้ามเนื้อตึง จากนั้นพูดคำว่า อา อี อู เอ โอ ยาวๆ จะรู้สึกได้ถึงใบหน้าที่ตึงขึ้น เป็นท่าบริหารหน้าเรียวที่ช่วยกระชับใบหน้าได้อย่างดีเยี่ยม
        ท่าบริหารกล้ามเนื้อ ให้อมลมที่แก้มทีละข้างให้ป่องสุดๆ แล้วสลับไปมาทั้งสองข้าง ท่านี้เป็นการบริหารกล้ามเนื้อหน้าโดยเฉพาะช่วงแก้มให้ลดลง ได้หน้าวีอย่างที่ทุกคนต้องการ
        ท่าบริหารกราม หน้าบานทำไงดี ท่าบริหารกรามนี้เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่มีประสิทธิภาพ วิธีคืออ้าปากให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วเปลี่ยนมาทำปากจู๋ จากนั้นให้ทำสลับกันไป สักวันละประมาณ 10 นาที กรามใหญ่ๆที่กวนใจเรามีขนาดลดลง

 

3.นวดหน้าให้เรียว
        การนวดหน้าจะเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่จะทำให้การบริหารหน้าเรียวของเราเห็นผลมากขึ้น ซึ่งในแต่ละขั้นตอนควรทำอย่างช้าๆ เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด และถ้าจะให้ดีควรทำหน้ากระจก โดยควรนวดหน้าด้วยการวิธีดังนี้
        นวดหน้าผาก โดยใช้นิ้วนางและนิ้วกลางนวดจากบริเวณกึ่งกลางหน้าผากแล้วค่อยๆนวดวนขึ้นเป็นแนวขดลวดขึ้นลงเบาๆ จนถึงบริเวณขมับ 6 จังหวะ ทำซ้ำแบบนี้ 3 ครั้ง
        นวดกล้ามเนื้อใต้ตา ให้ใช้นิ้วนางและนิ้วกลางนวดเบาๆบริเวณใต้ตาของเรา โดยเริ่มจากตามแนวโครงกระดูกเบ้าตาล่าง แล้ววนไปวนมาเบาๆ 3 ครั้ง
        นวดแก้ม ด้วยวิธีการใช้ปลายนิ้วทั้งสองข้างของเรานวดจากบริเวณมุมปากในลักษณะแบบยกผิวขึ้นเป็นมุมกว้าง แล้วนิ่งไว้ประมาณ 5 วินาที แล้วค่อยลูบลง ทำแบบนี้ให้ครบ 3 ครั้ง
        นวดมุมปาก ยกกระชับผิวบริเวณมุมปากโดยใช้ปลายนิ้วทั้งสองข้างนวดจากบริเวณกึ่งกลางคางขึ้นไปที่ตรงบริเวณมุมปากในลักษณะยกขึ้น 3 ครั้ง

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

หน้าอ้วน ทำไงดี มาเปลี่ยนคางสามชั้นเป็น V-Shape กันเถอะ

         คุณเคยได้ยินคำว่า “อ้วนขึ้นหน้า” กันไหม นั่นแหละคือปัญหาหน้าอ้วนที่มักเจอกันบ่อยๆ ซึ่งควรทำความเข้าใจก่อนว่า หน้าอ้วนกับหน้าบานมีความแตกต่างกัน คนหน้าอ้วนจะมีรูปหน้าที่มีไขมันสะสมมากทำให้เวลาถ่ายรูปแล้วจะเห็นแก้มป่อง คางสองชั้น หรือก้อนเนื้อที่เป็นตัวการทำให้หน้าอ้วนนั่นเอง พูดง่ายๆคือมีสาเหตุมาจากความอ้วนนั่นเอง ซึ่งไม่ว่าจะมองจากทางตรงหรือทางข้างก็จะเห็นได้ชัดเจนว่าหน้าอ้วน ส่วนคนหน้าบานเกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการเป็นคนโหนกแก้มใหญ่ กามใหญ่ รูปหน้ากลม เป็นต้น
         แล้วหน้าอ้วน ทำไงดี ในเมื่อทราบกันดีแล้วว่าสาเหตุมาจากความอ้วน สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกคือหาวิธีการลดน้ำหนักนั่นเอง หน้าที่แลดูอวบอั๋น เห็นคางหลายชั้นจะได้ลดลง ทั้งนี้ทั้งนั้น แค่พูดมันง่าย แต่พอให้ทำจริงมันยาก สำหรับคนที่สงสัยว่า หน้าอ้วน ทำไงดี โดยไม่ต้องลดน้ำหนัก เพราะมันยากเย็นแสนเข็ญเกินกำลัง วันนี้เรามีตัวช่วยสำหรับคุณโดยเฉพาะ

 

วิธีเปลี่ยนหน้าอ้วนเป็นหน้า V-Shape
         1.ดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร หน้าอ้วน ทำไงดี การดื่มน้ำเปล่ามากๆเป็นตัวช่วยแสนง่ายที่จะทำให้ความอ้วนบนใบหน้าลดลง โดยในแต่ละวันควรดื่มน้ำบ่อยๆ อย่างน้อยให้ได้ 2 ลิตร เพราะถ้าหากร่างกายของคนเราที่ได้รับน้ำในปริมาณที่ไม่เพียง ร่างกายก็จะพยายามกักเก็บน้ำเอาไว้ภายในร่างกายให้ได้มากที่สุด ผลที่ตามมาก็คือการบวมน้ำที่เท้า มือ และที่ใบหน้านั่นเอง แต่ถ้าหากดื่มน้ำในปริมาณที่พอดีกับความต้องการ ร่างกายก็จะทำงานได้อย่างปกติ มีการกักเก็บและการระบายน้ำออกมาได้อย่างสมดุล ลดปัญหาหน้าบวมอ้วนได้แน่นอน
         2.ออกกำลังกาย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการที่หน้าอ้วนเพราะคุณไม่ชอบออกกำลังกาย ดังนั้น ถ้าอยากได้หน้าเรียวคืนกลับมา ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะหากเราจะลดน้ำหนักโดยใช้วิธีการควบคุมอาหารอย่างเดียวคงไม่พอ แถมเวลาน้ำหนักลดลงอาจทำให้ผิวหนังเหี่ยว ไม่กระชับเต่งตึง และไม่สดใสอย่างที่ควรจะเป็น เพราะฉะนั้น เราจึงควรออกกำลังควบคู่ไปกับการควบคุมอาหารด้วย จะทำให้มีน้ำหนักที่พอดี มีรูปร่างที่ฟิตแอนด์เฟิร์ม ที่สำคัญจะทำให้หน้าเรียวดูดีขึ้น
         3.เสริมแคลเซียมให้ร่างกาย ร่างกายของคนเรานั้นในหนึ่งวันต้องการแคลเซียมไม่ต่ำกว่า 1,000 มิลลิกรัม เพื่อเข้าไปช่วยในกระบวนการทำงานในระบบต่างๆ ของร่างกายและเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการจะได้ปริมาณแคลเซียมตามที่ร่างกายต้องการนั้นจะต้องดื่มนม 3 แก้ว หรือโยเกิร์ต 800 กรัม หรือจากการรับประทานปลาก็ได้ กระบวนการเผาผลาญไขมันในร่างกาย โดยเฉพาะที่ใบหน้าจะได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

         4.บริหารกล้ามเนื้อที่หน้า โดยการฉีกยิ้มกว้างๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อตึงตัว แล้วจากนั้นให้พูดคำว่า เอ อู ยาวๆ ต่อไปทำปากจู๋เหมือนอมบ๊วยค้างไว้แล้วนับ 1-5 ในใจ จากนั้นให้อมลมที่แก้มทีละข้างให้ป่อง โดยทำสลับกันซ้ายขวา และสุดท้ายให้ฉีกยิ้มทีละข้างทั้งซ้ายและขวา พยายามยกมุมปากขึ้นให้มากเท่าที่จะได้ การบริหารกล้ามเนื้อที่หน้าด้วยขั้นตอนดังกว่าเป็นวิธีที่นิยมใช้กันมากในต่างประเทศ ซึ่งได้ผลลัพธ์ที่ดี รูปหน้าเรียวกระชับ เปลี่ยนหน้าอ้วนเป็นหน้า V-Shape ได้เป็นอย่างดี
         5.เลิกดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากจะควบคุมอาหาร กำจัดพวกของมันของทอดแล้ว สิ่งที่ควรงดอีกอย่างคือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ทุกประเภท เช่น เบียร์ เหล้า บรั่นดี ไวน์ และอื่นๆ เพราะแอลกอฮอล์เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการบวมน้ำได้ และอีกอย่างก็คือแอลกอฮอล์มีปริมาณแคลอรี่สูงกว่าเครื่องดื่มทั่วๆไป ทำให้เราอ้วนขึ้นได้ง่าย ที่สำคัญคือไม่ดีต่อสุขภาพ เกิดผลเสียมากกว่าประโยชน์ ฉะนั้น ควรลด ละ เลิก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้จงได้
         ใครที่ชอบบ่นอยู่บ่อยๆว่าหน้าอ้วน ทำไงดี” ถ้าคุณอยากให้หน้าอ้วนหายไป และแทนที่ด้วยหน้าเรียวแบบ V-Shape แล้วล่ะก็ นอกจากจะต้องตั้งใจลดน้ำหนักตัวแล้ว สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยให้การมีหน้าเรียวเล็กของคุณไปถึงฝั่งฝันได้ง่ายขึ้น

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เป๊ะเว่อร์! วิธีทําให้หน้าเรียวแบบธรรมชาติ ไม่ต้องง้อโบท็อกซ์

         สมัยนี้ไม่ว่าใครก็อยากได้หน้าเป๊ะเวอร์เหมือนดาราเกาหลีกันทั้งนั้น หน้าเป๊ะในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเรื่องผิวหน้าสวยใสไร้สิว เปล่งออร่าเพียงอย่างเดียว แต่หมายรวมถึงการมีรูปหน้าที่เล็กเรียว กระชับดูดี ซึ่งวิธีทําให้หน้าเรียวนั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการจัดฟัน ใช้ครีมกระชับผิวหน้า การนวดหน้า การทำศัลยกรรม รวมถึงการฉีดโบท็อกซ์ที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่น แต่จะดีกว่าไหม หากเรามีวิธีทําให้หน้าเรียวแบบธรรมชาติมานำเสนอ ไม่ต้องจ่ายแพง ไม่ต้องทนเจ็บตอนขึ้นเขียง แถมยังได้ผลลัพธ์ในออกมาแบบที่น่าพึงพอใจ


วิธีทำให้หน้าเรียว ด้วยท่าบริหารใบหน้า
         ท่าลดแก้ม วิธีทําให้หน้าเรียวด้วยท่าบริหารลดแก้ม ให้อ้าปากให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นดึงปากมาหุ้มฟันไว้แล้วยิ้มให้กว้างที่สุด จะรู้สึกได้ถึงการตึงที่ใบหน้า เพราะกล้ามเนื้อแก้มเกิดการกระตุ้น ทำให้หน้าเล็กเรียวลงได้
         ท่าลดไขมันใต้คาง วิธีการคือเงยหน้าขึ้นให้สุด ทำค้างไว้แล้วเอาฝ่ามือจับบริเวณลำคอ จากนั้นดึงริมฝีปากล่างมาหุ้มริมฝีปากบนให้เยอะที่สุด ค้างไว้ประมาณ 10 วินาที ท่านี้อาจจะดูพิลึก แต่รับรองว่าผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นที่น่าพอใจอย่างแน่นอน
         ท่ากระชับใบหน้า เริ่มด้วยการยิ้มแบบยิงฟันให้กว้างที่สุด เพื่อให้กล้ามเนื้อตึง จากนั้นพูดคำว่า อา อี อู เอ โอ ยาวๆ จะรู้สึกได้ถึงใบหน้าที่ตึงขึ้น เป็นท่าบริหารหน้าเรียวที่ช่วยกระชับใบหน้าได้อย่างดีเยี่ยม
         ท่าบริหารกล้ามเนื้อ ให้อมลมที่แก้มทีละข้างให้ป่องสุดๆ แล้วสลับไปมาทั้งสองข้าง ท่านี้เป็นการบริหารกล้ามเนื้อหน้าโดยเฉพาะช่วงแก้มให้ลดลง ได้หน้าวีอย่างที่ทุกคนต้องการ
         ท่าบริหารกราม วิธีคืออ้าปากให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วเปลี่ยนมาทำปากจู๋ จากนั้นให้ทำสลับกันไป สักวันละประมาณ 10 นาที กรามใหญ่ๆที่กวนใจเรามีขนาดลดลง


วิธีทำให้หน้าเรียว ด้วยการใช้ช้อนนวดหน้า

         สำหรับคนที่อยากหน้าเรียวเล็กแบบไม่ต้องพึ่งมีดหมอ ไม่ต้องเจ็บตัว และไม่อยากสิ้นเปลืองงบประมาณ เราขอนำเสนออีกหนึ่งวิธีทําให้หน้าเรียวเป็นรูปตัววี โดยเป็นวิธีการแสนง่าย ใครๆก็ทำได้ เพียงแค่ใช้ช้อนหนึ่งคัน ทำขั้นตอนดังนี้
         1.นำช้อนไปแช่ช่องแข็งแล้วนำมาใช้เป็นอุปกรณ์ในการนวดหน้าเรียว โดยเมื่อช้อนมีความเย็นมากๆ จะทำให้ความร้อนบนใบหน้าของเราคงที่ ส่งผลดีต่อการนวดหน้าเรียวมากขึ้น
         2.ทาครีมจำพวกมอยส์เจอไรเซอร์บนใบหน้า เพื่อให้หน้าไม่แห้งเกินไปจากความเย็นของช้อนที่ใช้ ที่สำคัญเป็นตัวช่วยทำให้เลื่อนช้อนไปตามจุดต่างๆบนใบหน้าได้ง่ายขึ้น
         3.ใช้ครีมหน้าเรียวทาเพื่อให้ผลลัพธ์การนวดหน้าเรียวได้ผลเร็วและชัดเจนขึ้น โดยเริ่มทาครีมหน้าเรียวจากบริเวณตรงกลางใบหน้า ออกไปด้านข้าง เพื่อเพิ่มผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในการทำให้หน้าของเรากระชับ แลดูเรียวเป็น V Shape
         4.เริ่มนวดใบหน้าเบาๆ ด้วยการใช้มือนวดหมุนวนให้ทั่วใบหน้าทั้งสองข้าง โดยให้เน้นการนวดแก้ม ด้วยวิธีการหมุนวนออกไปทางด้านข้าง หรือจากด้านในไปด้านนอก
         5.ต่อมาให้กระตุ้นใบหน้าทั้งสี่จุดด้วยการนำช้อนที่แช่ช่องแข็งไว้มากดจุดบนใบหน้า โดยค่อยๆใช้ช้อนกดไล่ตั้งแต่บริเวณโหนกแก้ม กดขึ้นไปเรื่อยๆไปจนถึงบริเวณขมับ ทั้งข้างซ้ายและข้างขวา สลับกันข้างละ 3 ครั้ง ขั้นตอนนี้จะช่วยลดอาหารบวมของใบหน้าได้อย่างชัดเจน
         6.ใช้ปลายช้อนคันเดิมมาบริหารใบหน้าต่อ ด้วยการใช้หลังช้อนลากเบาๆเป็นเส้นจากบริเวณปลายคางไปจนถึงขมับ พร้อมด้วยการใช้มือข้างหนึ่งดึงบริเวณขมับขึ้นไปด้านบนเอาไว้ให้ตึงๆ ในขั้นตอนนี้ให้ทำซ้ำทั้งซ้ายและขวา ข้างละ 3 ครั้ง
         7.ทำคล้ายขั้นตอนที่แล้ว แต่ขยับขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง ด้วยการลากเส้นจากโหนกแก้มด้านล่างขึ้นไปเบาๆ ไม่ต้องกดแรงหรือออกแรงมาก โดยให้ทำซ้ำข้างละ 3 ครั้ง สลับกันทั้งซ้ายและขวา ขั้นตอนนี้จะช่วยยกกระชับใบหน้า ทำให้ใบหน้าของเราเต่งตึงขึ้น

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เหตุผลที่ทำให้การฉีดโบท็อกซ์ได้รับความนิยมจากทั่วโลก

                การฉีดโบท็อกซ์ได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลก เพราะถือเป็นนวัตกรรมความสวยความงามที่แพร่หลายและเป็นที่สนใจของหนุ่มๆสาวๆ ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจทั้งใบหน้าและร่างกาย ที่สำคัญมีทั้งคุณและโทษ เราได้รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ “การฉีดโบท็อกซ์” ที่รวมถึงที่มาที่ไป คุณและโทษ ข้อควรปฏิบัติ และสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงหรือต้องระมัดระวัง
โบท็อกซ์ (Botox) เป็นชื่อทางการค้าของสารโบทูลินั่มท็อกซินเอ (Botulinum toxin A) ซึ่งเป็นโปรตีน ชนิดหนึ่งที่สร้างจากแบคทีเรียชื่อ ครอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) ถูกค้นพบโดย จิสทินัส เคอร์เนอร์ นายแพทย์ชาวเยอรมัน โบท็อกซ์มีการใช้มานานมาก เริ่มต้นโดยการนำมารักษากล้ามเนื้อคอกระตุก กล้ามเนื้อตากระตุก รวมถึงอาการปวดไมเกรน ตาเหล่ ก็รักษาด้วยโบท็อกซ์นี้ ต่อมาปี 2002 FDA ของอเมริการับรองการใช้โบท็อกซ์ เพื่อการลดริ้วรอยหน้าผาก และรอยตีนกา จึงเป็นจุดเริ่มต้นการนำโบท็อกซ์มาใช้ในเรื่องของผิวพรรณและความสวยงาม

               โบท็อกซ์ คือ สารจากธรรมชาติที่เป็นโปรตีนบริสุทธิ์สกัดจากแบคทีเรียที่มีประโยชน์ชนิดหนึ่งซึ่งจะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณที่หดตัว โดยหลังการฉีดโบท็อกซ์แล้วตัวยาจะจับตัวกับปลายเส้นประสาทที่เชื่อมต่อกับกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นคลายตัว ส่งผลให้ริ้วรอยลดเลือน เมื่อกล้ามเนื้อไม่เกร็งตัวแล้ว โบท็อกซ์ยังจะช่วยส่งผลปรับลดขนาดกล้ามเนื้อ ช่วยให้คุณแลดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น เพียง 10 นาที หลังจากทำการรักษา กล้ามเนื้อของคุณจะรู้สึกผ่อนคลาย ร่องลึกจะเริ่มคลายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปและเมื่อเวลาผ่านไปกล้ามเนื้อจะเล็กลง ทำให้ผิวบริเวณนี้เรียบตึง
การฉีดสารเหล่านี้มีระยะเวลา โดยทั่วไปผลของการฉีดจะอยู่ได้นานประมาณ 3-8 เดือน ทั้งนี้ขึ้นกับว่าฉีดรักษาอาการอะไร ฉีดบริเวณใด ฉีดเป็นครั้งแรกหรือเป็นการฉีดซ้ำ เพราะการฉีดสารประเภทนี้ส่วนใหญ่แล้ว คนจะติดใจ คือฉีดแล้วรู้สึกว่ามั่นใจขึ้น สาวขึ้น สวยขึ้น ก็เลยต้องฉีดซ้ำเรื่อยๆ
โบท็อกซ์จับกับปลายประสาท สัญญานกกระตุ้นการหดตัวจะไม่มีผล กล้ามเนื้อของคุณจะผ่อนคลาย ริ้วรอยต่างๆจะค่อยๆเนียนเรียบขึ้นจากเดิม และจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยใหม่ การฉีดโบท๊อกซ์ที่ถูกวิธีนั้นนอกจากจะไม่ทำให้หน้าคุณดูแข็งเกร็งแล้วคุณยังสามารถแสดงอารมณ์ทางสีหน้าได้อย่างเป็นปกติ เพราะโบท๊อกซ์จะทำงานเฉพาะในส่วนของกล้ามเนื้อที่แพทย์ได้เลือกฉีด เช่น หากฉีดโบท็อกซ์ในบริเวณกล้ามเนื้อที่หน้าผากส่วนกลางแล้ว จะไม่กระทบกับการทำงานของกล้ามเนื้อหน้าผากด้านข้าง ผลคือคุณจะสามารถการยกคิ้วได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้การแสดงอารมณ์ทางสีหน้าเป็นไปได้อย่างเป็นปกติ นอกจากจะช่วยให้ผิวเรียบตึงขึ้นแล้วโบท็อกซ์ยังสามารถช่วยลดการทำงานในส่วนของกล้ามเนื้อที่เราไม่ต้องการ ซึ่งจะช่วยปรับรูปหน้าของคุณให้เรียวขึ้นได้อีกด้วย

ข้อดีของการฉีดโบท็อกซ์ (Botox)

1.สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยได้
2.ทำให้รูปหน้าเรียวเล็กลง
3.เห็นผลเร็ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของการฉีดด้วย ซึ่งมีทั้งเห็นผลแทบจะทันที ถึงเป็นเดือนกว่าจะเห็นผล ก็มีเช่นกัน
4.มีใบรับรอง จากองค์การอาหารและยา ทำให้สบายใจได้ ว่ามีความปลอดภัย
5.ไม่ต้องเตรียมตัวเป็นพิเศษ ก่อนเข้ารับการฉีด
6.เมื่อฉีดเสร็จ สามารถทำกิจกรรม ตามปกติได้ทันที
7.เพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง
8.มีผลข้างเคียงน้อย
อย่างที่รู้ๆกัน การฉีดโบท๊อกซ์นั้นไม่ได้มีแต่ข้อดีเท่านั้น ยังมีโทษอีกมามาย ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง และผลที่ตามมาก็คือ

ข้อเสียของการฉีดโบท็อกซ์ (Botox)
1.อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยขณะฉีด แต่โดยทั่วไป จะมีการทายาชาก่อน ทำให้ลดอาการเจ็บปวดลงได้
2.โบท็อกซ์ ไม่ได้อยู่ตลอดไป ซึ่งก็หมายความว่า ริ้วรอยบนใบหน้า หรือกรามที่เล็กลงนั่น จะกลับมาเป็นสภาพเดิมอีกครั้ง กลังเวลาผ่านไป ประมาณ 6 เดือน
3.มีราคาสูง การฉีดโบท็อกซ์ มีค่าใช้จ่ายที่ค่อยข้างสูง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ บริเวณที่ต้องการฉีด และสถานที่เข้ากับการฉีดด้วย
4.หากฉีดจากแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญอาจเป็นอันตรายได้
5.ควรเลือกสถานที่ที่มีอุปกรณ์ปฐมพยาบาลครบถ้วน มิฉะนั้นหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น อาจมีอันตรายถึงชีวิต
6.อาจมีอาการแทรกซ้อน สำหรับผู้ที่มีประวัติแพ้ยาหรือหญิงตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการฉีดทุกครั้ง

แนวทางปฏิบัติตัวหลังฉีดโบท็อกซ์

 1.หลังฉีด ทันที ไม่ควรจับ ลูกคลำ หรือนวดบริเวณที่ฉีด เพราะอาจมีผลต่อการกระจายตัวของตัวยา
2. ภายใน 4 ชั่วโมง ไม่ควรไปนอนราบ หรือนอนตะแคง เพราะในช่วง 4 ชั่วโมงแรก เป็นช่วงการซึมของยาเข้ากล้ามเนื้อ ถ้านอนตะแคงจะทำให้การกระจายตัวของยาผิดจากตำแหน่งที่แพทย์คาดการณ์ไว้ได้ เมื่อเลย 4 ชั่วโมงไปแล้ว สามารถนอน หรือตะแคงได้ตามปกติ
3.ภายใน 4 ชั่วโมงแรก ต้องบริหารกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดบ่อยๆ เพื่อให้ตัวยาซึมเข้าสู่กล้ามเนื้อที่ต้องการให้ออกฤทธิ์มากที่สุด เช่น ฉีดหางตา ควรยิ้มบ่อยๆ ฉีดหน้าผากควรยักคิ้วบ่อยๆ หรือฉีดกรามควรเคี้ยวหมากฝรั่ง 15-30 นาที่ หรือ 4 ชั่วโมง ตามดุลยพินิจแพทย์
4. ภายใน 2 สัปดาห์แรก ควรงดการเข้าอบไอน้ำ อบซาวน่า ยิงเลเซอร์ ทำ RF หรือไอออนโตที่หน้า เพราะความร้อนเฉพาะจุดเป็นเวลานานอาจส่งผลต่อโบท๊อกซ์ได้ใน 2 สัปดาห์แรกความร้อนที่สามารถโดนได้คือ ไดร์เป่าผม อาบน้ำอุ่น (งดบริเวณที่ฉีดโบท๊อกซ์) และโดนแสงแดดที่ไม่แรงจ้าเกินไปได้ตามปกติ
5. หลังฉีดแต่งหน้า ทาแป้ง ทาครีมได้ตามปกติ เมื่อผ่านไป 1 สัปดาห์สามารถทำ Treatment ได้ตามปกติ (ยกเว้น Laser, RF และ Ionto ต้องรอ 2 สัปดาห์)
6.สำหรับการฉีดโบท๊อกซ์ที่กล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น กล้ามเนื้อกราม และน่อง ตัวยาจะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 2-4 สัปดาห์ ดังนั้น ช่วงแรกๆ อาจยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง ฤทธิ์ยาจะมีผลสูงสุดในช่วง 4-8 สัปดาห์ (1-2 เดือน) และจะหมดฤทธิ์เมื่อครบเวลา 4-6 เดือน หรืออาจจะนานกว่านี้ กรณีที่ฉีดโบท๊อกซ์อย่างต่อเนื่องเป็นประจำ ดังนั้นถ้าจะให้เห็นผลในการลดขนาดกล้ามเนื้อกรามและน่องอย่างมีประสิทธิภาพควรฉีดต่อเนื่องกันทุก 4-6 เดือน ประมาณ 3-4 ครั้ง เมื่อหยุดฉีดขาดกล้ามเนื้อจะเปลี่ยนไปจนสังเกตได้
7.ใน 2 วันแรก งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์ จะเพิ่มระบบการไหลเวียนของเลือด และจะเป็นการล้างยาโบท๊อกที่ฉีดไป
8.หลังฉีดสามารถรับประทานอาหาร ออกกำลังกาย และใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

การฉีดโบท็อกซ์ ถึงแม้จะเป็นนวัตกรรมเสริมความสวยความงามที่แพร่หลายอย่างมากทั่วโลก แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่โชคร้ายกับการฉีดโบท็อกซ์เข้าร่างกาย และมีมากมายหลายคนต้องเสียโฉมเพราะเจ้าโบท็อกซ์นี้ ดังนั้นเราควรระมัดระวัง ศึกษาอย่างละเอียด ก่อนตัดสินใจเสริมความงามเหล่านี้ ก่อนที่จะเสียทั้งเงินทั้งหน้าตาของเราไป

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

มาดูกันว่า การทำหน้าเรียวแบบไหนเหมาะกับตัวคุณที่สุด

เชื่อว่าคุณสาวๆ คงอยากที่จะมีหน้าเรียวสวย หรือที่เรียกกันติดปากว่า V-Shape เหมือนกับบรรดาเหล่าดาราซุปตาร์ ไม่ว่าจะเป็นทั้งของไทย ชาติตะวันตก หรือเกาหลี เป็นต้น ถึงแม้หลายๆ คนมักจะคิดว่าการมีใบหน้าที่เรียวนั้นเป็นเพียงแฟชั่นค่านิยมที่เกิดขึ้นตามยุคสมัย

สำหรับคุณสาวๆ ที่มีใบหน้าที่อวบ บวม เหลี่ยมจนดูน่าเกลียดแล้ว การทำหน้าเรียวนั้น ถือว่าเป็นการช่วยปรับสมดุลของใบหน้าให้กลับมาสวยงาม และช่วยเสริมความมั่นใจให้กับคุณสาวๆ อีกด้วย

คุณสาวๆ หลายคนที่อยากหน้าเรียงคงจะพยายามค้นหาข้อมูล และวิธีการต่างๆที่จะช่วยทำให้ใบหน้าของตัวเองนั้นเรียวลงอย่างเป็นธรรมชาติมาอย่างมากมาย อาทิเช่น การเหลากราม การฉีดโบท็อก การจัดฟัน รวมไปถึงการบริหารใบหน้า เป็นต้น

ในความเป็นจริงแล้ว คุณสาวๆ ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า พื้นฐานรูปหน้าของคุณสาวๆ แต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกัน เมื่อไปพบแพทย์สำหรับบางคนอาจที่จะสามารถปรับรูปหน้าให้เรียวลงได้เลย แต่สำหรับบางคนต้องทำการปรับรูปหน้าเสียก่อนจึงที่จะสามารถทำหน้าเรียวได้

สำหรับในวันนี้ จะขอพาคุณสาวๆ ที่ใฝ่ฝันที่อยากจะมีหน้าเรียว ไปทำความเข้าใจกับการปรับหน้าเรียวเพื่อให้เห็นว่า รูปหน้าของคุณสาวๆ แต่ละคนนั้น ควรที่จะต้องมีการปรับแต่งหน้าใบหน้าอย่างไรใบหน้าถึงจะเรียวขึ้นได้

ปัญหาหน้าไม่เรียวของคุณสาวๆ เกิดขึ้นจากอะไรกันบ้าง?

1. คุณสาวๆ ที่มีปัญหาแก้มใหญ่ หรือหน้ากลมเพราะมีไขมันส่วนเกินบริเวณแก้มมากสามารถทำให้ใบหน้าเรียวขึ้นได้ โดยการฉีดแฟตแก้มหรือเมโสแฟต  ซึ่งจะเป็นการช่วยในการกำจัดไขมันส่วนเกินในบริเวณที่ไม่ต้องการ เช่น บริเวณแก้ม เป็นต้น เมื่อไขมันสลายตัวไป ก็จะเป็นการช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีวิธีการอื่นๆที่สามารถช่วยทำให้ไขมันในบริเวณดังกล่าวสลายตัวไป เช่น การลดน้ำหนัก การใช้คลื่นวิทยุ RF ในการสลายไขมัน การดูดเซลล์ไขมันออก หรือการผ่าตัดเอาถึงไขมันช่วงแก้มออก เป็นต้น ซึ่งวิธีการเหล่านี้ล้วนแต่เป็นการช่วยทำให้ใบหน้าเรียวมากยิ่งขึ้น

2. คุณสาวๆ ที่มีปัญหากระดูกโหนกแก้มสูงใหญ่ หรือกระดูกกรามใหญ่มาตั้งแต่เกิด จนทำให้เกิดปัญหาหน้าบานหรือหน้าตอบ ต้องใช้วิธีการศัลยกรรมปรับแต่งกระดูกในการแก้ปัญหา โดยสามารถใช้การผ่าตัดจากภายนอกช่องปากและภายในช่องปาก ในการเหลา ตัด กระดูกที่ใหญ่ออก ซึ่งจะเป็นการช่วยทำให้ใบหน้าดูแคบลงและเรียวมากยิ่งขึ้น

3. คุณสาวๆ ที่มีปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อบริเวณกรามหรือขากรรไกรใหญ่ เกิดจากการใช้กล้ามเนื้อในบริเวณกรามมากจนเกินไป เช่น การเคี้ยวหมากฝรั่ง หรือเคี้ยวอาหารที่เคี้ยวยาก เช่น ปลาหมึก หรือเนื้อสัตว์หนาๆ เป็นต้น ทำให้กล้ามเนื้อในบริเวณกรามมีขนาดที่ใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ

4. คุณสาวๆ สามารถสังเกตได้ว่า ตนเองนั้นกล้ามใหญ่เพราะกล้ามเนื้อหรือไม่ โดยการลองกัดฟันแล้วลองจับบริเวณกรามจะทำให้ทราบได้ว่ามีกล้ามเนื้อหรือไม่ มัดใหญ่เพียงใด การปรับรูปหน้าให้เรียวควรใช้วิธีการฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งจะไปทำปฏิกิริยากับกล้ามเนื้อกรามที่มีลักษณะเป็นมัดๆให้คลายตัวลง ซึ่งเป็นการช่วยทำให้ใบหน้าดูเรียวมากยิ่งขึ้น

5. คุณสาวๆที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ควรใช้การฉีดโบท็อก หรือการร้อยไหม เพื่อช่วยยกกระชับใบหน้า ทำให้ใบหน้าดูเรียวมากขึ้น

6. คุณสาวๆที่มีปัญหาคางสั้น หน้าเหลี่ยม หรือแก้มหย่อนคล้อย สามารถเสริมคางเพื่อให้ใบหน้าเรียวขึ้นได้โดยการเสริมคางหรือการฉีดฟิลเลอร์ ในกรณีการฉีดฟิลเลอร์แพทย์จะทำการพิจารณาเป็นรายบุคคลไปว่า เมื่อทำการฉีดแล้วจะเหมาะสมหรือไม่

7. คุณสาวๆที่มีปัญหากรามใหญ่ที่ขึ้นจากฟัน ควรใช้วิธีการจัดฟัน ซึ่งจะช่วยทำให้รูปหน้าเรียวเล็กลงได้เช่นกัน แต่ในทางการแพทย์ไม่แนะนำให้จัดฟันเพื่อให้ใบหน้าเรียวเล็กลง ควรทำการจัดฟันในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับฟันจริงๆเท่านั้น

8. คุณสาวๆที่มีปัญหาขมับตอบ แก้มตอบ หรือใบหน้าที่ไม่ได้รูปจากพื้นเดิม ซึ่งอาจเกิดขึ้นหลังจากการจัดฟัน แล้วทำให้รูปหน้าบุบซ้ายบุบขวาผิดไปจากเดิม เป็นต้น ควรใช้ฟิลเลอร์ในการเสริมเติมในบริเวณที่มีความผิดปกติจะสามารถช่วยทำให้ใบหน้าเรียวมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม ลักษณะรูปหน้าของคุณสาวๆแต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกัน บางคนอาจจะมีปัญหารูปหน้าเพียงอย่างเดียวหรือสองสามอย่างก็ได้ ดังนั้นคุณสาวๆ จึงควรที่จะไปพบกับแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยถึงวิธีการที่เหมาะสมในการปรับแต่งรูปหน้าสำหรับตัวคุณสาวๆโดยเฉพาะ

อีกทั้งการปรับแต่งแก้ไขปัญหารูปหน้าควรทำด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านงานศัลยกรรมเสริมความงามโดยตรง และสารที่ทำการฉีดให้ควรเป็นสารที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา ที่สำคัญคือ ไม่ควรใช้สารราคาถูกที่มีขายอยู่ตามเว็บไซต์ ซึ่งไม่สามารถระบุถึงแหล่งที่มาได้เป็นอันขาด เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณสาวๆเองอีกด้วย

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.