No products in the cart.
ตาพร่ามัว ข้างเดียว มีวืธีแก้
หลายคนอาจสงสัยว่าตาพร่ามัวคืออะไร จริงๆแล้วมันก็คืออาการผิดปกติชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นกับดวงตาทั้งสอง ยกตัวอย่างเช่น การมองเห็นตัวหนังสือบนกระดานหรือหน้าหนังสือเป็นภาพเบลอ จากที่ปกติเคยเห็นชัดเจน หรือเคยมองเห็นป้ายบอกทางในระยะนี้ แต่อยู่ดีๆกลับมองไม่ชัด เป็นต้น ซึ่งสามารถเช็คได้ว่าตาพร่ามัวหรือไม่ ด้วยการปิดตาทีละข้าง เพื่อเทียบการมองเห็นจากตา 2 ข้าง ทั้งนี้ ส่วนใหญ่มักมีอาการตาพร่ามัว ข้างเดียวมานาน เพราะฉะนั้นเราควรหมั่นเช็คสภาพดวงตาด้วยวิธีดังกล่าว จะได้หาวิธีแก้ให้ทันท่วงที
อาการดวงตาพร่ามัว ซึ่งส่วนใหญ่มักเริ่มต้นจากการเป็นข้างเดียว เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่สามารถแบ่งเป็น 2 ข้อใหญ่ๆ ได้แก่ 1.มีความผิดปกติที่ตรวจเห็นได้ชัดเจน และ 2. แปรตามความเสื่อมของร่างกาย

ตาพร่ามัว เพราะมีความผิดปกติที่ตรวจเห็นได้ชัด
1.เป็นความผิดปกติแต่กำเนิด บางคนอาจจะมีความผิดปกติกับตาข้างใดข้างหนึ่ง หรือพร้อมกันทั้ง 2 ข้าง ตั้งแต่แรกเกิด จนกระทั่งโตเป็นหนุ่มสาว หรือผู้ใหญ่ และติดตัวไปจนถึงวัยชรา สิ่งเหล่านี้ก็ติดตัวเองมาตลอด เช่น กระจกตาดำ (corned) ตาดำเป็นผ้าขาวมีแผลเป็น กระจกตาดำมีความหนาไม่สม่ำเสมอ
หรืออีกตัวอย่างเช่น ตาดำโค้งผิดปกติอาจเป็นรูปกรวยแหลม มองดูเผินๆ ดูไม่ออกต้องตรวจด้วยวิธีพิเศษหรือเครื่องมือพิเศษจึงจะเห็นความผิดปกติอันนี้ ยิ่งโตขึ้น เข้าวัยหนุ่มสาว หรือผู้ใหญ่ อาการจะแสดงออกชัดมากคือตามัว วัดแว่นตาไม่สามารถประกอบแว่นได้ดี หรือกระจกตาดำเล็กผิดปกติ หรือโตเกินไปได้แก่พวกต้อหินแต่กำเนิด นอกจากนี้ยังมีความผิดปกติแต่กำเนิดอีกมากมายที่ทำให้สายตาพร่ามัว
2.เป็นตาพร่ามัวขึ้นภายหลัง ตาพร่ามัวที่เกิดภายหลังกำเนิดมาแล้ว อาจจะแบ่งเป็นข้อ ๆ หรือขั้นตอน ให้อ่านเข้าใจง่ายได้พอสังเขป จากการยกตัวอย่างเช่น ตาเข หรือตาเหล่ สายตาผิดปกติ คือสายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียงที่มักเกิดขึ้นในวัยเรียน วัยทำงาน และผู้สูงอายุ พวกนี้จะทำให้ตาพร่ามัว หรืออาจเกิดจากอุบัติเหตุที่กระทบกระทั่งนัยน์ตามีผลทำให้ตาพร่ามัวลงได้ทันที

นอกจากนี้ ยังอาจกเกิดจากความผิดปกติ เกิดการอักเสบติดเชื้อ มีแผลทีกระจกตาดำ หรือเกิดการอักเสบที่ม่านตา วุ้นลูกตาอักเสบมีหนอง จอประสาทตาอักเสบ เป็นผลมาจากโรคทางร่างกายบางอย่าง เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน เป็นต้น อีกสาเหตุที่ทำให้เป็นตาพร่ามัวอย่างรุนแรงก็คือ โรคมะเร็งลูกตา ซึ่งอาจส่งผลอันตรายถึงตาบอด หรือเสียชีวิตได้
ตาพร่ามัว แปรตามความเสื่อมของร่างกาย
1.สายตายาว มักเกิดกับผู้ที่มีอายุใกล้ 40 ปี หรือ 40 ปีขึ้นไป โดยจะมีอาการตอนอ่านหนังสือหรือทำงานระยะใกล้ๆ ประมาณ 1-2 ฟุตไม่ค่อยถนัด ไม่ชัด ทำนานๆ รู้สึกปวดกระบอกตา เมื่อยล้านัยน์ตา แสบตา น้ำตาไหลมากๆ อยากอาเจียน พาลหงุดหงิด
2.โรคนัยน์ตาบางชนิด เช่น ต้อหินชนิดมุมเปิด โรคต้อกระจกชนิดวัยชรา หรือก่อนชรา จอประสาทตาเสื่อมตามวัย อาการเหล่านี้ทำให้ตาพร่ามัว ซึ่งพบได้ค่อนข้างบ่อยเนื่องจากความเสื่อมสภาพของดวงตา ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดตาพร่ามัวเพราะโรคเกี่ยวกับนัยน์ตา จำเป็นต้องรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพตา บำรุงประสาทตาให้แข็งแรง อยู่กับเราไปนานๆ

วิธีแก้ ตาพร่ามัว
ขั้นแรกต้องหาสาเหตุให้ได้ก่อนว่าที่เรามีอาการตาพร่ามัวนั้นเกิดจากสาเหตุใด เมื่อทราบแล้วก็ควรได้รับการรักษาโดยเร็วตามวิธีการที่ถูกต้อง เช่น ตาพร่ามัวเพราะเป็นโรคต้อกระจกก็ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการผ่าตัด จากนั้นก็ดูแลตามอาการ ตาพร่ามัวก็จะค่อยๆหายไปได้ในที่สุด
.jpg)
อย่างไรก็ตาม คนที่เป็นตาพร่ามัวเพราะจอประสาทตาเริ่มเสื่อม อันเนื่องมาจากการใช้งานอย่าหนัก เช่น ทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ มีการออกในที่แจ้ง ดวงตาได้รับมลภาวะ ฝุ่นควัน และแสงแดดจนทำให้สุขภาพตาเสื่อม กรณีนี้ควรรับประทานอาหารเสริมให้เพียงพอต่อร่างกาย เพื่อเข้าไปบำรุงสายตา เช่น วิตามินซี วิตามินอี เบต้าแคโรทีน สังกะสี ลูทีน แคลเซียม วิตามินบี โอเมก้า 3 เป็นต้น อาหารเหล่านี้จะเข้าไปทำให้ดวงตาแข็งแรง ป้องกันดวงตาพร่ามัวและโรคอื่นๆเกี่ยวกับดวงตาได้ ซึ่งสามารถรับประทานได้ทั้งจากอาหารทั่วไปและอาหารเสริม
สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

Beauty24 Co.,Ltd.