No products in the cart.
‘ขาแตกลาย’ ปัญหาผิวที่สาวๆไม่อยากเจอ
วันนี้เราจะมาพูดถึงปัญหาผิวอย่างหนึ่ง โดยเกิดขึ้นบ่อยมากโดยเฉพาะกับคุณผู้หญิง มันคือปัญหาขาแตกลายนั่นเอง ซึ่งถ้าเกิดขึ้นกับเหล่าสุภาพบุรุษทั้งหลายคงก็ไม่ค่อยซีเรียสกันสักเท่าไหร่ แต่เจ้าขาแตกลายดันชอบเกิดขึ้นกับคุณผู้หญิงนี่สิ หล่อนจึงขาดความมั่นใจในการใส่กางเกงหรือกระโปรงสั้น อวดเรียวขาแสนสวย และแน่นอนปัญหาผิวนี้ยังพอมีทางแก้ไข บทความนี้ขอทำหน้าที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาขาแตกลาย โดยเรามาเริ่มกันที่สาเหตุของขาแตกลายกันก่อน
ขาแตกลาย เกิดขึ้นได้อย่างไร

จริงๆแล้วผิวแตกลายไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะที่บริเวณขาเท่านั้น เรายังสามารถพบปัญหาผิวนี้ได้ทั้งบริเวณหน้าท้อง เอว ต้นแขน ต้นขา น่อง หรือแม้แต่ใต้ราวนม เป็นต้น โดยผิวแตกลายเกิดจากความแปรปรวนของฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายประกอบกับผิวแห้งขาดความชุ่มชื้น จึงทำให้ชั้นคอลลาเจนและอีลาสตินเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว จนทำให้เนื้อเยื่อเกี่ยวพันใต้ผิวหนังฉีกขาดจนเกิดเป็นรอยแตกลายในที่สุด
รอยแตกลาย ใช้คำว่า striae แปลว่า ร่องลายเส้นขนาน นอกจากนี้ผิวแตกลาย บางครั้งอาจเรียกว่า striae distensae (ลายเส้นขนานจากการยืด) striae atrophicans (ลายเส้นขนานที่มีลักษณะผิวฝ่อ) striae rubra (ลายเส้นขนานที่มีสีแดง) ซึ่งมักจะพบในระยะเริ่มแรก และ striae alba (ลายเส้นขนานที่มีสีขาว) ที่จะพบในระยะหลัง ทั้งนี้ หากเป็นรอยแตกลายเป็นประเภทจะรักษาได้ยากมาก
ขาแตกลาย ป้องกันได้อย่างไร
“กันไว้ดีกว่าแก้” ประโยคคลาสสิคนี้เป็นเครื่องเตือนใจเราได้ดีที่สุด เพราะต้องบอกเลยว่าถ้าปล่อยให้เกิดขาแตกลายขึ้นแล้วล่ะก็ การจะรักษาให้หายเป็นปกตินั้นไม่ใช่เรื่องง่าย บ้างใช้เวลาเป็นปีๆ ในขณะที่บางคนปล่อยไว้จนไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้เลย ดังนั้น ถ้าไม่อยากมีปัญหาขาแตกลาย ควรป้องกันด้วยวิธีดังนี้
1.หลีกเลี่ยงไม่ให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดผิวแตกลาย ได้แก่ วัยรุ่นที่กำลังเจริญเติบโต และหญิงตั้งครรภ์ ทั้งนี้ ถ้าคิดว่าตัวเองกำลังมีผิวหนังที่ใหญ่มากขึ้น (โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์) ควรทามอยเจอไรเซอร์ให้ผวชุ่มชื้นอย่างสม่ำเสมอ
2.ถ้าจะลดน้ำหนัก ควรทำอย่างถูกวิธี เนื่องจากที่เป็นคนอ้วนหรือตัวใหญ่ แล้วลดน้ำหนักลงอย่างรวดเร็ว อาจทำให้ผิวหนังแตกลายได้เหมือนกัน ฉะนั้น ถ้าคิดจะลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน ควรทาครีมให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ และออกกำลังกายลดน้ำหนักด้วยวิธีที่ถูกต้อง

3.ใช้ครีมที่ให้ความชุ่มชื้น เช่น วิตามินซี กรดผลไม้ กรดวิตามินเอ มอยเจอไรเซอร์ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้รอยแตกลายที่กำลังเกิดใหม่ที่ยังคงมีสีแดงจางลงได้บ้าง ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการทาครีมบำรุงผิว ป้องกันขาแตกลายก็คือหลังอาบน้ำ เพราะสภาพผิวมีความพร้อมที่จะรับสารอาหารมาฟื้นบำรุงสุขภาพผิว กระนั้นก็ตาม ห้ามใช้กรดวิตามินเอทารอยแตกลายในหญิงตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตรเด็ดขาด เพราะมีอันตรายต่อทารกได้
4.หลีกเลี่ยงการใช้สารสเตียรอยด์ มีรายงานว่าวัยรุ่นบางรายนิยมใช้สารอะนาบอลิกสตีรอยด์ สารตัวนี้รู้จักกันดีในนักกีฬา เพราะเป็นสารกระตุ้นเพื่อเพิ่มสมรรถภาพของร่างกาย โดยกำลังเป็นนิยมของวัยรุ่นที่ออกกำลังกาย ฟิตหุ่นในล้ำบึก สารสเตียรอยด์เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ผิวเกิดรอยแตกลายได้ง่าย
5.ดื่มน้ำมากๆ ปริมาณน้ำที่เข้าสู่ร่างกายจำนวนมากในแต่ละวัน จะส่งผลโดยตรงต่อผิว โดยจะทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น ยืดหยุ่น ป้องกันปัญหาขาแตกลายได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ถ้าดื่มน้ำไม่เพียงพอ สามารถสังเกตได้ว่าปากและลำคอจะแห้ง ถ้าพบอาการเหล่านี้ควรดื่มน้ำให้มากขึ้น ซึ่งในคนทั่วไปควรดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน
เห็นหรือยังว่า “ขาแตกลาย” เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ใครๆก็ไม่อยากเจอ โดยเฉพาะสาวๆถ้าลองได้เป็นแล้วจะทำให้ขาดความมั่นอกมั่นใจไปมากโข ดังนั้น จงท่องไว้ให้ขึ้นใจว่า “การป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไข”
วิธีบำรุงแก้ไขผิวเมื่อเกิดปัญหาผิวแตกลายขึ้น
สำหรับคนที่เกิดปัญหาขาลายขึ้นมาแล้ว และกำลังกังวลใจ ไม่รู้ว่าควรที่จะทำการดูแล รักษา และฟื้นฟูผิวของตัวเองอย่างไรดี จึงจะสามารถย้อนกลับไปสู่ช่วงเวลาของผิวที่เคยสวยงาม ปราศจากรอยแตกลายอย่างรวดเร็วนั้น ขอแนะนำว่าควรเริ่มต้นการดูแลรักษาตัวเอง ด้วยการใช้ครีมบำรุงผิวรักษาผิวแตกเป็นประจำ ซึ่งในปัจจุบันก็มีครีมบำรุงผิวที่ประสิทธิภาพดั่งกล่าววางจำหน่าอยู่ในท้องตลาดให้เลือกสรรมากมายเลยทีเดียว
สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

Beauty24 Co.,Ltd.