วิธีกำจัดรอยย่นใต้ตา และเส้นริ้วรอยแบบหายวับทันใจ

         ผิวหนังใต้ดวงตามีความบอบบางสูง ดังนั้นสัญญานของความเสียหาย เช่น อายุ ริ้วรอย และรอยย่นใต้ตา เป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้มากกว่าผิวหนังบริเวณอื่นๆ ปัญหาเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ส่งผลทำให้คุณดูมีอายุมากกว่าความเป็นจริง ซึ่งแน่นอนว่าคงไม่มีใครที่อยากจะมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอย รอยย่นใต้ตาจำนวนมากมาย จนคนรอบข้างอดไม่ได้ต้องทักว่าไปทำอะไรมาใบหน้าถึงได้ดูแก่เหลือเกิน แต่ที่จริงแล้ว ขอเพียงแค่การรู้จักใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว การเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตประจำวัน และการดูแลผิวอย่างถูกต้อง คุณก็สามารถที่จะช่วยทำให้ใบหน้าของคุณเรียบ กระชับ ห่างไกลจากรอยย่นใต้ตา พร้อมกับสร้างความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้ามากยิ้งขึ้น ซึ่งบทความชิ้นนี้ก็จะขอสอนวิธีการขจัดรอยย่นใต้ตา ริ้วรอย อย่างง่ายๆ ด้วยตัวเองที่บ้าน

วิธีการขจัดรอยย่นใต้ตา และริ้วรอยอย่างง่ายๆด้วยตัวเอง
 การขจัดรอยย่นใต้ตา รอยเหี่ยวย่น ไม่ใช่สิ่งที่ยากจนเกินไปนัก ขอเพียงแค่มีความพยายาม และความรู้ในการปฎิบัติตัวได้อย่างถูกต้องเท่านั้น โดยคุณสามารถที่จะเริ่มต้นขจัดรอยย่นใต้ตา ริ้วรอยรอบดวงตา โดยทำตามขั้นตอนอย่างง่ายๆ ดังต่อไปนี้
 1.หยุดดำเนินวิถีชีวิตที่ทำลายผิวรอบดวงตา การดำเนินชีวิตปกติประจำวัน แม้จะไม่รู้ตัว แต่ในบางแง่มุมก็อาจส่งผลต่อริ้วรอยรอบดวงตา และยังทำให้เส้นริ้วรอยบนใบหน้สายิ่งปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม สถาบันการศึกษาเกี่ยวกับโรคผิวหนังของอเมริกาพบว่า การขมวดคิ้ว การแสดงสีหน้าอื่นๆ ที่ทำให้ผิวหนังเกิดเหี่ยวย่น การสูบบุหรี่ ที่ส่งผลต่อการสร้างอนุมูลอิสระในผิว การนอนตะแคงกดทับใบหน้าของตัวเองกับหมอนเพียงข้างใดข้างหนึ่งตลอดทั้งคืน สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อการเกิดรอยย่นใต้ตาทั้งสิ้น
2.ปกป้องผิวรอบดวงตาจากแสงแดด แสงยูวีในแสงแดดก่อความเสียหายต่อเซลล์ผิวให้เกิดรอยดำ และริ้วรอย ก่อนที่คุณจะออกไปนอกอาคาร ควรทำการทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 15 พร้อมกับสวมใส่แว่นกันแดด นอกจากนี้ควรทำการบำรุงผิวด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติช่วยในการบำรุงผิว และต่อต้านริ้วรอย
3.เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวทุกเช้า ด้วยครีมบำรุงผิวรอบดวงตา โลชั่นเพิ่มความชุ่มชื้น และเติมผิวของคุณด้วยน้ำ เพื่อช่วยลดความรุนแรงของการเกิดริ้วรอย ซึ่งจะช่วยส่งผลดีต่อผิวให้มีความสดใสอ่อนกว่าวัยมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

         4.ทาครีมลดรอยย่นใต้ตาและริ้วรอยก่อนเข้านอนเป็นประจำทุกวัน ในท้องตลาดมีครีมบำรุงผิวอยู่เป็นจำนวนมากที่มีคุณสมบัติช่วยในการรต่อต้านริ้วรอย แต่สิ่งที่ทำให้ผู้บริโภคปวดหัวมากที่สุดก็คือ คุณสมบัติที่มองผ่านๆแล้วแทบจะดูเหมือนกันไปหมด เพื่อประสิทธิภาพในการขจัดรอยย่นใต้ตาที่ดีที่สุดนั้น ขอแนะนำให้พยายามมองหาครีมบำรุงที่ส่วนผสมของ Ceramides กรดไฮยาลูโร เรติน สารต่อต้านอนุมูลอิสระ ตามินซี วิตามินอี หรือ neuropeptides เป็นต้น
     อย่างไรก็ตาม ในบางครั้งเหล่าครีมต่อต้านริ้วรอยอาจจะมีส่วนผสมของ Retinol ที่ส่งผลให้ผิวของคุณอ่อนแอมากขึ้นเมื่อได้รับผลกระทบจากดวงอาทิตย์ เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพผิว คุณอาจจำเป็นที่จะต้องจำกัดการใช้ครีมต่อต้านริ้วรอย โดยใช้ครีมเฉพาะในช่วงตอนเย็น และใช้เพียงครีมบำรุงผิวแบบพื้นฐานในระหว่างวันในขณะที่จำเป็นจะต้องออกไปภายนอกบ้าน ซึ่งหากคุณสามารถปฎิบัติตัวตามคำแนะนำเหล่านี้ได้อย่างครบถ้วนแล้ว การโบกมือลาปัญหารอยย่นใต้ตา ริ้วรอยเส้นลึก ที่ทำให้คุณดูชรากว่าความเป็นจริง ก็จะกลายเป็นเพียงอดีตที่แสนไกล ภายในความทรงจำเท่านั้น

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

วิธีทําให้ขอบตาหายดำแบบธรรมชาติ

            ปัญหาผิวหนังบริเวณรอบดวงตาดำคล้ำเป็นสิ่งที่หลายๆคนต้องเผชิญและยังแก้ไม่ตก ไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับรอยช้ำใต้ตาเป็นหมีแพนด้า ลองมาหลากหลายวิธีแล้วก็ยังไม่เห็นผล จริงๆแล้วการจัดการปัญหาขอบตาดำไม่ได้ยากอย่างที่คิด โดยก่อนที่เราจะหาวิธีทำให้ขอบตาหายดำนั้น ควรทราบสาเหตุเสียก่อนว่ามันมีที่มาจากอะไร เพราะเมื่อรู้สาเหตุแล้วจะทำให้เราแก้ได้ตรงจุด และท้ายที่สุดรอบคล้ำรอบดวงตาก็จะหายไป วันนี้เรามาดูกันว่าสาเหตุที่ทำให้ขอบตาดำคล้ำนั้นเกิดจากอะไร และวิธีทำให้ขอบตาหายดำแบบไหนที่เหมาะกับเรามากที่สุด

สาเหตุที่ทำให้ขอบตาดำ
            1.ขอบตาดำเพราะนอนดึก ส่วนใหญ่มักขอบตาดำเพราะสาเหตุนี้กัน เพราะชีวิตประจำวันของคนยุคนี้เอื้อต่อการนอนดึก วิธีแก้ที่ดีที่สุดที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้วนั่นก็คือ การเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำเสียก็หมดเรื่อง แต่ปัญหาก็คือมันเข้านอนแต่หัวค่ำไม่ได้ เนื่องจากมีงานมันเร่งมา อยากนอนแล้วแต่หนังสือสอบยังอ่านไม่ครบเลย นี่กำลังจะผ่านด่านสำคัญแล้วขอเล่นต่ออีกนิด หรือแม้แต่การทำงานหนัก เครียดมาทั้งวัน เย็นนี้ไปปลดปล่อยความเครียดกันด้วยการไปเที่ยวกับเพื่อนๆ หรือไม่ว่าจะเป็นเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ มันก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เราหลีกเลี่ยงการนอนดึกไม่ได้ สุดท้ายก็คงต้องหาวิธีทำให้ขอบตาหายดำมาช่วย เพราะขืนปล่อยไว้หน้าอาจจะดูหมองเฉกเช่นเป็นคนป่วยก็เป็นได้
            2.ขอบตาดำเพราะกรรมพันธ์ ตาดำคล้ำเพราะกรรมพันธ์เป็นสิ่งที่แก้ปัญหาได้ยาก เนื่องมาจากผิวที่บริเวณรอบตาหรือขอบตาของเรามีการสร้างเม็ดสีเมลานินมากกว่าปกติ โดยเป็นเรื่องของ DNA ที่ได้รับสืบทอดกันมา เพราะฉะนั้นหากเราต้องการให้ผิวรอบดวงตาคล้ำน้อยลง หรือดูขาวขึ้น ก็ต้องไปหาพวกครีมทาบำรุงรอบดวงตา หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสาร Whitening มาทาเพื่อเป็นการยับยั้งการสร้างเม็ดสีบริเวณขอบตาลง ทำให้สีของขอบตาเข้มน้อยลงหรือจางลง ซึ่งถ้าจะให้ดีอาจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน jojoba เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นของผิวบริเวณรอบดวงตา โดยจะช่วยไม่ให้ผิวบริเวณนั้นเกิดการระคายเคืองเพิ่มขึ้น และที่สำคัญต้องทาครีมรอบดวงตาที่ว่าอย่างต่อเนื่องถึงจะเห็นผล เพราะถ้าหยุดทาเมื่อไร ขอบตาก็จะกลับมาดำคล้ำอีกได้ทุกเมื่อ

วิธีแก้ปัญหาขอบตาดำแบบธรรมชาติ
           1.พอกตาด้วยผักผลไม้ วิธีนี้ง่ายมาก แค่เราไปหาซื้อแตงกวา มันฝรั่ง หรือลูกแพร์ เอามาล้างให้สะอาด และฝานออกเป็นชิ้นบางๆ จากนั้นก็เอามาพอกหรือวางทิ้งไว้ที่ตา โดยใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที ในผลไม้พวกนี้จะมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระและวิตามินซีปริมาณสูง ซึ่งจะช่วยให้สีดำคล้ำที่ขอบตาเราลดลงได้ ทั้งยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดบริเวณขอบตาให้ดีมากขึ้น ซึ่งมีผลทำให้ความคล้ำที่ขอบตาของเราดูจางลงได้ หากทำต่อเนื่องทุกเย็นรับรองว่าอาการขอบตาคล้ำของเราดีขึ้นอย่างแน่นอน
           2.พอกตาด้วยน้ำ การพอกตาด้วยน้ำที่จะมีอยู่ 3 น้ำด้วยกันคือ น้ำอุ่น น้ำเกลือ และน้ำนม (นมกล่องรสจืด) ส่วนวิธีการทำนั้นทำเหมือนกันทั้ง 3 น้ำก็คือ ให้เราเอาสำลีชุบน้ำที่ว่า แล้วเอามาแปะตาที่ดำคล้ำของเรา โดยน้ำทั้งสาม จะช่วยให้ขอบตาที่ดำคล้ำของเราจางลง กลับมามีผิวรอบดวงตาที่สดใสเหมือนเดิม แต่มีเคล็ดลับเพิ่มเติมอีกนิดคือ ใครที่จะใช้น้ำนมมาพอกตาให้เอาไปแช่เย็นก่อน จะช่วยให้การแก้ปัญหาด้วยวิธีทำให้ขอบตาหายดำมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

มาทำความเข้าใจกับวิธีลดไขมันใต้ตากันเถอะ

            ลดไขมันใต้ตา เป็นปัญหาความสวยความงามที่ติดอับดับมากที่สุดอีกปัญหาหนึ่ง ซึ่งบริเวณรอบดวงตา เป็นจุดที่ผิวอ่อนโยน บอบบางเป็นพิเศษ ต้องใส่ใจดูแลอย่างทนุถนอม อันดับแรกเรามารู้ถึงต้นตอของปัญหาและสาเหตุที่เกิดไขมันใต้ตา รวมไปถึงวิธีลดไขมันใต้ตาอย่างถูกวิธีกันดีกว่า

ต้นตอของปัญหาไขมันใต้ตา
ในทางการแพทย์ต้องแยกให้ได้ว่าปัญหาไขมันใต้ตาดังกล่าวเกิดจาก ไขมันหรือกล้ามเนื้อ ซึ่งถุงไขมันจริงๆก็คือ ถุงไขมันที่อยู่ในเบ้าตาคนเรา มีด้วยกัน 5 ถุง อยู่เหนือเปลือกตาบน 2 ถุง และใต้เปลือกตาล่าง 3 ถุง พบปัญหาบ่อยๆ จะมีอยู่ 2 ถุง คือ ถุงกลาง (Middle Fat) และบางส่วนของถุงไขมันด้านใน(Inner Fat) ซึ่งถุงใต้ตา มี 2 ลักษณะ คือ ถุงใต้ตาแท้ และถุงใต้ตาเทียม
            1.ถุงใต้ตาแท้ เกิดจากระบบต่อมไร้ท่อภายในร่างกายทำงานผิดปกติ ปกติแล้วคนเราจะมีก้อนไขมันสามก้อนอยู่ใต้ตา ก้อนไขมันเหล่านี้จะค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นไปตามอายุ แต่สำหรับบางคนที่มีปัญหาถุงใต้ตาแท้ อาจจะสังเกตเห็นถุงใต้ตาได้ตั้งแต่อายุยี่สิบต้นๆ
            2.ถุงใต้ตาเทียม เป็นอาการบวมนํ้าที่เกิดขึ้นบริเวณใต้ตาล่าง อาจมีสาเหตุมาจากระบบการไหลเวียนในร่างกายไม่ดี ทําให้มีของเหลวไปคั่งอยู่ที่ใต้ตามักมาจากพฤติกรรมอันไม่ปกติ เช่น อดนอน ทํางานหนัก(ดึก)ร้องไห้บ่อยครั้ง ชอบขยี้ตา ใช้สายตามากเกินไป หากพักผ่อนนอนหลับเพียงพอ หมั่นประคบเย็นที่ดวงตาเป็นประจํา อาการดังกล่าวก็จะค่อย ๆหายไปได้เอง
ปัญหาถุงใต้ตาเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น จากกรรมพันธุ์และระบบต่อมไร้ท่อในร่างกายทำงานผิดปกติ ทำให้ไขมันและของเหลวไหลมารวมกันบริเวณผิวหนังใต้ตามากเกินไป จนเกิดการป่องนูน ปกติถุงไขมันจะถูกกันไว้ ด้วยกล้ามเนื้อเปลือกตาที่แข็งแรง ส่วนสาเหตุที่พบบ่อยและไม่ใช่เพราะกรรมพันธุ์ก็คือ ความเส่ือมของผิวหนัง ตามกาลเวลาอันเนื่องมาจากเน้ือเยื่อที่รองรับถุงไขมันอยู่เกิด หย่อนยานลงตามกาลเวลาในวัยที่เพิ่มขึ้น


8 วิธี ลดไขมันใต้ตาโดยวิธีธรรมชาติ

            1.โยคะหนวดหน้าลดไขมันใต้ตา : วิธีนี้ให้เราใช้นิ้วชี้และนิ้วกลาง กดลงตรงบริเวณถุงใต้ตาโดยให้ปลายนิ้นอยู่บริเวณเนินจมูก กดค้างไว้ประมาณ 5-10 วินาที และทำซ้ำไปเรื่อยจนรู้สึกว่าถุงใต้ตาที่บวมนั้นลดลง วิธีนี้จะเป็นการสลายของเหลวที่เป็นถุงใต้ตา
            2.นอนพักผ่อน : การอดหลับอดนอนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดถุงใต้ตา เพราะฉะนั้นเราควรพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยงควรพักผ่อน 6-8 ชั่วโมงต่อวัน โดยควรนอนหลับอย่างต่อเนื่องการนอนที่ละ 3 ชั่วโมงหรือ 2 ชั่วโมง ไม่ทำให้ถุงใต้ตาลดลง
            3.ประคบตาด้วยผ้าเย็น : วิธีแก้ถุงใต้ตามที่บวมอีกวิธีหนึ่งคือนำผ้าขาวบางห่อน้ำแข็งแล้วประคบบริเวณถุงใต้ตา ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จะทำให้ถุงใต้ตาที่บวมลดลงได้
            4.ใช้นิ้วชี้กดถุงใต้ตา : วิธีนี้คล้ายกับวิธีแรกแต่แตกต่างกันที่การวางนิ้วเท่านั้นเอง หากอยากรู้ว่าวิธีไหนได้ผลมากกว่ากันเพื่อนๆก็ลองพิสูจน์ได้เลย การกดนี้ิวชี้ทำได้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน
            5.ใช้มันฝรั่งหั่นบางๆประคบตา : วิธีนี้ได้รับความนิยมในต่างประเทศ วิธีคือนำมันฝรั่งมาหั่นเป็นชิ้นบางๆประคบบริเวณถุงใต้ตาประมาณ 20 นาทีจะทำให้ถุงใต้ตาที่บวมลดลงได้
            6.ลดอาหารเค็ม : ลองมาสังเกตพฤติกรรมการกินของตัวเอง คนที่ชอบกินอาหารรสเค็ม อาหารที่อุดมไปด้วยเกลือ มีส่วนทำให้ร่างกายเกิดอาการบวมน้ำ ยิ่งถ้าวันไหนที่คุณมีถุงใต้ตาบวม แล้วยิ่งกินอาหารรสเค็มเข้าไป ร่างกายก็จะยิ่งกักเก็บน้ำเอาไว้อย่างนั้น ทำให้ถุงใต้ตาไม่หายไป
            7.ลดบวมด้วยถุงชา : ถุงชาชงแล้วสามารถลดอาการบวมของถุงใต้ตาได้ เนื่องจากในถุงชามีสารคาเฟอีน ที่เป็นตัวช่วยลดอาการบวมและคลื่นขรุขระใต้ผิวหนังได้ด้วย ฉะนั้นหากจะใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหนังใต้ตา ก็ควรเลือกตัวที่มีคาเฟอีนเป็นส่วนผสม ส่วนวิธีการลดอาการบวมด้วยถุงชาก็ทำไม่ยาก เพียงแค่ใช้ถุงชาที่ผ่านการชงแล้ว มาประคบบริเวณถุงใต้ตาที่บวมสักพัก รอจนอาการบวมค่อย ๆ ยุบตังลงก็ค่อยล้างหน้าตามปกติ
            8.เลี่ยงแดดและแอลกอฮอล์ เนื่องจากส่งผลให้เกิดอาการบวมน้ำขึ้นในบริเวณเปลือกตาได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

 

การผ่าตัดลดไขมันใต้ตาโดยเทคนิคทางการแพทย์(Lower Blephaloplasty)
            1. การผ่าตัดผ่านเยื่อบุตาบริเวณเปลือกตาล่าง เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุน้อย ไม่มีผิวหนังเกิน หรือไม่มีรอยเหี่ยวย่นที่เปลือกตาล่าง การผ่าตัดโดยวิธีนี้จะไม่มีบาดแผลให้เห็นจากภายนอก
            2.การผ่าตัดบริเวณเปลือกตาล่างใต้ขนตา เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหนังส่วนเกินหรือมีรอยย่นใต้ตาร่วมด้วย เนื่องจากการผ่าตัดนี้จะสามารถตัดหนังส่วนเกินออกไปได้พร้อมๆกัน ในกรณีที่มีผิวหนังที่ต้องตัดออกมากอาจจะต้องมีแผลผ่าตัดต่อยาวออกมาทางด้านหางตาด้วย  ส่วนใหญ่แผลผ่าตัดบริเวณใต้ขนตาจะเลือนหายไปในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ส่วนแผลผ่าตัดทางด้านหางตาจะค่อยๆเลือนไปตามเวลา แต่อาจจะยังคงมองเห็นได้บ้าง หลังการผ่าตัดควรจะทำการประคบด้วยน้ำแข็งประมาณ 48-72 ชั่วโมง และควรนอนหัวสูงเพื่อให้ยุบบวมเร็วขึ้น
การลดไขมันใต้ตาไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว แต่สามารถทำได้ด้วยการดูแลตัวเองตั้งแต่ตอนนี้ เพราะผิวหนังบริเวณรอบดวงตานั้นมีความอ่อนโยนเป็นพิเศษ รักษายาก ดังนั้นเราควรเอาใจใส่ตั้งแต่เยาว์วัย เพื่อรักษาผิวบริเวณใต้ดวงตาให้ดูสุขภาพดี ไร้ไขมัน แต่ก็ยังมีวิธีอีกหลายวิธีข้างต้นที่นำเสนอให้คนที่ประสบปัญหานี้ได้ลองทำตามกันดู เพื่อดูแลรักษาผิวหนังรอบดวงตาให้สวยงามและไร้ไขมัน

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

จัดการรอยตีนกาและดำคล้ำเป็นแพนด้า ด้วยครีมรอบดวงตา

       ด้วยคำกล่าวที่ว่า “ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ” การทำให้ผิวพรรณที่อยู่รอบๆบริเวณดวงตาสดใสอยู่เสมอจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะสาวๆ ที่อยากให้ใบหน้าอ่อนกว่าวัย ลองนึกภาพคู่สนทนากำลังเพ่งที่ดวงตาคู่สวยของเรา ยังไม่ทันสัมผัสถึงหัวใจก็ต้องสะดุดกับริ้วรอยตีนกา หรือรอยหมองคล้ำเป็นหมีแพนด้ารอบดวงตา บทสนทนาครั้งนี้คงไม่น่าประทับใจ และอาจยกระดับเป็นฝันร้ายตามไปทุกหนแห่ง

เช่นนี้เอง จึงควรดูแลผิวรอบดวงตาเป็นพิเศษ เนื่องจากผิวหนังรอบดวงตาเป็นส่วนที่บอบบางมากที่สุดบนใบหน้า มีความหนาประมาณ 1 ใน 10 ของผิวบนฝ่ามือ และผิวส่วนนี้มีความละเอียดอ่อนที่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้น้อยนิด ต่อมไขมันมีปริมาณน้อย ส่งผลให้ผิวหนังรอบดวงตามีแนวโน้มที่จะแห้งกร้านและขาดความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอยก่อนวัย รอยหมองคล้ำ รวมทั้งถุงใต้ตาได้ง่าย ซึ่งวิธีการดูแลรักษาผิวรอบดวงตามีหลากหลายให้เลือกสรร หนึ่งในตัวช่วยที่ดีก็คือการทาครีมรอบดวงตา อย่างไรก็ดี เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด ควรทำความรู้จักกับอาการผิดปกติของผิวหนังรอบดวงตาให้ดีเสียก่อน

ปัญหารอบดวงตาก่อนวัยเกิดจากอะไร

 1.กรรมพันธุ์ เป็นเรื่องปกติที่ผู้ใหญ่ในบ้านมีปัญหาเรื่องผิวรอบดวงตา แล้วลูกหลานก็ได้ผลจากพันธุกรรมตามไปด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะมีปัญหาเรื่องถุงใต้ตา

 2.การดำเนินชีวิต เช่น การพักผ่อนน้อย การสูบบุหรี่ การใช้ชีวิตกลางแจ้งโดยไม่สวมแว่นกันแดด รวมถึงการนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ครั้งละนานๆ ก็ส่งผลกระทบต่อผิวรอบดวงตาได้เช่นกัน ซึ่งจะทำให้เกิดอาการถุงไขมันใต้ตาบวมน้ำ รอยช้ำหรือคล้ำใต้ดวงตาจากเส้นเลือด ร่องน้ำตาลึก ริ้วรอยใต้ดวงตา

3.โรคภูมิแพ้ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดรอยดำ รอยคล้ำใต้ตา ควรปรึกษาและทำตามคำแนะนำของแพทย์

4.การเคลื่อนไหวบนใบหน้า ที่เรียกว่า Over Action เช่น การยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ ขมวดคิ้ว ย่นจมูก หรือแม้แต่การชำเลืองมอง ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดรอยพับและรอยย่นบนบริเวณรอบดวงตาได้

เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม

การใช้ครีมรอบดวงตาที่มีแอนตี้ ออกซิแดนท์ สารเพิ่มความชุ่มชื้น สารพวกโพลีเพ็พไทด์ สารช่วยลดการผลิตเม็ดสี ควบคู่การทำความสะอาดรอบดวงตาด้วยเทคนิคและผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ไม่รุนแรงเกินไป จะช่วยให้ปัญหารอบดวงตาได้รับการฟิ้นฟูได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ควรมีส่วนประกอบสำคัญดังนี้

       Micro-Collagen คอลลาเจนที่มีโมเลกุลเล็กมากขนาดไมโคร สามารถซึมซาบสู่ผิวได้อย่างล้ำลึก ช่วยกระตุ้นการสร้างใยคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิว ทำให้ผิวรอบดวงตามีความยืดหยุ่นและแข็งแรงมากขึ้น

Vitamin C สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกทำลายโดยแสงแดดหรือมลพิษ ช่วยกระตุ้นการสร้างใยคอลลาเจนในชั้นหนังแท้เพื่อให้ผิวกระชับและลดเลือนริ้วรอย ทั้งยังช่วยทำให้เม็ดสีเมลานินจางลง ส่งผลให้รอยหมองคล้ำลดลง

 Vitamin E ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของน้ำใต้ผิว ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื่น และมีความยืดหยุ่นที่ดีขึ้น

Soy & Rice Peptide ช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนโลหิตรอบดวงตา และยืดอายุของคอลลาเจนใต้ผิว พร้อมทั้งปกป้องผิวจากทำลายของแสง UVA และ UVB

Sodium Hyaluronate ช่วยให้เซลล์ผิวสามารถเก็บกักน้ำไว้ใต้ผิวได้มากและนานขึ้น ส่งผลให้ผิวบริเวณรอบดวงตามีความยืดหยุ่นและคงความชุ่มชื่น

Chamomile Extract สารสกัดจากดอกคาโมไมด์ ช่วยปลอบประโลมผิวที่อ่อนล้าให้กลับมีชีวิตชีวา ทั้งยังป้องกันการระคายเคืองของผิว

Cucumber Extract สารสกัดจากแตงกวา ช่วยผ่อนคลายผิวรอบดวงตา คืนความนุ่มชุ่มชื่น

ทาครีมรอบดวงตาอย่างไร ให้ได้ผลสูงสุด

เนื่องจากผิวหนังบริเวณรอบดวงตามีความบอบบางมาก และหย่อนยานลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก เมื่อทาครีมรอบดวงตาจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ปลายนิ้วนางค่อยๆเกลี่ยครีมบางๆ ลงน้ำหนักให้เบา ที่บริเวณผิวรอบดวงตา เพราะนิ้วนางเป็นนิ้วที่ให้น้ำหนักในการทาหรือกดลงบนผิวน้อยที่สุด ที่สำคัญลูบไล้จากมุมขอบด้านในออกไปด้านนอก เน้นผิวหางตาเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม การดูแลผิวหนังรอบดวงตาตั้งแต่วัยเยาว์เป็นสิ่งสำคัญมาก ที่จะช่วยป้องกันและชะลอการเกิดปัญหาต่างๆ เมื่อมีอายุมากขึ้น เช่น การทาครีมรอบดวงตาเพื่อชะลอผิวไม่ให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยหรือปัญหาเกี่ยวกับผิวรอบดวงตา นั่นหมายความว่าการป้องกันย่อมดีกว่าการรักษา

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

อายเจลช่วยรักษา ขอบตาดำ รอบตาหมองคล้ำ ได้อย่างไร

เชื่อว่าคุณสาวๆ ในยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็นในวัยเรียนหรือวัยทำงาน ก็คงจะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังประสบปัญหาขอบตาดำ และเกิดรอยหมอคล้ำขึ้นรอบๆ ดวงตาโดยที่ไม่ทันรู้ตัว ซึ่งเจ้ารอยหมองคล้ำรอบดวงตา หรือที่เรียกกันเล่นๆ จนติดปากกันว่า “หมีแพนด้า”

ขอบตาดำคล้ำ ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์อันอับต้นๆที่คุณสาวๆ ไม่อยากจะให้มีเกิดขึ้นบนใบหน้าเลยทีเดียว ซึ่งเจ้าขอบตาดำหมองคล้ำนี้ ก็สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุเหลือเกิน ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วขอบตาดำ และรอบตาหมองคล้ำมักที่จะเกิดขึ้นจากสาเหตุหลักๆ ดังต่อไปนี้

1. เกิดขึ้นจากกรรมพันธุ์ คุณสาวๆที่มีขอบตาดำและพบว่าญาติพี่น้องใกล้ตัวมีลักษณะอาการเช่นเดียวกัน ก็ให้สันนิฐานไว้ก่อนได้เลยว่า รอยดำรอบๆขอบตาของตนเองนั้นอาจจะเกิดจากปัญหาในเรื่องพันธุ์กรรม ซึ่งคุณสาวๆที่มีปัญหาในลักษณะค่อนข้างที่จะทำการรักษาหรือทำการป้องกันได้ยากกว่าการเกิดจากสาเหตุอื่นๆ

2. เกิดขึ้นจากเมลานินที่จมอยู่ใต้ผิว ซึ่งจะทำให้ผิวหนังบริเวณใต้ตามีสีเข้มมากกว่าปกติ มักจะเกิดขึ้นเพราะการไหลเวียนของโลหิตที่ไม่ค่อยดี จึงทำให้ดูเหมือนเป็นฝ้าดำเกิดขึ้นในบริเวณผิวหนังใต้ดวงตา

3. เกิดจากการเป็นภูมิแพ้ คนที่เป็นภูมิแพ้มักที่จะมีเส้นเลือดดำที่อยู่รอบๆดวงตามีขนาดขยายใหญ่มากกว่าคนปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ขอบตาของคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ดูคล้ำกว่าคนทั่วไป

4. การระคายเคืองรอบๆดวงตา โดยเฉพาะการขยี้ดวงตาบ่อยๆ ทำให้เกิดการกระตุ้นการสร้างเม็ดสีของเซลล์ให้เพิ่มจำนวนมากขึ้นในบริเวณนั้น หรือการที่แพ้ครีมที่ใช้ทารอบๆดวงตา เป็นต้น

 5. การอดนอนหรือนอนดึกมากๆ เป็นสาเหตุที่พบบ่อยมากที่สุดสำหรับคุณสาวๆในยุคปัจจุบัน ถ้าคุณสาวๆคนไหนรู้ตัวว่าตัวเองมีพฤติกรรมดังกล่าว ควรที่จะรีบทำการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทันที เพื่อที่จะเป็นการช่วยให้ขอบตากลับมาดูสดใสเหมือนเดิม

6. การเพ่งสายตาจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นระยะเวลาๆนานๆเป็นประจำ ทำให้สายตาเกิดความเหนื่อยล้า ซึ่งส่งผลต่อผิวหนังที่อยู่บริเวณใต้ดวงตาเกิดความเมื่อยล้าหรือบวมตามไปด้วย

7. เป็นปานโอตะ คือ เซลล์เม็ดสีที่อยู่ในชั้นหนังแท้บริเวณรอบๆดวงตาเกิดความผิดปกติขึ้น โดยที่เซลล์สร้างเม็ดสีอยู่ผิดที่ ทำให้ขอบตาดูเขียวคล้ำ โดยส่วนมากมักจะเกิดปานโอตะเพียงข้างเดียวๆ หรือในบางครั้งอาจจะเกิดขึ้นรอบๆดวงตาทั้งสองข้างเลยก็ได้เช่นกัน

8. อายุที่มากขึ้น คุณสาวๆที่มีอายุมากขึ้น อาจต้องพบกับปัญหาของตาดำได้ เนื่องจากผิวหนังจะเริ่มหย่อนคล้อยลง โดยเฉพาะบริเวณตรงวงใต้ตาจะเห็นเป็นเงาและลึก ทำให้รอบๆดวงตามีสีคล้ำอย่างชัดเจน สาเหตุหลักๆจะเกิดขึ้นจากการลดลงของคอลลาเจนและอิลาสติน กรดไฮยาลูนอริกใต้ผิวหนังที่ลดลง รวมไปถึงสารอนุมูลอิสระที่ทำลายเซลล์ผิวหนัง นอกจากนี้การแสดงอารมณ์ต่างๆบนใบหน้า ที่เกิดขึ้นอย่างซ้ำๆ มีส่วนเป็นอย่างมากในการทำให้ริ้วรอยต่างๆเกิดขึ้นอย่างชัดเจน

9. การไหลเวียนของโลหิตไม่ดี ทำให้การสูบฉีดเลือดเกิดการคั่งในบริเวณใต้ดวงตามาก พอเวลาผ่านไปนานเข้า ใต้ดวงตาก็จะกลายเป็นสีเข้มขึ้น เพราะผิวบริเวณใต้ตาบอบบางมากทำให้มองเห็นเป็นสีดำเข้มมากกว่าส่วนอื่นๆ

วิธีการรักษาขอบตาดำ

หลังจากที่คุณสาวๆ ได้ทราบข้อมูลกันไปในตอนต้นแล้วว่า ขอบตาดำนั้นเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไรกันบ้าง คราวนี้เรามารู้จักกับวิธีการรักษาขอบตาดำกันบ้าง ซึ่งก็มีอยู่หลากหลายวิธี ทั้งวิธีการธรรมชาติ และการใช้สารเคมีเข้าช่วย

เริ่มตั้งแต่วิธีพื้นฐานอย่างการนวดขอบตาเพื่อช่วยในการทำให้โลหิตบริเวณรอบๆ ดวงตาสามารถไหลเวียนได้ดีมากยิ่งขึ้น ทายาใต้ตาที่มีส่วนผสมของไวเทนนิงค์ เช่น วิตามินซี หรือการรักษาด้วยเลเซอร์ เป็นต้น

แต่มีวิธีการรักษาขอบตาดำอีกแบบหนึ่งที่น่าสนใจ และสามารถที่จะทำได้อย่างง่ายๆได้ด้วยตัวคุณสาวเองๆ ที่บ้าน วิธีดังกล่าวนั้นก็คือ การใช้ “อายเจล” นั่นเอง

อายเจลคืออะไร

อายเจล (EYE GEL) คือ ครีมบำรุงรอบดวงตาแบบหนึ่ง ซึ่งช่วยในการรักษาและบรรเทาอาการขอบตาหมองคล้ำ ริ้วรอย เป็นต้น โดยส่วนใหญ่แล้วครีมบำรุงรอบดวงตาจะแบ่งประเภทออกกว้างๆ ตามลักษณะของเนื้อครีม ได้แก้ อายครีม และอายเจล ซึ่งจะมีความแตกต่างกันคือ ลักษณะของการซึมซับและเนื้อของครีมบำรุง เนื้อแบบเจลจะบอบบางกว่าแบบครีมทำให้เกิดการซึมซับได้รวดเร็วมากกว่า

อายเจล มีคุณสมบัติในการช่วยรักษาอาการขอบตาดำ รอยตาหมองคล้ำใต้ตาได้จริงหรือ?

คุณสาวๆ บางคนอาจที่จะเกิดคำถามดังกล่าวขึ้นในใจ ซึ่งต้องขอตอบว่าอายเจลนั้นสามารถที่จะช่วยรักษาอาการขอบตาดำ รวมไปถึงรอยหมองคล้ำใต้ตาได้จริง โดยช่วยในการรักษาและบรรเทาอาการขอตาดำที่เกิดขึ้นได้แทบจะครอบคลุมทุกอาการเลยทีเดียว

เนื่องจากอายเจลนั้น เมื่อนำมาทาบริเวณรอบๆดวงตานั้น อายเจลจะมีคุณสมบัติในการบำรุงผิวหนังบริเวณรอบๆดวงตาดังต่อไปนี้

1. ช่วยบำรุงและผ่อนคลายผิวหนังบริเวณรอบๆดวงตา ทำให้เกิดความรู้สึกสดชื่น คืนความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง

2. ช่วยลดอาการใต้ตาบวมและอาการอ่อนล้า ที่เกิดขึ้นจากการอดนอน การนอนดึก และการจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ในระหว่างวันเป็นระยะเวลานานๆ

3. ช่วยลดริ้วรอยจากวัยที่เกิดขึ้นบริเวณรอบๆ ดวงตา ร่องแก้ม หน้าผากและมุมปาก ทำให้ผิวบริเวณรอบๆดวงตานั้น เกิดความเรียบเนียน ตึงกรับ แลดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น

4. ช่วยในการไหลเวียนของโลหิตบริเวณรอบๆ ดวงตาดียิ่งขึ้น เป็นการกำจัดหนึ่งในสาเหตุที่สำคัญ ซึ่งทำให้เกิดรอยดำขึ้นบริเวณรอบๆดวงตา

เมื่อรู้ถึงข้อดีของอายเจล ในการช่วยบำรุงดวงตาอย่างนี้แล้ว เชื่อว่าคุณสาวๆหลายๆคนคงเริ่มที่จะอยากซื้อหาอายเจลมาใช้ในการป้องกันและรักษาอาการขอบตาดำเป็นหมีแพนด้ากันแล้ว

แต่อย่างไรก็เพื่อประสิทธิภาพในการดูแลผิวหนังบริเวณรอบๆดวงตาให้ดีมากที่สุด อย่างน้อยคุณสาวๆก็ควรที่จะพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่นอนดึก และพยายามพักสายตาไม่ให้เมื่อยล้าจากการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์มากนัก  พร้อมกับนวดบริเวณรอบๆดวงตาเบาๆเพื่อให้เลือดไหลเวียนได้สะดวกเป็นประจำ

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ไม่ใหวแล้วนะ ขอบตาดำ ทำไงดี ยังดีนะที่เราได้เจอกับ…

 

“ช่วงนี้ขอบตาดำมากๆ เป็นหมีแพนด้าเลยแก้ยังไงดีค่ะ?”

“ตอนนี้ไม่อยากเจอหน้าใครเลยเพราะขอบตาดำ”

“ของเราก็แก้ไม่หายค่ะ ทาเซรั่มก็แล้ว คนทักเป็นหมีแพนด้าเลย”

สาวๆ หลายคนกำลังประสบปัญหาใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำ กันอยู่ใช่หรือไม่?

การที่เราจะมองใครคนหนึ่งว่าสวยหรือไม่ ดวงตาก็ถือว่าเป็นส่วนประกอบสำคัญประการหนึ่งที่ต้องให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ ถ้าใครมีดวงตาและผิวรอบๆดวงตาที่หมองคล้ำไม่ผ่องใส ความสวยงามโดยรวมของคนๆนั้นก็จะลดลงไปกว่าครึ่ง ดังนั้น การรักษาผิวรอบๆดวงตาให้แลดูสดใสอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นสิ่งที่สาวๆ ควรให้ความสนใจ เพราะสาวๆ คงอยากที่จะให้คนอื่นมองใบหน้าด้วยความชื่นชมอย่างมั่นใจได้ตลอดทั้งวัน

แต่อย่างไรก็ตาม ปัญหาใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำ เป็นสิ่งที่สามารถพบได้บ่อยๆ ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มทำการรักษา ควรจะต้องมารู้จักกับสาเหตุที่ทำให้เกิดขอบตาดำกันเสียก่อน เพื่อสร้างความเข้าใจ และช่วยทำให้การรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

สาเหตุที่ทำให้เกิดขอบตาดำ

1.  กรรมพันธุ์ ถ้าหากใครที่มีขอบตาดำ แล้วคนในครอบครัวหรือญาติมีลักษณะขอบตาที่ดำเหมือนกัน อาจจะเป็นปัญหาที่กรรมพันธุ์ที่ได้รับการถ่ายทอดมา

2.  เมลานินที่จมอยู่ใต้ผิว ทำให้ได้สีตาที่เข้มกว่า เนื่องจากการไหลเวียนโลหิตที่ไม่ดี ทำให้ดูเหมือนเป็นฝ้าดำตรงใต้ตา

3.  ภูมิแพ้ คนที่เป็นภูมิแพ้ จะมีเส้นเลือดดำรอบๆดวงตาที่ขยายใหญ่มากกว่าคนทั่วไป ขอบตาจึงดูคล้ำมากกว่าคนปกติโดยทั่วไปด้วย

4.  การระคายเคืองแถวๆ ดวงตา สามารถทำให้เกิดขอบตาคล้ำ โดยเฉพาะการขยี้ตาบ่อยๆ ซึ่งจะไปกระตุ้นเซลล์สร้างเม็ดสีให้เพิ่มจำนวนมากขึ้น หรือบางคนอาจจะแพ้สารในครีม ซึ่งในแต่ละคนจะมีอาการแพ้สารในครีมที่แตกต่างกันออกไป ถ้าหากสงสัยว่าเกิดอาการแพ้ควรที่จะหยุดทาครีมดังกล่าว

5.  อดหลับ อดนอน เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยๆ ควรปรับพฤติกรรมการนอนให้เร็วมากขึ้น

6.  เป็นปานโอตะ ปานโอตะ คือ เซลล์เม็ดสีที่อยู่ในชั้นหนังแท้ โดยพบในบางคนที่มีความผิดปกติที่เซลล์สร้างเม็ดสีอยู่ผิดที่ ซึ่งมักพบบริเวณรอบๆดวงตา โดยส่วนมากมักจะเป็นข้างเดียว ทำให้รอบดวงตาเป็นสีคล้ำอย่างชัดเจน

7.  อายุ สาวๆ ที่อายุมากขึ้น จะเริ่มที่ต้องเผชิญกับปัญหาหาของตาดำ เนื่องจากผิวหนังจะเริ่มหย่อนคล้อยลง โดยเฉพาะตรงวงใต้ตาจะเห็นเป็นเงาลึก ทำให้รอบดวงตาเป็นสีคล้ำอย่างชัดเจน

8.  การไหลเวียนของโลหิตไม่ดีพอ เกิดขึ้นจากการสูบฉีดเลือดได้อย่างไม่ทั่วถึง ทำให้โลหิตคั่งบริเวณใต้ดวงตาไม่กระจายไปที่อื่น เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าจะทำให้ผิวใต้ดวงตากลายเป็นสีเข้ม

วิธีรักษาขอบตาดำ

วิธีการรักษาขอบตาดำ สามารถทำได้ด้วยตัวคุณเอง ซึ่งมีทั้งวิธีแบบธรรมชาติ หรือการใช้สารเคมีช่วย ซึ่งมีวิธีดังต่อไปนี้

1.  วิธีการรักษาแบบธรรมชาติ โดยเริ่มจากการทานผักผลไม้ และดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ เพราะในผักผลไม้มีวิตามินที่ช่วยบำรุงและซ่อมแซมผิว อีกวิธีคือ การนำลูกแพร์ แตงกวา มันฝรั่ง ฝานบางๆแล้วนำมาวางที่ใต้ดวงตา สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง หรือใช้ถุงชา ช้อนจุ่มชา อุ่นๆ มาประคบที่ใต้ดวงตา

นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ผ้าขนหนูผืนเล็ก หรือใช้สำลีชุบน้ำเย็น บีบพอหมาดๆนำมาวางประคบที่ดวงตา ซึ่งช่วยให้หายเมื่อย และลดความคล้ำลงได้

2.  วิธีการนวดรอบดวงตา เป็นวิธีที่เหมาะกับสาวๆที่ขอบตาดำ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่เลือดไหลเวียนไม่ดี ด้วยการนวดรอบดวงตา เพื่อให้เลือดสามารถไหลเวียนได้ดีขึ้น ยังช่วยลบริ้วรอยของขอบตา และหลังจากที่ทำการนวดขอบตาแล้ว ลองใช้โลชั่นที่ทำให้ผิวขาวเทใส่สำลีเล็กน้อย ปิดตรงใต้ตาที่ดำไว้ประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง เป็นประจำทุกวัน ซึ่งจะช่วยทำให้ขอบตาที่คล้ำดูจางลง

การนวดรอบดวงตา นอกจากจะช่วยทำให้ขอบตาหายคล้ำ ยังเป็นการช่วยคลายความเครียด และหายปวดศีรษะได้ โดยเฉพาะคนที่ต้องใช้สายตามากหรือสวมแว่นตาเป็นประจำทุกวัน จะเป็นการพักผ่อนสายตาไปในตัว

3.  การรักษาด้วยวิธีการทางเคมี สำหรับสาวๆที่ต้องการให้เห็นผลการรักษาขอบตาดำที่เห็นผลอย่างรวดเร็ว ต้องใช้วิธีการรักษาด้วยเลเซอร์ โดยเลเซอร์ที่ใช้รักษาขอบตาดำที่นิยมมากที่สุดคือ Nd-yag laser นอกจากนี้ยังสามารถรักษาอาการปานโอตะได้อีกด้วย หลังยิงเลเซอร์ ผิวบริเวณนั้นจะเป็นสะเก็ด ซึ่งสะเก็ดจะหลุดออกภายใน 1-2 อาทิตย์ และผิวใต้ตาที่คล้ำก็จะดูขาวขึ้น

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.