ไขข้องใจ Filler คืออะไร ทำไมดาราถึงนิยมฉีดฟิลเลอร์

         บนโลกนี้ไม่มีอะไรคงอยู่ถาวร…ความสวยความงามก็เช่นกัน ที่มิอาจอยู่คู่กับคุณผู้หญิงไปได้ตลอด เมื่อตัวเลขของอายุสูงขึ้น รอยเหี่ยวย่น ตีนกา รอยบุ๋ม ร่องแก้ม ริ้วรอยแห่งวัยก็จะมาเยือน แต่คงไม่มีคุณผู้หญิงท่านไหนยอมแพ้ง่ายๆ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องสรรหาวิธีการทำให้ตัวเองดูดี หน้าเป๊ะ สวยชนะเลิศได้ในที่สุด ซึ่งวิธีการดูแลสุขภาพผิวให้กระชับเต่งตึง อยู่ด้วยกันไปนานๆมีให้เลือกหลากหลายวิธี ทั้งการใช้ครีมหรือเซรั่มบำรุงผิว การนวดหน้า บริหารใบหน้า รวมถึงการฝึกโยคะใบหน้า และที่เป็นไฮไลต์ของเราในวันนี้คือการฉีดสารเติมเต็ม หรือฟิลเลอร์


Filler คืออะไร

         Filler คืออะไร คำถามนี้คงอยู่ในใจคุณผู้หญิงหลายคน แต่หากใครพอจะทราบกันดีอยู่แล้ว ก็ถือเป็นการทบทวนว่า ฟิลเลอร์ คือสิ่งที่เข้าใจกันถูกต้องแล้วหรือไม่ ก่อนจะตัดสินใจฉีดมันเข้าสู่ร่างกาย
         ฟิลเลอร์ คือสารเติมเต็มที่ใช้สำหรับฉีดเพื่อเติมเต็มหรือเสริมในชั้นผิวหนังหรือใต้ผิวหนัง ส่วนใหญ่แล้วแพทย์จะใช้ฟิลเลอร์เพื่อลดและแก้ไขปัญหาริ้วรอยร่องลึก ที่เกิดขึ้นบริเวณต่างๆของใบหน้า ไม่ว่าจะเป็น หน้าผาก ริ้วรอยร่องลึกรอบดวงตา ริ้วรอยร่องลึกมุมปาก และยังสามารถนำมาช่วยในการแก้ไขปรับแต่งรูปหน้าได้อีกด้วย เช่น เติมริมฝีปาก ร่องแก้ม และในบางรายที่เมื่อเริ่มมีอายุมากขึ้นทำให้แก้มดูตอบลงก็สามารถใช้ฟิลเลอร์ ในการแก้ปัญหาแก้มตอบได้ แม้กระทั่งนำมาใช้ในการบำรุงผิวให้กลับมากระชับเปล่งปลั่ง ในบริเวณใบหน้า ลำคอ หลังมือ รวมทั้งบริเวณผิวหน้าอก

ประเภทของฟิลเลอร์
         ในปัจจุบันมักทราบกันดีแล้วว่า Filler คืออะไร แต่มักสับสนระหว่างโบท็อกซ์กับฟิลเลอร์ ให้จำง่ายๆว่าฟิลเลอร์คือสารเติมเต็ม สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด คือ
         1.แบบชั่วคราว (Temporary Filler) จะมีอายุการใช้งานโดยประมาณ 4-6 เดือน มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง และยังสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ
         2.แบบกึ่งถาวร (Semi Permanent Filler) แบบนี้จะมีอายุยาวกว่าแบบแรก สามารถอยู่ได้นานประมาณ 2 ปี มีความปลอดภัยในระดับปานกลาง
         3.แบบถาวร (Permanent Filler) จะเป็นสารเติมเต็มจำพวก ซิลิโคน หรือ พาราฟิน หลังฉีดไปแล้วจะสามารถอยู่ในผิวไปได้ตลอดไม่สลายไปตามธรรมชาติแต่ก็อาจมีผลข้างเคียงในระยะยาว

ทำไมต้องฉีดฟิลเลอร์
         พอจะทราบกันไปแล้วว่า Filler คืออะไร ทีนี้มาดูว่าทำให้ต้องฉีดฟิลเลอร์ เหตุผลคือผิวหนังของคนเราจะมีส่วนประกอบสำคัญคือใยคอลลาเจน และเมื่อเราอายุมากขึ้นใยคอลลาเจนในผิวหนังก็ฝ่อลง ทำให้ผิวที่เคยอิ่มน้ำ เต่งตึง กลายมาเป็นมีริ้วรอยร่องลึก ผิวหนังบางลง หากได้รับฟิลเลอร์ คือสารเติมเต็มที่มีส่วนประกอบของไฮยาลูรอนิคเข้าไป ก็จะช่วยให้ผิวพรรณดูดีขึ้น จากที่เคยมีร่องลึกก็จะดูตื้นขึ้น เพราะการฉีดฟิลเลอร์จะสามารถช่วยเติมเต็มใยคอลลาเจนที่หายไป ทำให้สภาพผิวดูเต่งตึงขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง
         การฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลดริ้วรอยหรือปรับแต่งรูปหน้าด้วยฟิลเลอร์นั้น โดยทั่วไปแพทย์ใช้เวลาในการฉีดประมาณ 15-30 นาที โดยจะรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อย ในบางรายอาจมีอาการเจ็บ บวม ปวด คัน แต่อาการเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 1-2 วัน หลังจากฉีดเสร็จแพทย์จะให้คุณนอนราบสักครู่เพื่อให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปเซ็ตตัว หลังจากนั้นก็สามารถกลับบ้านได้ตามปกติ และเนื่องจากฟิลเลอร์ คือสารเติมเต็มที่ใช้ง่าย ไม่เจ็บตัวมาก ไม่ต้องพักฟื้น จึงทำให้ดารา พริตตี้ รวมถึงสาวๆทั่วไปนิยมฉีดฟิลเลอร์กัน

ต้องฉีดฟิลเลอร์แค่ไหน จึงจะเห็นผล
         หลังจากฉีดสารฟิลเลอร์เข้าไปอยู่ในตำแหน่งที่ต้องการแล้วก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงทันที แต่แพทย์มักจะให้รอดูผลลัพธ์ประมาณวันที่ 5 เพราะตอนนั้นน้ำที่บวมอยู่ก็จะหมดไปแล้ว หากยังต้องแต่งเติมตรงไหนก็สามารถทำเพิ่มได้ ทั้งนี้ โดยส่วนมากผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 6 เดือนหลังจากฉีด (ฉีดชนิดแบบชั่วคราว) จะมากหรือน้อยขึ้นกับร่างกายของแต่ละคนและบริเวณที่ฉีด หากกล้ามเนื้อเคลื่อนไหวมากสารมักสลายหมดลงก่อนบริเวณอื่น
         เป็นอย่างไรกันบ้างกับข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ เชื่อว่าท่านผู้อ่านคงเข้าใจแล้วว่า Filler คืออะไร ทำไมเขาดถึงนิยมฉีดกัน อย่างไรก็ดี ขอแนะว่าให้เลือกฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น และอย่าลืมตรวจสอบให้ถ้วนถี่ก่อนว่าอุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือ และสารฟิลเลอร์มีคุณภาพมาตรฐานหรือไม่ จะได้หน้าเป๊ะได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียง

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

นวัตกรรมความงาม กับ “เมโสหน้าใส”

       หนุ่มๆสาวๆสมัยนี้หันมาใส่ใจสุขภาพความงามมากขึ้น ยิ่งเฉพาะการดูแลใบหน้านั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ควรใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ ด้วยยุคปัจจุบันมีความทันสมัยด้านเทคโนโลยีความสวยความงามมากมาย แต่วิธีที่จะแนะนำในวันนี้ คือ การทำเมโสเทอราพี (Mesotherapy) หรือ เมโสหน้าใส ซึ่งการทำเมโสหน้าใสนั้นถูกค้นพบโดยแพทย์ชาวฝรั่งเศสเป็นการรักษาปัญหาความงามที่ใช้กันมากว่า 100 ปีแล้ว

หลักการของการทำเมโสเทอราพี คือ การใช้เข็มขนาดเล็ก ฉีดตัวยาเข้าไปในชั้นผิวตื้น ที่เรียกว่า “ชั้นเมโส” แต่การกระจายของตัวยาอาจไม่ดีนัก จึงต้องใช้วิธีฉีดยาในปริมาณสารที่ฉีด 0.1-0.2 ซีซี ต่อจุด ฉีดลึกไปในเซลล์ผิวประมาณ 5-10 มิลลิเมตร ระยะห่างไม่เกิน 0.5-1 เซนติเมตร ในบริเวณที่ต้องการและมีการฉีดซ้ำทุกๆ 7-14 วัน

       การทำเมโสหน้าใส สามารถรักษาปัญหาผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ รอยแผล แผลเป็นสิว ฝ้า กระ ริ้วรอย และจุดด่างดำ ทั้งหมดนี้คือปัญหาที่พบบน “ใบหน้า” การทำเมโสหน้าใสจึงได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการฉีดสารแอนติออกซิเดนท์ และมัลติวิตามิน เข้าไปในชั้นผิวโดยตรง เพื่อเป็นการกระตุ้นและฟื้นฟูเซลล์ผิวจากภายใน ทำให้จุดด่างดำและริ้วรอยจางลง เมื่อรักษาอย่างต่อเนื่องผิวหน้าจะขาวใส เรียบเนียนยิ่งขึ้น ซึ่งจะให้ผลเร็วกว่าการทาครีมบำรุงผิวเพียงอย่างเดียว ด้วยเทคนิคที่ช่วยให้ตัวยาออกฤทธิ์ในชั้นผิวหนังได้ดีกว่าและมีประสิทธิภาพในการผลักตัวยาให้ได้ผลอย่างล้ำลึก

นอกจากนี้ เมโสเทอราพี ยังสามารถรักษาปัญหาอื่นได้อีก คือ

การลดไขมันส่วนเกิน หรือ เมโสแฟต โดยรักษาด้วยวิธีการฉีดสารเข้าไปขัดขวางการสะสมของไจมันและสลายไขมันที่มีอยู่ เมโสแฟต ได้รับความนิยมมากเพราะช่วยเร่งการเผาผลาญไขมัน ลดปัญหาเซลลูไลต์ส่วนเกินบนใบหน้าและจุดต่างๆของร่างกาย เช่น คาง แก้ม ปีกจมูก ท้องแขน พุง สะโพก ต้นขาและน่อง โดยเป็นการฉีดสารจากถั่วเหลืองและวิตามินหลายชนิด ไปยังบริเวณที่สะสมไขมัน กระตุ้นให้ไขมันสะสมถูกปล่อยออกมาทางปัสสาวะและอุจจาระ จนทำให้เนื้อบริเวณนั้นตึงกระชับ ควรได้รับการแนะนำทางโภชนาการ ควบคู่กับการควบคุมอาหารในแต่ละมื้อ รวมถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จึงจะเกิดผลลัพธ์สูงสุด

       การแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง โดยรักษาด้วยวิธีการฉีดส่วนผสมของวิตามินบำรุงรากผม ร่วมกับสารกระตุ้นการไหลเวียนของเส้นเลือดที่มีหล่อเลี้ยงรากผมโดยตรง ร่วมกับการใช้ยารับประทาน และยาทา เพื่อรกระตุ้นให้ผมขึ้นมาใหม่อย่างเป็นธรรมชาติ 

       “เมโสหน้าใส” เป็นเทคนิคที่เห็นผลดีและมีความปลอดภัย ผู้รับการรักษาไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น แต่เมโสหน้าใสต้องรักษาด้วยการประเมินจากแพทย์ เพื่อกำหนดปัญหาที่ต้องการแก้ไขร่วมกัน แพทย์จะให้คำแนะนำและเสนอทางเลือกสารและยาชนิดต่างๆเพื่อใช้ในการรักษาที่ตรงกับปัญหาของคนไข้มากที่สุด โดยก่อนฉีดยาแพทย์จะพิจารณาว่าผู้รับการรักษามีข้อห้ามในการฉีดหรือไม่ อาทิเช่น 

  • สตรีมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
  • คนที่มีประวัติโรคระบบหลอดเลือดผิดปกติในสมอง เช่น เส้นเลือดสมองตีบ หรืออุดตัน
  • คนที่มีประวัติภาวะความดันโลหิตต่ำ
  • คนที่มีประวัติโรคหัวใจและการรักษาด้วยยาหลายแขนง 
  • คนที่มีประวัติโรคเลือดผิดปกติ โรคมะเร็ง
  • คนที่เป็นโรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ

       ผลของการทำเมโสหน้าใส จะขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาที่ต้องการแก้ไขของคนไข้แต่ละคนที่มีความแตกต่างกัน โดยมีองค์ประกอบของพันธุกรรม สภาพผิว ระยะเวลาการทิ้งปัญหาผิว อายุ เพศ หากต้องการผิวหน้าที่ผ่องใส มักจะเลือกใช้สารอาหารกลุ่มวิตามินซี วิตามินบี กรดวิตามินเอ สารสกัดจากชะเอมเทศ หรือลิโคไรซ์ โคเอนไซม์ กรดอะมิโน กรดไฮยาลูโรนิกที่ใช้ความชุ่มชื้น คอลลาเจนที่ให้ความแข็งแรงกับเซลล์ผิว

การดูแลรักษาใบหน้าของเราให้ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนควรตระหนักให้มาก เพราะใบหน้า เป็นอวัยวะที่สร้างความประทับใจในครั้งแรกที่พบปะกับผู้คนมากมาย เราจึงควรดูแลรักษาสภาพผิวหน้าให้เปล่งปลั่งและดูดีอยู่เสมอ ด้วยเทคโนโลยีเสริมความงามที่ทันสมัยอย่างการทำ “เมโสหน้าใส” นั้นเอง

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

15 เคล็ดลับทำไงให้สวยขึ้น

ความสวย กับ ผู้หญิง เป็นสิ่งที่คู่กันมาอย่างช้านาน และถ้าหากมีวิธีการ เคล็ดลับ หรือกลเม็ดใดๆที่ช่วยเพิ่มความสวยให้มากขึ้น เชื่อว่าคุณสาวๆทุกคนก็คงที่จะไม่รอช้า และพร้อมที่จะปฏิบัติตามวิธีการเหล่านั้นอย่างแน่นอน สำหรับคุณสาวๆที่อยากจะให้ตัวเองสวยมากยิ่งขึ้น ในบทความชิ้นนี้มีเคล็ดลับทำไงให้สวยขึ้นง่ายๆที่สามารถทำได้ด้วยตัวคุณสาวๆเอง
 


 

15 เคล็ดลับทำไงให้สวยขึ้น

เคล็ดลับทำไงให้สวยขึ้นทั้ง 15 ข้อ ต่อไปนี้ ถึงแม้จะไม่ใช่ขนาดถูกบัญญัติขึ้นเป็นกฎเหล็ก แต่ก็เป็นสิ่งที่คุณสาวๆทุกคนควรจะปฏิบัติตามอย่างสม่ำเสมอให้เป็นประจำทุกวัน เพราะถ้าหากทำได้ทุกข้อแล้วล่ะก็ คุณสาวๆก็จะมีความสวยมากขึ้นเรื่อยๆจนสาวคนอื่นๆต้องมองด้วยความอิจฉากันเลยทีเดียว

              1.ดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อย 2 แก้ว ทันทีที่ตื่นนอน น้ำเปล่าจะช่วยชำระล้างสิ่งสกปรก และของเสียที่ค้างคาอยู่ภายในร่างกาย เมื่อของเสียเหล่านี้ถูกกำจัดออกไปก็จะเป็นการช่วยทำให้ผิวพรรณของคุณสาวๆดูสดใส เปล่งปลั่งมากยิ่งขึ้น

 

 

              2.ทานอาหารเช้าทุกวัน อาหารเช้าเป็นสิ่งที่ช่วยรักษาสมดุลน้ำหนักตัวของคุณสาวๆเอาไว้ให้คงที่ และยังช่วยทำให้สุขภาพแข็งแรง นอกจากนี้จากการวิจัยยังพบว่า คนที่ทานอาหารเช้าเป็นประจำทุกวัน มีเปอร์เซ็นอ้วนน้อยมากกว่าคนที่ไม่ทานมื้อเช้าอีกต่างหาก

             3.มื้อเช้าควรมีผลไม้บ้าง อาทิเช่น ส้ม แอปเปิ้ล แครอท ซึ่งสามารถรับประทานได้อย่างง่ายๆไม่ยุ่งยาก ผลไม้เหล่านี้จะช่วยบำรุงผิว ความสดชื่นในยามเช้า และยังช่วยทำให้เรามีสุขภาพดีอีกด้วย
[BINDING:16] 
             4.เดินเล่นในยามเช้าบ้าง ลองตื่นเช้าๆ แล้วออกมาเดินเล่น หรือวิ่งเหยาะๆ ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง จะช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น และไหลเวียนโลหิตดีขึ้นเป็นอย่างมากอีกด้วย

             5.เลือกใช้บอดี้โลชั่นให้เหมาะกับสถานที่ และผิวของตัวเอง อุณหภูมิภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไม่เท่ากันในแต่ละสถานที่ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผิวพรรณของคุณสาวๆ จึงควรที่จะมีการเลือกใช้บอดี้โลชั่นที่ให้เหมาะสมกับสภาพผิว เช่น ในฤดูร้อนที่รูขุมขนของคุณสาวๆจะเปิดกว้าง ควรเลือกใช้บอดี้โลชั่นเนื้อบางเบา ส่วนในหน้าหนาวที่ผิวต้องการความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ ก็ควรเลือกใช้บอดี้โลชั่นที่มีส่วนผสมของ เอสเซนเชียลออยล์ หรือเชียบัตเตอร์ เป็นต้น

 


 

   
             6.ห้ามอาบน้ำอุ่นเกิน 10 นาที เพราะจะทำให้ผิวของคุณสาวๆแห้งมากยิ่งขึ้น

             7.ในขณะอาบน้ำควรทำการขัดผิวไปด้วย เพราะนอกจากจะเป็นการช่วยกำจัดสิ่งสกปรก และกำจัดเซลล์ผิวที่ตายไปแล้ว ยังเป็นการช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตให้ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
[BINDING:34] 
             8.ความเครียดเป็นสิ่งต้องห้าม ความเครียดส่งผลเสียโดยตรงต่อผิว เพราะเมื่อเกิดความเครียดขึ้น กล้ามเนื้อบนใบหน้าจะเกิดการรัดตัวมากกว่าปกติ ทำให้ผิวหนังย่น เกิดริ้วรอย และความหมองคล้ำ ที่สำคัญยังทำให้สุขภาพจิตแย่ลงอีกด้วย

             9.พยายามหลีกเลี่ยงแสงแดดแรงๆ ในช่วงเวลา 9.00 -15.00 น. เป็นเวลาที่ปริมาณรังสียูวี มีความเข้มข้น และเป็นอันตรายต่อผิวมากที่สุด ถ้าหากคุณสาวๆไม่พยายามหลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกในช่วงเวลาดั่งกล่าว กว่าจะรู้ตัวอีกที คุณสาวๆก็อาจจะมีผิวที่ดำไหม้เกรียมไปเสียแล้ว

             10.ทาครีมกันแดดป้องกันผิวทุกครั้งก่อนออกแดด แสงแดดเป็นอันตรายอันดับต้นๆที่คอยทำลายผิวของคุณสาวๆ ดังนั้นทุกครั้งก่อนออกไปข้างนอก คุณสาวๆควรปกป้องผิวของตัวเองโดยการทาครีมกันแดดทุกครั้ง โดยเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 35+++ ขึ้นไป

             11.ดื่มนมก่อนนอน ในนมมีส่วนประกอบของสารอาหารมากมาย โดยเฉพาะวิตามินบีรวม ที่ช่วยบำรุงร่างกาย และผิวพรรณของคุณสาวๆ
  
 

 

             12.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนอย่างสนิทอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง เป็นประจำทุกวัน เป็นการช่วยทำให้ผิวพรรณเกิดความเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวลมากยิ่งขึ้น

             13.ควบคุมอาหารอย่าตามใจปากมาก การควบคุมอาหารอย่างถูกต้อง รับอาหารให้พอเหมาะในช่วงเวลาที่พอดี เป็นหนึ่งในเคล็ดลับทำไงให้สวยขึ้นที่จะช่วยทำให้คุณสาวๆสามารถรักษาทรวดทรงองค์เอวอันน่าพิศมัยเอาไว้ได้ แต่ถ้าหากตามใจปากมากจนเกินไป กินเอาๆ ระวังหุ่นจะอ้วนบวมฉุจนกู่ไม่กลับ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้ทำการไดเอทอย่างสุดขั้ว เพราะนอกจากจะไม่เป็นผลดีต่อร่างายแล้ว ยังทำให้คุณสาวๆไร้เรี่ยวแรงในการทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวันอีกต่างหาก

             14.ทำความสะอาดใบหน้าเป็นประจำ ทุกครั้งที่เราออกไปนอกบ้านมักจะมีฝุ่น หรือคราบสกปรกที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นติดมาบนใบหน้าโดยที่ไม่รู้ตัว ดังนั้นทุกวันในช่วงเย็น คุณสาวๆควรทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรือโฟมล้างหน้าที่มีความอ่อนโยน หลังจากนั้นให้ทำการเช็ดทำความสะอาดอีกครั้งด้วยคลีนเซอร์ และโทนเนอร์ ซึ่งจะช่วยในการขจัดสิ่งสกปรกออกจากใบหน้าได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาการเกิดสิวขึ้นบนใบหน้าได้อีกด้วย

             15.เปลี่ยนทรงผมใหม่ เสื้อผ้าใหม่ตามเทรนต์บ้าง ข้อนี้สำหรับคุณสาวๆที่ชอบทำผมทรงเดิมตลอดปีตลอดชาติ และสวมเสื้อผ้าเดิมๆสีเก่าซ้ำซากไม่เคยเปลี่ยน เพียงแค่หันมา เปลี่ยนทรงผม และเสื้อผ้าตามเทรนต์บ้างก็จะสามารถเป็นเคล็ดลับทำไงให้สวยขึ้นให้คุณสาวๆสวยขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว
 

เทคนิคทาตาให้สวยด้วยอายแชโดว์

การแต่งหน้าทาตาด้วยอายแชโดว์ เป็นการช่วยทำให้ดวงตาของคุณสาวๆ โดดเด่นมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น สำหรับคุณสาวๆมือใหม่ที่อยากจะลองแต่งหน้าด้วยอายแชโดว์เป็นครั้งแรก คงจะเกิดความกังวลใจไม่น้อยว่า เมื่อแต่งออกมาแล้วกลัวจะไม่สวยเหมือนกับคุณสาวๆ คนอื่นๆ

สำหรับในวันนี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือคุณสาวๆ มือใหม่ จึงจะขอพาแนะนำไปรู้จักกับ เทคนิคการตกแต่งดวงตาให้สวยด้วยอายแชโดว์อย่างง่ายๆ ที่แม้แต่คุณสาวๆ มือใหม่ก็สามารถที่จะทำได้ด้วยตัวเอง

เอาล่ะ.. เรามารู้จักกับขั้นตอนแรกกันเลยดีกว่า…

เลือกใช้การตกแต่งดวงตาที่เหมาะกับตัวคุณสาวๆ เอง

            เทคนิคการแต่งหน้าด้วยอายแชโดว์ เป็นการเน้นความโดดเด่นให้กับดวงตา ซึ่งดวงตาของแต่ละคนก็จะมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นก่อนอื่นคุณสาวๆ ควรทำการพิจารณาก่อนว่า ดวงตาของตัวเองนั้นมีลักษณะเป็นเช่นใด หลังจากนั้นจึงค่อยเลือกใช้เทคนิคอายแชโดว์มาช่วยในการแต่งให้สวยตามลักษณะรูปตาของตัวเอง

1. ตาชิด คุณสาวๆที่มีดวงตาชิดกัน สามารถใช้อายแชโดว์ช่วยตบแต่งให้ดวงตาดูห่างกันมากขึ้นได้ โดยใช้อายแชโดว์สีอ่อนทาที่บริเวณหัวตา และลงสีเข้มที่หางตา

2. ตาลึก คุณสาวๆที่มีดวงตาลึกเข้าไปในเบ้าตามากกว่าปกติ ทำให้เปลือกตาดูมีน้อยมากกว่าปกติ สามารถใช้อายแชโดว์สีอ่อนกับส่วนของเปลือกตาที่สามารถสังเกตเห็นได้ แล้วเลือกใช้อายแชโดว์สีเข้มกับช่วงรอบพับเปลือกตาและส่วนของหนังตาที่อยู่เหนือรอบพับขึ้นไป

            3. ตาตก คุณสาวๆ ที่มีดวงตาในลักษณะที่ส่วนของหางตาอยู่ต่ำกว่าหัวตา สามารถใช้เทคนิคเบลนด์สีอายแชโดว์ตั้งแต่หางตาเข้ามาจนถึง 2/3 ของความยาวรูปตา และกรีดตาให้ชิดแนวขนตา รวมทั้งดัดขนตาก่อนปัดมาสคาร่าจะเป็นการช่วยสร้างความสมดุลให้กับหางตาที่ตกได้

4. หนังตาพับเป็นชั้น คุณสาวๆที่มีหนังตาพับเป็นชั้น ซึ่งทำให้ดูเป็นคนตาตี่ เป็นปัญหาที่ค่อนข้างแก้ไขยากหากต้องอาศัยเพียงเทคนิคการแต่งหน้าเพียงอย่างเดียว แต่อย่างไรก็ตามคุณสาวๆที่มีดวงตาในลักษณะดังกล่าว ควรหลีกเลี่ยงการใช้อายแชโดว์แบบที่มีประกายวิบวับ และควรเลือกใช้เฉพาะแบบเนื้อแมตต์เท่านั้น

5. ตาโปน คุณสาวๆที่มีดวงตาโปน สามารถพรางดวงตาไม่ให้ดูโปนโตมากนัก ด้วยการเลือกใช้อายแชโดว์สีเข้มกับเปลือกตา และไม่ควรใช้อาบแชโดว์สีอ่อน เพราะจะยิ่งเป็นการกระจายแสงทำให้ดวงตาดูบวมและโปนมากยิ่งขึ้น

6. ตากลม คุณสาวๆที่มีดวงตาในลักษณะนี้ ควรเพิ่มความยาวของรูปตา โดยการใช้อายแชโดว์สีกลางๆ ที่เปลือกตาขึ้นไปหารอบพับเปลือกตา หลังจากนั้นใช้อายแชโดว์สีเข้มที่หางตาแล้วไล่เฉียงๆให้สูงขึ้นไปหาหางคิ้ว จะเป็นการช่วยทำให้รูปตาของคุณสาวๆดูยาวและเรียวรีมากยิ่งขึ้น

7. ดวงตารูปเมล็ดอัลมอนด์ เป็นลักษณะของรูปทรงดวงตาที่สมบูรณ์มากที่สุด สำหรับคุณสาวๆที่มีดวงตาในลักษณะดังกล่าว สามารถเลือกใช้เทคนิคการแต่งตาได้ทุกรูปแบบ

เลือกใช้สีของอายแชโดว์ให้มีความหลากหลาย

            คุณสาวๆ หลายคนอาจจะคิดว่า การใช้อายแชโดว์เพียงสีเดียวก็เพียงพอแล้วในการตกแต่งดวงตาให้มีมิติ แต่ความจริงแล้วอายแชโดว์เพียงสีเดียวยังไม่ได้เป็นการช่วยทำให้ดวงตาของคุณสาวๆดูเด่นเป็นมิติขึ้นมาได้เท่าที่ควร ถ้าหากคุณสาวๆต้องการที่สร้างมิติ และเน้นดวงตาให้สวยคมขึ้นไปอีกขึ้น

คุณสาวๆ จึงควรที่จะมีเฉดสีของอายแชโดว์อย่างน้อย 2-3 สี โดยเลือกใช้อายแชโดว์สีอ่อน สีกลางๆ สลับกับสีเข้ม ในการตกแต่งดวงตา โดยมีวิธีการใช้สีของอายแชโดว์สลับกันอย่างง่ายๆ ดังต่อไปนี้

1. เทคนิคการใช้อายแชโดว์แบบ 3 สี ในกรณีที่มีอายชาโดว์สีอ่อน สีกลางๆ และสีเข้ม โดยใช้อายแชโดว์สีอ่อนที่สุด ใช้ทาเป็นรองพื้นที่เปลือกตา จากนั้นทำไฮไลต์บนโหนกคิ้ว แล้วใช้อายแชโดว์สีกลางๆ ใช้ทาลงบริเวณรอบพับตามแนวขนตาล่างและหัวตา เพื่อสร้างความลึก ทำให้ดวงตาดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

หลังจากนั้นใช้อายแชโดว์สีที่เข้มที่สุด ใช้ทาลงบนเปลือกตา โดยทำการลากผ่านหางตาไปเล็กน้อย เพื่อเป็นการช่วยเน้นให้ดวงตาดูคมเข้มขึ้น

2. เทคนิคการใช้อายแชโดว์แบบ 2 สี ในกรณีที่มีอายชาโดว์สีอ่อน และสีเข้ม โดยใช้อายแชโดว์สีอ่อน ทาให้ทั่วเปลือกตา หลังจากนั้นใช้อายชาโดว์สีเข้ม ทาลากผ่านหางตาไปเล็กน้อย เพื่อเน้นดวงตาให้ดูคมเข้มมากยิ่งขึ้น

เทคนิคพื้นฐานและวิธีการในการใช้อายแชโดว์ที่ควรทราบ

            หลังจากที่คุณสาวๆได้รู้จักกับวิธีการใช้อายแชโดว์ที่เหมาะสมกับรูปตา และการเลือกใช้สีของอายแชโดว์ให้มีความหลากหลายเพื่อสร้างมิติให้ดวงตามีความโดดเด่นสวยงามกันไปแล้ว ต่อไปเรามาพูดถึงเทคนิคพื้นฐานในการใช้อาบแชโดว์ที่ควรทราบ สำหรับคุณสาวๆมือใหม่กันบ้าง

1. ควรเตรียมผิวบริเวณเปลือกตาก่อนทำการทาอายแชโดว์ โดยการทารองพื้นเบส หรือการใช้คอนซีลเลอร์บางๆทา จากนั้นให้ใช้แป้งฝุ่นทาทับ

2. ต้องเกลี่ยอาแชโดว์ให้เนียนเรียบสม่ำเสมอ อย่าให้เนื้อของอายแชโดว์ไปกระจุกตัวรวมอยู่ที่บริเวณใดบริเวณหนึ่ง เพื่อความกลมกลืนอย่างเป็นธรรมชาติ

3. เคาะให้อายไลเนอร์หลุดออกจากแปรงเล็กน้อยทุกครั้งก่อนทาลงที่เปลือกตา หลังจากนั้นให้ค่อยๆแต้มอายแชโดว์ แล้วจึงเพิ่มระดับความเข้มขึ้นจนได้โทนสีที่คุณสาวๆต้องการ

4. ควรเริ่มทาอายแชโดว์จากสีที่อ่อนที่สุดก่อนเสมอ โดยใช้ทาเป็นสีพื้นบริเวณเปลือกตาให้ทั่ว ใช้อายแชโดว์สีกลางๆในบริเวณที่เป็นหัวตา และใช้สีเข้มที่สุดทางบริเวณหางตาและเส้นขอบตา

5. ไม่ควรทาอายแชโดว์ในบริเวณหางตาหรือหัวตามากจนเกินไป เพราะจะทำให้ดวงตาของคุณสาวๆดูเข้ม และหนักมากจนเกินไป

6. เทคนิคการทำให้อายแชโดว์ติดทนนานตลอดทั้งวัน ควรทาอายแชโดว์ประเภทเนื้อครีมลงที่เปลือกตาเป็นอันดับแรก จากนั้นค่อยทาอายแชโดว์แบบฝุ่นทับอีกครั้งจะเป็นการช่วยทำให้สีของอายแชโดว์ติดทนนานมากยิ่งขึ้น

7. เทคนิคการทาอายแชโดว์ให้ดวงตาดูสดใสมากยิ่งขึ้น ควรเลือกใช้อายแชโดว์ที่มีสีอ่อนๆ ทาที่บริเวณหัวตาให้มีลักษณะเป็นรูปตัววี จะเป็นการช่วยทำให้เน้นดวงตาให้ดูสว่างสดใสมากยิ่งขึ้น

8. ในกรณีที่ทาอายแชโดว์เข้มมากจนเกินไป หรือมีสีจัดมากจนเกินไป ให้ใช้คัตตอลบัตค่อยๆแตะเช็ดออกอย่างเบามือ จากนั้นกลบความเข้มของสีของอายแชโดว์โดยการใช้แป้งฝุ่นตบเบาๆ ก่อนการลงสีใหม่อีกครั้ง

9. ก่อนนอนควรทำความสะอาดอายแชโดว์ด้วยคลีนเซอร์เสมอ ในการทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน

หลังจากที่ได้เรียนรู้เทคนิคพื้นฐานในการแต่งหน้าโดยการใช้อายแชโดว์กันไปแล้ว คุณสาวๆหลายๆคนคงจะเริ่มมีความมั่นใจ และความสุขในการตกแต่งดวงตาให้ดูเด่นสวยงามอย่างมีมิติ โดยการใช้อายแชโดว์ที่มากขึ้น

ถ้าหากคุณสาวๆ เริ่มมีความชำนาญในการใช้อายแชโดว์มากขึ้น ก็สามารถที่จะทดลองผสมผสานสีสรรของอายแชโดว์เพื่อตกแต่งดวงตาของตัวเองให้สวยเด่นในสไตย์ของคุณสาวๆ เองได้

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

มารู้จักการเลือกอายไลเนอร์ให้เหมาะสมกับตัวเองกัน

อายไลเนอร์ (Eyeliner) เป็นเครื่องสำอางที่ใช้เขียนบริเวณรอบดวงตา เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับดวงตา ทั้งดวงตาแบบหวาน ลึกลับ โฉบเฉียว หรือมีสเน่ห์น่าค้นหา อีกทั้งยังช่วยทำให้ดวงตาดูโตขึ้นมากกว่าปกติ ซึ่งอายไลเนอร์นี้มีประวัติการใช้งานคู่กับคุณสาวๆ มาอย่างยาวนาน นับย้อนไปตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ และยุคเมโสโปเตเมียกันเลยทีเดียว

สำหรับในยุคนี้ อายไลเนอร์ ก็ยังถือเป็นเครื่องสำอางที่คุณสาวๆไม่สามารถขาดได้ เพราะไม่ว่าใครก็อยากที่จะมีดวงตาที่คมสวยด้วยกันทั้งนั้น  แต่เมื่อทำการกรีดอายไลเนอร์ไปแล้ว คุณสาวๆ หลายคนอาจจะรู้สึกไม่พอใจกับทั้งขนาดและรูปทรงของเส้นอายไลเนอร์นัก

ในวันนี้เลยจะขอพาคุณสาวๆ มือใหม่ที่อยากเริ่มทำการกรีดอายไลเนอร์ ไปแอบดูกันว่ามีอายไลเนอร์แบบไหนกันบ้าง เพื่อที่จะได้สามรถตัดสินใจเลือกใช้ อายไลเนอร์ได้อย่างเหมาะสมกับดวงตา และความต้องการใช้งานของคุณสาวๆ

ประเภทของอายไลเนอร์และการใช้งานอย่างเหมาะสม

ก่อนที่คุณสาวๆ จะตัดสินใจเลือกซื้ออายไลเนอร์มาใช้ ก่อนอื่นต้องมารู้จักกับประเภทของอายไลเนอร์ รวมไปถึงข้อดี ข้อเสีย และการใช้งานที่เหมาะสมกับจุดประสงค์ในการใช้งานของคุณสาวๆ ว่าต้องการแต่งหน้าแบบไหน ดังต่อไปนี้

1. อายไลเนอร์ชนิด Gel มีลักษณะเป็นเนื้อเจลอ่อนนิ่ม ใช้งานได้ง่าย เป็นอายไลเนอร์ที่ต้องใช้ควบคู่กับแปรง ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่คุณสาวๆที่นิยมการแต่งหน้าจนในระดับมือโปร เนื่องจากสามารถติดทนนาน และเขียนให้หนาได้ในเวลาที่รวดเร็ว เหมาะกับคุณสาวๆที่ต้องการแต่งตาแบบคมเข้ม เพราะช่วยทำให้ดวงตาดูกลมโต คมเข้ม และมีความโดดเด่น อีกทั้งยังติดทนยาวนานตลอดทั้งวัน แต่มีข้อเสียคือ ถ้าหากเนื้อเจลแห้งจะใช้งานยาก เกลี่ยให้เรียบได้ยาก

2. อายไลเนอร์ชนิด Liquid หรือแบบน้ำ มักบรรจุอยู่ในขวดเล็กๆ มีลักษณะเป็นน้ำ มีสีที่ทึบ มักจะใช้ควบคู่กับพู่กัน หรือแปรง ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากคุณสาวๆที่มีทักษะการกรีดอายไลเนอร์ เพราะมีสีที่ชัดมากกว่าอายไลเนอร์แบบดินสอ ให้เส้นเล็กและคมชัด แต่ควบคุมการเขียนได้ยากกว่าอายไลเนอร์แบบดินสอ เหมาะกับคุณสาวๆ ที่ต้องการแต่งหน้าให้มีสีสันเล็กน้อย โดยการกรีดไปตามรูปตาตามที่ต้องการ ซึ่งจะช่วยทำให้ดวงตามีความโดดเด่น และดึงดูดความสนใจมากยิ่งขึ้น

อายไลเนอร์ประเภทนี้ ค่อนข้างเขียนยากมาก และไม่เหมาะกับคุณสาวๆที่อยากแต่งหน้าแบบให้ดูเป็นธรรมชาติ เพราะจะทำให้ดูหลอกตา และมีความเด่นชัดมาก อีกทั้งยังค่อนข้างจะเลอะได้ง่ายเมื่อมีเหงื่อออก

3. อายไลเนอร์ชนิด Pencil เป็นดินสออายไลเนอร์ ส่วนมากจะใช้ในสีดำเข้มและด้าน เหมาะกับคุณสาวๆที่กำลังจะลองหักกรีดอายไลเนอร์เป็นครั้งแรกเนื่องจากสามารถวาดเส้นได้ง่ายอย่างราบรื่น อีกทั้งยังสามารถตกแต่งได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะสามารถนำมาเขียนได้ทั้งเปลือกตาบน และขอบตาด้านในอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีอายไลเนอร์ประเภทดินสออีกแบบหนึ่ง เรียกว่า Wax-based eye pencils เป็นดินสออายไลเนอร์ที่มีส่วนผสมของขี้ผึ้ง เวลานำมาเขียนรอบดวงตาจะมีความนุ่มและช่วยให้การเขียนง่ายขึ้น มีทั้งสีเข้ม สีอ่อน ดินสออายไลเนอร์ที่มีส่วนผสมของขี้ผึ้ง มักอยู่ในรูปแบบของทรงกรวยหรือในแบบอัดแข็ง

อายไลเนอร์แบบดินสอ เหมาะกับคุณสาวๆที่ต้องการแต่งหน้าแบบเบาๆ ที่ไม่ต้องลงอายไลเนอร์หนาให้เห็นอย่างชัดเจน โดยเขียนลงไปบริเวณแนวขนตาเพื่อให้ดูคมขึ้นเท่านั้น  แต่อายไลเนอร์แบบดินสอก็มีข้อเสียคือ ไม่ค่อยเหมาะกับคุณสาวๆที่ต้องการเส้นที่คมสวย

อายไลเนอร์ประเภทนี้ยังมักที่เปื้อนเปลือกตาระหว่างวันอยู่เสมอ ถ้าหากทำการกรีดตาด้วยอายไลเนอร์ดินสอจนหนาก็จะทำให้เกิดเปลือกตาดำเป็นหมีแพนด้าในระหว่างวัน

ปัญหาโลกแตกที่คุณสาวๆ มักพบเมื่อใช้อายไลเนอร์

1. การกรีดอายไลเนอร์ทำให้ขอบตาดูเป็นหมีแพนด้าได้ง่ายมาก เมื่อคุณสาวๆใช้อายไลเนอร์ในการกรีดตาแล้ วมักจะมีปัญหาหนึ่งที่เหมือนกันคือ ขอบตาดำมากจนเกินไปกระทั่งไม่ต่างอะไรจากหมีแพนด้า สำหรับวิธีแก้ไขก็ไม่ยาก

ถ้าหากคุณสาวๆ คิดว่าอายไลเนอร์ที่พึ่งกรีดไปนั้นมีสีเข้มมากจนเกินไป ให้ใช้คัตตอลบัตเช็ดอายไลเนอร์ออกเบาๆ ให้สีจางลง แต่ถ้าหากคิดว่าสีจางมากจนเกินไป ก็ค่อยกรีดทับขอบตาอีกครั้ง สามารถทำซ้ำไปมาได้เรื่อยๆ จนกว่าคุณสาวๆ จะได้ระดับของสีขอบตาที่ต้องการ

2. อายไลเนอร์ประเภทดินสอมักจะมีหัวที่แข็ง ซึ่งอาจจำให้ขอบตาถลอกหรือเกิดแผลในตอนที่ทำการกรีดได้ วิธีการแก้ไขคือ ใช้ไดร์ฟเป่าผมเป่าลมร้อนๆ ใส่อายไลเนอร์ประเภทดินสอสักพักหนึ่ง หัวของอายไลเนอร์จะมีความนิ่มขึ้น แต่ไม่ควรเป่านานจนเกินไป เพราะไม่อย่างนั้นอายไลเนอร์อาจจะละลายจนหมดแท่งได้โดยไม่รู้ตัว

3. ปัญหาไส้ในของอายไลเนอร์แบบดินสอมักที่จะหักข้างใน อายไลเนอร์แบบดินสอก็เหมือนกับดินสอ ซึ่งมีแท่งไส้ดินสออยู่ภายใน ดังนั้นคุณสาวๆ ไม่ควรทำการพกอายไลเนอร์แบบดินสอติดตัวไปไหนมาไหน โดยที่ไม่ได้ใส่กล่องเพื่อป้องกันการกระแทก และห้ามทำตกพื้นโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ไส้ที่อยู่ภายในแท่งดินสอหัก

4. หัวอายไลเนอร์แบบดินสอมักหลุดออกมาเมื่อทำการเหลา ไม่ควรทำการเหลาอายไลเนอร์แบบดินสอกับกบเหลาดินสอธรรมดา เพราะจะทำให้หัวดินสอของอายไลเนอร์หัก ควรใช้กบเหลาที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการเหลาอายไลเนอร์แบบดินสอเท่านั้น

5. อายไลเนอร์แบบครีมมักที่จะแข็งตัว เมื่อใช้อายไลเนอร์แบบครีมไปสักพักหนึ่ง เนื้อครีมจะเกิดการแข็งตัวขึ้น ซึ่งเกิดขึ้นจากการเปิดฝาทิ้งเอาไว้เป็นระยะเวลานานๆ ดังนั้นควรเปิดเฉพาะเวลาที่ต้องงาน แล้วรีบปิดฝาให้สนิท จะเป็นการช่วยยืดอายุการใช้งานของเนื้อครีมได้เป็นอย่างมาก

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ยี่ห้อเครื่่องสำอาง ไหน โดนใจสุดๆ

สังเกตไหม ว่าช่วงหลังๆ นี้มีการเปิดตัว ยี่ห้อเครื่องสำอาง หลากหลายยี่ห้อ

แต่ก็มีบางยี่ห้อที่ครองใจผู้ซื้อได้แบบติดตลาด

การเปิดตัว ยี่ห้อเครื่องสำอางใหม่ๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เป็นที่ยอมรับกับลูกค้า ที่เห็นๆก็พบว่าเมื่อมี

ยี่ห้อเครื่องสำอาง ชิ้นใหม่ๆ เกิดขึ้น เมื่อมีการเปิดตัว ผู้คนก็ต่างให้ความสนใจไม่น้อย ยิ่งบางยี่ห้อ

ที่เรียกความสนใจ โดยการนำเสนอผ่านการจัดทำโล้โก้ที่สวย สะดุดตา แถมด้วยโปรโมชั่นดีๆ

ยิ่งมีคนสนใจมาก

นอกจากนั้น เครื่องสำอาง บางยี่ห้อ ที่มีการเปิดตัว ยังมีดารา คนในวงการเสริมความงาม เป็นเจ้าของ

และการันตีการใช้ ผลลัพธ์ ผ่านเพื่อนดารา ด้วยกัน ยิ่งทำให้ ยี่ห้อเครื่องสำอาง แบรนด์นั้น

ได้รับความนิยมที่ดีขึ้นไปอีก รวมไปถึง การโฆษณาสินค้า รูปลักษณ์ ผลิตภัณฑ์ ก็เป็นส่วนที่ทำให้ลูกค้า

สนใจไม่น้อย หลายยี่ห้อที่มีการเปิดตัวและได้รับการยอมรับ ด้วยการออกแบบรูลักษณ์ที่น่าสนใจ และ

ผลิตภัณฑ์ที่ให้คุณประโยชน์แก่ผู้ใช้

ทำให้ ยี่ห้อเครื่องสำอางปัจจุบันถึงจะมีเยอะแยะเต็มไปหมดแต่ว่าก็ไม่ใช่ปัญหาที่จะทำให้ยอดขาย

เครื่องสำอางน้อยลง แต่กลับกันกับทำให้ยอดขายเครื่องสำอางมากขึ้น เพราะการมียี่ห้อเครื่องสำอาง

ที่มากขึ้น เท่ากับทางผู้ผลิตได้เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้ามากขั้นนั่นเอง

ดังนั้นนะึคะ คุณสาวๆ การเลือกใช้เครื่องสำอาง ส่วนใหญ่ก็มาจากการเลือกที่ตัวผู้ใช้เองเพราะเมื่อผู้ใช้

หรือลูกค้าเห็นว่าเครื่องสำอางยี่ห้อนี้ใช้ดี เขาก็จะเลือกใช้และบอกต่อเพื่อนให้เลือกใช้

ถ้าผลิตเครื่องสำอางออกมาได้ดี ยี่ห้อเครื่องสำอางไหนๆ ก็บอกต่อกันแน่นอนคะ

การโฆษณาสิ้นค้าเครื่องสำอางจึงมีหลายทาง เพราะมีทั้งทางตรงและทางอ้อม ทางอ้อมก็คือการโฆษณาที่ได้จากการบอกปากต่อปากของลูกค้าที่ใช้เครื่องสำอางยี่ห้อนั้นแล้วเห็นว้าใช้ดีจนไปบอกลูกค้าคนอื่นๆ

การเลือกซื้อเลือกใช้เป็นสิทธิของลูกที่จะเลือกซื้อเลือกใช้เครื่องสำอาง แต่ละยี่ห้อ แต่ด้วยความหลากหลายที่มีของ ยี่ห้อเครื่องสำอาง จึงทกำให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้นจนทำให้ผู้ผลิตต่างๆต้องมีการกระตุ้นตัวเองมากขึ้น

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ขายส่งเครื่องสำอาง ทำไมขายดี

คุณคงเคยเห็น ร้านค้าหลายๆ ร้าน ที่นิยม ขายส่งเครื่องสำอาง ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าที่เปิดขายตาม

หน้าร้านหรือแม้กระทั่งการขายส่งเครื่องสำอางตามเว็บไซต์ต่างๆ

ร้านค้าขายส่งเครื่องสำอาง เป็นที่นิยมมากในช่วงนี้เพราะทุกคนที่เป็นทั้งสาวแท้ สาวเทียม ต่างให้ความ

สนใจเกี่ยวกับร้านค้าขายส่งเครื่องสำอาง บางรายซื้อเพื่อมาขายต่ออีกที บางรายซื้อมาใช้เอง

ยิ่งในเว็บไซต์จะเห็นว่ามีร้านหลายร้านเลยที่เปิดขายเครื่องสำอางพร้อมส่งให้ลูกค้าถึงบ้านบางร้านเก็บ

ค่าบริการบางร้านถ้าหากลูกค้าซื้อของจำนวนมาก ก็มีบริการส่งฟรีๆแบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
ร้านค้าแบบนี้เรียกความสนใจจากลูกค้าได้ดีทีเดียว เพราะหนึ่งลูกค้าไม่ต้องไปเสียเวลาเดินหาร้านซื้อ

ขายเครื่องสำอางให้เสียเวลาและยิ่งเดี๋ยวนี้บริการโอนเงินส่งของก็ง่ายนิดเดียวจึงทำให้ลูกค้าหลายๆ ราย

ติดใจและใช้บริการกับร้านค้าทางนี้มากทีเดียว

ถ้าคิดถึงเรื่องเครื่องสำอางก็อดไม่ได้ที่จะต้องนึกถึงผู้หญิงแต่ปัจจุบันร้านขายเครื่องสำอางไม่ได้มีแต่

ผู้หญิงแท้ๆแล้วขายเพราะผู้ชายบางรายที่สนใจและหลงรักในเครื่องสำอางก็หันมาประกอบอาชีพนี้

เช่นเดียวกัน

เครื่องสำอางไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยก็ยังได้รับความนิยมจากผู้คนไม่เคยเปลี่ยนแปลงนั่นหมายความว่าผู้คน

ส่วนใหญ่ต่างรักสวยรักงามและรักที่จะดูแลเอาใจใส่ตัวเองนั่นเอง

ไม่ว่า พ่อค้า แม่ค้า ที่ขายส่งเครื่องสำอางจะมากมาย ล้นตลาดแต่การตอบรับจากลูกค้าก็มีมากพอๆ

กับจำนวนร้านค้าหรือบางทีเคยมีลูกค้าสั่งของต้องรอก่อนเพราะเครื่องสำอางขาดตลาดนั่น

หมายความว่าการจำหน่ายเครื่องสำอางมียอดขายที่ดีขนาดโรงงานที่ผลิตเครื่องสำอางยังผลิตไม่ทัน

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ใครอยาก ผลิตเครื่องสำอาง ขายเอง เชิญทางนี้

ปัจจุบันมีหลายๆ บริษัทที่นิยม รับ ผลิตเครื่องสำอาง หรือ ผลิตเครื่องสำอาง เพื่อการขายเอง

ทั้งการขายส่งและขายปลีก เนื่องมาจาก จะเห็นว่าช่วงหลังๆมานี่ ในตลาดเครื่องสำอาง มีแบรนด์ต่างๆ

ออกมามากมาย และมีเครื่องสำอางที่หลากหลายยี่ห้อ และหน้าตาแปลกใหม่มากมาย ก็เพราะว่ามี

นายทุนที่หันมาสนใจ ผลิตเครื่องสำอางขาย กันนี่ล่ะคะ

ซึ่งสาเหตุ ที่มีการ ผลิตเครื่องสำอาง มากมาย นั้น เหตุเนื่องจาก คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันให้การยอมรับ

กับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง มากขึ้น และผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอางในยุคหลังๆก็มีมาตรฐานกว่าเมื่อก่อน

อีกทั้ง หากซื้อจากแหล่งโรงงาน ที่ผลิตเครื่องสำอาง เอง แล้วนั้น จะได้เครื่องสำอาง ราคาถูก โดย

ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง หรืองบการโฆษณา ใดๆทั้งสิ้นคะ

เมื่อ เครื่องสำอาง ทำเองได้ และราคาถูกลง เจ้าของสินค้าต่างๆ ก็มักจะออกเป็น แบรนด์ ของตัวเอง

มากขึ้นแล้วคะ ทำให้ตลาดการ ผลิตเครื่องสำอาง ก็มากขึ้นไปด้วย โดยแท้จริงแล้ว ทราบไหมคะว่า

สูตรต่างๆ ที่ผลิตเครื่องสำอาง นั้น ก็มักจะมีสูตรไม่ต่างกันคะ เพิ่มสารเข้าไปต่างกันไม่กี่ตัว ก็กลายมา

เป็น แบรนด์เครื่องสำอางของตัวเองแล้วล่ะคะ

บางครั้งนะคะ เราคิดสูตรไป โรงงานบางโรงงาน ก็มีการตรวจสอบให้เราก่อนผลิตด้วยคะ เพื่อความ

ปลอดภัยของลูกค้า และผู้ใช้เครื่องสำอาง หลังจากนั้น ก็ตามมาด้วย แพคเกจ ที่ทำให้เราเป็นเจ้าของ

ได้อย่างไม่ยากเลย เป็นยังไงล่ะคะ กับการ ผลิตเครื่องสำอาง ที่คุณเป็นเจ้าของได้

สำหรับใคร สนใจ อยากมา ผลิตเครื่องสำอาง จากสูตรที่เราคิดค้นขึ้นมาเอง และทดลอง ด้วยตัวเองว่า

ใช้ดี หน้าเด้ง เนียนใส ก็อย่ารอช้านะคะ รีบ จดลิขสิทธิ์ หรือ ไปหาโรงงาน ที่รับ ผลิตเครื่องสำอาง

กันเถอะคะ เจ้าของเครื่องสำอางชื่อดัง คุณเองก็เป็นได้อย่างง่ายๆ

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เลือกใช้ ครีมดาราเคล็ดลับความสวยฉบับ จากดารา

ไม่ว่าใครๆ ก็ต้องอยากมีใบหน้าสวยใส ดุจดั่งดารา วันนี้เรามีครีมที่ใครใช้ก็สามารถเปลี่ยนใบหน้าให้สวยใสดังดารามาแนะนำกันค่ะ

เจ้าครีมที่ว่า ก็จะครีมยี่ห้อไหนละคะถ้าไม่ใช่ ครีมของเจ้าแม่ดารา ครีมดารา ของ ดาราคนสวยอย่าง เมย์ พิชญ์นาฎ ที่ตอนนี้กำลังโด่งดังในแวดวงคนบันเทิง และคนหน้าตาบ้านๆ อย่างเรา เพราะไม่ว่าจะเป็นนิตยสารเล่มไหนก็โฆษณาให้ได้เห็นกันบ่อย ยิ่งไปเปิดดูรีวิวจากลูกค้าที่ได้ลองใช้แล้วยิ่งคอนเฟิมได้เลยว่า  พ.ศ.นี้ครีมไหนๆก็เทียบไม่ติดกับ ครีมดารา อย่างแน่นอน

เกริ่นกันมาซะเยอะแยะ  มาดูดีกว่าว่าสินค้าตัวไหนที่คนใช้เค้าประทับใจกัน

1. เซรั่ม ตัวนี้คนใช้เค้าบอกว่าทาแล้วซึมลงผิวทันที กลิ่นก็หอมอ่อนๆ ทาแล้วรู้สึกสบายผิวและ สบายใจ  รูขุมขนก็กระชับลงด้วย และที่สำคัญหน้ากระจ่างใสปิ๊งๆกันเลทีเดียวค่ะ

2.  ตัวครีม หลังจากทาเซรั่มก็ตามด้วยครีม ครีมดาราของเค้าเนี่ยนะคะ  เนื้อครีมละเอียดกลิ่นก็หอม ทาแล้วไม่รู้สึกเหนอะหนะ ทาปุ๊บซึมลงผิวทันที เนื้อนุ่มเนียน ผิวหน้าก็เนียนไปตามเนื้อครีม  อั๊ยย่ะ เริ่ดอ่ะ

3.  ครีมกันแดด แหมๆ ตัวนี้ขอบอกว่าเริ่ดกว่าทุกตัว  เพราะเนื้อครีมก็เนียน ทาแล้วหน้าไม่มัน ทาทั้งวันก็ห้าไม่มัน ไร้ปัญหาครีมทิ้งคราบไปเลยทีเดียว สาวๆหลายคนบอกว่าตัวนี้เริ่ดสุดจ้า 

ไม่ว่าจะครีมตัวไหน ยี่ห้ออะไร  ขอแค่ให้คุณผู้อ่านรู้จักเลือกใช้ให้เหมาะกับผิวหน้า และ ดูแลรักษา ผิวหน้าให้สะอาด ทาครีมบำรุง และครีมกันแดดก่อนออกนอกบ้าน  ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ เพียงเท่านี้คุณเองก็จะมีผิวหน้าที่สวยใสไม่แพ้เหล่าดาราค่ะ

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

การเลือกใช้ครีมรองพื้น สำหรับทุกสภาพผิว ในฤดูฝน

ครีมรองพื้นฤดูฝนมากันแล้วคะ และหากไม่หน้าเหยิน ตอนแต่งหน้า (อาจมีการตากฝนบ้างแน่นอน) สาวๆทุกคนต้อง อย่าลืมคิดถึง การเลือกซื้อ ครีมรองพื้น ให้เหมาะสม นะคะ

เพื่อการป้องกันการเลอะเทอะ และยังคงแต่งหน้าได้สดใส ตลอดฤดูฝน และแม้ว่าจะเป็นฤดูไหนๆ ครีมรองพื้น ที่เลือกแล้ว ก็ยังใช้ได้ต่อไป

การเลือก ครีมรองพื้น ที่เหมาะกับทุกคน ทุกสภาพผิว เริ่มจาก ต้องดูส่วนผสม ที่มีอยู่ในรองพื้น ว่าเป็นอย่างไร เพราะ ครีมรองพื้นนั้น มีทั้งแบบน้ำ แบบครีม ให้เลือกใช้กัน ตามความชอบ ซึ่งหาก เป็นในฤดูฝนนั้น ก็ไม่ได้จำกัดว่า ต้องใช้ครีมรองพื้นที่เป็นแบบไหน แต่ขอเพียงแค่กันน้ำ และติด ทนนานได้ ก็เป็นอันใช้ได้คะ

หากจะ เลือกใช้ครีมรองพื้น ให้ดี จะต้องสามารถปกปิด ใบหน้าให้เรียบเนียน แก้ปัญหาต่างๆได้ โดยไม่เป็นคราบ ระหว่างวัน เน้นการทาครีมรองพื้นที่ง่ายด้วยมือ หรือใช้ฟองน้ำช่วยซับเพียงเล็กน้อย ที่สามารถใช้ได้นานต่อเนื่อง โดยไม่ทิ้งคราบสกปรก

ครีมรองพื้น นั้น ไม่จำเป็นว่าต้องเป็น ครีมรองพื้นที่หนา เสมอไป อาจจะบาง แต่ปกปิดได้ดี ก็เพียงพอแล้ว ส่วนเรื่องราคา ก็ไม่ต้องแพง แต่ขอให้ดีหน่อย ก็เป็นอันใช้ได้ไม่แพ้ ซึ่งอย่าลืมทดสอบกันก่อน โดยทาลงไปบริเวณข้างแก้มจะดีที่สุด ดูปฏิกิริยา ว่าคัน แสบหรือไม่

ลองก่อน เพราะหน้าของคุณ คุณบอกได้ดีที่สุด แล้ว การเลือกครีมรองพื้น สำหรับสภาพหน้าของคุณจะมีคำตอบ

ครีมรองพื้น

ที่สำคัญ เมื่อได้ครีมรองพื้น ที่ถูกใจ ทุกสภาพผิวแล้ว หลังแต่งหน้าแล้ว อย่าลืมล้างหน้าให้สะอาด ก่อนเข้านอนด้วย ไม่เช่นนั้น สิว หรือปัญหาผิว อาจถามหาได้เช่นกัน

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.