วิธีป้องกันผิวหนังลอกเมื่อถูกแสงแดดเผา

         โดยธรรมชาติแล้ว เมื่อผิวหนังชั้นบนสุดถูกเผาไหม้ด้วยแสงแดดจนกระทั่งเสื่อมสภาพ ผิวหนังลอกตัวออกเพื่อเปิดทางให้ผิวชั้นใหม่อยู่ข้างใต้ปรากฏออกมา แต่คนส่วนใหญ่กลับรู้สึกไม่ค่อยปลื้มกับกับกระบวนการเหล่านี้สักเท่าไหร่ โดยเฉพาะกับคนที่อยากมีผิวสีแทน ทำให้มีความพยายามค้นหาสารพัดวิธีที่จะป้องกันไม่ให้ผิวหนังลอก ซึ่งวิธีเหล่านั้นจะมีอะไรกันบ้างนั้น สามารถติดตามอ่านได้จากบทความชิ้นนี้กันเลย

กระบวนการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติของร่างกายมนุษย์
 สีแดงบนผิว และความเจ็บปวด แสบ ร้อน เป็นสัญญานบ่งบอกว่าคุณได้ใช้เวลามากจนเกินไปแล้วท่ามกลางแสงแดด ผิวหนังลอกหลังจากที่ถูกแดดเผาเป็นความพยายามของร่างกายในการกำจัดเซลล์ที่ถูกทำลายจากแสงแดด ปกป้องคุณจากริ้วรอบก่อนวัยอันควร โรคมะเร็งผิวหนัง แต่เป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่ในขณะผิวหนังลอกมักจะมีอาการคัน และมีสภาพที่ไม่น่าดู อีกทั้งการที่ผิวหนังลอกหลังจากที่ถูกแสงแดดเผามากๆเองก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่คุณสามารถที่จะลดโอกาสที่ผิวหนังลอกให้น้อยลงได้ ด้วยการดูแลอย่างถูกต้องเหมาะสมทันทีหลังจากการสัมผัสกับแสงแดด ด้วยวิธีง่ายๆ ดังต่อไปนี้
   1.ใช้ยาต้านอาการอักเสบของผิว เพื่อลดอาการปวด อาการอักเสบของผิว และลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดผิวหนังลอก ซึ่งคุณสามารถขอคำแนะนำยาต้านอาการอักเสบเหล่านี้ได้จากร้านขายยาทั่วไป
 2.ล้างผิวด้วยน้ำเย็น ด้วยการอาบน้ำเย็น เพื่อทำให้ผิวของคุณเย็นลง ห้ามล้างผิวด้วยสบู่ที่มีฤทธิ์รุนแรง และหลีกเลี่ยงการถูผิวในขณะที่แห้ง เพราะมันจะยิ่งเป็นวิธีที่เพิ่มโอกาสในการทำให้ผิวหนังลอกมากขึ้น
         3.ให้ความชุ่มชื้นในบริเวณที่ถูกแดดเผา หลังจากที่ทำการอาบน้ำเสร็จแล้ว ควรให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวด้วยมอยเจอไรเซอร์ ที่ถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับผิวที่ถูกแสงแดดเผา ซึ่งสามารถหาได้ตามร้านขายยาทั่วไป หรือใช้ว่านหางจระเข้ที่มีคุณสมบัติในการปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบ และยังช่วยในการป้องกันผิวหนังลอกอย่างได้ผล
4.ดื่มน้ำให้มากเป็นพิเศษ เพื่อช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และป้องกันผิวหนังลอก เพราะแสงแดดทำให้ผิวหนังเกิดการคลายน้ำของผิว ดังนั้นการดื่มน้ำจึงมีความจำเป็นอย่างมากในการักษาระดับน้ำในผิวเอาไว้

         5.ไม่ควรรบกวนผิว เมื่อถูกแดดเผามักจะเกิดอาการคันขึ้น แต่การเกาจะยิ่งเป็นการเพิ่มความเสียหายต่อเนื้อเยื่อ รวมไปถึงความเสี่ยงในต่อผิวหนังลอก ถ้าหากคุณรู้สึกคัน สามารถบรรเทาอาการดังกล่าวได้ด้วยการใช้ว่านหางจระเข้มาประคบในบริเวณดังกล่าว หรือใช้ผ้าขนหนูหุ้มน้ำแข็งนำไปประคบบริเวณดังกล่าวโดยตรง
 6.อย่าลืมทาครีมกันแดด พยายามใช้ครีมกันแดดทุกครั้งก่อนที่จะออกจากบ้านในช่วงกลางวัน ให้กลายเป็นกิจกวัตรประจำวัน ครีมกันแดดนอกจากจะช่วยลดความรุนแรงต่อการถูกแดดเผาแล้ว ยังช่วยลดความรุนแรงของผิวหนังลอกในภายหลังอีกด้วย ซึ่งคุณควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF มากกว่า 30 ขึ้นไป
การดูแล และป้องกัยผิวจากแสงแดด จะช่วยทำให้ผิวหนังลอกของคุณไม่หลุดลอกออกมากจนเกินความจำเป็น เพราะผิวหนังใหม่ด้านล่างนั้นมีความบอบบางสูง ดังนั้นถ้าหากไม่จำเป็นจริงๆ ก็ไม่ควรที่จะเร่งการผลัดเซลล์ผิวอย่างไม่เหมาะสม เพื่อสุขภาพของผิวที่ดีที่สุดของคุณอย่างยาวนาน

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ครีมกันแดดใยไหมกับครีมกันแดดทั่วไปแตกต่างกันอย่างไร?

            คุณสาวๆอาจจะเคยได้ยินผลิตภัณฑ์ชื่อแปลกๆอย่างครีมกันแดดใยไหม” ผ่านหูกันมาบ้าง และอาจจะมีหลายคนที่เกิดความสงสัยว่า แล้วเจ้าครีมกันแดดใยไหมนี้ มีความแตกต่างจากครีมกันแดดโดยทั่วไปอย่างไร ในบทความชิ้นนี้มีคำตอบของคำถาม สำหรับไขข้อข้องใจในเรื่องนี้เตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

ครีมกันแดดใยไหมคืออะไร?
ครีมกันแดดใบไหม คือ กลุ่มของครีมกันแดดประเภทครีม ที่มีเนื้อที่บางเบา นุ่มนวล ไม่เหนียวเหนอะหนะเมื่อทำการทาลงไปที่ผิวกาย ในขณะเดียวกันก็จะมีคุณสมบัติในการช่วยปกป้องผิวจากการทำร้ายของแสงแดด พร้อมกับการบำรุงผิวด้วยส่วนผสมที่แตกต่างกันออกไปตามสูตรลับของครีมใยไหมแต่ละผลิตภัณฑ์เอง ลักษณะของเนื้อครีมดังกล่าว ทำให้เหล่านักการตลาดหัวใส ได้ทำการคิดคำโฆษณาสินค้าประเภทนี้ โดยนำไปอ้างอิงเปรียบเทียบกับใยใหม่ ที่มีลักษณะเบานุ่มนวล เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถจินตนาการตามลักษณะของเนื้อครีมเมื่อทำการถูกทาลงสู่ผิวแล้วได้นั่นเอง

ครีมใยไหมมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง
?
ในเรื่องคุณสมบัติของครีมใยไหมจะแตกต่างกันออกไปตามส่วนผสมในเนื้อครีมของผลิตภัณฑ์แต่ละยี่ห้อ แต่โดยหลักๆแล้ว ครีมใยไหมจะมีคุณสมบัติที่คล้ายคลึงร่วมกันอยู่ 2ประการคือ
            1.ช่วยป้องกันผิวจากแสงแดด ครีมกันแดดใยไหมมีคุณสมบัติช่วยในการป้องกันรังสียูวีจากแสงแดด ด้วยการผสมสารกันแดดที่มีค่า SPF 60 ควรทำการทาก่อนเผชิญกับแสงแดด 15 นาที โดยทำการทาบริเวณผิวหน้า ลำคอ เพื่อให้เนื้อครีมซึมซับลงสู่ผิว และเกิดประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากแสงแดดอย่างสูงสุด
            2.ช่วยบำรุงผิวพรรณ  ครีมกันแดดใยไหมมักจะมีการผสมสารที่มีประโยชน์ในการบำรุงผิวพรรณ ให้เนียนใสเปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมกับช่วยชะลอริ้วรอยก่อนวัย ส่วนประสิทธิภาพในการบำรุงผิวอื่นๆเพิ่มเติมนั้น จะขึ้นอยู่กับส่วนผสมของในเนื้อครีมใยไหมของแต่ละยี่ห้อที่แตกต่างกันออกไป ว่ามุ่งเน้นในการบำรุงรักษาผิวอย่างไรบ้าง

ครีมกันแดดใยไหมแตกต่างจากครีมกันแดดโยทั่วไปอย่างไร?
เมื่อทำการเปรียบเทียบครีมกันแดดใยไหม กับครีมกันแดดโดยทั่วไปที่มีวางขายอยู่ทั่วไปพบว่า ครีมกันแดดทั้งสองประเภท มีความแตกต่างกันดังต่อไปนี้
1.เนื้อครีม ครีมกันแดดใยไหมจะมีเนื้อครีมที่ละเอียดมากกว่าครีมกันแดดโดยทั่วไป โดยจะมีลักษณะคล้ายกับนานโน นอกจากนี้เนื้อครีมยังมีความเบามากกว่า เมื่อทำการทาลงไปบนผิวเนื้อครีมจะกลืนไปกับผิว ไม่ทิ้งคราบขาวเอาไว้บนผิว
2.เมื่อทาแล้วหน้าไม่มัน เนื่องจากเนื้อครีมจะทำหน้าที่คล้ายกับการเคลือบผิวชั้นนอกเอาไว้ ทำให้ใบหน้าไม่มัน ซึ่งจะช่วยทำให้หน้าไม่ร่อนเมื่อจำเป็นต้องทำการแต่งหน้า นอกจากนี้ยังช่วยทำให้การแต่งหน้าติดทนยาวนานมากยิ่งขึ้น
3.ช่วยบำรุงผิว ซึ่งขึ้นอยู่กับสูตรและส่วนผสมในการบำรุงผิวของครีมใยใหม่ชิ้นนั้นว่ามีอะไรบ้าง โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะมีคอลลาเจน เป็นต้น ซึ่งแตกต่างจากครีมกันแดดโดยทั่วไปที่มักจะมีคุณสมบัติเพียงแค่ช่วยในกาป้องกันแสงแดดเท่านั้น ไม่ได้ช่วยในการบำรุงผิว
4.ช่วยป้องกันผิวจากรังสียูวีแสงแดด ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดฝ้า กระ หรือใบหน้าหมองคล้ำจากแสงแดด

ในปัจจุบัน ครีมกันแดดใยใหม่มีออกมาวางจำหน่ายอยู่ในตลาดบ้านเราอยู่เป็นจำนวนมากมายหลายผลิตภัณฑ์เลยทีเดียว โดยเฉพาะครีมใยไหมที่มีการกวนขาย นิยมซื้อขายกันเป็นกิโลกรัม ราคาขึ้นอยู่กับคุณภาพเกรดของเนื้อครีม เริ่มต้นจากเกรด  A ที่มีคุณภาพน้อยที่สุด ไปจนกระทั่งถึงเนื้อครีมเกรด AAA ที่มีคุณภาพและราคาที่แพงมากที่สุด

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

โลชั่นกันแดดทาตัว ยี่ห้อไหนดี ที่ช่วยให้ผิวขาวใส

ลืมอะไรไปหรือเปล่าคะ คุณสาวๆ หนุ่มๆ ที่อยากป้องกันแสงแดด ที่มากระทบผิวของเรา ได้แต่ใช้ครีมกันแดดเพื่อบำรุงผิวหน้าของเราเท่านั้น แต่ยังลืมไปว่า ยังมีร่างกายส่วนอื่นเช่น แขน ขา ลำคอ ที่ยังต้องป้องกันการดนรังสี UV จากแสงแดด ด้วยเช่นกัน และจะกลายเป็นว่า หน้าขาวใส แต่ผิวกาย แขนขา หมองคล้ำ จะดูกลายเป็นหมีแพนด้า ได้นะคะ

โลชั่นกันแดดทาตัว ตอนนี้ก็มีออกมาเยอะมากมายหลายผลิตภัณฑ์ ที่นอกจากจะป้องกัน รังสี UVA UVB จากแดสงแดดได้แล้ว ยังมีคุณสมบัติหรือสรรพคุณที่ช่วยทำให้ ผิวขาวใส เรียบเนียน ได้อีกด้วย

โลชั่นกันแดดทาตัวมะหาด นอกจากทำหน้าที่กันแดด ยังมีสรรพคุณที่ช่วยทำให้ผิวขาวใสได้ด้วย และในปัจจุบันที่พึ่งออกมาใหม่ และคาดว่าดีกว่าสรรพคุณของมะหาดอีก นั่นคือ โลชั่นกันแดดทาตัว ที่มีส่วนผสมของมะขามป้อม นั่นเอง

โลชั่นกันแดดทาตัว ยี่ห้อไหนดี ช่วยให้ขาวต่อเนื่อง

hello sunshine ครีมกันแดดทาตัว

ก่อนอื่น เราเรามาดูปัจจัยที่ทำให้ผิวของเราหมองคล้ำกันก่อนดีกว่าค่ะ การที่ร่างกายของเรา จะมีผิวคล้ำเสีย ก็ด้วยปัจจัยทั้งภายนอกและภายในร่างกายของเรา และมีอะไรบ้างหละเนี่ย

ปัจจัยภายนอกที่จะทำให้ผิวของเราคล้ำเสีย ก็จะมี แสงแดดและรังสี UV ที่และเราเจออยู่ทุกวัน และยังมี มลพิษทางอากาศ น้ำและอาหาร ส่วนปัจจัยภายใน ก็เกิดจากการขาดวิตามินบำรุงผิวที่จำเป็นบางตัว การที่อายุมากขึ้นก็เกี่ยวด้วย ทำให้ผิวหนังของเราหย่อนคล้อยจากการสูญเสียคอลลาเจน ทำให้เซลล์ผิวผลิตเม็ดสีทำงานหนักขึ้น นั่นเอง

ทีนี้มาถึงที่ว่า โลชั่นกันแดดทาตัว ยี่ห้อไหน ที่มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวขาวใส นานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแน่นอน ก็ต้องเป็นโลชั่นที่มีส่วนผสมของมะขามป้อม Indian GooseBerry ที่ขึ้นชื่อเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง ช่วยให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่งได้
ทีนี้มาถึงที่ว่า โลชั่นกันแดดทาตัว ยี่ห้อไหน ที่มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวขาวใส นานอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งแน่นอน ก็ต้องเป็นโลชั่นที่มีส่วนผสมของมะขามป้อม Indian GooseBerry ที่ขึ้นชื่อเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง ซึ่งสูงกว่า 30 เท่าเมื่อเทียบกับส้ม และ OPC ลดการทำงานของเม็ดสีช่วยให้ผิวขาว และกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนได้เองในขั้นผิว เพื่อผิวที่เรียบเนียน นั่นเอง และถ้ายิ่งบอกกับสรรพคุณของมะหาดหละ จะช่วยให้ผิวขาวใสนานอย่างต่อเนื่องเลยหละ

รีวิว โลชั่นกันแดดทาตัว Hello Sunshine ดีอย่างไร

Hello Sunshine กับนวัตกรรมบำรุงผิวกายด้วยสารสกัดจาก Indian GooseBerry สุดยอดสมุนไพรบำรุงผิวพรรณ ซึ่งเน้นบำรุงผิวกาย ให้ขาวเนียนนุ่มกระจ่างใส

เชื่อหรือไม่ว่า Indian GooseBerry ผสมอยู่ในผลิตภัณท์พวก Anti Aging ชื่อดังหลายยี่ห้อ?

ก็เพราะด้วยสารพัดสารและวิตามินที่อุดมอยู่ใน Indian GooseBerry หรือมะขามป้อมสายพันธ์อินเดีย ทำสรรพคุณในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนหรือสารบำรุงชั้นผิวหนัง อีกทั้งยังป้องกันแสงและ UV ลดผิวหมองคล้ำ และการต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอความแก่ของผิว ดังนั้นสารจาก Indian GooseBerry จึงมีอยู่ในผลิตภัณท์ Anti Aging ชื่อดังทั่วไป ในฐานะส่วนประกอบรองหรือส่วนประกอบที่ไม่ได้กล่างถึง

Indian GooseBerry บำรุงผิวยังไง

จากงานวิจัย ทั้งในและต่างประเทศ Indian Goose Berry อุดมไปด้วยวิตามินซีมากกว่าส้มถึง 30 เท่า แถมคงทนถาวรและวิตามินที่สูงขนาดนี้จะกระตุ้นและเป็นสารตั้งต้นให้ร่างกายสร้าง Collagen ในชั้นผิวโดยใช้ กรดอมิโนที่ย่อยจาก Collagen ที่ร่างกายได้รับจากอาหาร และเมื่อมี Collagen ในชั้นผิว ผิวคุณก็นะเนียนใสได้เอง

โลชั่นกันแดดทาตัว Hello Sunshine ยังมีส่วนผสมอะไรอีกบ้าง

นอกจากใน Hello Sunshine จะมีส่วนผสมของ Indian GooseBerry แล้ว ยังมี…

สารสะกัดจากแก่นมะหาด
หากชั้นผิวได้รับสารสกัดบริสุทธิ์จากแก่นมะหาดจะช่วยลดการทำงานของเมลานิน หรือเม็ดสีทีละน้อยซึ่งช่วยให้เรามีผิวที่ขาวเนียนขึ้น ซึ่ง Hello Sunshine นำเป็นส่วนประกอบเสริม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ Indian Gooseberry

น้ำมันมะกอก (Olive Oil)
ช่วยฟื้นฟูและบำรุงสภาพผิว ด้วยโมกุลที่คล้ายกับน้ำมันหล่อผิวที่ช่วยป้องกันผิว ในการสูญเสียน้ำ และนำพาสารที่มีประโยชน์เข้าสู่ผิวพรรณ ทำให้ผิวพรรณของเราดูมีน้ำมีนวลอยู่ตลอดเวลาไม่แห้งกร้าน

น้ำมันจากผลโจโจ้บา (JoJoba Oil)
มีโครงสร้างคล้ายกับ Collagen และเป็น moisturizer ชั้นเลิศช่วยในเรื่องการขจัด สิ่งสกปรกออกจากรูขุมขน ทำให่ผิวชุ่มชื่น ดูสะอาดตาและมีน้ำมีนวล

Snail Secretion Filtrate (สกัดจากหอยทาก)
ช่วยในการบำรุงผิว ลดริ้วรอย และฟื้นฟูผิวจากรอยแผลเป็น ปรับสภาพกระตุ้น การสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินในชั้นผมและเพิ่มความชุ่มชื้น นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติในการยกกระชับผืว ลดริ้วรอยแห่งวัย และช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และดูมีน้ำมีนวลตลอดเวลา

ไททาเนียมไดออกไซด์
ซึ่งเป็นสารกันแดดที่ปลอดภัยที่ปลอดภัยที่สุด ไม่ซึมลงสู่ผิว จึงไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง  เหมาะสำหรับผิวบอบบางอย่างผิวเด็ก หรือผิวแพ้ง่าย  ช่วยปกป้องผิวจากรังสีUVB และ UVA ให้คุณออกแดดได้อย่างมั่นใจ

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ท้าพิสูจน์ ครีมกันแดด และวิธีทาแบบได้ผล

เมื่อถึงเวลาที่จำเป็นจะต้องออกไปข้างนอกท่ามกลางแสงแดด คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า ครีมกันแดด ได้กลายมาเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญสำหรับคุณสาวๆ ที่ต้องการจะปกป้องผิวขาวๆ จากการทำร้ายของรังสีจากแสงแดด ซึ่งในปัจจุบันในท้องตลาดเองก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่บางยี่ห้อก็อาจจะมีคุณสมบัติในการป้องกันที่ยังไม่เพียงพอ

ในปัจจุบันมี ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดตัวใหม่มาแรง ที่มีความน่าสนใจจนอยากจะให้ลองพิสูจน์ถึงความแตกต่างทั้งในเรื่องของประสิทธิภาพ และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ แตกต่างจากผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดอื่นๆ ในท้องตลาดปัจจุบัน

CC Lover

CC lover ครีมโลชั่นเนื้อบางเบา ที่มีกลิ่นหอมในระดับเดียวกับน้ำหอม เมื่อใช้เป็นประจำสามารถช่วยเปลี่ยนให้ผิวของคุณสาวๆ ให้ขาวใสเรียบเนียนอมชมพูขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมกระชับรูขุมขน ทำให้ผิวเปล่งประกายดูมีออร่า พร้อมบำรุงผิวด้วยส่วนผสมของคอลลาเจน วิตามินซี และ Glutathione Whitening พร้อมกับช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำลายจากแสงแดด และรังสี UVA UVB ได้ถึง 50 เท่า ยาวนานตลอดทั้งวัน

 

วิธีการทาครีมกันแดดให้ได้ผล

ครีมกันแดด

1. เลือกใช้ครีมกันแดดที่มี SPF ที่เหมาะสม ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ยิ่งต่ำ ก็ยิ่งปกป้องผิวจากรังสีของแสงแดดได้ลดน้อยลง แต่ถ้าใช้ครีมที่มีค่า SPF สูงจนเกินไป ก็จะเกินความจำเป็น ค่า SPF ที่เหมาะสมควรจะมากกว่า 15 และไม่เกินกว่า 30 เพราะเกินความจำเป็น

2. เลือกครีมที่สามารถปกป้องผิวได้จากรังสี UVA และ UVB ในการเลือกครีมกันแดด ต้องพิจารณาว่าสามารถช่วยปกป้องผิวของเราจากรังสีทั้ง 2 ชนิด ได้หรือไม่ เพราะผลิตภัณฑ์บางตัว สามารถปกป้องผิวได้จากรังสีเพียงชนิดเดียวเท่านั้น

3. ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่ออกแบบมาสำหรับใบหน้าโดยเฉพาะ ไม่ควรนำครีมกันแดดสำหรับทาตัวมาทาใบหน้า เพราะผิวบริเวณใบหน้ามีความบอบบางที่มากกว่า

4. วิธีการทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง ควรทาเป็นเนื้อบางๆ พร้อมกับเกลี่ยให้ทั่ว และควรทาไปจนถึงใบหูด้านบน ใต้คาง และลำคอ ที่สำคัญคือ ไม่ควรทาแบบย้อนขึ้นลง เพราะจะทำให้เนื้อครีมหลุดออกมาจากผิวได้ง่าย

5. ควรทาครีมกันแดดก่อนแต่งหน้าหรือใช้เครื่องสำอาง เพราะสารกันแดดจะได้เกาะที่ผิวหนัง รวมทั้งผู้ที่มีผิวแห้งที่จำเป็นต้องทา Moisterizer เพราะถ้าหากไม่ทาก่อนจะทำให้ครีมกันแดดไม่สามารถอยู่ปกป้องผิวได้ตลอดทั้งวัน

6. ควรทาหนากว่าทาครีมทั่วไปเล็กน้อย โดยใช้ครีมประมาณ 1 ช้อนชา หรือ 2 ข้อนิ้วมือ สำหรับทาใบหน้าและลำคอ โดยแบ่งการทาออกเป็น 2 ครั้ง ส่วนครีมกันแดดสำหรับแขนและขา ควรใช้ปริมาณประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ

7. ใช้ครีมกันแดดตั้งแต่ตอนเช้า โดยใช้ก่อนเวลา 8.00 น. เพราะรังสีจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ตั้งแต่เวลา 9.00 น. เป็นต้นไป

ครีมกันแดด

8. ควรทาครีมกันแดดก่อนออกแดด อย่างน้อย 25-30 นาที

9. สวมใส่อุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันตัวเองจากแสงแดด ครีมกันแดดนั้น ไม่สามารถช่วยปกป้องผิวของคุณสาวๆได้อย่างปลอดภัย 100% ดังนั้นควรจะหลีกเลี่ยงแสงแดด พร้อมกับหาอุปกรณ์ในการป้องกันแดดมาช่วยปกป้องผิวด้วยอีกแรง อาทิเช่น หมวก แว่นตากันแดด ร่ม เสื้อแขนยาว เป็นต้น

10. หากต้องอยู่ท่ามกลางแสงแดดนานๆ ควรทาซ้ำทุกๆ 2-3 ชั่วโมง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของครีมกันแดด

11. ควรทาครีมกันแดดอีกครั้งหลังจากล้างหน้าหรือมีเหงื่อออก ในกรณีที่ต้องล้างหน้า หรือมีเหงื่อออกเป็นจำนวนมาก ก่อนเวลาบ่าย 3 โมง ควรที่จะทาครีมกันแดดซ้ำอีกครั้ง เพราะเนื้อครีมจะหลุดออกจากผิว ทำให้ประสิทธิภาพในการปกป้องแสงแดดลดลงหรือหมดไป

12. ควรทาครีมกันแดดก่อนการว่ายน้ำ ควรเลือกครีมกันแดดที่สามารถป้องกันน้ำได้ ในกรณีที่ต้องลงว่ายน้ำในสระนานๆ ควรทาครีมกันแดดก่อนเป็นเวลา 1 ชั่วโมง เพื่อรอให้ครีมกันแดดเกาะที่หนังกำพร้าเสียก่อน ไม่เช่นนั้นสารป้องกันแสงแดดอาจจะละลายไปกับไปกับน้ำได้โดยง่าย

13. ครีมกันแดดไม่ช่วยป้องกันหน้าหมองจากความร้อน เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าจะทาครีมกันแดดเมื่อไปเที่ยวทะเลก็ตาม ใบหน้าก็จะหมองจากความคล้ำขึ้นอยู่ดี แต่ความหมองจะหายไปเองภายในเวลา 3-7 วัน แต่ถ้าหากไม่ทาครีมกันแดดก่อนไปเที่ยวทะเล ความหมองจากรังสีจะหายช้ามาก อาจใช้เวลานานกว่าหนึ่งดือนทีเดียว

นอกจากนี้ สำหรับคุณสาวๆ ที่ต้องการคำแนะนำในการใช้ครีมกันแดดให้ถูกวิธีและได้ผล ยังสามารถติดตามรายละเอียดที่มากขึ้นได้ที่ลิงค์วีดิโอ ดังต่อไปนี้….

การใช้ครีมกันแดดอย่างถูกวิธี

 

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ครีมกันแดด สงกรานต์ อันไหนเวิร์ค

เดือนเมษาที่แสงแดดแรงกล้า บวกกับอุณหภูมิที่ร้อนแรงกว่า 40 องศา คงทำให้คุณสาวๆหลายๆคนแทบจะไม่อยากย่างกรายออกไปข้างนอกบ้านในตอนกลางวัน เนื่องจากกลัวว่าผิวขาวๆสวยๆจะถูกทำร้ายด้วยแสงแดดจนคล้ำเสียลงไป

อย่างไรก็ตามถึงแม้จะเป็นช่วงกลางหน้าร้อนที่แสงแดดร้อนระอุ แต่ก็ยังมีเทศกาลสำคัญที่คุณสาวๆจะพลาดไม่ได้เลยอย่าง “เทศกาลสงกรานต์” ที่หลายๆ คนต่างตั้งตารอคอยมาตลอดทั้งปีที่จะออกไปสาดน้ำ เล่นน้ำกัน

ถึงแม้จะได้รับความเย็นจากน้ำ และแป้งเย็นที่ประตามตัวในขณะที่เล่นน้ำสงกรานต์ก็ตาม แต่สิ่งเหล่านั้นก็ไม่ได้ช่วยปกป้องผิวของคุณสาวๆจากแสงแดด และรังสียูวีซึ่งเป็นอันตรายต่อผิวเป็นอย่างยิ่งได้ ดังนั้น ก่อนที่จะเก็บกระเป๋าเตรียมตัวออกไปเล่นน้ำสงกรานต์ คุณสาวๆ ก็ควรที่จะทำการปกป้องผิวของตัวเองโดยการใช้ ครีมกันแดด

ซึ่ง ครีมกันแดด ที่ว่าก็ไม่ใช่ว่าจะหยิบตัวใดจากร้านสะดวกซื้อ ทำการทาๆ เพียงเท่านั้นก็จะสามารถปกป้องผิวได้ ความเชื่อเหล่านั้น เป็นการกระทำที่ผิดที่กว่าจะรู้ตัวก็ผิวของคุณสาวๆ ก็อาจจะถูกทำร้ายจนต้องเสียทั้งเวลาและเงินทองจำนวนมากมายกว่าที่จะทำการรักษาให้กลับมาขาวเนียนได้เหมือนเดิม

สำหรับในวันนี้ เพื่อคุณสาวๆ ที่กำลังเตรียมตัวจะออกไปท่องเที่ยวท่ามกลางแสงแดดในเทศกาลสงกรานต์ จึงอยากจะขอแนะนำ วิธีการเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสม ซึ่งจะสามารถช่วยปกป้องผิวที่บอบบางได้อย่างมั่นใจตลอดวันกัน

เลือกใข้ครีมกันแดดสำหรับเล่นน้ำสงกรานต์ควรดูอะไรบ้าง

1. เลือกครีมกันแดดที่สามารถกันน้ำได้ ขึ้นชื่อว่าเทศกาลสงกรานต์แน่นอนว่าคุณสาวๆย่อมต้องเปียกน้ำไปทั้งตัวตลอดทั้งวันอย่างแน่นอน

ดังนั้น จึงควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่สามารถกันน้ำได้ เพราะครีมกันแดดโดยทั่วไปเมื่อร่างกายเปียกน้ำ หรือมีเหงื่อออกก็จำทำให้ครีมกันแดดหลุดออกจากผิวหนังอย่างง่ายดาย ทำให้ผิวขาดการป้องกันตัวเองจากแสงแดด

การเลิกซื้อครีมกันแดดแบบกันน้ำก็ง่ายๆ เพียงแค่อ่านดูในฉลากข้างขวดว่ามีคำว่า Water Proof หรือ Water Resistance หรือไม่ ถ้าหากว่ามีคุณสาวๆ ก็สามารถมั่นใจได้ว่าเป็น ครีมกันแดดที่สามารถกันน้ำได้จริงๆ

2. เลือกครีมกันแดดที่มีสารเคมีที่สามารถกันรังสี UV ได้เป็นอย่างดี โดยให้สังเกตว่ามีส่วนประกอบของสาร Oxybenzone+TiO2 หรือ Parsol 1789 + ZnO

3. เลือก SPF ของครีมกันแดดให้เหมาะสมกับผิวของตัวเอง เนื่องจากผิวแต่ละชนิดจะมีความเหมาะสมกับครีมกันแดดที่แตกต่างกันออกไป ค่า SPF ช่วยบ่งบอกถึงระดับความยาวนานของการป้องกันแสงแดด โดยที่ไม่ทำให้ผิวร้อนแดง โดยค่า SPF สูงๆ สามารถช่วยในการปกป้องผิวได้อย่างยาวนานมากกว่า ทำให้ไม่ต้องทาครีมบ่อยๆ ดังต่อไปนี้
  • ผิวขาวแบบชาวยุโรป มีลักษณะของผิวที่บางมาก ทำให้เกิดการไหม้ของผิวง่ายมากๆ ให้เลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ เช่น SPF 45 -60 เป็นต้น ซึ่งจะช่วยปกป้องผิวได้อย่างยาวนานประมาณ 5 ชั่วโมง
  • ผิวขาวอมชมพูแบบคนเอเชีย เป็นผิวที่มีความบอบบางมาก ซึ่งมักเกิดผิวไหม้ได้ไวจนกลายเป็นสีแทนได้อย่างง่ายๆ ให้เลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ค่อนข้างสูง เช่น SPF 30 -45 เป็นต้น ซึ่งจะช่วยปกป้องผิวได้อย่างยาวนานประมาณ 3 ชั่วโมง
  • ผิวขาวเหลืองแบบคนเอเชีย ผิวในลักษณะนี้มีส่วนประกอบของเมลานินในชั้นผิวอยู่บ้าง จึงยังพอสามารถที่จะทนต่อแสงแดดได้ในระดับหนึ่ง ให้เลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ปานกลาง เช่น SPF 30 เป็นต้น ซึ่งจะช่วยปกป้องผิวได้อย่างยาวนานประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที
  • ผิวคล้ำ มีเมลานินในชั้นผิวสูง ทำให้เกิดการไหม้ ไม่เกิดสีแทน แต่ก็ควรที่จะทำการป้องกันผิวจากแสงแดดไว้ในระดับหนึ่ง โดยการใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 ซึ่งจะช่วยปกป้องผิวได้อย่างยาวนานประมาณ 3 ชั่วโมง 45 นาที

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากต้องเล่นน้ำอยู่ท่ามกลางแสงแดดเป็นเวลานานๆ ควรทำการทาครีมกันแดดก่อนออกไปพบแสงแดดประมาณ 20 -30 นาที และทำการทาซ้ำทุกๆ 2-3 ชั่วโมง เพื่อคงประสิทธิภาพในการป้องกันผิวอย่างสูดสุดเอาไว้

ควรสวมหมวกและแว่นกันแดด เพื่อปกป้องใบหน้าและถนอมดวงตาของเราจากแสงแดดด้วยจากดีมาก

ถ้าจะให้ดีที่สุดคุณสาวๆ ควรพยายามหลีกเลี่ยงไม่ไปทำการเล่นน้ำในช่วงเวลา 9.00-15.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีแสงแดดแรงจัดที่สุดของวัน

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เมื่อโลกมันร้อน ครีมกันแดด จะช่วยได้แค่ใหนกันเชียว นอกซะจาก..

         แสงแดดในปัจจุบัน นับว่าเป็นหนึ่งในศัตรูตัวฉกาจของคุณผู้หญิง ที่มักส่งผลร้ายกระทบทั้งเรื่องของผิวพรรณ และสุขภาพให้ทรุดโทรมลงเป็นอย่างมากชนิดที่คาดไม่ถึงกันเลยทีเดียว ซึ่งวิธีการปกป้องผิวที่ได้รับความนิยมเป็นพื้นฐานสำหรับคุณสาวๆนั้น ก็เห็นจะไม่พ้นการทาครีมกันแดดก่อนออกไปเผชิญกับแสงแดดในตอนกลางวัน แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากครีมกันแดดเองก็มีส่วนผสม รวมไปถึงคำโฆษณาถึงประสิทธิภาพในการปกป้องผิวที่แตกต่างกันออกไป จนทำให้คุณสาวๆหลายคนเกิดความลังเลสับสน ไม่รู้ว่าควรเลือกผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดแบบไหนถึงจะดีที่สุด ซึ่งบทความในวันนี้ จะขอพาคุณสาวๆไปรู้จักกับวิธีการเลือกครีมกันแดดที่จะช่วยให้สามารถตอสู้กับโลกร้อนๆใบนี้ได้อย่างมั่นใจเต็ม 100%
สิ่งที่ต้องทำการพิจารณาเมื่อต้องการที่จะซื้อหาครีมกันแดดมาใช้
ในต่างประเทศ มีการใช้ครีมกันแดดเพื่อช่วยในการปกป้องผิวจากอันตรายของรังสีจากดวงอาทิตย์ เป็นประจำทุกวันค่อนข้างสูง นอกจากนี้ ในประเทศสหรัฐอเมริกา ครีมกันแดดยังถูกนำมาใช้เพื่อช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัยมากถึงร้อยละ 50 เลยทีเดียว และครีมกันแดดยังถูกนำมาใช้ในการป้องกันการเกิดมะเร็งผิวหนัง มากถึงร้อยละ 80 เลยทีเดียว ซึ่งการพิจารณาเลือกครีมกันแดดที่มีประสิทิภาพในการปกป้องผิว สามารถทำได้อย่างง่ายๆด้วยตัวคุณเอง ผ่านขั้นตอนที่จะขอทำการแนะนำ ดังต่อไปนี้
1.ปกป้องผิวได้จากทั้งรังสี UVA และ UVB โดยเลือกครีมกันแดด ที่มีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวได้จากทั้งรังสี UVA และ UVB ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ว่า ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดที่คุณสาวๆกำลังให้ความสนใจอยู่สามารถปกป้องผิวจากรังสีทั้งสองชนิดได้หรือไม่ จากบริเวณฉลากของผลิตภัณฑ์
2.พิจราณาจากค่า SPF ในความเป็นจริงแล้วค่า SPF จำนวนสูงๆ มีคณสมบัติในการช่วยปกป้องผิวได้มากกว่ากันเพียงเล็กน้อยไม่กี่เปอร์เซ็นเท่านั้น แต่ความแตกต่างจริงๆคือ ยิ่งค่า SPF สูงมากเท่าไหร่ ระยะเวลาในการช่วยปกป้องผิวจากรังสีของแสงแดดในการทาแต่ละครั้ง ก็จะยิ่งมีระยะเวลาที่ยาวนานมากขึ้นเท่านั้น แต่อย่างน้อยที่สุด เพื่อประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากแสงแดด ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF มากกว่า 30 ขึ้น ถ้าหากต้องการที่จะออกไปกลางแจ้งในช่วงกลางวัน ที่มีแสงแดดดแรงจัด
         3.ความเหมาะสมกับสภาพผิว ครีมกันแดดที่ดีจะต้องมีความเหมาะสมกับสภาพผิวของคุณสาวๆด้วย ดยเมื่อทำการทาไปแล้วจะไม่เกิดคราบขาว ซึ่งคุณสาวๆสามรถเลือกใช้ครีมกันแดดได้ตามความเหมาะสมกับสภาพผิวของตัวเอง เช่น คนที่มีผิวแห้งก็ควรใช้เนื้อครีม ในขณะที่คนที่มีผิวมันก็ควรใช้ครีมกันแดดแบบเนื้อเจล หรือโลชั่น เพื่อไม่เป็นการเพิ่มภาระความมันให้กับผิวหน้ามากขึ้นไปอีก เป็นต้น
อย่ามัวชะล่าใจหวังพึ่งเพียงประสิทิภาพของครีมกันแดด
ถึงแม้ว่าคุณสาวๆจะทำการปกป้องผิวด้วยครีมกันแดดแล้วก็ตาม แต่ก็อย่ามัวแต่ชะล่าใจหวังพึ่งเพียงประสิทธิภาพของครีมกันแดด ถ้าหากจำเป็นที่จะต้องออกไปกล้างแจ้ง คุณสาวๆควรจะเพิ่มการปกป้องผิวของตัวเองด้วยร่มกันแดด หรือสวมใส่หมวปีกใบใหญ่ แว่นกันแดด รวมไปถึงสวมใส่เสื้อผ้าแขนยาว ขายาว มีปกคอ เพื่อช่วยในการปกป้องผิวจากอันตรายที่แฝงมากับแสงแดดด ถึงแม้คนอื่นๆจะมองว่าแต่งตัวจัดเต็มจนเว่อร์ก็ตาม แต่เพื่อความปลอดภัย และสุขภาพผิวที่แข็งแรง แลดูอ่อนเยาว์ การป้องกันเอาไว้ก่อนที่ต้องมาเสียใจ เสียเงิน เสียเวลา เพื่อตามแก้ไขในภายหลัง ย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ครีมกันแดดทาหน้ายี่ห้อไหนดี เรามีคำตอบ

ก่อนที่จะต้องออกไปเผชิญหน้ากับแสงแดดแรงๆ ในแต่ละวัน “ครีมกันแดด” ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะขาดไปเสียไม่ได้ ในการช่วยปกป้องผิวหนัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่รังสีจากแสงแดดทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น แค่ก้าวออกไปข้างนอกในตอนกลางวันเพียงไม่นาน ผิวของเราก็พร้อมที่จะถูกทำร้ายให้ไหม้เกรียม คล้ำเสีย หม่นหมอง แถมยังก่อให้เกิดโรคร้ายอย่างมะเร็งผิวหนังขึ้นมา โดยที่เราไม่ทันรู้ตัว

เมื่อพูดถึงการเลือกครีมกันแดด หลายๆ คนอาจจะคิดว่า ใช้ครีมยี่ห้อไหนก็ได้ ทาๆ ไปก่อนต้องออกไปเจอกับแสงแดดก็สามารถปกป้องผิวได้เหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าหากต้องการที่จะปกป้องผิวจริงๆ การเลือกซื้อครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ถือเป็นเรื่องที่สำคัญและละเอียดอ่อนมากกว่าที่คิด

รังสียูวี UVA และ UVB คืออะไร เหมาะกับครีมกันแดดแบบไหน

รังสี UV คือ รังสีคลื่นความถี่สั้น ซึ่งมีพลังงานมากที่สุดในบรรดารังสีที่ส่องออกมาจากดวงอาทิตย์ มายังพื้นโลก โดยในรังสี UV จะมีการแบ่งออกเป็นรังสี UVA และ UVB อย่างไรก็ตามต้องระวังว่า ความไวของผิวหนังต่อรังสี UV ของผู้ชายมีมากกว่าผู้หญิง ดังนั้นอัตราความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งผิวหนังของผู้ชายจึงมากกว่า

รังสี UVA เป็นรังสีที่มีช่วงคลื่นยาว พลังงานต่ำ ส่งผลต่อคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้เซลล์ผิวเสียหาย กลายเป็นสีคล้ำแดง ซึ่งทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่น

ครีมกันแดดที่สามารถปกป้องผิวจากรังสี UVA

หากต้องการปกป้องผิวจากรังสี UVA ในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด ควรเลือกโดยพิจารณาจากค่า PA และเครื่องหมาย + เป็นตัวบอกว่า ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดดังกล่าว สามารถปกป้องผิวจากรังสี UVA ได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งเมื่อต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งนานๆ ควรจะเลือกครีมกันแดดที่มีค่า PA++ ขึ้นไป

รังสี UVB เป็นรังสีที่มีช่วงคลื่นสั้น พลังงานสูง ทำให้ผิวหนังไหม้ บวมแดง คล้ำแดด เป็นสาเหตุของการเกิดฝ้า กระ ความแห้งกร้านของผิว และหากได้รับรังสีในระยะเวลานานอาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง

ครีมกันแดดที่สามารถปกป้องผิวจากรังสี UVB

หากต้องการปกป้องผิวจากรังสี UVB ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด โดยพิจารณาจากค่า SPF หรือ Sun Protection Factor ซึ่งเป็นค่าที่ได้รับการรับรองเป็นมาตรฐานโดยยุโรป และอเมริกา โดยจะสามารถปกป้องรังสี UVB ได้มากหรือน้อย และนานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับตัวเลขหลังค่า SPF โดยเทียบกับผิวโดยปกติ ที่ไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด

ประเภทของครีมกันแดด

ในปัจจุบัน ครีมกันแดดมีอยู่ 3 ประเภท ดังต่อไปนี้

1. Chemical Sunscreen เป็นครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารเคมี ที่ทำหน้าที่ปกป้องผิวจากแสงแดด โดยทำการดูดรังสีแสงแดดเข้าไปไว้ใต้ผิว หลังจากโดดแดดสักพักสารเคมีจะเสื่อมสภาพ ทำให้จำเป็นต้องทาครีมกันแดดทุกๆ 2-3 ชั่วโมง

2. Physical Sunscreen เป็นครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารที่สะท้อนรังสร UVA และ UVB ออกไปผิวหนัง โดยสารกันแดดจะทำการเคลือบบนผิวหนังชั้นบน ทำให้มีการดูดซึมลงสู่ผิวน้อย

3. แบบผสม Chemical- Physical Sunscreen เป็นการเสริมข้อดี และลดข้อด้อยของครีมกันแดดทั้ง 2 ประเภทแรก พร้อมกับเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดร่วมกัน/span>

 

สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ เมื่อต้องเลือกซื้อครีมกันแดด

เอาล่ะ มาดูกันดีกว่า ว่าเมื่อต้องเลือกครีมกันแดด เราต้องพิจารณาในเรื่องอะไรกันบ้าง?

1. ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสีผิว เพราะความเข้มของสีผิว จะเป็นตัวช่วยป้องกันผิวจากแสงแดดในระดับหนึ่ง คนที่มีผิวขาวจะมีความไวต่อแสงมากกว่าคนที่มีสีเข้ม ดังนั้นควรเลือกผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดที่เหมาะสมกับตัวเอง

  • ผิวขาวแบบชาวยุโรป เป็นผิวที่มีความบางมาก ทำให้ผิวไหม้ง่ายมากหลังจากสัมผัสกับแสงแดด สำหรับคนที่มีผิวในลักษณะดังกล่าว ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ เช่น SPF 40-60
  • ผิวขาวอมชมพูแบบคนเอเชีย เป็นผิวที่มีความบอบบางมาก ทำให้ผิวไหม้ได้ไว ถ้าหากไม่ระวังผิวอาจเปลี่ยนเป็นสีแทนง่ายๆ ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ค่อนข้างสูง เช่น SPF 30-45
  • ผิวขาวเหลืองแบบคนเอเชีย ผิวลักษณะดังกล่าวบอบาง แต่ยังมีเมลานินอยู่บ้าง จึงยังสามารถทนต่อแสงแดดได้ดีกว่าผิว 2 ชนิด แรก ซึ่งควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ในระดับปานกลาง เช่น SPF 30
  • ผิวคล้ำ เป็นผิวที่มีเมลานินสูง จึงสามารถเลือกใช้ครีมกันแดดที่ค่า SPF ต่ำ เพียงแค่ SPF 15 ก็เพียงพอแล้ว

2. ครีมกันแดดที่ดีจะต้องสามารถปกป้องผิวได้จากทั้งรังสี UVA และ UVB ครีมกันแดดบางยี่ห้อ สารถปกป้องผิวได้จากรังสีเพียงชนิดเดียวเท่านั้น

3. เลือกครีมกันแดดให้เหมาะสมกับกิจกรรม ถ้าเป็นกิจกรรมที่ต้องออกกำลังกายกลางแจ้ง มีเหงื่อ หรือทำงานกลางแดด ต้องเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF ที่สูง และสามารถป้องกันน้ำได้ (Water Resistance) เพราะเวลาที่มีเหงื่อออก ครีมกันแดดจะไม่หลุดออก แต่ถ้าหากต้องว่ายน้ำ ให้เลือกครีมประเภททนน้ำ (Waterproof) และควรทาครีมซ้ำอีกครั้งหลังจากที่ว่ายน้ำเสร็จ

4. เลือกใช้ครีมกันแดดที่เหมาะกับสภาพผิว เนื่องจากสภาพผิวของคนเราไม่เหมือนกัน

  • คนที่มีผิวมัน ก็ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีลักษณะเป็นเจล หรือโลชั่น เพื่อไม่ให้ผิวหน้าเยิ้มระหว่างวัน
  • สำหรับคนผิวธรรมดา ควรเลือกใช้ครีมกันแดดครีมกันแดดในรูปแบบครีมได้ตามปกติ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวและปกป้องแสงแดด
  • ผิวแห้ง ควรใช้ครีมกันแดดที่มีความเข้มข้นสูงสักหน่อย และเป็นประเภทเนื้อครีมเพื่อช่วยลดการสูญเสียน้ำใต้ผิวหนัง และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้นานขึ้น ควรมีส่วนผสมของแอลกอฮอลล์
  • ผิวแพ้ง่ายหรือเป็นสิว ควรใช้ครีมกันแดดประเภทเจล หรือโลชั่น เพื่อให้ครีมสามารถซึมผ่านผิวได้โดยง่าย และไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ และไม่ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF ที่สูงมากจนเกินไป เพราะมีส่วนผสมของสารเคมีที่มาก ทำให้มีโอกาสที่แพ้มากตามไปด้วย

 

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.