มารู้จักการสครับหน้า สครับผิวที่ถูกวิธีกันดีกว่า

การสครับหน้า เป็นหนึ่งในวิธีการทำความสะอาดผิวหน้า โดยการช่วยผลัดชั้นผิวหนังที่ตาย หรือหมองคล้ำจากมลภาวะที่คุณสาวๆได้พบในชีวิตประจำวันให้หลุดออกไป เมื่อผิวหนังชั้นใหม่ขึ้นมาแทนที่ ผิวหน้าก็จะดูกระจ่างใส เกลี้ยงเกลา และขาวเนียนมากขึ้นกว่าเดิม

การสครับหน้านั้น มีวิธีการใช้ที่ถูกต้องอยู่ ถ้าหากใช้ไม่ดี การสครับอาจจะกลายมาเป็นดาบสองคมที่จะทำลายผิวหน้าได้อย่างง่ายๆ เช่นเดียวกัน สำหรับในวันนี้ ก็จะพาคุณสาวๆ ไปรู้จักกับหลักการใช้สครับหน้าที่ถูกต้อง ซึ่งหลายๆ คนอาจจะยังไม่ทราบกัน

ประเภทและของสครับ

สครับ (Scrub) สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ใหญ่ๆ คือ สครับที่ผลิตจากธรรมชาติ และสครับที่ผลิตจากกระบวนการทางเคมี ซึ่งสครับทั้งสองประเภท สามารถนำมาใช้ในการสครับเพื่อทำความสะอาดใบหน้าได้เหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม หากคุณสาวๆ ต้องการที่จะทำการสครับใบหน้า ก็ควรที่จะทำการศึกษาสครับทั้ง 2 ประเภท ดังกล่าวเอาไว้ว่า มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันอย่างไร

            1. สครับที่ผลิตจากกระบวนการทางเคมี  เม็ดสครับที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ มักจะผสมเม็ดสครับสำหรับใช้ในการขัดผิว ซึ่งทำให้ชั้นผิวหนังที่ตายแล้วหลุดออกไป โดยส่วนใหญ่เม็ดสครับจะเป็นเม็ดพลาสติก หรือพลาสติกเคลือบ (Micro bead) ซึ่งจะมีตั้งแต่เม็ดแบบหยาบมาก ไปจนถึงเม็ดที่มีความละเอียดมาก โดยเม็ดสครับเหล่านี้จะมีลักษณะเป็นทรงกลม มีขนาดที่เท่ากัน

บางผลิตภัณฑ์เม็ดสครับอาจจะเป็นเพียงเม็ดพลาสติกธรรมดา ในบางผลิตภัณฑ์อาจจะมีการชุบสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น Jojoba Bead สครับที่ทำการผลิตจากกระบวนการทางเคมี จึงทำให้มีโอกาสเกิดความระคายเคืองต่อผิวได้มากกว่าสครับที่ผลิตจากธรรมชาติ

2. สครับที่ผลิตจากธรรมชาติ เนื้อเม็ดของสครับจะทำขึ้นจากพืช หรือผลไม้ มีลักษณะที่ค่อนข้างหยาบ เม็ดสครับที่ได้จากธรรมชาติมีรูปร่าง และขนาดที่ไม่แน่นอน แต่ความแตกต่างทางรูปทรงของเม็ดสครับ กลับทำให้เม็ดสครับมีประสิทธิภาพในการขัดสิ่งสกปรกออกมาจากผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และยังทำให้เกิดความระคายเคืองต่อผิวน้อยกว่าสครับที่ผลิตขึ้นจากกระบวนการทางเคมี

การสครับหน้า กับลักษณะของผิว

            ก่อนที่จะทำการเลือกผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ในการสครับหน้า หรือผสมครีมสครับขึ้นจากวัตถุดิบธรรมชาติด้วยตัวเอง คุณสาวๆควรที่จะทำการสำรวจตัวเองก่อนว่า สภาพผิวของตนเองนั้นมีลักษณะเช่นใด เพื่อที่จะได้เลือกครีสครับที่เหมาะสม ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว ลักษณะผิวของคุณสาวๆ จะสามารถแบ่งออกได้กว้างๆ ดังต่อไปนี้

1. ผิวแพ้ง่าย สำหรับคนที่เป็นผิวแพ้ง่ายไม่ควรทำการสครับหน้าทุกวัน เพราะอาจจะทำให้เกิดความระคายเคืองต่อผิวได้ง่าย และก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ หรือส่วนผสมในการทำสครับจากธรรมชาติ ควรทดลองนำไปใช้กับส่วนอื่นๆของร่างกาย เช่น หลังมือ เป็นต้น ก่อนนำไปใช้กับใบหน้า เพื่อตรวจสอบดูว่าเกิดอาการแพ้ของผิวขึ้นหรือไม่

            2. ผิวมัน สำหรับคนที่เป็นผิวมัน ใบหน้ามีการผลิตทั้งเหงื่อ และไขมันออกมาเป็นจำนวนมาก สามารถทำการสครับหน้าได้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่การขัดถูมากๆ จะยิ่งทำให้รูขุมขนกว้างมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้ใบหน้ามันมากยิ่งขึ้น หากต้องการทำการสครับใบหน้า ควรพยายามหลีกเลี่ยงในบริเวณที่มีรูขุมขนกว้าง

3. ผิวแห้ง สำหรับผิวแห้ง การสครับหน้าจะยิ่งทำให้ผิวแห้งมากขึ้นไปอีก แต่ถ้าหากต้องการจะสครับหน้าจริงๆ ควรทำการสครับหน้าเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ก็เพียงพอแล้ว

4. ผิวที่เป็นสิว ควรพยายามหลีกเลี่ยงสครับที่มีกรดธรรมชาติสูงๆ เช่น กรด AHA และ BHA เพราะอาจจะทำให้ผิวเกิดการอักเสบ หรือทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ และควรหลีกเลี่ยงการสครับในบริเวณที่เป็นสิว เพราะอาจทำให้สิวเกิดการอักเสบขึ้นได้เช่นกัน

ข้อควรจำในการขัดผิวหน้าอย่างถูกวิธี

            1. ไม่ควรทำการขัดหน้าบ่อยจนเกินไป โดยความถี่ที่เหมาะสมในการขัดหน้า คือ 1-2 ครั้ง ต่อสัปดาห์ ซึ่งถือว่าเพียงพอแล้ว นอกจากนี้การทิ้งระยะเวลาในการขัดหน้าจะช่วยเปิดโอกาสให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทนแทนเซลล์ผิวเก่าที่ถูกขัดออกไป ดังนั้นถ้าหากฝืนทำการขัดหน้าบ่อยๆ แทนที่จะทำให้หน้าใส กลับเป็นการรบกวนผิว ทำให้ใบหน้าแห้งกรัง เกิดสิว แถมริ้วรอยยังมาเยือนอีกต่างหาก

2. ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์หรือครีมที่มีส่วนผสมของกรดอัลฟา ไฮดรอกซี (Alpha hydroxyl acids) ที่มากจนเกินไป เพราะถึงแม้ว่ากรดดังกล่าวจะมีฤทธิ์ในการช่วยผลัดเซลล์ผิว แต่หากใช้ในปริมาณมากจนเกินไป หรือทาบ่อยๆเป็นประจำทุกวัน การกระตุ้นให้ผิวหน้าผลัดเซลล์อยู่ตลอดเวลาจะทำให้ผิวใบหน้าถูกทำลายมากกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาด้านผิวเกิดขึ้นตามมาในระยะยาว

3. ไม่ควรนำผลิตภัณฑ์ขัดผิวตัวมาใช้ในการขัดผิวหน้า ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับการขัดผิวหน้าโดยเฉพาะ และไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ขัดผิวหน้าที่มีเม็ดขรุขระ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเม็ดละเอียด เพื่อความปลอดภัยต่อผิวหน้าที่มากขึ้น ให้คุณสาวๆนำผลิตภัณฑ์ที่จะใช้ทำการขัดผิวหน้า มาทดลองขัดที่ผิวหนังบริเวณหลังมือก่อน ถ้าหากทำการถูแล้วไม่รู้สึกเจ็บ หรือแสบผิว จึงค่อยนำไปใช้ในการขัดผิวหน้าต่อไป

4. ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการขัดผิวหน้ามากที่สุด คือ เวลากลางคืน เพราะหลังจากที่เราทำการขัดผิวหน้าเสร็จแล้ว ในขณะที่นอนหลับ เซลล์ผิวหน้าจะได้ทำการซ่อมแซม ฟื้นฟู จากการสูญเสียที่เกิดขึ้นในขณะที่ทำการขัดหน้า

            5. สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องสิวแต่อยากทำการขัดผิวหน้า ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ขัดผิวหน้าสำหรับคนที่เป็นสิวเป็นเฉพาะ เพื่อช่วยลดโอกาสที่จะไปสร้างความระคายเคืองให้กับผิวหน้าในขณะที่ทำการขัดผิวหน้า ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดสิว หรือสิวอักเสบมากขึ้น แต่ทางที่ดีที่สุดคือ ควรงดการขัดผิวหน้าในขณะที่เป็นสิวจนกว่าจะหายดี

6. ควรหลีกเลี่ยงการขัดผิวหน้าเมื่อรู้ว่าจำเป็นต้องไปในสถานที่ที่มีแสงแดดจัด เช่น ชายทะเล เป็นต้น ไม่ควรทำการขัดผิวหน้า อย่างน้อย 48 ชั่วโมง ก่อนไปในบริเวณที่มีแสงแดดมาก เพราะการขัดผิวหน้าทำให้ผิวหน้าบางลง ผิวหน้าจึงมีความไวต่อแสงแดดมากขึ้นตามไปด้วย

7. หลังจากที่ทำการขัดผิวหน้าควรทาครีมกันแดด ที่มีค่า SPF มากกว่า 15 เมื่อจำเป็นที่จะต้องออกไปข้างนอกบ้าน เพราะการขัดผิวหน้าจะทำให้ผิวบอบบางลง และไว้ต่อแสงแดดมากยิ่งขึ้น

8. ในขณะที่ทำการขัดผิวหน้าด้วยมือ ควรขัดเบาๆ พร้อมกับใช้มือขัดในลักษณะถูเป็นวงกลมเล็กๆ ไล่ให้ทั่วใบหน้า โดยเน้นที่บริเวณหน้าผาก จมูกและคางเป็นพิเศษ เนื่องจากในบริเวณดังกล่าวมักจะเกิดการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งทำให้เกิดสิวขึ้น อีกทั้งยังไม่ควรขัดผิวหน้านานจนเกินไปนัก ควรใช้เวลาในการขัดประมาณ 10-15 นาที หรือน้อยกว่านั้นก็เพียงพอแล้ว

9. หลังจากที่ทำการขัดผิวหน้าควรทำการบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ทุกครั้ง เพื่อเป็นการคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า
การสครับขัดผิวให้ขาวสะอาด ควรทำด้วยความนุ่มนวล และไม่ควรทำบ่อยจนเกินไป เพราะจะทำให้ผิวบอบบางลง จนไม่สามารถทนต่อแสงแดดที่รุนแรงได้ นอกจากนี้ยังอาจทำให้ผิวหยาบกร้านได้ง่ายขึ้น โดยปกติแล้วผิวหนังจะมีการผลิตเซลล์ผิวเป็นประจำทุก 2-4 สัปดาห์ แต่เมื่ออายุมมากกว่า 20 ปี ขึ้นไป

การสครับผิวจะค่อยๆ ช้าลง การขัดเซลล์ผิวจะช่วยทำให้ผิวขาวกระจ่างใส แต่ไม่ควรทำการขัดผิวเป็นประจำทุกวัน ความถี่ในการขัดผิวกายที่เหมาะสมอยู่ที่ประมาณ 2 ครั้ง ต่อเดือน โดยการขัดผิวกายนั้น ให้ทำการขัดเป็นวงกลมอย่างเบามือ และหลังจากที่ทำการขัดผิวเสร็จแล้ว ควรหามอนส์เจอไรเซอร์มาทาที่ผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

รวมสูตรขัดหน้า วิธีธรรมชาติ ทำง่ายๆ ที่บ้าน

การขัดหน้า หรือ การสครับหน้า (Face Scrub) เป็นหนึ่งในวิธีการดูแลรักษาผิวให้ขาวใส ที่คุณสาวๆให้ความสนใจ เนื่องจากการขัดผิวหน้าเป็นการช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่หมองคล้ำและตายแล้วออกไป เมื่อเซลล์ผิวหนังใหม่ขึ้นมาแทนที่ จึงทำให้ผิวใบหน้าดูเรียบเนียน เปล่งปลั่งมีออร่ามากขึ้นกว่าเดิม

วิธีขัดผิวหน้าที่สามารถทำได้อย่างง่ายๆ ได้ด้วยตัวเองที่บ้าน โดยที่ไม่ต้องไปเสียเงิน เสียเวลาไปสถาบันเสริมความงามอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันส่วนผสมที่นำมาใช้ในการขัดหน้าก็มีอยู่หลายอย่าง เช่น เกลือ ดินสอพอง เป็นต้น  รวมไปถึงผลิตภัณฑ์สำหรับการขัดหน้าโดยเฉพาะที่มีวางขายอยู่หลายยี่ห้อ

สำหรับในวันนี้จะขอพาไปแนะนำให้รู้จัก สูตรการขัดหน้า ที่สามารถหาได้จากวัตถุดิบจากธรรมชาติ ซึ่งได้ทำการรวบรวมเอาไว้ให้คุณสาวๆ ได้ทดลองนำสูตรที่สนใจไปใช้ในการขัดผิวหน้าด้วยตัวเอง

สูตรขัดหน้าจากธรรมชาติ

1. สูตรน้ำผึ้ง+น้ำมันมะกอก นำน้ำมันมะกอก 3 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำตาลทรายแดง ½ ถ้วย เทลงในถ้วย แล้วค้นให้เข้ากัน แล้วนำส่วนผสมที่ได้ทาลงบนใบหน้าให้ทั่ว แล้วทำการขัด ประมาณ 60 วินาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

2. สูตรน้ำตาลทรายแดง ปั่นน้ำตาลทรายแดง 1 ถ้วย น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา น้ำมันมะกอก ¼ ถ้วย ผิวมะนาวขูด 2 ช้อนชา ให้เข้ากัน นำส่วนผสมที่ได้มาทำการขัดใบหน้า โดยการนวดเบาๆให้ทั่ว แล้วทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด

3. สูตรน้ำมะนาว นำน้ำมะนาว 4 ช้อนโต๊ะ ผสมเข้ากับน้ำเปล่า 4 ช้อนโต๊ะ ทาให้ทั่วใบหน้าแล้วล้างออก ขอที่ควรระวังคือ ไม่ควรใช้น้ำมะนาวล้วนๆในการทาผิวหน้า เพราะจะเป็นอันตรายต่อผิวหน้า เช่น ทำให้ใบหน้ากร้านขึ้น เป็นต้น

4. สูตรดินสอพอง+น้ำมะนาว นำดินสอพองมาผสมเข้ากับน้ำมะนาว นำส่วนผสมที่ได้ทาลงบนใบหน้าบางๆก่อนนอน แล้วล้างออกในตอนเช้าด้วยน้ำเย็น แต่ถ้าหากรู้สึกว่าผิวหน้าตึงเกินไปเมื่อใช้สูตรดังกล่าว แนะนำให้ลองลดปริมาณดินสอพองลง

5. สูตรไข่ขาว+มะนาว นำไข่ขาว 1 ช้อนชา กับน้ำมะนาว 1 ช้อนชา มาผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน ทาบางๆทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นที แล้วจึงล้างออกด้วยสบู่

6. สูตรโยเกิร์ต+เกลือป่น นำโยเกิร์ต 1 ถ้วย ผสมเข้ากับเกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาทาให้ทั่วใบหน้า จากนั้นใช้นิ้วมือขัดให้ทั่วประมาณ 5 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น

7. นมผง+น้ำมะนาว นำนมผง 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 1 ช้อนชา และน้ำอุ่น 1 ช้อนชา ผสมเข้าด้วยกันจนนิ่ม นำส่วนผสมที่ได้มาถูเบาๆทั่วหน้า ปล่อยทิ้งเอาไว้ประมาณ 1 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำเย็น

8. สูตรโยเกิร์ต+น้ำตาลทราย นำโยเกิร์ตรสธรรมชาติ 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำตาลทราย 1 ช้อนชา นำส่วนผสมที่ได้มาขัดเบาๆให้ทั่วใบหน้า จากนั้นทิ้งเอาไว้ประมาณ 5 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น

9. สูตรมะเขือเทศ+โยเกิร์ต นำมะเขือเทศ 2 ลูก โยเกิร์ต 1 ถ้วย และเกลือแกง 2 ช้อนชา ปั่นให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำไปขัดเบาๆให้ทั่วใบหน้า แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

10. สูตรผงกากกาแฟ+นมจืด นำผงกากกาแฟใส่ลงในถ้วย แล้วเทนมจืดผสมลงไปเล็กน้อย แล้วทำการกวนจนกระทั่งส่วนผสมมีลักษณะเหนียวข้น จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้มาทำการทาให้ทั่วใบหน้า ขัดเบาๆ ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น

11. สูตรรำข้าว นำรำข้าว 3-4 ช้อนโต๊ะ นมเปรี้ยว 2-3 ช้อนโต๊ะ และเกลือทะเลที่ใช้ในการขัดผิว 1 ช้อนโต๊ะ มาผสมให้เข้ากันในถ้วยใบเล็กๆ จนเหนียวกลายเป็นเนื้อครีมเดียวกัน จากนั้นให้นำส่วนผสมที่ได้มาทาให้ทั่วใบหน้า ขัดเบาๆ แล้วทิ้งเอาไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

12. สูตรสตอเบอรี่ + โยเกิร์ต นำสตอเบอรี่จำนวน 4 ผล ไปปั่น แล้วนำสตอเบอรี่ที่ปั่นผสมเข้ากับโยเกิร์ตรสธรรมชาติแช่เย็น ½ ถ้วย ให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาขัดและนวดเบาๆให้ทั่วใบหน้า แล้งล้างออกด้วยน้ำอุ่น

13. สูตรข้าวโอ๊ต+เม็ดถั่วเขียว นำข้าวโอ๊ตอบแห้ง 1 ช้อนชา และเม็ดถั่วเขียว ½ ช้อนชา ปั่นรวมกันให้ละเอียด จากนั้นให้เผสมน้ำเปล่าลงไปเล็กน้อยแล้วผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน นำส่วนผสมที่ได้ขัดผิวหน้าให้ทั่วอย่าเบามือ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

14. สูตรผงวิเศษ+น้ำมะนาว นำผงวิเศษตราร่มชูชีพ 2 ซอง น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้มาทำการขัดหน้าเบาๆ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

15. สูตรมะขามเปียก นำมะขามเปียก 1 ก้อน ดินสอพอง 2 ก้อน นมรสจืด 4-5 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาทำการขัดที่ผิวหน้าเบาๆ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการขัดหน้าจะช่วยทำให้ผิวของคุณสาวๆ ขาวใสกระจ่างขึ้น แต่ก็ไม่ควรทำการขัดหน้าบ่อยจนเกินไป เพราะจะทำให้ผิวบางขึ้น ทำให้ไวต่อแสง และอาจทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ที่ตามมา เช่น ผิวที่แห้งกร้าน หรือสิว เป็นต้น

ความถี่ในการขัดผิวหน้า คือประมาณ สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ก็เพียงพอแล้ว และทุกครั้งที่มีการขัดผิวหน้า ควรทำการบำรุงผิวหน้าด้วยมอยเจอไรเซอร์ ถ้าต้องการออกไปนอกบ้านหลังจากที่พึ่งทำการขัดผิวหน้า ก็ควรที่จะทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15+++ ขึ้นไป เพื่อช่วยในการปกป้องที่ผิวหน้าที่บอบบางขึ้นจากการขัดหน้า และหลีกเลี่ยวผิวหน้าจากแสงแดดอีกทางหนึ่งด้วย

ถ้าหากคุณสาวๆ ทำตามวิธีการขัดหน้า ที่ได้แนะนำไปในข้างต้นอย่างเป็นประจำสม่ำเสมอแล้ว ในระยะเวลาที่ไม่นานนักก็จะสามารถเห็นผลว่าเจ้ากระตัวดีจะเริ่มจางลงอย่างเห็นได้ชัด โดยที่ไม่ต้องไปเสียเงินและเสียเวลาในการไปรักษาตามสถาบันเสริมความงาม อีกทั้งยังเป็นวิธีการรักษาด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติที่หาได้ง่าย มีราคาที่ไม่แพง อีกทั้งยังมีความปลอดภัยมากกว่าการใช้สารเคมีเพื่อช่วยในการรักษาอีกด้วย

ถ้าหากใครขี้เกียจที่จะหาวัตถุดับจากธรรมชาติดังกล่าวข้างต้นมารใช้แล้ว ก็จะขอแนะนำผลิตภัณฑ์ขัดผิวหน้า สครับหน้า ดูแลผิวหน้าให้ขาวใสที่จะแนะนำให้ใช้ เรียงลำดับการทำความสะอาดผิวหน้า ตั้งแต่ การขัดหน้า ล้างหน้า ใช้เซรั่มกระชับรูขุมขน และก็ครีมหน้าใสเพื่อผิวเรียบเนียนเป็นการตบท้ายการบำรุงผิวหน้าขาวใส

 

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ระวัง! ขัดผิวหน้าอย่างผิดวิธีหน้าจะพังไม่ทันรู้ตัว

การขัดผิวหน้า หรือ การสครับ (Facial Scrub) เป็นการช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่หมองคล้ำ เมื่อเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนที่ สภาพผิวก็จะดีขึ้น และดูเปล่งปลั่งมากกว่าเดิม ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้คุณสาวๆ หลายๆ คนที่ใจร้อน อยากที่จะทำการขัดผิวหน้าบ่อยๆ เพื่อให้ใบหน้าเนียนกระจ่างใสอยู่เป็นประจำ

แต่ในความเป็นจริงแล้วการขัดผิวหน้าบ่อยมากๆ จนเกินพอดีนั้น เป็นผลเสียต่อผิวหน้ามากกว่าผลดี เพราะทำให้ผิวบนใบหน้าเกิดการระคายเคือง จนนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ เช่น สิว  ความแห้งกร้านของผิวหน้า เป็นต้น

สำหรับในวันนี้ จึงจะขอแนะนำให้รู้จักกับ วิธีการขัดผิวหน้าอย่างถูกวิธี เพื่อเป็นการช่วยป้องกันการเกิดปัญหา และทำให้ใบหน้าของคุณสาวๆ ขาวใสจากการขัดผิวโดยไร้ความกังวล

ข้อควรจำในการขัดผิวหน้าอย่างถูกวิธี

              1. ไม่ควรทำการขัดหน้าบ่อยจนเกินไป โดยความถี่ที่เหมาะสมในการขัดหน้า คือ 1-2 ครั้ง ต่อสัปดาห์ ซึ่งถือว่าเพียงพอแล้ว นอกจากนี้การทิ้งระยะเวลาในการขัดหน้าจะช่วยเปิดโอกาสให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทนแทนเซลล์ผิวเก่าที่ถูกขัดออกไป ดังนั้นถ้าหากฝืนทำการขัดหน้าบ่อยๆ แทนที่จะทำให้หน้าใส กลับเป็นการรบกวนผิว ทำให้ใบหน้าแห้งกรัง เกิดสิว แถมริ้วรอยยังมาเยือนอีกต่างหาก

2. ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์หรือครีมที่มีส่วนผสมของกรดอัลฟา ไฮดรอกซี (Alpha hydroxylacids) ที่มากจนเกินไป เพราะถึงแม้ว่ากรดดังกล่าวจะมีฤทธิ์ในการช่วยผลัดเซลล์ผิว แต่หากใช้ในปริมาณมากจนเกินไป หรือทาบ่อยๆเป็นประจำทุกวัน การกระตุ้นให้ผิวหน้าผลัดเซลล์อยู่ตลอดเวลาจะทำให้ผิวใบหน้าถูกทำลายมากกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาด้านผิวเกิดขึ้นตามมาในระยะยาว

            3. ไม่ควรนำผลิตภัณฑ์ขัดผิวตัวมาใช้ในการขัดผิวหน้า ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับการขัดผิวหน้าโดยเฉพาะ และไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ขัดผิวหน้าที่มีเม็ดขรุขระ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเม็ดละเอียด เพื่อความปลอดภัยต่อผิวหน้าที่มากขึ้น ให้คุณสาวๆนำผลิตภัณฑ์ที่จะใช้ทำการขัดผิวหน้า มาทดลองขัดที่ผิวหนังบริเวณหลังมือก่อน ถ้าหากทำการถูแล้วไม่รู้สึกเจ็บ หรือแสบผิว จึงค่อยนำไปใช้ในการขัดผิวหน้าต่อไป

4. ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการขัดผิวหน้ามากที่สุด คือ เวลากลางคืน เพราะหลังจากที่เราทำการขัดผิวหน้าเสร็จแล้ว ในขณะที่นอนหลับ เซลล์ผิวหน้าจะได้ทำการซ่อมแซม ฟื้นฟู จากการสูญเสียที่เกิดขึ้นในขณะที่ทำการขัดหน้า

            5. สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องสิวแต่อยากทำการขัดผิวหน้า ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ขัดผิวหน้าสำหรับคนที่เป็นสิวเป็นเฉพาะ เพื่อช่วยลดโอกาสที่จะไปสร้างความระคายเคืองให้กับผิวหน้าในขณะที่ทำการขัดผิวหน้า ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดสิว หรือสิวอักเสบมากขึ้น แต่ทางที่ดีที่สุดคือ ควรงดการขัดผิวหน้าในขณะที่เป็นสิวจนกว่าจะหายดี

6. ควรหลีกเลี่ยงการขัดผิวหน้าเมื่อรู้ว่าจำเป็นต้องไปในสถานที่ที่มีแสงแดดจัด เช่น ชายทะเล เป็นต้น ไม่ควรทำการขัดผิวหน้า อย่างน้อย 48 ชั่วโมง ก่อนไปในบริเวณที่มีแสงแดดมาก เพราะการขัดผิวหน้าทำให้ผิวหน้าบางลง ผิวหน้าจึงมีความไวต่อแสงแดดมากขึ้นตามไปด้วย

7. หลังจากที่ทำการขัดผิวหน้าควรทาครีมกันแดด ที่มีค่า SPF มากกว่า 15 เมื่อจำเป็นที่จะต้องออกไปข้างนอกบ้าน เพราะการขัดผิวหน้าจะทำให้ผิวบอบบางลง และไว้ต่อแสงแดดมากยิ่งขึ้น

8. ในขณะที่ทำการขัดผิวหน้าด้วยมือ ควรขัดเบาๆ พร้อมกับใช้มือขัดในลักษณะถูเป็นวงกลมเล็กๆ ไล่ให้ทั่วใบหน้า โดยเน้นที่บริเวณหน้าผาก จมูกและคางเป็นพิเศษ เนื่องจากในบริเวณดังกล่าวมักจะเกิดการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งทำให้เกิดสิวขึ้น อีกทั้งยังไม่ควรขัดผิวหน้านานจนเกินไปนัก ควรใช้เวลาในการขัดประมาณ 10-15 นาที หรือน้อยกว่านั้นก็เพียงพอแล้ว

          9. หลังจากที่ทำการขัดผิวหน้าควรทำการบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ทุกครั้ง เพื่อเป็นการคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.