อาหาร เสริม บำรุง ผิวพรรณ ที่ดีมีประโยชน์ต่อผิวสวยมีอะไรบ้าง

         ถ้าหากอยากที่จะมีผิวที่ขาว สวย แลดูอ่อนเยาว์ คุณอาจจะทราบกฎพื้นฐานสามข้อที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง นั่นก็คือ การปกป้องผิวจากแสงแดด ไม่สูบบุหรี่ และทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ แต่ถ้าหากคุณไม่สามารถปฎิบัติเหล่านี้ได้อย่างเคร่งครัด หรือไม่เพียงพอแล้วล่ะก็ การทานอาหาร เสริม บำรุง ผิวพรรณ ที่ดีๆสักชิ้น สามารถที่จะช่วยเติมเต็มความต้องการของผิวคุณได้เป็นอย่างดี ความหลากหลายของวิตามิน และสารต่อต้านอนุมูลอิสระ เป็นอาหาร เสริม บำรุง ผิวพรรณที่ดี แต่เพื่อให้คุณสามารถเลือกทานอาหาร เสริม บำรุง ผิวพรรณ ที่ดีที่สุดสำหรับผิวของคุณได้ ซึ่งอาหาร เสริม บำรุง ผิวพรรณที่น่าสนใจในปัจจุบัน มีดังต่อไปนี้

อาหาร เสริม บำรุง ผิวพรรณที่ได้รับการวิจัยยอมรับจากทั่วโลกแล้วว่า ดีต่อผิวพรรณของคุณ
 1.วิตามิน C, E และซีลีเนียม จากการค้นคว้า วิจัย อาหาร เสริม บำรุง ผิวพรรณ ทั่วโลกต่างให้การยอมรับเหมือนๆกันว่า วิตามิน C และวิตามิน E รวมทั้งซีลีเนียน เป็นแหล่งอาหาร เสริม บำรุง ผิวพรรณที่ดี ในการช่วยปกป้องผิวจากการทำลายของแสงแดด และโรคมะเร็งผิวหนัง นอกจากนี้อาหารเสริมผิวทั้ง 3 ชนิดนี้ ยังช่วยลดการย้อนกลับบางส่วน ในการเปลี่ยนสีผิว ริ้วรอย ในฐานะของสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ในการเร่งระบบซ่อมแซมผิวตามธรรมชาติโดยตรง ยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผิวอีกด้วย
โรงเรียนกรมการแพทย์โรคผิวหนัง สหรัฐอเมริกา แนะนำให้ทำการทานอาหารที่มีปริมาณของวิตามินซี 1,000-3,000 มิลลิกรัม และวิตามินอี 400 หน่วย เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อผิว สำหรับซีลีเนียมนั้น ไม่แนะนำให้เป็นอาหารเสริมแก่เด็ก จนกว่าพวกเขาจะมีฟันเหมือนกับผู้ใหญ่ เนื่องจากซีลีเนียมนั้น ส่งผลต่อการก่อตัวของสารเคลือบฟัน
 2. Coenzyme Q10 เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติที่เกิดขึ้นภายในร่างกายของเราเอง Coenzyme Q10 ช่วยทำให้เซลลืเจริญเติบโต และปกป้องจากการทำลายของโรคมะเร็ง จากการศึกษาพบว่า การให้ Coenzyme Q10 แก่ผิว เป็นการช่วยลดการปรากฏตัวของริ้วรอย และควรใช้ปริมาณความเข้มข้นของ Coenzyme Q10 อยู่ที่ 0.3% เพื่อประโยชน์สูงสุดของผิว
 3.อัลฟาไลโปอิคแอซิด เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่มักถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมของครีมบำรุงผิว มีคุณสมบัติในการช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด จากการศึกษาพบว่า การทาครีมที่มีส่วนผสมของอัลฟาไลโปอิคแอซิดเข้มข้น 3-5% เป็นประจำทุกวัน และวันละครั้งก่อนการสัมผัสกับแสงแดด เพื่อให้ผิวของคุณได้รับการปรับปรุงให้สามารถรับมือกับแสงแดดได้เป็นอย่างดี

         4.กรด Retinoic เป็นหนึ่งในการประยุกต์นำวิตามินมาใช้ในการบำรุงผิว และยังช่วยในการต่อต้านริ้วรอย รอยหยาบกร้านที่เกิดจากแสงแดด จากงานวิจัยที่เผยแพร่พบว่า กรด Retinoicช่วยบูรณะเส้นใย และเสริมความยืดหยุ่นของผิวให้มีความเต่งตึง ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลสำคัญที่ช่วยลดการปรากฏตัวของริ้วรอยให้น้อยลง
 โดยส่วนใหญ่แล้ว กรด Retinoic มักจะปรากฏอยู่ในรูปแบบของครีม หรือเจล ที่มักนำมาใช้ในการทาบำรุงผิวพรรณวันละครั้ง ในกลุ่มแพทย์ผิวหนังเชื่อว่ากรด Retinoic จะทำให้ผิวมีความไวต่อแสง แต่ที่จริงแล้วพวกมันช่วยป้องกันผิวจากแสงอาทิตย์ได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าหากคุณใช้กรด Retinoic ที่มีความเข้มข้นสูงจนเกินไป ก็อาจจะทำให้ผิวเกิดผื่นแดง หยาบกร้าน ดังนั้นคุณควรเริ่มต้นบำรุงผิวด้วยกรด Retinoic ที่มีความเข้มข้นต่ำๆ เช่น 0.01-0.1% เพียงครั้งเดียวในตอนกลางคืน
 5.ชาเขียวและช็อกโกแล็ต สองอาหารสุดโปรดของหลายๆคน การวิจัยชี้ให้เห็นว่า flavonoids ในชาเขียว มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างมากในการช่วยปกป้องผิวจากอาการอักเสบ และโรคมะเร็ง นอกจากนี้ในการศึกษาของประเทศเยอรมันพบว่า ผู้หญิงที่ดื่มโกโก้ร้อนที่มีความเข้มข้นสูง เป็นเวลานาน 3 เดือน มีผิวที่นุ่มเนียนสวยกว่า ผู้หญิงที่ดื่มโกโก้ร้อยที่มีความเข้มข้นต่ำอีกด้วย 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

กินวิตามินอะไรดี ที่ช่วย บํารุงผิว กระจ่างใส

         อีกหนึ่งค่านิยมที่คนไทยได้รับมาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากเกาหลีก็คือเรื่องของผิวพรรณที่อยากขาวสว่างใส เปล่งออร่าเหมือนสาวเกาหลี จึงไม่แปลกที่ปัจจุบันธุรกิจด้านความงามในบ้านเราจะเติบโตทะลุเป้า ซึ่งการบำรุงผิว กระจ่างใสนั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการทาครีมบำรุงผิว การฉีดสีผิว รวมถึงการรับประทานอาหารเสริมเพิ่มความขาว หรือเรียกกันติดปากว่า กินวิตามินบำรุงผิว
         วันนี้เราจะมาพูดถึงการเพิ่มความขาวด้วยวิธีดังกล่าว และไขข้อข้องใจว่าการรับประทานวิตามินบำรุงผิว กระจ่างใส ซึ่งเป็นอีกวิธีที่นิยมกันมากนั้นได้ผลจริงหรือไม่ จะช่วยให้คุณขาวอย่างเป็นธรรมชาติจากข้างในได้อย่างไร และมีวิตามินอะไรบ้างที่จะช่วยให้ผิวสวยแป๊ะ ถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มกันเลย

วิตามินบํารุงผิว กระจ่างใส
         1.วิตามินซี (Vitamin C) ตัวแรกเป็นวิตามินที่ขึ้นชื่อเรื่องการบำรุงผิง กระจ่างใส เพราะมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ เป็นสารอาหารที่ช่วยเพิ่มการสังเคราะห์คอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวแน่น มีความยืดหยุ่นที่ดีขึ้น จึงทำให้ผิวเต่งตึง แถมยังช่วยให้แผลหายได้เร็วขึ้น เพราะวิตามินซีช่วยให้ผิวมีกระบวนการซ่อมแซมและรักษาตัวเองได้ดี โดยไปเสริมสร้างผนังเซลล์ ทำให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง และต่อต้านการอักเสบ ช่วยทำให้จุดดำจุดแดง หรือรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวหายได้เร็ว ใบหน้าที่หมองคล้ำ จึงกลับมาสดใสมากขึ้น
         2.วิตามินรวม จะประกอบด้วยวิตามินตั้งแต่เอถึงซี (A-Z) เลยทีเดียว ถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่ทำงานหนักมากจนไม่ค่อยมีเวลารับประทานอาหาร โดยเฉพาะให้ได้ครบทั้ง 5 หมู่ หรือไม่ค่อยได้รับประทานผักผลไม้สดๆ การรับประทาน วิตามินรวมเสริม ก็จัดว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายโดยรวม และช่วยให้สุขภาพผิวดีขึ้น
         3.น้ำมันปลา (Fish oil) ช่วยต่อต้านการอักเสบในร่างกาย เล่ากันไว้ว่า การแก่นั้นเกิดจากการอักเสบระดับเซลล์ซึ่งเราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ดังนั้น การรับประทานน้ำมันปลา ซึ่งมาการ อีพีเอ (EPA) และดีเอชเอ (DHA) สูง จะช่วยลดการอักเสบและอีกทั้งชะลอความชราได้ ทำให้สุขภาพผิวดี ขาวขึ้นได้อย่างใจหมาย นอกจากนี้ยังมีประโยชน์อื่นๆอีกมากมาย เช่น ช่วยลดคลอเรสเตอรอลในเลือด เป็นต้น

         4.แอสตาแซนธิน (Astaxanthin) เป็นสารในกลุ่มแซนโทรฟิลล์ / ตระกูลแคโรทีนอยด์ (Xanthophyll group / Carotenoid family) พบได้ทั่วไปในธรรมชาติ เป็นสารสีแดงที่พบในปลาแซลมอน ไข่ปลาคาเวียร์ เปลือกกุ้งปู และ Microalgae Haematococcus Pluvialis ร่างกายไม่สามารถสร้างสารชนิดนี้ขึ้นเองได้ เราจะได้รับสารชนิดนี้จากอาหารที่รับประทานเข้าไป ในปริมาณที่น้อยมาก เช่น ปลาแซลมอน 200 กรัม จะมีแอสตาแซนธิน เพียง 1 มิลลิกรัม อย่างไรก็ดี แอสตาแซนธินเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยม จึงเหมาะสมในการใช้บำรุงผิว กระจ่างใสเป็นอย่างยิ่ง
         5.โคเอนไซม์คิวเทน ประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายแขนง มีส่วนช่วยในการชะลอริ้วรอยบนใยหน้าได้ด้วย โดยเฉพาะโคเอนไซม์คิวเท็น ซึ่งเป็นโคแฟกเตอร์ที่ช่วยทำให้ผิวไม่ถูกอนุมูลอิสระจากแสงยูวีทำร้าย และเบต้าแคโรทีน ซึ่งเปรียบเสมือนสารกันแดดจากภายใน ทั้งนี้ ควรเลือกรับประทานคิวเท็นในตอนเช้าหลังมื้ออาหาร

         ทั้งหมดนี้คือวิตามินบำรุงผิว กระจ่างใส ที่จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายได้ไม่ยาก ซึ่งเป็นวิตามินที่หาซื้อได้ทั่วไป แต่ต้องพิจารณาดูให้ดีว่ายี่ห้อไหนดีที่สุด เหมาะกับเรามากที่สุด ซึ่งจะเห็นว่าสารอาหารเหล่านี้จะเน้นไปที่การต่อต้านอนุมูลอิสระ เนื่องจากเป็นกระบวนการที่จะทำให้ผิวแข็งแรง สุขภาพดี ยิ่งถ้าหากมีการทาครีมบำรุง รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับรองว่าผิวขาวสวยสดใส อ่อนกว่าวัยเหมือนสาวเกาหลีจะเป็นของคุณ

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เคล็ดไม่ลับ บํารุงผิวขาวใส อ่อนกว่าวัย

         สมัยนี้ใครๆก็อยากขาวกันทั้งนั้น เพราะการมีผิวขาวใสจะช่วยให้โดดเด่นกว่าใครๆ ที่สำคัญคือคนในบ้านเราส่วนใหญ่ชื่นชอบคนที่มีผิวขาว โดยเฉพาะชายไทยนี่ได้บอกเลยว่าถ้าเห็นเป็นต้องมองตาเป็นมัน แล้วจะอย่างไรดี ถ้าไม่ได้เกิดมาขาวโอโม่ตั้งแต่กำเนิด บทความนี้ช่วยคุณได้ เพราะเราได้นำเคล็ดไม่ลับ บำรุงผิวขาวใส อ่อนกว่าวัยมาให้ได้ลองนำไปใช้กัน รับรองว่าวิธีบำรุงผิวขาวเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีผิวขาวสุขภาพดีขึ้นจนมีคนทัก


บำรุงผิวขาวใส แบบธรรมชาติ

         1.ดื่มน้ำมะเขือเทศ ความเชื่อที่ว่าของสดย่อมดีกว่าของที่ปรุงแล้ว ไม่ได้เป็นจริงเสมอไป เพราะมะเขือเทศที่ผ่านความร้อนจะทำให้การยึดจับของไลโคปีนกับเนื้อเยื่อของมะเขือเทศอ่อนตัวลง ทำให้ไลโคปีนถูกร่างกายนำไปใช้ได้ดีกว่า ดังนั้น หากอยากได้ประโยชน์สูงสุดจากการรับประทานมะเขือเทศ ควรนำไปผ่านกระบวนการที่ให้ความร้อนก่อน อย่างเช่นการต้ม ทั้งนี้ ด้วยสารอาหารที่มากมายอยู่ในมะเขือเทศซึ่งส่งผลดีต่อผิว การบริโภคแบบคั้นสดๆจึงสามารถช่วยให้ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง สดใสมากขึ้นได้
         2.สูตรโยเกิร์ตและมะนาว เป็นวิธีนี้ง่ายๆคือให้เอาโยเกิร์ต (ธรรมชาติ) มาผสมให้เข้าให้เข้ากับนํ้ามะนาว หลังจากนั้นให้นำไปพอกผิว ประมาณ 15 นาที ทำอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ กรดของมะนาวจะช่วยให้เซลล์ผิวเก่าๆที่เสื่อมสภาพค่อยๆหลุดออกไป เผยผิวใหม่ที่ขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ สำหรับโยเกิร์ตธรรมชาติจะช่วยบำรุงผิวของเราให้นุ่มชุ่มชื้นขึ้น
         3.สูตรกล้วยหอมและนมสด สำหรับการบำรุงผิวขาวด้วยสูตรนี้ จะต้องนำส่วนผสมคือกล้วยหอมและนมสดมาบดให้เข้ากัน จากนั้นก็นำมาพอกผิวได้เลย เป็นวิธีแสนง่าย ใครๆก็ทำได้ โดยจะช่วยบำรุงผิวขาวและเนียนนุ่มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ แถมยังเป็นสูตรอ่อนโยน ไม่ทำร้ายผิว แม้แต่ผิวแพ้ง่าย

         4.สูตรมะละกอและนมสด สำหรับสูตรนี้มีการใช้อย่างแพร่หลาย เนื่องจากทำให้ขาวขึ้นจริงๆ วิธีการคือให้นำมะละกอและนมสดมาบดให้เข้ากัน หลังจากนั้นนำมาพอกผิวได้เลย โดยพอกทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีจึงล้างออก ด้วยสรรพคุณของมะละกอที่มีสารอาหารหลากหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อผิว จะช่วยให้ผิวขาวใส อ่อนกว่าวัย และได้ผิวเนียนนุ่มด้วยสารอาหารจากนมสด

บำรุงผิวขาว ด้วยตัวช่วยเสริม
         1.วิตามินซี หากจะเลือกอาหารเสริม สิ่งควรใช้คือวิตามินซี เพราะวิตามินซีทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส เนียนนุ่ม และยังช่วยลดเลือนริ้วรอยบนผิวอีกด้วย
         2.ครีมกันแดด หากอยากทำให้วิธีขาวไวด้วยสูตรพอกผิวนี้ได้ผลดียิ่งขึ้น ควรใช้ตัวช่วยเสริมอย่างครีมกันแดด เพราะมันจะช่วยป้องกันแสงแดดและแสงยูวี โดยถ้าต้องออกไปข้างนอก ถูกแดดจัด แนะนำให้ทาครีมกันแดด SPF50 เพื่อป้องกันแสงแดดที่ทำร้ายเซลล์ผิวใหม่ของเรา หากไม่ทาผลที่ได้มาจะทำให้ผิวเป็นด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ

         3.คอลลาเจน ถือเป็นอีกหนึ่งอาหารเสริมเพื่อสุขภาพที่ดีของผิวพรรณ เสริมความเรียบตึงให้กับผิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนกระชับ เปล่งปลั่งสดใส สุขภาพผิวแข็งแรง ริ้วรอยแห่งวัยดูลดเลือนลง
         4.เครื่องสำอางบำรุงเพื่อผิวขาว เช่น ไวท์เทนนิ่งต่างๆ โดยควรเลือกใช้เครื่องสำอางที่จดทะเบียน อย.เรียบร้อยแล้วเพื่อความปลอดภัย เพราะมีเครื่องสำอางไม่มี อย.จำนวนมากที่มีส่วนผสมของสารปรอท และสารฟอกขาวที่เป็นอันตรายต่อผิว
         นอกจากเคล็ดลับบำรุงผิวขาวดังกล่าวแล้ว สิ่งที่สำคัญคือควรดื่มน้ำมากๆเพื่อให้กระบวนการต่างๆภายในร่างกายเป็นไปอย่างราบรื่น ผิวพรรณะจะสวยผุดผ่องมาจากข้างใน จะรู้สึกได้ถึงความเนียนนุ่มชุ่มชื่นของผิว และควรออกกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ซึ่งเป็นตัวช่วยให้สุขภาพผิวแข็งแรง ผิวพรรณเปล่งปลั่งมากขึ้นนั่นเอง

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ไม่อยากเหี่ยวก่อนวัย ควรใช้อาหารเสริมบำรุงผิว

         เมื่อตัวเลขของอายุเพิ่มสูงขึ้น เป็นเรื่องธรรมดาที่กระบวนการทำงานต่างๆของร่างกายจะค่อยๆเสื่อมลง ไม่เว้นแม้กระทั่งกระบวนการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิว ซึ่งมีผลทำให้ความเต่งตึงลดน้อยลง ปรากฎเป็นริ้วรอยแห่งวัย ขาดความยืดหยุ่น ผิวหนังหย่อนยาน คล้ำเสียได้ง่าย ฯลฯ แล้วจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร บอกได้เลยว่าไม่มีวิธีไหนที่จะเอาชนะธรรมชาติได้ แต่เราสามารถชะลอให้ผิวเนียนสวยสดใส อ่อนกว่าวัย อยู่กับเราไปนานๆได้ ด้วยอาหารเสริมบำรุงผิวนั่นเอง


อาหารเสริมบำรุงผิวนั้น สำคัญไฉน

         หลายคนอาจคิดว่าการรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ และชโลมครีมบำรุงผิวจากภายนอก ก็ถือเป็นการเพียงพอแล้ว จริงอยู่ที่วิธีการดังกล่าวอาจจะช่วยให้ผิวสวยสุขภาพดี ทว่าถ้าอยากผิวขาวสว่างกระจ่างใส และให้ผิวสวยอยู่คู่กับเรานานที่สุดเท่าที่จะทำได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพึ่งอาหารเสริมบำรุงผิวเข้ามาช่วย
         เนื่องจากจะเป็นการฟื้นบำรุงเซลล์ผิวโดยตรง ปรับสภาพผิวให้สวยสุขภาพดี มีความยืดหยุ่น แข็งแรง ไม่วัยต่อแสงหรือสิ่งอันตรายภายนอกอย่างฝุ่นควัน ที่สำคัญคือจะช่วยชะลอความเสื่อมสภาพของกระบวนการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินให้อยู่ไปได้นาน
         สำหรับคนที่มีผิวขาวสวย ผิวใสอยู่แล้ว ก็อย่าได้ชะล่าใจไป เพราะในอนาคตผิวของคุณอาจจะเหี่ยว หย่อนยานก่อนวัยอันควรก็เป็นได้ เนื่องจากความเสื่อมของสภาพผิวของแต่ละคนแตกต่างกัน บางรายเพิ่มจะย่างเข้าวัยรุ่นแต่ผิวกลับแห้งกร้าน เหี่ยวย่น หรือเกิดปัญหาผิวแตกก็มี ส่วนคนที่อายุน้อยๆมักไม่มีปัญหาดังกล่าว เพราะกระบวนการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินยังทำงานได้ดี ทั้งนี้ ควรใช้อาหารเสริมบำรุงผิว จะได้ไม่ต้องเผชิญกับปัญหาผิว ซึ่งคงไม่มีใครอยากเจอ

 
อาหารเสริมบำรุงผิว ได้แก่อะไรบ้าง
         1.วิตามินซี เป็นกุญแจสำคัญในการะบวนการสังเคราะห์โปรตีน “คอลาเจน” ที่เป็นส่วนประกอบของผิวหนัง หลอดเลือด กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และอวัยวะต่างๆของร่างกาย ดังนั้น ถ้าขาดวิตามินซีจึงส่งผลกระทบต่อการทำงานของอวัยวะต่างๆอย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากนี้วิตามินซียังเป็นอาหารเสริมบำรุงผิวชั้นดี ช่วยให้ผิวดูขาวใส เปร่งปรั่ง ลดความหมองคล้ำ สุขภาพผิวแข็งแรง
         2.โคเอ็นไซม์ คิวเท็น เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินสารอาหารตัวนี้ เพราะมีการนำมาใช้ประโยชน์เกี่ยวกับเรื่องความสวยความงามอย่างกว้างขวาง มีบทบาทในการบำรุงผิวพรรณในเรื่องของการชะลอความแก่ก่อนวัย ป้องกันริ้วรอย และช่วยฟื้นฟูสภาพผิว ที่สำคัญโคเอ็นไซม์ คิวเท็น ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน จึงลดความเสื่อมของเซลล์ และกำจัดของเสียออกจากเซลล์ ส่งผลให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งขึ้นด้วย
         3.วิตามินอี มีคุณสมบัติที่ดีต่อผิวมากมาย ทั้งเป็นสารบำรุงให้ผิวชุ่มชื้น ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ลดการอักเสบของสิว และปกป้องผิวจากรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตอีกด้วย โดยส่วนใหญ่วิตามินอีจะถูกใช้ในการป้องกันและรักษาผิวพรรณ เพราะช่วยลดอัตราการทำลายผิวจากแสงแดดที่ทำให้เกิดรอยแดง ลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนัง ช่วยชะลอการเหี่ยวย่น ลดริ้วรอย และสมานรอยแตกลายบนผิว

         4.วิตามินบีรวม เป็นกลุ่มวิตามิน ประกอบได้ด้วย วิตามินบี1บี2 ไนอะซีน แพนโทธีนิกแอซิด บี6 บี12 โฟลิกแอซิด ไอโอซิทอล และโคลีน วิตามินบีรวมนี้จะช่วยบำรุงผิวให้สดชื่น สดใส เปล่งปลั่ง อ่อนกว่าวัย อย่างไรก็ดี ต้องระวังอย่ารับประทานก่อนนอน เพราะวิตามินบีรวมจะทำให้เราตื่นตัว จนอาจทำให้นอนหลับไม่สนิท เมื่อตื่นเช้ามาจะรู้สึกร่างกายอ่อนเพลียได้
         5.สังกะสี หรือ Zinc หน้าส่วนใหญ่จะช่วยรักษาบาดแผลในร่างกาย ควบคุมฮอร์โมน และควบคุมอาการผิดปกติของผิว จึงทำให้การเกิดสิวลดลง เหมาะสำหรับคนที่อยากมีผิวขาวเนียน หน้าใสเป็นอย่างยิ่ง จึงไม่แปลกที่ผลิตภัณฑ์เสริมความงามจะนิยมนำสังกีสีมาใส่เพิ่มในอาหารเสริมบำรุงผิวให้ขาวกระจ่างใส
         สารอาหารทั้ง 5 ชนิด เปรียบเสมือนตัวละครหลักที่จะช่วยให้ผิวพรรณสวยเปล่งปลั่ง มีความแข็งแรง ยืดหยุ่น เสริมสร้างกระบวนการคอลลอเจนและอิลาสตินในชั้นผิวให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทว่าอาหารเสริมบำรุงผิวนั้นต้องใช้ตามคำแนะนำอย่างถูกต้องจึงจะได้ผลสูงสุด และควรรับประทานอาหารครบทั้ง 5 หมู่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับรองว่าผิวของคุณจะขาวสวยสดใส และไม่เหี่ยวก่อนวัยแน่นอน

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ความลับในการดูแล รักษา และใช้ยาทาแผลเป็นอย่างถูกต้อง

         ความลับในการดูแลผิวจากร่องรอยแผลเป็นนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าฝีมือของแพทย์ที่คุณเข้ารับการรักษานั้นเก่งกาจเพียงใด แต่ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีแรงจูงใจมากพอเพียงใด ที่จะทำการหระตุ้นฟื้นฟู ให้ร่างกายผลิตเซลล์ผิวหหนังชุดใหม่ขึ้นมาแทนที่แผลเป็นที่เสื่อมสภาพต่างหาก ถ้าหากแผลเป็นปรากฏขึ้นมาบนผิวหนัง แล้วคุณยังไม่ทราบว่าควรที่จะรับมืออย่างเหมาะสมกับมันอย่างไรนั้น บทความชิ้นนี้ ได้รวรวมวิธีการดูแลรักษา ฟื้นฟูผิว และการใช้ยาทาแผลเป็นเอาไว้ให้คุณสามารถทำการศึกษา เพื่อนำไปใช้จัดการกับแผลเป็นบนผิวของตัวเองเอาไว้อย่างครบถ้วนเลยทีเดียว

การดูแล รักษาแผลเป็นอย่างถูกวิธี เพื่อให้แผลเป็นหายสนิทรวดเร็วยิ่งขึ้น
หลังจากเกิดบาดแผลขึ้นในช่วง 3-4 สัปดาห์แรก เป็นเวลาทองในการส่งเสริม ฟื้นฟูผิวอย่างเหมาะสม ความสำเร็จในการดูแลผิวให้ห่างไกลจากรอยแผลเป็นมากยิ่งขึ้น แต่การรักษาที่ได้ผลนั้น จะต้องขึ้นอยู่กับระดับของเนื้อเยื่อแผลเป็น ที่มักจะพัฒนาตัวเองไปเป็นแผลเป็นว่ามากน้อยเพียงใด แต่ถ้าหากคุณรู้จักการดูแลรักษารอยแผลเสียตั้งแต่เนิ่นๆ โอกาสในการปรากฎตัวของรอยแผลเป็นก็จะน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว
1.การทำความสะอาดผิว ผิวที่สะอาด มีสุขภาพที่ดี จะทำให้บนผิวมีปริมาณของเขื้อจุลินทรีย์ในระดับปกติซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อผิว การใช้สบู่ในการทาแผลเป็นเพื่อทำความสะอาดถือเป็นเรื่องปกติที่สามาถทำได้ แต่คุณควรเลือกใช้สบู่ที่ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีที่รุนแรงต่อผิวมากจนเกินไป เพราะจะยิ่งเป็นการทำลายความชุ่มชื้นของผิวอย่างมากเช่นเดียวกัน ถ้าหากแผลเป็นปรากฏอยู่บนใบหน้า ให้พยายามหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางแต่งหน้าในบริเวณนั้น และหากแผลเป็นอยู่ตามส่วนอื่นๆของร่างกาย ก็ให้พยายามอย่าสวมใส่เครื่องประดับที่เป็นการรบกวนผิวในบริเวณดังกล่าว
 2.หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวหนังเกิดความระคายเคือง เช่น ครีมกำจัดขน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้สร้างความระคายเคือง และรบกวนสุขภาพของผิวมาก เมื่อถูกทาแผลเป็น และอาจจะยิ่งกระตุ้น ให้รอยแผลเป็นสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
 3.เคลื่อนไหวให้น้อยลง การเคลื่อนไหวน้อยในขณะที่เกิดแผล จะทำให้ขอบแผลมีโอกาสน้อยที่จะถูกดึงออกจากกัน ทำให้ร่างกายสามารถที่จะดูแล ฟื้นฟู รักษาตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่การไม่ขยับตัวเลย ก็จะทำให้แผลมีอาการบวม หรือตึงในบริเวณแผล โดยปรกติแล้วแพทย์จะแนะนำการขยับตัวอย่างเหมาะสมให้หลังจากที่คุณเข้ารับการรักษา อย่างไรก็ตามให้ระวังเอาไว้เสมอว่า คุณไม่ควรออกแรงมากจนเกินไป จนกระทั่งทำให้เกิดความดันโลหอต ที่จะก่อให้เกิดเลือดออกในภายหลัง

         4.ไม่สูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ทำให้กระบวนการรักษาตัวเองของเซลล์ผิวช้าลง และมีโอกาสสูงที่จะทำให้ขอบผิวของบาดแผลตาย และการไหลเวียนโลหิตเองก็อาจที่จะล้มเหลวได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เพราะบุหรี่เพียงม้วนเดียว ก็มากเพียงพอแล้วที่จะทำให้หลอดเลือดเกิดการหดตัวขึ้น
5.แห้งและสะอาด เมื่อได้รับบาดเจ็บจนกระทั่งต้องมีการเย็บแผล ควรดูแลแผลให้แห้ง และสะอาด คุณสามารถที่จะทำการอาบน้ำ หรือมีเหงื่อเกิดขึ้นในบริเวณแผลได้บ้าง แต่ต้องพยายามรักษาความแห้งของแผลเอาไว้ให้มากที่สุด
6.ใช้เจลซิลิโคนรักษาแผลเป็น เมื่อเกิดแผลเป็นขึ้นมาบนผิวแล้ว คุณสามารถที่จะทำการดูแลรักษาได้ ด้วยการทาแผลเป็นด้วยเจลซิลิโคน หรือทาแผลเป็นด้วยเจลน้ำมันแร่ เป็นระยะเวลา 12 ชั่วโมง ต่อวัน เมื่อผิวเริ่มคุ้นเคยกับการทาแผลเป็นด้วยเจลซิลิโคนแล้ว คุณก็สามารถที่จะทาผลิตภัณฑ์เหล่านี้ทิ้งเอาไว้บนผิวได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ครีมแผลเป็น กับความจริงที่คุณอาจไม่เคยรู้

         มีคนจำนวนมากที่ต้องการทราบวิธีการกำจัด “รอยแผลเป็น” ออกจากใบหน้า และบริเวณต่างๆของผิวพรรณในร่างกายที่ไม่สามารถปกปิดเอาไว้ได้ด้วยเสื้อผ้า ความทุ่มเทในการต่อสู้กับรอยแผลเป็นเพื่อให้แลดูจางลงถึงแม้จะเพียงเล็กน้อยอย่างรวดเร็วที่สุด ทำให้คนรักสวยรักงามส่วนใหญ่ ไม่แคร์ในการทุ่มเงินแบบไม่อั้นในการรักษา ซึ่งในปัจจุบันได้มีครีมแผลเป็นออกมาวางจำหน่ายอยู่ในท้องตลาด ภายใต้แบรนด์เวชสำอางชื่อดังมากมาย ให้ผู้ที่กำลังประสบปัญหารอยแผลเป็นเลือกใช้กันอย่างมากมาย แต่จะดีกว่าหรือเปล่า ถ้าหากคุณทำการศึกษาครีมแผลเป็นอย่างละเอียด แล้วนำความรู้ที่ได้นั้น ไปประยุกต์ใช้อย่างง่ายๆที่บ้าน ในการรักษาแผลเป็นได้ดีมากยิ่งขึ้น

ครีมแผลเป็น ศัพท์การโฆษณาอันหลากหลายบนโลกออนไลน์
 เมื่อเริ่มต้นค้นหาวิธีการรักษาแผลเป็น โดยการสืบค้นผ่านทางอินเทอร์เน็ต คำจำกัดความหมายในการสืบค้นว่า “ครีมกำจัดรอยแผลเป็น” หรือ ครีมกำจัดรอยเผลเป็นที่ดีที่สุด” คำจกัดคสามเหล่านี้มีประโยชน์อย่างมากในการช่วยกรองการค้นหา แต่คำโฆษณษว่า สุดยอด ยอดเยี่ยม ดีที่สุด ในผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดนั้น ไม่ได้เป็นการการันตีที่มีคุณภาพว่า ครีมแผลเป็นเหล่านั้นจะสามารถลบเลือนรอยแผลเป็นออกไปจากผิวของคุณได้อย่างสมบูรณ์ ถ้าหากต้องการการกำจัดรอยแผลเป็นที่ดีที่สุด ที่ได้รับความนิยม และจำเป็นที่จะต้องใช้ทุนสูง คนส่วนใหญ่มักจะเลือกการผ่าตัด รวมไปถึงการรักษาด้วยเลเซอร์มากกว่า

ครีมแผลเป็นที่วางขายอยู่ทั่วไปในท้องตลาด สามารถช่วยในการรักษารอยแผลเป็นได้จริงหรือเปล่า?
สำหรับคนที่มีงบน้อย ครีมแผลเป็น เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุด ครีมแผลเป็น เซรั่มแผลเป็น หรือเจลแผลเป็น สามารถช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นที่ตาสามารถมองเห็นได้เป็นอย่างดี ในราคาที่ไม่แพง แต่คุณจำเป็นที่จะต้องเลือกครีมแผลเป็นอย่างเหมาะสม โดยการพิจราณาส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เหล่านั้นให้ดีก่อนนำมาใช้ เช่น ครีมแผลเป็นที่มีส่วนประกอบของซิลิโคน ที่มีคุณภาพสูงในการช่วยรักษาแผลเป็น เป็นต้น นอกจากนี้ คุณยังจำเป็นที่จะต้องทราบความแตกต่างระหว่างเนื้อครีม และเนื้อเจล ทุถูกนำมาใช้ในการรักษารอยแผลเป็นอย่างเหมาะสม
1.เนื้อเจล การรักษารอยแผลเป็นด้วยเนื้อเจลนั้น เนื้อเจลจะมีความโดดเด่นในเรื่องของน้ำหนักที่เบา และให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้อย่างนาวนาน ทำให้พวกมันเหมาะเป็นอย่างมากในการนำมาใช้รักษารอยแผลเป็น

         2.ซิลิโคน ถูกนำมาใช้ในการรักษารอยแผลเป็นทุกประเภทมาอย่างนาวนาน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจำนวนมาก แนะนำให้ใช้ซิลิโคนเข้ามาช่วยในการปรับปรุงลักษณะของแผลเป็น ผลิตภัณฑ์รักษารอยแผลเป็นบางชนิดอาจจะมีการใช้ซิลิโคนเป็นส่วนผสมมากถึง 100% โดยไม่มีส่วนผสมอื่นๆเลย
 3.เนื้อครีม ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว แต่การที่เนื้อครีมจะซึมลึกลงสู่ชั้นผิวได้รวดเร็วมากเท่าใดนั้น จะขึ้นอยู่กับความหนัก หรือความเข้มข้นของเนื้อครีม แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่มีผิวมันอยู่แล้ว ถ้าหากทาเนื้อครีมโดยไม่ระวัง ก็อาจจะทำให้ใบหน้ายิ่งมันมากขึ้นกว่าเดิม
 แผลเป็นอาจจะเป็นสิ่งดี ที่คอยเตือนใจเราถึงอาการบาดเจ็บที่ได้ผ่านพ้นไป เพื่อให้ชีวิตอย่างมีสติมากยิ่งขึ้น แต่แผลเป็นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นอุทาหรณ์ หรือแหล่งเรียนรู้แห่งความทุกข์ไปตลอดชีวิต ดังนั้นการใช้ครีมแผลเป็นที่มีประสิทธิภาพมากเพียงพอ รอยแผลเหล่านั้นก็จะค่อยๆเลือนลับหาย กลายเป็นอดีตไปตลอดกาล

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

แก้ปัญหาตูดดำอย่างไรดี บทความนี้มีคำตอบ

         ปัญหาตูดดำ ร่องขาหนีบดำ เป็นอุปสรรคอย่างที่ทำให้สาวๆหมดความมั่นใจ โดยเฉพาะเมื่อต้องใส่ชุดว่ายน้ำอวดบั้นท้ายอย่างชุดบีกินี ทั้งนี้ ปัญหาตูดดำเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการเสียดสีของผิวหนังบริเวณก้น การใส่กางเกงรัดติ้วเป็นเวลานานๆ หรือแม้จากที่มีน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้นก็เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาตูดดำ ร่องขาหนีบดำได้
         กระนั้นก็ตาม หากใครเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีปัญหาตูดดำแล้วล่ะก็ อย่าปล่อยปละละเลยเป็นอันขาด เพราะยิ่งนานวันมันจะเป็นร่องรอยดำคล้ำรุนแรงมากขึ้น จนอาจหาวิธีแก้ไขได้ยาก ดังนั้น การรักษาตูดดำ หรือร่องขาหนีบดำควรทำตั้งแต่เนิ่นๆ จึงจะสามารถแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ


วิธีแก้ตูดดำ

         1.ใช้สมุนไพรธรรมชาติ เช่น มะขามเปียก มะนาว นำมาถูทิ้งไว้ประมาณ 2-5 นาที บริเวณที่เกิดรอยด่างดำ ความเป็นกรดอ่อนๆ จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออก ช่วยให้ผิวเนียนนุ่มขึ้น แต่ต้องใช้ความระมัดระวังเช่นกัน ถ้ามีอาการอักเสบหรือผื่นผิวหนังร่วมด้วย วิธีธรรมชาตินี้อาจทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้นและเกิดรอยคล้ำมากขึ้นกว่าเดิมได้ นอกจากนี้ระหว่างใช้สมุนไพรแก้ตูดดำ ยังไม่ควรตากแดด เพราะความเป็นกรดอาจทำให้ผิวเกิดปฏิกริยากับแสง และเป็นรอยไหม้ดำได้
         2.ขัดตัว ด้วยสครับขัดผิวอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง อย่างเบาๆ โดยในปัจจุบันหาซื้อได้ง่าย มีจำหน่ายทั่วไปตามท้องตลาด ท่านผู้อ่านสามารถสอบถามทางร้านค้าได้เลยว่าจะเอาไปขัดผิวบริเวณก้นควรใช้สครับผิวตัวไหน ซึ่งต้องดูให้ดีด้วยว่าสครับผิวตัวนั้นๆมี อย.หรือไม่
         3.ลดน้ำหนัก อย่างที่ได้เกริ่นไปแล้วว่าความอ้วนก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตูดดำ รวมพึงผิวหนังบริเวณอื่นอีกด้วย เช่น รักแร้ดำ ขาหนีบดำ ซอกคอดำ เป็นต้น ทั้งนี้ เนื่องจากผิวบริเวณดังกล่าวโดยเฉพาะบั้นท้ายจะมีเนื้อหรือผิวหนังมากกว่าบริเวณอื่น จึงทำให้เกิดการเสียดสีจนเป็นรอยดำได้ง่าย ฉะนั้น ผู้ที่มีรูปร่างอ้วนควรออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก โดยให้เน้นท่ากระชับต้นขา ต้นแขน เพื่อลดการเสียดสีของผิวหนัง
         4.ใช้ครีมบำรุง ที่มีส่วนผสมวิตามินอีและวิตามินซี หรือส่วนผสมของ AHA และ whitening เพื่อลดรอยด่างดำช่วยให้ผิวเนียนนุ่มขึ้น ลดการอักเสบ ช่วยป้องกันอันตรายที่เกิดจากรังสีอุลตร้าไวโอเลต ทั้งนี้ ควรทาบำรุงหลังอาบน้ำ เพราะผิวจะพร้อมรับสารอาหารที่เป็นประโยชน์ ให้เข้าไปฟื้นบำรุงได้อย่างเต็มที่

         5.รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ วิตามินซี วิตามินอี สามารถพบได้มากในอาหาร เช่น นม ไข่ ถั่ว เนื้อสัตว์ ปลา ผัก และผลไม้ วิตามินทั้งสอง มีบทบาทสำคัญที่จะช่วยฟื้นบำรุงสภาพผิว มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิว ทำให้ผิวแข็งแรง และลดการอักเสบ ที่สำคัญคือแก้ปัญหาตูดดำได้
         นอกจากปัญหาตูดดำแล้ว บางคนยังเกิดปัญหาก้นลายอีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดจาก การแกะเกาผิวจนเกิดเป็นรอยแผลเป็นตะปุ่มตะป่ำ โดยที่เป็นกันมากก็ได้แก่ เกิดตุ่ม ผด หรือสิวนั่นเอง ฉะนั้น เมื่อเป็นสิว ผดผื่นคัน หรืออะไรก็ตามบริเวณแก้มก้น ก็ไม่ควรมือบอนไปแคะแกะเกา จะได้ไม่เกิดปัญหาตูดดำ ตูดลาย
         ส่วนอาการผิวด้านในคนที่เกิดจากการเสียดสีเป็นเวลานานๆ เซลล์ผิวหนังจะจับตัวกันมากขึ้นเป็นผื่นแข็ง เนื่องจากเกิดการอักเสบใต้ผิว ควรให้แพทย์ตรวจเช็คดูว่ายังมีอาการอักเสบหรือไม่ แพทย์อาจสั่งจ่ายยาทาในกลุ่มเสตียรอยด์เพื่อลดอาการอักเสบของผิว อย่างไรก็ตาม ปัญาตูดดำ ก้นลาย หรือผิวด้าน สามารถแก้ได้ด้วยวิธีข้างต้น แต่ต้องสังเกตความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ถ้าพบว่าผลลัพธ์ไม่ดีขึ้นควรหยุดทันที แต่หากรอยดำแลดูจางลงแสดงว่าเป็นวิธีที่ได้ผล ให้ทำไปเรื่อยๆจนอาการดีขึ้นตามลำดับ

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

สุดยอดวิธีทำ ครีมรักษาแผลเป็น ที่เกิดขึ้นจากกลากอย่างง่ายๆที่บ้าน

         กลากเป็นปัญหาสุขภาพผิวเรื้อรัง ที่ก่อให้เกิดอาการอักเสบของผิว สาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการกลากนั้นยังไม่ทราบอย่างแน่ชัด แต่โดยทั่วไปแล้วมักจะเชื่อกันว่า กลากเกิดขึ้นจากความเครีดที่สะสมตัวมากจนเกินไป ภูมิแพ้ อาการระคายเคือง จุลินทรีย์ การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอรืโมนในร่างกาย และปัจจัยอื่นๆอีกมากมาย

การปรากฏตัวของกลาก
   กลาก มักจะปรากฏตัวขึ้นเป็นสีแดงบนผิวหนังตามส่วนต่างๆของร่างกาย มีอาการคัน ทำให้ผิวบริเวณนั้นเกิดความแห้งกร้าน ผื่น และหมองคล้ำมากยิ่งขึ้น ส่งผลทำให้ผิวหยาบ เมื่อทำการรักษากลากจนหายแล้ว มันก็ยังอยู่เบื้องหลังรอยแผลเป็นที่น่าเกลียดจำนวนมากบนผิวหนัง ที่จำเป็นจะต้องใช้ระยะเวลายาววนานมาก กว่าที่รอยแผลเป็นเหล่านั้นจะจางหายไป

         เมื่อผิวหนังของคุณปรากฏรอยแผลเป็นขึ้นหลังจากการรักษากลากแล้วก็อย่าพึ่งตกใจจนเกินไป เพราะนอกเหนือจากการใช้โลชั่นในการดูแลรักษาผิวหนังตามปกติในชีวิตประจำวันแล้ว คุณยังสามารถที่จะผ่อนคลายความเครียดของผิว ลดอาการเจ็บปวด คัน ไปพร้อมกับการฟื้นฟูรักษารอยแผลเป็นเหล่านั้นให้จางหายไปอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ด้วยวิธีทางธรรมชาติ ที่บทความชิ้นนี้กำลังจะขอทำการแนะนำสูตรครีมรักษาแผลเป็นอย่าง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้าน ดังต่อไปนี้

สูตรการทำครีมรักษาแผลเป็นที่เกิดขึ้นจากกลาก อย่างง่ายๆที่บ้าน
   สำหรับสูตรครีมรักษาแผลเป็นอย่างง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้านนั้นมีมากมายหลายสูตรเลยทีเดียว ซึ่งคุณสามารถที่จะเลือกเฉพาะสูตรที่ตัวเองชอบ หรือสนใจเพื่อนำไปใช้ในการรักษาฟื้นฟูผิวของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อผลลัพธ์ในการรักษารอยแผลเป็นที่ดีที่สุด
 1.น้ำผึ้ง ครีมรักษาแผลเป็นจากธรรมชาติ ที่ถูกนำมาใช้ในการดูแลสุขภาพของผิวอย่างหลากหลาย รวมทั้งปัญหารอยแผลเป็นจากกลากด้วย นอกจากนี้น้ำผึ้งยังมีคุณสมบัติในการช่วยผ่อนคลายผิว ฆ่าและต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นการช่วยรักษารอยแผลเป็นที่มีอาการเปื่อยรวมด้วยได้เป็นอย่างดี
 เพียงแค่คุณใช้น้ำผึ้งทาลงบนผิวโดยตรง ในบริเวณที่ได้รับผิลกระทบอย่างทั่วถึง หรือคุณอาจจะใช้น้ำผึ้งมาทำเป็นสครับผิวร่วมกับน้ำตาลก้อน ทำการขัดในบริเวณที่ต้องการเบาๆ ประมาณ 2-3 นาที แล้วจึงค่อยทำการล้างออก เพียงแค่คุณทำตามคำแนะนำนี้ไม่กี่ครั้งต่อสัปดาห์ รอยแผลเป็นก็จะค่อยๆหายไปอย่างสมบูรณ์

         2.น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ เป็นหนึ่งในครีมรักษาแผลเป็นที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก เนื่องจากมันมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อรา และต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ที่สามารถช่วยลดอาการกาก อาการเปื่อยของผิวหนังให้น้อยลง สำหรับวิธีการใช้ก็แสนง่าย เพียงแค่คุณผสมน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์กับน้ำเปล่าในอัตราส่วนที่เท่ากัน จากนั้นทาลงไปที่ผิวหนังโดยตรง ครีมรักษาแผลเป็นนี้จะช่วยลดอาการคัน และรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังมากยิ่งขึ้น
 3.ข้าวโอ๊ต มีคุณสมบัติในการช่วยปลอบประโลมผิว และบรรเทาอาการคัน นอกจากนี้ข้าวโอ๊ต ยังสามารถช่วยทำความสะอาดผิวได้เป็นอย่างดี ทำให้มันถูกนิยมนำมาใช้เป็นครีมรักษาแผลเป็นจากธรรมชาติ
 นำข้าวโอ๊ตปริมาณ 1-2 ถ้วย ใส่ลงไปในเครื่องปั่นให้ละเอียด แล้วผสมมันลงไปในอ่างอาบน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำอุ่น เมื่อแช่อ่างน้ำที่เต็มไปด้วยข้าวโอ๊ตเป็นเวลา 20-30 นาที ไปพร้อมกับการลูบไล้ผิวที่แห้งด้วยผ้าขนหนูนุ่มๆ เป็นเวลา 3 ครั้ง ต่อวัน ตามระดับความรุนแรงของปัญหาแผลเป็น เพียงเท่านี้ แผลเป็นของคุณก็จะค่อยๆถูกเยียวยารักษาอย่างทั่วถึงเลยทีเดียว
 วิธีการรักษาแผลเป็นจากกลาก ที่มักเกิดขึ้นจากเชื้อแบคทีเรียเหล่านี้ จำเป็นที่จะต้องเลือกส่วนผสมของครีมรักษาแผลเป็นจากธรรมชาติ ที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรีย หรือจุลินทรีย์อย่างได้ผล เพื่อผลลัพธ์ในการดูแลรักษาผิวพรรณให้ห่างไกลจากแผลเป็นที่ดีที่สุด

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ครีมลบแผลเป็น โครตง่าย ทำเองก็ได้ ไม่เห็นต้องง้อคลินิก

         ปัญหารอยแผลเป็น เป็นหนึ่งในปัญหาด้านผิวพรรณที่สร้างความลำบากใจให้กับคนที่ต้องการจะมีผิวพรรณที่สวยงาม เรีนบเนียน ไร้จุดเด่นสะดุดตามากที่สุด นอกจากนี้รอยแผลเป็น ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นจะต้องใช้ความใจเย็น เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาอย่างยาวนานอย่างมากเลยทีเดียว ทำให้หลายคนที่ใจร้อน จึงมักที่อยากลดระยะเวลาในการรกษาแผลเป็นให้น้อยลง โดยการไปเข้ารับการรักษาจากบรรดาเหล่าสถาบันเสริมความงาม หรือจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านผิวหนังโดยเฉพาะ แต่ราคาค่าใช้จ่ายในการเข้ารับการรักษาเหล่านี้ ก็เรียกได้ว่าค่อนข้างสูงมากทีเดียว อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับคนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์อย่างคนในวันเรียนสักเท่าใดนัก และต่อให้เลือกที่จะใช้วิธีการรักษาพื้นๆ อย่างการใช้ครีมลบแผลเป็นก็ตาม แต่ราคาก็ใช่ย่อยอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม ครีมลบแผลเป็นที่มีประสิทธิภาพนั้น ใช่ว่าจะมีเพียงการรักษาด้วยตัวยาแผนปัจจุบันเท่านั้น ถ้าหากทำการศึกษาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วจะพบได้ว่า ครีมลบแผลเป็นสามารถทำขึ้นได้ใหม่ด้วยตัวคุณเอง โดยการใช้วัตถุดิบส่วนผสมจากธรรมชาติ ที่สามารถหาได้ไม่ยาก แถมราคาไม่แพงอีกด้วย

ครีมลบแผลเป็น สูตรทำด้วยตัวเองอย่างง่ายๆที่บ้าน
สำหรับครีมลบแผลเป็น สูตรที่ได้รับความนิยม มีดังต่อไปนี้
 1.น้ำมะนาว กรดของน้ำมะนาวทำหน้าที่เป็นยาฆ่าเชื้อตามธรรมชาติ จึงสามารถช่วยแบ่งเบารอยแผลเป็นให้จางลง นอกจากนี้ด้วยปริมาณของวิตามินซีที่สูงในน้ำมะนาว ยังสามารถช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผิวใหม่ถูกสร้างขึ้นมาแทนเซลล์ผิวเก่าที่ผลัดตัวเนื่องจากการเสื่อมสภาพ และยังช่วยปรับโทนสีของชั้นผิวใหม่ที่เกิดขึ้นมาแทนที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
 เพียงใช้น้ำมะนาวสดๆ ทาลงบนพื้นที่ผิวที่ต้องการ วันละสองครั้ง ทิ้งเอาไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรือวิธีการใช้น้ำมาะนาวในฐานะครีมลบแผลเป็นอีกแบบหนึ่งก็คือ การขัดผิว โดยใช้น้ำมะนาวผสมเข้ากับน้ำตาลก่อน ขัดๆ ทาถูบริเวณแผลเป็นก่อนเข้านอน ในระยะเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ คูรก็จะสามารถเห็นผลลัพธ์สุดมหัศจรยย์ที่เกิดขึ้นกับผิวได้อย่างแน่นอน
   2.น้ำมันมะกอก เป็นครีมลบแผลเป็นจากธรรมชาติ ที่มีสรรพคุณในการบรรเทาอาการติดเชื้อ ทำให้ผิวอ่อนนุ่ม ลดรอยแดง และทำให้รอยแผลเป็นจางหายไป

         นำน้ำมันมะกอกทำการนวดลงไปเบาๆในบริเวณที่เกิดแผลเป็น จากนั้นให้นำผ้าขนหนูที่ชุบน้ำอุ่น บิดหมาดๆ วางประคบลงในบริเวณนั้น ทิ้งเอาไว้จนกระทั่งผ้าเย็น แล้วทำการล้างน้ำมันส่วนเกินออกด้วยน้ำอุ่นอีกครั้ง ทำซ้ำ 1-2 ครั้ง ต่อวัน แต่ถ้าหากคุณมีอาการแพ้ หรือหาน้ำมันมะกอกไม่ได้จริงๆ ขอแนะนำให้ใช้น้ำมันมะพร้าวแทน
 นอกจากการใช้ครีมลบแผลเป็นแล้ว การทานอาหารบางอย่างที่มีคุณสมบัติในการช่วยรักษาแผลเป็น เพื่อเสร้มความรวดเร็วในการซ่อมแซม ฟื้นฟู สภาพผิวให้กลับมาสมบูรณ์ที่สุดนั้นก็เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเช่นกัน เช่น การทานน้ำมันปลา เป็นต้น
การบริโภคน้ำมันปลาอย่างต่อเนื่อง สามารถที่จะช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยคุณสมบัติของกรดไขมันโอเมก้า-3 ในปลา ยังสามารถช่วยรักษาอาการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับโรคกลาก ซึ่งเมื่อหายก็มักที่จะหลงเหลือรอยแผลเป็นเอาไว้ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย โดยการรับประทานน้ำมันปลาอย่างเหมาะสม ในการช่วยรกษาอาการเหล่านี้ ขอแนะนำให้ใช้วันละ 1,200 มิลลิกรัม หรืออาจจะใช้วิธีการรับประทานอาหารประเภทปลาที่ไขมันสูง อย่างเช่น ปลาเซลมอน หรือปลาทูน่า ก็จะได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจในการรักษาแผลเป็นเช่นกัน

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

สุดยอดครีมครีมทาแผลเป็น ที่ได้ผลดีที่สุด

         แผลเป็น นอกจากทำให้ผิวมีจุดน่าเกลียดที่เด่นสะดุดตาแล้ว ยังทำให้ผิวหนังโดยรวมดูไม่เรียบเนียนอย่างที่เหล่าคนรักสวยรักงามต้องการ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ปัญหารอยแผลเป็น กลายเป็นปัญหาที่น่ารำคาญใจมากยิ่งขึ้นไปอีก นั่นก็คือ “อาการคัน” ที่มักเกิดขึ้นรวมกันกับรอยแผลเป็นบ่อยๆ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า การรบกวนผิวหนังนั้นนับเป็นสิ่งต้องห้ามที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะอาจจะยิ่งทำให้ผิวหนังเกิดริ้วรอยมากขึ้น หรือในกรณีของรอยแผลเป็นนั้น ก็อาจจะไปกระตุ้นเกิดอาการอักเสบ หรือแผลเป็นอาจจะเกิดการขยายขนาด มองเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยที่เราไม่ได้ตั้งใจได้เช่นกัน
 แต่เมื่อเกิดอาการคันๆๆๆๆ …. คงเป็นเรื่องยากมากที่จะห้ามใจไม่ให้เผลอใช้มือเกา ซึ่งวิธีที่ดีสุดที่จะป้องกันไม่ให้เกิดการรบกวนผิวขึ้น ก็คือการรู้จักใช้ครีมทาแผลเป็น ที่มีคุณสมบัติช่วยในการรักษาฟื้นฟูผิวให้จางลงอย่างรวดเร็ว ไปพร้อมๆกับการบรรเทา ลด และป้องกันอาการคันไม่ให้เกิดขึ้นเสียตั้งแต่เนิ่นๆ สำหรับครีมทาแผลเป็น ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนเหล่านี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องไปตามหาซื้อจากที่ไหน แต่พวกมันอยู่ใกล้ตัวคุณที่บ้าน ใกล้เสียจนหลายๆคนมองข้ามไปเลยทีเดียว

ครีมทาแผลเป็น บรรเทาอาการคัน ทำได้ง่ายๆด้วยตัวเองที่บ้าน
 1.ใบสะเดา เป็นครีมทาแผลเป็นตามธรรมชาติของไทยโบราณ นอกจากการช่วยรักษาแผลเป็นอย่างได้ผลแล้ว ใบสะเดายังมีคุณสมบัติช่วยลดอาการระคายเคือง และต่อต้านอาการอักเสบอย่างได้ผล สำหรับวิธีการนำใบสะเดามาใช้เป็นครีมทาแผลเป็นก็แสนง่าย เพียงแค่ใช้ใบสะเดาบด และขมิ้นผง อย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ เติมน้ำมันงาลงไปเล็กน้อย ผสมทุกอย่างรวมเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำไปทาพอกในพื้นที่ที่ได้รับความกระทบ ทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที แล้วทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำการรักษาด้วยวิธีนี้ วันละครั้งอย่างสม่ำเสมอ
2.ว่านหางจระเข้ เป็นหนึ่งในครีมทาแผลเป็นจากธรรมชาติที่ได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก ว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติในการต่อต้านอาการอักเสบ และต้านจุลชีพ ที่ช่วยในการลดอาการระคายเคืองที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยค่อยๆทำให้รอยแผลเป็นจางลง และลดรอยหมองคล้ำบนผิวอย่างได้ผล
 วิธีการใช้ว่านหางจระเข้ในฐานะของครีมทาแผลเป็นนั้น เพียงแค่นำเจลว่านหางตระเข้ทาลงไปโดยตรงยังบริเวณผิวที่ต้องการ วันละ 1-2 ครั้ง ทุกวัน จนกว่าคุณจะเริ่มรู้สึกพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้ หรือคุณอาจจะประยุกต์นำเจลว่านหางจระเข้ ไปผสมรวมเข้ากับน้ำมันวิตามินอีในปริมาณที่พอๆกัน แล้วนำมาทาบนผิวที่ต้องการก่อนเข้านอนโดยไม่ต้องล้างออก จากนั้นจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำอุ่นในตอนเช้า เป็นประจำทุกวัน

         3.เบรกกิ้งโซดา เป็นครีมทาแผลเป็นตามธรรมชาติ ที่สามารถช่วยกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วออกไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้เบรกกิ้งโซดายังไม่ทำเกิดอาการคันขึ้นที่ผิวหนังอีกด้วย ในความเป็นจริงแล้ว เบรกกิ้งโซดายังสามารถที่จะช่วยลดอาการคันให้น้อยลงได้อีกด้วย สำหรับวิธีการนำเบรกกิ้งโซดาไปใช้นั้น เพียงทำการผสมเบรกกิ้งโซดาปริมาณ 2 ช้อนโต๊ะ เข้ากับน้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ แล้วนำส่วนผสมที่ได้ไปทาลงบนรอยแผลเป็นที่ต้องการ จากนั้นทิ้งเอาไว้ประมาณ 10 นาที แล้วจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำอุ่น
ขอเพียงแค่คุณมีความตั้งใจจริงที่จะกำจัดรอยแผลเป็น พร้อมกับใช้ครีมทาแผลเป็นเหล่านี้ในการช่วยดูแลผิวพรรณอย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้รับรองว่า ในเวลาไม่นาน ผิวของคุณก็จะกลับมาเรียบสวย ไร้รอยแผลเป็น และอาการคันรบกวนใจอีกต่อไปอย่างแน่นอน

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.