สุดยอดวิธีทำ ครีมรักษาแผลเป็น ที่เกิดขึ้นจากกลากอย่างง่ายๆที่บ้าน

         กลากเป็นปัญหาสุขภาพผิวเรื้อรัง ที่ก่อให้เกิดอาการอักเสบของผิว สาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการกลากนั้นยังไม่ทราบอย่างแน่ชัด แต่โดยทั่วไปแล้วมักจะเชื่อกันว่า กลากเกิดขึ้นจากความเครีดที่สะสมตัวมากจนเกินไป ภูมิแพ้ อาการระคายเคือง จุลินทรีย์ การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอรืโมนในร่างกาย และปัจจัยอื่นๆอีกมากมาย

การปรากฏตัวของกลาก
   กลาก มักจะปรากฏตัวขึ้นเป็นสีแดงบนผิวหนังตามส่วนต่างๆของร่างกาย มีอาการคัน ทำให้ผิวบริเวณนั้นเกิดความแห้งกร้าน ผื่น และหมองคล้ำมากยิ่งขึ้น ส่งผลทำให้ผิวหยาบ เมื่อทำการรักษากลากจนหายแล้ว มันก็ยังอยู่เบื้องหลังรอยแผลเป็นที่น่าเกลียดจำนวนมากบนผิวหนัง ที่จำเป็นจะต้องใช้ระยะเวลายาววนานมาก กว่าที่รอยแผลเป็นเหล่านั้นจะจางหายไป

         เมื่อผิวหนังของคุณปรากฏรอยแผลเป็นขึ้นหลังจากการรักษากลากแล้วก็อย่าพึ่งตกใจจนเกินไป เพราะนอกเหนือจากการใช้โลชั่นในการดูแลรักษาผิวหนังตามปกติในชีวิตประจำวันแล้ว คุณยังสามารถที่จะผ่อนคลายความเครียดของผิว ลดอาการเจ็บปวด คัน ไปพร้อมกับการฟื้นฟูรักษารอยแผลเป็นเหล่านั้นให้จางหายไปอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ด้วยวิธีทางธรรมชาติ ที่บทความชิ้นนี้กำลังจะขอทำการแนะนำสูตรครีมรักษาแผลเป็นอย่าง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้าน ดังต่อไปนี้

สูตรการทำครีมรักษาแผลเป็นที่เกิดขึ้นจากกลาก อย่างง่ายๆที่บ้าน
   สำหรับสูตรครีมรักษาแผลเป็นอย่างง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้านนั้นมีมากมายหลายสูตรเลยทีเดียว ซึ่งคุณสามารถที่จะเลือกเฉพาะสูตรที่ตัวเองชอบ หรือสนใจเพื่อนำไปใช้ในการรักษาฟื้นฟูผิวของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อผลลัพธ์ในการรักษารอยแผลเป็นที่ดีที่สุด
 1.น้ำผึ้ง ครีมรักษาแผลเป็นจากธรรมชาติ ที่ถูกนำมาใช้ในการดูแลสุขภาพของผิวอย่างหลากหลาย รวมทั้งปัญหารอยแผลเป็นจากกลากด้วย นอกจากนี้น้ำผึ้งยังมีคุณสมบัติในการช่วยผ่อนคลายผิว ฆ่าและต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นการช่วยรักษารอยแผลเป็นที่มีอาการเปื่อยรวมด้วยได้เป็นอย่างดี
 เพียงแค่คุณใช้น้ำผึ้งทาลงบนผิวโดยตรง ในบริเวณที่ได้รับผิลกระทบอย่างทั่วถึง หรือคุณอาจจะใช้น้ำผึ้งมาทำเป็นสครับผิวร่วมกับน้ำตาลก้อน ทำการขัดในบริเวณที่ต้องการเบาๆ ประมาณ 2-3 นาที แล้วจึงค่อยทำการล้างออก เพียงแค่คุณทำตามคำแนะนำนี้ไม่กี่ครั้งต่อสัปดาห์ รอยแผลเป็นก็จะค่อยๆหายไปอย่างสมบูรณ์

         2.น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ เป็นหนึ่งในครีมรักษาแผลเป็นที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก เนื่องจากมันมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อรา และต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ที่สามารถช่วยลดอาการกาก อาการเปื่อยของผิวหนังให้น้อยลง สำหรับวิธีการใช้ก็แสนง่าย เพียงแค่คุณผสมน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์กับน้ำเปล่าในอัตราส่วนที่เท่ากัน จากนั้นทาลงไปที่ผิวหนังโดยตรง ครีมรักษาแผลเป็นนี้จะช่วยลดอาการคัน และรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังมากยิ่งขึ้น
 3.ข้าวโอ๊ต มีคุณสมบัติในการช่วยปลอบประโลมผิว และบรรเทาอาการคัน นอกจากนี้ข้าวโอ๊ต ยังสามารถช่วยทำความสะอาดผิวได้เป็นอย่างดี ทำให้มันถูกนิยมนำมาใช้เป็นครีมรักษาแผลเป็นจากธรรมชาติ
 นำข้าวโอ๊ตปริมาณ 1-2 ถ้วย ใส่ลงไปในเครื่องปั่นให้ละเอียด แล้วผสมมันลงไปในอ่างอาบน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำอุ่น เมื่อแช่อ่างน้ำที่เต็มไปด้วยข้าวโอ๊ตเป็นเวลา 20-30 นาที ไปพร้อมกับการลูบไล้ผิวที่แห้งด้วยผ้าขนหนูนุ่มๆ เป็นเวลา 3 ครั้ง ต่อวัน ตามระดับความรุนแรงของปัญหาแผลเป็น เพียงเท่านี้ แผลเป็นของคุณก็จะค่อยๆถูกเยียวยารักษาอย่างทั่วถึงเลยทีเดียว
 วิธีการรักษาแผลเป็นจากกลาก ที่มักเกิดขึ้นจากเชื้อแบคทีเรียเหล่านี้ จำเป็นที่จะต้องเลือกส่วนผสมของครีมรักษาแผลเป็นจากธรรมชาติ ที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรีย หรือจุลินทรีย์อย่างได้ผล เพื่อผลลัพธ์ในการดูแลรักษาผิวพรรณให้ห่างไกลจากแผลเป็นที่ดีที่สุด

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

สุดยอดครีมครีมทาแผลเป็น ที่ได้ผลดีที่สุด

         แผลเป็น นอกจากทำให้ผิวมีจุดน่าเกลียดที่เด่นสะดุดตาแล้ว ยังทำให้ผิวหนังโดยรวมดูไม่เรียบเนียนอย่างที่เหล่าคนรักสวยรักงามต้องการ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ปัญหารอยแผลเป็น กลายเป็นปัญหาที่น่ารำคาญใจมากยิ่งขึ้นไปอีก นั่นก็คือ “อาการคัน” ที่มักเกิดขึ้นรวมกันกับรอยแผลเป็นบ่อยๆ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า การรบกวนผิวหนังนั้นนับเป็นสิ่งต้องห้ามที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะอาจจะยิ่งทำให้ผิวหนังเกิดริ้วรอยมากขึ้น หรือในกรณีของรอยแผลเป็นนั้น ก็อาจจะไปกระตุ้นเกิดอาการอักเสบ หรือแผลเป็นอาจจะเกิดการขยายขนาด มองเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยที่เราไม่ได้ตั้งใจได้เช่นกัน
 แต่เมื่อเกิดอาการคันๆๆๆๆ …. คงเป็นเรื่องยากมากที่จะห้ามใจไม่ให้เผลอใช้มือเกา ซึ่งวิธีที่ดีสุดที่จะป้องกันไม่ให้เกิดการรบกวนผิวขึ้น ก็คือการรู้จักใช้ครีมทาแผลเป็น ที่มีคุณสมบัติช่วยในการรักษาฟื้นฟูผิวให้จางลงอย่างรวดเร็ว ไปพร้อมๆกับการบรรเทา ลด และป้องกันอาการคันไม่ให้เกิดขึ้นเสียตั้งแต่เนิ่นๆ สำหรับครีมทาแผลเป็น ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนเหล่านี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องไปตามหาซื้อจากที่ไหน แต่พวกมันอยู่ใกล้ตัวคุณที่บ้าน ใกล้เสียจนหลายๆคนมองข้ามไปเลยทีเดียว

ครีมทาแผลเป็น บรรเทาอาการคัน ทำได้ง่ายๆด้วยตัวเองที่บ้าน
 1.ใบสะเดา เป็นครีมทาแผลเป็นตามธรรมชาติของไทยโบราณ นอกจากการช่วยรักษาแผลเป็นอย่างได้ผลแล้ว ใบสะเดายังมีคุณสมบัติช่วยลดอาการระคายเคือง และต่อต้านอาการอักเสบอย่างได้ผล สำหรับวิธีการนำใบสะเดามาใช้เป็นครีมทาแผลเป็นก็แสนง่าย เพียงแค่ใช้ใบสะเดาบด และขมิ้นผง อย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ เติมน้ำมันงาลงไปเล็กน้อย ผสมทุกอย่างรวมเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำไปทาพอกในพื้นที่ที่ได้รับความกระทบ ทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที แล้วทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำการรักษาด้วยวิธีนี้ วันละครั้งอย่างสม่ำเสมอ
2.ว่านหางจระเข้ เป็นหนึ่งในครีมทาแผลเป็นจากธรรมชาติที่ได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก ว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติในการต่อต้านอาการอักเสบ และต้านจุลชีพ ที่ช่วยในการลดอาการระคายเคืองที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยค่อยๆทำให้รอยแผลเป็นจางลง และลดรอยหมองคล้ำบนผิวอย่างได้ผล
 วิธีการใช้ว่านหางจระเข้ในฐานะของครีมทาแผลเป็นนั้น เพียงแค่นำเจลว่านหางตระเข้ทาลงไปโดยตรงยังบริเวณผิวที่ต้องการ วันละ 1-2 ครั้ง ทุกวัน จนกว่าคุณจะเริ่มรู้สึกพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้ หรือคุณอาจจะประยุกต์นำเจลว่านหางจระเข้ ไปผสมรวมเข้ากับน้ำมันวิตามินอีในปริมาณที่พอๆกัน แล้วนำมาทาบนผิวที่ต้องการก่อนเข้านอนโดยไม่ต้องล้างออก จากนั้นจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำอุ่นในตอนเช้า เป็นประจำทุกวัน

         3.เบรกกิ้งโซดา เป็นครีมทาแผลเป็นตามธรรมชาติ ที่สามารถช่วยกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วออกไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้เบรกกิ้งโซดายังไม่ทำเกิดอาการคันขึ้นที่ผิวหนังอีกด้วย ในความเป็นจริงแล้ว เบรกกิ้งโซดายังสามารถที่จะช่วยลดอาการคันให้น้อยลงได้อีกด้วย สำหรับวิธีการนำเบรกกิ้งโซดาไปใช้นั้น เพียงทำการผสมเบรกกิ้งโซดาปริมาณ 2 ช้อนโต๊ะ เข้ากับน้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ แล้วนำส่วนผสมที่ได้ไปทาลงบนรอยแผลเป็นที่ต้องการ จากนั้นทิ้งเอาไว้ประมาณ 10 นาที แล้วจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำอุ่น
ขอเพียงแค่คุณมีความตั้งใจจริงที่จะกำจัดรอยแผลเป็น พร้อมกับใช้ครีมทาแผลเป็นเหล่านี้ในการช่วยดูแลผิวพรรณอย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้รับรองว่า ในเวลาไม่นาน ผิวของคุณก็จะกลับมาเรียบสวย ไร้รอยแผลเป็น และอาการคันรบกวนใจอีกต่อไปอย่างแน่นอน

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

รอยแผลเป็น รักษาให้หายได้ ด้วยครีมรักษา รอยแผลเป็น

         ปัญหาเรื่องผิวพรรณนั้นมีมากมาย ที่พบเจอกันมากก็อย่างเช่น ปัญหาสิว ผดผื่นคัน ริ้วรอยแห่งวัย รอยแตกลาย เป็นต้น และอีกหนึ่งปัญหาที่มักเจอบ่อยไม่แพ้กันก็คือ “รอยแผลเป็น” เนื่องจากมันเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งรอยแผลเป็นจากสิว อีสุกอีใส อุบัติเหตุต่างๆที่ทำให้เป็นแผล หรืออาจเกิดจากการที่เคยเย็บแผลมาก่อน ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้เกิดรอยแผลเป็นบนผิวหนังได้ทั้งสิ้น แล้วเมื่อเกิดปัญหาผิวนี้เราจะสามารถรักษาให้หายได้หรือไม่ อย่างไร รวมถึงรอยแผลเป็นมีกี่ประเภท วันนี้เรามาหาคำตอบกัน

ประเภทของรอยแผลเป็น และการรักษา
        1.รอยดำ บางคนจะเหมารวมว่ารอยดำที่เกิดขึ้นหลังสิวหายหรือแผลหาย แล้วทิ้งรอยดำๆเอาไว้ว่าเป็นรอยแผลเป็น จริงๆแล้วมันเป็นแค่รอยดำ ที่เกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสีทำงานมากเกินไป เนื้อเยื่อผิวหนังไม่ได้เสียหาย จึงไม่ใช่รอยแผลเป็นที่รุนแรง รอยดำพวกนี้ส่วนใหญ่ถ้าไม่รักษา มักจะจางหายไปได้เองภายในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน และสามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาทา ทำทรีทเมนต์ผลักตัวยาลดเม็ดสี และใช้เลเซอร์กลุ่ม Q switched ND YAG (RM Laser) รวมทั้งการทารีมกันแดดสม่ำเสมอก็จะทำให้รอยดำจางเร็วขึ้น
        2.รอยแผลเป็นแท้ๆ เกิดจากการบาดเจ็บที่รุนแรงในชั้นหนังแท้ ทำให้คอลลาเจนเสียหาย เมื่อร่างกายซ่อมแซม ก็จะเกิดรอยแผลเป็น ซึ่งบางคนอาจต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิต แบ่งเป็น

        2.1 แผลเป็นปกติ เมื่อแผลหายจะยังคงเห็นเป็นรอย ซึ่งอาจจะมีสีซีด หรือเข้มกว่าผิวหนังปกติรอบๆรอยก็ได้
        2.2 แผลเป็นนูน เกิดจากร่างกายสร้างเนื้อเยื่อออกมาซ่อมแซมบาดแผลมากเกินไป โดยจะทั้งรอยแผลเป็นแบบ Hypertrophic scar หรือเนื้อเยื่อที่ถูกสร้างขึ้นมานูนใหญ่กว่าปกติ แต่ไม่ขยายออกนอกรอยแผลเดิม และรอยแผลเป็นแบบ Keloid ที่นอกจากจะนูนใหญ่มากกว่าปกติแล้วยังขยายลุกลามออกจากรอยแผลเดิมด้วย และอาจเกิดการดึงรั้ง ส่วนใหญ่มักจะเกิดบริเวณใบหู คาง หน้าอก หัวไหล่ มักจะเกิดในผู้ที่ประวัติครอบครัวมีภาวะนี้
        การรักษารอยแผลเป็นดังกล่าวนี้ อาจใช้วิธีการฉีดยาเพื่อรักษาคีลอยด์ หรือการใช้นวัตกรรมอื่นๆที่สามารถเข้ารับการรักษาได้ตามคลินิคผิวหนัง หลังจากรักษาแล้วจะทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น แต่บางรายก็อาจช่วยได้ไม่มาก ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความรุนแรงของรอยแผลเป็น
        3.รอยแผลเป็นหลุม หรือรอยแผลเป็น depressed เกิดจากการที่เนื้อเยื่อผิวหนังถูกทำลายเสียหาย และไม่เกิดการซ่อมแซมที่เพียงพอ หรืออาจเกิดพังผืดในชั้นผิวดึงรั้งใหเกิดการยุบตัวลงมา ทำให้สุดท้ายเกิดเป็นรอยแผลเป็นหลุมขึ้น ส่วนใหญ่มักเกิดที่ใบหน้า ที่พบมากสุดเลยก็คือรอยแผลจากสิวนั่นเอง
        การรักษารอยแผลเป็นหลุมนิยมใช้ laser ยิงกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ โดยทำให้เกิดความร้อนที่ใต้ชั้นผิวหนังชั้นลึก เรียกว่า Photothermolysis ส่งผลให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวหนังเรียบเนียนกระชับมากขึ้น แผลเป็นและหลุมสิวตื้นขึ้น ริ้วรอยและจุดด่างดำแลดูจางลง ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับเครื่องไม้เครื่องมือของแต่ละที่ด้วย บางครั้งอาจทำให้เกิดแผลตกสะเก็ดได้

        รอยแผลเป็น เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อยากเจอ ดังนั้น ควรดูแลเอาใจใส่ผิวอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิวโดยเฉพาะผักผลไม้ เพราะสารอาหารจะช่วยฟื้นบำรุงผิวให้สุขภาพดีอยู่เสมอ เมื่อเป็นสิวหรือเป็นแผลก็จะทำให้รอยดำรอยแดงหายไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้น ยังควรทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ให้ผิวสดใส อ่อนกว่าวัยอย่างที่ทุกคนต้องการ
        ทั้งนี้ หากเกิดรอยแผลที่รุนแรง เมื่อแผลเริ่มหายใหม่ๆ ควรทำการนวดหรือการกดบริเวณนั้นเบาๆ โดยการนวดอย่างสม่ำเสมอในระยะประมาณ 3-6 เดือนแรก จะช่วยให้รอยแผลเป็นลดการขยายตัวและนูนได้ แต่ในกรณีที่เป็นแผลขนาดใหญ่ เช่น แผลเป็นที่เกิดจากไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก อาจจำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องมือพิเศษตามที่แพทย์แนะนำ

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ลดรอยแผลเป็น ในไม่กี่สัปดาห์ ทำได้อย่างไรไปดูกัน

         รอยแผลเป็น เป็นหนึ่งในปัญหาทางด้านผิวพรรณที่เรียกได้ว่ารักษาได้ค่อนข้าง “ยาก” และจำเป็นที่จะต้องใช้ระยะเวลานานมากทีเดียว กว่าที่ร่างกายจะสามารถฟื้นฟูเซลล์ผิว ให้กลับมาแลดูเรียบเนียนได้ดังเดิม แต่สำหรับคนใจร้อน ที่ออกจะอดรนทนรอไม่ค่อยได้ อยากลดรอยแผลเป็นให้เลือนหายไปให้รวดเร็วที่สุดนั้น ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน ด้วยการใช้วิธีการรักษาลดรอยแผลเป็นจากธรรมชาติ ที่กำลังจะขอแนะนำไว้ในบทความนี้ ถ้าหากทำการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่องแล้วล่ะก็ รับรองว่าการลดรอยแผลเป็น ในระยะเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ จะไม่เป็นเรื่องที่ไกลจนเกินเอื้อมอีกต่อไปอย่างแน่นอน

วิธีลดรอยแผลเป็นจากธรรมชาติอย่างได้ผลทันใจ ในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์
 1.น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ เป็นหนึ่งในวิธีการลดรอยแผลเป็นอย่างได้ผล ด้วยการช่วยกำจัดเนื้อเยื่อแผลเป็น ผลัดผิวเก่า เผยเซลล์ผอวใหม่ที่สวยงามสดใสมากขึ้นกว่าเดิม สำหรับวิธีการใช้ก็ง่ายๆ เพียงใช้สำลีจุ่มลงในน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ แล้วนำไปทาในบริเวณรอยแผลเป็น ทิ้งเอาไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด ตบท้ายด้วยการทาโลชั่นเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำซ้ำเป็นประจำทุกวัน ในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์คุณก็จะสามารถเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน แต่ถ้าหากรู้สึกว่าน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ทำให้รู้สึกคัน ระคายเคืองที่ผิว ควรนำไปผสมกับน้ำเปล่าเล็กน้อยเพื่อให้เจือจาง ก่อนที่จะนำไปใช้ทาที่ผิว
2.น้ำมันลาเวนเดอร์ น้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ มีคุณสมบัติช่วยในการฟื้นฟูเซลล์ผิว ลดรอยแผลเป็น โดยการช่วยเพิ่มอัตราการหมุนเวียนของเซลล์ผิว และยังช่วยป้องกันรอยแผลเป็นแบบถาวรอีกด้วย น้ำมันลาเวนเดอร์เพียงไม่กี่หยด นำไปใช้นวดเบาๆ เป็นวงกลมบนรอยแผลเป็น จากนั้นทิ้งเอาไว้ประมาณ 10-15 นาที เพื่อให้น้ำมันซึมลึกลงสู่ชั้นผิว หรือคุณอาจจะนำน้ำมันลาเวนเดอร์ ผสมเข้ากับน้ำมันมะกอก แล้วนำส่วนผสมที่ได้ไปทาลงบนบริเวณที่ต้องการก็ได้เช่นกัน วิธีนี้สามารถทำการทาผิวได้วันละ 2 ครั้ง ติดต่อกันเป็นระยะเวลาหลายสัปดาห์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
 3.น้ำผึ้ง ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวตามธรรมชาติ และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการนำมาใช้ลดรอยแผลเป็น ด้วยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และลดการสะสมตัวของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เพียงแค่คุณนำน้ำผึ้งดิบ ทานวดเป็นวงกลมลงไปบนรอยแผลเป็นที่ต้องการ 10 นาที แล้วทิ้งเอาไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำซ้ำเป็นประจำวันละ 2 ครั้ง ติดต่อกันหลายๆสัปดาห์

         4.ผงไม้จันทร์ เป็นวิธีการลดรอยแผลเป็นที่ดี ที่สามารถทำได้เองที่บ้าน ผงไม้จันทร์มีคุณสมบัติในการช่วยรักษารอยแผลเป็นให้ผิวกลับคืนสู่สภาพเดิม สำหรับส่วนผสมของสูตรนี้ ได้แก่การใช้ผงไม้จันทร์ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมเข้ากับน้ำกุหลาบพอให้ผงไม้จันทร์เริ่มข้นเป็นน้ำ จากนนั้นนำส่วนผสมที่ได้ทาพอกเอาไว้บนรอยแผลเป็น ทิ้งเอาไว้ทั้งคืน แล้วจึงค่อยทำการล้างออกในตอนเช้า ทำซ้ำเป็นประจำทุกวัน เป็นเวลา 1-2 เดือน
 5.น้ำมันต้นชา มีคุณสมบัติช่วยในการรักษาผิว และช่วยในการลดรอยแผลเป็นอย่างพอเหมาะ แต่เนื่องจากน้ำมันต้นชามีความเข้มข้นสูงมาก ดังนั้นจึงขอแนะนำให้ทำการเจือจางด้วยน้ำก่อนนำไปใช้ การนำน้ำมันต้นชาไปใช้นั้น ควรใช้น้ำมันต้นชา 2 หยด ผสมเข้ากับน้ำมันมะกอก หรือน้ำมันอัลมอนด์ 1 ช้อนชา แล้วนำไปทายังบริเวณพื้นที่ที่ต้องการ ทิ้งเอาไว้หลายๆชั่วโมง  วันละครั้งแล้วจึงค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรือใช้น้ำมันต้นชา 2-3 หยด ผสมเข้ากับน้ำอุ่น 2/3 ถ้วย แล้วนำไปล้างในบริเวณที่ต้องการวันละ 2 ครั้ง ทำติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอ เป็นเวลานานหลายๆสัปดาห์
การรักษาลดรอยแผลเป็นด้วยวิธีการทางธรรมชาติเหล่านี้ อาจจำเป็นที่จะต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานกว่าที่จะแสดงผล แต่พวกมันก็มีอันตรายและผลข้างเคียงน้อย เมื่อเทียบกับการรักษาที่ต้องใช้สารเคมี หรือการผ่าตัด

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.