อาหารเสริมหน้าใส กับวิธีปฏิบัติตนให้ผิวสวยสุขภาพดี

         เมื่อพูดถึง “อาหารเสริมหน้าใสหลายคนอาจส่ายหน้าด้วยทัศนคติที่ว่า อาหารเสริมไม่ใช่สิ่งจำเป็นในชีวิต แถมบางคนอาจคิดไปเสียว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเป็นภัยคุกคามอย่างหนึ่งที่หากได้ลองรับประทานแล้วจะเกิดผลเสียต่อร่างกาย จริงๆแล้วอาหารเสริมถือเป็นอาหารประเภทหนึ่งที่ใช้รับประทานโดยตรงนอกเหนือจากการรับประทานอาหารหลักตามปกติเพื่อเสริมสารบางอย่างเข้าสู่ร่างกาย โดยมิใช่ยาสำหรับผู้ป่วย และอาหารเสริมที่แท้จริงจะไม่ทำร้ายสุขภาพของผู้บริโภคแต่อย่างใด

         แต่กระนั้นก็ดี จะอธิบายอย่างไรคนที่มีอคติก็คงไม่เข้าใจ ดังนั้น เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า วันนี้เราจะมาพูดถึงการทำให้ผิวหน้าสวยสดใส แบบไร้ที่ติกันเลยทีเดียว ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง ที่จะส่งเสริมให้ผิวหน้าขาวสวยเนียนใสมากขึ้น ควบคู่ไปกับการใช้อาหารเสริมหน้าใสอย่างถูกวิธี ถ้าพร้อมแล้วก็มาเริ่มกันเลย

วิธีปฏิบัติตนให้ผิวหน้าสวยใส ไร้ที่ติ
         1.ไม่ควรนอนดึกเกิน 4 ทุ่ม และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง เพราะการนอนดึกจะทำให้ระบบต่างๆในร่างกายเสื่อมโทรม ทำให้มีอายุสั้นลง ระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจ และระบบภูมิคุ้มกันโรคทำงานไม่เป็นปกติ ที่สำคัญยังส่งผลเสียต่อสุขภาพผิว
         2.ออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน หรือวันเว้นวัน อย่างน้อยวันละ 30 นาที ทำให้สุขภาพผิวดี ดูเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล ผุดผ่องสดใส แถมยังทำให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงอีกด้วย

         3.ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพราะจะช่วยขจัดของเสียออกจากร่างกาย ทำให้หน้าดูสดใส น้ำยังช่วยทำให้กล้ามเนื้อของเรามีความชุ่มชื้นไม่เหี่ยวย่นด้วย ซึ่งถ้าหากร่างกายมีน้ำเพียงพอก็สามารถกำจัดของเสียเหล่านี้ออกมาได้มาก
         4.รับประทานผักผลไม้สดเป็นประจำ เช่น ส้ม ฝรั่ง กล้วย กีวี่ มะนาว มะเขือเทศ เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรงต้านทานโรคต่างๆ ทำให้ผิวสวย ดูสดใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
         5.ทำจิตใจให้ร่าเริง สดชื่น แจ่มใส มองโลกในแง่ดี จะช่วยลดความเครียดซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้ และยังช่วยชะลอวัยได้ด้วย
         6.ไม่ดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้ผิวเหี่ยวย่น แก่ก่อนวัยอัยควร หน้าตาไม่สดใส และมีสิวอุดตันตามมา ดังนั้นควรหลีกเลี่ยง เพราะเหล้าและบุหรี่มีผลเสียหลายต่อสุขภาพในร่างกายของเรามาก

         7.หลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดดจัดๆ เพราะแสงแดดจะทำให้หน้าเราหมองคล้ำได้ เมื่อออกกลางแจ้งควรสวมแว่นตาและกางร่ม (ร่มกัน UV ก็มีนะ) และทาครีมกันแดดด้วย นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงมลภาวะเป็นพิษต่างๆ โดยไม่จำเป็น เช่น ฝุ่น ควัน เป็นต้น
         8.ไม่ควรเข้านอนโดยที่ยังไม่ได้ล้างหน้า ก่อนล้างหน้าควรเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางก่อนทุกครั้ง และควรล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง แต่ไม่เกิน 3 ครั้งเพราะจะทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นได้ ที่สำคัญเมื่อล้างหน้าเสร็จควรใช้โทนเนอร์เช็ดทำความสะอาดอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าผิวหน้าสะอาดปราศจากสารตกค้างแล้วจริงๆ

         9.หมั่นบำรุงผิว โดยเฉพาะหลังจากล้างหน้าทุกครั้ง ควรทาครีมบำรุงผิว เพื่อทดแทนความชุ่มชื่นที่เสียไปจากการล้างหน้า เพื่อป้องกันริ้วรอยและรอย
         10.ทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าเป็นประจำ สัปดาห์ละครั้ง เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกและเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิวอุดตัน

เพิ่มประสิทธิภาพ ด้วยอาหารเสริมหน้าใส
         เมื่อปฏิบัติตนให้ผิวหน้าสวยใสกันไปแล้ว ถ้าอยากให้สุขภาพผิวดีมาจากข้างใน ด้วยการเสริมสร้างคอลลาเจน เพิ่มออกซิเจนให้แก่ผิว ฟื้นบำรุงผิวไม่ให้หมองคล้ำ ได้รับปกป้องอันตรายที่เกิดจากมลภาวะและอนุมูลอิสระ การใช้อาหารเสริมหน้าใสถือเป็นตัวช่วยที่ดีเยี่ยมสำหรับคุณ โดยเฉพาะในคนยุคนี้ที่ไม่ค่อยนิยมรับประทานผักผลไม้แบบสดๆ จึงสมควรอย่างยิ่งยวดที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผิวหน้าด้วยอาหารเสริม อย่างไรก็ตาม การเลือกอาหารเสริมหน้าใสที่ดี ควรเลือกด้วยเหตุผลดังนี้
         1.ใช้สารสกัดจากธรรมชาติ ที่มีงานวิจัยรองรับ เชื่อถือถือได้ มีผลดีต่อสุขภาพผิว ไม่ทำร้ายผิวแม้เป็นคนผิวบอบบาง แพ้ง่าย
         2.ไม่มีการสะสมในร่างกาย และส่งผลเสียต่อตับ อาหารเสริมหน้าใสที่ดีต้องไม่ทำร้ายสุขภาพ โดยเฉพาะตับ ต้องไม่มีสารตกค้างที่สะสมในร่างกาย ฉะนั้น ควรดูที่สลากให้ดีว่าห้ามรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานานหรือไม่
         3.ไม่มีสารสเตียรอยด์เป็นส่วนผสม อาหารเสริมหน้าใสบางตัวอาจมีการผสมสารสเตียรอยด์มาด้วย ซึ่งไม่ใช่สารสกัดธรรมชาติที่ดีต่อร่างกาย ทั้งยังสะสม และส่งผลเสียต่อร่างกาย ก่อให้เกิดมะเร็งได้

 

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

อาหารเสริมหน้าใส ไร้สิว ผิวขาว รวดเร็ว

         ณ ตอนนี้ นวัตกรรมเกี่ยวกับความสวยความงามรุดหน้าไปมาก มีการนำเทคโนโลยีมาใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในการค้นคว้าวิจัยถึงสารต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อผิวพรรณ จึงเกิดเป็นครีมหรือเซรั่มบำรุงผิวแสนแพงที่จำหน่ายกันทั่วไป อย่างไรก็ตาม หลายครั้งที่วิธีการดังกล่าวมิอาจช่วยให้ผิวหน้าของคุณกลับสวยสดใส อ่อนกว่าวัยได้ดังใจปราถนา ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นฟื้นบำรุงผิวจากภายนอกเท่านั้น
มาถึงตรงนี้หลายคนคงสงสัยว่า “การดูแลผิวจากข้างในทำได้อย่างไร” คำตอบก็คือคุณต้องรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิว ไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่า อาหารที่ให้วิตามินซี เพิ่มกระบวนการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว อาหารที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อาหารที่มีประโยชน์ในการฟื้นบำรุงผิวจากข้างในเหล่านี้ หากจะให้เพียงพอคงต้องรับประทานกันจนท้องแตกไปข้างหนึ่ง ดังนั้น จึงเกิดเป็นทางเลือกสำหรับคนอยากหน้าใส ไร้สิว และอยากมีผิวขาว คือ “อาหารเสริมหน้าใส” ที่เราจะมาพูดถึงกันในวันนี้


อาหารเสริมหน้าใส คืออะไร

อาหารเสริม จัดเป็นอาหารประเภทหนึ่ง ตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 ซึ่งหมายถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้รับประทานโดยตรงนอกเหนือจากการรับประทานอาหารหลักตามปกติเพื่อเสริมสารบางอย่าง มักอยู่ในรูปลักษณะเป็นเม็ด แคปซูล ผง เกล็ด ของเหลว หรือลักษณะอื่น และมีจุดมุ่งหมายสำหรับบุคคลทั่วไปที่มีสุขภาพปกติ มิใช่สำหรับผู้ป่วย
ฉะนั้น อาหารเสริมหน้าใส จึงเป็นอาหารที่มีจุดประสงค์เพื่อการฟื้นบำรุงผิวหน้าของคุณให้ขาวสว่างกระจ่างใส มีออร่ามากขึ้น โดยไม่ได้มาในรูปแบบยา ไม่มีผลข้างเคียงใดๆต่อผู้บริโภค นอกจากมีอาการแพ้จากสารนั้นๆที่บรรจุไว้ในอาหารเสริมหน้าใส


อาหารเสริมหน้าใส ไร้สิว ผิวขาวไว มีอะไรบ้าง

ปัจจุบันมีอาหารเสริมหน้าใสออกจำหน่ายมากมายตามท้องตลาด และในร้านค้าออนไลน์ ซึ่งมีให้เลือกหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นชนิดเม็ดแคปซูล โดส ผงชง หรือของเหลว โดยจะมีการนำสารต่างๆที่มีประโยชน์ต่อผิว ลดสิว ทำให้ผิวขาวใสขึ้น มาใส่ไว้ในอาหารเสริมหน้าใส สารอาหารที่ว่านี้ อาทิเช่น
1.วิตามินซี เป็นวิตามินชนิดละลายในน้ำ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีอีกตัวหนึ่ง ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ภูมิต้านทานให้ร่างกาย เพราะสามารถป้องกันและรักษาการอักเสบอันเนื่องมาจากแบคทีเรียและไวรัสได้ โดยวิตามินซีขึ้นชื่อเรื่องการทำให้ผิวขาวใส ขาวไว มีประโยชน์ต่อผิวเป็นอย่างมาก ช่วยให้แผลหายไวขึ้น เพิ่มกระบวนการสังเคราะห์คอลลาเจนในชั้นผิว ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย
2.ไลโคปีน ขึ้นชื่อในเรื่องของประโยชน์ด้านความสวยควางาม ทำให้ผิวขาวสวย ชะลอความแก่ และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยม ทั้งนี้ ไลโคปีน เป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอย พบมากในผักและผลไม้ที่มีสีแดง ส้มและเหลือง โดยเฉพาะในมะเขือเทศ มีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์แล้วว่า ช่วยชะลอความชรา มีส่วนทำให้สุขภาพผิวแข็งแรง สดใสมากขึ้น
3.วิตามินบี 3 เป็นสารอาหารที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และลดรอยแดงบนผิวให้น้อยลง โดยการปกป้องผิวชั้นนอกเอาไว้ ที่สำคัญวิตามินบี 3 ทำให้ผิวขาวใสมากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนั้นยังช่วยยับยั้งการเกิดเม็ดสีเมลานิลยังเซลล์ผิวจุดต่างๆ ที่ทำให้เกิดรอยด่างดำขึ้นบนผิวอีกด้วย วิตามินบี 3 จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีผิวแห้ง และต้องการได้รับวิตามินบำรุงผิวให้สวยสุขภาพ
4.Astaxanthin อีกหนึ่งสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยม แก้ปัญหาผิวหมองคล้ำดำเสีย ให้กลับมาขาวสดใสอย่างที่ควรจะเป็น แก้ปัญหาเรื่องฝ้า กระ จุดด่างดำ รวมทั้งช่วยลดเลือนริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ ร่องลึกบนใบหน้า และแก้ปัญหาสีผิวไม่เรียบเนียนสม่ำเสมอ ขาดความชุ่มชื้นได้

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

พาไปรู้จัก ‘เมือกหอยทาก’ กับเคล็ดลับลดริ้วรอยแสนง่าย

         เมื่อพูดถึง “เมือกหอยทากสาวๆหลายคนคงคุ้นหูกันเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นส่วนผสมของครีมต่างๆมากมาย หรือที่เรียกว่า “Snail cream” ซึ่งมักมาพร้อมกับคุณสมบัติในการฟื้นบำรุงผิวให้เรียบเนียน ชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน พร้อมๆกับการลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย มอบความกระชับเต่งตึงเข้าสู่ชั้นผิว ด้วยสรรพคุณแสนวิเศษนี่เองที่ทำให้สาวๆหูผึ่ง
         การนำเมือกหอยทากมาใช้เป็นเวชสำอางค์บำรุงผิว มีจุดกำเนิดมากจากประเทศชิลี โดยคนงานจากฟาร์มเลี้ยงหอยทากพบว่า หลังจากพวกเขาขนหอยทาก (escargot) ไปให้ร้านอาหารฝรั่งเศสเป็นประจำทุกวันเป็นเรื่องน่าประหลาดมากที่มือของพวกเขา นุ่ม น่าสัมผัส นอกจากนั้นแล้วบาดแผลที่มือก็สามารถหายได้อย่างรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ นักวิจัยระบุว่าในน้ำเมือกของหอยทากอุดมไปด้วยสารนานาประโยชน์มากมายที่เหมาะกับการซ่อมแซมและบำรุงผิวของคนเรา

         ณ ขณะนี้ มีเวชสำอางค์หรือครีมบำรุงผิวชื่อดังหลากหลายแบรนด์ทั้งในและต่างประเทศ ได้นำเมือกหอยทากมาเป็นส่วนผสมหลัก ที่โด่งดังกันอยู่ในตอนนี้ ได้แก่ It’s skin และ Dr.Mj Real Mucin Restore Cream
         กระนั้นก็ดี แม้เมือกหอยทากจะมีข้อดีอยู่มาก แต่ก็มีข้อควรระวังเช่นกัน เนื่องจากเมือกหอยทากที่นำมาใช้ในกระบวนการผลิต ควรมาจากฟาร์มที่มีมาตรฐาน สะอาดปราศจากเชื้อก่อโรคและหนอนพยาธิ ถึงแม้จะยังไม่มีรายงานว่าพบอาการแพ้ในกลุ่มผู้ใช้ผลิตภัณฑ์จากเมือกหอยทาก แต่ไม่ควรนิ่งนอนใจ หากมีการนำหอยทากมาใช้ผิดวิธี ก็อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ การแพ้ และการอักเสบของผิวหน้า ฉะนั้น ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ใดๆ ควรทดสอบกับผิวหนังบริเวณหลังใบหูก่อนนำไปใช้จริงกับผิวหน้า เพราะสภาพผิวมีความอ่อนโยนใกล้เคียงกัน

8 เคล็ดลับลดริ้วรอยแสนง่าย
         1.ปกป้องผิวพรรณจากแสงแดด รังสียูวีเอและยูวีบีเป็นตัวการสำคัญทำให้เกิดริ้วรอย ยิ่งในบ้านเราที่ดวงอาทิตย์สาดแสงแรงตลอดเวลา ควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างยิ่ง หรือถ้ามีเหตุต้องปะทะแดดก็ควรปกป้องผิวด้วยครีมกันแดด นอกจากจะป้องกันผิวไม่ให้ไหม้แดดอันเป็นสาเหตุทำให้เกิดริ้วรอยแล้ว ยังป้องกันมะเร็งผิวหนังไปในตัว

         2.สวมแว่นกันแดด เป็นอีกเคล็ดลับในการป้องกันการเกิดริ้วรอยรอบดวงตา (ซึ่งเกิดขึ้นได้ง่ายมาก) โดยนอกจากช่วยปกป้องอันตรายจากรังสีอัลตร้าไวโอเลตแล้ว ยังช่วยลดอาการหรี่ตา ย่นคิ้ว อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดรอยตีนกาได้ชะงัด
         3.งดสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ทำให้ออกซิเจนไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงผิวพรรณได้เต็มที่และเพียงพอ ทำให้เซลล์ผิวหนังไม่สดใสและส่งผลให้เกิดเซลล์ใหม่ล่าช้าแล้ว ยังเร่งให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าเร็วขึ้น สำคัญที่สุดคือรอยย่นเล็กๆบริเวณริมฝีปาก ถ้าไม่อยากมีจีบรอบปากแถมปากดำคล้ำล่ะก็ เลิกเสีย
         4.เพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิว หมุ่นคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหน้าด้วยการทาไนท์ครีมก่อนนอนทุกคืน และเติมกำลังเสริมด้วยการมาสก์หน้าทิ้งไว้ 5-10 นาที สัปดาห์ละละครั้งก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
         5.ปรับสภาพผิว หมั่นขัด นวด และปรับสภาพผิวเป็นประจำ สัปดาห์ละครั้ง อาจจะด้วยการใช้สครับขัดหน้าเพื่อให้เซลล์ผิวกลับคืนสู่ความสดใส มีชีวิตชีวา ช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของระบบโลหิตให้แข็งแรงกระฉับกระเฉง ตบท้ายด้วยผลิตภัณฑ์ที่เปี่ยมคุณค่า อย่างครีมหรือเซรั่มบำรุงผิว เป็นอาทิ

         6.รักษาความสะอาด แน่นอนว่าสาวๆทุกคนต้องแต่งหน้า และสิ่งสำคัญคือหลังเสร็จภารกิจประจำวัน อย่าลืมล้างหน้าให้สะอาดหมดจด นี่คือกฎเหล็กที่สาวๆทุกคนห้ามลืม ห้ามเผลอ ห้ามขี้เกียจ ห้ามผลัดวันประกันพรุ่งเด็ดขาด ทั้งนี้ ก่อนล้างหน้าต้องใช้ครีมเช็ดคราบเครื่องสำอางให้หมดก่อนเสมอ แล้วจึงล้างด้วยสบู่ล้างหน้าที่เลือกสรรแล้วว่าเหมาะกับสภาพผิว เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกไป  
         7.ทำอารมร์ให้แจ่มใส ความเครียดเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ริ้วรอยมาเยือนก่อนวัยอันควร ดังนั้น ควรทำอารมณ์ให้แจ่มใสอยู่เสมอ เมื่อไม่เครียด ไม่กังวล ย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม และทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งมากขึ้นอีกด้วย
         8.รับประทานอาหารที่ดี โดยเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผักผลไม้เป็นประจำ เพื่อให้อาหารแก่ผิวพรรณ เป็นการทำให้สุขภาพผิวดีออกมาจากข้างใน อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ชอบรับประทานผักผลไม้ก็สามารถใช้อาหารเสริมแทนได้ อย่างเช่น วิตามินซี เป็นต้น

         

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เมือกหอยทาก…มหัศจรรย์แห่งเวชสำอางค์ ฟื้นบำรุงผิว

         อีกหนึ่งนวัตกรรมแห่งเวชสำอางค์ ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ คงหนีไม่พ้นการนำ “เมือกหอยทาก” (Snail slime) มาใช้ในการฟื้นบำรุงผิว โดยมีการค้นพบว่าเมือกหอยทากสามารถปกป้องผิวได้อย่างมหัศจรรย์ ได้รับการยืนยันจากนักวิจัยทั่วโลก ซึ่งในประเทศชิลี เป็นแหล่งที่ถูกค้นพบเป็นประเทศแรก จากฟาร์มเลี้ยงหอยทากแห่งหนึ่ง อย่างไรก็ดี คงมีคนสงสัยว่าเจ้าเมือกหอยทากมันมีดีอะไร เหตุใดถึงนิยมนำมาเป็นส่วนผสมของเวชสำอางค์กันอย่างแพร่หลาย วันนี้เรามาหาคำตอบกัน


จุดเริ่มต้นแห่งนวัตกรรม เมือกหอยทาก

         ดร.ธีรศักดิ์ เอโกบล อาจารย์ประจำภาควิชาพันธุศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ผ่านเดลินิวส์ออนไลน์ว่า แนวคิดการบำรุงรักษาผิวพรรณด้วยเมือกหอยทาก ถูกค้นพบโดยบังเอิญของคนงานในฟาร์มเลี้ยงหอยทากเพื่อส่งให้ร้านอาหารฝรั่งเศส เนื่องจากต้องสัมผัสกับหอยทากและเมือกอยู่เป็นประจำ จึงสังเกตพบว่ารอยแผลบริเวณมือที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงานหายได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีผิวพรรณที่ดูกระชับและเนียนนุ่มขึ้น เป็นเหตุนำไปสู่ข้อสงสัยและเกิดเป็นงานวิจัยสรรพคุณของสารในเมือกหอยทากในเวลาต่อมา
         จากรายงานผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ให้เห็นว่าเมือกในหอยทากอุดมไปด้วยสารชีวโมเลกุลที่มีประโยชน์ เช่น โปรตีนที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ต่างๆ รวมทั้งแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว และยังมีสารโอลิโกไฮยาลูรอนิค แอซิด ช่วยลดเลือนริ้วรอยและเพิ่มความเต่งตึงของผิว
         การผลิตเมือกของหอยทาก จะพบมากบริเวณใต้เท้าที่ใช้ในการเคลื่อนที่ โดยเมือกชนิดนี้ถูกหลั่งออกมาเพื่อช่วยลดการเสียดสีและอันตรายจากการสัมผัสกับพื้นผิวต่างๆ ป้องกันเชื้อจุลินทรีย์และสภาวะที่เสี่ยงต่ออันตราย และบริเวณโดยรอบของลำตัว เนื่องจากสัตว์กลุ่มนี้มีลำตัวที่บอบบางและไม่มีชั้นผิวหนังที่กักเก็บน้ำไว้ได้ดีเหมือนสัตว์ประเภทอื่นๆ จึงต้องขับเมือกออกมาปกคลุมร่างกายเอาไว้ เพื่อประโยชน์ในการป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้น


เมือกหอยทากกับคุณประโยชน์ต่อผิว

         สารสกัดจากเมือกหอยทาก มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ สร้างความชุ่มชื้นให้ผิวเพื่อป้องกันการก่อตัวใหม่ของสารอนุมูลอิสระ และช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหาย ซึ่งมีกระบวนการทำงานก็คือ ครีมหอยทากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการซ่อมแซมผิวตามธรรมชาติ ลบเลือนริ้วรอยและยกกระชับผิวได้ดีขึ้น ขจัดเซลล์ผิวที่ไม่สมบูรณ์ เพิ่มประสิทธิภาพในการผลัดเซลล์ผิวใหม่ และเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว
         นอกจากนี้ ยังส่งให้ผิวมีการซ่อมแซมตัวเองและผลิตสารที่มีฤทธิ์หยุดยั้งการเติบโตของเชื้อโรค ทำลายเชื้อโรค ช่วยเพิ่มความหนาแน่นกักเก็บความชุ่มชื่นและยกกระชับผิวให้นุ่มและเรียบเนียนเหมือนผิวเด็ก ที่สำคัญช่วยรักษาสิว รอยแตกลาย รอยแผลเป็น และรอยหมองคล่ำของผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดด โดยส่วนสารที่มีอยู่ในเมือกหอยทาก ซึ่งมีประโยชน์ต่อผิวเป็นอย่างมาก เช่น
         Allantoin เป็นสารต้านการอักเสบและระคายเคืองต่อผิว และยังช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในเซลล์ผิวทำให้ผิวชุ่มชื้นฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ และลดริ้วรอยได้ดีพร้อมเร่งการผลิตเซลล์ผิวใหม่ อีกทั้งช่วยควบคุมความมัน
         Gluconic acid ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และควบคุมความมัน
         Collagen ช่วยให้ผิวของเรามีความชุ่มชื่น เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล กระชับอยู่เสมอ เนียนเด้งโดยจะอยู่คู่กับ Elastin ที่จะช่วยในเรื่องของความยืดหยุ่นของผิว

 

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เมือกหอยทาก ช่วยลดเลือนริ้วรอย และ เพิ่มความเต่งตึงของผิว

         ปัญหาริ้วรอยแห่งวัย ผิวไม่เรียบเนียน แห้งกร้าน ขาดความเต่งตึง เป็นสิ่งที่คุณผู้หญิงมักเจอเมื่อตัวเลขของอายุเริ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ ในสาวๆบางคน โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยให้ความใส่ใจกับการดูแลสุขภาพผิว ก็อาจเกิดปัญหาดังกล่าวได้เช่นกัน เนื่องจากปัญหาริ้วรอย จุดด่างดำ และผิวเหี่ยวย่นเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย บทความนี้จะมาเฉลยว่าริ้วรอยบนใบหน้า รวมทั้งผิวแห่งกร้าน ไม่เต่งตึงเกิดจากอะไร พร้อมมอบทางออกในการแก้ปัญหาด้วย “เมือกหอยทาก” สิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้น


ริ้วรอยแห่งวัย ผิวเหี่ยวย่น เกิดจากอะไร

         1.อายุ ถือเป็นสัจธรรมที่หลีกหนีไม่พ้น เมื่อตัวเลขของอายุเพิ่มมากขึ้น เป็นเรื่องธรรมดาที่ผิวพรรณอันเป็นสังขารก็ย่อมล่วงโรยตามวันเวลา อย่างไรก็ตาม มีการศึกษาการเกิดริ้วรอยบนใบหน้าของผู้หญิง พบว่าจะแตกต่างกันตามวัยที่เพิ่มขึ้นดังนี้
         -ปลายอายุ 20 เริ่มมีริ้วรอยบางๆที่ใต้ตา ริ้วรอยรอบๆตา ซึ่งเป็นผลจากการยิ้ม
         -ต้นอายุ 30 มีริ้วรอยบางๆ รอบดวงตาลึกขึ้น และรวมตัวชัดเป็นรอยเหี่ยวย่น รอยตีนกาที่หางตา และริ้วรอยบางๆ ระหว่างคิ้วและบนหน้าผาก ที่เป็นผลจากกิริยาขมวดคิ้ว
         -ปลายอายุ 30 รอยเหี่ยวย่นรอบดวงตา หน้าผาก และหว่างคิ้วเพิ่มมากขึ้น รอยเหี่ยวย่นรอบริมฝีปาก รอยเหี่ยวใต้ตา และร่องแก้มหย่อนคล้อยตามแรงโน้มถ่วงของโลก
         -อายุ 40 ขึ้นไป รอยเหี่ยวย่นรอบดวงตา ริมฝีปาก หน้าผาก และหว่างคิ้ว รอยเหี่ยวย่นจากการหย่อนคล้อยของผิวหน้า เส้นริ้วรอยที่ลำคอ
         2.คอลลาเจนใต้ผิว เป็นที่ทราบกันดีว่าการที่ผิวหน้าของเราเต่งตึงสวยงามอยู่ได้ เพราะสารคอลลาเจนที่อยู่ใต้ผิว ทว่าเมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง หรือความสมบูรณ์ของคอลลาเจนเสื่อมลง ริ้วรอยย่อมเกิดขึ้น แต่เกิดช้าๆ ทีละน้อย เริ่มจากรอยเล็กๆ บางๆ จนแทบมองไม่เห็นหรือมองข้ามไป มารู้ตัวอีกทีก็เป็นรอยลึกเสียแล้ว ซึ่งในแต่ละคน แต่ละเชื้อชาติล้วนมีต้นทุนคอลลาเจนแตกต่างกัน ส่วนคนเอเชียอย่างเรา แม้คอลลาเจนไม่แข็งแรงเท่าคนผิวดำ แต่ยังดีกว่าฝรั่งมาก โดยจะสังเกตได้ว่าผิวของคนไทยจะดูดีกว่าฝรั่งที่อายุไร่เรี่ยกัน

         3.สภาวะแวดล้อม และวิถีชีวิต มีส่วนในการเกิดริ้วรอยด้วยเช่นกัน แพทย์ผิวหนังจึงแนะนำวิธีดูแลสุขภาพผิวที่แท้จริงด้วยการเปรียบเทียบระหว่างผิวที่ใบหน้ากับผิวที่ก้น ถ้าผิวที่หน้ามีริ้วรอยมากมาย ในขณะที่ก้นยังเต่งตึงอยู่ละก็ แสดงว่าพื้นฐานผิวคุณดี แต่ปัจจัยภาพนอกเป็นตัวการทำลายคอลลาเจน และก่อให้เกิดริ้วรอย เช่น แสงแดด สูบบุหรี่จัด การที่น้ำหนักขึ้นๆ ลงๆ เป็นต้น
         4.แสงแดด เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร เป็นสิ่งที่เราควรหลีกเลี่ยงและควรป้องกันเป็นอย่างยิ่ง รังสีอัลตราไวโอเลตในแสงแดดถือเป็นศัตรูตัวฉกาจที่กระตุ้นให้ผิวสร้างอนุมูลอิสระ และทำลายอีลาสตินกับคอลลาเจนในผิวหนังให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น ซึ่งเจ้ามารร้ายอัลตราไวโอเลตนี้มีพี่น้องร่วมท้อง 2 ชนิด รังสีผู้พี่คือ อัตราไวโอเลตเอ (UVA) โดย UVA จะค่อยๆทำให้ผิวเสื่อมสภาพโดยที่เราไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกทำลายความแข็งแรงของอีลาสติน หรือคอลลาเจนอยู่ แม้แต่ในออฟฟิศที่ทำงานในห้องแอร์เย็นฉ่ำก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะ UVA สามารถทะลุผ่านกระจกเข้าไปทำลายคุณได้ตั้งแต่เช้าจรดเย็น


เมือกหอยทาก ช่วยลดเลือนริ้วรอย เพิ่มความเต่งตึง

         จากการค้นคว้าวิจัยต่างๆชี้ให้เห็นว่า เมือกหอยทากมีคุณสมบัติที่น่าประหลาดใจในการรักษาผิวโดยเฉพาะสิว อาการบวมแดง เห่อ ช่วยกระชับรูขุมขน ปรับผิวให้เนียนเรียบ และช่วยป้องกันรักษาความชราภาพของเซลผิวด้วย โดยอุดมไปด้วยคุณค่าของสารบำรุงผิวที่มีส่วนช่วยในการซ่อมแซมผิวพร้อมทั้งยังช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ ลดเลือดริ้วรอยแห่งวัย และช่วยสมานผิว สารที่อยู่ในน้ำเมือกหอยทากนี้มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูผิว ขัดผิว บำรุงผิว และสมานผิว ได้แก่ Allantoin, Gluconic acid, Collagen เป็นต้น

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ทำ IPL หน้าใสปิ๊ง สั่งได้ดังใจ

         ปัจจุบันมีวิธีการทำให้ผิวหน้าขาวใสมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ครีมหรือเซรั่มบำรุงผิว การรับประทานอาหารเสริม หรือแม้แต่การใช้สูตรพอกผิวหน้าแบบโฮมเมด ทั้งนี้ วิธีดังกล่าวอาจต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะได้หน้าใสปิ๊ง จึงเกิดเป็นนวัตกรรมเลเซอร์ผิวขึ้น วิธีนี้ไม่ต้องรอนานก็เห็นผลชัดเจน โดยนวัตกรรมที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้ก็คือ การทำ IPL ที่ใช้แก้ปัญหาผิวบนใบหน้าได้สารพัด ทั้งยังเป็นวิธีที่ใช้กันในระดับสากล


การทำ IPL คืออะไร

         การทำ IPL (Intense Pulsed Light) เป็นเครื่องมือที่พัฒนามาจากการทำเลเซอร์ ผลิตขึ้นโดยการปล่อยลำแสงที่ไม่ใช่เลเซอร์ แต่เป็นคลื่นแสงที่มีความยาวคลื่นหลายช่วง ตั้งแต่ 500 – 1,200 นาโนเมตร สามารถนำมาใช้แก้ไขปัญหาผิวพรรณได้มากมาย การใช้การปรับแต่งลำแสงมาแก้ปัญหานั้น จะมีฟิลเตอร์ (Filter) เป็นตัวกรองคลื่นแสงให้อยู่ในช่วงความยาวคลื่นที่ต้องการ โดยใช้หลักการดูดพลังงานแสงของส่วนประกอบของผิวที่แตกต่างกัน (selective photothermolysis) เช่น ฮีโมโกลบินในเส้นเลือด หรือเมลานินในเม็ดสี เมื่อเป้าหมายที่ต้องการดูดพลังงานแสงเข้าไปก็จะเกิดความร้อน ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามที่ต้องการ
         การทำ IPL ใช้รักษาได้ทั้ง กระตื้นและรอยดำโดยการทำลายเม็ดสีที่เข้มผิดปกติให้หลุดลอกออก จัดการริ้วรอยเล็กๆ และริ้วรอยรอบปาก โดยเข้าไปกระตุ้นให้ผิวชั้นกลางสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมา ริ้วรอยเล็กๆ ก็จะลดลง และยังช่วยรักษารอยแดง เส้นเลือดแดงฝอยเล็กๆ ฝ้าเส้นเลือด โดย IPL จะทำลายเส้นเลือดฝอยเล็กและทำให้เส้นเลือดหดเล็กลง รวมถึงการทำให้รูขุมขนที่กว้างจะกระชับเล็กลง พร้อมๆกับปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดความหมองคล้ำ ได้หน้าใสปิ๊งได้ดังใจต้องการ

ขั้นตอนการทำ IPL
         ในการรักษาไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา แต่จะมีการทาเจลเย็นตรงบริเวณที่จะทำการรักษา ช่วยให้ไม่รู้สึกเจ็บ และให้สวมแว่นดำเพื่อป้องกันแสงสว่างที่เกิดจากเครื่อง IPL จากนั้นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะกำหนดพลังงานแสงที่ตรงกับปัญหาที่ต้องการรักษา แล้วนำหัว IPL มาวางทาบบริเวณที่รักษา และปล่อยลำแสงออกมา แสงที่ออกมาจะมีความจ้ามากคล้ายกับแสงแฟลชถ่ายภาพ ขณะที่แสงถูกปล่อยออกมา จะรู้สึกเหมือนถูกหนังยางดีดเบาๆ และอุ่นเล็กน้อยบนผิว
         การทำ IPL อาจใช้เวลาตั้งแต่ 15-30 นาที และจำนวนครั้งที่ทำก็ขึ้นอยู่กับปัญหาผิว บางรายทำเพียงครั้งเดียว บางคนต้องทำต่อเนื่องแตกต่างกันออกไป แต่โดยทั่วไปจะเห็นผลเร็วหลังจากทำ 1-2 ครั้ง โดยทำทุก 2 สัปดาห์ ต่อครั้งในระยะแรก สำหรับผลข้างเคียงอาจพบในบางราย เช่น หลังทำจะรู้สึกร้อนที่ผิวประมาณ 20-30 นาที มีรอยแดงบางบริเวณซึ่งจะหายไปในเวลา 2–3 ชั่วโมง ในคนที่รักษากระตื้นจะเกิดสะเก็ดหลังทำอยู่ประมาณ 3-7 วัน
         อย่างไรก็ตาม หลังทำ IPL ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดประมาณ 1-2 สัปดาห์ และต้องทายากันแดดเป็นประจำ รวมทั้งควรดูแลผิวอย่างถูกต้องโดยไม่รบกวนผิวหรือขัดถูหน้าแรงๆ ที่สำคัญควรมีการทาครีมบำรุงผิว (Moisturizer) ด้วย นอกจากนี้ยังควรรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะพวกผักไม้ที่ให้วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระ จะช่วยให้การได้หน้าใสปิ๊ง ขาวสวยอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น

 

ทำ IPL แล้ว อย่าลืมบำรุงผิวจากภายใน
         เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากจะทำ IPL ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาผิวจากภายนอกแล้ว สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ การบำรุงผิวให้สุขภาพดีออกมาจากข้างใน โดยการรับประทานน้ำเปล่ามากๆ และการรับประทานอาหารที่ให้วิตามินซี ไลโคปีน และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยให้ผิวหน้าใสปิ๊งมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ หากใครไม่ชอบรับประทานผักผลไม้ก็สามารถใช้อาหารเสริมแทนได้

         

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ผิวหมองคล้ำ อยากได้หน้าใสปิ๊ง ต้องทำไง

         ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันว่า “ผิวหมองคล้ำ” ไม่ได้หมายถึงผิวสีน้ำผึ้งหรือผิวสีแทนที่ฝรั่งตาน้ำข้าวนิยมชมชอบกัน แต่มันคือการที่ผิวของคุณได้รับความเสียหายจากปัจจัยต่างๆจนทำให้ผิวเกิดความหมองคล้ำดำเสีย และอาจยกระดับเป็นปัญหาผิวตามมา เช่น ปัญหาสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ เป็นต้น นอกจากนี้หากใครปล่อยให้ผิวคล้ำเสียอย่างรุนแรง (โดยเฉพาะคนที่ชอบโดนแดดจัด) ก็อาจทำให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้


ปัจจัยที่ทำให้เกิดผิวหมองคล้ำ

1.แสงแดด เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ เพราะผิวจะเริ่มคล้ำเสียหลังจากที่ถูกแดดแรงๆเพียง 60 วินาที โดยผิวจะเริ่มเกิดอาการแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด สภาพผิวเช่นนั้นเป็นสัญญาณเตือนว่าเซลล์ผิวกำลังถูกทำลาย และถ้าหากยังคงชะล่าใจไมทำการป้องกัน ก็จะทำให้เกิดปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ
2.การไม่ล้างทำความสะอาดใบหน้าก่อนเข้านอน การทาบีบีครีม ครีมรองพื้น เครื่องสำอางต่างๆ อย่างซ้ำๆ และไม่ยอมล้างทำความสะอาดให้หมดจดก่อนเข้านอนจะส่งผลให้เกิดปัญหาสิว จากการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำในท้ายที่สุด
3.รังสียูวีและคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โดยเฉพาะจากคอมพิวเตอร์ ที่เกิดขึ้นจากการใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานานๆ จะส่งผลให้ผิวหน้าหมองคล้ำขึ้นได้โดยที่คุณอาจไม่รู้ตัว
   4.ความเครียด เป็นศัตรูตัวฉกาจต่อความสวยความงาม และสุขภาพโดยรวม เพราะความเครียดจะส่งผลให้ผิวหน้าหมองคล้ำได้ แถมยังบั่นทอนสุขภาพอีกด้วย

5.พักผ่อนไม่เพียงพอ การพักผ่อนน้อยก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ความหมองคล้ำได้เช่นกัน สิ่งที่สังเกตได้ชัดเจนคือบริเวณใต้ตาจะมีความดำคล้ำ ถ้าหากปล่อยไว้จะทำให้หน้าหมองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
6.ขาดน้ำ การได้รับน้ำปริมาณน้อยในแต่ละวัน จะทำให้ผิวเกิดความแห้งเสียหมองคล้ำได้ง่าย ฉะนั้นควรดื่มน้ำให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ หรือในคนทั่วไปควรดื่มอย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน ก็จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ดีขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม นอกจากปัจจัยดังกล่าวแล้ว การที่ผิวหมองคล้ำอาจเกิดจากปัญหาสุขภาพภายใน เช่น ระบบอวัยวะภายในที่ทำงานอย่างผิดปกติ ระดับฮอร์โมนแปรปรวน เป็นต้น หรืออาจเกิดจากการแพ้สารเคมีบางชนิด โดยเฉพาะในเครื่องสำอางค์


วิธีแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ ให้หน้าใสปิ๊ง

เมื่อทราบกันถึงสาเหตุกันไปแล้ว วิธีการแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ ให้ได้หน้าใสปิ๊งกลับคืนมา ทำได้ง่ายๆเพียงแค่คุณหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว แล้วบำรุงผิวให้สุขภาพดีขึ้น การมีหน้าใสไร้ปัญหาผิวหมองคล้ำก็จะเป็นของคุณได้ไม่ยาก ทว่าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างเช่น ต้องทำงานออกแดดเป็นประจำ ก็ควรใช้ครีมกันแดด และสวมหมวกสักใบ หรือสำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศที่ต้องอยู่หน้าจอเป็นเวลานานๆ ก็ควรนั่งให้หากจากจอคอมพิวเตอร์ประมาณ 14-24 นิ้ว พร้อมปรับค่าความสว่างหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เป็น 0 ก็จะสามารถช่วยลดแสงที่ทำให้ผิวคล้ำผิวเสียได้มากถึง 80%
นอกจากจะต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงแล้ว ถ้าอยากได้หน้าใสปิ๊ง ก็ควรทำการฟื้นฟูผิวเป็นประจำด้วยครีมบำรุงผิว รวมทั้งการรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิว โดยเฉพาะผักใบเขียวที่จะช่วยให้เซลล์ทำงานได้ดีขึ้น ควบคู่ผักสีเหลืองส้ม เช่น แครอท ฟักทอง ข้าวโพด ที่มีเบต้าแคโรทีนบำรุงให้ผิวสวย และรับประทานผักผลไม้สีแดงจำพวก แอปเปิ้ล ทับทิม มะเขือเทศ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินซีช่วยฟื้นบำรุงผิว

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

หนุ่มๆควรรู้ วิธีบำรุงผิวหน้า ชายโดยเฉพาะ

         เกิดเป็นชายต้องดิบๆ เถื่อนๆ หากสำอางมากแสดงว่าไม่แมน… ความคิดเดิมๆเช่นนี้คงไม่มีอีกต่อไปแล้ว สมัยนี้ชายแท้ต่างก็หันมาดูแลตัวเองกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการฟิตหุ่นเสริมบุคลิกภาพ เลือกสรรเสื้อผ้าอาภรให้เข้ากับตัวเอง รวมถึงการดูแลผิวพรรณให้สุขภาพดี เป็นที่ต้องตาต้องใจสาวๆ (และเพศเดียวกัน) สำหรับในเรื่องของการบำรุงผิวหน้า ชายโดยเฉพาะ จะมีวิธีดูแลที่ต่างไปจากคุณผู้หญิง เนื่องจากสภาพผิวไม่เหมือนกัน วันนี้เรามาเรียนรู้กันว่า วิธีบำรุงผิวหน้า ชายที่ถูกต้อง เขาทำกันอย่างไร


การบำรุงผิวหน้า ชายโดยเฉพาะ

         1.อย่าล้างหน้าบ่อย แม้ผิวหน้าของคุณผู้ชายจะมีความทนทานกว่าสาวๆ แต่ก็ควรล้างหน้าเพียงวันละ 2 ครั้ง โดยล้างหน้าตอนตื่นนอนและอาบน้ำตอนเย็นไม่ควรล้างหน้าบ่อยครั้งเกินไป เพราะจะทำให้ผิวแห้ง ลอกได้ กรณีที่ผิวของคุณสกปรกจริงๆ เช่น หลังเล่นกีฬา ก็อาจล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า เนื่องจากการล้างหน้ามากเกินไปอาจส่งผลกับผิวของคุณในระยะยาวได้
         2.ใช้ครีมบำรุงสำหรับผู้ชาย ผิวหน้าของเพศชายและเพศหญิงมีความแตกต่างกัน จึงเกิดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ชายโดยเฉพาะ ยิ่งคนไหนหน้าแห้งมากๆจะยิ่งทำให้ผิวเสียได้ง่าย เนื่องจากผิวหน้าขาดน้ำมันช่วยหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติ รอยย่น รอยเหี่ยว ริ้วรอยต่างๆ จึงเกิดขึ้นง่าย ฉะนั้น จึงควรทาครีมบำรุงทุกวันหลังอาบน้ำ ซึ่งครีมบำรุงผิวหน้า ชายมีจำหน่ายทั่วไป แม้กระทั่งร้านสะดวกซื้อ

         3.แก้ปัญหาสิวให้อยู่หมัด จะสังเกตเห็นว่าคุณผู้ชายส่วนใหญ่มักหนีไม่พ้นเรื่องสิว เพราะมีผิวมันเอื้อต่อการเป็นสิวได้ง่าย อย่างไรก็ดี ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะทำการบีบสิวจนอักเสบ หรือล้างหน้าวันละหลายๆครั้งด้วยความเชื่อผิดๆ แต่ควรแก้ให้ตรงจุดด้วยการควบคุมความมันและขจัดสิ่งโสโครกที่มีความเสี่ยงต่อใบหน้า ไม่ว่าจะผ้าเช็ดหน้า ปลอกหมอน หรือมือก่อนที่จะสัมผัสใบหน้าต้องสะอาด อีกวิธีคือการล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์อ่อนๆ เช้าเย็นเป็นประจำก็ช่วยลดปริมาณสิวได้

         4.จัดการริ้วรอยด้วยวิตามินซี สำหรับหนุ่มๆ ที่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการเลือก Skincare หรือ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ เอาเป็นว่าอย่างง่ายๆ สุด คือต้องมีวิตามินซี เพราะมีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระและมีประโยชน์กับผิวหนัง ช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้า และทำให้ผิวเต่งตึงช่วยป้องกันอันตรายจากรังสียูวีของแสงแดด และช่วยให้เซลล์ผิวหนังได้ปรับสภาพคอลลาเจนซึ่งเป็นใยโปรตีนในหนังแท้ ทำให้ผิวดูสวยงาม
         5.นวดหน้าและขัดหน้า บางคนได้ยินแบบนี้คงรู้สึกขึ้นมาทันทีว่าการนวดหน้า ขัดหน้ามันเป็นวิธีของคุณผู้หญิง แต่จริงๆแล้วสำหรับท่านชาย การล้างหน้าอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ หากต้องมีการนวดหน้าและขัดหน้า หรือทำทรีทเม้นต์บ้าง เพราะจะช่วยขจัดผิวที่ตายแล้วและทำความสะอาดขจัดสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่บนผิวหน้า เพื่อให้ได้ผิวกระจ่างสดใสมากขึ้น

         6.ทาครีมกันแดด แม้จะเป็นเพศที่แข็งแรงกำยำ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแสงแดดสามารถทำร้ายผิวได้เหมือนกัน ดังนั้น การใช้ครีมกันแดดจึงเป็นเกราะป้องกันการเสื่อมสภาพของผิวหน้าที่ถูกทำร้ายจากรังสียูวี แม้จะไม่เห็นผลในเร็ววัน แต่ก็จะชัดเจนขึ้นในระยะยาว คุณผู้ชายบางคนถึงกับเป็นมะเร็งผิวหนังก็มี เนื่องจากไม่เคยใช้ครีมกันแดดหรือสวมเครื่องป้องกันแดด อย่างหมวก แว่นตา เป็นต้น
         ชั้นผิวหนังของเพศชายจะหนากว่าเพศหญิง มีเส้นใยคอลลาเจนหนาแน่นกว่า จึงแข็งแรงกว่า ทำให้ไม่หย่อนยานง่ายอย่างเพศหญิงอีกทั้งฮอร์โมนเพศชายก็สร้างให้ต่อมไขมันที่ทำหน้าที่ได้ดีกว่าของเพศหญิง ผิวจึงดูชุ่มชื้นไม่หยาบกร้าน แต่หนุ่มๆก็อย่าชะล่าใจไป เพราะคุณอาจจะแก่ก่อนวัยได้ถ้าขาดการบำรุงผิวหน้าที่ถูกต้อง ดังนั้น จึงควรศึกษาและหันมาดูแลเอาใจใส่ด้วยวิธีบำรุงผิวหน้า ชายโดยเฉพาะกัน

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เคล็ดลับหน้าใส บํารุงผิวหน้าให้สวยเด้ง โดดเด่นกว่าใครๆ

         สมัยนี้แค่รูปร่างดีอย่างเดียวคงไม่ได้ สิ่งที่ต้องมาคู่กันก็คือจะต้องหน้าเป๊ะด้วย ซึ่งหน้าเป๊ะในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการแต่งหน้าให้แน่น แต่หมายถึงการบำรุงผิวหน้าให้สวยเด้งออกมาจากข้างใน จริงอยู่ที่ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง ทว่าหากเลือกได้คุณก็อยากสวยใสไร้ที่ติแบบธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งเครื่องสำอางมากมิใช่หรือ?
         ดังนั้น วันนี้เราจึงมีเคล็บลับหน้าใส ที่จะช่วยบำรุงผิวหน้าให้สวยเด้ง โดดเด่นกว่าใครๆ มาให้ท่านผู้อ่านโดยเฉพาะ (สามารถใช้ได้ทั้งหญิงและชาย) ถ้าพร้อมที่จะสวยวิ้งกันแล้วก็มาเริ่มกันเลย

 

เคล็ดลับบำรุงผิวหน้าให้สวยเป๊ะ
         1.ทำความสะอาดผิวด้วยโทนเนอร์ หลังจากกลับถึงบ้าน สิ่งที่เราต้องทำเป็นอันดับแรก็คือการทำความสะอาดผิวหน้า โดยควรใช้สำลีชุบโทนเนอร์เช็ดให้ทั่วทั้งใบหน้า วิธีการเช็ดหน้าที่ถูกต้องคือ การเช็ดขึ้นจากด้านล่างขึ้นสู่ด้านบนเพื่อเป็นช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นเข้าสู่รูขุมขน และเป็นการทำความสะอาดรูขุมขนได้อย่างมีประสิทธิภาพอี
         2.ทาครีมบำรุงผิวหน้ากลางวันหรือกลางคืน หลังจากที่เช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์แล้ว ก็ควรทำการบำรุงผิวหน้าให้เป็นนิสัย ด้วยการใช้ครีมบำรุงผิวแบบกลางวันหรือกลางคืนตามความเหมาะสม โดยให้นวดหน้าด้วยนิ้วมือด้วย ซึ่งการนวดหน้าจะช่วยกระตุ้นการดูดซึมของเนื้อครีมเข้าสู่ผิวหน้าได้ดีมากขึ้น

         3.ดื่มน้ำสะอาดมากๆ น้ำเป็นส่วนประกอบที่มีความสำคัญอย่ายิ่งต่อร่างกาย ซึ่งคนเราจะมีการสูญเสียน้ำออกมาจากร่างกายผ่านปัสสาวะและเหงื่อ อย่างมากที่สุดประมาณ 2 ลิตร ดังนั้น การดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ลิตรจะช่วยรักษาความชุ่มชื่นและความสวยงามให้แก่ผิวหนัง
         4.ทาครีมกันแดดเป็นประจำ หากรู้ว่าต้องออกไปข้างนอกและถูกแดด ก็ควรทาครีมกันแดดที่ผิวหน้าด้วย เพื่อปกป้องผิวจากอันตรายของแสงยูวี โดยผลการวิจัยทางการแพทย์ได้ค้นพบว่า ผู้คนส่วนใหญ่ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีจะต้องเผชิญกับแสงยูวีที่เป็นอันตรายต่อผิวมาก และความรุนแรงของแสงจะเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 50-70 ของแสงทั้งหมด ดังนั้น กันไว้ดีกว่าแก้
         5.พักผ่อนให้เพียงพอ เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับแสนง่ายที่ช่วยในการบำรุงผิวหน้าให้สวยเด้งตลอดวัน เพราะระหว่างที่นอนหลับผิวจะสร้างกระบวนการฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิวโดยอัตโนมัติ ยิ่งทาครีมบำรุงผิวก่อนนอน จะทำให้ได้ผลดีมากขึ้น ทั้งนี้ หากพักผ่อนไม่เพียงพอจะส่งผลทำให้ผิวเกิดการอ่อนล้า ความสามารถในการฟื้นฟูและการซ่อมแซมเซลล์ผิวใหม่จะลดลง ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำและหยาบกร้าน เป็นสิวอักเสบได้ง่าย

         6.ออกกำลังกายเป็นประจำหงื่อที่ออกมาจะเป็นการขับสารพิษออกจากร่างกาย และทำให้ระบบไหลเวียนของเลือด ปอด หัวใจทำงานดีขึ้น ส่งผลให้ผิวพรรณสวยเปล่งปลั่ง นอกจากนั้นยังช่วยผ่อนคลายความเครียดทำให้นอนหลับสบาย ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น และช่วยควบคุมน้ำหนักตัวได้ ซึ่งล้วนมีผลดีต่อผิวพรรณทั้งสิ้น
         7.รับประทานอาหารบำรุงผิว โดยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ จะช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย และริ้วรอยบนใบหน้าได้ โดยควรรับประทานผลไม้สด เช่น เบอร์รี่ ทับทิม ชา ส้มโอ อะโวคาโด และแครรอท เป็นต้น นอกจากนี้ยังควรรับประทานเนื้อปลาที่เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมเซลล์ของร่างกายที่เสื่อมโทรม และยังมีเซเลเนียม ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความชราและความเสื่อมของร่างกาย
         และนี่คือเคล็ดลับความงามที่ช่วยบำรุงผิวหน้าให้สวยเป๊ะจากภายใน โดยเป็นวิธีง่ายๆที่ใครๆก็ทำได้ ไม่ต้องพึ่งยาหรืออาหารเสริม และไม่ต้องพึ่งคอร์สหน้าใสให้สิ้นเปลืองงบประมาณในกระเป๋า เห็นไหมว่าคุณก็สามารถสวยได้ง่ายๆ ขอเพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง ทำตามเคล็ดลับนี้ รับรองว่าผิวหน้าคุณจะสวยขึ้นจนใครเห็นเป็นต้องเหลียวมอง

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

พิชิตรอยแผลเป็นดำ บนใบหน้าอย่างไรให้ได้ผล

         ผิวหน้า เป็นบริเวณที่บอบบาง ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการดูแล เอาใจใส่มากเป็นพิเศษ แต่ถึงจะพยายามป้องกัน ดูแลรักษาผิวหน้ามากสักเพียงใด หลายๆครั้งอุบัติเหตุ หรือเหล่าเรื่องไม่คาดฝันก็ยังพร้อมที่จะทำลายสุขภาพของผิวหน้าให้เสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว มิหนำซ้ำในหลายๆครั้ง ปัญหาเหล่านี้ก็ยังลุกลามไปจนถึงขั้นทิ้งปัญหาผิวขั้นรุนแรง อย่างรอยแผลเป็นดำที่โดดเด่นสะดุดตา เอาไว้บนใบหน้าอีกต่างหาก สำหรับในวันนี้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือคุณสาวๆ ที่กำลังประสบปัญหารอยแผลเป็นดำบนใบหน้า และกำลังมองหาวิธีการบรรเทา รักษาอย่างได้ผลอยู่นั้น บทความชิ้นนี้ก็พร้อมที่จะมีทางออกที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองอย่างง่ายๆที่บ้านมาฝากกัน

วิธีการรักษา กำจัดรอยแผลเป็นดำบนใบหน้าอย่างง่ายๆ ด้วยตัวเองที่บ้าน
 โดยปกติแล้วรอยแผลเป็นดำ มักจะเกิดขึ้นหลังจากการเกิดสิว หรือการถูกรบกวนผิวหน้าด้วยอาการระคายเคืองต่างๆ อาทิเช่น สารเคมี อาการผื่นคัน เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว หลังจากที่อาการเหล่านี้ถูกรักษาจนหาน ก็มักที่จะหลงเหลือรอยแผลเป็นดำทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้าอยู่เสมอ แต่โดยพิ้นฐานแล้ว รอยแผลเป็นดำเหล่านั้น จะค่อนๆจางเลือนหายไปเมื่อเวลาผ่านไป แต่ถ้าหากคุณสาวๆต้องการที่จะเร่งกระบวนการรักษารอยแผลเป็นดำให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้นด้วยตัวเอง ก็สามารถที่จะทำได้ด้วยตัวเอง ตามคำแนะนำง่ายๆ ดังต่อไปนี้
 1.ทาครีมกันแดดอย่างน้อยทุกๆ 4 ชั่วโมง ด้วยครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30+++ เป็นอย่างน้อย เพื่อปกป้องผิวที่เป็นรอยแผลเป็นดำ ไม่ให้ถูกเผาไหม้มากขึ้นกว่าเดิมในตอนกลางวัน
2.ทำการพอกหน้า เป็นเวลา 10 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ติดต่อกันเป็นเวลาสามสัปดาห์ เพื่อช่วยให้สุขภาพผิวของคุณได้รับการกระตุ้นฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
 3.น้ำมะนาว สำหรับคนที่ไม่มีอาการแพ้กรดมะนาว สามารถที่จะใช้สำลีชชุบน้ำมะนาวสดๆ ไปทำการทาลงบนรอยแผลเป็นดำ ทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง จากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด สามารถทำซ้ำเป็นประจำทุกวัน จนกว่ารอยแผลเป็นดำจะมีอาการที่ดีขึ้น

         4.เต้าหู้ หลานคนอาจจะไม่เคยทราบมาก่อนว่า ของเหลวในลักษณะของครีม ที่มักถูกทิ้งเอาไว้หลังจากที่นมเปลี่ยนไปเป็นเต้าหู้นั้น มีคุณสมบัติในการช่วยฟื้นฟูผิวได้เป็นอย่างดี และยังช่วยทำให้ผิวเย็นตัวลงอย่างรวดเร็วอีกด้วย
 5.ว่านหางจระเข้ เจลภายในว่านหางจระเข้ มีคุณสมบัติในการช่วยฟื้นฟูผิวที่ได้รับผลกระทบจากรอยแผลเป็นดำอย่างมีประสิทธิภาพมาก เพียงแค่ใช้เจลวุ้นทำการทาพอกลงไปที่บริเวณรอยแผลเป็นดำ ทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที แล้วจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด ผิวหนังในบริเวณนั้นนอกจากรอยแผลเป็นดำจะหายไปแล้ว ก็ยังจะมีความนุ่มเนียนน่าสมัผัสมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
 การดูแลรอยแผลเป็นดำ ด้วยวิธีการง่ายๆที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้านนี้ เป็นกรรมวิธีการรักษาแบบธรรมชาติบำบัด ที่จำเป็นจะต้องใช้เวลาในการค่อยๆฟื้นฟูสุขภาพผิวให้กลับมาแลดูมีสุขภาพดีเช่นเดิม แต่อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วยวิธีที่ได้แนะนำไปเหล่านี้ ไร้ผลข้างเคียง ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับคุณสาวๆที่มีผิวหน้าบอบบาง 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.