พาไปรู้จัก ‘เมือกหอยทาก’ กับเคล็ดลับลดริ้วรอยแสนง่าย

         เมื่อพูดถึง “เมือกหอยทากสาวๆหลายคนคงคุ้นหูกันเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นส่วนผสมของครีมต่างๆมากมาย หรือที่เรียกว่า “Snail cream” ซึ่งมักมาพร้อมกับคุณสมบัติในการฟื้นบำรุงผิวให้เรียบเนียน ชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน พร้อมๆกับการลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย มอบความกระชับเต่งตึงเข้าสู่ชั้นผิว ด้วยสรรพคุณแสนวิเศษนี่เองที่ทำให้สาวๆหูผึ่ง
         การนำเมือกหอยทากมาใช้เป็นเวชสำอางค์บำรุงผิว มีจุดกำเนิดมากจากประเทศชิลี โดยคนงานจากฟาร์มเลี้ยงหอยทากพบว่า หลังจากพวกเขาขนหอยทาก (escargot) ไปให้ร้านอาหารฝรั่งเศสเป็นประจำทุกวันเป็นเรื่องน่าประหลาดมากที่มือของพวกเขา นุ่ม น่าสัมผัส นอกจากนั้นแล้วบาดแผลที่มือก็สามารถหายได้อย่างรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ นักวิจัยระบุว่าในน้ำเมือกของหอยทากอุดมไปด้วยสารนานาประโยชน์มากมายที่เหมาะกับการซ่อมแซมและบำรุงผิวของคนเรา

         ณ ขณะนี้ มีเวชสำอางค์หรือครีมบำรุงผิวชื่อดังหลากหลายแบรนด์ทั้งในและต่างประเทศ ได้นำเมือกหอยทากมาเป็นส่วนผสมหลัก ที่โด่งดังกันอยู่ในตอนนี้ ได้แก่ It’s skin และ Dr.Mj Real Mucin Restore Cream
         กระนั้นก็ดี แม้เมือกหอยทากจะมีข้อดีอยู่มาก แต่ก็มีข้อควรระวังเช่นกัน เนื่องจากเมือกหอยทากที่นำมาใช้ในกระบวนการผลิต ควรมาจากฟาร์มที่มีมาตรฐาน สะอาดปราศจากเชื้อก่อโรคและหนอนพยาธิ ถึงแม้จะยังไม่มีรายงานว่าพบอาการแพ้ในกลุ่มผู้ใช้ผลิตภัณฑ์จากเมือกหอยทาก แต่ไม่ควรนิ่งนอนใจ หากมีการนำหอยทากมาใช้ผิดวิธี ก็อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ การแพ้ และการอักเสบของผิวหน้า ฉะนั้น ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ใดๆ ควรทดสอบกับผิวหนังบริเวณหลังใบหูก่อนนำไปใช้จริงกับผิวหน้า เพราะสภาพผิวมีความอ่อนโยนใกล้เคียงกัน

8 เคล็ดลับลดริ้วรอยแสนง่าย
         1.ปกป้องผิวพรรณจากแสงแดด รังสียูวีเอและยูวีบีเป็นตัวการสำคัญทำให้เกิดริ้วรอย ยิ่งในบ้านเราที่ดวงอาทิตย์สาดแสงแรงตลอดเวลา ควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างยิ่ง หรือถ้ามีเหตุต้องปะทะแดดก็ควรปกป้องผิวด้วยครีมกันแดด นอกจากจะป้องกันผิวไม่ให้ไหม้แดดอันเป็นสาเหตุทำให้เกิดริ้วรอยแล้ว ยังป้องกันมะเร็งผิวหนังไปในตัว

         2.สวมแว่นกันแดด เป็นอีกเคล็ดลับในการป้องกันการเกิดริ้วรอยรอบดวงตา (ซึ่งเกิดขึ้นได้ง่ายมาก) โดยนอกจากช่วยปกป้องอันตรายจากรังสีอัลตร้าไวโอเลตแล้ว ยังช่วยลดอาการหรี่ตา ย่นคิ้ว อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดรอยตีนกาได้ชะงัด
         3.งดสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ทำให้ออกซิเจนไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงผิวพรรณได้เต็มที่และเพียงพอ ทำให้เซลล์ผิวหนังไม่สดใสและส่งผลให้เกิดเซลล์ใหม่ล่าช้าแล้ว ยังเร่งให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าเร็วขึ้น สำคัญที่สุดคือรอยย่นเล็กๆบริเวณริมฝีปาก ถ้าไม่อยากมีจีบรอบปากแถมปากดำคล้ำล่ะก็ เลิกเสีย
         4.เพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิว หมุ่นคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหน้าด้วยการทาไนท์ครีมก่อนนอนทุกคืน และเติมกำลังเสริมด้วยการมาสก์หน้าทิ้งไว้ 5-10 นาที สัปดาห์ละละครั้งก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
         5.ปรับสภาพผิว หมั่นขัด นวด และปรับสภาพผิวเป็นประจำ สัปดาห์ละครั้ง อาจจะด้วยการใช้สครับขัดหน้าเพื่อให้เซลล์ผิวกลับคืนสู่ความสดใส มีชีวิตชีวา ช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของระบบโลหิตให้แข็งแรงกระฉับกระเฉง ตบท้ายด้วยผลิตภัณฑ์ที่เปี่ยมคุณค่า อย่างครีมหรือเซรั่มบำรุงผิว เป็นอาทิ

         6.รักษาความสะอาด แน่นอนว่าสาวๆทุกคนต้องแต่งหน้า และสิ่งสำคัญคือหลังเสร็จภารกิจประจำวัน อย่าลืมล้างหน้าให้สะอาดหมดจด นี่คือกฎเหล็กที่สาวๆทุกคนห้ามลืม ห้ามเผลอ ห้ามขี้เกียจ ห้ามผลัดวันประกันพรุ่งเด็ดขาด ทั้งนี้ ก่อนล้างหน้าต้องใช้ครีมเช็ดคราบเครื่องสำอางให้หมดก่อนเสมอ แล้วจึงล้างด้วยสบู่ล้างหน้าที่เลือกสรรแล้วว่าเหมาะกับสภาพผิว เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกไป  
         7.ทำอารมร์ให้แจ่มใส ความเครียดเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ริ้วรอยมาเยือนก่อนวัยอันควร ดังนั้น ควรทำอารมณ์ให้แจ่มใสอยู่เสมอ เมื่อไม่เครียด ไม่กังวล ย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม และทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งมากขึ้นอีกด้วย
         8.รับประทานอาหารที่ดี โดยเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผักผลไม้เป็นประจำ เพื่อให้อาหารแก่ผิวพรรณ เป็นการทำให้สุขภาพผิวดีออกมาจากข้างใน อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ชอบรับประทานผักผลไม้ก็สามารถใช้อาหารเสริมแทนได้ อย่างเช่น วิตามินซี เป็นต้น

         

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เมือกหอยทาก…มหัศจรรย์แห่งเวชสำอางค์ ฟื้นบำรุงผิว

         อีกหนึ่งนวัตกรรมแห่งเวชสำอางค์ ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ คงหนีไม่พ้นการนำ “เมือกหอยทาก” (Snail slime) มาใช้ในการฟื้นบำรุงผิว โดยมีการค้นพบว่าเมือกหอยทากสามารถปกป้องผิวได้อย่างมหัศจรรย์ ได้รับการยืนยันจากนักวิจัยทั่วโลก ซึ่งในประเทศชิลี เป็นแหล่งที่ถูกค้นพบเป็นประเทศแรก จากฟาร์มเลี้ยงหอยทากแห่งหนึ่ง อย่างไรก็ดี คงมีคนสงสัยว่าเจ้าเมือกหอยทากมันมีดีอะไร เหตุใดถึงนิยมนำมาเป็นส่วนผสมของเวชสำอางค์กันอย่างแพร่หลาย วันนี้เรามาหาคำตอบกัน


จุดเริ่มต้นแห่งนวัตกรรม เมือกหอยทาก

         ดร.ธีรศักดิ์ เอโกบล อาจารย์ประจำภาควิชาพันธุศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ผ่านเดลินิวส์ออนไลน์ว่า แนวคิดการบำรุงรักษาผิวพรรณด้วยเมือกหอยทาก ถูกค้นพบโดยบังเอิญของคนงานในฟาร์มเลี้ยงหอยทากเพื่อส่งให้ร้านอาหารฝรั่งเศส เนื่องจากต้องสัมผัสกับหอยทากและเมือกอยู่เป็นประจำ จึงสังเกตพบว่ารอยแผลบริเวณมือที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงานหายได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีผิวพรรณที่ดูกระชับและเนียนนุ่มขึ้น เป็นเหตุนำไปสู่ข้อสงสัยและเกิดเป็นงานวิจัยสรรพคุณของสารในเมือกหอยทากในเวลาต่อมา
         จากรายงานผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ให้เห็นว่าเมือกในหอยทากอุดมไปด้วยสารชีวโมเลกุลที่มีประโยชน์ เช่น โปรตีนที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ต่างๆ รวมทั้งแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว และยังมีสารโอลิโกไฮยาลูรอนิค แอซิด ช่วยลดเลือนริ้วรอยและเพิ่มความเต่งตึงของผิว
         การผลิตเมือกของหอยทาก จะพบมากบริเวณใต้เท้าที่ใช้ในการเคลื่อนที่ โดยเมือกชนิดนี้ถูกหลั่งออกมาเพื่อช่วยลดการเสียดสีและอันตรายจากการสัมผัสกับพื้นผิวต่างๆ ป้องกันเชื้อจุลินทรีย์และสภาวะที่เสี่ยงต่ออันตราย และบริเวณโดยรอบของลำตัว เนื่องจากสัตว์กลุ่มนี้มีลำตัวที่บอบบางและไม่มีชั้นผิวหนังที่กักเก็บน้ำไว้ได้ดีเหมือนสัตว์ประเภทอื่นๆ จึงต้องขับเมือกออกมาปกคลุมร่างกายเอาไว้ เพื่อประโยชน์ในการป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้น


เมือกหอยทากกับคุณประโยชน์ต่อผิว

         สารสกัดจากเมือกหอยทาก มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ สร้างความชุ่มชื้นให้ผิวเพื่อป้องกันการก่อตัวใหม่ของสารอนุมูลอิสระ และช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหาย ซึ่งมีกระบวนการทำงานก็คือ ครีมหอยทากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการซ่อมแซมผิวตามธรรมชาติ ลบเลือนริ้วรอยและยกกระชับผิวได้ดีขึ้น ขจัดเซลล์ผิวที่ไม่สมบูรณ์ เพิ่มประสิทธิภาพในการผลัดเซลล์ผิวใหม่ และเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว
         นอกจากนี้ ยังส่งให้ผิวมีการซ่อมแซมตัวเองและผลิตสารที่มีฤทธิ์หยุดยั้งการเติบโตของเชื้อโรค ทำลายเชื้อโรค ช่วยเพิ่มความหนาแน่นกักเก็บความชุ่มชื่นและยกกระชับผิวให้นุ่มและเรียบเนียนเหมือนผิวเด็ก ที่สำคัญช่วยรักษาสิว รอยแตกลาย รอยแผลเป็น และรอยหมองคล่ำของผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดด โดยส่วนสารที่มีอยู่ในเมือกหอยทาก ซึ่งมีประโยชน์ต่อผิวเป็นอย่างมาก เช่น
         Allantoin เป็นสารต้านการอักเสบและระคายเคืองต่อผิว และยังช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในเซลล์ผิวทำให้ผิวชุ่มชื้นฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ และลดริ้วรอยได้ดีพร้อมเร่งการผลิตเซลล์ผิวใหม่ อีกทั้งช่วยควบคุมความมัน
         Gluconic acid ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และควบคุมความมัน
         Collagen ช่วยให้ผิวของเรามีความชุ่มชื่น เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล กระชับอยู่เสมอ เนียนเด้งโดยจะอยู่คู่กับ Elastin ที่จะช่วยในเรื่องของความยืดหยุ่นของผิว

 

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เมือกหอยทาก ช่วยลดเลือนริ้วรอย และ เพิ่มความเต่งตึงของผิว

         ปัญหาริ้วรอยแห่งวัย ผิวไม่เรียบเนียน แห้งกร้าน ขาดความเต่งตึง เป็นสิ่งที่คุณผู้หญิงมักเจอเมื่อตัวเลขของอายุเริ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ ในสาวๆบางคน โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยให้ความใส่ใจกับการดูแลสุขภาพผิว ก็อาจเกิดปัญหาดังกล่าวได้เช่นกัน เนื่องจากปัญหาริ้วรอย จุดด่างดำ และผิวเหี่ยวย่นเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย บทความนี้จะมาเฉลยว่าริ้วรอยบนใบหน้า รวมทั้งผิวแห่งกร้าน ไม่เต่งตึงเกิดจากอะไร พร้อมมอบทางออกในการแก้ปัญหาด้วย “เมือกหอยทาก” สิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้น


ริ้วรอยแห่งวัย ผิวเหี่ยวย่น เกิดจากอะไร

         1.อายุ ถือเป็นสัจธรรมที่หลีกหนีไม่พ้น เมื่อตัวเลขของอายุเพิ่มมากขึ้น เป็นเรื่องธรรมดาที่ผิวพรรณอันเป็นสังขารก็ย่อมล่วงโรยตามวันเวลา อย่างไรก็ตาม มีการศึกษาการเกิดริ้วรอยบนใบหน้าของผู้หญิง พบว่าจะแตกต่างกันตามวัยที่เพิ่มขึ้นดังนี้
         -ปลายอายุ 20 เริ่มมีริ้วรอยบางๆที่ใต้ตา ริ้วรอยรอบๆตา ซึ่งเป็นผลจากการยิ้ม
         -ต้นอายุ 30 มีริ้วรอยบางๆ รอบดวงตาลึกขึ้น และรวมตัวชัดเป็นรอยเหี่ยวย่น รอยตีนกาที่หางตา และริ้วรอยบางๆ ระหว่างคิ้วและบนหน้าผาก ที่เป็นผลจากกิริยาขมวดคิ้ว
         -ปลายอายุ 30 รอยเหี่ยวย่นรอบดวงตา หน้าผาก และหว่างคิ้วเพิ่มมากขึ้น รอยเหี่ยวย่นรอบริมฝีปาก รอยเหี่ยวใต้ตา และร่องแก้มหย่อนคล้อยตามแรงโน้มถ่วงของโลก
         -อายุ 40 ขึ้นไป รอยเหี่ยวย่นรอบดวงตา ริมฝีปาก หน้าผาก และหว่างคิ้ว รอยเหี่ยวย่นจากการหย่อนคล้อยของผิวหน้า เส้นริ้วรอยที่ลำคอ
         2.คอลลาเจนใต้ผิว เป็นที่ทราบกันดีว่าการที่ผิวหน้าของเราเต่งตึงสวยงามอยู่ได้ เพราะสารคอลลาเจนที่อยู่ใต้ผิว ทว่าเมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง หรือความสมบูรณ์ของคอลลาเจนเสื่อมลง ริ้วรอยย่อมเกิดขึ้น แต่เกิดช้าๆ ทีละน้อย เริ่มจากรอยเล็กๆ บางๆ จนแทบมองไม่เห็นหรือมองข้ามไป มารู้ตัวอีกทีก็เป็นรอยลึกเสียแล้ว ซึ่งในแต่ละคน แต่ละเชื้อชาติล้วนมีต้นทุนคอลลาเจนแตกต่างกัน ส่วนคนเอเชียอย่างเรา แม้คอลลาเจนไม่แข็งแรงเท่าคนผิวดำ แต่ยังดีกว่าฝรั่งมาก โดยจะสังเกตได้ว่าผิวของคนไทยจะดูดีกว่าฝรั่งที่อายุไร่เรี่ยกัน

         3.สภาวะแวดล้อม และวิถีชีวิต มีส่วนในการเกิดริ้วรอยด้วยเช่นกัน แพทย์ผิวหนังจึงแนะนำวิธีดูแลสุขภาพผิวที่แท้จริงด้วยการเปรียบเทียบระหว่างผิวที่ใบหน้ากับผิวที่ก้น ถ้าผิวที่หน้ามีริ้วรอยมากมาย ในขณะที่ก้นยังเต่งตึงอยู่ละก็ แสดงว่าพื้นฐานผิวคุณดี แต่ปัจจัยภาพนอกเป็นตัวการทำลายคอลลาเจน และก่อให้เกิดริ้วรอย เช่น แสงแดด สูบบุหรี่จัด การที่น้ำหนักขึ้นๆ ลงๆ เป็นต้น
         4.แสงแดด เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร เป็นสิ่งที่เราควรหลีกเลี่ยงและควรป้องกันเป็นอย่างยิ่ง รังสีอัลตราไวโอเลตในแสงแดดถือเป็นศัตรูตัวฉกาจที่กระตุ้นให้ผิวสร้างอนุมูลอิสระ และทำลายอีลาสตินกับคอลลาเจนในผิวหนังให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น ซึ่งเจ้ามารร้ายอัลตราไวโอเลตนี้มีพี่น้องร่วมท้อง 2 ชนิด รังสีผู้พี่คือ อัตราไวโอเลตเอ (UVA) โดย UVA จะค่อยๆทำให้ผิวเสื่อมสภาพโดยที่เราไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกทำลายความแข็งแรงของอีลาสติน หรือคอลลาเจนอยู่ แม้แต่ในออฟฟิศที่ทำงานในห้องแอร์เย็นฉ่ำก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะ UVA สามารถทะลุผ่านกระจกเข้าไปทำลายคุณได้ตั้งแต่เช้าจรดเย็น


เมือกหอยทาก ช่วยลดเลือนริ้วรอย เพิ่มความเต่งตึง

         จากการค้นคว้าวิจัยต่างๆชี้ให้เห็นว่า เมือกหอยทากมีคุณสมบัติที่น่าประหลาดใจในการรักษาผิวโดยเฉพาะสิว อาการบวมแดง เห่อ ช่วยกระชับรูขุมขน ปรับผิวให้เนียนเรียบ และช่วยป้องกันรักษาความชราภาพของเซลผิวด้วย โดยอุดมไปด้วยคุณค่าของสารบำรุงผิวที่มีส่วนช่วยในการซ่อมแซมผิวพร้อมทั้งยังช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ ลดเลือดริ้วรอยแห่งวัย และช่วยสมานผิว สารที่อยู่ในน้ำเมือกหอยทากนี้มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูผิว ขัดผิว บำรุงผิว และสมานผิว ได้แก่ Allantoin, Gluconic acid, Collagen เป็นต้น

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

7 สุดยอด สมุนไพร ทําให้หน้าใส เต่งตึง กระชับ ลดริ้วรอยอย่างได้ผล

         ผิวหย่อนคล้อยหลวมบนใบหน้าและลำคอ ผิวหมองคล้ำไร้ความสดใส เป็นหนึ่งในปัญหาด้านผิวพรรณใหญ่ๆที่ส่งผลต่อความงาม รวมปถึงความมั่นใจโดยรวมของผู้ที่รักในความสวยงาม ในขณะที่หลายๆคนต่างพยายามบำรุงรักษาผิวพรรณของตัวเองให้ห่างไกลจากปัญหาเหล่านี้ด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ หรือเวชสำอางในปัจจุบัน ก็มีอีกหลายคนที่เชื่อว่า สมุนไพร ทําให้หน้าใส เต่งตึงได้เช่นกัน ที่สำคัญคือ การใช้สมุนไพร ทําให้หน้าใส เต่งตึงนั้น มีความเสี่ยงน้อยกว่าการเสริมความงามทางการแพทย์เป็นอย่างมากเลยทีเดียว ซึ่งเหล่าสมุนไพร ทําให้หน้าใส เต่งตึงที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลกจะมีอะไรกันบ้างนั้น สามารถติดตามอ่านได้ผ่านบทความชิ้นนี้กันเลย

สุดยอดสมุนไพร ทําให้หน้าใส เต่งตึงน่ารู้ ที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก
 ถ้าหากทำการศึกษาให้ดีแล้วล่ะก็ คุณจะพบว่าสามารถใช้สมุนไพรบางอย่างที่มีคุณสมบัติในการช่วยกระชับผิว และกำจัดรอยหมองคล้ำได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งในบทคามชิ้นนี้จะขอนำเสนอสมุนไพรบางส่วน บางชนิด ที่มีคุณสมบัติน่าสนใจดังกล่าว มาให้คุณผู้อ่านรู้จักกัน
1.สารสกัดจากเม็ดองุ่น เป็นสมุนไพร ทําให้หน้าใส เต่งตึง ด้วยการกำจัดริ้วรอย และผิวหย่อนคล้อย กระตุ้นคอลลาเจนที่ผลิตตามธรรมชาติในร่างกาย ทำให้ผิวกายโดยรวมมีความเต่งตึงอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม การเสริมด้วยสารสกักจากเม็ดองุ่นเป็นประจำทุกวัน จึงสามารถช่วยลดปรากฏการณ์ริ้วรอยแตกลาย ด้วยการยกกระชับผิวนั่นเอง
 2.ว่านหางจระเข้ เหมาะสำหรับผิวแห้ง และผิวของผู้ใหญ่ ที่มีประสิทธิภาพยกกระชับผิวให้แลดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้นานหลายปีเลยทีเดียว ด้วยคุณสมบัติในการช่วยเพิ่มคอลลาเจนตามธรรมชาติในชั้นผิว ไม่ว่าผ่านการใช้ทา หรือการรับประทานก็ตาม นอกจากนี้ว่านหางจระเข้สมุนไพร ทําให้หน้าใส เต่งตึง ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ลด และป้องกันผิวจากริ้วรอย ต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งส่งผลให้ใบหน้าของคุณมีความกระชับเรียบเนียนมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
 3.ชาเขียว ช่วยในการกำจัดริ้วรอยและยกกระชับผิว ชาเขียวเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่ดีที่สุดสำหรับต่อต้านริ้วรอย คืนความยืดหยุ่น นอกจากนี้ชาเขียวยังเป็นที่รู้จักกันดีวาอุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพมากที่สุดชนิดหนึ่ง และยังช่วยปรับโทนสีผิวให้มีความเรียบเนียนสม่ำเสมอกันอีกด้วย

         4.ดอกคาโมไมล์ เป็นหนึ่งในปฎิหารย์ของธรรมชาติ ที่มีประโยชน์ต่อผิวอย่างมากมายจนแทบไม่น่าเชื่อ สารประกอบภายในดอกคาโมไมล์ ช่วยลดการปรากฏริ้วรอย ด้วยกระบวนการเร่งบำบัดของผิว ลดอาการระคายเคือง ต้านอาการอักเสบของผิวอีกด้วย
 5.Witch Hazel สมุนไพรที่ได้จากเปลือกไม่พุ่ม ของทวีปอเมริกาเหนือ ที่มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลอ่อน มีคุณสมบัติสุดพิเศษในการจัดการปัญหาสิว ต้านอาการอักเสบ นอกจากนี้ยังช่วยล้างความมันส่วนเกินออกไปโดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึงมากจนเกินไป และยังช่วยกระชับเนื้อเยื่อผิวหนัง ลดการปรากฏของตา
 6.ดาวเรือง หนึ่งในพืชผักสวนครัว ที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านอาการอักเสบ สมารบาดแผล ปลอบประโลมผิวที่เสียหายจากการถูกแดดเผา น้ำมันของดาวเรืองยังมักถูกนำไปใช้ในการรักษาอาการแผลเปื่อยอีกด้วย
 7.ลาเวนเดอร์ นอกจากคุณสมบัติสถดพิเศษที่ช่วยในการผ่อนคลายจิตใจแล้ว ลาเวนเดอร์ยังช่วยปลอบประโลมผิว ป้องกันการเสื่อมสภาพของเนื้อเยื่อ และป้องกันการเกิดริ้วรอย ที่น่าสนในคือ มันช่วยกระตุ้นให้เกิดการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวใหม่ สมานแผลเนื้อเยื่อ แผลเป็นสิว กลาก และปัญหาด้านผิวพรรณอื่นๆอย่างได้ผล ป้องกันแบคทีเรีย ป้องกันการติดเชื้อที่ผิว ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม ลาเวนเดอร์จึงกลายมาเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่ดีต่อผิวพรรณ
 ผิวเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย ดังนั้นคุณจึงควรให้ความสำคญสูงสุดกับมน หลีกเลี่ยงการบำรุงผิวด้วยสารเคมีที่เป็นอันตราย แล้วหันไปพึ่งพาสมุนไพรอันที่มีคุณสมบัติอันยอดเยี่ยม ที่อ่อนโย่นกับผิวเห็นจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด…

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

อยากหน้าใสเชิญทางนี้ มาดูสูตรบำรุงผิวหน้าแบบ DIY

         สมัยนี้บอกได้เลยว่าถ้ามีหน้าขาวใสก็มีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะผิวหน้าที่เปล่งปลั่งสดใสเป็นประกายย่อมเป็นที่น่าดึงดูดของบุคคลรอบข้าง ดังนั้น นอกจากจะต้องรักษาหุ่นให้เป๊ะเว่อร์กันแล้ว หน้าก็ต้องเด้งด้วยถึงจะมัดใจเพศตรงข้ามได้อย่างอยู่หมัด บทความนี้ได้รวบรวมสูตรบำรุงผิวหน้ามาให้ท่านผู้อ่านได้ลองนำไปใช้กัน โดยเป็นสูตร DIY ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ เหมาะกับทุกสภาพผิวโดยเฉพาะผิวบอบบาง ถ้าพร้อมแล้วก็มาเริ่มกันเลย

สูตรบำรุงผิวหน้าแบบ DIY
         1.สูตรน้ำผึ้งผสมมะนาว มาเริ่มบำรุงผิวหน้ากันด้วยสูตรมาร์คหน้า โดยส่วนผสมอย่างน้ำผึ้งและมะนาวจะช่วยทำความสะอาดผิวและต้านการอักเสบได้ดี มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยกำจัดปัญหาเรื่องการเกิดริ้วรอยก่อนวัย แก้ปัญหาผิวคล้ำเสียจากแสงแดด และลดเลือนจุดด่างดำ ยิ่งถ้าเพิ่มน้ำมันมะกอกเข้าไปด้วยจะยิ่งทวีคุณค่าให้ผิวสวย มีความยืดหยุ่น วิธีการคือให้ผสมน้ำมันมะกอก น้ำผึ้ง และน้ำมะมาวลงไปในปริมาณเท่าๆกัน จากนั้นใช้สำลีชุบแล้วทาใบหน้าทิ้งไว้ 20 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น หรือจะทิ้งไว้ทั้งคืนแล้วล้างออกในตอนเช้าก็ได้

         2.สูตรโยเกิร์ตผสมมะนาว แม้มะนาวเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีความเป็นกรดสูงจนอาจทำให้แสบผิวได้ ดังนั้น การนำมะนาวมาผสมโยเกิร์ตแล้วนำไปพอกผิวทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จะช่วยลดการระคายเคืองผิว สารอาหารจากมะนาวและโยเกิร์ตธรรมชาติจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ที่ขาวใสสุขภาพดี ถือเป็นสูตรบำรุงผิวหน้าให้ขาวใสแบบธรรมชาติที่เห็นผลชัดเจน
         3.สูตรแอปเปิ้ลผสมน้ำผึ้ง ส่วนใหญ่มักรับประทานแอปเปิ้ลเพื่อให้ผิวสวยกัน จริงๆแล้วผลไม้ชนิดนี้ยังสามารถนำมาพอกบำรุงผิวหน้าได้อีกด้วย เนื่องจากมีคุณสมบัติช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีซึ่งเป็นอันตราย และชะรอความแก่ของผิว ลบเลือนริ้วรอยก่อนวัย สำหรับวิธีการแสนง่ายคือให้นำแอปเปิ้ลไปปั่นรวมกับน้ำผึ้ง แล้วทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีจนแห้งจึงล้างออกด้วยน้ำเย็น จากนั้นก็เตรียมพบกับผิวหน้ากระจ่างใส เนียนนุ่มชุ่มชื่นได้เลย
         4.สูตรมะละกอผสมนมสด ให้นำมะละกอมาบดผสมกับนมสด แล้วคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำไปพอกบนใบหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด เมื่อเช็ดหน้าจนแห้งก็จะพบกับผิวหน้าเนียนนุ่มชุ่มชื่น ออร่าจับ ขาวใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เนื่องจากมะละกอและนมสดมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิวมากมาย ซึ่งสูตรนี้นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย

         5.สูตรกล้วยหอมผสมนมสด กล้วยหอมและนมสดมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิวพรรณ มีความอ่อนโยน ไม่ทำให้ระคายเคืองผิว แม้ผิวแพ้ง่ายก็สามารถใช้สูตรนี้ได้ สูตรนี้ให้นำกล้วยหอมมาบดละเอียดผสมกับนมสด จากนั้นนำไปพอกผิวหน้า เพียงแค่นี้จะทำให้ผิวหน้าขาวเนียนสวยขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ
         6.สูตรกลีบกุหลาบผสมน้ำผึ้งและโยเกิร์ต สูตรนี้เหมาะสำหรับคนที่มีผิวแห้งกร้านคล้ำเสียง่ายเป็นอย่างยิ่ง แต่อาจจะวุ่นวายตรงที่ต้องหาวัตถุดิบพิเศษกันสักหน่อย โดยต้องใช้กลีบกุหลาบ (Rose Petal) น้ำผึ้ง และโยเกิร์ตมาเป็นส่วนผสม โดยกลีบกุหลาบจะทำให้ผิวหน้าเนียนนุ่มชุ่มชื่นพร้อมกับกลิ่นหอม ขณะที่โยเกิร์ตมีส่วนช่วยให้รูขุมขนแลดูกระชับ และน้ำผึ้งขึ้นชื่อในเรื่องของการต้านเชื้อแบคทีเรีย หากนำส่วนผสมเหล่านี้มาผสมผสานกันให้ลงตัว แล้วพอกใบหน้าทิ้งไว้ จะส่งผลให้สุขภาพผิวหน้าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ครั้งแรกๆที่ใช้ หากทำเป็นประจำผิวหน้าจะกระจ่างใส มีออร่ามากขึ้น
         สูตรบำรุงผิวหน้าแบบ DIY นี้ จะฟื้นบำรุงผิวแบบธรรมชาติ ไม่มีผลข้างเคียงให้กังวลใจ ที่สำคัญได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าได้ผลจริง ท่านผู้อ่านสามารถเลือกใช้สูตรข้างต้นได้ตามใจชอบตามความถนัดและสะดวกในการหาส่วนผสม ทั้งนี้ ถ้าจะให้เห็นผลชัดเจนขึ้นก็ควรบำรุงผิวหน้าจากภายในด้วย โดยการเน้นรับประทานผักผลไม้มากๆ แล้วสารอาหารที่มีประโยชน์ต่ผิวจะเข้าไปฟื้นฟูสภาพผิวให้ขาวใสสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก

ให้วอนจินช่วยผลัดเซลล์ผิว
หน้าไม่ใส หน้าหมองคล้ำ ดูแก่ก่อนวัย คุณกำลังเผชิญกับปัญหาเหล่านี้อยู่รึเปล่า ถ้าใช่ล่ะก็ คำถามถัดมาก็คือแล้วจะแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไรกันล่ะ นี่จึงเป็นที่มาของการผลัดเซลล์ผิวนั่นเอง การผลัดเซลล์ผิวจะช่วยกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วแต่ตกค้างอยู่บนใบหน้าออก ซ้ำยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวหนังใหม่ที่ใสและมีสุขภาพดีขึ้นอีกด้วย ดังนั้นการผลัดเซลล์ผิวจึงทำให้หน้าใสขึ้นได้จริงๆอย่างเห็นผล โดยเฉพาะการผลัดเซลล์ผิวกับผลิตภัณฑ์สูตรพิเศษจาก วอนจิน โรงพยาบาลศัลยกรรมอันดับ 1 ของเกาหลี ที่จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่า วอนจินเข้าใจถึงปัญหาด้านความงามอย่างแท้จริง นี่จึงเป็นที่มาของผลิตภัณฑ์ Brightening Peel AHA สำหรับการผลัดผิวอย่างอ่อนโยน และ Refining Activator โทนเนอร์ BHA สำหรับการทำความสะอาดล้ำลึก แล้วคุณจะพบว่าหน้าใสไม่ใช่เรื่องยากเลยแม้แต่น้อย

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

สุดยอดเคล็ดลับ เนรมิตใบหน้าอ่อนกว่าวัยภาย ใน 9 วัน

         คุณอยากรู้ความลับที่เสกให้ใบหน้าอ่อนกว่าวัย ภายในเวลาเพียง 9 วันหรือเปล่า..!?
 เถ้าหากมีวิธีง่ายๆที่จะช่วยเนรมิตรเปลี่ยนใบหน้าอ่อนกว่าวัยได้ภายในระยะเวลาอันสั้นเช่นนั้นจริงๆ แน่นอนว่าทุกคนคงอยากที่จะรู้เคล็ดลับดั่งกล่าวซึ่งบทคามชิ้นนี้กำลังจะกระซิบบอกกับคุณว่า มันมีวิธีช่วยทำให้ใบหน้าอ่อนกว่าวัยได้จริง แถมยังง่ายเสียจนไม่น่าเชื่อเลยอีกต่างหาก

เคล็ดลับเนรมิตใบหน้าอ่อนกว่าวัยใน 9 วัน
 เมื่อคุณมองกระจก และพบว่าใบหน้าเริ่มเกิดริ้วรอย รอยแห้งกร้าน และรอยตีนกา ความตึงเครียดย่อมเริ่มปรากฏขึ้นในจิตใจของคุณอย่างแน่นอน ซึ่งความเครียดดั่งกล่าวยิ่งเป็นตัวกระตุ้นด้านลบ ที่ส่งผลให้ผิวของคุณดูแก่มากขึ้นอีก 3-6 ปี เลยทีเดียว แต่ถ้าหากคุณสามารถชะลอ หรือกำจัดความเครียดออกไปได้ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็จะตรงกันข้าม คุณสามารถที่จะย้อนอายุผิวให้กลับไปดูอ่อนเยาว์ได้มากขึ้น ถึง 3-6 ปี ได้เช่นเดียวกัน แล้วยิ่งคุณสามารถใช้ชีวิตตามแผน 9 วัน เพื่อให้สามารถบรรลุถึงการมีใบหน้าอ่อนกว่าวัยได้มากขึ้นกว่าเดิม แต่อาจจะมีหลายคนสงสัยว่า ทำไมถึงต้องกำหนดเวลาเอาไว้ที่ 9 วัน นั่นเป็นเพราะว่า เมื่อคนเราได้ทำการพักผ่อนจากการเรียน การทำงาน และความเครียด ด้วยวันหยุดยาวเป็นเวลา 9 วัน เมื่อส่องกระจกอีกครั้ง จะพบว่าผิวของตัวเองดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว เอาล่ะ.. สำหรับใครที่พร้อมแล้วกับแผนการ 9 วัน เพื่อให้ใบหน้าอ่อนกว่าวัยมากยิ่งขึ้น สามารถเริ่มแผนการชีวิต 9 วัน ตามคำแนะนำต่อไปนี้ได้เลย แต่ขอแนะนำให้วันแรกที่เริ่มทำตามแผนการเป็นวันเสาร์ เพื่อให้การพักผ่อนผิวของคุณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

วันที่1 : ลดความซับซ้อน เริ่มต้นจากการสร้างนิสัยการดูแลผิวหน้าเป็นประจำทุกวัน แต่ใช่ว่าการทำความสะอาดและดูแลผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดจะดีต่อผิวของคุณเสมอไป คุณควรรู้จักการทำความสาดพื้นฐานด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่มีความอ่อนโยน บำรุงผิวด้วยครีมกันแดดในตอนกลางวัน และครีมบำรุงผิวในตอนกลางคืน พร้อมกับเริ่มต้นสร้างตารางการนอนหลับให้เป็นปกติ คนส่วนใหญ่มักคิดว่าการนอนหลับเป็นเพียงสิ่งหนูหราฟุ่มเฟือยที่ไม่จำเป็น แต่ที่จริงแล้วถ้าหากต้องการให้ใบหน้าอ่อนกว่าวัย คุณจำเป็นต้องนอนหลับอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้ทำการรักษาและฟื้นฟูเซลล์ทั่วร่างกาย
วันที่ 2 :  ผ่อนคลาย คูณสามารถผ่อนคลายตัวเองด้วยการพบปะสังสรค์กับเพื่อนๆที่ทำให้คุณรู้สึกสนุก จองบริการนวด หรือแม้แต่การพักดิ่มกาแฟอย่างเรียบง่ายใยตอนบ่าย รวมถึงเริ่มต้นการออกกำลังกายอย่างง่ายๆ เพื่อให้ช่วยลดฮอร์โมนความเครียดให้น้อยลง
วันที่ 3 : สู่เส้นทางสีเขียว ผ่อนคลายตัวเองด้วยการไปอยู่ในสถานที่ที่เป็นธรรมชาติ เดินเร็ว 20 นาที ภายใต้แสงอาทิตย์ยามเช้า หรือยามเย็น เพื่อให้ผิวได้รับการบำรุงด้วยวิตามิน D และดื่มชาเขียว ที่มีคุณสมบัติในการช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ
 วันที่ 4 : การกินที่สะอาดหมดจด เลือกอาหารที่มีสารอาหารสูง คาร์โบไฮเดรต กรดไขมัน และปริมาณน้ำตาลน้อย ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยทำให้ผิวเรียบ
 วันที่ 5 : โยกย้ายส่ายสะโพก จัดตารางให้ตัวคุณมีโอกาสโยกย้ายส่ายสะโพกออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ และการหายใจเพิ่มมากขึ้น พร้อมกับลดช่วงเวลาในการนั่งแช่ตัวทำงานอยู่ที่โต๊ะนานๆ

วันที่ 6 : เข้าสังคม วางแผนการรับประทานอาหารค่ำร่วมกับเพื่อน หรือครอบครัว เพื่อแบ่งปันช่วงเวลาที่ดี และหัวเราะพร้อมกัน
วันที่ 7 : ต่อสู้กับความเครียด เรียนรู้ที่จะนั่งสมาธิ ที่จะช่วยให้คุณสามารถต่อสู้กับความเครียด และยังช่วยทำให้สมองของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
วันที่ 8 : นอนหลับให้มากขึ้น การนอนหลับที่เพียงพอ จะช่วยทำให้ร่างกายลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ และซ่อมแซมเซลล์ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดการเพิ่มความสุขในชีวิต เพื่อสร้างเสริมความแข็งแกร่งในร่างกายของตัวเอง
 วันที่ 9 : หยุดชั่วคราว ใช้เวลาสักครู่ที่จะพักผ่อน และรู้จักกันให้รางวัลกับตัวเอง พร้อมกับพิจราณาวิธีการต่างๆ ที่จะสามารถนำมาใช้พัฒนาชีวิตประจำวันของคุณให้ดีมากยิ่งขึ้น

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เคล็ดลับสร้างแก้มชมพู ธรรมชาติ สีกุหลาบสดใสด้วยตัวคุณเอง

         แก้มชมพู ธรรมชาติ หรือแก้มสีดอกกุหลาบ ถือเป็นลักษณะของผิวที่มีความโดดเด่น ดีเลิศแห่งความงามอย่างเป็นธรรมชาติอันน่าชวนมอง ทำให้ไม่น่าแปลกใจเลยที่เรามักจะได้เห็นลักษณะของการปัดแก้มแก้มชมพู ธรรมชาติ ขึ้นตามหน้าปกนิตยสารชื่อดังระดับโลกอยู่บ่อยครั้ง รวมไปถึงเหล่าซุปเปอร์สตร์คนดังในจอภาพยนตร์อีกมากมายเองต่างก็ปัดแก้มแก้มชมพู ธรรมชาติ แน่ใจได้เลยว่า คุณสาวๆอยากที่จะครอบครองแก้มชมพู ธรรมชาติ โดยไม่ต้องใช้บรัชออน หรือเครื่องสำอางราคาแพงหูฉี่ในท้องตลาด ณ ปัจจุบัน ซึ่งถ้าหากคุณกำลังมองหาวิธีทำให้แก้มชมพู ธรรมชาติอยู่ล่ะก็ บทความชินนี้กำลังจะช่วยเผยความลับที่มีประสิทธิภาพ ในการเนรมิตให้แก้มของคุณกลายเป็นสีกุหลาบ อย่างเป็นธรรมชาติเลยทีเดียว

วิธีการสร้างผงปัดแก้มชมพู ธรรมชาติด้วยตัวคุณเอง
 เพื่อให้แก้มของคุณสาวๆ เรืองแสงอมชมพูราวกับสีของดอกกุหลาบนั้น คุณสามารถเริ่มต้นได้จากส่วนผสมต่างๆภายในห้องครัวของคุณเอง ผัก ผลไม้ และส่วนผสมอื่นๆที่คุณมองข้าม สามารถนำมาผสมรวมกันให้กลายเป็นผงปัดแก้มสีชมพูสดใส ที่จะช่วยเปลี่ยนตัวคุณให้กลายเป็นคนใหม่ชวนมองได้อย่างมหัศจรรย์เลยทีเดียว ซึ่งเจ้าเหล่าวัตถุดิบที่น่าสนใจเหล่านั้นก็ได้แก่
 1.กล้วย เพียงแค่คุณนำกล้วยประมาณ 2 ลูก มาบดให้ละเอียด จากนั้นนำพวกมันมาพอกบริเวณแก้ม หรือพอกให้ทั่วใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพียงเท่านี้ กล้วยบดก็จะช่วยทำให้แก้มชมพู ธรรมชาติแล้ว
 2.ขี้ผึ้ง ต้มขี้ผึ้งประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะให้นิ่ม ผสมดินขาวลงไปแล้วบดรวมให้เป็นเนื้อเดียวกัน นำส่วนผสมที่ได้มาทาพอกให้ทั่วทั้งใบหน้าและลำคอของคุณ ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างทำความสะอาดออก คุณก็จะพบว่าผิวของตัวเองดูชมพู เรืองแสงมากขึ้นเหมือนกับดอกกุหลาบ
 3. ถั่วอินเดีย หรือ Masoor daal โดยนำถั่วอินเดียเต้มลงในนมที่ต้มด้วยไฟอ่อนๆ เป็นเวลา 30 นาที หลังจากนั้นให้พักส่วนผสมลงจากเตา เติมดินขาวลง ผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำส่วนผสมที่ได้ทาลงบนผิวหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด
4.ครีมนม 3 ช้อนชา + ผงแป้ง 1 กรัม + รำข้าวสาลี + นมเปรี้ยว ผสมส่วนผสมเหล่านี้ให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นนำไปพอกบนผิวหน้าเป็นเวลาประมาณ 15 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพียงเท่านี้ คุณก็จะได้ผลผิวที่เนียนนุ่มเหมือนกับผลไม้แลยทีเดียว
 5.เยื่อแตงกว่า แตงกว่าบดละเอียด เป็นตัวกระตุ้นผิวชั้นยอด เซลล์ผิวใหม่ที่เกิดขึ้นมาแทนที่ผิวหนังที่เสื่อมสภาพจะเป็นสีชมพู และยังช่วยลดรอยหมองคล้ำ รวมไปถึงลดความเครียดของผิวให้น้อยลงอีกด้วย

         6.น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ มีคุณสมบัติช่วยเปลี่ยนให้เป็นสีชมพูระเรื่อเหมือนดอกกุหลาบ
 7.น้ำมะนาว+นม เพียงผสมน้ำมะนาวปริมาณ ¼ ลงไปในน้ำนม แล้วนำไปนวดใบหน้าของคุณให้ทั่ว เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับระบบการไหลเวียนโลหิต เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถที่จะมีแก้มเป็นสีชมพูเรืองแสงได้แล้ว
8.ผมเปลือกส้ม+ครีมนม เป็นส่วนผสมที่ดีในการช่วบพอกบำรุงใบหน้าของคุณ ให้แก้มชมพู ธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
 9.อัลมอนด์บด+กลีบกุหลาบบด ประมาณ 5 ช้อนชา น้ำผลไม้ สะระอหน่ และน้ำผึ้ง เป็นหนึ่งในส่วนผสมที่ลงตัวในการช่วยบำรุงแก้มของคุณ นำส่วนผสมที่ได้ไปแช่ตู้เย็นประมาณ 5-6 วัน จากนั้นจึงค่อยนำมาใช้พอกหน้าก่อนการเข้านอน
 นอกจากนี้แล้ว การรัปประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการยังมีบทบาทสำคัญในการทำให้แก้มของคุณกลายเป็นสีชมพูมากขึ้น เช่น ผลไม้สด น้ำผลไม้ ผักสด นม เพราะใบหน้าของคุณต้องการบำรุงด้วยวิตามิน E และ C นอกจากนี้ ถ้าหากอยากมีแก้มสีชมพูอย่างยาวนาน คุณไม่ควรที่จะลืใออกกำลังเป็นประจำ เพื่อลดความเครียด เพิ่มภูมิต้านทาน และระบบไหลเวียนโลหิตให้ดีมากยิ่งขึ้น

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เลือกครีมขาวใสตรงกับสภาพผิว มีชัยไปกว่าครึ่ง

         สำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความสวยความงาม สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในยุคสมัยนี้ก็คือ “ครีมขาวใส” เพราะเจ้าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้ขาวสว่างกระจ่างใสนี้เองที่จะเป็นตัวช่วยให้สุขภาพผิวของคุณดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยมันจะช่วยให้ผิวพรรณสดใส ขาวเปล่งประกายมาจากภายใน มิใช่เพียงการแต่งแต้มให้สวยแค่ภายนอกเฉกเช่นเครื่องสำอางค์ และด้วยความสำคัญของครีมขาวใสจึงทำให้ผู้ประกอบการแต่ละรายงัดสรรพคุณแสนวิเศษมาอวดกันอย่างดุเดือด ข้อดีก็คือช่วยให้มีตัวเลือกมากขึ้นในการตัดสินใจของผู้บริโภค ทว่าในความมากมายหลากหลายนี้เราจำเป็นต้องพิจารณาให้ถ้วนถี่เสียก่อนที่จะเลือกใช้ครีมขาวใส

 

ครีมขาวใสที่เหมาะกับผิวหน้าคือตัวเลือกที่ดีที่สุด
        1.คนผิวมัน ผิวหน้าของคนในบ้านเรามักมีผิวมัน เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว ซึ่งการมีผิวมันทำให้ถูกมลภาวะ ฝุ่นควัน แสงแดด เล่นงานเอาง่ายๆ จะสังเกตได้ว่าคนไทยโดยเฉพาะช่วงวัยรุ่นมักเป็นสิวกันมาก และมักมีรูขุมขนกว้าง ผิวหน้าไม่เรียบเนียนคล้ายผิวเปลือกส้ม ซึ่งคนที่มีผิวมันนี้จะเกิดการขับน้ำมันออกมาจากผิวมากผิดปกติ ทำให้หน้าดูมันเยิ้ม เกิดปัญหาผิวได้ง่ายกว่าผิวประเภทอื่นๆ แต่ข้อดีของคนผิวมันก็คือเกิดริ้วรอยรอยช้ากว่า เพราะมีความชุ่มชื่นของผิว
        สำหรับการเลือกใช้ครีมขาวใส ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน หรือมอยเจอร์ไรเซอร์มากนัก เพราะผิวมีความชุ่มชื้นในระดับหนึ่งอยู่แล้ว หากได้รับน้ำมันจะยิ่งทำให้ผิวหน้ามันเยิ้มเข้าไปอีก ทั้งนี้ คนผิวมันควรล้างทำความสะอาดหน้าด้วยโฟมหรือสบู่อ่อน 2-3 ครั้งต่อวัน ถ้าล้างบ่อยเกินไปจะทำให้ผิวแห้ง และเกิดการระคายเคืองได้
        2.คนผิวแห้ง คนที่มีสภาพผิวนี้จะมีผิวเรียบเรียนมาก รูขุมขนเล็ก ไม่ค่อยมีปัญหาสิวเสี้ยน แต่จะพบอาการผิวหน้าลอกเป็นขุยง่าย และเกิดริ้วรอยได้มากกว่าผิวประเภทอื่น เนื่องจากผิวแห้งเป็นผิวที่ขาดความชุ่มชื้น คนที่มีผิวแห้งจึงต้องดูแลเอาใจใส่ผิวหน้ามากเป็นพิเศษ หลีกเลี่ยงสภาวะที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อผิว เช่น การโดนแดดจัดเป็นเวลานาน การสัมผัสกับอากาศร้อนหรือเย็นเกินไป เป็นต้น การเลือกใช้ครีมหน้าใสของคนผิวแห้ง ควรเลือกใช้ครีมบำรุงที่มีมอยส์เจอร์ไรเซอร์ นม และโยเกิร์ต เพราะจะช่วยสร้างความชุ่มชื้นและป้องกันการเกิดริ้วรอยได้ดี

        3.คนผิวธรรมดา หมายถึงผิวที่มีความเรียบเนียน มีความยืดหยุ่นดี รูขุมขนละเอียด เหมือนอยู่ตรงกลางระหว่างผิวมันกับผิวแห้ง ซึ่งใครที่เกิดมาเป็นคนผิวธรรมดาถือว่าโชคดีมาก เพราะมักไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องผิวพรรณ อยู่ในสภาวะที่มีอากาศร้อนผิวก็ไม่มันเยิ้ม อยู่ในที่ที่มีอากาศเย็นก็ไม่แห้งเป็นขุย ดูแลง่าย ทั้งนี้ ก็ควรเลือกใช้ครีมหน้าใสที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์เป็นประจำ เพราะจะเพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิว และควรทาครีมกันแดดออกจากบ้านทุกครั้ง เพื่อเป็นเกราะป้องกันอันตรายที่จะอาจถูกทำร้ายได้จากแสงแดด
        4.คนผิวผสม เป็นอีกหนึ่งสภาพผิวที่คนไทยคุ้นเคยกันดี ซึ่งจะมีความยุ่งยากมากในการดูแลรักษา เพราะผิวจะมีลักษณะหลากหลาย แต่โดยส่วนใหญ่มักเป็นขุยและแห้งตรงบริเวณแก้ม การเลือกครีมขาวใสของคนผิวผสมจะต้องเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอากาศ อย่างเช่น ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งแบบกลางวันและกลางคืน แต่ในปัจจุบันถือว่าไม่ใช่เรื่องยุ่งยากมากนัก เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้เลือกสรรมากมายตามท้องตลาด
        ท่านผู้อ่านลองสำรวจดูว่าตนเองเป็นคนผิวประเภทไหน จะได้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดี เหมาะสมกับสภาพผิว เพราะถ้าเลือกครีมขาวใสตรงกับสภาพผิว การมีผิวสวยสุขภาพดีก็จะไม่ใช่เรื่องยาก ในทางตรงกันข้ามหากเลือกครีมผิดประเภทจะยิ่งทำให้ปัญหาผิวทรุดหนัก เนื่องจากแก้ปัญหาไม่ตรงจุด

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ผิวหน้าไม่สม่ำเสมอเกิดขึ้นได้อย่างไร พร้อมวิธีแก้ไขแบบโฮมเมด

         ผิวพรรณบนใบหน้า เป็นผิวที่มีความบอบบาง ละเอียดอ่อนมาก จึงทำให้เกิดปัญหาขึ้นกับผิวหน้าได้ง่าย หนึ่งในปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นประจำคือ ผิวหน้าไม่สม่ำเสมอ เกิดจุดด่างดำ ถึงแม้จะใช้ไวเทนนิ่งครีม เพื่อช่วยลดเลือนจุดด่างดำให้สีผิวแลดูขาว สม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังช่วยได้ไม่มาก หรือบางคนที่หายไปแล้วก็ยังสามารถกลับมาเป็นได้อีก จนทำให้ผิวของเราดูคล้ำไม่กระจ่างใสเท่าที่ควร

อะไรกัน ที่ทำให้ผิวหน้าไม่สม่ำเสมอ
         เชื่อว่าสาวๆทุกคนย่อมอยากมีผิวสวยไร้ที่ติ แต่ปัญหาอย่างเรื่องผิวหน้าไม่สม่ำเสมอก็ชอบมารบกวนอยู่ร่ำไป ซึ่งการมีผิวหน้าไม่สม่ำเสมอนั้นเป็นผลมากจากการผลิตเมลานินมากเกินไป เมลานินคือสิ่งที่ทำให้ผิวและผมมีสี ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV และซึมซับเอาความร้อนจากแสงแดด การตากแดดโดยเฉพาะแดดจัดๆมากจนเกินไป จะส่งผลเสียต่อผิวให้มีการสร้างเมลาโนไซท์ ซึ่งเป็นเซลล์ที่มีหน้าที่สร้างเม็ดสีผิวให้มีจำนวนมากขึ้น และทำให้มีการผลิตเมลานินเพิ่มขึ้น บริเวณที่มีการรวมตัวอย่างหนาแน่นของสีผิวเมลานิน ก็จะส่งผลให้ผิวดูคล้ำขึ้น จุดด่างดำมีสีเข้มขึ้น นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้ผิวคล้ำยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง การเกิดฝ้า การอักเสบของผิว เช่น รอยสิว ผิวไหม้ เป็นต้น ซึ่งนำไปสู่ปัญหาผิวหน้าไม่สม่ำเสมอได้นั่นเอง

         แสงแดดและรังสี UV เป็นสาเหตุหลักของปัญหาผิวหน้าไม่สม่ำเสมอ รวมถึงการเกิดจุดด่างดำบนใบหน้า ดังนั้นเราจึงควรเลือกใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารกรองรังสี UVA และ UVB เป็นประจำ เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดตัวการทำร้ายผิว

สูตรบำรุงผิวหน้า แบบโฮมเมด
         การจะแก้ปัญหาผิวหน้าไม่สม่ำเสมอให้สำเร็จ จำเป็นต้องอาศัยหลากหลายวิธีควบคู่กันไป ได้แก่ หลีกเลี่ยงการถูกแดดจัดๆ ถ้าจำเป็นควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน 30 นาที และสวมแว่นกันแดด หมวกบังแดด กลางร่ม เพื่อป้องกันผิวจากการถูกรังสียูวีทำร้าย การทาครีมบำรุงผิวหน้าเป็นประจำ รวมถึงการฟื้นบำรุงผิวหน้าด้วยสูตรโฮมเมดดังต่อไป
         1.สูตรโยเกิร์ตผสมมะนาว ให้นำน้ำมะนาวมาผสมโยเกิร์ตธรรมชาติแล้วนำไปพอกผิวหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีจึงล้างออก มะนาวจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ที่ขาวสดใสกว่าเดิม ส่วนโยเกิร์ตจะช่วยลดการระคายเคืองผิว แก้ปัญหาผิวหน้าไม่สม่ำเสมอได้อย่างดีเยี่ยม
         2.สูตรกล้วยหอมผสมนมสด ให้นำกล้วยหอม และนมสดมาบดผสมกัน แล้วนำไปพอกผิวหน้า โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นจุดด่างดำ สีผิวคล้ำเสีย ไม่สม่ำเสมอ กล้วยหอมและนมสดจะทำให้ผิวขาวเนียนสวย มีน้ำมีนวลมากขึ้น

         3.สูตรมะละกอผสมนมสด ให้นำมะละกอ และนมสดมาบดผสมกัน แล้วนำไปพอกบนใบหน้าหรือผิวกายทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีจึงล้างออก ผลลัพธ์ของสูตรนี้จะคล้ายๆกับสูตรกล้วยหอมและนมสด คือช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าไม่สม่ำเสมอได้เป็นอย่างดี
         4.สูตรน้ำมันมะพร้าว นำน้ำมันมะพร้าวมาทาผิวหน้าได้เลย แต่ต้องทาบางๆ แล้วค่อยนวดหน้าอย่างเบามือ การใช้น้ำมันมะพร้าวเป็นสูตรโบราณที่ใช้ได้ผลมาก โดยน้ำมันมะพร้าวจะช่วยทำให้ผิวขาวเนียนนุ่มชุ่มชื่นแบบเป็นธรรมชาติมากขึ้น
         5.สูตรน้ำผึ้งผสมโยเกิร์ต นำน้ำผึ้งและโยเกิร์ตธรรมชาติมาผสม คนให้เข้ากัน แล้วนำไปพอกลงบนใบหน้าหรือผิวกายก็ได้ ทิ้งไว้สักประมาณ 30 นาทีจึงล้างออก น้ำผึ้งและโยเกิร์ตจะช่วยให้ผิวหน้าขาว เนียนนุ่ม ชุ่มชื่นมากขึ้น
         6.สูตรมะเขือเทศผสมข้าวโอ๊ต ให้นำมะเขือเทศไปปั่นหรือบดให้ละเอียด กรองเอาแต่น้ำ ผสมกับข้าวโอ๊ต แล้วคนให้เข้ากัน ก่อนใช้ต้องล้างหน้าให้สะอาดแล้วเช็ดให้แห้ง แล้วพอกทิ้งไว้นานๆหลังจากล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะช่วยให้ยกกระชับผิวให้ชุ่มชื่น ได้สีผิวขาวสม่ำเสมอคืนกลับมา

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ผิวหน้าไม่เรียบเรื่องจิ๊บๆ อยากแก้ไขได้ด้วยตัวเอง อ่านเลย!

 

 รอยด่างดำ หมองคล้ำตัดกับสีผิวจุดอื่นๆบนใบหน้า เป็นปัญหาผิวที่ผิดปกติ หรือที่มักเรียกกันว่าผิวหน้าไม่เรียบ ซึ่งสามารถพบได้บ่อยมากต่อคนทุกเพศทุกวัย ซึ่งเจ้าปัญหาผิวหน้าไม่เรียบนี้ ถ้าหากยังปล่อยเอาไว้นอกจากจะส่งผลต่อความมั่นใจในด้านความงามแล้ว มันอาจจะมีแนวโน้มที่เลวร้ายต่อผิวมากขึ้นเรื่อยๆ จากการศึกษาของบริษัท และคลินิกด้านความงาม ชี้ให้เห็นว่า ผู้หญิงกว่า 1 ใน 4 มีความกังวลเกี่ยวกับรอยดำ ผิวหน้าไม่เรียบ เพราะพวกเธอเชื่อว่า สิ่งเหล่านี้คือสัญญานที่กำลังเตือนถึงริ้วรอยที่กำลังมาเยือน

สาเหตุพบบ่อยที่มักทำให้เกิดปัญหาผิวหน้าไม่เรียบ
 ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่ประสบปัญหาผิวหน้าไม่เรียบ มักเกิดขึ้นจากการที่ผิวหน้าสัมผัสกับแสงแดดเป็นระยะเวลานาน แสงยูวีจากดวงอาทิตย์ทำให้เกิดแผลสีน้ำตาลแบนขึ้น โดยเฉพาะกับคนที่ไม่ใช้ครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านในช่วงกลางวันที่มีแดดแรงอย่างเพียงพอในชีวิตประจำวัน ซึ่งช่วงเวลาที่แดดแรง ควรหลีกเลี่ยงมากที่สุดคือระหว่างเวลา 11.00 – 15.00 น.
 อย่างไรก็ตาม ปัญหาผิวหน้าไม่เรียบ ยังสามารถเกิดขึ้นได้จากอีกหลากหลายสาเหตุได้เช่น เกลื้อน ที่มักปรากฏขึ้นบ่อยครั้งตามริมฝีปาก จมูก แก้ม และหน้าผาก ที่อาจเกิดขึ้นจากกระดับฮอร์โมนในระหว่างที่มีการตั้งครรภ์ หรือผู้หญิงที่มีการทานยาเม็ดคุมกำเนิด ซึ่งผิวหน้าไม่เรียบ และสีผิวจากสาเหตุนี้จะกลับมาเป็นปกติ หลังจากที่ได้ทำการคลอดบุตร หรือเปลี่ยนวิธีการคุมกำเนิด นอกจากนี้ยังสามารถเกิดขึ้นได้จากสาเหตุอื่นๆอีก ไม่ว่าจะเป็นรอยแผลเป็นจากสิว สิว หรือบาดแผลจากการเจ็บๆอื่นๆ

ถ้าต้องการให้ใบหน้าเรียบเนียนควรทำเช่นไร?
   ผิวหน้าไม่เรียบ ไม่ทั่วเท่ากันทั้งใบหน้าเป็นสิ่งที่สามารถฟื้นฟูให้กลับมาเท่ากันตามปกติได้ แพทย์ส่วนใหญ่จะแนะนำให้ใช้เซรั่ม หรือครีม ที่มีส่วนผสม เช่ย วิตามินบี3 ที่ได้รับการทดลองแล้วพบว่า สามารถช่วยลดรอยดำที่เกิดขึ้นบนผิวได้มากถึงร้อยละ 90 เลยทีเดียว สารสกัดจากใบหม่อน Niacinamide หรือเหล่าสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่มีศักยภาพเป็นกรด Ferulic แต่ถ้าหากคุณมีปัญหาผิวหน้าไม่เรียบอย่างรุนแรง ขอแนะนำให้ควรไปปรึกษากับแพทย์ เพื่อที่จะได้รับวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับตัวเอง และรวดเร็วมากที่สุด แต่ถ้าหากคุณกำลังมองหาวิธีที่จะสามารถช่วยบำรุง พร้อมกับฟื้นฟูปัญหาผิวหน้าไม่เรียบด้วยตัวเองอย่างง่ายๆที่บ้านอยู่ล่ะก็ คุณสามารถที่จะทำตามขั้นตอนแนะนำต่อไปนี้ โดยเลือกตามความสะดวก หรือความชอบของตัวเอง

วิธีบำรุง ฟื้นฟูผิวหน้าให้กลับมาเรียบเนียนเท่าเทียมกันด้วยตัวเองอย่างง่ายๆที่บ้าน
   1.น้ำตาล การขัดผิวที่เสื่อมสภาพแล้วด้วยน้ำตาลเบาๆ สะเก็ดของน้ำตาลจะช่วยเผยผิวใหม่ที่ดูอ่อนเยาว์ และยกกระชับมากขึ้น ส่วนวิธีการก็แสนง่าย เพียงแค่คุณผสมเกล็ดของน้ำตาลลงในครีมที่ชื่นชอบ แล้วนำไปขัดในบริเวณที่ต้องการอย่างสม่ำเสมอ แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นเท่านั้น
 2.เบรกกิ้งโซดา เป็นตัวแทนความอ่อนเยาว์ตามธรรมชาติ และไม่รุนแรงต่อผิว กสนขัดผิวด้วยเบกกิ้งโซดาจะช่วยกำจัดผิวหนังที่แตก แห้ง เป็นขุย และดำคล้ำ จากฝีมือของดวงอาทิตย์ เพียงใช้เบรกกิ้งโซดา ผสมกับน้ำเปล่า ทาให้ทั่วแล้วทิ้งเอาไว้สักครู่ นวดหน้าเบาๆ โดยใช้ปลายนิ้วเป็นเวลาประมาณ 2-3 นาที แล้วล้างหน้าออกด้วยน้ำอุ่น
3.พอกหน้าด้วยโยเกิร์ต มีคุณสมบัติสุดพิเศาในการช่วยปรับสีผิวให้เท่าเทียมกัน และมีสุขภาพดี เนื่องจากโยเกิร์ตเป็นสารฟอกสีตามธรรมชาติ ช่วยในการขัดผิว ปรับปรุงโทนสีผิว ด้วยการลดความกระทบที่เกิดขึ้นกับผิวจากแสงอาทิตย์ให้น้อยลง เพียงคุณใช้โยเกิร์ตรสจืดไร้สี ไร้รส ทำการลูบไล้ให้ทั่วใบหน้า และลำคอ ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20-30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นเท่านั้น
         4.นมผง ช่วยในการฟอกสีผิวหน้าที่เหมาะเป็นอย่างมากสำหรับคนที่มีปัญหาใบหน้าไม่เรียบเนียนเท่ากัน เพียงใช้นมผงผสมเข้ากับน้ำให้ข้น แล้วพอกให้ทั่วทั้งใบหน้าและลำคอ โดยพอกบ่อยๆ ประมาณ 4 ครั้งในช่วงที่ต้องการให้ผิวมีความหมองคล้ำสูง เพียงเท่านี้ผิวของคุณก็จะค่อยๆกลับมาเรียบเนียนอีกครั้งแล้ว

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.