ชำแหละ วิธีทำตา2ชั้น ราคาแพง เปลี่ยนหมวยให้สวยพริ๊ง

         มีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ได้เชื้อหมวย-ตี๋ ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด และสิ่งที่ทำให้คนรอบข้างรู้ว่าคุณเป็นอาตี๋อาหมวยนั่นก็คือการมีตาเล็ก ตาชั้นเดียว ซึ่งหากเป็นสมัยก่อนใครๆต่างก็ชอบ เพราะดูมีเอกลักษณ์และเสน่ห์อย่างหนึ่ง แต่ ณ ขณะนี้ ตาชั้นเดียวกลายเป็นความจืดชืดที่ผันแปรไปตามยุคสมัย เดี๋ยวนี้ใครมีดวงตากลมโต ตาสองชั้นต่างหากที่จะทำให้แต่งหน้าสวย จึงไม่แปลกที่อาหมวยจะอยากสวยพริ๊งด้วยวิธีการทำตา2ชั้น ราคาแพง
         ทั้งนี้ ไม่ใช่แค่เพียงสาวหมวยเท่านั้นที่นิยมทำตา2ชั้น ราคาแพง เพราะในบางคนที่ตาตก ตาตี่ ตาเล็ก ก็สามารถแก้ให้เป็นตาสองชั้นแบบเกาหลีได้ ดังนั้น เพื่อเป็นความรู้เบื้องต้นก่อนตัดสินใจทำศัลยกรรมดวงตาให้สวยพริ้ง เรามาทำความรู้กันว่าวิธีทำตา2ชั้น ราคาแพง คืออะไร มีขั้นตอนทำอย่างไร


วิธีทำตาสองชั้น

         1.แบบผ่าตัดกรีดเปลือกตาบน  ขั้นตอนในการทำตาสองชั้นแบบผ่าตัดกรีดเปลือกตาบน จะใช้ฉีดยาชาเฉพาะที่บริเวณเปลือกตาหรือหนังตาที่ต้องการทำให้เป็น 2 ชั้น จากนั้นก็วาดเป็นรอยที่คาดว่าจะทำให้เกิด 2 ชั้น ในตา 2 ข้าง ให้เท่าๆกัน แล้วใช้มีดผ่าตัด กรีดตามรอยที่วาดไว้ ตัดเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังที่คิดว่าเป็นส่วนเกินออก หากมีไขมันมากก็ตัดออกด้วย เสร็จก็เย็บให้ผิวหนังติดกับส่วนที่อยู่ชิดกับ Tarsus (เป็นเนื้อเยื่อคล้ายกระดูกอ่อนที่มีหน้าที่โครงรูปให้เป็นหนังตา) เย็บแผลที่กรีดออกให้ติดกัน
         ขั้นตอนทั้งหมดใช้ระยะเวลาในการทำประมาณ 1-2 ชั่วโมง จากนั้นแพทย์จะนัดตัดไหมในเวลา 5-7 วันวิธีการนี้แนะนำสำหรับผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป เพราะหนังตาจะมีความหย่อนยาน มีไขมันส่วนเกินที่อาจจะต้องตัดออกบ้าง อย่างไรก็ตาม หลังการผ่าตัดคนไข้สามารถกลับบ้านได้ ไม่ต้องมีการพักฟื้น
         2.แบบเย็บชั้นโดยไม่ต้องกรีดหนังตา เป็นวิธีที่ใช้ได้สำหรับผู้ที่มีลักษณะเปลือกตาชั้นเดียวที่ไม่มีไขมันมากและหนังตาไม่หย่อนยานตกลงมากเกินไป เนื่องจากไม่สามารถเอาไขมันและผิวหนังส่วนเกินออกไปด้วยได้ การทำตาสองชั้นก็เพียงแต่เย็บร้อยไหมเข้าไปที่เปลือกตา อาจจะเป็นสองจุดหรือสามจุดก็ได้ ดังนั้นเราจะเห็นโฆษณาอยู่เรื่อยๆว่าทำตาสองชั้นแผลหายภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งวิธีนี้เป็นการผ่าตัดโดยวิธีร้อยไหมอย่างเดียวเท่านั้น ดังนั้น จึงมีโอกาสที่ไหมที่ร้อยไว้อาจหลุดได้ หรือบางครั้งจะเป็นจุดบุ๋มอยู่ช่วงหนึ่ง บางครั้งอาจดูไม่ค่อยจะธรรมชาติ แต่มีข้อดีคือ มีอาการบวมไม่มากนัก และไม่ต้องมาคอยระวังเรื่องแผล เพราะเป็นจุดเย็บที่เปลือกตาเท่านั้น

         3.การเจาะรูเล็กๆ เข้าไปบนชั้นหนังตา โดยแพทย์จะพับหนังตาแล้วเย็บ คล้ายๆกับการพับผ้า และไม่จำเป็นต้องตัดส่วนใดออก ข้อดีของการทำตา 2 ชั้นด้วยวิธีนี้คือแผลผ่าตัดมีขนาดเล็กจนแทบมองไม่เห็นหลังจากทำการผ่าตัดแล้ว ตาไม่มีอาการบวม ผู้เข้ารับการผ่าตัดจึงสามารถทำงานได้ตามปกติ สามารถล็อคชั้นหนังตาให้อยู่ได้แบบถาวร และการเย็บเพื่อปิดแผลเพียง 2-3 จุดสามารถกลับมาตัดไหมได้ภายใน 48 ชั่วโมงวิธีการนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุยังน้อย ผิวพรรณโดยเฉพาะส่วนของใบหน้ายังมีความกระชับ ไม่หย่อนคล้อยมาก อย่างไรก็ตาม ประเภทของการรักษาจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
         เป็นอย่างไรกันบ้างกับวิธีทำตา2ชั้น ราคาแพง เปลี่ยนหมวยให้สวยพริ๊ง ถามว่าถ้าได้ตาสองชั้นในแบบที่น่าพอใจ สวยดูดีจนใครๆก็ต้องเหลียวมอง แลกกับเงินในกระเป๋าที่ต้องเสียไป (ราคาขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีและแพทย์ผู้ชำนาญของแต่ละที่) มันคุ้มค่าหรือไม่ เชื่อว่าอาหมวยทุที่ทำตาสองชั้นมาแล้วต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “คุ้ม”

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

สวยทางลัด .. ฉีด filler อย่างไรดี?


ความนิยมอย่างแพร่หลายในการเสริมความงามให้กับใบหน้าด้วยวิธีเจ็บนิดๆ แต่สวยรวดเร็วภายในไม่กี่นาที แต่อย่าลืมว่า “ฟิลเลอร์” (FILLER) นั้นไม่ได้แค่เนรมิตความสวยงามให้กับใบหน้าเท่านั้น หากรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่ศึกษาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนอาจจะส่งผลเสียต่อใบหน้านานานัปการ และยากที่จะฟื้นฟูเยียวยา เรามาทำความรู้จักเจ้าฟิลเลอร์ หรือ สารเติมเต็มนี้กันให้ลึกลงไปอีก เพื่อเป็นข้อมูลก่อนจะคิดสวยหล่อทางลัดกัน
ฉีด filler เป็นชื่อเรียกทั่วไปของเทคนิคการฉีดสารเติมเต็มที่เราเรียกว่า ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic acid) ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายสามารถ สร้างได้เองตามธรรมชาติ แต่จะลดลงตามอายุที่มากขึ้น โดยมากจะใช้เพื่อเติมเต็มร่องลึกและริ้วรอย
การฉีด filler.. สามารถช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ดังต่อไปนี้
1.ปัญหาร่องแก้มที่เป็นจุดเด่นทำให้มองดูมีอายุ ขาดความอวบ อิ่ม
2.ลบริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า
3.  เสริมจมูกให้โด่งเป็นธรรมชาติ
4. เสริมคาง
5.ตกแต่งริมฝีปาก แก้ปัญหามุมปากตก ริมฝีปากบาง ปรับขนาดให้เท่ากัน เติมปาก
6.ฉีดเติมเต็มปรับรูปหน้า เช่น เติมเต็มแก้ปัญหาขมับตอบ เติมข้างแก้มตอบให้หน้าดูอวบอิ่ม

ฟิลเลอร์ แบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ดังนี้
1.Temporary Dermal filler (ชั่วคราว) ได้แก่ Zyderm  ,Zyplast ถือว่าเป็น Collagen แท้ๆแต่สังเคราะห์มาจาก วัว มีอายุใช้งานประมาณ 4-6 เดือน แต่มีความปลอดภัยสูง สลายตัวได้เองตามธรรมชาติ
2.Semi-Permanent Dermal filler (กึ่งถาวร) ได้แก่ Restylane , Hydrafill , Hylaform , Juvenderm  พวกนี้คือ Hyaluronic Acid ( HA ) สังเคราะห์มาจาก การหมักของเชื้อโรค ชนิดหนึ่งที่ชือ  Streptococcus  (Bacteria Fermentation of Streptococcus) มีอายุใช้งานประมาณ 2 ปี มีความปลอดภัยปานกลาง
3.Permanent Dermal Filler (ถาวร) ได้แก่ Artecoll , Artrfill , Aquamid  , Radiesse เป็นสารสังเคราะห์ เช่น  Artecoll หรือ Artifill ก็เป็นสารพวก PMMA , ซิลิโคน และพาราฟิน หลังฉีดแล้วจะอยู่ในผิวตลอดไป ไม่สลายตามธรรมชาติ มักพบผลข้างเคียงหรืออาการแทรกซ้อนในระยะยาว

สิ่งที่ควรรู้ก่อน .. การฉีดฟิลเลอร์

1. อย่าลืมงดยาและอาหารเสริมบางประเภท โดยเฉพาะยาในกลุ่มยา บรรเทาปวด NSAIDs เช่น Ibuprofen Aspirin เพราะอาจทำให้เกิดอาการบวม หรือรอยช้ำบริเวณตำแหน่งที่ฉีดฟิลเลอร์ได้ รวมถึงอาหารเสริมบางประเภท เช่น วิตามินอี แปะก๊วย น้ำมันปลา ซึ่งอาจมีผลทำให้แผลช้ำ เลือดหยุดไหลช้า
2. ต้องแน่ใจว่าคุณไม่มีอาการแพ้สารตัวนี้ และตรวจสอบให้มั่นใจว่า สาร Hyaluronic acidที่ฉีดเข้าไปนั้นได้รับมาตรฐานและผ่านการรับรองจาก สถาบันทางการแพทย์หรือมาตรฐานทางสาธารณสุข ที่เชื่อถือได้
3. คุณอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ให้นมบุตร หรือกำลังรับยาต้านการแข็งตัว ของเลือดหรือไม่? ถ้าใช่ ไม่ควรฉีด เพราะอาจส่งผลข้างเคียงได้ค่ะ
4. หากคุณเป็นคนที่เกิดแผลนูนหรือคีรอยด์ ได้ง่าย ให้ทดลองทำส่วนอื่น ก่อนที่ไม่ใช่ใบหน้าหรือในบริเวณที่เห็นได้ชัด

ขั้นตอน .. การฉีดฟิลเลอร์
           ขั้นตอนที่ 1 : ทายาชาบริเวณที่คนไข้ต้องการทำ ทิ้งไว้ประมาณ 45-60 นาที
           ขั้นตอนที่ 2 : แพทย์ทำการฉีดสาร HA เข้าไปในบริเวณที่ลูกค้าต้องการ โดยระหว่างการฉีดนั้นจะมีอาการแน่นขึ้นในบริเวณที่ฉีด
           ขั้นตอนที่ 3 : แพทย์ทำการปรับแต่งในส่วนที่ฉีดให้คนไข้ เพื่อให้เข้ากับรูปหน้าของคนให้มากที่สุด โดยหลังการฉีดอาจมีอาการบวมเล็กน้อย และมีรอยเข็มหลงเหลือเป็นจุดจุดอยู่บ้างในบริเวณที่ฉีด 2-3 วันก็จะจางหายไปเอง

การดูแลตัวเองหลัง .. การฉีดฟิลเลอร์
หลังการฉีดโดยมากแล้วจะมีอาการผิวหนังบวมแดง อาจมีอาการคันหรือคลำได้ เป็นก้อนใต้ผิวหนังบริเวณที่ฉีดยา บางรายอาจพบรอยด่างหรือผิวหนังมีสี ที่เปลี่ยนไป แต่อาการเหล่านี้มักหายไปเองใน 48 ชั่วโมง
1. ใน 12 ชั่วโมงแรก อย่าแต่งหน้าหรือใช้ครีมบำรุงผิวทันทีหลังฉีด หากฉีดที่ริมฝีปาก ให้งดการใช้หลอดดูด งดสูบบุหรี่ และอย่าทาลิปสติกทันทีรวมถึงหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางและครีมบำรุงผิว
2. งดการออกกำลังกายหนักๆ หรือกิจกรรมที่ทำให้Œเหงื่อออกมาก รวมถึงการสัมผัสโดนความร้อน เช่น ซาวน่า การออกแดดจัดอาจทำ
3. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยยืดอายุการฉีด fillerได้หลังจาก 48 ชั่วโมง คุณอาจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่มี Hyaluronic Acid โมเลกุลขนาดเล็ก ที่ผ่านการทดสอบแล้วว่าปลอดภัยและช่วยยืดประสิทธิภาพของฟิลเลอร์ ได้นานขึ้นด้วย

หากเกิดอาการข้างเคียงให้ปฏิบัติตามข้อแนะนำแพทย์ ดังต่อไปนี้
1.หลังฉีด filler อาจมีรอยเข็มแดงๆ เป็นจุดเล็กๆ ในบริเวณที่ฉีด จะหายเองภายใน 2-3 วัน และอาจเกิดรอยเขียวช้ำได้เล็กน้อย ซึ่งมักเจอในคนที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด, Aspirin,Alcohol หรือวิตามิน E อาหารเสริมบางชนิดเช่น Fish oil, Primrose โดยรอยเขียวช้ำจะค่อยๆ จางลงภายใน 1 สัปดาห์ ดังนั้นช่วงแรก สามารถทาแป้ง, Concealer หรือ รองพื้นปกปิดบริเวณที่เขียวช้ำ หรือรอยแดงจากเข็มไว้ก่อนได้
2.หลังฉีดอาจคลำพบก้อนเล็กๆ แข็งเหมือนยางลบใต้ผิวหนังบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะละลายตัวและนิ่มเป็นเนื้อเดียวกันเองภายใน 1-2 เดือน
3.อาจมีการปวดระบมบริเวณที่ฉีดได้เล็กน้อย สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการประคบเย็นหรือทานยาแก้ปวด ลดบวมได้
4.หลังการฉีด 3-4 ชม. ถ้ามีการปวดตื้อๆ อยู่สามารถนวด และประคบอุ่นได้จะช่วยให้อาการดีขึ้น
5.นัดพบแพทย์หลังการรักษา 7 วัน หรือ 4 สัปดาห์
6.กรณีอาการปวดบวมแดงมากผิดปกติ หรือสีผิวหนังบริเวณที่ฉีดเปลี่ยนไปเป็นสีซีด เป็นสีน้ำตาล หรือดำ (โดยไม่ใช่รอยเข็ม หรือรอยเขียวช้ำ) ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ ผู้ทำหัตถการหรือติดต่อเจ้าหน้าที่ที่สาขา ตามเบอร์ที่ให้ไว้ทันที อย่ารอให้ถึงวันนัด
การฉีด fillerที่ดี ควรทราบถึงข้อควรระวังต่างๆดังที่ได้กล่าวไปในตอนต้น เพราะนอกจากจะสวยแบบรวดเร็วดังใจ ความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่สามารถมองข้ามได้ หากรู้แล้วก่อนจะฉีด fillerเพิ่มความสวยความหล่ออย่าลืมหาข้อมูลที่ถูกต้องและระวังภัยหมอเถื่อนเพื่อจะได้สวยหล่อแบบปลอดภัย

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

4 อันดับยอดฮิตของศัลยกรรมเกาหลี

    ในโลกของความสวยความงาม อันดับแรกที่ต้องนึกถึงและเป็นที่นิยมมากที่สุดในตอนนี้คงหนีไม่พ้น “ศัลยกรรมเกาหลี” ประเทศที่เต็มไปด้วยคลินิกศัลยกรรมเสริมความงามได้ทุกรูปแบบ ตั้งแต่หัวจรดเท้าแถมยังใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในเอเชียแม้กระทั่งระดับโลก จนถึงตอนนี้กระแสของศัลยกรรมเกาหลียังไม่มีท่าทีว่าจะซาลงแต่อย่างใด ยังเป็นกระแสให้สาวๆหันมาเสริมความงามกันมากขึ้นอีกด้วย 

4 อันดับยอดฮิตของศัลยกรรมเกาหลีในปัจจุบัน ได้แก่

 ศัลยกรรมตา 2 ชั้น : คนเอเชียส่วนใหญ่ลักษณะตาจะเป็นชั้นเดียว หรือตาไม่เท่ากัน ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งเพศหญิงและชาย ที่สำคัญคือทำออกมาแล้วดูเป็นธรรมชาติที่สุด คนเอเชียจึงนิยมทำตากันมากขึ้น ประเภทของการทำตาสองชั้นมี 3 ประเภทหลักๆ คือ

ศัลยกรรมตาแบบกรีด (Complete incision)

ศัลยกรรมตาแบบกรีดบางส่วน (Partial incision)

ศัลยกรรมตาแบบเย็บจุด (Buried suture method)

ไม่ใช่เพียงการทำศัลยกรรมตาสองชั้นเท่านั้นที่คนเกาหลีนิยมกัน ขณะนี้ยังมีการแก้ไขชั้นตาของคนที่ตาหย่อนคล้อย , การปรับแต่งรูปตา กรีดเปิดหัวตาและหางตา , การฟื้นฟูรูปตา เย็บกล้ามเนื้อตา แต่หากพูดถึงความนิยมในการศัลยกรรมตา นั้นคือ การทำตาสองชั้น , การกำจัดไขมันบริเวณรอบดวงตา เช่น ถุงใต้ตา ไขมันชั้นตาบน , ฉีดไขมันใต้ตาเติมเต็มร่องลึก และศัลยกรรมลดรอยตีนกา
ศัลยกรรมเสริมจมูก :  หนึ่งในการศัลยกรรมตกแต่งที่นิยมมากเมื่อหลายปีก่อน แต่ยังอยู่ในอันดับต้นๆของผู้ที่อยากศัลยกรรมอยู่ จมูก ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้ใบหน้าดูดี การเสริมจมูกทำได้โดยง่าย ปลอดภัย มีภาวะแทรกซ้อนน้อย แต่ต้องเลือกทำกับศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น โดยวัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูก แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

ใช้กระดูกหรือกระดูกอ่อน

ใช้ซิลิโคนแท่ง ทั้งแบบสำเร็จรูปและจัดแต่งเอง 

 

เชื่อว่า “จมูก” เป็นอวัยวะแรกที่คนให้ความสำคัญในการศัลยกรรมก่อนอวัยวะอื่นใด และปัจจุบันก็ยังรั้งตำแหน่งอยู่ต้นๆของการทำศัลยกรรมเกาหลี

ศัลยกรรมหน้าอก :  โดยสังคมปัจจุบันคนส่วนใหญ่อยากมีรูปร่างดีมีเสน่ห์ “หน้าอก” ถือเป็นลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นเพศหญิง เสริมความมั่นใจ ซึ่งการเสริมหน้าอกเป็นศัลยกรรมเกาหลีอย่างหนึ่งที่เป็นที่นิยม แม้กระทั่งดารา นักร้องก็แห่กันทำ เล็กใหญ่ตามรูปร่างของตัวเองเพื่อความสมดุลและมีรูปร่างที่เพอร์เฟค การเสริมหน้าอกส่วนใหญ่เป็นการใช้ “ถุงซิลิโคน” ซึ่งเป็นซิลิโคนแบบเจล รูปทรงกลม และหยดน้ำ โดยการผ่าตัดบริเวณรอยพับใต้ทรวงอก รักแร้ และปานนม

      ขั้นตอน คือ ต้องวางยาสลบระหว่างการผ่าตัด เพื่อให้ไม่รู้สึกเจ็บและกังวล โดยใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง ต้องพักฟื้นโดยประมาณ 3-4 วัน ก็จะได้หน้าอกที่ดูมั่นใจและสวยกว่าเดิมอย่างแน่นอน ไม่ใช่แค่สาวๆเกาหลีที่นิยมกันมาก ในประเทศไทยยังพบผู้หญิงจำนวนมากที่นิยมเสริมหน้ากัน เช่น พริตตี้ , ดารา ,นักร้อง ส่วนใหญ่เป็นอาชีพที่ใช้รูปร่างหน้าตาในการทำงาน

ศัลกรรมรูปหน้า : อีกหนึ่งเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมความงามของเกาหลี คือ การศัลยกรรมหน้าเรียว (V shape) ที่เต็มไปด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยที่สุดในยุคนี้ การปรับแต่งโครงหน้าให้สวยงาม เรียวยาว มีวิธีการผ่าตัด ดังนี้

ฉีดฟิลเลอร์เสริมคาง ทำให้หน้าเรียวยาว โดยใช้สาร Hyaluronic Acid ฉีดเข้าไปบริเวณคาง เพื่อทำให้หน้ามีมิติ เหมาะกับคนหน้ากลมและคางสั้น

       ฉีดโบท็อกซ์ ได้รับความนิยมมาก เป็นการฉีดสาร Botulinum Toxin คือ โปรตีนที่มีความบริสุทธิ์ ไปตรงบริเวณส่วนกราม เพื่อช่วยลดกราม ปรับรูปหน้าให้เรียว ไม่เสียเวลาพักฟื้น เห็นผลลัพธ์ชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์ เหมาะกับคนที่มีเนื้อบริเวณแก้มเยอะ

ร้อยไหม เป็นการนำไหมละลาย ชื่อว่า PDO (Polydioxolane) ที่มีขนาดความหนาและยาวต่างกันไป มาร้อยหรือสอดไปใต้ผิวแนวเดียวกับกล้ามเนื้อ หรือแบบสานกัน เพื่อกระตุ้นให้ผิวเกิดการสร้างคอลลาเจน ทำให้หน้าเรียวและกระชับ เหมาะกับคนที่มีปัญหาหน้าหย่อนคล้อย
เมโสแฟต เหมาะกับคนที่มีไขมันบริเวณแก้มเยอะ หน้ากลมและใหญ่ เป็นการฉีดเพื่อช่วยลดไขมันบริเวณแก้มทำให้ใบหน้าเรียวและเล็กลง
ผ่าตัดกราม เป็นวิธีที่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้จริงและชัดที่สุด สามารถลดเหลี่ยมหน้าที่เคยเด่นชัดให้เรียวขึ้นได้ โดยกรอกระดูกและตัดแต่งมุมกระดูกขากรรไกรภายในช่องปาก

การดึงหน้า หรือการทำ Ulthera เรียกว่าการยกกระชับใบหน้านั่นเอง สามารถดึงใบหน้าให้เรียวได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด

กระแสการทำศัลยกรรมเกาหลียังไม่มีวี่แววว่าจะซา แต่กลับยิ่งเป็นที่นิยม สร้างความตื่นตัวให้ทุกคนไม่ว่าจะชายหรือหญิงให้หันมาใส่ใจเรื่องความสวยความหล่อ ปรับเปลี่ยนลุคของตัวเองให้ดูดีและมั่นใจมากยิ่งขึ้น ยิ่งอยู่ในยุคที่ต้องทันยุคทันสมัยเราควรปรับภาพลักษณ์ให้ดูดีอยู่ตลอดเวลา และเชื่อว่า “ศัลยกรรมเกาหลี” ก็ยังเป็นหนึ่งในใจของทุกคนจะด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและรับประกันความสวยความหล่ออย่างแน่นอน

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

มารู้จักการศัลยกรรมเสริมหน้าอกแบบเกาหลีกัน

หน้าอก เป็นเสมือนสัญลักษณ์ความงดงามของผู้หญิงที่ได้รับการยอมรับกันมาอย่างช้านาน คนที่มีหน้าอกหน้าใจใหญ่โดยส่วนใหญ่ก็มักที่จะได้รับโอกาส และความสำเร็จในอาชีพที่ต้องใช้ความงามของทรวดทรง เช่น อาชีพ พริตตี๊ นางแบบ เป็นต้น มากกว่าคนที่มีหน้าอกเล็กๆ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่คุณสาวๆหลายๆคนจะยอมเจ็บตัวโดยการทำศัลยกรรมเสริมหน้าอก เพื่อให้ตนเองมีขนาดหน้าอกที่ใหญ่มากยิ่งขึ้น สำหรับในวันนี้ก็จะพาคุณสาวๆไปทำความรู้จักกับวิธีการทำศัลยกรรมเสริมหน้าอกแบบเกาหลี ที่กำลังได้รับความนิยมในเมืองไทย ว่ามันมีจุดเด่น และความแตกต่างจากการเสริมขนาดหน้าอกในบ้านเรากันอย่างไร

การศัลยกรรมเสริมหน้าอกแบบเกาหลีคืออะไร

การเสริมหน้าอกแบบเกาหลี ก็คือการใช้เทคนิคความรู้ทางการแพทย์ของเกาหลีเพื่อเสริมหน้าอกให้มีขนาดใหญ่มากขึ้น ซึ่งในวงการแพทย์ของเกาหลีจะไม่เน้นการทำขนาดให้ใหญ่มากๆ แต่จะเน้นให้ความสำคัญกับการให้มีขนาดที่ใหญ่สมส่วน ดูเป็นธรรมชาติ และสามารถดูแลรักษาได้ง่าย โดยส่วนใหญ่การเสริมหน้าอกแบบเกาหลี จะมีอยู่ใน 2 รูปแบบ ขึ้นอยู่กับความต้องการของคนไข้ ดังต่อไปนี้

1.การฉีดเสริมขนาดหน้าอก สำหรับวิธีการฉีดเพื่อเสริมหน้าอกแบบเกาหลี โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีอยู่ 2 ลักษณะ ดังต่อไปนี้

1.1 การฉีด Filler เข้าสู่หน้าอก เป็นการใช้เทคนิคทางการแพทย์ของประเทศเกาหลี ใช้ Filler หรือสารเติมเต็มคุณภาพสูง ที่นำเข้าจากยุโรป มาใช้ในการศัลยกรรมเสริมหน้าอกโดยใช้วิธีการฉีด ซึ่งวิธีดังกล่าวไม่จำเป็นที่จะต้องวางยาสลบคนไข้ เพื่อเป็นการลดเวลาในการพักฟื้น และผลข้างเคียงที่อาจะเกิดขึ้นหลังจากการผ่าตัด

สำหรับการเสริมหน้าอก โดยการฉีด Filler เหมาะสำหรับคุณสาวๆที่ไม่เวลาในการพักฟื้น หรือมีความกลัวต่อการผ่าตัด เนื่องจากใช้เวลาเพียง 1-2 ชั่วโมง ก็สามารถที่จะเดินทางกลับบ้านได้โดยที่ไม่ต้องทำการพักฟื้น ซึ่งการเสริมหน้าอกโดยวิธีนี้ จะช่วยเสริมขนาดของหน้าอกให้เพิ่มมากขึ้นได้ไม่เกิน 1 Cup เท่านั้น ซึ่งการฉีดโดยใช้ Filler แบ่งออกได้อีก 2 ประเภท คือ ชนิดชั่วคราว ที่สามารถอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน และชนิดถาวร

1.2 การฉีดไขมันของตัวเองเข้าสู่หน้าอก เป็นวิธีที่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเมื่อต้องฉีดสารแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย โดยการดูดไขมันจากต้นขา หรือหน้าท้อง ของคุณสาวๆเอง แล้วนำไปสกัดเป็นไขมันบริสุทธิ์ จากนั้นนำไปฉีดเข้าสู่บริเวณหน้าอก ซึ่งจะทำให้ไม่เกิดผลข้างเคียงในระยะยาวต่อร่างกายอีกด้วย

2.การผ่าตัดเสริมหน้าอก
เป็นการผ่าตัดเพื่อเสริมขนาดหน้าอก โดยการใช้วัสดุเทียม อาทิเช่น โคเจน ซึ่งเป็นวัสดุสำหรับเสริมหน้าอกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีลักษณะเด่นที่ให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติ และใกล้เคียงกับหน้าอกของจริงมากที่สุด  ซึ่งโคเจนได้รับการรับรองจากทั้งแพทย์สมาคมของอเมริกา รวมไปถึงคณะกรรมการอาหารและยาของประเทศเกาหลี นอกจากนี้โคเจนมีคุณสมบัติเป็นของแข็งกึ่งเหลว จึงทำให้ไม่เสื่อมสภาพง่ายๆ คงอยู่ได้อย่างนาวนาน มีความปลอดภัยที่สูง โดยสามารถแบ่งโคเจนออกได้เป็น 2 ชนิด คือ Smooth Type และ Texture Type

การศัลยกรรมผ่าตัดเพื่อเสริมหน้าอกแบบเกาหลี จะทำการสอดใส่โคเจนเข้าไปในหลายจุดของร่างกาย อาทิเช่น บริเวณรักแร้ ปานนม หรือใต้ราวนม ซึ่งโคเจนสามารถที่จะอยู่ได้ทั้งใต้กล้ามเนื้อ บนกล้ามเนื้อ หรือระหว่างชั้นกล้ามเนื้อ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของร่างกายคุณหญิงแต่ละคน โดยสามารถเลือกได้จะให้หน้าอกมีรูปร่างอย่างไร ระหว่างทรงหยดน้ำและทรงกลม ซึ่งบริเวณการผ่าตัดเสริมหน้าอกจะพิจารณาตามความเหมาะสมจากรูปร่าง อย่างไรก็ตามแพทย์จะพยายามผ่าตัดโดยให้มีแผลเป็นน้อยที่สุด ซึ่งแผลเป็นเหล่านั้นจะค่อยๆเลือนจางหายไปตามระยะเวลาที่ผ่านไป

ข้อควรระวังหลังการศัลยกรรมเสริมหน้าอกแบบเกาหลี

1.ไม่ควรทำการซาวน์น่า หรืออาบน้ำให้ถูกแผลบริเวณที่ผ่าตัดก่อนการตัดไหม ซึ่งโดยปกติแพทย์จะทำการตัดไหมหลังจากที่ทำการผ่าตัดประมาณ 7-10 วัน

2.เมื่อรับการผ่าตัดในช่วงเวลาประมาณ 3 สัปดาห์ ไม่ควรยกแขนยกแขนสูง 90 องศาขึ้นไป หรือออกกำลังกายโดยการใช้แขนอย่างหักโหม

3.หลังจากการผ่าตัดประมาณ 1 เดือน ควรสวมใส่บราเซียร์ที่กระชับรับกับขนาดหน้าอกที่เพ่มขึ้น เพื่อช่วยทำให้หน้าอกมีทรวดทรงที่กระชับดีมากยิ่งขึ้น แต่ควรงดใส่บราเซียที่มีโรงลวด

 4.ถ้าหากต้องการนวดหน้าอก สามารถทำได้เมื่อเวลาผ่านไป 3-5 วัน หลังการผ่าตัด แต่ควรเริ่มจากเพียงการนวดเบาๆ

5.งดการนอนคว่ำประมาณ 2 สัปดาห์
หลังจากที่ได้รับทราบข้อมูลถึงการศัลยกรรมเสริมหน้าอกแบบเกาหลีกันไปแล้ว ก็หวังว่าข้อมูลที่ได้รับไปจะช่วยให้คุณสาวๆ สามารถตัดสินใจได้ว่าตัวเองควรที่จะทำศัลยกรรมเสริมหน้าอกหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามหน้าอกตามธรรมชาติก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้ว

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.