เหตุผลที่ทำให้การฉีดโบท็อกซ์ได้รับความนิยมจากทั่วโลก

                การฉีดโบท็อกซ์ได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลก เพราะถือเป็นนวัตกรรมความสวยความงามที่แพร่หลายและเป็นที่สนใจของหนุ่มๆสาวๆ ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจทั้งใบหน้าและร่างกาย ที่สำคัญมีทั้งคุณและโทษ เราได้รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ “การฉีดโบท็อกซ์” ที่รวมถึงที่มาที่ไป คุณและโทษ ข้อควรปฏิบัติ และสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงหรือต้องระมัดระวัง
โบท็อกซ์ (Botox) เป็นชื่อทางการค้าของสารโบทูลินั่มท็อกซินเอ (Botulinum toxin A) ซึ่งเป็นโปรตีน ชนิดหนึ่งที่สร้างจากแบคทีเรียชื่อ ครอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) ถูกค้นพบโดย จิสทินัส เคอร์เนอร์ นายแพทย์ชาวเยอรมัน โบท็อกซ์มีการใช้มานานมาก เริ่มต้นโดยการนำมารักษากล้ามเนื้อคอกระตุก กล้ามเนื้อตากระตุก รวมถึงอาการปวดไมเกรน ตาเหล่ ก็รักษาด้วยโบท็อกซ์นี้ ต่อมาปี 2002 FDA ของอเมริการับรองการใช้โบท็อกซ์ เพื่อการลดริ้วรอยหน้าผาก และรอยตีนกา จึงเป็นจุดเริ่มต้นการนำโบท็อกซ์มาใช้ในเรื่องของผิวพรรณและความสวยงาม

               โบท็อกซ์ คือ สารจากธรรมชาติที่เป็นโปรตีนบริสุทธิ์สกัดจากแบคทีเรียที่มีประโยชน์ชนิดหนึ่งซึ่งจะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณที่หดตัว โดยหลังการฉีดโบท็อกซ์แล้วตัวยาจะจับตัวกับปลายเส้นประสาทที่เชื่อมต่อกับกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นคลายตัว ส่งผลให้ริ้วรอยลดเลือน เมื่อกล้ามเนื้อไม่เกร็งตัวแล้ว โบท็อกซ์ยังจะช่วยส่งผลปรับลดขนาดกล้ามเนื้อ ช่วยให้คุณแลดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น เพียง 10 นาที หลังจากทำการรักษา กล้ามเนื้อของคุณจะรู้สึกผ่อนคลาย ร่องลึกจะเริ่มคลายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปและเมื่อเวลาผ่านไปกล้ามเนื้อจะเล็กลง ทำให้ผิวบริเวณนี้เรียบตึง
การฉีดสารเหล่านี้มีระยะเวลา โดยทั่วไปผลของการฉีดจะอยู่ได้นานประมาณ 3-8 เดือน ทั้งนี้ขึ้นกับว่าฉีดรักษาอาการอะไร ฉีดบริเวณใด ฉีดเป็นครั้งแรกหรือเป็นการฉีดซ้ำ เพราะการฉีดสารประเภทนี้ส่วนใหญ่แล้ว คนจะติดใจ คือฉีดแล้วรู้สึกว่ามั่นใจขึ้น สาวขึ้น สวยขึ้น ก็เลยต้องฉีดซ้ำเรื่อยๆ
โบท็อกซ์จับกับปลายประสาท สัญญานกกระตุ้นการหดตัวจะไม่มีผล กล้ามเนื้อของคุณจะผ่อนคลาย ริ้วรอยต่างๆจะค่อยๆเนียนเรียบขึ้นจากเดิม และจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยใหม่ การฉีดโบท๊อกซ์ที่ถูกวิธีนั้นนอกจากจะไม่ทำให้หน้าคุณดูแข็งเกร็งแล้วคุณยังสามารถแสดงอารมณ์ทางสีหน้าได้อย่างเป็นปกติ เพราะโบท๊อกซ์จะทำงานเฉพาะในส่วนของกล้ามเนื้อที่แพทย์ได้เลือกฉีด เช่น หากฉีดโบท็อกซ์ในบริเวณกล้ามเนื้อที่หน้าผากส่วนกลางแล้ว จะไม่กระทบกับการทำงานของกล้ามเนื้อหน้าผากด้านข้าง ผลคือคุณจะสามารถการยกคิ้วได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้การแสดงอารมณ์ทางสีหน้าเป็นไปได้อย่างเป็นปกติ นอกจากจะช่วยให้ผิวเรียบตึงขึ้นแล้วโบท็อกซ์ยังสามารถช่วยลดการทำงานในส่วนของกล้ามเนื้อที่เราไม่ต้องการ ซึ่งจะช่วยปรับรูปหน้าของคุณให้เรียวขึ้นได้อีกด้วย

ข้อดีของการฉีดโบท็อกซ์ (Botox)

1.สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยได้
2.ทำให้รูปหน้าเรียวเล็กลง
3.เห็นผลเร็ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของการฉีดด้วย ซึ่งมีทั้งเห็นผลแทบจะทันที ถึงเป็นเดือนกว่าจะเห็นผล ก็มีเช่นกัน
4.มีใบรับรอง จากองค์การอาหารและยา ทำให้สบายใจได้ ว่ามีความปลอดภัย
5.ไม่ต้องเตรียมตัวเป็นพิเศษ ก่อนเข้ารับการฉีด
6.เมื่อฉีดเสร็จ สามารถทำกิจกรรม ตามปกติได้ทันที
7.เพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง
8.มีผลข้างเคียงน้อย
อย่างที่รู้ๆกัน การฉีดโบท๊อกซ์นั้นไม่ได้มีแต่ข้อดีเท่านั้น ยังมีโทษอีกมามาย ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง และผลที่ตามมาก็คือ

ข้อเสียของการฉีดโบท็อกซ์ (Botox)
1.อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยขณะฉีด แต่โดยทั่วไป จะมีการทายาชาก่อน ทำให้ลดอาการเจ็บปวดลงได้
2.โบท็อกซ์ ไม่ได้อยู่ตลอดไป ซึ่งก็หมายความว่า ริ้วรอยบนใบหน้า หรือกรามที่เล็กลงนั่น จะกลับมาเป็นสภาพเดิมอีกครั้ง กลังเวลาผ่านไป ประมาณ 6 เดือน
3.มีราคาสูง การฉีดโบท็อกซ์ มีค่าใช้จ่ายที่ค่อยข้างสูง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ บริเวณที่ต้องการฉีด และสถานที่เข้ากับการฉีดด้วย
4.หากฉีดจากแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญอาจเป็นอันตรายได้
5.ควรเลือกสถานที่ที่มีอุปกรณ์ปฐมพยาบาลครบถ้วน มิฉะนั้นหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น อาจมีอันตรายถึงชีวิต
6.อาจมีอาการแทรกซ้อน สำหรับผู้ที่มีประวัติแพ้ยาหรือหญิงตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการฉีดทุกครั้ง

แนวทางปฏิบัติตัวหลังฉีดโบท็อกซ์

 1.หลังฉีด ทันที ไม่ควรจับ ลูกคลำ หรือนวดบริเวณที่ฉีด เพราะอาจมีผลต่อการกระจายตัวของตัวยา
2. ภายใน 4 ชั่วโมง ไม่ควรไปนอนราบ หรือนอนตะแคง เพราะในช่วง 4 ชั่วโมงแรก เป็นช่วงการซึมของยาเข้ากล้ามเนื้อ ถ้านอนตะแคงจะทำให้การกระจายตัวของยาผิดจากตำแหน่งที่แพทย์คาดการณ์ไว้ได้ เมื่อเลย 4 ชั่วโมงไปแล้ว สามารถนอน หรือตะแคงได้ตามปกติ
3.ภายใน 4 ชั่วโมงแรก ต้องบริหารกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดบ่อยๆ เพื่อให้ตัวยาซึมเข้าสู่กล้ามเนื้อที่ต้องการให้ออกฤทธิ์มากที่สุด เช่น ฉีดหางตา ควรยิ้มบ่อยๆ ฉีดหน้าผากควรยักคิ้วบ่อยๆ หรือฉีดกรามควรเคี้ยวหมากฝรั่ง 15-30 นาที่ หรือ 4 ชั่วโมง ตามดุลยพินิจแพทย์
4. ภายใน 2 สัปดาห์แรก ควรงดการเข้าอบไอน้ำ อบซาวน่า ยิงเลเซอร์ ทำ RF หรือไอออนโตที่หน้า เพราะความร้อนเฉพาะจุดเป็นเวลานานอาจส่งผลต่อโบท๊อกซ์ได้ใน 2 สัปดาห์แรกความร้อนที่สามารถโดนได้คือ ไดร์เป่าผม อาบน้ำอุ่น (งดบริเวณที่ฉีดโบท๊อกซ์) และโดนแสงแดดที่ไม่แรงจ้าเกินไปได้ตามปกติ
5. หลังฉีดแต่งหน้า ทาแป้ง ทาครีมได้ตามปกติ เมื่อผ่านไป 1 สัปดาห์สามารถทำ Treatment ได้ตามปกติ (ยกเว้น Laser, RF และ Ionto ต้องรอ 2 สัปดาห์)
6.สำหรับการฉีดโบท๊อกซ์ที่กล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น กล้ามเนื้อกราม และน่อง ตัวยาจะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 2-4 สัปดาห์ ดังนั้น ช่วงแรกๆ อาจยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง ฤทธิ์ยาจะมีผลสูงสุดในช่วง 4-8 สัปดาห์ (1-2 เดือน) และจะหมดฤทธิ์เมื่อครบเวลา 4-6 เดือน หรืออาจจะนานกว่านี้ กรณีที่ฉีดโบท๊อกซ์อย่างต่อเนื่องเป็นประจำ ดังนั้นถ้าจะให้เห็นผลในการลดขนาดกล้ามเนื้อกรามและน่องอย่างมีประสิทธิภาพควรฉีดต่อเนื่องกันทุก 4-6 เดือน ประมาณ 3-4 ครั้ง เมื่อหยุดฉีดขาดกล้ามเนื้อจะเปลี่ยนไปจนสังเกตได้
7.ใน 2 วันแรก งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์ จะเพิ่มระบบการไหลเวียนของเลือด และจะเป็นการล้างยาโบท๊อกที่ฉีดไป
8.หลังฉีดสามารถรับประทานอาหาร ออกกำลังกาย และใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

การฉีดโบท็อกซ์ ถึงแม้จะเป็นนวัตกรรมเสริมความสวยความงามที่แพร่หลายอย่างมากทั่วโลก แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่โชคร้ายกับการฉีดโบท็อกซ์เข้าร่างกาย และมีมากมายหลายคนต้องเสียโฉมเพราะเจ้าโบท็อกซ์นี้ ดังนั้นเราควรระมัดระวัง ศึกษาอย่างละเอียด ก่อนตัดสินใจเสริมความงามเหล่านี้ ก่อนที่จะเสียทั้งเงินทั้งหน้าตาของเราไป

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

4 อันดับยอดฮิตของศัลยกรรมเกาหลี

    ในโลกของความสวยความงาม อันดับแรกที่ต้องนึกถึงและเป็นที่นิยมมากที่สุดในตอนนี้คงหนีไม่พ้น “ศัลยกรรมเกาหลี” ประเทศที่เต็มไปด้วยคลินิกศัลยกรรมเสริมความงามได้ทุกรูปแบบ ตั้งแต่หัวจรดเท้าแถมยังใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในเอเชียแม้กระทั่งระดับโลก จนถึงตอนนี้กระแสของศัลยกรรมเกาหลียังไม่มีท่าทีว่าจะซาลงแต่อย่างใด ยังเป็นกระแสให้สาวๆหันมาเสริมความงามกันมากขึ้นอีกด้วย 

4 อันดับยอดฮิตของศัลยกรรมเกาหลีในปัจจุบัน ได้แก่

 ศัลยกรรมตา 2 ชั้น : คนเอเชียส่วนใหญ่ลักษณะตาจะเป็นชั้นเดียว หรือตาไม่เท่ากัน ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งเพศหญิงและชาย ที่สำคัญคือทำออกมาแล้วดูเป็นธรรมชาติที่สุด คนเอเชียจึงนิยมทำตากันมากขึ้น ประเภทของการทำตาสองชั้นมี 3 ประเภทหลักๆ คือ

ศัลยกรรมตาแบบกรีด (Complete incision)

ศัลยกรรมตาแบบกรีดบางส่วน (Partial incision)

ศัลยกรรมตาแบบเย็บจุด (Buried suture method)

ไม่ใช่เพียงการทำศัลยกรรมตาสองชั้นเท่านั้นที่คนเกาหลีนิยมกัน ขณะนี้ยังมีการแก้ไขชั้นตาของคนที่ตาหย่อนคล้อย , การปรับแต่งรูปตา กรีดเปิดหัวตาและหางตา , การฟื้นฟูรูปตา เย็บกล้ามเนื้อตา แต่หากพูดถึงความนิยมในการศัลยกรรมตา นั้นคือ การทำตาสองชั้น , การกำจัดไขมันบริเวณรอบดวงตา เช่น ถุงใต้ตา ไขมันชั้นตาบน , ฉีดไขมันใต้ตาเติมเต็มร่องลึก และศัลยกรรมลดรอยตีนกา
ศัลยกรรมเสริมจมูก :  หนึ่งในการศัลยกรรมตกแต่งที่นิยมมากเมื่อหลายปีก่อน แต่ยังอยู่ในอันดับต้นๆของผู้ที่อยากศัลยกรรมอยู่ จมูก ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้ใบหน้าดูดี การเสริมจมูกทำได้โดยง่าย ปลอดภัย มีภาวะแทรกซ้อนน้อย แต่ต้องเลือกทำกับศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น โดยวัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูก แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

ใช้กระดูกหรือกระดูกอ่อน

ใช้ซิลิโคนแท่ง ทั้งแบบสำเร็จรูปและจัดแต่งเอง 

 

เชื่อว่า “จมูก” เป็นอวัยวะแรกที่คนให้ความสำคัญในการศัลยกรรมก่อนอวัยวะอื่นใด และปัจจุบันก็ยังรั้งตำแหน่งอยู่ต้นๆของการทำศัลยกรรมเกาหลี

ศัลยกรรมหน้าอก :  โดยสังคมปัจจุบันคนส่วนใหญ่อยากมีรูปร่างดีมีเสน่ห์ “หน้าอก” ถือเป็นลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นเพศหญิง เสริมความมั่นใจ ซึ่งการเสริมหน้าอกเป็นศัลยกรรมเกาหลีอย่างหนึ่งที่เป็นที่นิยม แม้กระทั่งดารา นักร้องก็แห่กันทำ เล็กใหญ่ตามรูปร่างของตัวเองเพื่อความสมดุลและมีรูปร่างที่เพอร์เฟค การเสริมหน้าอกส่วนใหญ่เป็นการใช้ “ถุงซิลิโคน” ซึ่งเป็นซิลิโคนแบบเจล รูปทรงกลม และหยดน้ำ โดยการผ่าตัดบริเวณรอยพับใต้ทรวงอก รักแร้ และปานนม

      ขั้นตอน คือ ต้องวางยาสลบระหว่างการผ่าตัด เพื่อให้ไม่รู้สึกเจ็บและกังวล โดยใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง ต้องพักฟื้นโดยประมาณ 3-4 วัน ก็จะได้หน้าอกที่ดูมั่นใจและสวยกว่าเดิมอย่างแน่นอน ไม่ใช่แค่สาวๆเกาหลีที่นิยมกันมาก ในประเทศไทยยังพบผู้หญิงจำนวนมากที่นิยมเสริมหน้ากัน เช่น พริตตี้ , ดารา ,นักร้อง ส่วนใหญ่เป็นอาชีพที่ใช้รูปร่างหน้าตาในการทำงาน

ศัลกรรมรูปหน้า : อีกหนึ่งเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมความงามของเกาหลี คือ การศัลยกรรมหน้าเรียว (V shape) ที่เต็มไปด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยที่สุดในยุคนี้ การปรับแต่งโครงหน้าให้สวยงาม เรียวยาว มีวิธีการผ่าตัด ดังนี้

ฉีดฟิลเลอร์เสริมคาง ทำให้หน้าเรียวยาว โดยใช้สาร Hyaluronic Acid ฉีดเข้าไปบริเวณคาง เพื่อทำให้หน้ามีมิติ เหมาะกับคนหน้ากลมและคางสั้น

       ฉีดโบท็อกซ์ ได้รับความนิยมมาก เป็นการฉีดสาร Botulinum Toxin คือ โปรตีนที่มีความบริสุทธิ์ ไปตรงบริเวณส่วนกราม เพื่อช่วยลดกราม ปรับรูปหน้าให้เรียว ไม่เสียเวลาพักฟื้น เห็นผลลัพธ์ชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์ เหมาะกับคนที่มีเนื้อบริเวณแก้มเยอะ

ร้อยไหม เป็นการนำไหมละลาย ชื่อว่า PDO (Polydioxolane) ที่มีขนาดความหนาและยาวต่างกันไป มาร้อยหรือสอดไปใต้ผิวแนวเดียวกับกล้ามเนื้อ หรือแบบสานกัน เพื่อกระตุ้นให้ผิวเกิดการสร้างคอลลาเจน ทำให้หน้าเรียวและกระชับ เหมาะกับคนที่มีปัญหาหน้าหย่อนคล้อย
เมโสแฟต เหมาะกับคนที่มีไขมันบริเวณแก้มเยอะ หน้ากลมและใหญ่ เป็นการฉีดเพื่อช่วยลดไขมันบริเวณแก้มทำให้ใบหน้าเรียวและเล็กลง
ผ่าตัดกราม เป็นวิธีที่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้จริงและชัดที่สุด สามารถลดเหลี่ยมหน้าที่เคยเด่นชัดให้เรียวขึ้นได้ โดยกรอกระดูกและตัดแต่งมุมกระดูกขากรรไกรภายในช่องปาก

การดึงหน้า หรือการทำ Ulthera เรียกว่าการยกกระชับใบหน้านั่นเอง สามารถดึงใบหน้าให้เรียวได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด

กระแสการทำศัลยกรรมเกาหลียังไม่มีวี่แววว่าจะซา แต่กลับยิ่งเป็นที่นิยม สร้างความตื่นตัวให้ทุกคนไม่ว่าจะชายหรือหญิงให้หันมาใส่ใจเรื่องความสวยความหล่อ ปรับเปลี่ยนลุคของตัวเองให้ดูดีและมั่นใจมากยิ่งขึ้น ยิ่งอยู่ในยุคที่ต้องทันยุคทันสมัยเราควรปรับภาพลักษณ์ให้ดูดีอยู่ตลอดเวลา และเชื่อว่า “ศัลยกรรมเกาหลี” ก็ยังเป็นหนึ่งในใจของทุกคนจะด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและรับประกันความสวยความหล่ออย่างแน่นอน

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.