วิธีจัดการ “สิวอักเสบ” ให้สิ้นซาก ไม่ต้องพึ่งหมอ

         ปัญหาสิว เป็นเรื่องพูดกันไม่จบไม่สิ้น เพราะของแบบนี้ไม่เกิดขึ้นกับตัวเองคงไม่รู้ โดยเฉพาะ “สิวอักเสบ” ที่มารังควาน แถมยังมีอาการปวดแสบจากการอักเสบระคายเคืองผิว ยิ่งเป็นสิวเม็ดใหญ่ๆด้วยแล้วคงไม่ต้องพูดถึงว่ามันทำร้ายผิวหน้าของเรามากแค่ไหน ไม่หมดเพียงเท่านี้ หลังจากสิวอักเสบยุบลงก็มักทิ้งรอยดำรอยแดง หรือรอยแผลเป็นไว้ให้เจ็บช้ำใจ ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้สิวอักเสบเป็นฝันร้ายที่ไม่มีใครอยากเจอ


สิวอักเสบ เกิดจาก

         สิวอักเสบที่เห็นเป็นเม็ดตุ่มนูนๆ บวมแดง อาจเป็นเม็ดเล็กหรือใหญ่ก็ได้ บางครั้งเห็นเป็นหนองบริเวณหัวสิว หรือที่เรียกว่า “สิวหนอง” หากสิวอักเสบมีการติดเชื้อและอักเสบมาก จะทำให้มีขนาดใหญ่ ยกระดับเป็น “สิวหัวช้าง” ได้ ทั้งนี้ สิวอักเสบเกิดจากปัจจัยหลัก 2 ประการ คือ
         1.เกิดขึ้นเองตามธรมชาติ เกิดจากสภาวะที่ร่างกายมีฮอร์โมนไม่สมดุล จึงทำให้เกิดสิวอักเสบขึ้น
         2.เกิดขึ้นจากสิ่งสกปรกและฝุ่นละออง เมื่อฝุ่นละอองและเชื้อแบคทีเรียเข้าไปอุดตันในบริเวณรูขุมขน จึงทำให้เกิดอาการอักเสบในที่สุด


วิธีจัดการสิวอักเสบให้สิ้นซาก

         การจะจัดการปัญหาสิวอักเสบให้หมดไปจากใบหน้าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป ขอแค่มีความอดทน อย่าเอามือไปแคะแกะเกาสิวอักเสบ เพราะจะยิ่งทำให้สิวติดเชื้อ อักเสบได้มากขึ้น แถมยังสามารถแพร่กระจายเชื้อไปบริเวณอื่นๆได้ ที่สำคัญคือพยายามรักษาความสะอาด อย่าปล่อยให้สิ่งสกปรกสะสมบนผิวหน้าเป็นเด็ดขาด เพราะอาจทำให้สิวอักเสบมาเยือนได้ง่ายๆ ทั้งนี้ เมื่อเกิดสิวอักเสบขึ้นควรปฏิบัติดังนี้
         1.ล้างหน้าให้สะอาด โดยหาโฟมล้างหน้าสูตรอ่อนๆมาใช้ หรือโฟมล้างหน้าที่มีส่วนสกัดจากสมุนไพรก็ได้ หรืออาจเลือกผลิตภัณฑ์ประเภทเวชสำอางค์เพื่อช่วยรักษาสิวไปด้วยในตัว อย่างไรก็ตาม เวลาล้างหน้าควรล้างเบาๆ ไม่ควรถูหน้าแรงๆ หรือใช้ผ้าขนหนูเช็ดที่หน้าแรงๆ เพราะจะยิ่งทำให้สิวอักเสบที่เป็นหนองอักเสบมากขึ้น
         2.พักผ่อนให้เพียงพอและออกกำลังกายบ้าง ที่สำคัญดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อปรับสมดุลให้ร่างกาย

         3.ใช้กระดาษซับมันระหว่างวัน อย่าปล่อยให้หน้ามัน โดยใช้กระดาษซับมันแบบเบามือ อย่ากดโดนบริเวณสิวแรงเกินไป
         4.ใช้เจลแต้มสิว โดยควรศึกษารายละเอียดของผลิตภัณฑ์ก่อนซื้อ หรืออาจจะลองอ่านรีวิวตามเว็บบอร์ดต่างๆในอินเตอร์เน็ตก่อน
         5.ขยันเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและซักผ้าเช็ดตัวเป็นประจำ เพราะเป็นรักษาความสะอาดที่ดี
         6.หากอาการสิวอักเสบยังรุนแรงมาก ควรไปพบแพทย์เพื่อหาทางรักษาที่ถูกต้อง ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อมากขึ้นได้
         7.ใช้สูตรรักษาสิวอักเสบแบบโฮดเมด โดยให้นำแตงกวา 1 ลูก มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆและสับให้ละเอียด ปั่นหรือคั้นเอาแต่น้ำแตงกวาแล้วกรองแยกใส่ชามเอาไว้ จากนั้นนำมะเขือเทศ 1 ลูกหั่นให้ละเอียดแล้วคั้นเอาแต่น้ำเช่นกัน นำน้ำแตงกวาและน้ำมะเขือเทศมาผสมให้เข้ากัน จากนั้นใช้สำลีชุบทาให้ทั่วบริเวณผิวหน้า โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นสิวอักเสบ ทิ้งไว้ครู่หนึ่งจึงค่อยล้างออก เช็ดหน้าให้แห้งเป็นอันเสร็จ

 

 

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ครีมรักษาสิว หน้าใส แบบไหนที่ พริ้ตตี้ ใช้กัน สิวหายแถมหน้าเนียนกว่าเดิม

         เมื่อพูดถึงครีมรักษาสิว หน้าใส แบบที่พริตตี้ใช้กัน ก็บอกได้ว่ามีร้อยแปดพันเก้า แต่ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ ไม่เว้นแต่กระทั่งคนในแวดวงบันเทิง ก็คือ “Dr.Young Sprinkling Gel Cream” ครีมบำรุงผิวหน้าที่จัดการปัญหาต่างๆได้สารพัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิว ริ้วรอยแห่งวัย รอยหมองคล้ำ ซึ่งจะทำให้หน้าดูเรียบเนียนกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ปรับสภาพผิวหน้าให้สมบูรณ์ คงความชุ่มชื้นยาวนานตลอด 24 ชั่วโมง


Dr. Young Sprinkling Gel Cream รักษาสิว เหมาะกับคนผิวมัน

         แม้บางคนจะเข้าใจผิดว่าคนที่มีผิวหน้ามันแสดงว่ามีความชุ่มชื้น ซึ่งอาจจะมีส่วนจริงอยู่บ้าง แต่คนที่มีผิวมันก็เองต้องการบำรุงเพื่อฟื้นฟูความชุ่มชื้นให้กับผิวในระหว่างวันเช่นเดียวกับคนที่มีผิวแห้ง นอกจากนี้ความมันบนใบหน้ายังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เป็นสิวได้ง่ายอีกด้วย ทั้งนี้ ครีมรักษาสิว Dr.Young Sprinkling Gel Cream สามารถจัดการความมันได้อย่างอยู่หมด อีกทั้งยังช่วยทำให้ผิวหน้ากระชับเต่งตึง ลดการสะสมของสิ่งสกปรก ต้นเหตุของการเกิดสิว
         โดยผลิตภัณฑ์ Dr.Young Sprinkling Gel Cream มีส่วนประกอบหลักจากน้ำแร่ และสารสกัดจากธรรมชาติที่ช่วยฟื้นคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวโดยไม่มีส่วนประกอบของน้ำมัน จึงไม่ต้องกังวลเรื่องความมันส่วนเกิน หรือทำให้เกิดสิวอุดตันขึ้นบนใบหน้าอย่างแน่นอน


ส่วนผสมหลักของ Dr.Young Sprinkling Gel Cream

         1.น้ำแร่ธรรมชาติจากเทือกเขา Alps โดยการลดอุณหภูมิของก้อนน้ำแข็งของน้ำแร่ธรรมชาติอย่างกะทันหัน จนกระทั่งน้ำแข็งเปลี่ยนสภาพกลายเป็นเจลครีม โดยมีคุณสมบัติในการช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว เสริมความแข็งแรงและชะลอความร่วงโรยของผิวพรรณ
         2.สารสกัดจากกระบองเพชร ช่วยในการรักษาความชุ่มชื้นเอาไว้ให้กับผิวได้เป็นระยะเวลานาน ลดความหยาบกร้านของผิว นอกจากนี้ยังช่วยทำให้ผิวหนังกระจ่างใสและนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น
         3.สารสกัดจากว่านหางจระเข้ ช่วยทำให้กระบวนการเมตะโบลิของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระตุ้นให้เนื้อเยื่อของผิวหนังที่ชำรุดเกิดการสร้างตัวเองขึ้นใหม่ ลดริ้วรอย ทำให้ผิวมีความกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น
         4.Hyaluronic Acid มีคุณสมบัติในการรักษาริ้วรอย ลดรอยแผลเป็น ช่วยลดการสร้างอนุมูลอิสระและช่วยกรองรังสียูวี ช่วยปกป้องฟื้นฟู ปรับสภาพผิวให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์และมีอุณหภูมิที่เหมาะสม
         ด้วยส่วนผสมหลักที่เป็นสารสกัดธรรมชาติเหล่านี้เอง จึงทำให้ Dr.Young Sprinkling Gel Cream กลายเป็นครีมรักษาสิว  บำรุงผิวหน้าให้เนียนใสที่เหล่าสาวๆพริตตี้นิยมใช้กัน นอกจากนั้นยังได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางไปทั่วประเทศ เพราะเป็นผลิตภัณฑ์เวชสำอางนำเข้าจากเกาหลี ฟื้นบำรุงผิวหน้าหน้าด้วยความบอบบาง เสริมสร้างเกราะให้ผิวแข็งแรงสมบูรณ์แบบ


จัดการปัญหาสิว ด้วยเจอเซรั่มเจลแต้มสิว

         นอกจากครีมรักษาสิวที่พริตตี้นิยมใช้กันแล้ว อีกหนึ่งตัวช่วยในการจัดการปัญหาสิวก็คือ เซรั่มเจลแต้มสิวที่สามารถรักษาสิวเฉพาะจุด เหมาะกับผู้ที่เป็นสิวชนิดต่างๆ ทั้งสิวเม็ดใหญ่บนใบหน้า อาทิเช่น สิวอุดตัน สิวอักเสบ ทั้งชนิดที่หัวสิวมีหนอง และไม่มีหนอง โดยผลิตภัณฑ์ที่เราขอแนะนำในวันนี้ได้แก่ “Dr.Young SoS Stop Spot Serum” ด้วยสารสกัดจากขิง ลดอาการแพ้ การระคายเคือง ลดรอยแผลเป็น ริ้วรอยและความมัน ผสมผสานด้วยวิตามินซี สารสกัดจากรากชะเอมและชาเขียว ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความชรา และคงความเยาว์วัยแก่ผิว …รับรองว่าผลิตภัณฑ์ทั้งสองตัวที่แนะนำในวันนี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

สุดยอดเคล็ดลับ เนรมิตใบหน้าอ่อนกว่าวัยภาย ใน 9 วัน

         คุณอยากรู้ความลับที่เสกให้ใบหน้าอ่อนกว่าวัย ภายในเวลาเพียง 9 วันหรือเปล่า..!?
 เถ้าหากมีวิธีง่ายๆที่จะช่วยเนรมิตรเปลี่ยนใบหน้าอ่อนกว่าวัยได้ภายในระยะเวลาอันสั้นเช่นนั้นจริงๆ แน่นอนว่าทุกคนคงอยากที่จะรู้เคล็ดลับดั่งกล่าวซึ่งบทคามชิ้นนี้กำลังจะกระซิบบอกกับคุณว่า มันมีวิธีช่วยทำให้ใบหน้าอ่อนกว่าวัยได้จริง แถมยังง่ายเสียจนไม่น่าเชื่อเลยอีกต่างหาก

เคล็ดลับเนรมิตใบหน้าอ่อนกว่าวัยใน 9 วัน
 เมื่อคุณมองกระจก และพบว่าใบหน้าเริ่มเกิดริ้วรอย รอยแห้งกร้าน และรอยตีนกา ความตึงเครียดย่อมเริ่มปรากฏขึ้นในจิตใจของคุณอย่างแน่นอน ซึ่งความเครียดดั่งกล่าวยิ่งเป็นตัวกระตุ้นด้านลบ ที่ส่งผลให้ผิวของคุณดูแก่มากขึ้นอีก 3-6 ปี เลยทีเดียว แต่ถ้าหากคุณสามารถชะลอ หรือกำจัดความเครียดออกไปได้ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็จะตรงกันข้าม คุณสามารถที่จะย้อนอายุผิวให้กลับไปดูอ่อนเยาว์ได้มากขึ้น ถึง 3-6 ปี ได้เช่นเดียวกัน แล้วยิ่งคุณสามารถใช้ชีวิตตามแผน 9 วัน เพื่อให้สามารถบรรลุถึงการมีใบหน้าอ่อนกว่าวัยได้มากขึ้นกว่าเดิม แต่อาจจะมีหลายคนสงสัยว่า ทำไมถึงต้องกำหนดเวลาเอาไว้ที่ 9 วัน นั่นเป็นเพราะว่า เมื่อคนเราได้ทำการพักผ่อนจากการเรียน การทำงาน และความเครียด ด้วยวันหยุดยาวเป็นเวลา 9 วัน เมื่อส่องกระจกอีกครั้ง จะพบว่าผิวของตัวเองดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว เอาล่ะ.. สำหรับใครที่พร้อมแล้วกับแผนการ 9 วัน เพื่อให้ใบหน้าอ่อนกว่าวัยมากยิ่งขึ้น สามารถเริ่มแผนการชีวิต 9 วัน ตามคำแนะนำต่อไปนี้ได้เลย แต่ขอแนะนำให้วันแรกที่เริ่มทำตามแผนการเป็นวันเสาร์ เพื่อให้การพักผ่อนผิวของคุณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

วันที่1 : ลดความซับซ้อน เริ่มต้นจากการสร้างนิสัยการดูแลผิวหน้าเป็นประจำทุกวัน แต่ใช่ว่าการทำความสะอาดและดูแลผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดจะดีต่อผิวของคุณเสมอไป คุณควรรู้จักการทำความสาดพื้นฐานด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่มีความอ่อนโยน บำรุงผิวด้วยครีมกันแดดในตอนกลางวัน และครีมบำรุงผิวในตอนกลางคืน พร้อมกับเริ่มต้นสร้างตารางการนอนหลับให้เป็นปกติ คนส่วนใหญ่มักคิดว่าการนอนหลับเป็นเพียงสิ่งหนูหราฟุ่มเฟือยที่ไม่จำเป็น แต่ที่จริงแล้วถ้าหากต้องการให้ใบหน้าอ่อนกว่าวัย คุณจำเป็นต้องนอนหลับอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้ทำการรักษาและฟื้นฟูเซลล์ทั่วร่างกาย
วันที่ 2 :  ผ่อนคลาย คูณสามารถผ่อนคลายตัวเองด้วยการพบปะสังสรค์กับเพื่อนๆที่ทำให้คุณรู้สึกสนุก จองบริการนวด หรือแม้แต่การพักดิ่มกาแฟอย่างเรียบง่ายใยตอนบ่าย รวมถึงเริ่มต้นการออกกำลังกายอย่างง่ายๆ เพื่อให้ช่วยลดฮอร์โมนความเครียดให้น้อยลง
วันที่ 3 : สู่เส้นทางสีเขียว ผ่อนคลายตัวเองด้วยการไปอยู่ในสถานที่ที่เป็นธรรมชาติ เดินเร็ว 20 นาที ภายใต้แสงอาทิตย์ยามเช้า หรือยามเย็น เพื่อให้ผิวได้รับการบำรุงด้วยวิตามิน D และดื่มชาเขียว ที่มีคุณสมบัติในการช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ
 วันที่ 4 : การกินที่สะอาดหมดจด เลือกอาหารที่มีสารอาหารสูง คาร์โบไฮเดรต กรดไขมัน และปริมาณน้ำตาลน้อย ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยทำให้ผิวเรียบ
 วันที่ 5 : โยกย้ายส่ายสะโพก จัดตารางให้ตัวคุณมีโอกาสโยกย้ายส่ายสะโพกออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ และการหายใจเพิ่มมากขึ้น พร้อมกับลดช่วงเวลาในการนั่งแช่ตัวทำงานอยู่ที่โต๊ะนานๆ

วันที่ 6 : เข้าสังคม วางแผนการรับประทานอาหารค่ำร่วมกับเพื่อน หรือครอบครัว เพื่อแบ่งปันช่วงเวลาที่ดี และหัวเราะพร้อมกัน
วันที่ 7 : ต่อสู้กับความเครียด เรียนรู้ที่จะนั่งสมาธิ ที่จะช่วยให้คุณสามารถต่อสู้กับความเครียด และยังช่วยทำให้สมองของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
วันที่ 8 : นอนหลับให้มากขึ้น การนอนหลับที่เพียงพอ จะช่วยทำให้ร่างกายลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ และซ่อมแซมเซลล์ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดการเพิ่มความสุขในชีวิต เพื่อสร้างเสริมความแข็งแกร่งในร่างกายของตัวเอง
 วันที่ 9 : หยุดชั่วคราว ใช้เวลาสักครู่ที่จะพักผ่อน และรู้จักกันให้รางวัลกับตัวเอง พร้อมกับพิจราณาวิธีการต่างๆ ที่จะสามารถนำมาใช้พัฒนาชีวิตประจำวันของคุณให้ดีมากยิ่งขึ้น

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เคล็ดลับสร้างแก้มชมพู ธรรมชาติ สีกุหลาบสดใสด้วยตัวคุณเอง

         แก้มชมพู ธรรมชาติ หรือแก้มสีดอกกุหลาบ ถือเป็นลักษณะของผิวที่มีความโดดเด่น ดีเลิศแห่งความงามอย่างเป็นธรรมชาติอันน่าชวนมอง ทำให้ไม่น่าแปลกใจเลยที่เรามักจะได้เห็นลักษณะของการปัดแก้มแก้มชมพู ธรรมชาติ ขึ้นตามหน้าปกนิตยสารชื่อดังระดับโลกอยู่บ่อยครั้ง รวมไปถึงเหล่าซุปเปอร์สตร์คนดังในจอภาพยนตร์อีกมากมายเองต่างก็ปัดแก้มแก้มชมพู ธรรมชาติ แน่ใจได้เลยว่า คุณสาวๆอยากที่จะครอบครองแก้มชมพู ธรรมชาติ โดยไม่ต้องใช้บรัชออน หรือเครื่องสำอางราคาแพงหูฉี่ในท้องตลาด ณ ปัจจุบัน ซึ่งถ้าหากคุณกำลังมองหาวิธีทำให้แก้มชมพู ธรรมชาติอยู่ล่ะก็ บทความชินนี้กำลังจะช่วยเผยความลับที่มีประสิทธิภาพ ในการเนรมิตให้แก้มของคุณกลายเป็นสีกุหลาบ อย่างเป็นธรรมชาติเลยทีเดียว

วิธีการสร้างผงปัดแก้มชมพู ธรรมชาติด้วยตัวคุณเอง
 เพื่อให้แก้มของคุณสาวๆ เรืองแสงอมชมพูราวกับสีของดอกกุหลาบนั้น คุณสามารถเริ่มต้นได้จากส่วนผสมต่างๆภายในห้องครัวของคุณเอง ผัก ผลไม้ และส่วนผสมอื่นๆที่คุณมองข้าม สามารถนำมาผสมรวมกันให้กลายเป็นผงปัดแก้มสีชมพูสดใส ที่จะช่วยเปลี่ยนตัวคุณให้กลายเป็นคนใหม่ชวนมองได้อย่างมหัศจรรย์เลยทีเดียว ซึ่งเจ้าเหล่าวัตถุดิบที่น่าสนใจเหล่านั้นก็ได้แก่
 1.กล้วย เพียงแค่คุณนำกล้วยประมาณ 2 ลูก มาบดให้ละเอียด จากนั้นนำพวกมันมาพอกบริเวณแก้ม หรือพอกให้ทั่วใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพียงเท่านี้ กล้วยบดก็จะช่วยทำให้แก้มชมพู ธรรมชาติแล้ว
 2.ขี้ผึ้ง ต้มขี้ผึ้งประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะให้นิ่ม ผสมดินขาวลงไปแล้วบดรวมให้เป็นเนื้อเดียวกัน นำส่วนผสมที่ได้มาทาพอกให้ทั่วทั้งใบหน้าและลำคอของคุณ ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างทำความสะอาดออก คุณก็จะพบว่าผิวของตัวเองดูชมพู เรืองแสงมากขึ้นเหมือนกับดอกกุหลาบ
 3. ถั่วอินเดีย หรือ Masoor daal โดยนำถั่วอินเดียเต้มลงในนมที่ต้มด้วยไฟอ่อนๆ เป็นเวลา 30 นาที หลังจากนั้นให้พักส่วนผสมลงจากเตา เติมดินขาวลง ผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำส่วนผสมที่ได้ทาลงบนผิวหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด
4.ครีมนม 3 ช้อนชา + ผงแป้ง 1 กรัม + รำข้าวสาลี + นมเปรี้ยว ผสมส่วนผสมเหล่านี้ให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นนำไปพอกบนผิวหน้าเป็นเวลาประมาณ 15 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพียงเท่านี้ คุณก็จะได้ผลผิวที่เนียนนุ่มเหมือนกับผลไม้แลยทีเดียว
 5.เยื่อแตงกว่า แตงกว่าบดละเอียด เป็นตัวกระตุ้นผิวชั้นยอด เซลล์ผิวใหม่ที่เกิดขึ้นมาแทนที่ผิวหนังที่เสื่อมสภาพจะเป็นสีชมพู และยังช่วยลดรอยหมองคล้ำ รวมไปถึงลดความเครียดของผิวให้น้อยลงอีกด้วย

         6.น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ มีคุณสมบัติช่วยเปลี่ยนให้เป็นสีชมพูระเรื่อเหมือนดอกกุหลาบ
 7.น้ำมะนาว+นม เพียงผสมน้ำมะนาวปริมาณ ¼ ลงไปในน้ำนม แล้วนำไปนวดใบหน้าของคุณให้ทั่ว เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับระบบการไหลเวียนโลหิต เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถที่จะมีแก้มเป็นสีชมพูเรืองแสงได้แล้ว
8.ผมเปลือกส้ม+ครีมนม เป็นส่วนผสมที่ดีในการช่วบพอกบำรุงใบหน้าของคุณ ให้แก้มชมพู ธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
 9.อัลมอนด์บด+กลีบกุหลาบบด ประมาณ 5 ช้อนชา น้ำผลไม้ สะระอหน่ และน้ำผึ้ง เป็นหนึ่งในส่วนผสมที่ลงตัวในการช่วยบำรุงแก้มของคุณ นำส่วนผสมที่ได้ไปแช่ตู้เย็นประมาณ 5-6 วัน จากนั้นจึงค่อยนำมาใช้พอกหน้าก่อนการเข้านอน
 นอกจากนี้แล้ว การรัปประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการยังมีบทบาทสำคัญในการทำให้แก้มของคุณกลายเป็นสีชมพูมากขึ้น เช่น ผลไม้สด น้ำผลไม้ ผักสด นม เพราะใบหน้าของคุณต้องการบำรุงด้วยวิตามิน E และ C นอกจากนี้ ถ้าหากอยากมีแก้มสีชมพูอย่างยาวนาน คุณไม่ควรที่จะลืใออกกำลังเป็นประจำ เพื่อลดความเครียด เพิ่มภูมิต้านทาน และระบบไหลเวียนโลหิตให้ดีมากยิ่งขึ้น

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เลือกครีมขาวใสตรงกับสภาพผิว มีชัยไปกว่าครึ่ง

         สำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความสวยความงาม สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในยุคสมัยนี้ก็คือ “ครีมขาวใส” เพราะเจ้าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้ขาวสว่างกระจ่างใสนี้เองที่จะเป็นตัวช่วยให้สุขภาพผิวของคุณดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยมันจะช่วยให้ผิวพรรณสดใส ขาวเปล่งประกายมาจากภายใน มิใช่เพียงการแต่งแต้มให้สวยแค่ภายนอกเฉกเช่นเครื่องสำอางค์ และด้วยความสำคัญของครีมขาวใสจึงทำให้ผู้ประกอบการแต่ละรายงัดสรรพคุณแสนวิเศษมาอวดกันอย่างดุเดือด ข้อดีก็คือช่วยให้มีตัวเลือกมากขึ้นในการตัดสินใจของผู้บริโภค ทว่าในความมากมายหลากหลายนี้เราจำเป็นต้องพิจารณาให้ถ้วนถี่เสียก่อนที่จะเลือกใช้ครีมขาวใส

 

ครีมขาวใสที่เหมาะกับผิวหน้าคือตัวเลือกที่ดีที่สุด
        1.คนผิวมัน ผิวหน้าของคนในบ้านเรามักมีผิวมัน เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว ซึ่งการมีผิวมันทำให้ถูกมลภาวะ ฝุ่นควัน แสงแดด เล่นงานเอาง่ายๆ จะสังเกตได้ว่าคนไทยโดยเฉพาะช่วงวัยรุ่นมักเป็นสิวกันมาก และมักมีรูขุมขนกว้าง ผิวหน้าไม่เรียบเนียนคล้ายผิวเปลือกส้ม ซึ่งคนที่มีผิวมันนี้จะเกิดการขับน้ำมันออกมาจากผิวมากผิดปกติ ทำให้หน้าดูมันเยิ้ม เกิดปัญหาผิวได้ง่ายกว่าผิวประเภทอื่นๆ แต่ข้อดีของคนผิวมันก็คือเกิดริ้วรอยรอยช้ากว่า เพราะมีความชุ่มชื่นของผิว
        สำหรับการเลือกใช้ครีมขาวใส ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน หรือมอยเจอร์ไรเซอร์มากนัก เพราะผิวมีความชุ่มชื้นในระดับหนึ่งอยู่แล้ว หากได้รับน้ำมันจะยิ่งทำให้ผิวหน้ามันเยิ้มเข้าไปอีก ทั้งนี้ คนผิวมันควรล้างทำความสะอาดหน้าด้วยโฟมหรือสบู่อ่อน 2-3 ครั้งต่อวัน ถ้าล้างบ่อยเกินไปจะทำให้ผิวแห้ง และเกิดการระคายเคืองได้
        2.คนผิวแห้ง คนที่มีสภาพผิวนี้จะมีผิวเรียบเรียนมาก รูขุมขนเล็ก ไม่ค่อยมีปัญหาสิวเสี้ยน แต่จะพบอาการผิวหน้าลอกเป็นขุยง่าย และเกิดริ้วรอยได้มากกว่าผิวประเภทอื่น เนื่องจากผิวแห้งเป็นผิวที่ขาดความชุ่มชื้น คนที่มีผิวแห้งจึงต้องดูแลเอาใจใส่ผิวหน้ามากเป็นพิเศษ หลีกเลี่ยงสภาวะที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อผิว เช่น การโดนแดดจัดเป็นเวลานาน การสัมผัสกับอากาศร้อนหรือเย็นเกินไป เป็นต้น การเลือกใช้ครีมหน้าใสของคนผิวแห้ง ควรเลือกใช้ครีมบำรุงที่มีมอยส์เจอร์ไรเซอร์ นม และโยเกิร์ต เพราะจะช่วยสร้างความชุ่มชื้นและป้องกันการเกิดริ้วรอยได้ดี

        3.คนผิวธรรมดา หมายถึงผิวที่มีความเรียบเนียน มีความยืดหยุ่นดี รูขุมขนละเอียด เหมือนอยู่ตรงกลางระหว่างผิวมันกับผิวแห้ง ซึ่งใครที่เกิดมาเป็นคนผิวธรรมดาถือว่าโชคดีมาก เพราะมักไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องผิวพรรณ อยู่ในสภาวะที่มีอากาศร้อนผิวก็ไม่มันเยิ้ม อยู่ในที่ที่มีอากาศเย็นก็ไม่แห้งเป็นขุย ดูแลง่าย ทั้งนี้ ก็ควรเลือกใช้ครีมหน้าใสที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์เป็นประจำ เพราะจะเพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิว และควรทาครีมกันแดดออกจากบ้านทุกครั้ง เพื่อเป็นเกราะป้องกันอันตรายที่จะอาจถูกทำร้ายได้จากแสงแดด
        4.คนผิวผสม เป็นอีกหนึ่งสภาพผิวที่คนไทยคุ้นเคยกันดี ซึ่งจะมีความยุ่งยากมากในการดูแลรักษา เพราะผิวจะมีลักษณะหลากหลาย แต่โดยส่วนใหญ่มักเป็นขุยและแห้งตรงบริเวณแก้ม การเลือกครีมขาวใสของคนผิวผสมจะต้องเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอากาศ อย่างเช่น ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งแบบกลางวันและกลางคืน แต่ในปัจจุบันถือว่าไม่ใช่เรื่องยุ่งยากมากนัก เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้เลือกสรรมากมายตามท้องตลาด
        ท่านผู้อ่านลองสำรวจดูว่าตนเองเป็นคนผิวประเภทไหน จะได้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดี เหมาะสมกับสภาพผิว เพราะถ้าเลือกครีมขาวใสตรงกับสภาพผิว การมีผิวสวยสุขภาพดีก็จะไม่ใช่เรื่องยาก ในทางตรงกันข้ามหากเลือกครีมผิดประเภทจะยิ่งทำให้ปัญหาผิวทรุดหนัก เนื่องจากแก้ปัญหาไม่ตรงจุด

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ผิวหน้าแห้ง รู้ให้ทันป้องกันได้

         ผิวแห้ง เป็นสิ่งที่ชวนให้หลายๆคนต้องอึดอัด จากอาการคัน และแตก ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แถมยังสามารถเกิดขึ้นได้หลายส่วนของร่างกาย ส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นตามบริเวณแขน ขา หน้าท้อง และในหลายๆครั้งก็มักที่จะเกิดขึ้นบริเวณใบหน้า ส่งผลให้เกิดขุยขึ้นบนใบหน้า และยังทำให้ผิวไม่ชุ่มชื้น ที่ก่อให้เกิดปัญหาทางด้านความงามอีกด้วย

ผิวหน้าแห้งคืออะไร?
 คนส่วนใหญ่มักจะมีสภาพของผิวที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นผิวหน้ามัน ผิวหน้าบอบบางแพ้ง่าย ซึ่งผิวหน้าแห้ง ก็เป็นหนึ่งในลักษณะของผิวหนังที่เกิดขึ้นจากการขาดความชุ่มชื้นในผิวชั้นตื้นที่สุดของผิวกำพร้า ที่จำเป็นจะต้องได้รับการหล่อลื่นอย่างเหมาะสม ซึ่งผิวหน้าแห้งเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทั้งเพศชาย และเพศหญิงอย่างเท่าเทียมกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้สูงอายุที่มีแนวโน้มการลดลงของน้ำมันผิวหนังตามธรรมชาติ รวมไปถึงสารหล่อลื่นอื่นๆของผิว แต่ผิวหน้าแห้งก็เป็นสิ่งที่สามารถปรับปรุงดูแลให้ดีขึ้นได้ ด้วยการเยียวยาอย่างง่ายๆด้วยตัวเองที่บ้าน ขอเพียงแค่คุณเข้าใจหลักการเยียวยาดูแลรักษาตัวเองอย่างถูกต้องเท่านั้น

ผิวหน้าแห้งสามารถป้องกันด้วยตัวเองได้อย่างไร
 ผิวหน้าแห้ง เป็นสิ่งที่คุณสามารถป้องกัน และลดโอกาสในการเกิดขึ้นได้ด้วยตัวเองอย่างง่ายๆ เพียงแค่ปฎิบัติตัวตามคำแนะนำ ดังต่อไปนี้
   1.ทำความสะอาดใบหน้าด้วยน้ำสะอาดเป็นประจำทุกวัน ครั้งละอย่างน้อย 5-10 นาที เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
 2.หลีกเลี่ยงการล้างหน้าด้วยน้ำร้อนหรือน้ำอุ่น เพราะน้ำร้อน หรือน้ำอุ่นเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการสร้างน้ำมันบนผิวหนังตามธรรมชาติ ถ้าหากคุณต้องการที่จะล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น ควรทำอย่างรวดเร็วที่สุด
          3.ใช้โฟมล้างหน้า หรือสบู่ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว พร้อมกับหลีกเลี่ยงสบู่ หรือโฟมล้างหน้าที่มีส่วนผสมในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งมักมีสารที่ก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อผิวหนังมากขึ้น
 4.หลีกเลี่ยงการรบกวนผิวหนังที่แห้งด้วยการขัด ถู หรือเกา
   5.ไม่ควรเช็ดใบหน้าแรงๆ แต่ควรใช้การซับ หรือลูบใบหน้าด้วยผ้าขนหนูนิ่มๆ
6.เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวทันทีหลังจากการอาบน้ำ ด้วยครีมบำรุงผิว ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
 7.เพิ่มความชื้นภายในบ้านให้มากขึ้น ไม่ควรปล่อยให้ในบ้านเต็มไปด้วยอากาศที่แห้งร้อนกลางฤดูร้อน และถึงแม้ว่าคุณจะอยู่ในฤดูหนาวที่อากาศจะเต็มไปด้วยความชื้นมากมาย แต่คุณอาจจะคาดไม่ถึงว่าเครื่องทำความร้อนต่างๆ ที่ช่วยทำให้คุณรู้สึกอบอุ่น ก็ยังเป็นสาเหตุสำคัญที่แย่งชิงความชื้นโดยรวมภายในบ้านไป จนทำให้ผิวหน้าแห้งได้มากยิ่งขึ้นเช่นกัน
 8.ดื่มน้ำมากๆ

         9.โกนหนวดอย่างชาญฉลาด การโกนหนวด หรือโกนขนบนใหบน้าเป็นการสร้างความระคายเคืองให้กับผิว นอกจากนี้ยังเป็นการขูดน้ำมันตามธรรมชาติทิ้งไปอีกด้วย ถ้าหากต้องการที่จะโนขนบนใบหน้าจริงๆ ควรทำหลังจากการอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ ที่ขนนุ่ม ยืดหยุน โกนง่ายกว่าปกติ และควรใช้ครีมโกน หรือเจล โกนไปในทิศทางที่ขนมีการเจริญเติบโต เพื่อเป็นการปกป้องผิวของคุณ และขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้มีดโกนที่เคยแช่ในแอลกฮอลล์ทำความสะอาด เพราะมันจะยิ่งทำให้ผิวเกิดความระคายเคืองมากขึ้น
10.ป้องกันผิวจากแสงอาทิตย์ หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวหน้าแห้ง คุณสามารถป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ด้วยการใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 และการแต่งกายที่ปกปิดผิวหน้าอย่างเหมาะสม
 นอกจากนี้ คุณควรที่จะทำการเลือกครีมบำรุงผิว ที่เหมาะกับผิวหน้าแห้ง ด้วยการเลือกส่วนผสมจากน้ำมันเม็ดองุ่น และสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่สามารถช่วยเพิ่มปริมาณน้ำมันให้กับผิวเป็นพิเศษ และควรทำการพิจราณาความเหมาะสม ว่าน้ำมันที่ได้รับเหล่านั้นมากเกินไปหรือไม่ เมื่อฤดูร้อนมาเยือน 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ครีมมะขามพะเยา คืออะไร ดีจริงหรือเปล่า?

         กระปสการเสริมความงามของผิวพรรณบนใบหน้าด้วยการใช้ส่วนผสมจากพืช ผัก ผลไม้ และสมุนไพรธรรมชาติกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากคุณสาวๆผู้รักความสวยคงามงามในปัจจุบัน ซึ่งในวันนี้ก็จะขอพาคุณสาวๆไปทำความรู้จักกับ “ครีมมะขามพะเยา” หนึ่งในผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาผิวหน้า ที่กำลังได้รับการพูดถึงแบบปากต่อปากถึงสรรพคุณที่โดดเด่นไม่เหมือนใครในปัจจุบัน ส่วนประสิทธิภาพของเจ้าครีมมะขามพะเยาจะมีอะไรที่น่าสนใจ รวมไปถึงมีส่วนผสมจากธรรมชาติอะไรบ้างนั้น สามารถติดตามอ่านได้จากบทความชิ้นนี้กันเลย

ครีมมะขามพะเยา คืออะไร?
ครีมมะขามพะเยา เป็นครีมที่ใช้ความรู้ดั้งเดิมทางด้านสมุนไพรในการบำรุงผิวมาใช้ โดยเป็นผลิตภัณฑ์ otop จากกลุ่มแม่บ้าน อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา ที่โด่งดังในฐานะสินค้าโอทอป 5 ดาว ครีมมะขามพะเยามีส่วนผสมหลักของมะขาม ที่คนในอดีตนิยมนำมะขามที่อุดมไปด้วย AHA มาใช้ในการขัดทความสะอาดผิวหน้าเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและลดรอยหมองคล้ำบนผิวหน้า ซึ่งถ้าหากทำการแจกแจงแล้ว มะขามนั้นจะมีสรรพคุณดังต่อไปนี้
 1.มะขามมีสรรพคุณช่วยในการกำจัดความมันบนใบหน้าอย่างล้ำลึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่เป็นฝ้า กระและปัญหาเรื่องสิว
 2.มะขามมีส่วนประกอบของสาร AHA ที่ทำหน้าที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกอย่างเป็นธรรมชาติ และยังช่วยำให้ฝ้าจางลง
   3.มะขามช่วยขจัดสิวเสี้ยน สิวอุดตัน ลดความหมองคล้ำบนใบหน้าให้น้อยลง
 4.มะขามช่วยปรับสภาพสีผิวให้แลดูสม่ำเสมอ ผิวพรรณจึงดูขาว กระจ่างใส
 5.มะขามยังมีสารเคลือบผิวในลักษณะของฟิล์มบางๆ ที่ทำหน้าที่ช่วยเคลือบเซลล์ผิวไม่ให้แห้ง ผิวจึงไม่สูญเสียความชุ่มชื้น
 นอกจากมะขามที่เป็นส่วนประกอบหลักแล้ว ภายในครีมมะขามพะเยายังมีส่วนผระกอบสมุนไพรต่างๆ ที่มีคุณสมบัติสุดพิเศษในการบำรุงสุขภาพของผิวพรรณอีกหลายชนิด อาทิเช่น ว่านหางจระเข้ ขมิ้น น้ำผึ้ง นมสด เป็นต้น และที่สำคัญที่สุดคือ ครีมมะขามพะเยา ไม่ผสมสารกันบูดอีกด้วย

ครีมมะขามพะเยามีสรรพคุณในการบำรุงผิวพรรณอย่างไรบ้าง?
 ด้วยภูมิปัญญาแบบโบราณ ผสมผสานส่วนผสมของสมุนไพรธรรมชาติอย่างลงตัวจนกระทั่งกลายมาเป็นครีมมะขามพะเยา ก่อกำเนิดสรรพคุณในการบำรุงผิวพรรณอย่างหลากหลาย ดังต่อไปนี้
1.ช่วยในการปรับสภาพผิวอย่างเป็นธรรมชาติ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง เรียบเนียน
 2.ช่วยขจัดรอยดำบนผิวหน้า หรือตามร่างกาย รอยสิวบนแผ่นหลัง และปรับสภาพสีผิวให้มีความเรียบเนียนสม่ำเสมอ
 3.ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวเกิดความเหี่ยวย่น พร้อมชะลอความเหี่ยวย่นของผิว
 4.ช่วยกระชับรูขุมขน ผิวละเอียด และสดใสมากยิ่งขึ้น
 5.ช่วยลดความมันของผิว พร้อมกับเพิ่มความชุ่มชื้นตามกลไกการปกป้องผิวตามธรรมชาติ
 6.ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว คนที่ผิวเคยแพ้ง่าย ผิวจะมีภูมิต้านทานมากขึ้น

วิธีการใช้ครีมมะขามพะเยาอย่างถูกต้อง       
 ครีมมะขามพะเยา สามารถใช้ขัดและพอกผิวได้อย่างง่ายๆในขั้นตอนเดียว สามารถขัดได้ตามซอกหนีบ หรือบริเวณรักแร้ได้อย่างปลอดภัย และยังช่วยทำให้บริเวณที่เคยดำคล้ำค่อยๆขาวเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยมีข้อแนะนำในการใช้ครีมมะขามพะเยาตามส่วนต่างๆของร่างกาย ดังต่อไปนี้
 1.ใบหน้า ควรใช้ครีมมะขามพะเยาโดยคำนึงถึงสภาพผิวของตัวเองป็นสำคัญ ดังนี้
 -ผู้ที่มีผิวมัน ควรล้างทำความสะอาดใหบหน้าด้วยสบู่ หรือโฟม จากนั้นนำครีมมะขามพะเยาผสมกับน้ำสะอาดเล็กน้อย ขัดเบาๆให้ทั่วใบหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 5 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ขอแนะนำให้ทำในช่วงเย็นวันละ 1 ครั้ง
 -ผู้ที่มีผิวแห้ง สามารถใช้ครีมมะขามพะเยาล้างทำความสะอาดใบหน้าได้เลย ทิ้งเอาไว้ประมาณ 5 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ขอแนะนำให้ทำอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง
 2.สันเท้า พอกครีมมะขามพะเยาเอาไว้ประมาณ 10-20 นาที แล้วจึงค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด
3.ผิวกาย หลังการอาบน้ำด้วยสบู่หรือครีมอาบน้ำ นำครีมมะขามพะเยามาขัดให้ทั่วผิวกาย ตามซอกขาหนีบ ทิ้งเอาไว้ประมาณ 10 นาที จากนั้นจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด
 จากข้อมูลที่กล่าวถึงไปแล้วในตอนต้นจะเห็นได้ว่า ครีมมะขามพะเยานั้นสามารถนำมาใช้ในการบำรุงผิวกายทั้งในฐานะของโฟมทำความสะอาด และการพอกผิวพรรณได้อย่างง่ายๆในขั้นตอนเดียว สำหรับคุณสาวๆคนใดที่อยากบำรุงผิวกายด้วยวิธีการทางธรรมชาติ แบบง่ายๆจบในขั้นตอนเดียว ครีมมะขามพะเยาก็ถือเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑืทางเลือกที่ดที่เดียว

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ครีม joa รีวิว ชาวพันทิปว่ายังไงกันบ้าง ไปดูกัน

 

ผิวขาวเนียนสดใส เป็นสิ่งที่ใครๆก็อยากที่จะมี แต่กว่าที่จะมีผิวที่ขาวสมใจดั่งฝันได้ ต้องใช้ทั้งความพยายาม ทุนทรัพย์ และสติในการไต่ตรองข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการที่จะนำตัวเองไปสู่ความขาวเนียนได้อย่างปลอดภัย ซึ่งบทความในวันนี้จะขอพาคุณสาวๆทุกท่านไปรู้จักกับครีมมาร์คหน้ายี่ห้อหนึ่ง ส่งตรงจากเกาหลี ที่กำลังมีกระแสความน่าสนใจอยู่ในเว็บบอร์ด Pantip อย่าง ครีม joa ว่าที่จริงแล้ว เจ้าครีมตัวนี้มีดีในการช่วยทำให้ผิวขาวได้จริงหรือไม่ และมีประสิทธิภาพจริงๆมากน้อยเพียงใด

ครีม joa มีสรรพคุณที่โดดเด่นน่าสนใจอย่างไรบ้าง?
 ครีม joa หรือ JOA Cream Pack เป็นครีมสัญชาติเกาหลี มีสรรพคุณช่วยทำให้ผิวขาวกระจ่างสดใสขึ้น โดยไม่ใช่การกัดสีผิวเพื่อให้ขาวขึ้น แต่ประสิทธิภาพของครีม joa จะมุ่งเน้นไปที่การช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ที่ขาวเนียนสดใสมากขึ้นกว่าเดิม รวมไปถึงช่วยในการลดอาการอักเสบของสิวให้น้อยลงอีกด้วย ซึ่งครีม joa สามารถใช้ได้กับผิวพรรณทั่วทั้งร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า หัวเข่า ข้อศอก สิวยุบตัว สิวหายรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และยังมีผู้ที่เคยใช้ครีม joa ให้ความเห็นว่า สามารถช่วยลดความมันบนใบหน้าให้น้อยลงได้อีกด้วย ถ้าหากดูสรรพคุณตามฉลากด้านข้างของผลิตภัณฑ์จะพบว่า ครีม joa มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1.ช่วยทำความสะอากรูขุมขน ขจัดความมันส่วนเกินบนใบหน้า ช่วยทำให้ผิวกระจ่างใส
   2.ผลแคลเซี่ยมช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพอย่างอ่อนโยน ช่วยทำให้ผิวขาวขึ้น
  3.ส่วนผสมจากธรรมชาติ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เสริมความยืดหยุ่น และช่วยทำให้ผิวกระชับเต่งตึง
 อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังจากการใช้ครีม joa นั้น คุณสาวๆต้องเข้าใจก่อนว่าขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน การใช้เพียง 1-2 ครั้ง อาจจะไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้ ถ้าหากต้องการเห็นผลจริงๆ ควรใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่องไประยะเวลาหนึ่งเสียก่อน
สำหรับวิธีการใช้งาน ครีม joa ที่ถูกต้องนั้นคือ สามารถนำไปใช้ในการมาร์คหน้า หรือใช้ผสมกับครีมล้างหน้าก็ได้เช่นกัน แต่ถ้าหากใช้ในการมาร์คหน้า ขอแนะนำว่าไม่ควรทำการมาร์คทิ้งเอาไว้ไม่เกิน 10 นาที ซึ่งสามารถใช้ได้ 1-2 ครั้ง ต่อสัปดาห์ แต่ผู้ใช้ ครีม joa ที่มีผิวบอบบางส่วนใหญ่ ไม่นิยมนำไปใช้ทาพอกใหบ้นา แต่ใช้ในการพอกผิวพรรณในบริเวณอื่นๆ เช่น มือ แขน ขา หรือหัวเข่า เป็นต้น

ส่วนผสมหลักของครีม joa
 1.โคเอนไซม์ Q10 ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการแบ่งเซลล์ผิว
2.แคลเซียม เป็นสารที่จำเป็นต่อการทำงานของเส้นประสาทในร่างกาย
3.ดินขาว มีคุณสมบัติในการช่วยทำความสะอาดผิว

ระวัง ครีม joa ของปลอม
 เมื่อมีสินค้าคุณภาพดี เป็นที่ต้องการของท้องตลาดก็ทำให้บรรดาเหล่าพ่อค้าแม่ค้าหัวใส แต่ไร้จริยธรรมพยายามสร้างสินค้าลอกเลียนแบบออกมาวางจำหน่ายหลอกลวงผู้ซื้อในราคาถูก ซึ่งครีม joa เอง ในปัจุบันเองก็มีสินค้าปลอมมาวางจำหน่ายเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงควรทำการสังเกตทุกครั้งก่อนซื้อว่า ครีม joa ที่อยู่ในมือของคุณสาวๆเป็นของแท้หรือไม่ โดยมีวิธีสังเกตดังต่อไปนี้

จุดสังเกตครีม joa ของปลอม
    1.มีกลิ่นแรง หรือมีกลิ่นแอลกฮออล์
2.ผิวบริเวณที่ใช้เป็นปื้นแดง
3.รู้สึกแสบมากๆ เมื่อทำการมาร์ค ในขณะที่ของแท้เมื่อทำการมาร์คอาจจะรู้สึกแสบๆบ้างที่ผิว แต่ก็เป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และอาจจะมีอาการตึงๆที่ผิวบ้างเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม เพื่อตัดปัญหาเรื่องขแงแท้ของปลอมกวนใจนักช็อป ปัจจุบันครีม joa ก็ได้มีการเปลี่ยนแพคเก็ตใหม่ แล้วทำการวางขายใน 7-11 หลายสาขา ในราคา 100 บาท ต้นๆ เท่านั้นเอง ทำให้คุณสาวๆสามารถหาซื้อได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับครีมรกแกะ ที่คุณไม่เคยรู้

         การเสริมความงดงามให้กับผิวพรรณด้วยการเสาะแสวหาวิธีการใหม่ๆ และเทคโนโลยีในการฟื้นฟูความอ่อนเยาว์แก่ผิวเป็นสิ่งที่คุณสาวๆทุกคนพึงปารถนา ซึ่งท่ามกลางวิธีการรักษาความงามไมว่าจะเป็นจากธรรมชาติ หรือสารสกัด สารสังเคราะห์ก็ตาม หนึ่งในส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่โดดเด่นน่าสนใจก็คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจาก “รกแกะ” หรือ ครีมรกแกะ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน สำหรับในวันนี้ บทความชิ้นนี้จะขออาสาพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับครีมรกแกะกันอย่างเจาะลึกกันเลยว่า มันมีความเป็นมาอย่างไร และมีคุณสมบัติที่สร้างประโยชน์ในการบำรุงผิวพรรณได้อย่างไรกันบ้าง

ครีมรกแกะคืออะไร และมีประโยชน์ต่อผิวพรรณอย่างไรบ้าง?
ครีมรกแกะ ถูกพัฒนาและคิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยในการรักษาความเสียหายของผิวหนังจากแสงแดด ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อสัญญานของริ้วรอยและปัญหาผิวแห้ง ซึ่งในครีมรกแกะ จะมี “รก” เป็นส่วนผสมหลัก โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นรกวัว หรือรกแกะ แต่ถ้าหากเป็นครีมรกแกะที่มีคุณภาพที่ดีที่สุดแล้วมักจะเป็นการนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย หรือนิวซีแลนด์ เนื่องจากรกแกะที่ถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมของครีมรกแกะจากประเทศเหล่านี้ มีความพิเศษที่โดดเด่นนั่นเอง
 รก มีประโยชน์ในการช่วยบำรุงผิวพรรณให้มีความอ่อนเยาว์ เนื่องจากรกจะทำหน้าที่ในการถ่ายโอนสิ่งที่มีประโยชน์ และจำเป็นต่างๆในการสร้างสรรค์ชีวิตจากผู้เป็นแม่ ไปยังทารกในครรภ์ที่กำลังเจริญเติบโต ทำให้นักค้นคว้าวิจัยให้ความสนใจในการศึกษารก ในฐานะตัวแทนของความอ่อนเยาว์ สำหรับสาเหตุที่ครีมรกแกะนิยมใช้รกแกะเป็นส่วนผสมหลักนั้น เนื่องจากแกะเป็นสัตว์ที่แข็งแกร่ง และมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีมากนั่นเอง
 ครีมรกแกะ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการนำมาใช้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมความงาม แต่มีข้อมูลที่กล่าวอ้างหลายกระแสว่า ครีมรกแกะยังมีประสิทธิภาพในการช่วยเยียวยารักษาอาการบาดเจ็บของเซลล์ นอกจากนี้ครีมรกแกะยังช่วยในการไหลเวียนของเลือดไปยังบริเวณที่ได้ทำการทาครีม นอกจากนี้ครีมรกแกะยังสามารถมีสรรพคุณที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ขึ้นอยู่กับส่วนผสมเพิ่มเติมต่างๆซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของยี่ห้อครีมเหล่านั้น อาทิเช่น นมแพะ น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว มะละกอ คอลลาเจน วิตามินอี น้ำมันอะโวคาโด เป็นต้น

“ครีมรกแกะ” กับ “ครีมรก” แตกต่างกันอย่างไร?
 ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่า “พืช” หรือ “สัตว์” ต่างก็มีรกเหมือนกัน ในบางครั้งคุณอาจจะหยิบผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ “รก” ขึ้นมาพิจราณา แล้วจะสังเกตได้ว่า ครีมบางตัวจะระบุเอาไว้อย่าชัดเจนว่าส่วนผสมหลักที่ใช้คือรกแกะ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์อีกหลายๆชิ้นส่วนผสมหลักเป็นเพียง “รก” เท่านั้น ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ใช้รกเป็นส่วนผสม ในทางเทคนิคแล้วจะใช้รกของพืชเป็นส่วนผสม เพราะพืชเองก็มีรกเช่นกันแต่จะมีการใช้งานรวมไปถึงคุณสมบัติที่แตกต่างจากรกของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แต่ด้วยการโฆษณาเชิงการตลาดที่อาจก่อให้ความสับสน ทำให้หลายๆคนอาจเผลอซื้อครีมรกไปใช้งาน แล้วเกิดความคาดหวังผิดๆว่าครีมรกที่ตัวเองซื้อไปนั้นคือครีมรกแกะ ดังนั้นก่อนการเลือกซื้อครีมรกแกะทุกครั้ง ควรทำการอ่านฉลากเพื่อพิจราณาส่วนผสมหลักว่าเป็นรกแกะจริงๆเสียก่อน

ครีมรกแกะมีอันตรายหรือเปล่า?
เป็นที่ทราบกันดีว่าครีมรกแกะไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายใดๆ แต่ส่วนใหญ่แล้วผลข้างเคียงที่มักเกิดขึ้นนั้นมาจากความพยายามในการรักษาเซลล์ของรกแกะ เพื่อนำไปใช้เป็นส่วนผสมชองผลิตภัณฑ์โดยการฉีดยา และเพื่อประโยชน์ที่ดีที่สุดของผิว ควรใช้รกแกะด้วยการทาลงบนผิวพรรณเท่านั้น ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะใช้รกแกะ หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆที่มีความคล้ายคลึงกันในลักษณะของการฉีดเข้าไปใต้ผิวหนัง

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

อบาโลน วีเชฟ ราคาหลักพัน กับผลลัพธ์ที่คุ้มค่า

            เมื่อพูดถึงครีมบำรุงผิวหน้า ณ ขณะนี้ มีวางจำหน่ายมากมายตามท้องตลาด สนนราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงราคาที่เรียกได้ว่าแพงหูฉี่ ทั้งยังมีหลากยี่ห้อให้เลือกสรร ซึ่งถือเป็นผลดีต่อผู้บริโภค สามารถตัดสินใจได้ว่าผิวหน้าของตนเหมาะกับครีมบำรุงตัวไหน ทั้งนี้ทั้งนี้ ราคาที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ตั้งแต่การคัดเลือกส่วนผสมที่ใช้ คุณภาพมาตรฐานของวัตถุดิบ ไปจนถึงกรรมวิธีการผลิตให้ได้มาซึ่งครีมบำรุงผิว จึงไม่แปลกที่บางยี่ห้อกล้าขายในราคาที่เห็นแล้วน่าตกใจ
สำหรับอบาโลน วีเชฟ ราคาหลักพันนี้ หลายคนเห็นแล้วก็คงประหลาดใจปนสงสัยว่า ครีมบำรุงผิวหน้า อบาโลน วีเชฟ ราคาสูง สามารถช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้สุขภาพดี ขาวใส อมชมพู พร้อมยกกระชับให้เต่งตึง เรียบเนียน แลดูอ่อนกว่าวัยได้สมกับเงินที่ต้องเสียไปหรือไม่ เพื่อคลายข้อข้องใจนี้ เรามาหาคำตอบไปพร้อมๆกัน

อบาโลน วีเชฟ กับความคุ้มค่าที่ใช้
ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนเลยว่าเหตุผลที่เจ้าอบาโลน วีเชฟ ราคาแพง เนื่องมาจากส่วนผสมที่ใช้นั้นคัดสรรมาอย่างดี เป็นสารสกัดที่ได้จากธรรมชาติ ไม่ทำร้ายผิวหน้าแสนบอบบาง ทั้งยัง เข้าสู่ชั้นผิวได้อย่างล้ำลึก มีประสิทธิภาพในการฟื้นบำรุงผิว ยกกระชับผิวหน้าให้ดูดีแบบที่ทุกคนต้องการ
มาเริ่มกันที่ Abalone extract หรือสารสกัดจากหอยเป๋าฮื้อนั่นเอง ซึ่งเป็นส่วนผสมสำคัญของอบาโลน วีเชฟ ภายในเปลือกหอยชนิดนี้ มีโปรตีนและแคลเซียมที่สลับกันเป็นชั้นๆ ทำให้แสงที่สะท้อนออกมาเหมือนสีรุ้ง การลดลงของอุณหภูมิในท้องทะเลเป็นสาเหตุที่ทำให้หอยเป๋าฮื้อจำศีล หรือนอนหลับ และกว่าชั้นของเปลือกหอยจะเพิ่มขึ้นได้ก็ต้องใช้เวลานานมาก ผู้เชี่ยวชาญเรื่องหอยเป๋าฮื้อเชื่อว่าสีสันอันหลากหลายอาจเกิดจากสารอาหารที่อยู่ในน้ำทะเล รวมทั้งสีของสาหร่ายชนิดต่างๆที่มันกินเข้าไป จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ อบาโลน วีเชฟ ราคาสูง
ที่สำคัญ อบาโลน วีเชฟ ได้ใช้หอยเป๋าฮื้อมาจากหมู่เกาะเชจู ประเทศเกาหลีใต้เท่านั้น ซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหารแก่ผิวพรรณ มีคุณสมบัติพิเศษในการนำส่งอาหารผิวและออกซิเจนเข้าสู่ชั้นใต้ผิวได้อย่างล้ำลึก และเป็นที่ยอมรับกันว่าหอยเป๋าฮื้อจากหมู่เกาะเชจู ประเทศเกาหลีใต้ มีความสะอาดมากที่สุด จึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย
ไม่เพียงแค่นั้น อบาโลน วีเชฟ มีส่วนผสมจาก Snail Secretion Filtrate หรือเมือกหอยทากที่มาจากจังหวัดกังชาน แคว้นชุงนัม ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งได้รับการรับรองว่าสะอาดปลอดภัยมากที่สุด มีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยสมานผิว และลดการระคายเคืองสำหรับผิวที่แพ้ง่าย มีการวิจัยพบว่า ผิวของหอยทากและมนุษย์มีองค์ประกอบคล้ายคลึงกัน แม้แต่ปริมาณคอลลาเจนและอิลาสติน จึงมีการนำเมือกหอยทากมาใช้กับครีมบำรุง ซึ่งในประเทศเกาหลีใต้ได้นำสารสกัดจากหอยทากมาใช้ในวงการเสริมความงามกันอย่างแพร่หลาย จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้มีผิวแพ้ง่ายสามารถใช้ครีมอบาโลนได้อย่างปลอดภัย

          อย่างไรก็ดี อบาโลน วีเชฟ ยังมีส่วนประกอบสำคัญ ได้แก่ Hydrolyzed Collagen (คอลลาเจน ไฮโดรไลซ์), Trehalose (สารสกัดจากกุหลาบทะเลทราย), Squalane (สารสกัดมาจากดอกบานไม่รู้โรย), Arbutin (สารสกัดจากผลไม้ พืชธรรมชาติ 100%), Niacinamide (Vitamin B3) และ Tocopheryl Acetate (Vitamin-E)
และเมื่อสารสกัดทั้งหมดผสมผสานกันอย่างลงตัวในอบาโลน วีเชฟ จึงทำให้ผิวหน้าดูอ่อนกว่าวัยทันทีที่ใช้ เพราะซึมซับได้เร็ว ช่วยลดเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่นให้จางลง ได้ใบหน้าแสนเนียนนุ่มชุ่มชื่น เงางามเป็นประกาย ผิวพรรณกระชับ เนียนใส เปล่งปลั่ง สว่างสดใส แต่งหน้าติดทนนานมากยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยเพิ่มออกซิเจนให้กับผิว และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ในการสังเคราะห์คอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยอุ้มน้ำใต้ผิวป้องกันผิวขาดน้ำและลดอาการผิวหมองคล้ำ และเนื่องจากมีคอลลาเจนที่ผ่านการสกัดด้วยกระบวนการนาโนเทคโนโลยี ทำให้ได้คอลลาเจนโมเลกุลเล็กสามารถดูดซึมได้ดี
  ย้อนกลับไปถึงคำถามที่ว่า “หากต้องแลกให้กับอบาโลน วีเชฟ ราคาหลักพัน จะได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าหรือไม่” มาถึงตรงนี้คิดว่าท่านผู้อ่านคงสามารถตอบได้

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.