ใครผิวหน้าแห้งยกมือขึ้น มาดูวิธีดูแลผิวกัน

         สภาพผิวของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน จึงทำให้เจอกับปัญหาผิวไม่เหมือนกัน อย่างเช่น คนผิวมันก็เป็นสิวง่าย รูขุมขนกว้าง เป็นต้น วันนี้ที่เราต้องมาพูดถึงคนผิวหน้าแห้ง เพราะว่าปัจจุบันมีหลายคนกำลังเจอปัญหาผิวหน้าแห้ง ลอกเป็นขุยเล่นงาน โดยมักเกิดจากต่อมไขมันผลิตน้ำมันตามธรรมชาติ ซีบัม (sebum) ออกมาน้อย จึงทำให้ผิวหน้าแห้งกร้านโดยเฉพาะเมื่อไปอยู่ในบริเวณที่อากาศเย็น เช่น ออฟฟิศ ห้างสรรพสินค้า นอกจากนี้คนผิวหน้าแห้งยังต้องพบกับปัญหาริ้วรอยก่อนวัย ผิวหยาบขาดชีวิตชีวาอีกด้วย
         แม้ว่าคนผิวหน้าแห้งจะมีข้อดีตรงที่รูขุมขนไม่กว้างและผิวดูละเอียดกว่าผู้ที่มีผิวมัน แต่จะได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมทำให้เกิดความแห้งกร้านและระคายเคืองมากกว่าผิวประเภทอื่น จึงต้องมีการดูแลเป็นพิเศษ มาดูกันว่าควรดูแลอย่างไร สำหรับคนผิวหน้าแห้ง

 

การดูแลสำหรับคนผิวหน้าแห้ง
         ใครที่มีผิวหน้าแห้งตึง ควรท่องคติประจำใจไว้ว่า “ปกป้อง ส่งเสริม ฟื้นฟู และแก้ไขให้ตรงจุด” อย่าปล่อยให้ผิวสูญเสียดุลยภาพไปนานๆ เพราะนอกจากจะขาดความสวยงามแล้ว ยังทำให้ผิวไวต่อสิ่งกระตุ้นระคายเคืองได้ง่าย ทั้งยังทำให้ผิวแห้งกร้าน เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น หน้าแก่ก่อนวัยอันควร เมื่อถึงจุดนั้นจะแก้ไขให้เซลล์ผิวกลับมาสุขภาพดีได้ยาก
         1.ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตรอ่อนโยน เพื่อขจัดเครื่องสำอางที่ตกค้างและเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ได้แก่ คลีนซิ่งโฟมสูตรอ่อนโยนเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวสูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติของผิวและห้ามใช้สบู่ล้างหน้า และควรใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า ผิวจะได้ไม่แห้งตึง เป็นขุย และถ้าล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นแล้วต้องล้างซ้ำด้วยน้ำเย็นเพื่อให้ผิวสดชื่นขึ้นและเกิดความยืดหยุ่น
         2.ทาครีมที่ให้ความชุ่มชื้นหรือมอยส์เจอไรเซอร์ การทาครีมบำรุงผิวหน้าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนผิวหน้าแห้ง เพราะจะช่วยให้เชลล์ผิวคงดุลภาพที่ดีอยู่ได้อย่างยาวนาน และควรทาบำรุงที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง กรณีที่ผิวหน้าแห้งมากจนเกิดเป็นขุยควรทาซ้ำบ่อยๆ ระหว่างวัน โดยไม่จำเป็นต้องล้างหน้า สามารถทาทับได้เลย
         3.ทาอายครีมบริเวณรอบดวงตาและบำรุงผิวที่คอ เพราะคนผิวหน้าแห้งจะเกิดริ้วรรอยแห่งวัยได้ง่าย จึงจำเป็นต้องฟื้นบำรุงผิวอยู่เสมอด้วยการแต้มครีมเบาๆจากหางตาลากมาหัวตาแล้วกดเบาๆ ที่สำคัญควรทาครีมบำรุงผิวที่ลำคอเพื่อป้องกันรอยเหี่ยวย่น โดยทาจากฐานลำคอขึ้นไป ทั้งนี้ ควรทาในช่วงกลางคืน

         4.มากส์หน้าเพิ่มความชุ่มชื้น สูตรนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าแห้งโดยเฉพาะ แต่คนที่ไม่มีปัญหาก็สามารถใช้ได้เช่นกัน วิธีการคือให้นำงา 1 ช้อนชา น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ และกล้วยหอม 1 ผลมาผสมและปั่นรวมกันให้เป็นเนื้อเนียนละเอียด จากนั้นนำมาพอกให้ทั่วบริเวณใบหน้ายกเว้นบริเวณรอบดวงตาและปาก ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำอุ่นๆ แล้วตามด้วยน้ำเย็นทันที
         5.บำรุงผิวหน้าด้วยสูตรแก้ไขผิวแห้ง ใครที่มีผิวหน้าแห้งแต่หลีกเลี่ยงแดดและลมไม่ได้ ทำให้ผิวเกิดปัญหาความหยาบกร้านและเหี่ยวย่น ควรบำรุงผิวด้วยสูตรนี้ ให้นำสตรอเบอร์รี่ 2 ผลและแอปเปิล ¼ ผล (ปอกเปลือก) มาปั่นให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำมาพอกให้ทั่วใบหน้า เว้นรอบดวงตาและริมฝีปาก ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด จากผิวที่เคยแห้งตึง จะรู้สึกว่ามีความยืดหยุ่น สดชื่นมากขึ้น
         นอกจากการฟื้นบำรุงผิวหน้าอยู่เสมอแล้ว คนผิวหน้าแห้งไม่ควรล้างหน้าบ่อย เพราะจะเป็นการชะล้างไขมันที่ช่วยเคลือบ ทำให้ความชุ่มชื้นในผิวหนังสูญเสียไป ผิวจึงแห้งมากขึ้น เกิดการระคายเคืองได้ง่าย และควรดื่มน้ำให้มากพอ อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว หลีกเลี่ยงการถูกรบกวน เช่น การอบซาวน่า การขัดผิว ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวแห้งลง รวมไปถึงการตากแดดหรือทำงานกลางแจ้งและการสัมผัสสารเคมีบางอย่าง

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

รู้จักกับอาการผิวแห้งและวิธีการป้องกันอย่างถูกต้อง!

            อาการผิวแห้งเป็นปัญหาที่ทั้งชายและหญิงจะต้องพบประสบเจอ ดูเหมือนว่าจะเป็นปัญหาปกติ แต่สำหรับสาวๆบางคนเป็นเรื่องใหญ่แน่แท้ เพราะอาการผิวแห้งนั้นนอกจะจำทำให้หน้าดูลอกเป็นขุยในบางครั้งแล้ว ยังสร้างปัญหาเรื่องการก่อริ้วรอยอันไม่พึงประสงค์บนใบหน้าด้วย และผิวแห้งนี่เองก็ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้สาวๆนั้นแต่งหน้าได้ยากขึ้น โดยบทความนี้จะชี้แนะถึงวิธีการแก้ปัญหาผิวแห้งอย่างถูกวิธีกัน แต่ก่อนที่จะรู้วิธีแก้นั้น ก็ต้องรู้ต้นตอของปัญหาก่อน

            ผิวแห้งนั้นเกิดจาก การที่ต่อมผลิตไขมันทำงานได้ลดลง ส่งผลทำให้ผิวขาดน้ำมันหล่อเลี้ยงตามธรรมชาติ อันเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวไม่สามารถเก็บความชุ่มชื้นไว้ได้จนทำให้ผิวแลดูแห้ง จะสังเกตได้จากริ้วรอยเล็กๆที่เรียกกันว่า Fine Line โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดผิวแห้งนั้นมีสาเหตุดังนี้
            1. การดูแลผิวที่ไม่ถูกต้อง โดยส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นโดยตัวเราเอง อย่างเช่นสบู่ที่เราใช้ถูนั้นไม่อ่อนโยน ใช้มาส์กหน้าบ่อยเกินความจำเป็น หรือใช้โลชั่นที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวรบกวนผิวหนังชั้นบนซึ่งบางที่สุด ทำให้ผิวสูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติไป จนเกิดอาการผิวแห้ง
           2. สภาพแวดล้อม สิ่งที่เราต้องเผชิญอย่างสภาพแวดล้อมก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่สามารถทำให้ผิวแห้งได้เช่นกัน อย่างเช่นสภาพอากาศหนาวและแห้ง หรือลมหนาวที่พัดผ่านแรงๆ ก็ทำให้เราผิวแห้งได้ หรือแม้แต่แสงแดดที่แรงจัด ก็ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นและถ้าหากลืมทาครีมกันแดด อาการผิวแห้งคงไม่หนีไปไหนแน่ๆ
           3.อายุที่เพิ่มมากขึ้น ยิ่งมีอายุเพิ่มมากขึ้นร่างกายก็เริ่มเสื่อมตามซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติ ฮอร์โมนที่เริ่มเปลี่ยนแปลงส่งผลทำให้การผลิตน้ำมันตามธรรมชาติที่ผิวหนังเริ่มลดลง ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น และก่อเกิดเป็นอาการผิวแห้งในที่สุด
นี่คือ 3 สาเหตุหลักๆที่ทำให้สาวๆเกิดอาการผิวแห้ง และแน่นอนทุกปัญหาเรื่องสุขภาพผิวย่อมมีทางป้องปัน โดยวิธีการป้องกันนั้นทำได้ไม่ยาก ผ่านเทคนิคต่างๆดังนี้!

1.
ทำความสะอาดให้ถูกต้อง
หนึ่งในสาเหตุของผิวแห้งก็คือการเลือกเครื่องสำอางที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว และไม่อ่อนโยนต่อผิว ดังนั้นการป้องกันอาการผิวแห้งที่ดีก็คือการเลือกเครื่องสำอางให้เหมาะ เลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโดยและไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ที่ใบหน้า แต่ถ้าหากใบหน้าผิวแห้งมากเป็นสะเก็ด ขอแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติอย่าง มะละกอ ฝักทอง และโยเกิร์ตทำความสะอาดใบหน้าด้วย

2. บำรุงผิวด้วยน้ำผึ้ง
ปัญหาที่เกิดต่อจากผิวแห้งก็คือ อาการริมฝีปากแตก ส้นเท้าแตก ข้อศอกด้าน อันเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้สาวๆหมดความมั่นใจ ปัญหาเหล่านี้แก้ได้ไม่ยากหากนำน้ำผึ้งไปทาในบริเวณที่แตกหรือมีปัญหา นวดวนสักพัก ทำแบบนี้เป็นประจำและไม่นานนักส่วนที่แตกแห้งและหยาบจะกลับมาชุ่มชื้นอีกครั้งหนึ่ง

3. กินอาหารบำรุงผิว
นอกจากการบำรุงผิวภายนอกแล้ว การบำรุงผิวภายในก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน หากเราเกิดอาการผิวแห้งหยาบ อาหารที่ควรรับประทานก็ต้องอุดมไปด้วยไขมันที่ดีต่อสุขภาพ แมกนีเซียม วิตามินซี เบต้าแคโรทีน ที่มักจะอยู่ใน ไขมันจากปลา ปลาแซลมอน ส้ม มะม่วง เป็นต้น

4. ให้ความชุ่มชื้นกับผิว
หลังจากที่เราอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว ให้รีบบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ในขณะที่ผิวเปียกหมาดๆ เพื่อให้ผิวเรากักเก็บความชุ่มชื้นและมอยส์เจอไรเซอร์ได้นานขึ้น หรือจะใช้เบบี้ออยล์มาทาผิวก่อนจะเช็ดตัวหลังอาบน้ำ รอสักพักให้รู้สึกว่าเบบี้ออยล์ซึมแล้วค่อยเช็ดตัว จากนั้นก็ทาครีมบำรุงผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวขึ้นไปอีกขั้น
ทั้งหมดนี้คือสาเหตุและการป้องกันอาการผิวแห้งที่ทำได้ง่าย และสามารถเริ่มทำได้ทันที หากลองทำตามคำแนะนำอย่างสม่ำเสมออาการผิวแห้งก็จะไม่ถามหา แล้วทีนี้สาวๆก็สามารถออกไปพบเจอผู้คน พร้อมกับความมั่นใจเต็มเปี่ยมได้โดยไม่ต้องกลัวริ้วรอยที่มาจากผิวแห้งอีกต่อไป

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

“ผิวแห้ง” รู้ให้ทันป้องกันได้

       ปัญหาผิวแห้งกร้าน หยาบกระด้าง ลอกเป็นขุย หลายคนมองว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่สำหรับผู้ที่ใส่ใจกับการแต่งกาย โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่มักอวดผิวพรรณเนียนนุ่มของตน ถือได้ว่าเป็นปัญหาใหญ่ ยิ่งเจออากาศร้อนละอุของประเทศไทย การนุ่งสั้น หรือสวมแขนกุด ถือเป็นเสื้อผ้ายอดฮิตของสาวๆยุคปัจจุบัน แต่มันจะแย่แค่ไหนหากโดนปัญหาผิวแห้งเล่นงาน คงต้องทนร้อน ใส่เสื้อแขนยาวปกปิดผิวหยาบกระด้างกันต่อไป อย่างไรก็ตาม หากเรารู้ให้ทันอาการผิวแห้ง ก็จะช่วยกำจัดปัญหานี้ออกไปได้

ผิวแห้งเกิดจากอะไร

อาการผิวแห้งเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งอาจสร้างปัญหามากขึ้นได้ เพราะผิวแห้งเป็นที่มาของการเกิดริ้วรอยก่อนวัยและผดผื่นได้ง่าย ทำให้ผิวไม่นุ่มนวล ซึ่งสาเหตุหลักก็คือ ต่อมผลิตไขมันทำงานลดลง ผิวขาดน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติ และผิวไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื่นไว้ได้ ระดับน้ำในชั้นใต้ผิวซึ่งตามปกติจะอยู่ราว 10-20 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อไหร่ที่ลดลงเหลือน้อยกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ผิวจะจะเริ่ม แห้งจนสังเกตได้ เกิดเป็นริ้วรอยเล็กๆ หรือที่เรียกกันว่า Fine Line นั่นเอง นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเอื่นๆที่ทำให้เกิดอาการผิวแห้งได้ ดังนี้

       1.สภาพแวดล้อม ได้แก่ ความชื้นในอากาศ อย่างวันที่อากาศแห้งเกินไป อากาศที่หนาวจัด หรือ ลมหนาวจะทำให้ผิวแห้ง หรือแม้แต่แสงแดดก็ทำให้เกิดผิวแห้งกร้านได้ คนที่อยู่กลางแดดจัดๆเป็นเวลานาน ผิวจะเริ่มแห้ง ยิ่งถ้าไม่ทาครีมกันแดดผิวก็จะเริ่ม แห้งลงเรื่อยๆ และก่อให้เกิดริ้วรอยที่ชัดเจนมากขึ้น นอกจากนี้ มลภาวะต่างๆโดยเฉพาะบนท้องถนนก็ทำให้ผิวแห้งได้ง่ายเช่นกัน เพราะผิวถูกทำลายอยู่ตลอดเวลา 

2.การดูแลผิวที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สาวๆมีอาการผิวแห้ง เช่น สบู่ล้างหน้าที่ไม่อ่อนโยนต่อผิว ใช้มาส์ก หรือสครับขัดผิวบ่อยเกินความจำเป็น ใช้โลชั่นเช็ดผิวที่มีส่วนผสมของแอลกฮอล์ สิ่งเหล่านี้จะเป็นการรบกวนชั้นผิวบางๆชั้นบนสุดของผิว ทำให้ผิวถูกทำลายและสูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติของผิวไป ทำให้ผิวเริ่มแห้ง ส่วนคนที่ไม่ค่อยทะนุถนอมผิว ได้แก่ คนที่มักเช็ดหน้าแรงๆ ก็ทำให้ ผิวแห้งกร้านได้ อีกทั้งการล้างหน้าด้วยน้ำที่ร้อนเกินไป ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น

       3.อายุที่เพิ่มมากขึ้น เมื่อแก่ตัวลง ฮอร์โมนจะมีการเปลี่ยนเปลง การผลิตน้ำมันตามธรรมชาติของผิวลดลง ทำให้ผิวเริ่มขาดความชุ่มชื้น เริ่มแห้งจนสังเกตได้ และนี่เหตุผลที่คนอายุมากมักหาผลิตภัณฑ์มาบำรุงผิวของตน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ได้นานที่สุด

4.แอลกอฮอล์และคาเฟอีน สังเกตได้จากคนที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม กาแฟ และคนที่สูบบุหรี่จัดๆ ผิวจะแห้งกร้าน เกิดริ้วรอย ดูแก่เร็วกว่าปกติ

วิธีป้องกันผิวแห้ง

เมื่อทราบปัจจัยกันไปแล้ว การป้องกันผิวแห้งก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ขอเพียงมีความใส่ใจตนเองกันมากขึ้น เชื่อว่าสาวๆทุกคนทำได้ เริ่มจากผิวหน้าที่แสนบอบบาง ควรใช้โฟมล้างหน้าหรือผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว เวลาล้างหน้าไม่ควรใช้น้ำอุ่นล้าง รวมถึงการอาบน้ำก็ไม่ควรอาบน้ำอุ่นนานจนเกินไป เพราะยิ่งทำให้ผิวของเราแห้งมากกว่าเดิม และผู้ที่ใช้โทนเนอร์ทำความสะอาดใบหน้า ควรเลือกแบบไม่มีแอลกอฮอล์

สำหรับครีมบำรุง ควรใช้แบบที่มีมอยเจอร์ไรเซอร์ ทาเป็นประจำทุกครั้งหลังอาบน้ำ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และสาวๆที่รักการแต่งหน้า ควรทาครีมบำรุงผิวก่อนรองพื้น เพื่อป้องกันไม่ให้หน้าเป็นขุยและลอก ที่สำคัญควรทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันอากาศร้อนตอนกลางวัน

เรื่องอาหารการกิน ก็ควรดื่มน้ำกันเยอะๆ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว และเลือกรับประทานผักผลไม้ให้มากๆ หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลม แอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ สุดท้ายถ้าอยากสวย พร้อมกับผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้นตลอดวัน ควรพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการพักถือเป็นการดูแลผิวที่ดีอีกวิธีหนึ่ง

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

สเปรย์น้ำแร่ฉีดหน้า สำคัญและมีประโยชน์ต่อผิวหน้าผิวพรรณอย่างไร

สำหรับคุณสาวๆ ที่ไปทำการช็อปปิ้งกับกลุ่มเพื่อนสาวเป็นระยะเวลานานๆ ในระหว่างวันอาจจะเคยสังเกตเห็นว่าเพื่อนบางคนในกลุ่มหยิบเอาสเปรย์ขวดเล็กๆขึ้นมาพ่นใส่ใบหน้าของตัวเองอยู่บ่อยๆ แถมผิวหน้าของพวกเธอนั้นก็ยังดูชุ่มชื้นเปล่งปลั่งอยู่ตลอดทั้งวัน โดยที่ไม่ต้องทำการเติมแป้งหรือเครื่องสำอางในระหว่างวันเลยแม้แต่น้อย

ในขณะเดียวกันเพื่อนคนอื่นๆ ในกลุ่มที่ไปด้วยกันนั้น ใบหน้ากลับดูหมองคล้ำมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากประสบกับมลภาวะที่เผชิญอยู่ด้วยกัน ความแตกต่างที่เกิดขึ้นเหล่านั้น คงทำให้คุณสาวๆ เริ่มเกิดความสงสัยว่า …

…เคล็ดลับที่ช่วยคืนความชุ่มชื้นสดใสที่อยู่ในรูปแบบสเปรย์สำหรับฉีดหน้าขวดเล็กๆนั้นคืออะไรกันแน่?  ซึ่งเจ้าสเปรย์มหัศจรรย์ขวดเล็กๆที่กำลังกล่าวถึงอยู่นี้คือ สเปรย์น้ำแร่ฉีดหน้า นั่นเอง…

สเปรย์น้ำแร่ฉีดหน้าสำคัญอย่างไร

สเปรย์น้ำแร่ฉีดหน้า ให้ความชุ่มชื้น พร้อมกับช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองต่อผิวหน้าและผิวกายที่เกิดขึ้นในขณะที่คุณสาวๆ ต้องออกไปเผชิญกับมลภาวะในชีวิตประจำวัน เช่น ฝุ่น ควัน รวมไปถึงเหงื่อไคลที่เกิดขึ้นมาเพราะอากาศร้อน ซึ่งมลภาวะที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ทำให้ผิวเกิดความระคายเคือง เหนียวเหนอะหนะ ไม่ชุ่มชื้น จนทำให้รู้สึกเกิดความไม่สบายผิวหน้าในระหว่างวัน ครั้นจะหาที่ล้างหน้าเอามลภาวะออกไปนั้นก็เป็นเรื่องที่ยาก

ด้วยเหตุผลดังกล่าว สเปรย์น้ำแร่ฉีดหน้า จึงกลายมาเป็นทางเลือกที่ดีและสะดวกในการช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าได้อย่างง่ายๆ

ประเภทของสเปรย์น้ำแร่ฉีดหน้า

สเปรย์น้ำแร่ ในปัจจุบันมีอยู่มากมายหลายแบบ และมีหลายยี่ห้อในท้องตลาด มีทั้งแบบที่มีส่วนผสมของน้ำแร่ 100% และแบบที่มีการปรับส่วนผสมอื่นๆ เพื่อคุณประโยชน์ด้านการบำรุงผิวพรรณในด้านต่างๆ ที่มากยิ่งขึ้น หรือบางยี่ห้อก็มีการผสมน้ำหอมเพื่อเพิ่มความหอม

สเปรย์น้ำแร่มีหลากหลายสไตย์ให้คุณสาวๆ ได้เลือกใช้ได้ตามความต้องการ รวมไปถึงบรรจุภัณฑ์ที่มีความแตกต่างกันกัน โดยสามารถแบ่งประเภทของสเปรย์น้ำแร่ออกอย่างกว้างๆ ได้ดังต่อไปนี้

1. สเปรย์น้ำแร่แบบขวดพลาสติก จะให้ละอองน้ำแร่ที่มีความละเอียดไม่มาก เหมาะกับคุณสาวๆที่ต้องการเพียงพ่นน้ำแร่เพื่อความสดชื่นและความชุ่มชื้นเท่านั้น

2. สเปรย์น้ำแร่แบบอัดแก็ซ จะให้ละอองน้ำแร่ที่มีความละเอียดมากกว่าแบบขวดพลาสติก ซึ่งเหมาะกับคุณสาวๆที่ต้องใช้สเปรย์น้ำแร่เพื่อช่วยในการแต่งหน้า เมื่อทำการพ่นทับเครื่องสำอางจะทำให้ไม่จับตัวกันเป็นหยดน้ำขนาดใหญ่ แป้งที่ทาไปจึงไม่เกิดคราบขึ้น แต่จะมีราคาที่แพงมากกว่าสเปรย์น้ำแร่แบบขวดพลาสติก

สเปรย์น้ำแร่ฉีดหน้ามีประโยชน์อย่างไร

ส่วนประกอบของสเปรย์น้ำแร่ฉีดหน้าหลักๆ เป็นน้ำแร่จากน้ำพุร้อนธรรมชาติ ซึ่งอุดมไปด้วยสารที่สามารถช่วยในการระงับการเติบโตของเชื้อโรค เช่น สารแอนตี้ออกซิแดนท์ และยังมีแร่ธาตุอย่างโพแทสเซียม คอปเปอร์ ซิงค์ ฟูลออไรด์ ซิลเวอร์ เซเลเนียม และแมกนีเซียม ซึ่งทำหน้าที่เสมือนเป็นฟิล์มบางๆ เคลือบผิวเอาไว้ ช่วยให้ผิวบรรเทาความระคายเคืองลง  

นอกจากนี้ ยังมีส่วนผสมซึ่งเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ซึ่งสูตรส่วนผสมเหล่านี้จะมีความแตกต่างกันออกไปตามยี่ห้อของสเปรย์น้ำแร่ฉีดหน้า แต่ก็ล้วนมีประโยชน์ และช่วยในการบำรุงผิวพรรณบนใบหน้าทั้งสิ้น ซึ่งโดยหลักๆ แล้ว สเปรย์ฉีดน้ำแร่จะมีประโยชน์ดังต่อไปนี้

1. สารสกัดจากธรรมชาติช่วยคืนความชุ่มชื้นและหลีกเลี่ยงความระคายเคืองต่อผิวหน้า เช่น สารจากแตงกวา ว่านหางจระเข้ เป็นต้น ซึ่งเกิดขึ้นจากการเผชิญกับมลภาวะในระหว่างวัน เหมาะกับคุณสาวๆที่มีใบหน้าหมองคล้ำและเป็นขุยบนใบหน้า นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการปวดแสบ ปวดร้อนที่เกิดขึ้นจากแสงแดดได้อีกด้วย

2. ช่วยลดริ้วรอยและชะลอความแก่ของผิวหนัง น้ำแร่ หรือน้ำมันหอมระเหยในสเปรย์น้ำแร่บางยี่ห้อ มีคุณสมบัติในการช่วยลดริ้วและชะลอความแก่ของผิวหนัง ทำให้ผิวหนังดูอ่อนเยาว์ปราศจากริ้วรอย แลดูสุขภาพดีอยู่เสมอ

3. ใช้ฉีดเพื่อเป็นการช่วยเตรียมผิวหน้าก่อนการแต่งหน้า ทำให้คุณสาวๆสามารถที่จะแต่งหน้าได้ง่ายขึ้น เครื่องสำอางติดทนนาน ไม่หลุดลอกออกง่าย และยังสามารถใช้ในการฉีดเพื่อเตรียมผิวหน้าเพื่อที่จะทาเซรั่มบำรุงผิวได้อีกด้วย

4. ช่วยในการผ่อนคลายผิว โดยปกติแล้วหลังจากการล้างหน้า ผิวหน้าจะรู้สึกแน่นตึง สเปรย์น้ำแร่จะช่วยทำให้เกิดความชุ่มชื้นของผิว

  5. สะดวกในการพกพา ในระหว่างวันหากคุณสาวๆต้องการที่จะเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับใบหน้า ก็สามารถทำได้อย่างง่ายๆ โดยเพียงแค่หยิบสเปรย์น้ำแร่ฉีดหน้าขึ้นมาฉีดลงบนใบหน้าเท่านั้น

6. ช่วยในการกระชับรูขุมขน เมื่ออากาศร้อนและรูขุมขนเปิดกว้างมากขึ้นจะทำให้สิ่งสกปรก และเชื้อแบคทีเรียเข้าไปอุดตันที่รูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสิว และริ้วรอยก่อนวัย

7. ช่วยในการทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึก เมื่อใช้สเปรย์น้ำแร่พ่นที่ใบหน้าหลังจากการล้างหน้าจะเป็นการช่วยเก็บรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิว ถ้าหากใช้หลังการล้างหน้าจะช่วยในการปรับสภาพผิว และช่วยปิดรูขุมขน พร้อมกับล้างเครื่องสำอาง รวมไปถึงคราบสกปรกออกไปจากรูขุมขนได้อย่างหมดจดมากยิ่งขึ้น

สเปรย์น้ำแร่เหมาะกับผิวพรรณแบบใดกันบ้าง

สเปรย์น้ำแร่ฉีดหน้า เหมาะกับคุณสาวๆที่ประสบปัญหาผิวแห้ง เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่แห้ง หรือผิวที่อ่อนไหว ไวต่อความสัมผัส นอกจากนี้ยังเหมาะกับคุณสาวๆที่ไม่ชอบผิวมัน ซึ่งเกิดขึ้นจากการผลิตน้ำมันออกมาจากรูขุมขนที่มากจนเกินปกติ

แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว สเปรย์น้ำแร่ฉีดหน้ามักจะเหมาะกับคุณสาวๆที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวในทันทีในระหว่างวัน

การใช้สเปรย์น้ำแร่ฉีดหน้าให้ถูกวิธี

            เริ่มจากการฉีดน้ำแร่ให้ห่างจากใบหน้าราวๆ 20-30 ซ.ม. ให้ทั่วใบหน้า โดยพ่นให้เป็นละออง หลังการฉีดพ่นสเปรย์น้ำแร่ลงบนใบหน้า ปล่อยทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 วินาที แล้วควรใช้กระดาษเช็ดหน้าซับเอาน้ำแร่บนใบหน้าออก แทนที่จะปล่อยให้แห้งเองตามธรรมชาติ เพราะถ้าหากปล่อยเอาไว้ให้แห้งเอง น้ำส่วนเกินที่เกิดขึ้นมาบนใบหน้าก็จะพาเอาความชุ่มชื้นจากใบหน้าไปด้วย ทำให้ใบหน้าไม่เกิดความชุ่มชื้นอย่างที่ควรจะเป็น

ข้อควรระวังในการเลือกใช้สเปรย์ฉีดน้ำแร่

            สำหรับคุณสาวๆที่มีผิวแพ้ง่าย ไม่ควรเลือกผลิตภัณฑ์สเปรย์น้ำแร่ฉีดหน้าที่มีปริมาณแร่ธาตุอยู่เป็นจำนวนมาก (High Mineral Content) เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการแพ้ได้ ควรเลือกผลิตภัณฑ์น้ำแร่ฉีดหน้าที่มีปริมาณแร่ธาตุอยู่น้อย (Low Mineral Content) จะเหมาะกับผิวหน้ามากกว่า

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.