รอยแผลเป็น รักษาให้หายได้ ด้วยครีมรักษา รอยแผลเป็น

         ปัญหาเรื่องผิวพรรณนั้นมีมากมาย ที่พบเจอกันมากก็อย่างเช่น ปัญหาสิว ผดผื่นคัน ริ้วรอยแห่งวัย รอยแตกลาย เป็นต้น และอีกหนึ่งปัญหาที่มักเจอบ่อยไม่แพ้กันก็คือ “รอยแผลเป็น” เนื่องจากมันเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งรอยแผลเป็นจากสิว อีสุกอีใส อุบัติเหตุต่างๆที่ทำให้เป็นแผล หรืออาจเกิดจากการที่เคยเย็บแผลมาก่อน ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้เกิดรอยแผลเป็นบนผิวหนังได้ทั้งสิ้น แล้วเมื่อเกิดปัญหาผิวนี้เราจะสามารถรักษาให้หายได้หรือไม่ อย่างไร รวมถึงรอยแผลเป็นมีกี่ประเภท วันนี้เรามาหาคำตอบกัน

ประเภทของรอยแผลเป็น และการรักษา
        1.รอยดำ บางคนจะเหมารวมว่ารอยดำที่เกิดขึ้นหลังสิวหายหรือแผลหาย แล้วทิ้งรอยดำๆเอาไว้ว่าเป็นรอยแผลเป็น จริงๆแล้วมันเป็นแค่รอยดำ ที่เกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสีทำงานมากเกินไป เนื้อเยื่อผิวหนังไม่ได้เสียหาย จึงไม่ใช่รอยแผลเป็นที่รุนแรง รอยดำพวกนี้ส่วนใหญ่ถ้าไม่รักษา มักจะจางหายไปได้เองภายในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน และสามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาทา ทำทรีทเมนต์ผลักตัวยาลดเม็ดสี และใช้เลเซอร์กลุ่ม Q switched ND YAG (RM Laser) รวมทั้งการทารีมกันแดดสม่ำเสมอก็จะทำให้รอยดำจางเร็วขึ้น
        2.รอยแผลเป็นแท้ๆ เกิดจากการบาดเจ็บที่รุนแรงในชั้นหนังแท้ ทำให้คอลลาเจนเสียหาย เมื่อร่างกายซ่อมแซม ก็จะเกิดรอยแผลเป็น ซึ่งบางคนอาจต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิต แบ่งเป็น

        2.1 แผลเป็นปกติ เมื่อแผลหายจะยังคงเห็นเป็นรอย ซึ่งอาจจะมีสีซีด หรือเข้มกว่าผิวหนังปกติรอบๆรอยก็ได้
        2.2 แผลเป็นนูน เกิดจากร่างกายสร้างเนื้อเยื่อออกมาซ่อมแซมบาดแผลมากเกินไป โดยจะทั้งรอยแผลเป็นแบบ Hypertrophic scar หรือเนื้อเยื่อที่ถูกสร้างขึ้นมานูนใหญ่กว่าปกติ แต่ไม่ขยายออกนอกรอยแผลเดิม และรอยแผลเป็นแบบ Keloid ที่นอกจากจะนูนใหญ่มากกว่าปกติแล้วยังขยายลุกลามออกจากรอยแผลเดิมด้วย และอาจเกิดการดึงรั้ง ส่วนใหญ่มักจะเกิดบริเวณใบหู คาง หน้าอก หัวไหล่ มักจะเกิดในผู้ที่ประวัติครอบครัวมีภาวะนี้
        การรักษารอยแผลเป็นดังกล่าวนี้ อาจใช้วิธีการฉีดยาเพื่อรักษาคีลอยด์ หรือการใช้นวัตกรรมอื่นๆที่สามารถเข้ารับการรักษาได้ตามคลินิคผิวหนัง หลังจากรักษาแล้วจะทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น แต่บางรายก็อาจช่วยได้ไม่มาก ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความรุนแรงของรอยแผลเป็น
        3.รอยแผลเป็นหลุม หรือรอยแผลเป็น depressed เกิดจากการที่เนื้อเยื่อผิวหนังถูกทำลายเสียหาย และไม่เกิดการซ่อมแซมที่เพียงพอ หรืออาจเกิดพังผืดในชั้นผิวดึงรั้งใหเกิดการยุบตัวลงมา ทำให้สุดท้ายเกิดเป็นรอยแผลเป็นหลุมขึ้น ส่วนใหญ่มักเกิดที่ใบหน้า ที่พบมากสุดเลยก็คือรอยแผลจากสิวนั่นเอง
        การรักษารอยแผลเป็นหลุมนิยมใช้ laser ยิงกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ โดยทำให้เกิดความร้อนที่ใต้ชั้นผิวหนังชั้นลึก เรียกว่า Photothermolysis ส่งผลให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวหนังเรียบเนียนกระชับมากขึ้น แผลเป็นและหลุมสิวตื้นขึ้น ริ้วรอยและจุดด่างดำแลดูจางลง ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับเครื่องไม้เครื่องมือของแต่ละที่ด้วย บางครั้งอาจทำให้เกิดแผลตกสะเก็ดได้

        รอยแผลเป็น เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อยากเจอ ดังนั้น ควรดูแลเอาใจใส่ผิวอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อผิวโดยเฉพาะผักผลไม้ เพราะสารอาหารจะช่วยฟื้นบำรุงผิวให้สุขภาพดีอยู่เสมอ เมื่อเป็นสิวหรือเป็นแผลก็จะทำให้รอยดำรอยแดงหายไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้น ยังควรทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ให้ผิวสดใส อ่อนกว่าวัยอย่างที่ทุกคนต้องการ
        ทั้งนี้ หากเกิดรอยแผลที่รุนแรง เมื่อแผลเริ่มหายใหม่ๆ ควรทำการนวดหรือการกดบริเวณนั้นเบาๆ โดยการนวดอย่างสม่ำเสมอในระยะประมาณ 3-6 เดือนแรก จะช่วยให้รอยแผลเป็นลดการขยายตัวและนูนได้ แต่ในกรณีที่เป็นแผลขนาดใหญ่ เช่น แผลเป็นที่เกิดจากไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก อาจจำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องมือพิเศษตามที่แพทย์แนะนำ

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

วิธีจัดการรอยแผลเป็นจากสิว แบบธรรมชาติ

         สิวอักเสบ นอกจากจะสร้างความเจ็บปวดกับอาการอักเสบของมันเลย เวลามันหายไปก็มักทิ้งร่องรอยแผลเป็น รอยดำ รอยแดงไว้ให้เราเจ็บใจ ซึ่งรอยดังกล่าวจะบดบังใบหน้าหล่อสวยของเราจนหมดสิ้น เพราะรอยแผลเป็นจากสิวนั้นจะทำให้ใบหน้าของเราหมองคล้ำไปโดยพลัน ทั้งนี้ทั้งนั้น สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดรอยแผลเป็นจากสิวก็คือการมีนิสัยชอบแคะแกะเกา และบีบสิวบนใบหน้า ทำให้รอยยิ่งช้ำรุนแรงมากขึ้น
         เพื่อจัดการปัญหารอยแผลเป็นจากสิวให้หมดไป วันนี้เรามีวิธีแบบธรรมชาติมานำเสนอ โดยเป็นวิธีจัดการรอยแผลเป็นจากสิวที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าได้ผลจริง แต่จะเห็นผลช้าเร็วก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและรุนแรงของรอยแผลเป็นของแต่ละคน

ลักษณะของรอยแผลเป็นจากสิว

         1.รอยแดงอักเสบแดงช้ำเป็นจ้ำ รอยสิวชนิดนี้มีลักษณะเป็นรอยแดงจากการอักเสบอยู่ เกิดจากการอักเสบซ้ำซ้อนของสิว เมื่อสิวยุบร่างกายจะมีกลไกการซ่อมแซมผิวหนังที่อักเสบด้วยตัวเอง แต่ยังไม่หายสนิทจึงทำให้เกิดเป็นรอยแดงช้ำเป็นจ้ำ
         2.รอยสิวสีดำหรือสีน้ำตาล รอยสิวนี้เกิดขึ้นเมื่อกระบวนการสมานเนื้อเยื่อและการสร้างเซลล์เม็ดสีผิวไม่สมบูรณ์ ทำให้ผิวบริเวณนั้นเกิดเป็นสีดำหรือสีน้ำตาลถึงแม้ว่าสิวจะหายสนิทแล้วก็ตาม ทั้งนี้ รอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวแบบนี้จะค่อยๆหายไปเอง แต่ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง
         3.รอยแผลเป็นชนิดบุ๋มเป็นหลุม รอยแผลชนิดนี้เกิดขึ้นจากเนื้อเยื่อบนชั้นผิวถูกทำลายและไม่สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้ ส่วนใหญ่มักเกิดจากการบีบสิวทำให้ติดเชื้อแบคทีเรีย โดยจะพบบริเวณใบหน้าและรอบแก้ม

จัดการรอยแผลเป็นสิวด้วยสูตรธรรมชาติ
         1.หอมแดง จะมีสารที่ให้คุณสมบัติสามารถยับยั้งแบคทีเรียบนผิวหนังได้ สูตรนี้เพียงแค่นำหอมแดงมาปอกเปลือกให้เกลี้ยงและล้างให้สะอาด จากนั้นนำมาฝานเป็นแผ่นบางๆหรือจะสับให้ละเอียดก็ได้ แล้วนำมาโปะไว้บนจุดที่เป็นสิวหรือมีรอยด่างดำ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ควรทำทุกวัน จะเห็นผลภายใน 3-4 วัน โดยหัวสิวค่อยๆยุบตัวลง ส่วนรอยด่างดำก็จะดูจางลงอย่างเห็นผลได้ชัด
         2.มะละกอ นอกจากจะช่วยให้ผิวทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลแล้ว ยังช่วยลดรอยแผลเป็น หรือรอยดำจากสิวได้อีกด้วย เพราะในเนื้อมะละกอมีเอ็นไซม์ที่ทำเนื้อเยื่อที่ตายแล้วหลุดลอกได้ง่าย ช่วยให้ผิวผลัดเซลล์ได้เร็วขึ้น วิธีการคือปอกมะละกอสุกแล้วล้างยางออกให้หมดแล้วบดให้ละเอียด พอกทิ้งไว้บนผิวหน้า 10-15 นาทีจึงล้างออก เพียงแค่ครั้งแรกจะรู้สึกได้ถึงความเนียนนุ่มชุ่มชื่นของผิว หากใช้เป็นประจำจะช่วยรอยสิวจางลงจนหายเป็นปกติ

         3.ใบบัวบก เป็นที่รู้จักกันดีว่าการรับประทานใบบัวบกช่วยรักษาอาการฟกช้ำได้ดี และยังสามารถใช้ลดรอยดำ รอยแผลเป็นจากสิวได้ เนื่องจากในใบบัวบกมีสารไกลโคไซด์ (Glucosides) ซึ่งจะช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระ และสร้างคอลลาเจนให้กับผิวหน้าของเรา ลอยดำก็จะลดลงจางลง และยังทำให้ผิวหน้าโดยรวมดูดีขึ้นอีกด้วย สูตรนี้ให้นำใบบัวบกไปปั่นกับเครื่องปั่นหรือตำละเอียดในครก จากนั้นก็นำใบบัวบกที่ได้มาพอกหน้าได้เลย ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีจึงล้างออก
         4.มะนาว เป็นสมุนไพรที่หาได้ง่าย มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ (AHA, Alpha Hydroxy Acids) ช่วยในการลอกเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดร่วงออกไป นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว ทำให้เซลล์ผิวเกิดใหม่ได้อย่างรวดเร็ว วิธีที่นิยมใช้กันคือหยดน้ำมะนาวสัก 1-2 หยดมาแต้มสิวทิ้งไว้ 10-15 นาทีแล้วล้างออก แต่สำหรับคนที่ผิวหน้าไม่เหมาะกับมะนาวหรือคิดว่ามะนาวแรงเกินไป ก็ให้ใช้น้ำมะนาวผสมกับโฟมล้างหน้าได้เช่นกัน
         นอกจากนี้ การทาครีมบำรุงผิวหน้าทุกครั้งหลังจากการอาบน้ำก็จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูสภาพผิวที่มีรอยดำรอยแดง และรอยแผลเป็นจากสิวให้กลับมาดูดีขึ้น ทั้งนี้ ต้องระวังอย่าใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสารปรอท เพราะเป็นสารที่ทำร้ายผิวหน้าแสนบอบบางของเรา เห็นไหมว่าวิธีรักษารอยแผลเป็นจากสิวไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น ถ้าไม่อยากเกิดปัญหาผิวเช่นนี้ พยายามหลีกเลี่ยงการบีบสิว รวมถึงอย่าใช้แคะแกะเกาเป็นอันขาด เพราะจะยิ่งทำให้รอยแผลเป็นรุนแรงมากขึ้น

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

การทำเลเซอร์รอยสิว ราคาแพง คุ้มหรือไม่ ได้ผลดีอย่างไร

         สิวเป็นปัญหาผิวบนใบหน้าที่เกิดขึ้นได้บ่อยมาก เนื่องจากสภาพอากาศแสนร้อนอบอ้าวในบ้านเรา ผนวกกับปัจจัยอื่นๆ เช่น ผิวหน้ามัน ภาวะฮอร์โมน ฝุ่นควัน สิ่งสกปรก เป็นต้น จึงทำให้เป็นสิวกันได้ง่าย ทั้งนี้ เมื่อเป็นสิวแล้วจำเป็นต้องดูแลรักษาอย่างจริงจัง เพราะขืนปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้สิวเห่อไปทั่วบริเวณใบหน้าจนต้องเผชิญกับปัญหาสิวขั้นรุนแรง หน้าเป็นหลุมเป็นบ่อ จนกลายเป็น “คนหน้าปลวก”
         ซึ่งหากเป็นสิวมากๆจนเกิดเป็นรอยดำรอยแดง กรณีนี้แค่ครีมรักษาสิวอย่างเดียวคงเอาไม่อยู่ การทำเลเซอร์รอยสิวจึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่คุณหมอแนะนำ แต่ในบางกรณีการทำเลเซอร์รอยสิวต้องควบคู่กับการรักษาด้วยครีมหรือรับประทานยารักษาสิว จึงจะทำให้รอยสิวจางลงจนหายไปในที่สุด กระนั้นก็ตาม หลายคนเกิดความกังวลระคนสงสัยว่าการทำเลเซอร์รอยสิว ราคาแสนแพงนั้น ผลลัพธ์ที่ได้จะออกมาแบบไหน คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปหรือไม่ วันนี้เรามาหาคำตอบกัน

 

รอยที่เกิดจากสิวมี 3 รูปแบบ
         ก่อนจะไปหาคำตอบว่าเลเซอร์รอยสิว ราคาแพง ทำแล้วได้ผลดีแค่ไหน เราควรทำความเข้าใจกับรอยดำรอยแดงที่เกิดจากสิวกันก่อนว่า มันมีอะไรบ้าง
         1.เป็นหลุมลงไป เป็นแบบที่พบเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากขบวนการอักเสบของสิวจะทำลายเนื้อเยื่อคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ทำให้เป็นรอยบุ๋ม
         2.เป็นเนื้อนูนขึ้นมา มักพบที่จมูก คาง และบริเวณขากรรไกร เนื่องจากขบวนการอักเสบของสิวจะทำลายเนื้อเยื่อในชั้นหนังแท้แต่มีการซ่อมแซมของผิวมากกว่าปกติทำให้เนื้อนูนขึ้น
         3.มีการเปลี่ยนแปลงของสี ซึ่งพบบ่อยมาก มักมีสีออกแดงคล้ำๆ อาจเรียกว่าเป็นรอยแดง เพราะไม่ได้เป็นสีดำล้วนแบบกระหรือฝ้า ซึ่งมีวิธีรักษาที่แตกต่างกัน

การรักษารอยสิวด้วยเลเซอร์ E-Lase
         นวัตกรรมเลเซอร์รอยสิวนี้เป็นที่รู้จักกันดี เพราะเป็นของพรเกษม คลินิค โดยหลังจากสิวยุบหายแล้วมักทิ้งร่องรอยแดงๆดำๆไว้ แม้ส่วนใหญ่รอยแดงจะหายได้เอง แต่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6-12 เดือน ในกรณีที่ต้องการรักษาเพื่อให้รอยแดงจากสิวหายเร็วขึ้น การทำเลเซอร์รอยสิว ที่มีความยาวคลื่นเฉพาะเจาะจงกับรอยแดงเป็นพิเศษคือ E-Lase ซึ่งเป็นเลเซอร์ที่ทันสมัยที่สามารถลดรอยแดงสิวได้ถึง 20-30% ต่อครั้ง ไม่มีเลือดออกและไม่เกิดบาดแผลหลังทำ
         หลังจากทำแล้วสามารถไปทำกิจวัตรต่างๆ เช่น เล่นกีฬา ว่ายน้ำ แต่งหน้า ออกงานได้ตามปกติ เวลาทำเลเซอร์ก็รู้สึกเพียงมีความเย็นกระทบผิวหน้าเล็กน้อย ไม่ต้องใช้ยาชา ใช้เวลาเพียง 1-2 นาที ขณะทำแล้วก็กลับไปทำงานต่างๆได้ตามปกติ ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ในการรักษานอกจากลดรอยแดงแล้ว E-Lase ยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ของผิวได้อีกด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็มีบางคนที่ใช้ E-Lase แล้วไม่เห็นผล ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหาผิวเป็นหลัก

 

การทำเลเซอร์รอยสิว IPL (Intense Pulse Light)
         เป็นการเลเซอร์ที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P.Acne ช่วงคลื่น 510, 560 ช่วยลดการอักเสบ ยับยั้งการทำงานของต่อมไขมัน ลดรอยแดง รอยดำต่างๆ โดยหลังจากทำเลเซอร์รอยสิวแบบ IPL ความมันของผิวหน้าจะลดลง รวมถึงอาการอักเสบ รอยดำรอยแดงจากสิวจะจางลง ภาพรวมหน้าจะสว่างสดใสขึ้น ทั้งยังมีข้อดีตรงที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้ด้วย อย่างไรก็ดี เลเซอร์รอยสิว ราคาแพงหรือถูกนั้นขึ้นอยู่กับเครื่องมือของแต่ละที่ รวมถึงสภาพผิวหน้าของคนไข้ด้วย
         สำหรับข้อเสียของ IPL คือมักไม่ได้ผลหากปรับค่าไม่ถูกต้อง เพราะการตั้งค่า IPL นั้นซับซ้อน ต้องอาศัยความเข้าใจในการตั้งค่า และอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น รอย burn ได้ ดังนั้น หมอที่ทำการรักษาควรมีความเชี่ยวชาญ
         นอกจากเลเซอร์ที่นิยมใช้รักษารอยสิวดังกล่าวแล้ว ยังมีเลเซอร์อื่นๆอีกที่ใช้กันตามคลินิค เช่น V-beam (595 nm) เป็นต้น ซึ่งการทำเลเซอร์รอยสิว ราคาจะแพงหรือถูกนั้นขึ้นอยู่กับเครื่องไม้เครื่องมือและความชำนาญของแพทย์ผู้รักษา ส่วนผลลัพธ์ที่ได้จะแตกต่างกันออกไป ใครที่เจอกับปัญหาสิวและรอยจากสิวเล่นงานหนักก็อาจจะได้ผลช้าหน่อย หรือต้องใช้วิธีอื่นๆร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นใช้ยารักษาสิว กรดวิตามินเอ ครีมไวเทนนิ่ง เป็นต้น ก็จะช่วยให้ผลลัพธ์ในการทำเลเซอร์รอยสิวออกมาดีมากขึ้น

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

รักษาลบรอยสิวด้วยวิธีง่ายๆ ได้ด้วยตัวคุณเอง

หลังจากที่คุณสาวๆ โล่งอก เมื่อได้โบกมือลาปัญหาเรื่องสิวบนใบหน้า ยังไม่ทันได้หายดีใจ ปัญหาใหม่ก็เข้ามาแทน ถึงแม้ว่าเจ้าสิวตัวร้ายจะจากไปแล้ว แต่ก็ยังไม่วายทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้ดูต่างหน้า จนทำให้คุณสาวๆ สูญเสียความมั่นใจ

คุณสาวๆ บางคนที่ใบหน้าเกิดปัญหาริ้วรอยจากสิวมากๆ ถึงขนาดรีบไปพบแพทย์ตามคลินิกเสริมความงาม เพื่อให้คุณหมอช่วยยิงเลเซอร์ แต้มกรด เพื่อให้ริ้วรอยจางหายไปให้เร็วที่สุด ซึ่งในความเป็นจริงแล้วปัญหาริ้วรอยจากสิว เป็นเรื่องที่สามารถรักษาได้อย่างง่ายๆ ด้วยตัวเองที่บ้าน ซึ่งในวันนี้จะไปดูกันว่า เคล็ดลับรักษาริ้วรอยจากสิวนั้น มีวิธีการอย่างไรกันบ้าง

วิธีการรักษาสิวโดยใช้ผลไม้ และสมุนไพร

มาเริ่มวิธีการรักษาริ้วรอยจากสิวโดยใช้พืชสมุนไพรและผลไม้กันก่อน ซึ่งล้วนแต่เป็นของที่สามารถหาได้อย่างง่ายๆ ในชีวิตประจำวันทั้งสิ้น ดังต่อไปนี้

1. หอมแดง หอมแดงมีสารในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว และยังมีสารที่ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย สำหรับวิธีการใช้ก็ง่ายๆ เพียงแค่นำหอมแดงมาปลอกเปลือก หั่นเป็นแว่นบาง แล้วนำมาแต้มบริเวณที่เป็นจุดด่างดำเป็นประจำทุกวัน ในไม่ช้ารอยสิวจะค่อยๆจางลง ผิวหนังที่เป็นสีดำจะกลายเป็นสีแดง และกลายเป็นสีเนื้อตามปกติ

2. มะละกอสุก ในมะละกอมีเอนไซม์ปาเปน และโคโมปาเปน ช่วยในการย่อยโปรตีน ทำให้ช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง จึงสามารถกระตุ้นให้เกิดการสมานแผลของผิวหนัง ซึ่งทำให้สมานแผลลดริ้วรอยที่เกิดขึ้นจากสิวได้เช่นกัน โดยมีวิธีการง่ายๆ คือ นำมะละกอสุกมาปอกเปลือกและล้างยางออกให้สะอาด เพราะไม่เช่นนั้นยางอาจจะกัดใบหน้าได้ จากนั้นให้นำมะละกอมาบดให้ละเอียด แล้วพอกหน้าทิ้งเอาไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออก เมื่อใช้เป็นประจำ ริ้วรอยจากสิวจะลดลง
3. ใบบัวบก ในใบบังบกจะมีสารไกลโคไซด์ ซึ่งจะช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระ และช่วยสร้างคอลลาเจนให้กับผิวหนัง ทำให้รอยดำจากสิวถูกลบเลือน นอกจากนั้นยังช่วยทำให้สภาพของผิวโดยรวมดีขึ้น สำหรับวิธีใช้ก็เพียงแค่นำใบบัวบกไปปั่นกับเครื่องปั่น หรือใช้การตำโดยใช้ครก จากนั้นนำใบบัวบกมาพอกหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด

4. น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ในน้ำมันมะพร้าวจะมีกรดลอริค ซึ่งช่วยในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง และยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยทำให้รอยดำจากสิวลดลง ซึ่งน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น สามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป วิธีใช้ก็เพียงแค่ทาบริเวณที่เป็นริ้วรอยจากสิวหลังล้างหน้าก่อนนอนโดยที่ไม่ต้องล้างออก

5. กระเทียม มีสารจากธรรมชาติที่ช่วยในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย วิธีใช้เพียงแค่ใช้มีดฟานเป็นแว่นบางๆ หรือใช้เล็บจิกเอาน้ำกระเทียมมาแต้มลงริ้วรอยดำจากสิว น้ำจากกระเทียมจะช่วยปรับสภาพสีผิวชั้นนอกบนหน้าให้เท่ากัน โดยการลดการสร้างเมลานินที่คั่งค้างอยู่ในรอยดำจากสิว ทำให้รอยสิวดูจางลง

6. น้ำมะนาว น้ำมะนาวมีกรดผลไม้ หรือ AHA ซึ่งจะช่วยทำให้เซลล์ผิวที่ตายไปแล้ว เกิดการหลุดออกมากจากบริเวณที่เป็นจุดด่างดำ วิธีการใช้คือ บีบเอาน้ำมะนาวประมาณ 1-2 หยด แต้มไปบนบริเวณที่เป็นริ้วรอยจากสิว จากนั้นทิ้งเอาไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออก

7. มะเขือเทศ มะเขือเทศอุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งมีผลในการช่วยสมานรอยแผลเป็นและริ้วรอยด่างดำจากสิว โดยนำมะเขือเทศไปฝานให้เป็นชิ้นบางๆ แล้วนำไปวางไว้บนบริเวณแผลเป็น

8. แอปเปิ้ล+น้ำผึ้ง ล้างหน้าให้สะอาด แล้วซับหน้าให้แห้ง หลังจากนั้นให้นำแอปเปิ้ลครึ่งผล ผสมกับน้ำผึ้งแท้ 1 ช้อนโต๊ะ นำมาบดรวมกันให้ละเอียดจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน ทาให้ทั่วใบหน้า หรือจะเน้นทาในบริเวณที่เป็นริ้วรอยจากสิว ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20-30 นาที แล้วล้างออก

9. น้ำผึ้ง น้ำผึ้งจะช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ริ้วรอยจากสิวค่อยๆเลือนหายไป โดยการนำน้ำผึ้งมาทาให้ทั่วใบหน้า แล้วทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที แล้วจึงล้างออก

10. น้ำมันลาเวนเดอร์ แต้มน้ำมันลาเวนเดอร์ลงบนบริเวณที่เป็นริ้วรอยจากสิว วันละ 2 ครั้ง เป็นประจำทุกวัน น้ำมันลาเวนเดอร์จะช่วยทำให้ริ้วรอยจากสิวจางลงได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

11. ไข่ขาว ไข่ขาวช่วยในการขจัดปัญหาริ้วรอยจากสิว สำหรับวิธีการใช้คือ ใช้สำลีพันปลายไม้ จุ่มเอาเฉพาะไข่ขาวมานวดกับริ้วรอยที่เกิดขึ้นจากสิว

12. น้ำแตงกวา อุดมไปด้วยวิตามินเอ ที่สามารถช่วยลดการอักเสบและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว โดยใช้นำแตงกวาแต้มไปบนบริเวณที่เกิดริ้วรอยจากสิว ซึ่งน้ำแตงกวาไม่มีความเป็นกรด จึงไม่กัดผิว ทำให้สามารถที่จะแต้มทิ้งเอาไว้นานๆได้โดยที่ไม่ต้องรีบล้างออก สำหรับบางคนอาจจะแต้มทิ้งเอาไว้ทั้งคืนก็ได้โดยที่ไม่ได้มีอันตราย

อย่างไรก็ตาม ริ้วรอยด่างดำจากสิว โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการบีบ กด สิวของตัวเราเอง ดังนั้นวิธีการรักษาริ้วรอยจากสิวที่ดีมากที่สุดวิธีหนึ่ง คือ การอดทน อดใจ ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับหัวสิว ถึงแม้ว่าจะรู้สึกมันเขี้ยวขนาดไหนก็ตาม ควรจะใช้ยาทาและรอให้หัวสิวยุบไปเองตามธรรมชาติจึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

สำหรับคุณสาวๆ ที่เกิดริ้วรอยจากสิวขึ้นมาแล้วนั้น ก็อย่าพึ่งท้อแท้ไป เพราะแม้ว่าการรักษาริ้วรอยจากสิวจะเป็นเรื่องยาก และต้องใช้เวลาในการรักษา

สำหรับคุณสาวๆ ที่อยากปกป้องใบหน้าจากสิว พร้อมกับรักษาริ้วรอยด่างดำจากสิวควบคู่กันไปอย่างง่ายๆ โดยไม่ต้องไปนั่งหาส่วนผสมจากธรรมชาติให้เสียเวลา ก็ยังสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำดังต่อไปนี้ ซึ่งจะให้ผลเช่นเดียวกับการรักษาริ้วรอยจากสิวโดยวิธีการทางธรรมชาติ

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

สิวหาย ทำไมถึง ลดรอยดําจากสิว ไม่ได้ซะที เพราะคุณทำแบบนี้ใช่ใหม

            “สิว” ไม่ว่าจะเป็นเม็ดเล็กหรือเม็ดใหญ่ เชื่อว่าคงไม่มีคุณสาวๆคนไหนที่อยากจะให้มันเกิดขึ้นมาบนใบหน้าของตัวเองอย่างแน่นอน เพราะนอกจากมันจะทำให้ดูเป็นจุดสนใจจนน่าเกลียดแล้ว ครั้นเมื่อทำการรักษาจนหายดีแล้วยังไม่วายทิ้งลอยดำจากสิวเอาไว้ให้ดูต่างหน้าเอาไว้เสียอีก โดยเฉพาะคุณสาวๆที่มีผิวมันก็ยิ่งเกิดสิวง่ายมากกว่าผิวประเภทอื่นๆ ทำให้รอยดำจากสิวจึงมีมากขึ้นเป็นเท่าตัวตามไปด้วย ซึ่งการลดรอยดำจากสิวที่ดีที่สุดนั้นคือการป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นมา ซึ่งวิธีการก็แสนง่ายเพียงแค่คุณสาวๆทำการละ ลด เลิก พฤติกรรมที่เป็นการขัดขวางการลดรอยดำจากสิว ดังต่อไปนี้

วิธีการลดรอยดำจากสิวด้วยการหักห้ามพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ของตัวเอง
สิวตัวแสบที่สุดที่มักจะฝากรอยดำเอาไว้คือ “สิวอักเสบ” เป็นสิวที่มีลักษณะนูนแดง เช่น สิวหัวหนอง สิวนูนแดง สิวหัวช้าง เป็นต้นโดยปกติแล้วคนที่อาศัยอยู่ในประเทศแถบเอเชีย ผิวมักจะเกิดรอยดำขึ้นได้ง่าย และมีความเด่นชัดมากกว่าสีอื่นๆ ซึ่งทำให้เกิดความจุดสนใจ ไม่สวยงามบนผิวขึ้น รอยดำจากสิวนี้ไม่มีอันตรายใดๆ และจะค่อยๆจางเลือนหายไปตามธรรมชาติ โดยอาจจะใช้ระยะเวลาตั้งแต่ 1-3 เดือน หรืออาจจะเป็นปี สำหรับคุณสาวๆที่อยากจะลดรอยดำจากสิวบนใบหน้า ควรทำการปฏิบัติตามขั้นตอน ดังต่อไปนี้

            1.ห้ามแกะเกาหัวสิวเป็นอันขาด เพราะจะทำให้เกิดรอยช้ำขึ้นบนผิวหนัง นอกจากนี้ยังอาจเป็นการกระตุ้นให้สิวบางประเภทกลายเป็นสิวอักเสบ ที่เป็นสาเหตุสำคัญในการทิ้งร่องรอยดำเอาไว้บนผิว
            2.เมื่อเป็นสิวอักเสบควรทำการทายาสิวประเภทฆ่าเชื้อ หรือยาแก้อักเสบ พร้อมกับพยายามหลีกเลี่ยงการบีบสิวออกด้วยตัวเอง เพราะอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ เนื่องจากแบคทีเรียที่ล่องลอยอยู่ในอากาศพร้อมที่จะเข้าไปในบาดแผล และทำให้เกิดการติดเชื้อจนอักเสบมากขึ้นกว่าเดิม
3.ห้ามทำการเสียดสีถูไถรอยดำ เพราะอาจจะทำให้รอยดำมีสีเข้มขึ้น และปรากฏอยู่ได้นานมากยิ่งขึ้น

            4.ใช้กรดผลไม้ AHA ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว เมื่อเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนที่ก็จะมีสีของผิวที่ใกล้เคียวกับของเดิม ซึ่งเป็นวิธีที่จะช่วยลดรอยดำจากสิวได้เป็นอย่างดี
            5.หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่ทำให้เกิดสิวและไม่อุดตันรูขุมขน (Noncomedogenic) หรือไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน (Oil-Free) ที่จะช่วยหลีกเลี่ยงการเกิดสิวอักเสบ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่มักก่อให้เกิดรอยดำจากสิว
            6.หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดด หรือถ้าหากจำเป็นจริงๆก็ควรทำการทาครีมกันแดดในบริเวณที่มีรอยดำจากสิวทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน เพราะแสงแดดจะยิ่งทำให้รอยดำเก่นชัด เข้มขึ้นมากกว่าเดิม

7.ทาครีมบำรุงผิวทุกครั้งหลังจากการอาบน้ำ เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และบำรุงผิวที่มีรอยด่างดำให้กลับมามีสุขภาพที่ดีมากขึ้น ส่งผลให้รอยด่างดำลดลง
           8.การเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการลดรอยดำจากสิว ควรมีคุณสมบัติในการช่วยลดรอยแดง รอยด่างดำให้ดูจางลง ยับยั้งการเกิดเม็ดสีผิดปกติ ช่วยทำให้ผิวดูเรียบเนียนสม่ำเสมอ ในขณะเดียวกันก็ควรที่จะช่วยซ่อมแซม เติมเต็มหลุมสิว เร่งการผลัดเซลล์ผิวเก่า และป้องกันการเกิดสิวใหม่ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดรอยดำจากสิวขึ้น

สำหรับคนที่มีสิวอักเสบเม็ดใหญ่มากกว่า ½ เนติเมตร หรือเป็นสิวอักเสบนานเกินกว่า 1 สัปดาห์ และถึงแม้จะใช้ยาฆ่าเชื้อแล้วสิวไม่มีทีท่าว่าจะยุบลง หรือมีอาการสิวอักเสบทั้งหน้า ควรที่จะไปทำการปรึกษากับแพทย์ผิวหนัง เนื่องจากสิวอักเสบในลักษณะดังกล่าว มักที่จะทำให้เกิดรอยดำจากสิว รวมไปถึงแผลเป็นได้ง่ายกว่าปกติ

 

                      สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.