หน้าใสด้วยการกินอาหารเช้าบำรุงผิว

คุณสาวๆทุกคนล้วนต้องการที่จะมีผิวใส ขาวเนียน เหมือนกันทุกคน แต่ก็มีคุณสาวๆ บางคนที่ถึงแม่ใฝ่ฝันอยากมีผิวขาวใส แต่ก็ไม่รู้ว่า “หน้าใสทำไง

ขอแนะนำก้าวแรกสู่หนทางแห่งความหน้าใส โดยเริ่มต้นอย่างง่ายๆ โดยการเพียงแค่รู้จักหลักการรับประทานอาหารมื้อเช้าที่มีประโยชน์ในการบำรุงผิวเท่านั้นเอง

เราไปดูกันเลยดีกว่าว่า ในมื้อเช้าแต่ละวัน คุณสาวควรรับประทานมื้อเช้า โดยมีส่วนประกอบเป็นอาหารประเภทใดบ้าง จึงจะช่วยทำให้หน้าใสปิ๊งกัน…

อาหารบำรุงผิวที่ควรมีอยู่ในมื้อเช้า


สำหรับคุณสาวๆ ที่อยากให้หน้าใส ควรที่จะมีการรับประทานอาหารต่อไปนี้ในตอนเช้า โดยอาหารบางชนิดอาจจะสามารถรับประทานได้เลยในทันที แต่บางอย่างก็ควรที่จะทำการรับประทานเป็นเครื่องเคียง หรือทานควบคู่ไปกับอาหารประเภทอื่นๆ

สำหรับอาหารที่จะขอแนะนำให้คุณสาวๆ ควรทำการรับประทาน มีดังต่อไปนี้

            1. มะเขือเทศ มีคุณสมบัติช่วยในการปกป้องผิวจากแสงแดด เนื่องจากในมะเขือเทศมีสารไลโคพีน ซึ่งเมื่อนำมะเขือเทศไปประกอบอาหารโดยผ่านความร้อน ก็จะเป็นการช่วยให้สารดังกล่าวมีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่ทำจากมะเขือเทศ เช่น ซอสมะเขือเทศ เป็นต้น ก็มีคุณสมบัติในการปกป้องผิวจากอันตรายของแสงแดดได้เช่นกัน

            2. แตงโม มีคุณสมบัติในการปกป้องผิวจากแสงแดดเช่นกัน เนื่องจากมีสารไลโคพีนอยู่เป็นจำนวนมาก

3. แครอท มีคุณสมบัติในการช่วยลดสิวบนใบหน้าให้น้อยลง เนื่องจากมีส่วนประกอบของวิตามินเอที่สูงมาก ซึ่งจะทำหน้าที่ในลดจำนวนเซลล์ผิวใหม่ชั้นนอกที่ถูกผลิตขึ้นมาจนเกินความจำเป็น ทำให้ไม่เกิดการสะสมตัวของเซลล์ผิวหนังชั้นเก่า จนเกิดการอุดตันต่อมไขมัน และนำไปสู่การเกิดสิวอุกตันในที่สุด

            4. ปลาทูน่า มีคุณสมบัติในการช่วยทำให้ผิวกระชับเต่งตึงมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีส่วนประกอบของสารซีลีเนียม ที่จะช่วยในการปกป้องผิว และเสริมอิลาสตินใต้ผิวหนัง นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติเป็นแอนติออกซิเดนท์ ที่จะช่วยในการปกป้องผิวจากรังสียูวีได้อีกด้วย

5. เม็ดทานตะวัน มีคุณสมบัติในการช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น ไม่หยาบกร้าน ลดเลือนริ้วรอย และลดอาการระคายเคือง อักเสบ และลดอาการบวมแดงของผิวหนังได้อีกด้วย เนื่องจากมีส่วนประกอบของโอเมก้า 3

6. ส้ม มีคุณสมบัติในการช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใสดูอ่อนกว่าวัย เนื่องจากมีส่วนประกอบของสารต่อต้านอนุมูลอิสระอยู่เป็นจำนวนมาก

7. กีวี่ มีคุณสมบัติในการช่วยทำให้ผิวมีความกระชับมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีวิตามินซี ที่มีผลต่อการผลิตคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง

8. โยเกิร์ต มีคุณสมบัติในการช่วยทำให้ผิวสดใส เนื่องจากโยเกิร์ตจะช่วยในการขับถ่าย ทำให้ไม่เกิดอาการท้องผูก ซึ่งเป็นการสะสมของเสียเอาไว้ภายในร่างกายจนทำให้ผิวเกิดความหมองคล้ำขึ้น

            9. ผักโขม มีคุณสมบัติในการช่วยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งและมีสุขภาพที่ดี เนื่องจากมีส่วนประกอบของธาตุเหล็กอยู่เป็นจำนวนมาก

10. อโวคาโด มีคุณสมบัติในการบำรุงผิว เนื่องจากมีส่วนประกอบของวิตามินอี เป็นจำนวนมาก

11. ชาเขียว มีคุณสมบัติในการช่วยปรับสมดุลของผิว ไม่ให้เกิดความมัน ไม่แห้งง่ายจนเกินไป และเปล่งปลั่งมากยิ่งขึ้น เนื่องจากในชาเขียวนั้น มีส่วนประกบของสารต่อต้านอนุมูลอิสระอยู่เป็นจำนวนมาก แต่มีข้อควรระวังคือไม่ควรเติมนมลงไปในชาเขียว เพราะจะเป็นการทำลายคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระของชาเขียว

12. นมถั่วเหลือง มีคุณสมบัติในการบำรุงผิวพรรณ เนื่องจากมีส่วนประกอบของไอโซเฟลโวน ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระประเภทหนึ่ง

13. ข้าวโอ๊ต มีคุณสมบัติในช่วยเพิ่มการผลิตคอลลาเจน ทำให้ผิวหนังเต่งตึง สดใส ไม่เหี่ยวย่น เนื่องจากมีสารแอนตี้ออกซิเด้นท์ และสารเบต้ากลูแคน ที่สามารถช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

            14. กุ้ง มีคุณสมบัติในช่วยทำให้สุขภาพของผิวแข็งแรงมากขึ้น เนื่องจากอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก และสังกะสี

            15. พริกหวาน มีคุณสมบัติในการช่วยป้องกันผิวจากแสงแดด และทำให้สุขภาพของผิวมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ด้วยการเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง เนื่องจากพริกหวานนั้นมีวิตามินซีอยู่เป็นจำนวนมาก

16. เห็ดหอม มีคุณสมบัติในการต้านความชรา และช่วยต้านการอักเสบ ปรับผิวให้กระจ่างใสมากยิ่งขึ้น เนื่องจากในเห็ดหอมนั้น มีส่วนประกอบของวิตามินบี 12 วิตามินดี ซิลิเนียม และทองแดง

            อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำให้คุณสาวๆ พยายามทำการรับประทานอาหารเหล่านี้หมุนเวียนสลับกันไปมา เพราะถ้าหากมัวแต่ทุ่มเทรับประทานอาหารที่แนะนำไปเพียงชนิดเดียวซ้ำๆ ผลลัพธ์ที่จะ หน้าใส จะกลายเป็น หน้าเสีย เนื่องจาก การสะสมของสารบางชนิดซ้ำๆ ในร่างกายที่มากจนเกินไป แล้วเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนนะจ๊ะ!!

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ครีมกันแดดทาหน้ายี่ห้อไหนดี เรามีคำตอบ

ก่อนที่จะต้องออกไปเผชิญหน้ากับแสงแดดแรงๆ ในแต่ละวัน “ครีมกันแดด” ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะขาดไปเสียไม่ได้ ในการช่วยปกป้องผิวหนัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่รังสีจากแสงแดดทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น แค่ก้าวออกไปข้างนอกในตอนกลางวันเพียงไม่นาน ผิวของเราก็พร้อมที่จะถูกทำร้ายให้ไหม้เกรียม คล้ำเสีย หม่นหมอง แถมยังก่อให้เกิดโรคร้ายอย่างมะเร็งผิวหนังขึ้นมา โดยที่เราไม่ทันรู้ตัว

เมื่อพูดถึงการเลือกครีมกันแดด หลายๆ คนอาจจะคิดว่า ใช้ครีมยี่ห้อไหนก็ได้ ทาๆ ไปก่อนต้องออกไปเจอกับแสงแดดก็สามารถปกป้องผิวได้เหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าหากต้องการที่จะปกป้องผิวจริงๆ การเลือกซื้อครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ถือเป็นเรื่องที่สำคัญและละเอียดอ่อนมากกว่าที่คิด

รังสียูวี UVA และ UVB คืออะไร เหมาะกับครีมกันแดดแบบไหน

รังสี UV คือ รังสีคลื่นความถี่สั้น ซึ่งมีพลังงานมากที่สุดในบรรดารังสีที่ส่องออกมาจากดวงอาทิตย์ มายังพื้นโลก โดยในรังสี UV จะมีการแบ่งออกเป็นรังสี UVA และ UVB อย่างไรก็ตามต้องระวังว่า ความไวของผิวหนังต่อรังสี UV ของผู้ชายมีมากกว่าผู้หญิง ดังนั้นอัตราความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งผิวหนังของผู้ชายจึงมากกว่า

รังสี UVA เป็นรังสีที่มีช่วงคลื่นยาว พลังงานต่ำ ส่งผลต่อคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้เซลล์ผิวเสียหาย กลายเป็นสีคล้ำแดง ซึ่งทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่น

ครีมกันแดดที่สามารถปกป้องผิวจากรังสี UVA

หากต้องการปกป้องผิวจากรังสี UVA ในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด ควรเลือกโดยพิจารณาจากค่า PA และเครื่องหมาย + เป็นตัวบอกว่า ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดดังกล่าว สามารถปกป้องผิวจากรังสี UVA ได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งเมื่อต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งนานๆ ควรจะเลือกครีมกันแดดที่มีค่า PA++ ขึ้นไป

รังสี UVB เป็นรังสีที่มีช่วงคลื่นสั้น พลังงานสูง ทำให้ผิวหนังไหม้ บวมแดง คล้ำแดด เป็นสาเหตุของการเกิดฝ้า กระ ความแห้งกร้านของผิว และหากได้รับรังสีในระยะเวลานานอาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง

ครีมกันแดดที่สามารถปกป้องผิวจากรังสี UVB

หากต้องการปกป้องผิวจากรังสี UVB ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด โดยพิจารณาจากค่า SPF หรือ Sun Protection Factor ซึ่งเป็นค่าที่ได้รับการรับรองเป็นมาตรฐานโดยยุโรป และอเมริกา โดยจะสามารถปกป้องรังสี UVB ได้มากหรือน้อย และนานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับตัวเลขหลังค่า SPF โดยเทียบกับผิวโดยปกติ ที่ไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด

ประเภทของครีมกันแดด

ในปัจจุบัน ครีมกันแดดมีอยู่ 3 ประเภท ดังต่อไปนี้

1. Chemical Sunscreen เป็นครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารเคมี ที่ทำหน้าที่ปกป้องผิวจากแสงแดด โดยทำการดูดรังสีแสงแดดเข้าไปไว้ใต้ผิว หลังจากโดดแดดสักพักสารเคมีจะเสื่อมสภาพ ทำให้จำเป็นต้องทาครีมกันแดดทุกๆ 2-3 ชั่วโมง

2. Physical Sunscreen เป็นครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารที่สะท้อนรังสร UVA และ UVB ออกไปผิวหนัง โดยสารกันแดดจะทำการเคลือบบนผิวหนังชั้นบน ทำให้มีการดูดซึมลงสู่ผิวน้อย

3. แบบผสม Chemical- Physical Sunscreen เป็นการเสริมข้อดี และลดข้อด้อยของครีมกันแดดทั้ง 2 ประเภทแรก พร้อมกับเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดร่วมกัน/span>

 

สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ เมื่อต้องเลือกซื้อครีมกันแดด

เอาล่ะ มาดูกันดีกว่า ว่าเมื่อต้องเลือกครีมกันแดด เราต้องพิจารณาในเรื่องอะไรกันบ้าง?

1. ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสีผิว เพราะความเข้มของสีผิว จะเป็นตัวช่วยป้องกันผิวจากแสงแดดในระดับหนึ่ง คนที่มีผิวขาวจะมีความไวต่อแสงมากกว่าคนที่มีสีเข้ม ดังนั้นควรเลือกผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดที่เหมาะสมกับตัวเอง

  • ผิวขาวแบบชาวยุโรป เป็นผิวที่มีความบางมาก ทำให้ผิวไหม้ง่ายมากหลังจากสัมผัสกับแสงแดด สำหรับคนที่มีผิวในลักษณะดังกล่าว ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ เช่น SPF 40-60
  • ผิวขาวอมชมพูแบบคนเอเชีย เป็นผิวที่มีความบอบบางมาก ทำให้ผิวไหม้ได้ไว ถ้าหากไม่ระวังผิวอาจเปลี่ยนเป็นสีแทนง่ายๆ ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ค่อนข้างสูง เช่น SPF 30-45
  • ผิวขาวเหลืองแบบคนเอเชีย ผิวลักษณะดังกล่าวบอบาง แต่ยังมีเมลานินอยู่บ้าง จึงยังสามารถทนต่อแสงแดดได้ดีกว่าผิว 2 ชนิด แรก ซึ่งควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ในระดับปานกลาง เช่น SPF 30
  • ผิวคล้ำ เป็นผิวที่มีเมลานินสูง จึงสามารถเลือกใช้ครีมกันแดดที่ค่า SPF ต่ำ เพียงแค่ SPF 15 ก็เพียงพอแล้ว

2. ครีมกันแดดที่ดีจะต้องสามารถปกป้องผิวได้จากทั้งรังสี UVA และ UVB ครีมกันแดดบางยี่ห้อ สารถปกป้องผิวได้จากรังสีเพียงชนิดเดียวเท่านั้น

3. เลือกครีมกันแดดให้เหมาะสมกับกิจกรรม ถ้าเป็นกิจกรรมที่ต้องออกกำลังกายกลางแจ้ง มีเหงื่อ หรือทำงานกลางแดด ต้องเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF ที่สูง และสามารถป้องกันน้ำได้ (Water Resistance) เพราะเวลาที่มีเหงื่อออก ครีมกันแดดจะไม่หลุดออก แต่ถ้าหากต้องว่ายน้ำ ให้เลือกครีมประเภททนน้ำ (Waterproof) และควรทาครีมซ้ำอีกครั้งหลังจากที่ว่ายน้ำเสร็จ

4. เลือกใช้ครีมกันแดดที่เหมาะกับสภาพผิว เนื่องจากสภาพผิวของคนเราไม่เหมือนกัน

  • คนที่มีผิวมัน ก็ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีลักษณะเป็นเจล หรือโลชั่น เพื่อไม่ให้ผิวหน้าเยิ้มระหว่างวัน
  • สำหรับคนผิวธรรมดา ควรเลือกใช้ครีมกันแดดครีมกันแดดในรูปแบบครีมได้ตามปกติ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวและปกป้องแสงแดด
  • ผิวแห้ง ควรใช้ครีมกันแดดที่มีความเข้มข้นสูงสักหน่อย และเป็นประเภทเนื้อครีมเพื่อช่วยลดการสูญเสียน้ำใต้ผิวหนัง และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้นานขึ้น ควรมีส่วนผสมของแอลกอฮอลล์
  • ผิวแพ้ง่ายหรือเป็นสิว ควรใช้ครีมกันแดดประเภทเจล หรือโลชั่น เพื่อให้ครีมสามารถซึมผ่านผิวได้โดยง่าย และไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ และไม่ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF ที่สูงมากจนเกินไป เพราะมีส่วนผสมของสารเคมีที่มาก ทำให้มีโอกาสที่แพ้มากตามไปด้วย

 

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.