Review: ซาเวียร์ ลิปติ้งเซรั่ม เคล็ดลับแห่งความอ่อนเยาว์ในราคาที่สัมผัสได้

            หากกล่าวถึงวิธีการลดเลือนริ้วรอย ยกกระชับใบหน้าให้กลับมาแลดูอ่อนโยน ขาวเนียนสดใสอย่างรวดเร็ว หนึ่งในทางเลือกที่ดีที่สุดของคุณสาวๆคือ การใช้เซรั่มที่ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพในการบำรุงผิวพรรณที่เข้มข้นมากที่สุด อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะใช้เซรั่มที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และราคาแพงมากที่สุดในปัจจุบัน คุณคิดว่าจะต้องใช้เวลานานมากเพียงใดหลังการใช้ จึงจะสามารถเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน
1 เดือน… 7 วัน… หรือ 1 วัน….
 แต่ถ้าเรากำลังจะบอกกับคุณว่า ณ ปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์เซรั่มเนื้อเข้มข้น สำหรับบำรุงผิวได้อย่างง่ายๆในขั้นตอนเดียว ที่สามารถช่วยเนรมิตลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า พร้อมกับย้อนคืนความกระชับเต่งตึงให้ผิวของคุณกลับมาแลดูอ่อนเยาว์ ลดริ้วรอยใต้ตาหรือบนผิวบอบบางถึง 74% ภายในระยะเวลาเพียง 1 ชั่วโมง พร้อมกับย้อนวัยอายุเซลล์ของผิวหน้าได้ถึง 6 ปี เพียง 4 สัปดาห์ ในราคาที่ไม่แพง คุณสาวๆหลายๆคนอาจจะมองว่าเป็นเพียงแค่คำโฆษณาชักชวนผู้บริโภคเสียมากกว่า แต่ถ้าหากเราจะบอกว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพรรณน้องใหม่อย่าง ซาเวียร์ ลิปติ้งเซรั่ม สามารถทำแบบนั้นได้จริงๆล่ะ คุณจะเชื่อหรือเปล่า?

ซาเวียร์ ลิปติ้งเซรั่ม คืออะไร
 ซาเวียร์ ลิปติ้งเซรั่ม หรือ Xavier Lifting Serum เป็นนวัตกรรมด้านความงามแบบใหม่ที่ล้ำยุคในรูปแบบของเซรั่มบำรุงผิว ที่จะช่วยลดเลือน และคืนความอ่อนเยาว์ เผยผิวขาวสดใสให้กับผิวพรรณได้อย่างรวดเร็ว ด้วยสารสกัดอันทรงคุณค่าจากธรรมชาติล้วนๆมากถึง 20 ชนิด ที่ผ่านการบรรจงคัดสรร  อัดแน่นด้วยคุณค่าความเข้มข้นในการบำรุงผิวทุกหยด โดยไร้ซึ่งการผสมน้ำ สารทำละลายเจือปน  

จุดเด่นของผลิตภัณ์ซาเวียร์ ลิปติ้งเซรั่ม
ซาเวียร์ ลิปติ้งเซรั่ม ได้ทำการผสมผสานเข้ากับที่สุดของเทคโนโลยีใหม่แห่งการบำรุงผิวพรรณ “นาโนสไปเดอร์เน็ท” สารสกัดขั้นสูง ที่ช่วยทำให้สารสกัดสูตรเข้มข้นภายในเนื้อเซรั่ม สามารถแผ่กระจายอย่างเบาบางซึมลึกลงสู่ชั้นผิวลึกเพื่อเสริมสร้าง ถักทอ โครงสร้างของผิวทั่วใบหน้าให้กลับมากระชับเต่งตึง ราวกับใยแมงมุมได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพอย่างสูงสุด โดยใช้เนื้อเซรั่มในปริมาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
จากการค้นคว้าวิจัยและทดสอบร่วมกับสถาบันวิจัยชั้นนำทั้งในประเทศฝรั่งเศส และประเทศสวิสเซอร์แลน ทั้งในการทดสอบกับเซลล์ในห้องทดลอง และการทดสอบกับอาสาสมัครกว่า 300 คน ในบริเวณรอบดวงตา ซึ่งเป็นส่วนที่สามารถสังเกตเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนมากที่สุด ผลการทดสอบซาเวียร์ ลิปติ้งเซรั่ม สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตา อย่างเห็นได้ชัดมากถึง 74% ในระยะเวลาเพียง 1 ชั่วโมง และสามารถลดอายุผิวให้น้อยลงได้มากถึง 6 ปี ในเวลาเพียง 4 สัปดาห์
 ด้วยคุณสมบัติในการบำรุงผิวพรรณที่ส่งผลอย่างรวดเร็ว ทำให้คุณสาวๆไม่จำเป็นที่จะต้องอดทนรอผลลัพธ์อย่างยาวนานอีกต่อไป เพียงขวดเดียว ในระยะเวลาเพียง 1 ชั่วโมง หลังการใช้ ผิวของคุณสามารถแลดูย้อนเวลากลับไปสู่ความอ่อนเยาว์ได้อย่างรวดเร็วจนน่ามหัศจรรย์ด้วย ซาเวียร์ ลิปติ้งเซรั่ม กับสุดยอดคุณสมบัติในการช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ สิว ริ้วรอย กระ ฝ้า ได้อย่างมีประสิทธิภาพเหนือกว่า Astaxantine ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็นสุดยอดแห่งสารต่อต้านอนุมูลอิสระหลายเท่า ซึ่งหากกล่าวโดยสรุปแล้ว ผลิตภัณฑ์ซาเวียร์ ลิปติ้งเซรั่ม จะมีคุณสมบัติในการฟื้นฟู ดูแลผิวพรรณได้มาก 12 ประการ ดังต่อไปนี้

คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ ซาเวียร์ ลิปติ้งเซรั่ม
            1.ย้อนคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวมากถึง 6 ปี ผิวจึงดูสดใส เรียบเนียน และนุ่มมากขึ้น
            2.ชะลอกระบวนการแก่ตัวของเซลล์ผิวให้น้อยลง
            3.ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย และร่องลึกบริเวณรอบดวงตาให้น้อยลงอย่างชัดเจน
            4.คืนความชุ่มชื้น และลดความหยาบกร้านของผิว ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด
            5.ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ที่เต็มไปด้วยความสดใสมากกว่าเดิม
            6.ลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเซลล์ผิว จากมลภาวะและแสงแดดในชีวิตประจำวัน
            7.ต่อต้านการเปลี่ยนสีผิวให้เข้มขึ้นซึ่งเกิดขึ้นจากปฏิกิริยาเอนไซม์กับออกซิเจนในชั้นผิว ด้วยการกระตุ้นการทำงานของ Proteasome
            8.ช่วยลดความเครียดของผิว ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดริ้วรอย
            9.ช่วยลดฝ้า ลดการเกิดเม็ดสีเมลานิลส่วนเกินในชั้นผิวให้น้อยลง
           10.กระชับรูขุมขนที่กว้างให้เล็กลง
           11.เพิ่มความกระชับเต่งตึงให้กับผิวหน้าอย่างล้ำลึกยาวนาน
12.ลดอาการแพ้ หรืออาการระคายเคืองให้น้อยลง จึงเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว
 จากนวัตกรรมด้านความงามที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร และแนวคิดที่ใส่ใจต่อผู้บริโภค ด้วยผลงานการวิจัยระดับโลก กับครั้งแรกของการเปิดตัวที่สุดแห่งเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ที่ยังไม่เคยมีมาก่อนในวงการเสริมความงามของโลก ทำให้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวซาเวียร์ ลิปติ้งเซรั่ม ถือเป็นหนึ่งในน้องใหม่แห่งวงการบำรุงผิวพรรณที่คุณสาวๆไม่ควรพลาดเลยทีเดียว

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

สบู่ไข่ขาวสวีเดน เผยผิวหน้ากระจ่างใสอย่างธรรมชาติ

            ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าออกมาจำหน่ายกันอย่างมากมาย ทั้งแบบโฟม สบู่ หรือในรูปแบบเจลล้างหน้า ซึ่งมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป และคนจำนวนมากมักหลงใหลไปกับโฆษณาชวนเชื่อ จริงๆแล้วของจะดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าตอนใช้จริงมันเห็นผลอย่างที่โม้ไว้มากแค่ไหนเท่านั้นเอง วันนี้เราจึงนำผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เรียกกันว่า “สบู่ไข่ขาวสวีเดน” มาให้ท่านผู้อ่านได้ลองหาซื้อไปใช้กัน เพราะราคาไม่แพง และมีประวัติมาอย่างช้านาน ที่สำคัญเป็นสบู่ที่อ่อนโยน ไม่ทำร้ายผิวหน้า และด้วยผลตอบรับที่ดีจากผู้ใช้จริง เราจึงต้องนำมาบอกต่อ

สบู่ไข่ขาวสวีเดนคืออะไร
  สบู่ไข่ขาวสวีเดน (Sweden Egg Pack Lanolin Egg White Soap) มีที่มาจากการที่สำนักพระราชวังสวีเดน ได้ออกการรับรองโดยมีการออกใบ Certificate เพื่อรับรองอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และได้รับการยอมรับในฐานะสบู่แห่งราชวงศ์สวีเดน เป็นที่มาของชื่อสบู่ Victoria Soap ซึ่งได้รับความนิยมมากในกลุ่มคนชั้นสูงของประเทศสวีเดนตั้งแต่ ปี 1905 ที่สำคัญคือสบู่ทุกก้อนจะมีประทับตราภาษาสวีดิช ที่ต้องถูกบีบอัดด้วยมือในแม่พิมพ์โบราณจวบจนปัจจุบัน
 สูตรของสบู่ไข่ขาวสวีเดน มีการใช้มานับร้อยปีและมียอดขายสูงสุด ไม่เพียงแค่ในประเทศสวีเดน แต่ยังสร้างรายได้มหาศาลในต่างแดน ได้แก่ เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน และมาเลเซีย ด้วยคุณสมบัติสุดพิเศษจึงไม่แปลกที่จะได้รับความนิยมแบบถล่มทลาย ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า โดยเฉพาะในเว็ป Shopping ชื่อดังของเกาหลี และแน่นอนสบู่ไข่ขาวสวีเดนได้เข้ามาเป็นสบู่ล้างหน้ายอดฮิตในประเทศไทยแล้ว

สรรพคุณของสบู่ไข่ขาวสวีเดน
 เนื่องจากเป็นสบู่ที่ทำจากไข่ขาว จึงมีโปรตีนที่ช่วยกระชับรูขุมขน ปรับสภาพผิวให้เนียบเรียบ ลดความหยาบกร้าน สามารถทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างหมดจด เผยผิวกระจ่างใสอย่าเป็นธรรมชาติ ควบคุมความมันบนใบหน้าได้ดี มีมอยเจอร์ไรเซอร์ช่วยรักษาน้ำหล่อเลี้ยงผิวให้ชุ่มชื้น มีน้ำมีนวล ผิวหน้าแลดูกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หากใช้เป็นประจำ โดยจะปกป้องผิวจากมลภาวะ ทั้งอากาศที่แห้ง และแสงแดดแสนรุนแรง ลดปัญหาสิวหัววดำ สิวอุดตัน รวมถึงสิวเสี้ยน ทั้งยังมีกลิ่นหอมจากน้ำกุหลาบ ที่มีคุณสมบัติในการสร้างความหอม ให้เกิดความผ่อนคลาย
เนื่องจากสบู่ไข่ขาวมีการใช้จริงอย่างแพร่หลายในบ้านเรา จึงมีการออกมารีวิวเจ้าผลิตภัณฑ์สบู่ไข่ขาวตัวนี้กันมากมาย และนี่คือหนึ่งในความคิดเห็นหลังจากใช้ล้างหน้าแล้วได้ผลดีจนต้องบอกต่อ “หลังใช้เจ้าสบู่ไข่ขาวนี่แล้วเราจะสังเกตุได้ว่าผิวดูกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น จากที่กร้านๆ แลดูอิ่มมากยิ่งขึ้น เท๊กเจอร์ของผิวดูละเอียดมากขึน แสดงว่าโปรตีนจากไข่ขาวในสบู่สวีเดนอันนี้สามารถทำให้เราได้รู้ว่า”สามารถกระชับรูขุมขนได้จริง แต่ที่สำคัญหลังล้างหน้าแล้วรู้สึกไม่แห้งตึงจนเกินไป เหมือนในผิวก็ยังมีความชุ่มชื่นหลงเหลืออยู่ เป็นเพราะลาโนลินที่ช่วยเก็บความชุ่มชื่นไว้ภายในผิวได้บ้างโดยไม่ถูกชำระล้างออกไปทั้งหมด”

ส่วนประกอบหลักของสบู่ไข่ขาวสวีเดิน
             1.โปรตีนจากไข่ขาว มีส่วนช่วยในการกระชับรูขุมขน คอยยังปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน ดูดซับความมันบนใบหน้า ให้ผิวหน้าเนียนนุ่มน่าสัมผัส
             2.น้ำกุหลาบ กลิ่นหอมอ่อนๆ ช่วยในการสร้างความผ่อนคลายให้ผิวและยังช่วยกระชับผิวให้เต่งตึง
             3.ลาโนลิน (น้ำมันจากขนแกะ) อุดมไปด้วยกลีเซอลีน ถือเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์อย่างดีที่ ช่วยรักษาความชุ่มชื่นของใบหน้า ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ และแสงแดด
  อย่างไรก็ดี มีผลิตภัณฑ์สบู่ไข่ขาวสวีเดนของปลอม ที่ลอกเลียนแบบของแท้ออกจำหน่ายตามร้านค้าออนไลน์ แต่ยังไม่เนียนเท่าของจริง โดยให้สังเกตข้างกล่องหรือบรรจุภัณฑ์ก่อนว่ามีฉลาก อย.รับรองหรือไม่ และมีข้อสังเกตอีกคือ ด้านข้างกล่องซ้ายขวา ต้องระบุว่า “EGGWHITE Facial Care Made in SWEDEN” และเมื่อเปิดกล่องออก สบู่ไข่ขาวของแท้จะไม่ห่อพลาสติกไว้อีกชั้น จะเป็นสบู่สีขาวเนียนสวย ไม่หยาบ บล็อคสบู่แน่นชัดเจนไม่บิดเบี้ยว ตัวหนังสือคมชัด ที่ต้องให้ระวังเรื่องของแท้ของปลอมเป็นพิเศษ เนื่องจากหากใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือรุนแรงเกินไปบนใบหน้าแสนบอบบางของเรา อาจทำให้หน้าพังเอาได้ง่ายๆ ฉะนั้น ต้องสังเกตุดูให้ดี

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง คุณค่าจากธรรมชาติสู่ผิวพรรณ

            “บำรุง ปกป้อง และดูแลผิวจากมลภาวะ ด้วยส่วนผสมที่คัดสรรมาอย่างดีจากพืชออร์แกนิคเกาหลี อุดมด้วยคุณค่าสารสกัดบริสุทธิ์จากธรรมชาติ”
ประโยคข้างต้นเป็นการอธิบายสรรพคุณไว้อย่างคร่าวๆ ของผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้ ซึ่งเจ้าผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง คือเครื่องสำอางค์ดูแลผิวหน้าที่นำเข้ามาจากประเทศเกาหลี สามารถจัดการกับทุกปัญหาบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นสิว ปัญหารูขุมขนกว้าง และริ้วรอยหมองคล้ำต่างๆ เหตุใดมันถึงมีสรรพคุณแสนวิเศษ และเป็นที่ฮอตฮิตได้มากขนาดนี้ เรามาทำความรู้จักกับ ผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง ไปพร้อมๆกัน

ผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง คืออะไร
 ผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง หรือ Dr.young มาจากสองคำรวมกันคือ Doctor+Young โดยคำว่า “Doctor” หมายถึงผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ผิวหนัง แพทย์ผิวหนัง ศัลยแพทย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโอเรียนเต็ล เคมียา และวัสดุนักวิทยาศาสตร์ ส่วนคำว่า “Young” มาจากความฝันของทุกคนที่อยากจะคงความหนุ่มสาว และมีผิวสุขภาพดีอยู่เสมอ
  ผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง เป็นทางเลือกที่เหมาะสมในการแก้ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด สร้างความเชื่อมั่นในตัวเองให้กลับมาอีกครั้ง โดยเชื่อว่าปัญหาเรื่องผิวพรรณไม่สามารถแก้ได้ที่ปลายเหตุ แต่ต้องแก้จากต้นเหตุ ซึ่งผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง เป็นมิตรต่อผิวพรรณ ไม่ทำให้ระคายเคือง เพราะมีแหล่งกำเนิดมาจากวัตถุดิบที่เป็นส่วนผสมของธรรมชาติ จึงสามารถแก้ปัญหา ฟื้นฟูสภาพผิวให้มีสุขภาพดีขึ้นจากภายใน สามารถอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือ
         No ไม่มีส่วนผสมของ Animal-origin และ Mineral oil
         Low มีสาร Preservative หรือสารกันเสียในเครื่องสำอางค์ อยู่ในระดับที่ปลอดภัย
         High ใช้ส่วนผสมจากวัตถุดิบออแกนิก Botanical oil น้ำมันที่สกัดจากพืช และน้ำแร่ธรรมชาติ
นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง ยังได้รับการการันตีคุณภาพจากองค์การอาหารและยาในประเทศเกาหลี และประเทศไทยอีกแล้ว ยังได้รับการรับรองจากสถาบัน ECOCERT® ซึ่งเป็นที่ยอมรับสูงสุดในวงการเครื่องสำอาง

ไม่เพียงแค่นั้น ผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง ได้รับเกียรติจาก “Jang Yoon Hee” Miss Korea ปี 2008 ที่เธอเป็นผู้ใช้ผลิตภัณฑ์จาก ดร.ยังจริง และพบกับความงามที่ช่วยให้เธอเปล่งประกาย นำมาซึ่งตำแหน่ง Miss Korea นั่นเอง ที่สำคัญ Jang Yoon Hee ได้เป็น Brand Presenter และ Brand Endorser ของผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง เพื่อการันตีคุณภาพโดยไม่รับค่าตอบแทนใดๆ
ทั้งหมดทั้งมวลที่ได้กล่าวมา ส่งผลให้ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง มีตัวแทนจำหน่ายอยู่ในหลายประเทศ เช่น ฮ่องกง ไต้หวัน มาเลเซีย สิงค์โปร์ สหรัฐอเมริกา ฯลฯ และได้รับการรีวิวลงนิตยสารชั้นนำอีกมากมาย ซึ่งในปี 2012 ผลิตภัณ์ ดร.ยัง มียอดขายดีเป็นอันดับหนึ่งของประเทศเกาหลี รวมถึงผ่านการทดสอบและยืนยันโดยทีมแพทย์มาแล้วว่า ปลอดภัยไม่ก่อให้เกิดการแพ้ระคายเคือง
   ณ ตอนนี้ ผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง ที่ได้นำเข้ามาในบ้านเรา มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นโฟมล้างหน้า ครีมและเซรั่มบำรุงผิว แต้มสิว เจลบำรุงรอบดวงตา ฯลฯ และขอบอกเลยว่าผลิตภัณฑ์ต่างๆมีผลตอบรับจากพี่น้องชาวไทยเป็นอย่างดี แม้จะเป็นสินค้าที่นำเข้าจากเกาหลีระดับพรีเมี่ยม แต่ยอดการสั่งซื้อก็ถล่มทลาย สังเกตได้จากการตามเว็บขายผลิตภัณฑ์เสริมความงามต่างๆ มีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง กันเป็นจำนวนมาก เหตุผลง่ายๆก็คือ ใช้แล้วดี ใช้แล้วเห็นผลชัดนั่นเอง

ข้อดีของการใช้ผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง
1.เนื่องจากใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ จึงไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผิว มีการคัดกรองวัตถุดิบในทุกขั้นตอน ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพมาตรฐานอย่างที่หลายสถาบันให้การยอมรับ ที่สำคัญเป็นการคืนความสมดุลธรรมชาติให้แก่ผิว
2.เหมาะกับทุกสภาพผิว ทั้งผิวแห้ง ผิวมัน หรือผู้ที่มีปัญหาผิวมีริ้วรอย ไม่เรียบเนียน โดยผลิตภัณฑ์ ดร.ยัง จะช่วยฟื้นฟูสภาพให้มีสุขภาพดีมากจากภายใน ซึบซาบไปสู่ชั้นผิวลึก ไม่ทำร้ายผิว โดยเน้นในการแก้ปัญหาผิวตามธรรมชาติให้ทำงานได้ดีขึ้น
3.เป็นผลิตภัณฑ์มาตรฐาน จาก อย.ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงสถาบันด้านความงาม ไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น แม้จะต้องแลกไปกับราคาที่สูงขึ้นในระดับพีเมี่ยม แต่เมื่อเปรียบเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้แล้วย่อมคุ้มค่า

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

‘โบท็อก’ วิธีทำหน้าเป๊ะแบบไม่ต้องพึ่งศัลย์

            การฉีดโบท็อกกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะในแวดวงดารา พริตตี้ ที่ต้องทำให้หน้าเป๊ะอยู่ตลอดเวลา ต่างก็ใช้โบท็อกเป็นตัวช่วยเสริมให้ตัวเองดูดีแบบทุกองศากันทั้งนั้น เหตุผลง่ายๆก็คือโบท็อกไม่ใช่การทำศัลยกรรมที่ต้องพักฟื้นเป็นเวลานาน ทั้งยังมีค่าใช้จ่ายที่ไม่ทำให้กระเป๋าตังค์ฉีก
และเมื่อคนเด่งคนดังฉีดโบท็อกกัน หนุ่มๆสาวๆที่อยากหน้าสวยเป๊ะจึงเอากับเขาบ้าง ต่างสรรหาคลินิคเพื่อไปฉีดโบท็อกกันจ้าละหวั่น วันนี้เรามาทำความรู้จักกับการฉีดโบท็อกกันให้มากขึ้น เพื่อเป็นตัวเลือกในการตัดสินของผู้ที่ต้องการหล่อสวยแบบทันใจ ไม่ต้องพึ่งศัลย์

โบท็อกคืออะไร
 โบท็อก เป็นชื่อทางการค้ามีชื่อเต็มๆว่า “Botulinin Toxin” ซึ่งเป็นสารโปรตีนที่สกัดมาจากแบคทีเรียชนิดหนึ่ง คือ คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium Botulinum) ที่ก่อให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษแก่มนุษย์ หากได้รับในปริมาณมากๆ เช่น จากอาหารกระป๋องที่ปนเปื้อนเชื้อตัวนี้ ก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้จากการที่กล้ามเนื้อกระบังลมไม่ทำงาน
แต่ในทางการแพทย์เป็นที่ทราบกันดีว่าโบท็อก คือสารจากธรรมชาติที่เป็นโปรตีนบริสุทธิ์ ที่แม้จะสกัดจากแบคทีเรีย แต่ก็สามารถสร้างประโยชน์ทางการแพทย์ได้ โดยยุคแรกๆ จักษุแพทย์จึงนำโบทูลินั่มท็อกซิน มาฉีดรักษาโรคตาเหล่ ตาเข และโดยบังเอิญทำให้แพทย์พบว่าริ้วรอยบริเวณใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก หว่างคิ้ว และรอบดวงตาดีขึ้นด้วย ซึ่งพบกว่าสารโบท็อกออกฤทธิ์ยับยั้งการนำกระแสประสาทที่ส่งมายังกล้ามเนื้อบริเวณนั้น ทำให้กล้ามเนื้อทำงานลดลง เกิดการคลายตัวผิวหนังด้านบนของกล้ามเนื้อ จึงเรียบและไม่มีรอยย่น ส่วนการทำงานด้านอื่นๆของเส้นประสาท เช่น การรับรู้ความรู้สึกต่างๆก็จะเป็นปกติ ซึ่งโบท็อกมีทั้งหมด 7 ชนิด ตั้งแต่ A-G แต่ชนิด A เป็นชนิดที่ออกฤทธิ์ได้ดีที่สุดในมนุษย์ การฉีดโบท็อกโดยทั่วไปที่ใช้ในแวดวงความงามจึงใช้ชนิด A เป็นสารฉีดเข้าสู่ร่างกาย

ประโยชน์จากโบท็อก
 นอกจากโบท็อกจะช่วยคลายกล้ามเนื้อให้หดตัวที่ส่งผลให้ริ้วรอยลดเลือน ที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ก็คือการใช้โบท็อกช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อบนใบหน้า โดยใช้เวลาไม่นาน เพียง 10 นาที หลังจากทำการรักษา กล้ามเนื้อจะรู้สึกผ่อนคลาย ร่องลึกจะเริ่มคลายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และเมื่อเวลาผ่านไปกล้ามเนื้อจะเล็กลง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงกล้ามเนื้อบนใบหน้า ช่วยให้โครงสร้างใบหน้าเปลี่ยนได้ เช่น กล้ามเนื้อบริเวณกรามมีขนาดใหญ่ ก็จะช่วยให้ใบหน้าดูเรียวยาวขึ้นใน 4 สัปดาห์ เนื่องจากโบท็อกไปลดการทำงานของกล้ามเนื้อ แต่จะอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน นอกจากนี้ คนที่มีภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ เช่น ฝ่ามือ ฝ่าเท้า รักแร้ ก็สามารถฉีดโบท็อกรักษาอาการได้ แต่จะอยู่ได้ประมาณ 6-10 เดือน

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังจากฉีดโบท็อก
 ผศ.พญ.รังสิมา วณิชภักดีเดชา แพทย์ประจำศูนย์เลเซอร์ผิวหนังและศัลยกรรมผิวหนัง ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลว่า หลังการฉีดโบท็อกซ์อาจเกิดปัญหาแทรกซ้อนได้ เช่น หนังตาบนตก คิ้วตก มุมปากตก รูปปากเบี้ยว รอยจ้ำเลือดในตำแหน่งที่ฉีดโบท็อก การเกิดภูมิต้านทานต่อโบท็อกซ์ และอาจพบอาการตาแห้งได้ ดังนั้นแพทย์ที่ใช้ควรมีความรู้ความเข้าใจทางเภสัชวิทยาของโบทูลินัม ท็อกซิน ควรรู้วิธีผสมยา การรักษาที่ถูกต้อง ที่สำคัญควรมีความรู้พื้นฐานทางกายวิภาคของกล้ามเนื้อแต่ละมัด ตลอดจนเทคนิคการรักษาที่ถูกต้อง เพื่อให้ผลการรักษาเกิดประโยชน์สูงสุดและมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด
เป็นอย่างไรกันบ้างกับความรู้คร่าวๆเกี่ยวกับโบท็อก หวังว่าคงเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจของหนุ่มสาวที่กำลังคิดจะฉีดโบท็อกได้ไม่มากก็น้อย ก่อนจากกันขอทิ้งท้ายด้วยบุคคลที่ห้ามฉีดโบท็อกโดยเด็ดขาด ดังต่อไป
1.ผู้มีประวัติภูมิแพ้อย่างรุนแรงต่อโบทูลินัม ท็อกซิน
2.หญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร
3.ผู้มีความผิดปกติของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
4.ผู้มีปัญหาเลือดออกง่ายผิดปกติ หรือกำลังกินยาที่มีผลทำให้เลือดออกแล้วหยุดยาก
5.ผู้ที่กำลังรักษาด้วยยาบางชนิดซึ่งมีผลต่อการออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

‘ครีมพิษผึ้ง’ ผลิตภัณฑ์กระชับผิวหน้าจากนิวซีแลนด์

            “ครีมพิษผึ้ง” เป็นครีมที่สามารถใช้ทั้งทาบำรุงและพอกผิวหน้าให้กระชับเต่งตึง ลดเลือนริ้วรอยก่อนวัย ที่มีส่วนผสมของพิษจากผึ้ง เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่ได้รับความนิยมในหมู่ดาราคนดังมานานหลายปีแล้ว โดยเฉพาะดาราฮอลลิวูด และท้ายที่สุดก็ได้เข้ามายังประเทศไทย โดยนักวิทยาศาสตร์พบว่า พิษจากเหล็กไนของผึ้งช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ซึ่งทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น และไม่คล้ำเสียง่าย วันนี้เราไปล้วงเบื้องลึกเบื้องหลังของเจ้าครีมพิษผึ้งกันว่ามีที่มากจากไหน แล้วมันใช้ได้ผลดีกับเราอย่างไร

การทำงานของครีมพิษผึ้ง
หลังจากมีการวิจัยมานานกว่า 12 ปี โดยเป็นผลงานของ ดร.ซัง มีฮัน นักวิทยาศาสตร์ชาวเกาหลี ซึ่งทำงานให้กับบริษัทเครื่องสำอางของนิวซีแลนด์ มานูกา ดอกเตอร์ โดยทางบริษัทอ้างว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดรองจากโบท็อกซ์ ทั้งนี้ ครีมพิษผึ้งจะออกฤทธิ์กระตุ้นอย่างแผ่วเบาต่อผิวหนัง ซึ่งจะลวงให้ร่างกายเข้าใจว่าถูกผึ้งต่อย เลือดจึงถูกส่งมาหล่อเลี้ยงบริเวณที่สัมผัสพิษ และกระตุ้นให้เกิดการผลิตคอลลาเจนกับอีลาสติน ซึ่งจะทำให้ผิวหนังกระชับเต่งตึงขึ้นโดยอัตโนมัต
ดร.ฮัน นักวิจัยของสถาบันวิทยาศาสตร์การเกษตรของเกาหลีใต้ ได้ตีพิมพ์ผลงานวิจัยที่ชี้ว่า พิษผึ้งยังช่วยกระตุ้นการผลิตเซลล์ที่เรียกว่า เคอราติโนไซต์ ซึ่งทำหน้าที่ในการป้องกันเชื้อแบคทีเรีย การสูญเสียน้ำ และปกป้องผิวเสียเสื่อมสภาพอันเนื่องมากจากแสงแดดอีกด้วย

เคอราติโนไซต์เป็นเซลล์ที่อยู่ส่วนบนสุดของผิวหนัง ซึ่งช่วยให้แลดูอ่อนเยาว์ แต่เมื่อเรามีอายุมากขึ้นจำนวนเซลล์จะลดน้อยลง ทำให้ผิวหนังลดความยืดหยุ่น และเกิดริ้วรอยและตีนกา พิษผึ้งบริสุทธิ์ช่วยเพิ่มจำนวนของเคอราติโนไซต์ ซึ่งจะช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นยิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ครีมพิษผึ้ง ยังมีส่วนผสมที่สำคัญ คือ Manuka Honey หรือน้ำผึ้งที่เก็บได้จากต้นพุ่มมานูก้าจากประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและแบคทีเรียที่เหนือกว่าน้ำผึ้งทั่วไป สามารถช่วยทำให้กระบวนการการผลัดเซลล์ผิวเป็นไปอย่างอ่อนโยน พร้อมทั้งปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆ ได้ดีอีกด้วย ทั้งนี้ Shea Butter ในตัวครีมพิษผึ้ง จะทำหน้าที่เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ช่วยกักเก็บน้ำให้ผิวเรียบเนียน นุ่ม และชุ่มชื่นอยู่ตลอดเวลา

กว่าจะได้พิษผึ้ง
การเก็บพิษจากผึ้งต้องใช้เครื่องมือพิเศษ ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อผึ้ง โดยใช้กระจกปิดที่ปากทางเข้าออกของรวงผึ้ง แล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆเข้าไป ผึ้งจะออกมาต่อยที่กระจก ซึ่งใช้ตัวเก็บพิษ เนื่องจากผึ้งต่อยที่พื้นผิวกระจกจึงต่อยไม่เข้า ท้องของมันจึงไม่มีเหล็กไนทะลุออกมา มันจึงไม่ตาย จากนั้นพิษจะถูกนำมาอบแห้ง แล้วเก็บเอาสิ่งเจือปนออก เช่น ดิน ฝุ่น เกสรดอกไม้ ท้ายที่สุดจึงนำมาผลิตเป็นครีมพิษผึ้งนั่นเอง

ข้อควรระวังจากครีมพิษผึ้ง
  ครีมพิษผึ้งเป็นผลิตภัณฑ์จากประเทศนิวซีแลนด์ จึงมีผู้สงสัยว่าครีมพิษผึ้งที่จำหน่ายกันในไทย มีแหล่งผลิตจากไหน วัตถุดิบมาจากที่ใด เจ้าหน้าที่จากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อ.ย.) ให้คำตอบว่า ครีมพิษผึ้งหรือบีวีโนมในรูปแบบวัตถุดิบ ไม่อนุญาติและไม่เคยได้รับอนุญาติให้นำเข้ามาในประเทศไทย จึงเป็นที่แน่นอนแล้วว่า หากผลิตภัณฑ์ครีมพิษผึ้งที่อ้างว่ามีวัตถุดิบมาจากบ้านเรา ฟันธงเลยว่าเป็นของปลอมชัวร์ ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรสอบถามแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้เสียก่อน เนื่องจากครีมพิษผึ้งห้ามใช้ในผู้ที่แพ้เหล็กในผึ้ง และห้ามทาบริเวณที่เป็นแผล เพราะอาจทำให้บวมพองได้
ทั้งนี้ ถ้ายังไม่แน่ใจว่าตนแพ้หรือไม่ ลองทาครีมพิษผึ้งในปริมาณเล็กน้อยบนส่วนใดส่วนหนึ่งบนใบหน้า ทิ้งไว้ 20 นาที หากผิวรู้สึกระคายเคืองให้หยุดใช้ทันที เพราะนั่นคือสัญญานบ่งบอกว่าท่านมีอาการแพ้ แต่โดยทั่วไปเมื่อใช้ครีมจะรู้สึกตึงๆหน้าก็ไม่ต้องตกใจ เนื่องจากครีมกำลังทำงานกับผิวหน้าของเราอยู่

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

บอกลาใบหน้าหมองคล้ำ ด้วยวิธีธรรมชาติ

            การมีผิวหน้าที่ดูขาวสม่ำเสมอ มีความสดใส ไร้สิว ไร้ริ้วรอย เป็นความใฝ่ฝันของใครหลายคน โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่มักประสบปัญหาใบหน้าหมองคล้ำได้ง่าย เนื่องจากผิวมีความอ่อนโยน ไวต่อแสงแดด ทำให้เกิดสิว ฝ้า กระ และริ้วรอยต่างๆ และเพื่อให้สาวๆที่มีใบหน้าหมองคล้ำกลับมาขาว สว่างกระจ่างใส ชุ่มชื้น มีออร่า ลองดูวิธีแบบธรรมชาติที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งตัวยาที่อาจเกิดผลข้างเคียง แต่ก่อนอื่นเราควรรู้สาเหตุหลักๆที่ทำให้ใบหน้าหมองคล้ำกันเสียก่อน

            1. แสงแดด แม้ว่าจะโดนแสงแดดเพียง 60 วินาที ก็อาจทำให้ใบหน้าหมอคล้ำได้ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนสาวๆ ว่าเซลล์ผิวเริ่มถูกทำลาย ให้รีบดูแลและปกป้องผิวก่อนที่จะโดนทำร้ายจนคล้ำเสียสะสม
            2.เครื่องสำอาง ไม่ว่าจะเป็นแป้ง บีบีครีม หรือครีมรองพื้น หากทาซ้ำบ่อยๆ โดยไม่ล้างทำความสะอาดช่วงเย็นก่อนเข้านอนให้ผิวได้พักและหายใจ จะสร้างการอุดตันให้ผิวเกิดสิวและใบหน้าหมองคล้ำในที่สุด
            3.รังสียูวี ประเทศแถบเส้นศูนย์สูตรอย่างเมืองไทย เสี่ยงกับการที่ผิวหน้าจะเผชิญกับรังสียูวีโดยตรง เนื่องจากเป็นโซนที่อยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์ และชั้นบรรยากาศช่วยกรองแสงได้น้อยกว่าประเทศแถบอื่น ทั้งนี้ คอมพิวเตอร์สามารถปล่อยรังสี UVA รวมไปถึงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าทำให้ใบหน้าหมองคล้ำได้ ผู้ที่อยู่กับคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ควรหลีกเลี่ยงด้วยกันพักจากหน้าจอบ้าง
          4.จุดด่างดำจากรอยสิว โดยจะยิ่งคล้ำเสียลงยิ่งกว่าเดิมหากโดนแสงแดดมากๆ เนื่องจากเซลล์ผิวเพิ่งฟื้นตัวจากการเกิดสิว ถ้าโดนทั้งรังสียูวีเอและยูวีบีมากๆ จะทำให้รอยแดงของสิวยิ่งคล้ำเสียและเป็นจุดด่างดำที่ชัดเจนขึ้น
            5.ความเครียด เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการเกิดใบหน้าหมองคล้ำ ไม่สดใส ทำให้ผิวผลิตเมลานินมากกว่าปกติอีกด้วย

วิธีจัดการปัญหาใบหน้าหมองคล้ำ
  1.ทาครีมกันแดด ควรเป็นสิ่งที่สาว ๆต้องมีติดกระเป๋าอยู่เสมอ เพราะหากต้องเผชิญกับแสงแดดจัดโดยไม่ได้วางแผนมาก่อนจะได้ใช้ให้ทันการ ยิ่งหากพึ่งขัดผิวมาหมาดๆ สมควรอย่างยิ่งที่ต้องปกป้องใบหน้าด้วยครีมกันแดด เพราะผิวคุณจะไวต่อแสงแดดมาก จึงควรทาครีมกันแดด 20 นาทีก่อนออกทุกครั้ง และทาซ้ำอีกทุกๆ 2-3 ชั่วโมง
2.ใช้น้ำนม ไม่จำเป็นต้องลงไปแช่นมหรือน้ำแร่ในอ่าง แต่สามารถทําให้ผิวขาวได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้น้ำนมทาบนผิวโดยตรง โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า และอาจใช้ใยบวบช่วยเพื่อขัดผิวไปด้วยเบาๆ ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีแล้วล้างออก ใบหน้าหมองคล้ำก็จะมีน้ำมีนวล ค่อยๆขาวขึ้น โดยทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง     

            3.รับประทานวิตามินซี วิตามินซีมีสรรพคุณช่วยให้ผิวสวยสดใส ดังนั้นจึงเป็นสารอาหารที่ร่างกายควรได้รับอยู่เสมอ ไม่ว่าจะจากการทานผักผลไม้ เช่น ส้ม ฝรั่ง มะนาว หรือหากได้รับในแต่ละวันไม่เพียงพอ ก็อาจซื้อวิตามินซีแบบเม็ดมารับประทานเพิ่ม วิธีนี้จะช่วยในเรื่องผิวและการขับถ่ายไปพร้อมๆกัน
4.รับประทานอาหารให้เหมาะสม โดยแต่ละมื้อควรให้มีผักและผลไม้ในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่ง เพราะผักผลไม้เป็นอาหารที่ย่อยง่าย นอกจากจะช่วยเรื่องของการขับถ่าย ยังมีแอนตี้อ็อกซิแดนซ์ที่ทำให้ผิวสวยกระชับสดใสอยู่เสมอ ซึ่งหากร่างกายขับถ่ายได้ตามปกติ ผิวพรรณบนใบหน้าก็จะสดใสขึ้นโดยอัตโนมัต
            5.ออกกำลังกาย การออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยขับเหงื่อไคลและสิ่งสกปรกใต้ผิว รวมถึงสารพิษออกจากร่างกาย ซึ่งจะทำให้ผิวดูสว่างสดใสขึ้น ยิ่งออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ยิ่งทำให้ผิวขาว มีออร่าอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญ ยังช่วยลดการอุดตันของสิ่งสกปรกใต้ผิวหน้า ไม่ให้เกิดสิวอีกด้วย

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

“หน้ามัน ทำไงดี?” ยอดคำถามคาใจวัยหนุ่มสาว

            สำหรับหนุ่มสาวที่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่นแล้ว จะพบว่าร่างกายเราเริ่มมีการปรับเปลี่ยนตัวครั้งใหญ่หลายๆอย่าง เช่นสิวที่เกิดขึ้น อารมณ์ที่แปรเปลี่ยนง่าย และหนึ่งในปัญหาโลกแตกนั่นก็คืออาการหน้ามัน โดยคำถามที่ต้องค้างคาใจคนหนุ่มสาวแน่ๆคือ “หน้ามัน ทำไงดี” และไม่เพียงแต่วัยรุ่นเท่านั้นที่ต้องประสบกับอาการหน้ามัน หากแม้แต่ผู้ใหญ่ก็ต้องพบประสบเจอเช่นกัน ดังนั้นในบทความนี้จะพาค้นหาวิธีแก้ไขหน้ามันกัน 

            หน้ามัน เป็นอาการที่เกิดจากระบบร่างกายในส่วนของใบหน้า ได้ผลิตน้ำมันออกมาเพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและคอยปกป้องสิ่งแปลกปลอมที่จะมาเกาะใบหน้า แต่ปัญหาก็อยู่ที่ว่าน้ำมันธรรมชาติที่ร่างกายเราผลิตขึ้นมานั้นมันมีมากเกินพอดี จนทำให้ใบหน้าหนุ่มสาวและดูไม่ดี นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุทำให้เกิดจุดด่างดำและปัญหาสิวได้ ซึ่งนี้ก็คือต้นตอของสาเหตุหน้ามัน คราวนี้เราจะมาไขคำตอบของคำถามที่ว่า หน้ามัน ทำไงดี ด้วยวิธีป้องกันและรักษาหน้ามันกัน

วิธีที่ 1 ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง
โดยการล้างหน้าแต่ละครั้งนั้นย่อมส่งผลต่อความมันบนใบหน้าเป็นอย่างมาก เพราะการล้างหน้าบ่อยๆจะส่งผลทำให้หน้าเราแห้งและตึง ทำให้ผิวหน้าเร่งสร้างน้ำมันเพื่อเพิ่มคามชุ่มชื้น แต่กลับกลายเป็นว่าทำให้หน้าเรามัน ดังนั้นการล้างหน้าที่ดีควรล้างวันละ 2 ครั้งเวลาเช้า – เย็น ก็เพียงพอกับการทำความสะอาดใบหน้าแล้ว หากเกิดความมันระหว่างวัน ขอแนะนำให้ใช้กระดาษซับหน้ามันจะดีที่สุด

วิธีที่ 2 มาร์กหน้าด้วยมะเขือเทศ
วิธีนี้การมาร์กหน้าอาจจะเป็นวิธีที่สาวๆหลายคนคุ้นเคย โดยมะเขือเทศนั้นมีวิตามินที่ช่วยบำรุงผิวอยู่หลายตัว ช่วยดูดซับความมัน และยังช่วยกระชับรูขุมขนบนใบหน้าอีกด้วย วิธีทำมาร์กนั้นก็ไม่ยาก เพียงนำมะเขือเทศไปปั่นให้ละเอียด จากนั้นก็นำมาทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก ทำเพียงสัปดาห์ละ 3 ครั้ง จะช่วยลดความมันบนใบหน้าได้อย่างดี อีกทั้งยังได้ใบหน้าที่ใสดูดีด้วย

วิธีที่ 3 พอกหน้าด้วยว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้เป็นพืชสมุนไพรที่รู้จักกันดีถึงสรรพคุณรักษาแผลไฟไหม้ และช่วยลดอาการอักเสบที่เกิดจากสิว อีกทั้งยังช่วยลดความมันบนใบหน้าได้ด้วย วิธีการนั้นก็แสนง่ายเพียงแค่นำวุ้นว่านหางจระเข้ไปล้างน้ำให้สะอาดก่อน โดยต้องแน่ใจว่าสะอาดจริงๆ เพื่อป้องกันยางกันหน้า เมื่อล้างสะอาดได้ที่แล้ว ก็ให้นำมาฝานบางๆ หลายๆแผ่นแล้วก็นำมาวางที่ใบหน้าให้ทั่ว เมื่อแปะไว้ที่ใบหน้าจะทำให้รู้สึกเย็น โดยแปะทิ้งไว้ประมาณ 15นาทีคอยนำออก

 

วิธีที่ 4 ดื่มน้ำสะอาดมากๆ
วิธีนี้ส่วนใหญ่หลายคนมักจะมองข้ามไปเพราะไม่คิดว่าจะทำได้จริง แต่จริงๆแล้วการดื่มน้ำสะอาดมากๆนั้นเป็นวิธีลดหน้ามันที่ประหยัดที่สุด และได้ผลดีมากๆ โดยเพียงแค่จิบน้ำสะอาดระหว่างวันบ่อยๆ เนื่องจากการดื่มน้ำนั้นจะช่วยทำให้ร่างกายทำความสะอาดจากภายใน ขับของเสียได้ง่ายขึ้นออกทางผิวหนังได้ดีขึ้น และเมื่อการขับถ่ายของเสียดีขึ้น ปัญหาสิวก็ลดลง อีกทั้งยังลดปัญหาหน้ามันไปในตัวด้วย
ทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีดูแลรักษาหน้ามันแบบง่ายๆ ที่ทำเองได้สำหรับคนหนุ่มสาวผู้มีคำถามคาใจว่า หน้ามัน ทำไงดี แต่อย่าลืมว่าปัญหาของใบหน้านั้นไม่ได้มีแต่เพียงหน้ามัน วัยมันส์อย่างเราๆคงต้องเจอปัญหาผิวพรรณอีกมากทั้งผิวแห้ง ผิวแตกลาย ต่างๆนาๆ ดังนั้นต้องหมั่นดูแลสุขภาพให้ครบรอบทุกด้าน เพื่อรักษาตัวเองให้ดูดีเสมอ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะช่วยไขปัญหา หน้ามัน ทำไงดี ได้ไม่มากก็น้อย ขอให้มีความสุขกับการรักษาสุขภาพผิวพรรณนะครับ!

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

บอกลา .. ผิวหน้าหมองคล้ำ


ผิวหน้าหมองคล้ำ เป็นปัญหาผิวที่เรามีโอกาสเป็นกันทุกคน โดยเฉพาะสาวเอเชียเมืองร้อนอย่างประเทศไทย ที่นับวันแดดยิ่งร้อนขึ้นทุกวันๆ ไม่ใช่เฉพาะปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำเพียงเท่านั้น ปัจจุบันยังพบปัญหาผิวอีกมากมาย เช่น กระ ฝ้า สิว ซึ่งเป็นปัญหาผิวที่แก้ไม่ตกสักที ยิ่งปัจจุบันนิยมคนผิวขาว เรียบเนียน จึงทำให้หนุ่มๆสาวๆสมัยนี้หันมาดูแลผิวหน้าและผิวกายมากขึ้น

ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ .. เกิดจากอะไรบ้าง?
ผิวหมองคล้ำขาดความสดใสเปล่งปลั่ง มีสาเหตุใหญ่มาจาก การเผาผลาญภายในเซลล์ผิวมีประสิทธิภาพลดลงตามวัย รวมทั้ง ร่างกายเหนื่อยล้า พักผ่อนไม่เพียงพอ แม้แต่สภาพแวดล้อมที่ผิว ต้องเผชิญอยู่เสมอ เช่น รังสี UV และต้องอยู่ในที่ๆ อากาศแห้งมี การแปรปรวนเสมอก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำได้
1.สาเหตุจากแสงแดด รังสียูวีเอ ยูวีบี ป้องกันได้โดยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารปกป้องผิวจากแสงแดด เช่น ครีมกันแดด แป้งรองพื้นผสมสารกันแดด ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารกันแดด
2.สาเหตุจากการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิว คนแต่ละวัยต่างต้องการการบำรุงที่แตกต่างกัน เพราะเซลล์ผิวจะมีการทำงาน ผลัดเปลี่ยนไปตามอายุ ลองหาครีมบำรุงที่เหมาะสมกับช่วงอายุ เช่น สูตรที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน และ ลดการอุดตันของรูขุมขน มีมอยซ์เจอร์ไรเซอร์เพิ่มความชุ่มชื้นของผิวหน้า
3.สาเหตุจากการแต่งหน้า อาจจะเกิดมาจากการทำความสะอาดที่ไม่หมดจด ควรทำความสะอาดตามขั้นตอน ดังนี้
-เช็ดเครื่องสำอางออกด้วย ครีมน้ำนมหรือออยล์ทำความสะอาดเครื่องสำอางโดยเฉพาะ
-ล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้า หรือ cleansing gel
-อีกสาเหตุ คือ อาจจะเกิดจากสารเคมีในเครื่องสำอางทำให้เกิดผิวการแพ้และหมองคล้ำได้
4.สาเหตุสุดท้าย คือ การใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่ถูกต้อง เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ กินน้ำน้อย ความเครียด ควรที่จะปรับการใช้ชีวิต ควบคู่ไปกับอย่างอื่นด้วย

วิธีดูแลผิวหน้า(ไม่ให้)หมองคล้ำ
1.เลือกใช้ครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินซี หรือวิตามินบี
จะทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวและเพิ่มความสว่างใสให้กับผิว แต่ควรระวังเรื่องผิวถูกแดดนิดนึง วิตามินซีดูเหมือนจะไม่ค่อยถูกกับแสงแดดเท่าไหร่ จะยิ่งคล้ำกันไปใหญ่ แนะนำให้ใช้ครีมวิตามินซีทาทั่วใบหน้าก่อนนอน หรืออาจก่อนออกจากบ้าน
2.หลีกเลี่ยงแสงแดด
แสงแดด เป็นสาเหตุหลักของความหมองคล้ำ โดยเฉพาะแสดงแดดช่วง 10 โมงเช้า ถึงบ่าย 3 โมง เป็นแดดที่ทำให้ผิวเราคล้ำขึ้นอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดในช่วงเวลา ถ้าหากมีความจำเป็นต้องออกแดดแล้วล่ะก็ อย่าลืมทาครีมกันแดดก่อนออกแดดทุกครั้ง
3.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
เพราะการออกกำลังกายช่วยขับเหงื่อไคล และสิ่งสกปรกใต้ผิวรวมถึงสารพิษออกมา ซึ่งจะทำให้ผิวดูสว่างสดใสขึ้น ทำให้ผิวสดใสอยู่ตลอดเวลา
4.ทานอาหารที่มีประโยชน์
โดยเน้นทานผักและผลไม้ในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่งทุกมื้อ เพราะผักผลไม้ย่อยง่าย ช่วยในเรื่องของการขับถ่าย และยังมีแอนตี้ออกซิแดนซ์ที่ทำให้ผิวสวยกระชับอีกด้วย เมื่อร่างกายขับถ่ายปกติแล้ว หน้าตาผิวพรรณจะสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
5.ใช้น้ำนมทาบนผิวโดยตรง ซึ่งอาจใช้ใยบวบช่วยขัดผิวไปด้วยเบาๆ ผิวจะค่อยๆขาวขึ้น


6. เติมความชุ่มชื้นด้วย Essence
ผิวหน้าหมองคล้ำมักขาดความชุ่มชื้น และหยาบกร้าน เพราะวงจรการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวไม่ราบรื่น แนะนำให้ใช้ Essence เสริมควบคู่ไปกับ Moisturizer ทุกเช้า-ก่อนนอน
7.ดื่มน้ำให้มากๆ
 8.น้ำตาลขัดผิว
การใช้น้ำตาลขัดผิวเป็นวิธีที่ทำได้ง่ายๆ โดยใช้น้ำตาลประมาณ 2 ช้อนโต๊ะผสมลงในน้ำมันมะกอก เสร็จแล้วนำมานวดและขัดให้ทั่วใบหน้าและตัว ขัดอยู่อย่างนั้นจนกว่าน้ำตาลจะละลาย
9.พอกหน้าด้วยไข่ขาว
โดยแยกไข่ขาวออกจากไข่แดง แล้วนำไข่ขาวมาผสมกับน้ำมะนาว 1 ช้อนชา และน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์อีก 1 ช้อนชา พอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีก่อนล้างออก
10.ควรนั่งห่างจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ประมาณ 14-24 นิ้ว
พร้อมปรับค่าความสว่างหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เป็น 0 ก็จะสามารถช่วยลดแสงที่ทำให้ผิวคล้ำผิวเสียได้มากถึง 80%

การดูแลผิวหน้าไม่ให้กลายเป็นผิวหน้าหมองคล้ำ” เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับหนุ่มสาวยุคนี้ การดูเเลผิวหน้าเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อภาพลักษณ์ที่หล่อ สวย ดูดี หากใครที่กำลังประสบปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ ลองนำวิธีข้างต้นไปปฏิบัติจัดการกับผิวหน้าตัวเอง เพื่อผิวหน้าที่ไม่หมองคล้ำและสุขภาพดี แล้วคุณจะได้ บอกลา .. ผิวหน้าที่หมองคล้ำตลอดไป

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

หน้าลอกเป็นขุย ทำยังไงดี!

                 ผิวแห้งเป็นอาการปกติของผิวที่ต้องพบเจออากาศที่แห้งและเย็น โดยถ้าหากผิวที่แขนและขาแห้งอาจจะไม่ใช่เรื่องหน้าตกใจอะไร เพราะสาวๆยังสามารถใส่เสื้อและกางเกงปกปิดได้ แต่ถ้าหน้าแห้งแล้วสิ่งที่ต้องเกิดตามมาแน่ๆ คือคือ หน้าลอกเป็นขุย ซึ่งหาอุปกรณ์ปกปิดได้ยาก และถ้าจะให้ใส่หมวกกันน็อคหรือหมวกไอ้โม่ง ก็คงเป็นเรื่องที่สาวๆทำใจไม่ได้แน่ๆ โดยอาการหน้าลอกเป็นขุยนั้น ไม่ว่าจะหาแป้งรองพื้นดีสักขนานไหนก็ปกปิดรอยขุยได้ยากมากๆ เพราะตัวเนื้อแป้งมักจะไม่เกาะติดใบหน้าลอกเป็นขุย ดังนั้นคงต้องบอกลาวิธีนี้ได้เลย ดังนั้นหน้าลอกเป็นขุยจึงเป็นปัญหาอีกอย่างที่สาวๆต้องพบเจอในช่วงฤดูหนาวอย่างแน่นอน

แก้อาการหน้าลอกเป็นขุยด้วย Cleansing
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธีแก้ไขอาการหน้าลอกเป็นขุยเสียทีเดียว เพราะถ้าหากปล่อยไว้สาวๆคงไม่ต้องก้าวออกจากบ้านยามหน้าหนาวเลยทีเดียว โดยวิธีการแก้ไขอาการหน้าลอกเป็นขุยนั้นไม่ยาก เริ่มจากล้างหน้าด้วย Cleansing ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ โดยสามารถดูสรรพคุณของ Cleansing ว่ามีมอยส์เจอไรเซอร์หรือไม่? ได้ที่ขวด เพราะมอยส์เจอไรเซอร์นั้นมีส่วนทำให้ใบหน้าของสาวๆนั้นมีความชุ่มชื้น ไม่แห้งและเสียเหมือนการล้างหน้าด้วยเจลหรือครีมล้างหน้าทั่วไป ข้อควรระวังก็คือไม่ควรใช้ Cleansing ที่มีเม็ดบีทส์ขัดผิว เพราะเม็ดบีทส์เหล่านั้นจะยิ่งทำให้หน้าแห้งยิ่งขึ้น ซึ่งเกิดจากการขัดถู และยิงทำให้ผิวแตกยิ่งขึ้นในหน้าหนาว อันเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดหน้าลอกเป็นขุย

เมื่อล้างหน้าด้วย Cleansing แล้วก็ควรล้างออกด้วยน้ำเย็น สาเหตุที่ต้องล้างด้วยน้ำเย็นก็เป็นเพราะว่า น้ำเย็นนั้นจะช่วยให้ผิวรักษาความชุ่มชื้นบนในหน้าได้ดีว่า ซึ่งถ้าหากใช้น้ำอุ่นความอุ่นนั้นจะช่วยทำให้หน้าแห้งเร็ว จนอาจจะทำให้เกิดหน้าลอกเป็นขุยก็ได้ ดังนั้นควรล้างออกด้วยน้ำเย็นเพื่อให้ใบหน้าเก็บความชุ่มชื้นให้นานที่สุด และหลังจากที่ล้างหน้าแล้วอย่าลืมตบท้ายด้วยครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมมอยส์เจอไรเซอร์ ทำอย่างนี้ทั้งเช้าและเย็นจะช่วยรักษาอาการหน้าลอกเป็นขุยได้ดีทีเดียว
เมื่อพูดถึงฤดูหนาวในไทยแล้ว ทุกคนย่อมรู้ว่าแดดช่วงเช้าและกลางวันนั้นแรงมาก ถ้าหากไม่ทาครีมกันแดดไปมีหวังผิวได้คล้ำไหม้เป็นแน่ และแดดนี่เองก็จะเป็นตัวเร่งทำให้หน้าแห้งและแดดแรงๆนี่เองที่สามารถทำลายผิวหน้าสาวๆได้ โดยแนะนำว่าให้เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF ต่ำที่สุดคือ 30 เพื่อปกป้องใบหน้าที่สวยงามได้

  

ทาครีมไม่พอต้องเปลี่ยนวิธีกินด้วย
แม้ว่าการทาครีมจะช่วยแก้อาการหน้าลอกเป็นขุยได้ แต่เพื่อให้การป้องกันเกิดประสิทธิผลที่ดี ควรต้องอาศัยการกินที่ดีด้วยเช่นกัน หลายคนอาจจะกังวลว่า ต้องถึงขั้นควบคุมอาหารเลยหรือเปล่า? คำตอบคือไม่ถึงขั้นอดอาหารหรือ ปรับเปลี่ยนวิธีกาสรกินเสียทีเดียว โดยวิธีการกินนั้นก็คือการเลือกอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน A และ B โดยแนะนำว่าอาหารจำพวกธัญพืชนี่เป็นทางเลือกที่ดีมากๆ และถ้าหากไม่ผ่านการขัดสีจะยิ่งดีมากขึ้น และเมื่อพูดถึงความชุ่มชื้นแล้วก็ต้องนึกถึงน้ำ ดังนั้นการดื่มน้ำดื่มสะอาดไม่ตำกว่าวันละ 8 แก้วนั้นจะช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นและเปล่งปลั่ง ซึ่งเป็นการป้องกันอาการหน้าลอกเป็นขุยได้อย่างดี
และนี่ก็คือวิธีที่แสนง่ายในการป้องกันอาการหน้าลอกเป็นขุย โดยสามารเริ่มทำได้ง่ายๆ ซึ่งวิธีเหล่านี้ไม่จำเป็นจะต้องให้ถึงฤดูหนาวแล้วค่อยทำ แต่สามารถทำได้ทันทีหากพบว่าตัวเองมีอาการหน้าลอกเป็นขุย สุดท้ายนี้ก็ของให้สาวๆมีความสุขกับการรักษาสุขภาพผิว และมีสุขภาพร่างการแข็งแรงนะครับ!

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

อยากหน้าเนียนแบบประหยัดงบ ทำยังไงดี?

                เป็นคำถามสำหรับคนอยากหน้าเนียน ว่าจะมีวิธีอย่างไรบ้างที่ทำให้ตนนั้นหน้าดูเนียนนุ่มสวย ยิ่งสมัยนี้มีเครื่องสำอางจำพวกมาส์กหน้าขายอยู่มากมายหลายสูตร ชนิดที่ว่าเลือกใช้กันแทบไม่ถูกเลยทีเดียว ยิ่งในช่วงที่มีการลดแลกแจกแถม สาวๆก็นิยมซื้อเครื่องสำอางตุนกันเต็มที่ แต่พอถึงเวลาที่มาส์กหน้าเหล่านี้ขายตามราคาปกติ ก็อาจจะทำใจลำบากเช่นกัน ดังนั้นในบทความนี้ขอแนะนำวิธีต่างๆเพื่อใบหน้าที่สวยสำหรับคนอยากหน้าเนียน โดยไม่รบกวนเงินในกระเป๋าสตางค์เพียงไม่กี่บาท

1. มาส์กไข่ขาวแบบ DIY
มาส์กสูตรอมตะมีมาแต่โบราณ ทำได้ง่ายโดยการใช้ไข่ขาวหนึ่งใบตีให้ให้เข้าเข้ากันเป็นโฟม (อย่าลืมเอาข่แดงออกด้วยนะ) จากนั้นก็ทางลงบนใบหน้าที่เพิ่งล้างมา โดยทาทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำอุ่น สาวๆจะรู้สึกถึงความเต่งตึงของผิวหน้าได้และรูขุมขนที่เล็กลงทันที หรือจะนำมาดัดแปลงไปเป็นมาส์กลอกสิวได้ด้วยการนำกระดาษทิชชู่แปะลงบนหน้าจากนั้นก็นำไข่ขาวทาทับ รอให้กระดาษแห้งแล้วค่อยๆลอก จากนั้นก็เตรียมตัวฟินกับสิวและคราบสกปรกที่ถูกลอกติดกระดาษทิชชู่ได้เลย

2. หน้านุ่มด้วยน้ำผึ้ง กะทิ ข้าวโอ๊ต
สำหรับสาวๆที่อยากหน้าเนียนขอแนะนำสูตรนี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก วิธีการทำก็มีอยู่ไม่ยาก โดยการนำข้าวโอ๊ต 1 กำมือ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ และกะทิปริมาณที่มากพอจะทำให้เป็นเนื้อครีม นำทั้งสามอย่างมาผสมคนเข้าด้วยกันจนเป็นครีม แล้วนำมามาส์กที่ใบหน้าทิ้งไว้สักพักประมาณ 15 นาที โดยข้าวโอ๊ตจะช่วยสครับผิวตอนล้างออก กะทิทำให้หน้าเนียน และนำผึ้งมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อโรคอย่างอ่อนๆ สามสิ่งนี้จะทำมให้สาวๆรู้สึกหน้าเนียน จนอยากจับหน้าตัวเองทั้งวัน

3. มาส์กมะเขือเทศกับโยเกิร์ต
นำมะเขือเทศ 1 ลูกมาบด ผสมด้วยโยเกิร์ต 1 ช้อโต๊ะ หยอดน้ำมันมะกอกลงหน่อยๆ แล้วตามด้วยน้ำส้มสายชูอีกสัก 2-3 หยด โดยตัวมะเขือเทศจะช่วยเปิดรูขุมขน ส่วนน้ำส้มสายชูจะเข้าไปทำลายเชื้อโรค และโยเกิร์ตนั้นก็ทำให้หน้าเนียนนุ่มสะอาด ช่วยผลัดผิวอย่างอ่อนโยน โดยให้ทาทิ้งไว้ที่ใบหน้าประมาณ 15 นาทีแล้วค่อยล้างออก แล้วสาวๆจะรับรู้ถึงใบน้าอันนุ่มได้ทันใจ โดยเป็นอีกสูตรที่เหมาะสำหรับคนอยากหน้าเนียน

4. ไข่ขาวกับน้ำส้ม ช่วยให้หน้าเนียน
วิธีนี้ทำได้ง่ายโดยการนำไข่ขาวไปตีในชามจากนั้นก็เติมน้ำส้มคั้นลงไป 2-3 ช้อนโต๊ะ จาหนั้นนำข้าวโอ๊ตที่แช่จนนิ่มแล้วใส่ลงไปในชามแล้วตีให้เข้ากันอีกเพื่อเพิ่มความหนืด เมื่อได้ครีมมาส์กแล้วให้นำมาทาที่ใบหน้า โดยไข่นั้นอุดมไปด้วยโปรตีนช่วยลดการเกิดสิว น้ำส้มอุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยทำความสะอาดผิวและผลัดผิวอย่างอ่อนโยน ส่วนข้าวโอตนั้นนอกจะจะเป็นส่วนที่ช่วยให้ครีมหนืดแล้ว ยังเป็นตัวช่วยในการสครับใบหน้าที่แสนอ่อนโยนด้วย

5. แตงกวา ไข่ขาว และมะนาว
เริ่มจากล้างแตงกวาให้สะอาด แล้วก็หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นนำไปปั่นโดยไม่ต้องปลอกเปลือก แล้วนำแตงกว่าที่ปั่นได้ไปผสมกับไข่ขาว คนให้เข้ากันจนเป็นครีมข้น แล้วเติมน้ำมะนาวเข้าไป จากนั้นนำครีมมาส์กที่ได้ไปทาที่หน้าแต่ให้เว้นที่ตาและปาก ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำ เป็นอีกสูตรที่เหมาะสำหรับคนอยากหน้าเนียน ทำแบบนี้ประมาณ 2 สัปดาห์ ผิวหน้าก็จะเรียบเนียนได้ไม่ยาก
ทั้งหมดเป็นวิธีเล็กๆน้อยๆสามารถตอบโจทย์สาวๆที่อยากหน้าเนียน แต่ไม่ต้องการรบกวนกระเป๋าสตางค์ได้เป็นอย่างดี และด้วยวิธีเหล่านี้สมารถทำได้ง่ายและวัตถุดิบก็สามารถหาซื้อได้ที่ร้านสะดวกซื้อทั่วไป สาวๆคงไม่ต้องคิดหนักเรื่องการทำหน้าเนียนเป็นแน่ นอกจากดูแลใบหน้าแล้วอย่าลืมดูแลร่างกายส่วนอื่นๆด้วย เพราะคนที่ดูดีจะต้องดูดีทุกส่วน ขอให้มีความสุขกับวิธีดูแลใบหน้าให้เนียนนะครับ

อยากหน้าเนียนมากขึ้นโดยไม่ต้องเนื่อยหาวัตถุดิบมาสครับผิวเอง ทำยังไงดี?
 คนส่วนใหญ่อยากที่จะมีใบหน้าที่เนียนสวย ผิวหนังกระชับ รูขุมขนเล็กแต่งหน้าง่าย และไม่ดูขัดตา ซึ่งการที่จะมีใบหน้าเช่นนั้นในครอบครองก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะสามารถสร้างได้ด้วยสูตร และเคล็ดลับดังที่ได้กล่าวถึงไปแล้วในตอนต้น แต่สำหรับใครที่ไม่อยากเหนื่อยที่จะต้องออกไปตามหาวัตถุดิบ เพื่อนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในการทำครีมหน้าเนียน แล้วกำลังมองหาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวดีๆสักชิ้น ที่มีคุณสมบัติในการบำรุงผิวที่เท่าเทียม หรือดีกว่าอยู่ล่ะก็ ในวันนี้ผู้เขียนก็มีผลิตภัณฑ์เวชสำอาง์ดีๆ ที่ช่วยในบำรุงผิวพรรณ นำเข้าจากประเทศเกาหลีมาฝากให้ลองกัน

Dr.Young  Pore Tightening Serum
ผลิตภัณฑ์ Dr.Young  Pore Tightening Serum มีส่วนผสมหลักจากสารสกัดจากต้นวิชฮาเซล (Witch Hazel Extract) ซึ่งป็นต้นไม้ในแถบอเมริกาเหนือ มีคุณสมบัติในการช่วยกระชับผิว กระชับรูขุมขน พร้อมปรับสภาพให้รูขุมขนที่ลึกให้ค่อยๆตื้นขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยในการกระตุ้นการ Elastin และ Collagen ใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวเกิดความกระชับ เต่งตึง เรียบเนียน อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิวพร้อมกับปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆอีกด้วย และยังช่วยในการปรับลดการสร้างน้ำมัน (Sebum) ส่วนเกินจากต่อมไขมันในผิวหนัง ด้วยส่วนผสมที่อ่อนโยนจากธรรมชาติ ทำให้ผลิตภัณฑ์ Dr.Young  Pore Tightening Serum  สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว แม้แต่กับผิวที่แห้งหรือผิวที่แพ้ง่าย ดังนั้นเมื่อทำการปรับสภาพผิวด้วยการสครับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การใช้ผลิตภัณฑ์ Dr.Young  Pore Tightening Serum ก็จะเป็นการช่วยฟื้นฟู ไปพร้อมกับปกป้องสภาพผิวของคุณเอาไว้แข็งแรง สวยงามอย่างยาวนานเลยทีเดียว
นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ Dr.Young  Pore Tightening Serum ยังได้รับเครื่องหมาย Ecocert เป็นเครื่องหมายรับรอง “มาตรฐานการกำกับกระบวนการผลิตแบบอินทรีย์” ของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรที่เป็นผู้นำของตรารับรองมาตรฐานการใส่ใจธรรมชาติที่มีชื่อเสียงในระดับสากล ที่ได้รับการยอมรับว่าเทียบเท่ากับกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา สัญลักษณ์ Ecocert จะมอบให้กับเฉพาะกับสินค้าคุณภาพระดับสูง และถูกกำกับดูแลขั้นตอนการผลิตทั้งหมดอย่างละเอียด ตั้งแต่การสร้างสูตร การผลิต การบรรจุ และบรรจุภัณฑ์ เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับสินค้าที่ได้มาตรฐาน ซึ่งในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เสริมความงามและดูแลรักษาผิวพรรณจำนวนไม่มากนักในประเทศเกาหลี ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตจาก Ecocert

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.