“หน้ามัน ทำไงดี?” ยอดคำถามคาใจวัยหนุ่มสาว

            สำหรับหนุ่มสาวที่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่นแล้ว จะพบว่าร่างกายเราเริ่มมีการปรับเปลี่ยนตัวครั้งใหญ่หลายๆอย่าง เช่นสิวที่เกิดขึ้น อารมณ์ที่แปรเปลี่ยนง่าย และหนึ่งในปัญหาโลกแตกนั่นก็คืออาการหน้ามัน โดยคำถามที่ต้องค้างคาใจคนหนุ่มสาวแน่ๆคือ “หน้ามัน ทำไงดี” และไม่เพียงแต่วัยรุ่นเท่านั้นที่ต้องประสบกับอาการหน้ามัน หากแม้แต่ผู้ใหญ่ก็ต้องพบประสบเจอเช่นกัน ดังนั้นในบทความนี้จะพาค้นหาวิธีแก้ไขหน้ามันกัน 

            หน้ามัน เป็นอาการที่เกิดจากระบบร่างกายในส่วนของใบหน้า ได้ผลิตน้ำมันออกมาเพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและคอยปกป้องสิ่งแปลกปลอมที่จะมาเกาะใบหน้า แต่ปัญหาก็อยู่ที่ว่าน้ำมันธรรมชาติที่ร่างกายเราผลิตขึ้นมานั้นมันมีมากเกินพอดี จนทำให้ใบหน้าหนุ่มสาวและดูไม่ดี นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุทำให้เกิดจุดด่างดำและปัญหาสิวได้ ซึ่งนี้ก็คือต้นตอของสาเหตุหน้ามัน คราวนี้เราจะมาไขคำตอบของคำถามที่ว่า หน้ามัน ทำไงดี ด้วยวิธีป้องกันและรักษาหน้ามันกัน

วิธีที่ 1 ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง
โดยการล้างหน้าแต่ละครั้งนั้นย่อมส่งผลต่อความมันบนใบหน้าเป็นอย่างมาก เพราะการล้างหน้าบ่อยๆจะส่งผลทำให้หน้าเราแห้งและตึง ทำให้ผิวหน้าเร่งสร้างน้ำมันเพื่อเพิ่มคามชุ่มชื้น แต่กลับกลายเป็นว่าทำให้หน้าเรามัน ดังนั้นการล้างหน้าที่ดีควรล้างวันละ 2 ครั้งเวลาเช้า – เย็น ก็เพียงพอกับการทำความสะอาดใบหน้าแล้ว หากเกิดความมันระหว่างวัน ขอแนะนำให้ใช้กระดาษซับหน้ามันจะดีที่สุด

วิธีที่ 2 มาร์กหน้าด้วยมะเขือเทศ
วิธีนี้การมาร์กหน้าอาจจะเป็นวิธีที่สาวๆหลายคนคุ้นเคย โดยมะเขือเทศนั้นมีวิตามินที่ช่วยบำรุงผิวอยู่หลายตัว ช่วยดูดซับความมัน และยังช่วยกระชับรูขุมขนบนใบหน้าอีกด้วย วิธีทำมาร์กนั้นก็ไม่ยาก เพียงนำมะเขือเทศไปปั่นให้ละเอียด จากนั้นก็นำมาทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก ทำเพียงสัปดาห์ละ 3 ครั้ง จะช่วยลดความมันบนใบหน้าได้อย่างดี อีกทั้งยังได้ใบหน้าที่ใสดูดีด้วย

วิธีที่ 3 พอกหน้าด้วยว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้เป็นพืชสมุนไพรที่รู้จักกันดีถึงสรรพคุณรักษาแผลไฟไหม้ และช่วยลดอาการอักเสบที่เกิดจากสิว อีกทั้งยังช่วยลดความมันบนใบหน้าได้ด้วย วิธีการนั้นก็แสนง่ายเพียงแค่นำวุ้นว่านหางจระเข้ไปล้างน้ำให้สะอาดก่อน โดยต้องแน่ใจว่าสะอาดจริงๆ เพื่อป้องกันยางกันหน้า เมื่อล้างสะอาดได้ที่แล้ว ก็ให้นำมาฝานบางๆ หลายๆแผ่นแล้วก็นำมาวางที่ใบหน้าให้ทั่ว เมื่อแปะไว้ที่ใบหน้าจะทำให้รู้สึกเย็น โดยแปะทิ้งไว้ประมาณ 15นาทีคอยนำออก

 

วิธีที่ 4 ดื่มน้ำสะอาดมากๆ
วิธีนี้ส่วนใหญ่หลายคนมักจะมองข้ามไปเพราะไม่คิดว่าจะทำได้จริง แต่จริงๆแล้วการดื่มน้ำสะอาดมากๆนั้นเป็นวิธีลดหน้ามันที่ประหยัดที่สุด และได้ผลดีมากๆ โดยเพียงแค่จิบน้ำสะอาดระหว่างวันบ่อยๆ เนื่องจากการดื่มน้ำนั้นจะช่วยทำให้ร่างกายทำความสะอาดจากภายใน ขับของเสียได้ง่ายขึ้นออกทางผิวหนังได้ดีขึ้น และเมื่อการขับถ่ายของเสียดีขึ้น ปัญหาสิวก็ลดลง อีกทั้งยังลดปัญหาหน้ามันไปในตัวด้วย
ทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีดูแลรักษาหน้ามันแบบง่ายๆ ที่ทำเองได้สำหรับคนหนุ่มสาวผู้มีคำถามคาใจว่า หน้ามัน ทำไงดี แต่อย่าลืมว่าปัญหาของใบหน้านั้นไม่ได้มีแต่เพียงหน้ามัน วัยมันส์อย่างเราๆคงต้องเจอปัญหาผิวพรรณอีกมากทั้งผิวแห้ง ผิวแตกลาย ต่างๆนาๆ ดังนั้นต้องหมั่นดูแลสุขภาพให้ครบรอบทุกด้าน เพื่อรักษาตัวเองให้ดูดีเสมอ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะช่วยไขปัญหา หน้ามัน ทำไงดี ได้ไม่มากก็น้อย ขอให้มีความสุขกับการรักษาสุขภาพผิวพรรณนะครับ!

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

บอกลา .. ผิวหน้าหมองคล้ำ


ผิวหน้าหมองคล้ำ เป็นปัญหาผิวที่เรามีโอกาสเป็นกันทุกคน โดยเฉพาะสาวเอเชียเมืองร้อนอย่างประเทศไทย ที่นับวันแดดยิ่งร้อนขึ้นทุกวันๆ ไม่ใช่เฉพาะปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำเพียงเท่านั้น ปัจจุบันยังพบปัญหาผิวอีกมากมาย เช่น กระ ฝ้า สิว ซึ่งเป็นปัญหาผิวที่แก้ไม่ตกสักที ยิ่งปัจจุบันนิยมคนผิวขาว เรียบเนียน จึงทำให้หนุ่มๆสาวๆสมัยนี้หันมาดูแลผิวหน้าและผิวกายมากขึ้น

ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ .. เกิดจากอะไรบ้าง?
ผิวหมองคล้ำขาดความสดใสเปล่งปลั่ง มีสาเหตุใหญ่มาจาก การเผาผลาญภายในเซลล์ผิวมีประสิทธิภาพลดลงตามวัย รวมทั้ง ร่างกายเหนื่อยล้า พักผ่อนไม่เพียงพอ แม้แต่สภาพแวดล้อมที่ผิว ต้องเผชิญอยู่เสมอ เช่น รังสี UV และต้องอยู่ในที่ๆ อากาศแห้งมี การแปรปรวนเสมอก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำได้
1.สาเหตุจากแสงแดด รังสียูวีเอ ยูวีบี ป้องกันได้โดยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารปกป้องผิวจากแสงแดด เช่น ครีมกันแดด แป้งรองพื้นผสมสารกันแดด ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารกันแดด
2.สาเหตุจากการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิว คนแต่ละวัยต่างต้องการการบำรุงที่แตกต่างกัน เพราะเซลล์ผิวจะมีการทำงาน ผลัดเปลี่ยนไปตามอายุ ลองหาครีมบำรุงที่เหมาะสมกับช่วงอายุ เช่น สูตรที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน และ ลดการอุดตันของรูขุมขน มีมอยซ์เจอร์ไรเซอร์เพิ่มความชุ่มชื้นของผิวหน้า
3.สาเหตุจากการแต่งหน้า อาจจะเกิดมาจากการทำความสะอาดที่ไม่หมดจด ควรทำความสะอาดตามขั้นตอน ดังนี้
-เช็ดเครื่องสำอางออกด้วย ครีมน้ำนมหรือออยล์ทำความสะอาดเครื่องสำอางโดยเฉพาะ
-ล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้า หรือ cleansing gel
-อีกสาเหตุ คือ อาจจะเกิดจากสารเคมีในเครื่องสำอางทำให้เกิดผิวการแพ้และหมองคล้ำได้
4.สาเหตุสุดท้าย คือ การใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่ถูกต้อง เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ กินน้ำน้อย ความเครียด ควรที่จะปรับการใช้ชีวิต ควบคู่ไปกับอย่างอื่นด้วย

วิธีดูแลผิวหน้า(ไม่ให้)หมองคล้ำ
1.เลือกใช้ครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินซี หรือวิตามินบี
จะทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวและเพิ่มความสว่างใสให้กับผิว แต่ควรระวังเรื่องผิวถูกแดดนิดนึง วิตามินซีดูเหมือนจะไม่ค่อยถูกกับแสงแดดเท่าไหร่ จะยิ่งคล้ำกันไปใหญ่ แนะนำให้ใช้ครีมวิตามินซีทาทั่วใบหน้าก่อนนอน หรืออาจก่อนออกจากบ้าน
2.หลีกเลี่ยงแสงแดด
แสงแดด เป็นสาเหตุหลักของความหมองคล้ำ โดยเฉพาะแสดงแดดช่วง 10 โมงเช้า ถึงบ่าย 3 โมง เป็นแดดที่ทำให้ผิวเราคล้ำขึ้นอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดในช่วงเวลา ถ้าหากมีความจำเป็นต้องออกแดดแล้วล่ะก็ อย่าลืมทาครีมกันแดดก่อนออกแดดทุกครั้ง
3.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
เพราะการออกกำลังกายช่วยขับเหงื่อไคล และสิ่งสกปรกใต้ผิวรวมถึงสารพิษออกมา ซึ่งจะทำให้ผิวดูสว่างสดใสขึ้น ทำให้ผิวสดใสอยู่ตลอดเวลา
4.ทานอาหารที่มีประโยชน์
โดยเน้นทานผักและผลไม้ในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่งทุกมื้อ เพราะผักผลไม้ย่อยง่าย ช่วยในเรื่องของการขับถ่าย และยังมีแอนตี้ออกซิแดนซ์ที่ทำให้ผิวสวยกระชับอีกด้วย เมื่อร่างกายขับถ่ายปกติแล้ว หน้าตาผิวพรรณจะสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
5.ใช้น้ำนมทาบนผิวโดยตรง ซึ่งอาจใช้ใยบวบช่วยขัดผิวไปด้วยเบาๆ ผิวจะค่อยๆขาวขึ้น


6. เติมความชุ่มชื้นด้วย Essence
ผิวหน้าหมองคล้ำมักขาดความชุ่มชื้น และหยาบกร้าน เพราะวงจรการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวไม่ราบรื่น แนะนำให้ใช้ Essence เสริมควบคู่ไปกับ Moisturizer ทุกเช้า-ก่อนนอน
7.ดื่มน้ำให้มากๆ
 8.น้ำตาลขัดผิว
การใช้น้ำตาลขัดผิวเป็นวิธีที่ทำได้ง่ายๆ โดยใช้น้ำตาลประมาณ 2 ช้อนโต๊ะผสมลงในน้ำมันมะกอก เสร็จแล้วนำมานวดและขัดให้ทั่วใบหน้าและตัว ขัดอยู่อย่างนั้นจนกว่าน้ำตาลจะละลาย
9.พอกหน้าด้วยไข่ขาว
โดยแยกไข่ขาวออกจากไข่แดง แล้วนำไข่ขาวมาผสมกับน้ำมะนาว 1 ช้อนชา และน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์อีก 1 ช้อนชา พอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีก่อนล้างออก
10.ควรนั่งห่างจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ประมาณ 14-24 นิ้ว
พร้อมปรับค่าความสว่างหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เป็น 0 ก็จะสามารถช่วยลดแสงที่ทำให้ผิวคล้ำผิวเสียได้มากถึง 80%

การดูแลผิวหน้าไม่ให้กลายเป็นผิวหน้าหมองคล้ำ” เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับหนุ่มสาวยุคนี้ การดูเเลผิวหน้าเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อภาพลักษณ์ที่หล่อ สวย ดูดี หากใครที่กำลังประสบปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ ลองนำวิธีข้างต้นไปปฏิบัติจัดการกับผิวหน้าตัวเอง เพื่อผิวหน้าที่ไม่หมองคล้ำและสุขภาพดี แล้วคุณจะได้ บอกลา .. ผิวหน้าที่หมองคล้ำตลอดไป

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

หน้าลอกเป็นขุย ทำยังไงดี!

                 ผิวแห้งเป็นอาการปกติของผิวที่ต้องพบเจออากาศที่แห้งและเย็น โดยถ้าหากผิวที่แขนและขาแห้งอาจจะไม่ใช่เรื่องหน้าตกใจอะไร เพราะสาวๆยังสามารถใส่เสื้อและกางเกงปกปิดได้ แต่ถ้าหน้าแห้งแล้วสิ่งที่ต้องเกิดตามมาแน่ๆ คือคือ หน้าลอกเป็นขุย ซึ่งหาอุปกรณ์ปกปิดได้ยาก และถ้าจะให้ใส่หมวกกันน็อคหรือหมวกไอ้โม่ง ก็คงเป็นเรื่องที่สาวๆทำใจไม่ได้แน่ๆ โดยอาการหน้าลอกเป็นขุยนั้น ไม่ว่าจะหาแป้งรองพื้นดีสักขนานไหนก็ปกปิดรอยขุยได้ยากมากๆ เพราะตัวเนื้อแป้งมักจะไม่เกาะติดใบหน้าลอกเป็นขุย ดังนั้นคงต้องบอกลาวิธีนี้ได้เลย ดังนั้นหน้าลอกเป็นขุยจึงเป็นปัญหาอีกอย่างที่สาวๆต้องพบเจอในช่วงฤดูหนาวอย่างแน่นอน

แก้อาการหน้าลอกเป็นขุยด้วย Cleansing
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธีแก้ไขอาการหน้าลอกเป็นขุยเสียทีเดียว เพราะถ้าหากปล่อยไว้สาวๆคงไม่ต้องก้าวออกจากบ้านยามหน้าหนาวเลยทีเดียว โดยวิธีการแก้ไขอาการหน้าลอกเป็นขุยนั้นไม่ยาก เริ่มจากล้างหน้าด้วย Cleansing ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ โดยสามารถดูสรรพคุณของ Cleansing ว่ามีมอยส์เจอไรเซอร์หรือไม่? ได้ที่ขวด เพราะมอยส์เจอไรเซอร์นั้นมีส่วนทำให้ใบหน้าของสาวๆนั้นมีความชุ่มชื้น ไม่แห้งและเสียเหมือนการล้างหน้าด้วยเจลหรือครีมล้างหน้าทั่วไป ข้อควรระวังก็คือไม่ควรใช้ Cleansing ที่มีเม็ดบีทส์ขัดผิว เพราะเม็ดบีทส์เหล่านั้นจะยิ่งทำให้หน้าแห้งยิ่งขึ้น ซึ่งเกิดจากการขัดถู และยิงทำให้ผิวแตกยิ่งขึ้นในหน้าหนาว อันเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดหน้าลอกเป็นขุย

เมื่อล้างหน้าด้วย Cleansing แล้วก็ควรล้างออกด้วยน้ำเย็น สาเหตุที่ต้องล้างด้วยน้ำเย็นก็เป็นเพราะว่า น้ำเย็นนั้นจะช่วยให้ผิวรักษาความชุ่มชื้นบนในหน้าได้ดีว่า ซึ่งถ้าหากใช้น้ำอุ่นความอุ่นนั้นจะช่วยทำให้หน้าแห้งเร็ว จนอาจจะทำให้เกิดหน้าลอกเป็นขุยก็ได้ ดังนั้นควรล้างออกด้วยน้ำเย็นเพื่อให้ใบหน้าเก็บความชุ่มชื้นให้นานที่สุด และหลังจากที่ล้างหน้าแล้วอย่าลืมตบท้ายด้วยครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมมอยส์เจอไรเซอร์ ทำอย่างนี้ทั้งเช้าและเย็นจะช่วยรักษาอาการหน้าลอกเป็นขุยได้ดีทีเดียว
เมื่อพูดถึงฤดูหนาวในไทยแล้ว ทุกคนย่อมรู้ว่าแดดช่วงเช้าและกลางวันนั้นแรงมาก ถ้าหากไม่ทาครีมกันแดดไปมีหวังผิวได้คล้ำไหม้เป็นแน่ และแดดนี่เองก็จะเป็นตัวเร่งทำให้หน้าแห้งและแดดแรงๆนี่เองที่สามารถทำลายผิวหน้าสาวๆได้ โดยแนะนำว่าให้เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF ต่ำที่สุดคือ 30 เพื่อปกป้องใบหน้าที่สวยงามได้

  

ทาครีมไม่พอต้องเปลี่ยนวิธีกินด้วย
แม้ว่าการทาครีมจะช่วยแก้อาการหน้าลอกเป็นขุยได้ แต่เพื่อให้การป้องกันเกิดประสิทธิผลที่ดี ควรต้องอาศัยการกินที่ดีด้วยเช่นกัน หลายคนอาจจะกังวลว่า ต้องถึงขั้นควบคุมอาหารเลยหรือเปล่า? คำตอบคือไม่ถึงขั้นอดอาหารหรือ ปรับเปลี่ยนวิธีกาสรกินเสียทีเดียว โดยวิธีการกินนั้นก็คือการเลือกอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน A และ B โดยแนะนำว่าอาหารจำพวกธัญพืชนี่เป็นทางเลือกที่ดีมากๆ และถ้าหากไม่ผ่านการขัดสีจะยิ่งดีมากขึ้น และเมื่อพูดถึงความชุ่มชื้นแล้วก็ต้องนึกถึงน้ำ ดังนั้นการดื่มน้ำดื่มสะอาดไม่ตำกว่าวันละ 8 แก้วนั้นจะช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นและเปล่งปลั่ง ซึ่งเป็นการป้องกันอาการหน้าลอกเป็นขุยได้อย่างดี
และนี่ก็คือวิธีที่แสนง่ายในการป้องกันอาการหน้าลอกเป็นขุย โดยสามารเริ่มทำได้ง่ายๆ ซึ่งวิธีเหล่านี้ไม่จำเป็นจะต้องให้ถึงฤดูหนาวแล้วค่อยทำ แต่สามารถทำได้ทันทีหากพบว่าตัวเองมีอาการหน้าลอกเป็นขุย สุดท้ายนี้ก็ของให้สาวๆมีความสุขกับการรักษาสุขภาพผิว และมีสุขภาพร่างการแข็งแรงนะครับ!

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

อยากหน้าเนียนแบบประหยัดงบ ทำยังไงดี?

                เป็นคำถามสำหรับคนอยากหน้าเนียน ว่าจะมีวิธีอย่างไรบ้างที่ทำให้ตนนั้นหน้าดูเนียนนุ่มสวย ยิ่งสมัยนี้มีเครื่องสำอางจำพวกมาส์กหน้าขายอยู่มากมายหลายสูตร ชนิดที่ว่าเลือกใช้กันแทบไม่ถูกเลยทีเดียว ยิ่งในช่วงที่มีการลดแลกแจกแถม สาวๆก็นิยมซื้อเครื่องสำอางตุนกันเต็มที่ แต่พอถึงเวลาที่มาส์กหน้าเหล่านี้ขายตามราคาปกติ ก็อาจจะทำใจลำบากเช่นกัน ดังนั้นในบทความนี้ขอแนะนำวิธีต่างๆเพื่อใบหน้าที่สวยสำหรับคนอยากหน้าเนียน โดยไม่รบกวนเงินในกระเป๋าสตางค์เพียงไม่กี่บาท

1. มาส์กไข่ขาวแบบ DIY
มาส์กสูตรอมตะมีมาแต่โบราณ ทำได้ง่ายโดยการใช้ไข่ขาวหนึ่งใบตีให้ให้เข้าเข้ากันเป็นโฟม (อย่าลืมเอาข่แดงออกด้วยนะ) จากนั้นก็ทางลงบนใบหน้าที่เพิ่งล้างมา โดยทาทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำอุ่น สาวๆจะรู้สึกถึงความเต่งตึงของผิวหน้าได้และรูขุมขนที่เล็กลงทันที หรือจะนำมาดัดแปลงไปเป็นมาส์กลอกสิวได้ด้วยการนำกระดาษทิชชู่แปะลงบนหน้าจากนั้นก็นำไข่ขาวทาทับ รอให้กระดาษแห้งแล้วค่อยๆลอก จากนั้นก็เตรียมตัวฟินกับสิวและคราบสกปรกที่ถูกลอกติดกระดาษทิชชู่ได้เลย

2. หน้านุ่มด้วยน้ำผึ้ง กะทิ ข้าวโอ๊ต
สำหรับสาวๆที่อยากหน้าเนียนขอแนะนำสูตรนี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก วิธีการทำก็มีอยู่ไม่ยาก โดยการนำข้าวโอ๊ต 1 กำมือ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ และกะทิปริมาณที่มากพอจะทำให้เป็นเนื้อครีม นำทั้งสามอย่างมาผสมคนเข้าด้วยกันจนเป็นครีม แล้วนำมามาส์กที่ใบหน้าทิ้งไว้สักพักประมาณ 15 นาที โดยข้าวโอ๊ตจะช่วยสครับผิวตอนล้างออก กะทิทำให้หน้าเนียน และนำผึ้งมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อโรคอย่างอ่อนๆ สามสิ่งนี้จะทำมให้สาวๆรู้สึกหน้าเนียน จนอยากจับหน้าตัวเองทั้งวัน

3. มาส์กมะเขือเทศกับโยเกิร์ต
นำมะเขือเทศ 1 ลูกมาบด ผสมด้วยโยเกิร์ต 1 ช้อโต๊ะ หยอดน้ำมันมะกอกลงหน่อยๆ แล้วตามด้วยน้ำส้มสายชูอีกสัก 2-3 หยด โดยตัวมะเขือเทศจะช่วยเปิดรูขุมขน ส่วนน้ำส้มสายชูจะเข้าไปทำลายเชื้อโรค และโยเกิร์ตนั้นก็ทำให้หน้าเนียนนุ่มสะอาด ช่วยผลัดผิวอย่างอ่อนโยน โดยให้ทาทิ้งไว้ที่ใบหน้าประมาณ 15 นาทีแล้วค่อยล้างออก แล้วสาวๆจะรับรู้ถึงใบน้าอันนุ่มได้ทันใจ โดยเป็นอีกสูตรที่เหมาะสำหรับคนอยากหน้าเนียน

4. ไข่ขาวกับน้ำส้ม ช่วยให้หน้าเนียน
วิธีนี้ทำได้ง่ายโดยการนำไข่ขาวไปตีในชามจากนั้นก็เติมน้ำส้มคั้นลงไป 2-3 ช้อนโต๊ะ จาหนั้นนำข้าวโอ๊ตที่แช่จนนิ่มแล้วใส่ลงไปในชามแล้วตีให้เข้ากันอีกเพื่อเพิ่มความหนืด เมื่อได้ครีมมาส์กแล้วให้นำมาทาที่ใบหน้า โดยไข่นั้นอุดมไปด้วยโปรตีนช่วยลดการเกิดสิว น้ำส้มอุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยทำความสะอาดผิวและผลัดผิวอย่างอ่อนโยน ส่วนข้าวโอตนั้นนอกจะจะเป็นส่วนที่ช่วยให้ครีมหนืดแล้ว ยังเป็นตัวช่วยในการสครับใบหน้าที่แสนอ่อนโยนด้วย

5. แตงกวา ไข่ขาว และมะนาว
เริ่มจากล้างแตงกวาให้สะอาด แล้วก็หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นนำไปปั่นโดยไม่ต้องปลอกเปลือก แล้วนำแตงกว่าที่ปั่นได้ไปผสมกับไข่ขาว คนให้เข้ากันจนเป็นครีมข้น แล้วเติมน้ำมะนาวเข้าไป จากนั้นนำครีมมาส์กที่ได้ไปทาที่หน้าแต่ให้เว้นที่ตาและปาก ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำ เป็นอีกสูตรที่เหมาะสำหรับคนอยากหน้าเนียน ทำแบบนี้ประมาณ 2 สัปดาห์ ผิวหน้าก็จะเรียบเนียนได้ไม่ยาก
ทั้งหมดเป็นวิธีเล็กๆน้อยๆสามารถตอบโจทย์สาวๆที่อยากหน้าเนียน แต่ไม่ต้องการรบกวนกระเป๋าสตางค์ได้เป็นอย่างดี และด้วยวิธีเหล่านี้สมารถทำได้ง่ายและวัตถุดิบก็สามารถหาซื้อได้ที่ร้านสะดวกซื้อทั่วไป สาวๆคงไม่ต้องคิดหนักเรื่องการทำหน้าเนียนเป็นแน่ นอกจากดูแลใบหน้าแล้วอย่าลืมดูแลร่างกายส่วนอื่นๆด้วย เพราะคนที่ดูดีจะต้องดูดีทุกส่วน ขอให้มีความสุขกับวิธีดูแลใบหน้าให้เนียนนะครับ

อยากหน้าเนียนมากขึ้นโดยไม่ต้องเนื่อยหาวัตถุดิบมาสครับผิวเอง ทำยังไงดี?
 คนส่วนใหญ่อยากที่จะมีใบหน้าที่เนียนสวย ผิวหนังกระชับ รูขุมขนเล็กแต่งหน้าง่าย และไม่ดูขัดตา ซึ่งการที่จะมีใบหน้าเช่นนั้นในครอบครองก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะสามารถสร้างได้ด้วยสูตร และเคล็ดลับดังที่ได้กล่าวถึงไปแล้วในตอนต้น แต่สำหรับใครที่ไม่อยากเหนื่อยที่จะต้องออกไปตามหาวัตถุดิบ เพื่อนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในการทำครีมหน้าเนียน แล้วกำลังมองหาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวดีๆสักชิ้น ที่มีคุณสมบัติในการบำรุงผิวที่เท่าเทียม หรือดีกว่าอยู่ล่ะก็ ในวันนี้ผู้เขียนก็มีผลิตภัณฑ์เวชสำอาง์ดีๆ ที่ช่วยในบำรุงผิวพรรณ นำเข้าจากประเทศเกาหลีมาฝากให้ลองกัน

Dr.Young  Pore Tightening Serum
ผลิตภัณฑ์ Dr.Young  Pore Tightening Serum มีส่วนผสมหลักจากสารสกัดจากต้นวิชฮาเซล (Witch Hazel Extract) ซึ่งป็นต้นไม้ในแถบอเมริกาเหนือ มีคุณสมบัติในการช่วยกระชับผิว กระชับรูขุมขน พร้อมปรับสภาพให้รูขุมขนที่ลึกให้ค่อยๆตื้นขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยในการกระตุ้นการ Elastin และ Collagen ใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวเกิดความกระชับ เต่งตึง เรียบเนียน อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิวพร้อมกับปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆอีกด้วย และยังช่วยในการปรับลดการสร้างน้ำมัน (Sebum) ส่วนเกินจากต่อมไขมันในผิวหนัง ด้วยส่วนผสมที่อ่อนโยนจากธรรมชาติ ทำให้ผลิตภัณฑ์ Dr.Young  Pore Tightening Serum  สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว แม้แต่กับผิวที่แห้งหรือผิวที่แพ้ง่าย ดังนั้นเมื่อทำการปรับสภาพผิวด้วยการสครับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การใช้ผลิตภัณฑ์ Dr.Young  Pore Tightening Serum ก็จะเป็นการช่วยฟื้นฟู ไปพร้อมกับปกป้องสภาพผิวของคุณเอาไว้แข็งแรง สวยงามอย่างยาวนานเลยทีเดียว
นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ Dr.Young  Pore Tightening Serum ยังได้รับเครื่องหมาย Ecocert เป็นเครื่องหมายรับรอง “มาตรฐานการกำกับกระบวนการผลิตแบบอินทรีย์” ของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรที่เป็นผู้นำของตรารับรองมาตรฐานการใส่ใจธรรมชาติที่มีชื่อเสียงในระดับสากล ที่ได้รับการยอมรับว่าเทียบเท่ากับกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา สัญลักษณ์ Ecocert จะมอบให้กับเฉพาะกับสินค้าคุณภาพระดับสูง และถูกกำกับดูแลขั้นตอนการผลิตทั้งหมดอย่างละเอียด ตั้งแต่การสร้างสูตร การผลิต การบรรจุ และบรรจุภัณฑ์ เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับสินค้าที่ได้มาตรฐาน ซึ่งในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เสริมความงามและดูแลรักษาผิวพรรณจำนวนไม่มากนักในประเทศเกาหลี ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตจาก Ecocert

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

เผยความลับของเมือกปลาดาว นวัตกรรมบำรุงผิวแบบใหม่จาก เบสท์ ซีครีม

 
“เมือกปลาดาว” อาจจะฟังดูเป็นสารสกัดในการบำรุงผิวที่ไม่ค่อยจะคุ้นหูนัก เนื่องจากเป็นนวัตกรรมสารสกัดตัวใหม่ที่พึ่งจะเริ่มเข้ามามีความนิยมในประเทศไทยในขณะที่ได้รับความนิยมในการนำเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ของต่างๆประเทศมานานหลายปีแล้ว ในประทศไทยปัจจุบันก็มีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าเพียงไม่กี่ตัวที่มีส่วนผสมของเมือกปลาดาว เช่น ผลิตภัณฑ์น้องใหม่ที่กำลังมาแรงอย่างเบสท์ ซีครีม เป็นต้น ดังนั้นเพื่อให้คุณสาวๆสามารถมีใบหน้าที่สวยใสไม่ตกเทรนด์ ในวันนี้จึงจะขอพาไปทำความรู้จักกับเจ้าเมือกปลาดาวว่า มันมีประโยชน์ในการบำรุงผิวหน้าอย่างไรกันบ้าง

ความลับของปลาดาว
ปลาดาว เป็นสัตว์ทะเลที่รู้จักกันดี เนื่องจากรูปร่าง และสีสันที่เด่นสะดุดตา อีกทั้งยังมีคุณสมบัติสุดมหัศจรรย์ในการงอกเซลล์ขึ้นใหม่ได้ อีกทั้งยังมีหน่วยความจำที่ทำการจดจำรูปร่างดั้งเดิมเอาไว้ ทำให้แม้จะเกิดบาดแผล รอยยุบหรือหลุมขึ้นที่ผิว ผิวของปลาดาวก็จะสามารถกลับมาเรียบเนียนเต่งตึงได้เช่นเดิม
จากการค้นคว้าวิจัยความมหัศจรรย์ปลาดาวมาอย่างยาวนาน ในที่สุดนักวิจัยก็สามารถไขความลับและพบว่าเมือกของปลาดาวภายในอ้อมแขนทั้ง 5 เสมือนเป็นตัวแทนในการดูแลรักษา 5 ปัญหาผิว ได้แก่  ริ้วรอย, ผิวขาว, กระชับเต่งตึง, ความชุ่มชื้น และการฟื้นฟูบำรุงผิว โดยเฉพาะเมือกปลาดาวจากประเทศแคนาดานั้น มีประสิทธิภาพในการบำรุงผิวที่ดีที่สุดในโลก

สารสกัดจากเมือกปลาดาว (Juventide) มีโมเลกุลขนาดเล็กที่สามารถซึมลงสู่ชั้นผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ สารสกัดจากเมือกปลาดาวนั้น มีคุณสมบัติคล้ายกับ Vitamin – A  และ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ต่อต้านริ้วรอยแห่งวัย  ลดความหย่อนคล้อยของผิว ฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลายจากแสงแดด ช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลง บำรุงผิวให้เรียบเนียนนุ่ม กระชับเต่งตึงมากขึ้น พร้อมกับเสริมสร้างสุขภาพผิวแข็งแรงมากยิ่งขึ้น
ด้วยคุณสมบัติในการช่วยบำรุงผิวพรรณได้อย่างน่าอัศจรรย์ดังกล่าว ทำให้ผลิตภัณฑ์เบสท์ ซีครีม ได้นำเมือกปลาดาวมาเป็นหนึ่งในส่วนประกอบหลักของเนื้อครีมเบสท์ ซีครีม รวมกับส่วนประกอบอื่นๆที่ทรงคุณค่าจากท้องทะเล อาทิเช่น สารสกัดจากไข่มุก,สารสกัดจากแพลงตอนทะเล, Astaxanthin, สารสกัดจากแมงกะพรุน และสารสกัดจากรังไข่ปลาแซลมอน เป็นต้น

เบสท์ ซีครีม มีประโยชน์ในการบำรุงผิวอย่างไร?
เนื่องจากผลิตภัณฑ์เบสท์ ซีครีม มีส่วนผสมจากส่วนประกอบของเมือกปลาดาว และสารสกัดอื่นๆจากท้องทะเลที่ได้ทำการกล่าวถึงไปแล้วในข้างต้น ทำให้เบสท์ ซีครีมมีคุณสมบัติในการบำรุงผิว ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดย ช่วยทำให้ผิวขาวกระจ่างสดใส ผิวนุ่มเนียน น่าสัมผัส ลดรอยหมองคล้ำ ลดเลือนริ้วรอย กระชับรูขุมขน เสริมสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ยกกระชับผิวให้เต่งตึง เสริมสุขภาพผิวให้แข็งแรง ผิวชุ่มชื้น ผิวดูอ่อนเยาว์กว่าวัย และยังช่วยป้องกันผิวจากอนุมูลอิสระ ด้วยคุณสมบัติที่เรียกได้ว่าครบเครื่องในการบำรุงผิวพรรณดังกล่าว ทำให้เบสท์ ซีครีม กลายมาเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์น้องใหม่มาแรงที่น่าจับตามองของคุณสาวๆสำหรับปีนี้กันเลยทีเดียว

รวบรวมประสบการณ์ของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ Best Sea Cream
จากการรวบรวมข้อมูล ความคิดเห็น และประสบการณ์ของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ Best Sea Cream จากเว็บไซต์ รวมไปถึงเว็บบอร์ดที่ได้รับความนิยมในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆในอินเทอร์เน็ต หลังจากที่ใช้ผลิตภัณฑ์ Best Sea Cream ในการบำรุงผิวหน้าเป็นประจำทุกวัน กลุ่มผู้ใช้มีความเห็น ดังต่อไปนี้

            หลังจากที่ใช้ผลิตภัณฑ์ Best Sea Cream เป็นประจำ ถือว่าเป็นครีมที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีแก่ผิวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆตามระยะเวลาที่ใช้อย่างรวดเร็ว ซึ่งผู้ใช้ส่วนใหญ่มีความเห็นที่ค่อนข้างตรงกันว่า สำหรับคนที่เป็นสิวอักเสบบนใบหน้า เมื่อใช้แล้วสิวจะยุบตัวหายไปอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลา 1-3 วัน ในขณะที่สิวใหม่ที่กำลังขึ้นมาบนใบหน้าก็ยุบตัวลงตั้งแต่เพียงการใช้ครั้งแรก ส่วนสำหรับผลลัพธ์ผิวขาว หน้าใสเป็นเงางามมากขึ้น และรูขุมขนที่กระชับมากขึ้นนั้น มักจะเห็นผลอย่างชัดเจนหลังจากที่ใช้ต่อเนื่องเป็นประจำประมาณ 2 สัปดาห์ นอกจากนี้ Best Sea Cream ยังช่วยในการลดเลือนร่องรอยแผลเป็น และรอยด่างดำที่มักเกิดขึ้นจากกหลุมสิวให้แลดูลดลงอย่างมากอีกด้วย 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

Best Sea Cream มหัศจรรย์ผิวขาวหน้าใส ความลับแห่งท้องทะเลที่คุณต้องลอง

            ผิวหน้าหมองคล้ำขาดความขาวกระจ่างสดใส ผิวเสียหยาบแห้งกร้านขาดความชุ่มชื้น เต็มไปด้วยริ้วรอย หย่อนคล้อย หน้ามันจากรูขุมขนที่เปิดกว้าง และรอยแผลเป็นจากสิว เป็นปัญหาทางด้านผิวพรรณที่มักเกิดขึ้นกับคุณสาวๆ ในเมืองร้อนอย่างประเทศไทย ซึ่งสร้างความท้าทายให้กับเหล่าผู้เชี่ยวชาญ และนักวิจัย ให้มีการพยายามคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้หมดไป

ซึ่ง ณ เวลานี้ ก็มีผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิวหน้าตัวใหม่เอี่ยม ที่เตรียมตัวจะออกมาอวดสรรพคุณสุดมหัศจรรย์ในการบำรุงผิวอย่างโดดเด่น ด้วยแนวคิดการนำนานาสารสกัดอันทรงคุณค่าจากใต้ท้องทะเลมาใช้บำรุงผิวหน้า พร้อมกับแก้ไขสารพัดปัญหาผิวพรรณ ภายใต้ชื่อ Best Sea Cream ผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิวหน้าน้องใหม่ที่ กำลังมาแรงในปัจจุบัน

Best Sea Cream คืออะไร?

Best Sea Cream เป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบครีม สำหรับใช้ทาเพื่อบำรุงผิวหน้า ให้แลดูขาว กระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย และเผยผิวใหม่ที่อ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ ภายใต้สโลแกนที่น่าสนใจอย่าง “ Best Sea Cream มหัศจรรย์ผิวขาวหน้าใส ความลับแห่งท้องทะเลที่คุณต้องลอง” โดยมีส่วนผสมจากสารสกัดนานาชนิดที่เปี่ยมด้วยคุณค่าจากท้องทะเล อาทิเช่น สารสกัดจากเมือกปลาดาว จากประเทศแคนาดา, สารสกัดจากไข่มุกจากประเทศจีน, สารสกัดจากแพลงตอนทะเล จากประเทศอเมริกา, Astaxanthin จากประเทศเกาหลี, สารสกัดจากแมงกะพรุน จากประเทศอเมริกา สารสกัดจากรังไข่ปลาแซลมอน จากประเทศญี่ปุ่น  เป็นต้น ซึ่งวัตถุดิบจากท้องทะเลที่ถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมใน Best Sea Cream ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นสารสกัดชั้นหนึ่งที่ผ่านการคัดสรรด้วยความเอาใจใส่เป็นอย่างดีทั้งสิ้น
Best Sea Cream มีคุณสมบัติในการบำรุงผิวอย่างไรบ้าง?

Best Sea Cream มีจุดเด่นในการช่วยบำรุงผิวหน้ากว่า 11 ประการ ซึ่งถือว่าเหมาะสม และครอบคลุมปัญหาเรื่องผิวพรรณของคุณสาวๆในประเทศไทยได้อย่างทั่วถึง ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์เพียงชิ้นเดียว ในราคาที่เหมาะสม ดังต่อไปนี้

1.ช่วยทำให้ผิวดูขาวกระจ่างใส กระตุ้นให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ และลดกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิลให้น้อยลง
2.ช่วยลดรอยหมองคล้ำก่อนวัย
3.ช่วยลดเลือนและชะลอริ้วรอยแห่งวัยให้น้อยลง
4.ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวอย่างเป็นธรรมชาติ
5.ช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลง
6.ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง
7.ช่วยลดความหย่อนคล้อย และยกกระชับผิวให้มีความเต่งตึงมากยิ่งขึ้น
8.ช่วยทำให้ผิวนุ่ม เรียบเนียนน่าสัมผัสมากยิ่งขึ้น
9.ช่วยเสริมสร้างสุขภาพของผิวให้แข็งแรง ฟื้นฟู และลดอาการอักเสบของผิวจากแสงแดด
10.ช่วยเพิ่มและกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว
11.ช่วยป้องกันผิวจากการถูกทำร้ายโดยอนุมูลอิสระ
กล่าวโดยสรุป Best Sea Cream นอกจากจะเป็นผลิตภัณฑ์ครีมที่ช่วยบำรุงฟื้นฟูให้ผิวกลับมาขาว สดใส นุ่มเนียนขึ้นแล้ว ยังช่วยทำให้ผิวมีความแข็งแรงขึ้น พร้อมกับช่วยป้องกันผิวจากการถูกทำร้าย นอกจากนี้ Best Sea Cream ยังเหมาะกับทุกสภาพผิว แม้แต่กับคุณสาวๆที่มีผิวที่แพ้ง่าย ก็ยังสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ Best Sea Cream ได้อย่างสบายใจไร้ความกังวลอีกด้วย

Best Sea Cream กับรายการวุ้ดดี้ตื่นมาคุย

Best Sea Cream ปลอดภัยหรือเปล่า?

Best Sea Cream ให้ความใส่ใจกับมาตรฐานความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นหลัก ด้วยการใช้นวัตกรรมกระปุกสุญญากาศ ป้องกันอากาศและเชื้อโรคจากภายนอกไม่ให้เข้ามาแฝงตัวทำร้ายผิว หรือลดทอนประสิทธิภาพในการบำรุงดูแลผิวพรรณให้น้อยลง ทำให้เนื้อครีมมีความปลอดภัย สดเหมือนใหม่อยู่ตลอดเวลา

นอกจากนี้ Best Sea Cream ยังได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เลขที่ 10-1-5718547 ซึ่งสามารถช่วยสร้างความมั่นใจให้กับคุณสาวๆได้ว่า ผลิตภัณฑ์ Best Sea Cream มีความปลอดภัยไม่ใช่เป็นเพียงแค่ครีมผีบอกหลอกลวงผู้บริโภค ด้วยการผสมสารที่เป็นอันตรายต่อผิวเพียงเพื่อผลประโยชน์ทางการค้าอย่างแน่นอน

รวบรวมประสบการณ์ของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ Best Sea Cream
จากการรวบรวมข้อมูล ความคิดเห็น และประสบการณ์ของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ Best Sea Cream จากเว็บไซต์ รวมไปถึงเว็บบอร์ดที่ได้รับความนิยมในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆในอินเทอร์เน็ต หลังจากที่ใช้ผลิตภัณฑ์ Best Sea Cream ในการบำรุงผิวหน้าเป็นประจำทุกวัน กลุ่มผู้ใช้มีความเห็น ดังต่อไปนี้

            หลังจากที่ใช้ผลิตภัณฑ์ Best Sea Cream เป็นประจำ ถือว่าเป็นครีมที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีแก่ผิวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆตามระยะเวลาที่ใช้อย่างรวดเร็ว ซึ่งผู้ใช้ส่วนใหญ่มีความเห็นที่ค่อนข้างตรงกันว่า สำหรับคนที่เป็นสิวอักเสบบนใบหน้า เมื่อใช้แล้วสิวจะยุบตัวหายไปอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลา 1-3 วัน ในขณะที่สิวใหม่ที่กำลังขึ้นมาบนใบหน้าก็ยุบตัวลงตั้งแต่เพียงการใช้ครั้งแรก ส่วนสำหรับผลลัพธ์ผิวขาว หน้าใสเป็นเงางามมากขึ้น และรูขุมขนที่กระชับมากขึ้นนั้น มักจะเห็นผลอย่างชัดเจนหลังจากที่ใช้ต่อเนื่องเป็นประจำประมาณ 2 สัปดาห์ นอกจากนี้ Best Sea Cream ยังช่วยในการลดเลือนร่องรอยแผลเป็น และรอยด่างดำที่มักเกิดขึ้นจากกหลุมสิวให้แลดูลดลงอย่างมากอีกด้วย 

แก้ไขปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำอย่างง่ายๆด้วยตัวคุณเอง

       เมื่อมองดูภาพของตัวเองในกระจก ถ้าหากโชคดีคุณสาวๆก็จะสามารถมองเห็นสาวน้อยที่มีผิวหน้าสวยเรียบเนียน แต่สำหรับคุณสาวๆบางคนอาจจะไม่กล้ามองกระจก เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าสิ่งที่สะท้อนกลับมานั้นคือ ผิวหน้าหมองคล้ำ ริ้วรอย และจุดด่างดำ จำนวนมากมายเสียจนไม่กล้าที่จะทนมองดูต่อไปได้ สิ่งที่เกิดเหล่านั้นเป็นข้อบกพร่อง ที่แสดงให้เห็นถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผิว จากสิ่งแวดล้อม มลภาวะ แสงแดด และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากตัวคุณสาวๆในขณะที่มีอายุมากขึ้นนั่นเอง

คำถาม : เราสามารถซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้นจนทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำได้หรือเปล่า?

คำตอบ : แน่นอน คุณสามารถทำได้ ถ้าหากรู้จักการดูแลรักษาที่ถูกวิธี ด้วยส่วนผสมที่เหมาะสม

ถ้าหากคุณสาวๆคนใดกำลังมองหาวิธีการดูแล ซ่อมแซม รักษา ผิวหน้าหมองคล้ำให้กลับมาสวยเรียบเนียนเหมือนกับได้วัยเยาว์คืนมาแล้วล่ะก็ ให้ลองทำการอ่านข้อเสนอสุดพิเศษจากบทความด้านล่างนี้

สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ

ผิวหน้าหมองคล้ำมักเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ที่มักจะประสบในชีวิตประจำวัน ซึ่งถ้าหากคุณสาวๆเลือกได้ก็ควรพยายามที่จะหลีกเลี่ยง ดังต่อไปนี้
 1.แสงแดด เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ผิวของคุณสาวๆถูกทำร้ายจนกระทั่งผิวหน้าหมองคล้ำขึ้น
   2.สภาพอากาศที่รุนแรง เช่น ลม ฝน อากาศเย็นที่รุนแรงมากกว่าปกติ ก็ล้วนแต่เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำเสียมากยิ่งขึ้นได้เช่นกัน
 3.มลพิษทางสภาวะแวดล้อม เช่น ควันรถ ควัน ฝุ่นละออง เป็นต้น
 4.การคายน้ำของผิว ที่เกิดขึ้นจากความร้อน ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นแห้งกร้าน จนกระทั่งผิวหน้าหมองคล้ำขึ้นในที่สุด
5.ควันบุหรี่ การสูบและการสัมผัสกับควันบุหรี่โดยตรง ทำให้ผิวของคุณสาวๆคล้ำเสียขึ้นได้เช่นเดียวกัน
6.การสัมผัสกับสารเคมีที่รุนแรง จนกระทั่งทำให้เกิดอาการแพ้ หรือกัดกร่อนผิวหนังขึ้น
       7.การอบซาวน่า โดยใช้เครื่องอบซาวน่าแบบส่วนตัว ก็มีโอกาสที่จะทำให้ผิวคล้ำเสียขึ้นได้เช่นกัน
    8.อาหารที่ไม่ดี เช่น อาหารประเภทจังค์ฟู้ด มีไขมันมาก หรือการรับประทานอาหารที่ด้อยโภชนาการเป็นประจำ
 9.ขาดการออกกำลังกาย ทำให้สุขภาพของผิวไม่ดีเท่าที่ควร
10.ความเครียด เป็นศัตรูตัวฉกาจที่ทำให้ผิวของคุณสาวๆคล้ำเสียมากขึ้น
11.แอลกฮอลล์และยาเสพติด ทั้งสองสิ่งเป็นของต้องห้ามอย่างเด็ดขาดสำหรับผู้ที่ต้องการมีสุขภาพผิวที่ดี
 12.คลอรีนในสระว่ายน้ำ ถ้าหากมีระดับความเข้มข้นมากจนเกินไป ก็จะทำให้ผิวถูกทำร้ายเป็นอย่างมาก
 13.แบคทีเรีย การติดเชื้อ และความเจ็บป่วย เมื่อเกิดโรคภัย หรืออาการบาดเจ็บติดเชื้อขึ้น ก็จะทำให้สุขภาพของผิวถูกทำลายจนหมองคล้ำลงเป็นอย่างมาก

วิธีแก้ไขปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำอย่างง่ายๆด้วยตัวคุณเอง

 สำหรับคุณสาวๆที่มีปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำเกิดขึ้นแล้วก็อย่าพึ่งตื่นตกใจ เพราะอาการเหล่านั้นสามารถรักษาให้ลดน้อยลงได้ ขอเพียงแค่คุณสาวๆเริ่มต้นที่จะปฏิบัติตัวตามคำแนะนำ ดังต่อไปนี้
1.ทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี เช่น ผลไม้ ส้ม มะนาว ผักใบเขียว ผักขม พริก เป็นต้น วิตามินซีเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยในการผลิตคอลลาเจน ซึ่งช่วยทำให้โครงสร้างของผิวแข็งแรง และกระชับมากยิ่งขึ้น
2.ทานโปรตีนมากขึ้น เพราะโปรตีนมีคุณสมบัติสำคัญในการช่วยสร้างเซลล์ อาหารที่มีโปรตีนจำนวนมากได้แก่ ปลา เนื้อสัตว์ติดมัน ไข่ เต้าหู้ และถั่ว เป็นต้น
       3.ทานธาตุสังกะสี จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการสร้างโปรตีนมากขึ้น และช่วยสร้างคอลลาเจน ซ่อมแซมเซลล์เนื้อเยื่อที่สึกหรอ และเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ธาตุสังกะสีสามารถพบได้มากในอาหารประเภท ปลา ถั่วเหลือง ธัญพืชที่ไม่ขัดสี เห็ด และไข่แดง เป็นต้น
4.ตัดขาดจากอาหารขยะ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อร่างกายของคุณสาวๆ ด้วยปริมาณของน้ำตาล เกลือ ไขมันทรานส์ เป็นสิ่งที่นำไปสู่ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำทั้งสิ้น
 5.ดื่มน้ำมากๆ เนื่องจากผิวของคุณต้องการไฮเดรทจากภายใน เพื่อที่จะส่งผลให้เห็นสุขภาพผิวที่ดีสู่ภายนอกเป็นอย่างมาก
6.หมั่นออกกำลังกาย การออกกำลังกายนอกจากจะทำให้สุขภาพดีแล้ว ยังทำให้ผิวได้รับการบำรุงจากสารอาหารที่ถูกสูบฉีดมาพร้อมกับเลือดอย่างเป็นธรรมชาติ
7.สร้างสมาธิให้กับตัวเอง ด้วยการนั่งสมาธิ โยคะ ไทชิ ศิลปะบำบัด หรือการใช้เวลาร่วมกับสัตว์เลี้ยง ซึ่งจะช่วยทำให้คุฯเกิดความสงบทั้งทางร่างกาย และจิตใจ ปราศจากความเครียด

อยากมีผิวขาวใส แต่ไร้เวลา อาหารเสริมวิตามิช่วยคุณได้
 ดังที่ได้กล่าวถึงไปแล้วในตอนต้นว่า การทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี มีส่วนสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการช่วยทำให้ผิวมีการผลิตคอลลาเจน ที่มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในการเสริมโครงสร้างผิวให้มีความแข็งแรงตึงกระชับมากยิ่งขึ้น เนื่องจากปัญหาของการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ ทำให้เวลาในการเลือกซื้อ เลือกหา คัดสรรอาหารที่มีส่วนประกอบของวิตามินซีที่เพียงพอต่อชีวิตประจำวันนั้น กลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก เสียเวลาเป็นอย่างมากเลยทีเดียว การทานอาหารเสริมแร่ธษตุวิตามันซี จึงกลายเป็นสิ่งที่สามารถเข้ามาช่วยถมช่องว่าของปัญหาเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี
 การรับประทานวิตามินซีเป็นประจำทุกวัน นอกจากจะช่วยทำให้ผิวพรรณมีสุขภาพที่ดีแลดูขาว เนียน สดใสแล้ว วิตามินซียังส่งผลดีต่อประสิทธิภาพในการทำงานให้กับระบบต่างๆของร่างกายโดยรวม ช่วยในการป้องกันโรคที่ไม่พึงประสงค์ กระตุ้นระบบย่อยสลายเร่งให้เกิดการเผาผลาญนำไขมันส่วนเกินในร่างกายให้กลายเป็นพลังงาน นอกจากนี้วิตามินซียังมีคุณสมบัติสุดพิเศษในการช่วยเสริมคุณสมบัติของสารสกัดที่ทรงคุณค่าจากผลิตภัณฑ์อาหารเสริมความงามอื่นๆ ที่ ให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และแสดงผลลัพธ์ได้เป็นอย่างดี รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

 

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

ประโยชน์ล้ำค่าจากครีมทองคำ

       ขึ้นชื่อว่าทองคำ แสดงให้เห็นถึงความมีค่า หรูหรา ราคาแพง แล้วสำหรับครีมทองคำล่ะ มันคืออะไร คุณสมบัติของครีมทองคำจะเลิศหรู ดังเช่นชื่อของมันหรือไม่ บทความนี้จะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับครีมทองคำ เพื่อไขข้อข้องใจให้ผู้อ่านได้ทราบ โดยเฉพาะสาวๆที่เหมาะอย่างยิ่งในการใช้ครีมทองคำบำรุงผิวพรรณ

ครีมทองคำคืออะไร

ครีมทองคำ คือ การนำทองคำบริสุทธิ์มาเป็นส่วนประกอบในการกระตุ้นให้ผิวเกิดการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ที่ทำให้ผิวเต่งตึง ยืดหยุ่น ดูอ่อนกว่าวัย นั่นหมายความว่าครีมทองคำไม่ใช่การใช้แร่ทองคำแบบ 100% มาสะกัดทางเคมีแล้วออกมาเป็นครีมทองคำ แต่เป็นการใช้ทองคำร่วมกับส่วนประกอบอื่นๆ ที่มีคุณสมบัติในการช่วยบำรุงผิว เช่น สารไฮยาโล-โอลิโกจากประเทศญี่ปุ่น สารสกัดจากดอกลาเวนเดอร์จากฝรั่งเศส สารสกัดจากใบบัวบกและโสมจากเกาหลี หรือแม้แต่โปรตีนจากพืชกรดถั่ว เป็นต้น

       อย่างไรก็ดี ทองคำไม่ได้มีประโยชน์ในด้านความสวยความงามเพียงอย่างเดียว เพราะจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ พบว่าโลหะทองคำบริสุทธิ์ สามารถนำมาเติมในสารอาหารได้ โดยสหภาพยุโรปได้รับรองและอนุญาตให้ทองคำจัดอยู่ในกลุ่มสารเติมแต่งสารอาหาร เนื่องจากโลหะทองคำมีคุณสมบัติเฉื่อย จึงไม่มีปฏิกิริยากับสิ่งแวดล้อมในร่างกาย ดังนั้นจึงไม่มีรสชาติและถูกขับออกจากร่างกายได้โดยไม่ถูกเปลี่ยนแปลงใดๆ

นอกจากนี้ ทางการแพทย์ได้มีการทอดลองนำแร่ทองคำมาเตรียมให้อยู่ในรูปของเกลือ พบว่ามีฤทธิ์ต้านอาการอักเสบและบวมช้ำของโรคเก๊า ซึ่งได้มีการทอดลองนำมารักษาโรคดังกล่าวไม่น้อยกว่า 80 ปี เชื่อกันว่าแร่ทองคำสามารถต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจากข้อกระดูกที่อักเสบ ทำให้บรรเทาความเจ็บปวดและบวม จึงเป็นการไขข้อสงสัยกับความเชื่อของคนยุคโบราณที่ว่า ทองคำมีศักยภาพในการสมานโรค ช่วยให้สุขภาพที่ทรุดดีขึ้นได้
ครีมทองคำกับการฟื้นฟูสภาพผิว

ทองคำสามารถต้านอนุมูลอิสระได้ และส่งผลให้เกิดกลไกในการต้านอาการอักเสบของข้อกระดูก ทำให้นักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางค์เชื่อว่า ด้วยกลไกเดียวกันนี้ โลหะทองคำน่าจะมีประสิทธิภาพต้านอนุมูลอิสระของผิวหนัง รวมถึงต้านอาการอักเสบของผิวหนังที่เกิดจากรังสียูวีได้ จึงมีการนำทองคำมาประยุกต์ใช้ โดยผสมในเครื่องสำอางค์ และทำให้ครีมที่ผสมแร่ทองคำมีราคาแพงหูฉี่

      กระนั้น ปัจจุบันก็ยังเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะจากส่วนประกอบทั้งหมด จะช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า รอยตีนกา จุดด่างดำ รอยแดง รอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว เพิ่มความเนียนนุ่ม ชุ่มชื้นให้ผิวพรรณ มีออร่า เปล่งปลั่ง ขาวอมชมพูกระจ่างใส อย่างก็ตาม อย่าลืมดูให้ดีว่าผลิตภัณฑ์ที่ออกมานั้นมีคุณสมบัติที่เหมาะกับผิวหน้าหรือผิวกาย

ผลข้างเคียงจากการใช้ครีมทองคำ

 โดยปกติแร่ทองคำที่บริสุทธิ์ จะไม่เป็นพิษหรือทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อเซลล์ร่างกาย ทว่าแร่ทองคำที่ถูกเปลี่ยนแปลงในกระบวนการทางเคมีให้อยู่ในรูปของเกลือหรือโกลด์ซอลท์ หากฉีดเข้าสู่ร่างกายจะมีอันตรายต่อไตและตับ ทั้งยังยับยั้งการสร้างเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวอีกด้วย นอกจากนี้ แร่ทองคำที่ถูกเปลี่ยนแปลงทางเคมีอาจมีผลให้เกิดอาการแพ้และระคายเคืองผิวหนังได้ ซึ่งมักพบอาการในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย จนในปี 2001 แร่ทองคำได้รับการโหวตให้เป็นสารก่อภูมิแพ้ จากสมาคมโรคผิวหนังของประเทศสหรัฐอเมริกา

เมื่อได้ทราบถึงข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับครีมทองคำกันไปแล้ว โดยเฉพาะด้านคุณสมบัติอันล้ำค่าของครีมทองคำ ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละบุคคลว่ามันคุ้มค่าหรือไม่ ในการได้มาซึ่งผิวพรรณเปล่งปลั่ง สวยอมชมพู มีออร่า แลกกับราคาครีมทองคำที่ต้องจ่ายไป ทั้งนี้ ต้องบอกก่อนว่าผิวพรรณแต่ละคนไม่เหมือนกัน สาวๆบางคนใช้แล้วเห็นผลชัดเจน แต่อีกจำนวนหนึ่งที่เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา แต่กลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ดังนั้น เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับตัวเราถือเป็นการดี

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

นวัตกรรมความงาม กับ “เมโสหน้าใส”

       หนุ่มๆสาวๆสมัยนี้หันมาใส่ใจสุขภาพความงามมากขึ้น ยิ่งเฉพาะการดูแลใบหน้านั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ควรใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ ด้วยยุคปัจจุบันมีความทันสมัยด้านเทคโนโลยีความสวยความงามมากมาย แต่วิธีที่จะแนะนำในวันนี้ คือ การทำเมโสเทอราพี (Mesotherapy) หรือ เมโสหน้าใส ซึ่งการทำเมโสหน้าใสนั้นถูกค้นพบโดยแพทย์ชาวฝรั่งเศสเป็นการรักษาปัญหาความงามที่ใช้กันมากว่า 100 ปีแล้ว

หลักการของการทำเมโสเทอราพี คือ การใช้เข็มขนาดเล็ก ฉีดตัวยาเข้าไปในชั้นผิวตื้น ที่เรียกว่า “ชั้นเมโส” แต่การกระจายของตัวยาอาจไม่ดีนัก จึงต้องใช้วิธีฉีดยาในปริมาณสารที่ฉีด 0.1-0.2 ซีซี ต่อจุด ฉีดลึกไปในเซลล์ผิวประมาณ 5-10 มิลลิเมตร ระยะห่างไม่เกิน 0.5-1 เซนติเมตร ในบริเวณที่ต้องการและมีการฉีดซ้ำทุกๆ 7-14 วัน

       การทำเมโสหน้าใส สามารถรักษาปัญหาผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ รอยแผล แผลเป็นสิว ฝ้า กระ ริ้วรอย และจุดด่างดำ ทั้งหมดนี้คือปัญหาที่พบบน “ใบหน้า” การทำเมโสหน้าใสจึงได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการฉีดสารแอนติออกซิเดนท์ และมัลติวิตามิน เข้าไปในชั้นผิวโดยตรง เพื่อเป็นการกระตุ้นและฟื้นฟูเซลล์ผิวจากภายใน ทำให้จุดด่างดำและริ้วรอยจางลง เมื่อรักษาอย่างต่อเนื่องผิวหน้าจะขาวใส เรียบเนียนยิ่งขึ้น ซึ่งจะให้ผลเร็วกว่าการทาครีมบำรุงผิวเพียงอย่างเดียว ด้วยเทคนิคที่ช่วยให้ตัวยาออกฤทธิ์ในชั้นผิวหนังได้ดีกว่าและมีประสิทธิภาพในการผลักตัวยาให้ได้ผลอย่างล้ำลึก

นอกจากนี้ เมโสเทอราพี ยังสามารถรักษาปัญหาอื่นได้อีก คือ

การลดไขมันส่วนเกิน หรือ เมโสแฟต โดยรักษาด้วยวิธีการฉีดสารเข้าไปขัดขวางการสะสมของไจมันและสลายไขมันที่มีอยู่ เมโสแฟต ได้รับความนิยมมากเพราะช่วยเร่งการเผาผลาญไขมัน ลดปัญหาเซลลูไลต์ส่วนเกินบนใบหน้าและจุดต่างๆของร่างกาย เช่น คาง แก้ม ปีกจมูก ท้องแขน พุง สะโพก ต้นขาและน่อง โดยเป็นการฉีดสารจากถั่วเหลืองและวิตามินหลายชนิด ไปยังบริเวณที่สะสมไขมัน กระตุ้นให้ไขมันสะสมถูกปล่อยออกมาทางปัสสาวะและอุจจาระ จนทำให้เนื้อบริเวณนั้นตึงกระชับ ควรได้รับการแนะนำทางโภชนาการ ควบคู่กับการควบคุมอาหารในแต่ละมื้อ รวมถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จึงจะเกิดผลลัพธ์สูงสุด

       การแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง โดยรักษาด้วยวิธีการฉีดส่วนผสมของวิตามินบำรุงรากผม ร่วมกับสารกระตุ้นการไหลเวียนของเส้นเลือดที่มีหล่อเลี้ยงรากผมโดยตรง ร่วมกับการใช้ยารับประทาน และยาทา เพื่อรกระตุ้นให้ผมขึ้นมาใหม่อย่างเป็นธรรมชาติ 

       “เมโสหน้าใส” เป็นเทคนิคที่เห็นผลดีและมีความปลอดภัย ผู้รับการรักษาไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น แต่เมโสหน้าใสต้องรักษาด้วยการประเมินจากแพทย์ เพื่อกำหนดปัญหาที่ต้องการแก้ไขร่วมกัน แพทย์จะให้คำแนะนำและเสนอทางเลือกสารและยาชนิดต่างๆเพื่อใช้ในการรักษาที่ตรงกับปัญหาของคนไข้มากที่สุด โดยก่อนฉีดยาแพทย์จะพิจารณาว่าผู้รับการรักษามีข้อห้ามในการฉีดหรือไม่ อาทิเช่น 

  • สตรีมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
  • คนที่มีประวัติโรคระบบหลอดเลือดผิดปกติในสมอง เช่น เส้นเลือดสมองตีบ หรืออุดตัน
  • คนที่มีประวัติภาวะความดันโลหิตต่ำ
  • คนที่มีประวัติโรคหัวใจและการรักษาด้วยยาหลายแขนง 
  • คนที่มีประวัติโรคเลือดผิดปกติ โรคมะเร็ง
  • คนที่เป็นโรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ

       ผลของการทำเมโสหน้าใส จะขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาที่ต้องการแก้ไขของคนไข้แต่ละคนที่มีความแตกต่างกัน โดยมีองค์ประกอบของพันธุกรรม สภาพผิว ระยะเวลาการทิ้งปัญหาผิว อายุ เพศ หากต้องการผิวหน้าที่ผ่องใส มักจะเลือกใช้สารอาหารกลุ่มวิตามินซี วิตามินบี กรดวิตามินเอ สารสกัดจากชะเอมเทศ หรือลิโคไรซ์ โคเอนไซม์ กรดอะมิโน กรดไฮยาลูโรนิกที่ใช้ความชุ่มชื้น คอลลาเจนที่ให้ความแข็งแรงกับเซลล์ผิว

การดูแลรักษาใบหน้าของเราให้ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนควรตระหนักให้มาก เพราะใบหน้า เป็นอวัยวะที่สร้างความประทับใจในครั้งแรกที่พบปะกับผู้คนมากมาย เราจึงควรดูแลรักษาสภาพผิวหน้าให้เปล่งปลั่งและดูดีอยู่เสมอ ด้วยเทคโนโลยีเสริมความงามที่ทันสมัยอย่างการทำ “เมโสหน้าใส” นั้นเอง

สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.

รวมมิตรสูตรหน้าขาวใสด้วยมะเขือเทศ

คุณสาวๆที่รักความสวยงาม และชื่นชอบให้ใบหน้าของตัวเองขาวใสอยู่ตลอดเวลานั้น ย่อมต้องเคยได้ยินผ่านหูกันมาบ้างว่าเจ้ามะเขือเทศที่เรารู้จักกันดีนั้น มีสรรพคุณที่สามารถช่วยทำให้หน้าขาวใสขึ้น ซึ่งบทความชิ้นนี้ได้ทำการรวบรวมข้อมูลว่าเจ้ามะเขือเทศสามารถช่วยให้หน้าขาวใสขึ้นได้อย่างไร รวมไปถึงวิธีการต่างๆในการนำมะเขือเทศมาใช้เพื่อเสริมความงาม เพื่อให้คุณสาวๆได้มีใบหน้าที่ขาวใสสวย ปิ๊งได้อย่างๆง่ายๆด้วยตัวเอง

มะเขือเทศช่วยทำให้หน้าขาวใสขึ้นได้อย่างไร

ในมะเขือเทศจะมีส่วนประกอบของสาร Curotenoid และวิตามินอีกหลายชนิด เช่น วิตามินเอ ซึ่งช่วยในการสร้างสุขภาพผิวที่ดี และยังช่วยกำจัดน้ำมันส่วนเกินออกไป วิตามินซี วิตามินอี เป็นต้น น้ำจากผลมะเขือเทศสุกจะมีสาร Licopersioin ซึ่งมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย และอุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ รวมไปถึงกรด AHA ด้วยส่วนประกอบเหล่านี้ทำให้มะเขือเทศจึงมีสรรพคุณในการช่วยสมานผิว ลดรอยเหี่ยวย่น และจุดด่างดำให้น้อยลง อีกทั้งยังช่วยในการผลัดเซลล์ผิวที่คล้ำเสียเสื่อสภาพให้หลุดออก ทำให้ชั้นผิวใหม่ที่เกิดขึ้นมาดูกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น

การนำมะเขือเทศมาใช้ในการบำรุงใบหน้าให้ขาวใส

มะเขือเทศถูกนำมาประยุกต์ใช้เพื่อช่วยในการบำรุงรักษาความงามของผิวพรรณมาตั้งแต่อดีต ซึ่งคุณสาวๆสามารถที่จะเลือกนำวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองไปใช้ได้ ดังต่อไปนี้

       1.มะเขือเทศสดพอกหน้า โดยการนำมะเขือเทศสุกมาทำการฝานให้เป็นแผ่นบางๆ และแปะลงบนผิวหน้าในบริเวณที่ต้องการทำการพอกได้โดยตรง ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที สามารถทำได้เป็นประจำทุกสัปดาห์

2.ครีมมะเขือพอกหน้า โดยการนำมะเขือเทศไปปั่น หรือบดให้ละเอียด จากนั้นให้ทำการกรองเอาแต่น้ำ แล้วผสมเข้ากับส่วนประกอบอื่นๆที่มีสรรพคุณในการช่วยบำรุงผิวพรรณ เช่น ข้าวโอ๊ต รำข้าว เป็นต้น เมื่อทำการผสมจนเข้าเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ให้ทำการล้างหน้าให้สะอาด เช็ดให้แห้ง จากนั้นให้ทำการพอกครีมมะเขือเทศทิ้งเอาไว้ประมาณ 15-30 นาที แล้งจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด

       3.การถูใบหน้าด้วยมะเขือเทศสุก นำมะเขือเทศสุกมาฝานเป็นชิ้นหนาๆ ขนาดพอดีมือ จากนั่นนำชิ้นมะเขือเทศเหล่านั้นทำการถูให้ทั่วใบหน้า และลำคอเบาๆ โดยพยายามเน้นในบริเวณที่มีสิวเสี้ยน เช่น จมูก คาง เป็นต้น ทำการขัดถูใบหน้าประมาณ 5-10 นาที แล้วพักหน้าทิ้งเอาไว้ประมาณ 5 นาที จึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำเย็น

       4.ดื่มน้ำมะเขือเทศ การดื่มน้ำมะเขือเทศเป็นประจำทุกวันเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยทำให้ใบหน้าขาวใสขึ้นได้  แต่สำหรับคุณสาวๆที่พึ่งหัดทานน้ำมะเขือเทศใหม่ๆอาจจะยังทำใจรับกับรสชาติไม่ได้ จึงขอให้แนะนำว่าให้ลองผสมน้ำมะเขือเทศกับน้ำหวานเฮลบลูบอย หรือผสมกับยูนีฟสีเขียว 100 % จะช่วยทำให้มีรสชาติที่ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปัจจุบันก็มีน้ำมะเขือเทศสำเร็จรูปออกมาวางจำหน่ายอยู่เป็นจำนวนมาก จึงช่วยทุ่นเวลาในการเตรียมวัตถุดิบในการทำน้ำมะเขือเทศเพื่อดื่มเองของคุณสาวๆไปได้มากทีเดียว แต่สำหรับคุณสาวๆที่อยากทำน้ำมะเขือเทศดื่มด้วยตัวเองก็สามารถทำได้อย่างง่ายๆ เพียงแค่ล้างมะเขือเทศประมาณ 3-6 ผลให้สะอาด หั่นให้เป็นชิ้นพอประมาณ จากนั้นนำไปใส่เครื่องปั่นพร้อมกับเติมน้ำเชื่อม น้ำเปล่า เกลือ แล้วปั่นให้ละเอียด เพียงเท่านี้ก็จะสามารถได้น้ำมะเขือเทศที่พร้อมดื่ม และสำหรับในหน้าร้อนแบบนี้ ก็ยังสามารถประยุกต์เป็นน้ำมะเขือเทศปั่น โดยการเติมน้ำแข็งลงไปในระหว่างที่ทำการปั่นได้อีกด้วย

       5.การรับประทานมะเขือเทศสดๆ การรับประทานมะเขือเทศสดๆเป็นประจำทุกวัน วันละ 1-2 ผล นอกจากจะช่วยทำให้ใบหน้าขาวใสขึ้นแล้ว ยังช่วยในการลดความอ้วน และช่วยให้คุณสาวๆมีสุขภาพดีขึ้นอีกด้วย 

การรับประทานมะเขือเทศเป็นประจำทุกวันไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็จะช่วยทำให้คุณสาวๆมีสุขภาพผิวที่ดี มีใบหน้าขาวใสสีชมพูระเรื่อยแบบผิวของเด็ก นอกจากนี้การรับประทานมะเขือเทศก็ยังช่วยในการป้องกันโรคต่างๆ และช่วยให้มีสุขภาพที่ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

เคล็ดลับประยุกต์ใช้มะเขือเทศ ร่วมกับผลิตภัณฑ์เสริมความงามๆอื่นๆ เพื่อให้ผิวสดใส สวยมากยิ่งขึ้น
 ในยุคที่สิ่งแวดล้อมภายนอกเต็มไปด้วยมลภาวะและแสงแดด ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญได้อย่างในปัจจุบันนั้น ทำให้ผิวหน้าหน้าที่มีความบอบบาง ถูกทำร้ายและเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ทันรู้ตัว นอกจากนี้ ผิวที่ไม่แข็งแรงสมบูรณ์เนื่องจากขาดการปกป้องที่ดีนั้น ยังเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาของผิวอันไม่พึงประสงค์ต่างๆ อาทิเช่น  ริ้วรอย รอยเหี่ยวย่น  และรอยหมองคล้ำ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นศัตรูตัวฉกาจของความงามทั้งสิ้น
อย่าไรก็ตาม เราสามารถที่จะลดหรือป้องกันปัญหาเหล่านี้ให้น้อยลงได้ โดยการคืนความชุ่มชื้นให้กับชั้นผิวหนัง แต่หากใช้เพียงวิธีการดื่มน้ำเข้าไปในร่างกายตามปกติในชีวิตประจำวันนั้น ยังถือว่าไม่เพียงพอ เนื่องจากน้ำเหล่านั้นมักที่จะถูกนำไปใช้หล่อเลี้ยงอวัยวะส่วนอื่นๆภายในร่างกายจนหมด จนกระทั่งไม่เหลือมาถึงชั้นผิว ดังนั้นการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวโดยตรงจึงถือว่าสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของน้ำ ซึ่งมีคุณสมบัติในการคืนและคงความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อย่างยาวนานตลอดทั้งวัน ดังนั้นการใช้เพียงมะเขือเทศ ในการบำรุงรักษาผิวเพียงอย่างเดียวจึงถือว่าเป็นสิ่งที่ยังไม่เพียงพอ แต่ถ้าหากคุณสาวๆเข้าใจหลักการ และรู้จักการประยุกต์นำไปใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวดีๆสักชิ้นแล้วล่ะก็ ประสิทธิภาพในการบำรุงผิวหน้าก็ยิ่งมากขึ้น และให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างน่าตื่นตาตื่นใจเลยทีเดียว

        สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า

AESTA – ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน ออร์แกนิกเข้มข้น นำเข้าจากญี่ปุ่น)
Beauty24 Co.,Ltd.